The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2023-02-22 01:10:09

มัทนะพาธา

มัทนะพาธา

มัทนะพาธา


สมาชิกในกลุ่ม นายภาสวุฒิ รุ่นเรือง เลขที่ ๓ นายