The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by gbmmaj7, 2021-02-05 21:08:22

ปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง

ปลูกป่า 3 อย่างได้ประโยชน์ 4 อย่าง

ปลกู ป่า ๓ อยา่ ง ประโยชน์ ๔ อยา่ ง

รวบรวมขอ้ มูลโดย BadMan.Chanpen

ปลูกป่ า 3 อยา่ งไดป้ ระโยชน์ 4 อยา่ ง
การปลูกป่ า 3 อย่างไดป้ ระโยชน์ 4 อย่าง คือ การรู้จดั ใชท้ รัพยากรธรรมชาติดว้ ยพระ

ปรีชาญาณอยา่ งชาญฉลาดใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ปวงชนมากท่ีสุดยาวนานที่สุดและทวั่ ถึงกนั
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงแนะนาการปลูกป่ าใน
เชิงผสมผสาน ท้งั ดา้ นเกษตรวนศาสตร์และเศรษฐกิจสังคมไวเ้ ป็นมรรควธิ ีปลูกป่ าแบบลกั ษณะ
เบด็ เสร็จน้นั ไวด้ ว้ ย

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดารัส
ความวา่

“...ป่ าไม้ที่จะปลูกน้ัน สมควรท่ีจะปลูกแบบป่ าใช้ไม่หน่ึง ป่ าสาหรับใช้ผลหน่ึง ป่ า
สาหรับใชเ้ ป็ นฟื นอยา่ งหน่ึง อนั น้ีแยกออกไปเป็นกวา้ งๆใหญ่ๆ การที่จะปลูกตน้ ไมส้ าหรับได้
ประโยชน์ดังน้ี ในคาวิเคราะห์ของกรมป่ าไมร้ ู้สึกจะไม่ใช่ป่ าไม้ แต่ในความหมายของการ
ช่วยเหลือเพื่อตน้ น้าลาธารน้นั ป่ าไมเ้ ช่นน้ีจะเป็ นสวยผลไมก้ ต็ ามหรือเป็นสวนมฟื นกต็ ามนนั่
แหละเป็นป่ าไมท้ ่ีถูกตอ้ ง เพราะทาหนา้ ท่ีเป็นป่ า คือ เป็นตน้ ไมแ้ ละทาหนา้ ท่ีเป็นทรัพยากรใน
ดา้ นสาหรับใหผ้ ลที่มาเป็นประโยชนแ์ ก่ประชาชนได.้ ..”

ประโยชน์ทไี่ ด้รับ
ในการปลูกป่ า 3 อยา่ งน้นั พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ

บพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานพระราชาธิบายถึงประโยชน์ในการปลูกป่ าตาม
พระราชดาริวา่

“...การปลูกป่ า 3 อยา่ ง แต่ใหป้ ระโยชน์ 4 อยา่ ง ซ่ึงไดไ้ มผ้ ล ไมส้ ร้างบา้ น และไมฟ้ ื นน้นั
สามารถใหป้ ระโยชน์ไดถ้ ึง 4 อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตวั เองตามช่ืแลว้ ยงั สามารถให้
ประโยชนอ์ นั ที่ 4 ซ่ึงเป็นขอ้ สาคญั คือ สามารถช่วยอนุรักษด์ ินและตน้ น้าลาธารดว้ ย...”

พระราชดาริเพื่ออนุรักษแ์ ละฟ้ื นฟูป่ าไมด้ าเนินการในหลายส่วนราชการ ท้งั กรมป่ าไมแ้ ละ
ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอนั เนื่องมาจากพระราชดาริทุกแห่ง คือ การปลูกป่ าใชส้ อย โดยดาเนินการ
ปลูกพนั ธุ์ไมโ้ ตเร็วสาหรับตดั ก่ิงมาทาฟื นเผาถ่าน ตลอดจนไมส้ าหรับใช้ในการก่อสร้างและ
หัตถกรรมส่วนใหญ่ไดม้ ีการปลูกพนั ธุ์ไมโ้ ตเร็วเป็ นสวนป่ า เช่น ยูคาลิปตสั ข้ีเหล็ก ประดู่ แค
กระถินยกั ษ์ และสะเดา เป็นตน้
แปลความสรุปอยา่ งเขา้ ใจง่าย ปลูกไมใ้ หพ้ ออยู่ พอกิน พอใช้ อนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มและระบบนิเวศ

• พออยู่ หมายถงึ ไมเ้ ศรษฐกิจปลูกไวท้ าท่ีอยอู่ าศยั และจาหน่าย
• พอกนิ หมายถงึ ปลูกพืชเกษตรเพอ่ื การกินและสมุนไพร
• พอใช้ หมายถึง ปลูกไมไ้ วใ้ ชส้ อยโดยตรงและพลงั งาน เช่น ไมฟ้ ื น, และไมไ้ ผ่ เป็นตน้
• ประโยชน์ต่อระบบนิเวศ สร้างความสมบูรณ์และก่อใหเ้ กิดความหลากหลายทางชีวภาพ
ในพืน้ ทป่ี ่ า

โครงการปลกู ป่ า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
หลกั การและเหตุผล

1. ใหป้ ระชาชนปลูกตน้ ไมต้ ามแนวคิด ป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง
2. จดั รูปแบบการปลูกใหเ้ กิดคุณค่าและบูรณาการในพ้ืนที่ทากินเดิมใหม้ ีสภาพ
ใกล้เคยี งกบั ป่ า
3. สร้างมูลค่าตน้ ไมท้ ่ีปลูกทาใหเ้ ป็นทรัพย์ เพอ่ื ออมทรัพยแ์ ละใชแ้ กป้ ัญหาความยากจน

วธิ ีการดาเนินการ

1. การจดั แบ่งท่ีดินทากินเพ่ือใชป้ ลูกป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง จากพ้ืนที่ทากินอยเู่ ดิม
เป็นพ้ืนที่สวน ไร่หรือนา แบ่งพ้นื ที่ออกมาร้อยละ 30-50 โดยมีรูปแบบการจดั แบ่ง 3 รูปแบบ ดงั น้ี

1.1. พ้นื ท่ีจดั แบ่งปลูกป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง
จดั แบ่งโดยใชพ้ ้นื ที่รอบแนวเขตพ้ืนท่ีทากิน ปลูกในพ้นื ที่ร้อยละ 30-50

ตามแนวเขตแดนพ้นื ท่ี ทากินพ้นื ท่ีจดั แบ่งปลูกป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง
1.2. จดั แบ่งออกมาชดั เจนเป็นส่วน ปลูกในพ้นื ที่ร้อยละ 30-50 โดยจดั ส่วนอยู่
ดา้ นหน่ึงของพ้นื ที่จดั แบ่งเป็นริ้วหรือแถบตามความเหมาะสม
1.3. พ้ืนที่จดั แบ่งปลูกป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง

2. การจัดองค์ประกอบพนั ธ์ุไม้ตามวตั ถุประสงค์ โดยการปลูกพนั ธ์ุไม้ในพืน้ ทต่ี ามความ
2.1. ปลูก เพอ่ื ใหเ้ กิดความเพยี งพอในดา้ นพออยู่ เช่น การปลูกตน้ ไมส้ าหรับใช้
เน้ือไมม้ าปลูกสร้างอาคารบา้ นเรือนท่ีอยอู่ าศยั เช่น ไมต้ ะเคียนทอง, สัก,

ยางนา, มะฮอกกานี, กระทินเทพา, จาปาทอง ฯลฯ
2.2. ปลูกเพอ่ื ใหเ้ กิดความเพียงพอในดา้ นการพอกิน เช่นการปลูกตน้ ไมส้ าหรับ
ใชก้ ิน เป็นอาหารเป็นยาสมุนไพร เป็นเคร่ืองด่ืม ตลอดจนพชื ท่ีปลูก

เพือ่ การคา้ ขายผลผลิตเพอื่ ดารงชีพ เช่น ไมผ้ ลต่าง ๆ ไดแ้ ก่ เงาะ, ทุเรียน, มงั คุด, ลองกอง, มะม่วง
ฯลฯไมท้ ี่ใหผ้ ลผลิตเพอ่ื ขาย เช่น ปาลม์ , มะพร้าว, ฯลฯ

2.3. ปลูกเพ่ือใหเ้ กิดความเพียงพอในดา้ นการพอใช้ เช่น ปลูกตน้ สาหรับใชส้ อย
ในครัวเรือน ใชพ้ ลงั งาน ใชเ้ ป็นเครื่องมือต่าง ๆ ในการประกอบอาชีพ

ไดแ้ ก่ ไมไ้ ผ,่ หวายสาหรับจกั สานเป็นเคร่ืองเรือน ของใช้ ฯลฯไมโ้ ตเร็วบางชนิดที่ใชเ้ ป็นไมฟ้ ื น,
ถ่าน ไมพ้ ลงั งาน เช่น สบู่ดา, ปาลม์ ฯลฯไมท้ าเคร่ืองมือการเกษตร ไดแ้ ก่ การทาดา้ มจอบ, มีด,
ขวาน, ทารถเขน็ , โต๊ะ, เกา้ อ้ี, ตู้ ฯลฯ

องคป์ ระกอบตามวตั ถุประสงค์ ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
3. จดั โครงสร้างและลาดบั ช้นั ตน้ ไมใ้ นป่ า 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ ง

พนั ธุไ์ มใ้ หม้ ีสภาพใกลเ้ คยี งกบั ป่ า เพ่ือเป็นประโยชนต์ ่อความสมดุลของระบบนิเวศ โดยใหม้ ีช้นั
เรือนยอด 3 ช้นั ไดแ้ ก่ เรือนยอดช้นั บน เรือนยอดช้นั กลาง เรือนยอดช้นั ล่าง และหากจดั โครงสร้าง
ดา้ นการใชป้ ระโยชนจ์ ะเป็น 4 ระดบั คือ ช้นั บน ช้นั กลาง ช้นั ล่างและช้นั ใตด้ ิน ตามรูปแบบ
เกษตร 4 ช้นั , สวนโบราณ, สวนสมรม

3.1. ไมเ้ รือนยอดช้นั บนไดแ้ ก่ ไมท้ ่ีปลูกใชเ้ น้ือไมท้ าที่อยอู่ าศยั เช่น ตะเคียนทอง,
สัก, ยางนา, สะเดา, จาปาทอง ฯลฯ และไมท้ ่ีลาตน้ สูงและที่ลูกเป็ นอาหารได้ เช่น สะตอ, เหรียง,
กระทอ้ น, มะพร้าว หมาก ฯลฯ

3.3. ไมท้ ี่ปกคลุมผวิ ดิน ท้งั ท่ีเป็นอาหาร, สมุนไพรและของใช้ เช่น กาแฟ ผกั ป่ า
ชนิดต่าง, สมุนไพร เช่น มะม่วง, ขนุน, ชมพ,ู่ มงั คุด, ไผ,่ ทุเรียน, ลองกอง, ปาลม์ ฯลฯ

3.3. ไมท้ ี่ปกคลุมผวิ ดิน ท้งั ที่เป็นอาหาร, สมุนไพรและของใช้ เช่น กาแฟ ผกั ป่ า
ชนิดต่าง ๆ ชะพูล, มะนาว, หวาย, สบู่ดา ฯลฯ

3.4. พนั ธุพ์ ชื ท่ีใชป้ ระโยชนจ์ ากส่วนท่ีอยใู่ ตด้ ิน (พืชหวั )เป็นพืชท่ีปลูกเพือ่ ความ
พอเพียงในดา้ นการกิน ไดแ้ ก่ กลอย, ขิง ข่า, กระชาย, กระทือ ฯลฯ

ซ่ึงกระบวนการปลูกในรูปแบบดงั กล่าวจะไดพ้ นั ธุ์ไมท้ ่ีเกิดป่ า 3 อยา่ ง คือ ป่ าเพื่อพออยู่ ป่ า
เพ่ือพอกินและป่ เพ่ือพอใช้ และจะไดป้ ระโยชนเ์ พิ่มในดา้ นการรักษาสมดุลดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม

4. กระบวนการสร้างมูลค่าต้นไม้ ในโครงการปลูกป่ า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง
เป็นการใหค้ ุณค่าไม้ ใหเ้ ป็นมูลค่าเพื่อเกิดการพออยตู่ ามนยั ที่ ใหพ้ อรักษาท่ีดินทากิน

ให้อยู่กบั เจา้ ของผูท้ ากิน ให้เป็ นมูลค่าเพื่อการศึกษาเรียนรู้ ในการลดค่าใช้จ่ายจากพืชท่ีปลูกไว้
บริโภคเอง

5. พืน้ ทป่ี ลกู ป่ า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
5.1. ในพ้นื ท่ีทากินของประชาชนในชุมชนที่อยใู่ นหรือรอบแนวเขตป่ า
5.2. ชุมชนตน้ แบบเศรษฐกิจพอเพยี งตามความเหมาะสม
5.3. ในพ้ืนที่ใชป้ ระโยชน์ร่วมกนั ของชุมชน

สาหรับหลกั การปลูกป่ า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างน้ัน เป็ นการผสมผสานการ
อนุรักษท์ ้งั ดิน น้า และการฟ้ื นฟูทรัพยากรป่ าไมค้ วบคู่กบั ความตอ้ งการดา้ นเศรษฐกิจ โดยจาแนก
ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง สรุปใหเ้ ขา้ ใจง่าย ๆ ดงั น้ี

1. ป่ าไม้ใช้สอย หมายถึง ไมท้ ี่สามารถนามาใช้
ประโยชนไ์ ดอ้ เนกประสงคใ์ นการก่อสร้าง ทาเคร่ืองมือกสิกรรม
ทาเฟอร์นิเจอร์ ประดิษฐกรรมฟื นและถ่านฯ ซ่ึงชนิดไมท้ ี่ปลูก
สามารถตดั ฟันนามาใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นช่วงระยะเวลาอนั ส้ัน 5 – 10
ปี ส่วนใหญ่จะเน้นหนักพนั ธุ์ไมโ้ ตเร็วเป็ นหลกั แต่หากในบาง
พ้ืนท่ีท่ีมี การใชป้ ระโยชนไ์ มข้ นาดเลก็ เพื่ออุตสาหกรรม ประดิษฐ์
กรรม พนั ธุไ์ มม้ ีค่าเศรษฐกิจบางชนิดแลว้ เช่น ไมส้ ักกจ็ ดั เป็นไม้

ใชส้ อย ชนิดไมท้ ี่เหมาะสมสาหรับปลูกเป็นไมใ้ ชส้ อย ควรมีลกั ษณะดงั น้ี
1) เป็นชนิดไมท้ ี่หาพนั ธุไ์ ดง้ ่ายและโตเร็วในทอ้ งถ่ินน้นั มีเรือนยอดขนาดปานกลาง
2) ใหผ้ ลผลิตดา้ นเน้ือไมส้ ูงและมีกิ่งกา้ นมากพอสมควร
3) มีระบบรากค่อนขา้ งลึกเพ่อื ลดการแก่งแยง่ ธาตุอาหารจากพชื เกษตร และพน้

อนั ตรายจากการไถพรวน
4) ปลูกและบารุงรักษาไดง้ ่าย
5) มีอายกุ ารตดั ฟันในระยะส้ัน 5 – 15 ปี และมีความสามารถในการสืบต่อพนั ธุ์

โดยวธิ ีง่าย ๆ เช่น แตกหน่อได้ดี
6) เป็นชนิดไมท้ ่ีใหค้ ่าความร้อนสูงเพ่อื ใชเ้ ป็นฟื นถ่าน
7) เป็นไมท้ ่ีใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ อนกประสงค์ เช่น ใบ ดอก ผล ใชเ้ ป็นอาหารได้
8) สามารถช่วยใหก้ ารปรับปรุงดินไดด้ ี

การเลือกชนิดไมป้ ลูก นอกจากจะตอ้ งเป็นชนิดไมท้ ่ีควรมีลกั ษณะดงั กล่าวขา้ งตน้ แลว้ การ
เลือกชนิดไมป้ ลูกยงั จะตอ้ งคานึงถึงความตอ้ งการ ปัจจยั แวดลอ้ ม ของพนั ธุ์ไมช้ นิดน้นั ๆ โดยพนั ธุ์
ไม้แต่ละชนิดจะมีความต้องการปัจจัยแวดล้อมท่ีแตกต่างกัน ปัจจัยแวดล้อมที่สาคัญ และมี
ผลกระทบ ต่อการเจริญเติบโตของตน้ ไมป้ ระกอบดว้ ย สภาพภูมิอากาศ ดิน แมลงและเช้ือโรคการ
ที่ผูป้ ลูกไดท้ ราบขอ้ มูลว่าพนั ธุ์ไมช้ นิดใด ชอบข้ึนในสภาพแวดลอ้ ม อยา่ งไร จะเป็นประโยชนต์ ่อ
การเลือกชนิดไมป้ ลูกเป็นอยา่ งมาก ชนิดพนั ธุ์ไมเ้ ลือกปลูกอาจเป็นท่ีมีอยใู่ นทอ้ งถ่ินน้นั หรือนามา
จากแหล่งอื่น แต่ในทางปฏิบตั ิ ท่ีดี ควรเลือกชนิดพนั ธุ์ไมท้ อ้ งถิ่นเป็นอนั ดบั แรกเสียก่อน เพราะจะ
เป็ นวิธีการที่ประหยดั และปลอดภยั ที่สุด ส่วนการเลือกชนิดพนั ธุ์ไมต้ ่างถ่ินนามาปลูก ควรเป็ น
อนั ดบั รองและมีความแน่ใจข้ึนไดด้ ี ดงั น้นั การไดท้ ราบความตอ้ งการปัจจยั แวดลอ้ มของพนั ธุ์ไม้
บางชนิดเสียก่อน ก็จะเป็ นประโยชน์ต่อการตดั สินใจ เลือกชนิดไมป้ ลูก ไมโ้ ตเร็วในรูปของฟื น
และถ่านขณะน้ีความตอ้ งการเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชนใ์ นรูปแบบต่าง ๆ มีมากข้ึนอยา่ งรวดเร็วจน
ป่ าธรรมชาติมิอาจ สนองตอบไดท้ นั ท่วงที การปลูกไมไ้ วใ้ ชส้ อยสาหรับชุมชน จึงเกิดข้ึนอยา่ ง
มากมายทว่ั ทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะการปลูกไมโ้ ตเร็วสาหรับใชส้ อย และฟ้ื นฟูสภาพ
พ้นื ดินท่ีเส่ือมโทรมในปัจจุบนั ใหด้ ีข้ึน พนั ธุไ์ มท้ ่ีกรมป่ าไมไ้ ดแ้ นะนาใหป้ ระชาชนปลูก ไดแ้ ก่ ยคู า
ลิปตสั สนประดิพทั ธ์ กระถินยกั ษ์ สะเดา เล่ียน กระถินณรงค์ สะแก ข้ีเหลก็ สนทะเล และ
พทุ รา เป็นตน้

2. ป่ าไม้เศรษฐกจิ ไม้เป็ นวสั ดุซึ่งมนุษย์รู้จกั กนั อย่างแพร่
แพร่หลาย มีการนามาใชป้ ระโยชนเ์ ป็นเวลานาน ต้งั แต่อดีตจนถึง
ปัจจุบนั เน้ือไมเ้ ป็ นส่วนท่ีไดจ้ ากไมย้ ืนตน้ ซ่ึงนาไปใชส้ อยในรูป
ต่าง ๆ มากกวา่ ส่วนอ่ืน ส่วนของเน้ือไมอ้ าจแบ่งได้ 3 ลกั ษณะ

1. เนื้อไม้โดยตรง เช่น ไมก้ ระดาน ไมก้ ่อสร้างต่าง ๆ
เคร่ืองเรือน ฯลฯ

2. เซลล์ในเนื้อไม้ เช่น กระดาษ หีบห่อ ฯลฯ
3. อนูหรือสารเคมจี ากไม้ เช่น ยา กาวเคมี เคร่ืองนุ่งห่ม ไหมเทียม พลาสติก ฯลฯไมเ้ ป็นวสั ดุที่
ไดจ้ ากธรรมชาตินามาใชเ้ ป็นวสั ดุก่อสร้างและเคร่ืองใชต้ ่าง ๆ ได้ จากไมย้ นื ตน้ 3 ประเภท

1. ไม้ในรูปเขม็ พวกไม้สน (Pine)

2. ไม้ใบกว้าง ท่ีใชก้ นั ทว่ั ไปในบา้ นเราและรู้จกั กนั ดีทวั่ ไป เช่น ไมส้ ัก ไมย้ าง ฯลฯ

3. ไม้ไผ่และปาล์ม ไมไ้ ผเ่ ป็นท่ีรู้จกั กนั ดี ส่วนไมพ้ วกปาลม์ ไดแ้ ก่หวาย มะพร้าว

ตาล หมาก

ไม้ทเ่ี หมาะสมใช้ในงานก่อสร้างและการใช้สอยอื่น ๆ

1.เสา ไดแ้ ก่ เตง็ ตะเคียนทอง รัง แดง เคี่ยม มะค่าโมง ประดู่ เค่ียม

คะนอง สกั เขลง็ กนั เกรา หลุมพอ เลียงมนั ตีนนก

2.เสาเขม็ ไดแ้ ก่ เตง็ รัง ติว้ แตว้ พลวง ตะแบก สนทะเล สน

ประดิพทั ธ์ ยางพารา ยคู าลิปตสั

3.แบบหล่อคอนกรีต ไดแ้ ก่ กะบาก งิว้ สมพง เผงิ

4.หมอนรถไฟ ไดแ้ ก่ เตง็ รัง แดง มะค่าโมง กนั เกรา ตะเคียนชนั มะค่า

แต้ เลียงมนั เขลง็ พนั จา เค่ียม บุนนาค สกั ทะเล เคี่ยมคะนอง ซาก ตีนนก หลุมพอ

5.ไม้ขดี ไฟ ไม้จมิ้ ฟัน ไดแ้ ก่ มะกอก ตีนเป็ด ปออีเกง้ ปอ ฝ้าย ลุ่น กระเจา

ออ้ ยชา้ ง มะยมป่ า งิ้ว ไขเ่ นา สาโรง ซอ้

6.ด้ามเครื่องมือ ไดแ้ ก่ กระถินพิมาน ชิงชงั ฝรั่ง หลุมพอ กระพ้เี ขา ควาย

พลวง ชุมเห็ด เลียงมนั แดง แกว้ พะวา เหลาเตา เตง็ มะเกลือ ตะเคียน รกฟ้า พยงุ ตะแบก

7.เครื่องเรือน ไดแ้ ก่ ประดู่ ชิงชงั พยงุ มะเกลือ มะค่าโมง มะม่วงป่ า ยม

หอม ตาเสือ กนั เกรา จาปาป่ า ตะแบก เสลา สกั กระพ้เี ขาควาย ดาดง จนั ทร์ดง

3. ป่ าไม้กนิ ได้ ไม้ทุกชนิดมคี ุณสมบัติทใี่ ห้คุณค่าในทุก ๆ
ดา้ นไดอ้ ยา่ งเอนกประสงค์ และมีไมบ้ างชนิดมีคุณลกั ษณะเพิ่มเติม
สามารถใหป้ ระโยชน์ที่ใชส้ ่วนต่าง ๆ เป็นอาหารได้ แบ่งออกเป็น
5 ประเภท ดงั น้ี

1) ประเภทท่ีกินใบและยอดอ่อน ไดแ้ ก่ กนั เกรา ข้ีเหลก็
บา้ น ถ่อน เพกา มะกอกป่ า มะม่วงป่ า สะเดา สะตอ หวา้ ฯลฯ

2) ประเภทท่ีกินดอก ไดแ้ ก่ ข้ีเหลก็ บา้ น พะยอม เพกา
สะเดา ฯลฯ
3) ประเภททก่ี นิ ผล ได้แก่ นางพญาเสือโคร่ง มะกอกป่ า มะเกลือ มะขามป้อม มะม่วงป่ า ฯลฯ
4) ประเภททก่ี นิ ฝัก ได้แก่ แดง เพกา มะค่าแต้ มะค่าโมง สะตอ เหรียง ฯลฯ
5) ประเภททกี่ นิ หวั ราก หน่อ และอื่น ๆ ได้แก่ ไผต่ ่าง ๆ สีเสียดแก่น หวาย นนทรีป่ า

ประเภทและลกั ษณะการเจริญเติบโตของไม้

การเจริญเติบโตของพนั ธุ์ไม้ ลกั ษณะเฉพาะพนั ธุ์ไมท้ ี่สาคญั ซ่ึงเป็นตวั แทนของไมแ้ ต่ละ

ประเภท เพอื่ ประกอบการพิจารณาและตดั สินใจปลูก โดยแยกกลุ่มชนิดพรรณไมต้ ามลกั ษณะการ

เจริญเติบโตภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมของไมแ้ ต่ละชนิด ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยพิจารณาเม่ือ

ตน้ ไม้ มีอายแุ ละโตไดข้ นาดเส้นรอบวงที่ระดบั อก 100 ซม. หรือมีขนาดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 30 ซม.

ซ่ึงเป็นขนาดจากดั ที่เริ่มนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ดงั น้ี

1. ไมโ้ ตเร็วมาก คือ ไมท้ ่ีใชเ้ วลาในการเจริญเติบโตจนถึงขนาดท่ีกาหนด เมื่ออายุ

5 - 10 ปี โดยมีอตั ราการเจริญเติบโตทางเสน้ รอบวงมากกวา่ 5 ซม.ต่อปี หรือมีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง

เพ่ิมข้ึนมากกวา่ ปี ละ 1.5 ซม. เช่นไมส้ ะเดาเทียม ตะกู เล่ียน กระถินณรงค์ กระถินเทพา ยคู า

ลิปตสั คามาลดูเลนซิส

2. ไมโ้ ตเร็ว คือ ไมท้ ี่ใชเ้ วลาในการเจริญเติบโตจนถึงขนาดที่กาหนดประมาณ

10 – 15ปี โดยมีอตั ราการเจริญเติบโตทางเส้นรอบวงปี ละประมาณ 5 ซม. หรือมีเส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง

ของลาตน้ ท่ีระดบั อกเพิ่มข้ึนปี ละ 1.5 ซม. ไดแ้ ก่ ไมส้ ะเดา ข้ีเหลก็ ถ่อน สีเสียดแก่น โกงกาง สน

ทะเล สนประดิพทั ธ์

3. ไมโ้ ตปรกติ คือ ไมท้ ี่ใชเ้ วลาในการเจริญเติบโตจนถึงขนาดท่ีเร่ิมใชป้ ระโยชน์

ไดเ้ ม่ืออายุ 15 – 20 ปี โดยมีอตั ราการเจริญเติบโตทางเส้นรอบวง 2.5 – 4 ซม./ปี หรือมีเส้นผา่ ศูนย์

กลางเพมิ่ ข้ึน 0.8 – 1.2 ซม./ปี ไดแ้ ก่ ไมส้ กั สนสามใบ สนคาริเบีย

4.ไมโ้ ตค่อนขา้ งชา้ คือ ไมท้ ่ีใชเ้ วลาในการเจริญเติบโตจนถึงขนาดจากดั ต่าสุดท่ีเร่ิม

ใชป้ ระโยชนไ์ ด้ (เส้นรอบวงของลาตน้ ที่ระดบั อก 100 ซม.) เมื่ออายุ 20 – 25 ปี โดยมีอตั ราการ

เจริญเติบโตทางเส้นรอบวง 1.0 – 2.5 ซม./ ปี หรือมีอตั ราการเจริญเติบโตทางเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง

0.3 - 0.8 ซม./ปี ไดแ้ ก่ ไมป้ ระดู่ ยางนา แดง หลุมพอ

5. ไมโ้ ตชา้ คือ ไมท้ ่ีมีอายตุ ดั ฟัน 25 – 30 ปี จึงจะโตไดข้ นาดจากดั ท่ีสามารถ

นาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ โดยมีอตั ราการเจริญเติบโตทางเส้นรอบวงร้อยกวา่ 1 ซม./ปี หรือมีเสน้ ผา่

ศูนยก์ ลางเพ่มิ ข้ึนนอ้ ยกวา่ 0.3 ซม./ปี เช่น ไมต้ ะเคียนทอง พะยงู ชิงชนั มะค่าโมง เตง็ รัง

ขอบคุณข้อมูลจาก
สานกั งานคระกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอนั เน่ืองมาจาก

พระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) และ ประเทศสีเขียว Green Country Project

ขอบคุณข้อมูลจาก
ส่วนประสานงานโครงการพระราชดาริ ต.ป่ ามะม่วง อ.เมือง จ.ตาก 63000

โทร.0-5551-1142 ต่อ 151 แฟกซ์ 0-5551-1142 ต่อ 209
E-Mail : [email protected]


Click to View FlipBook Version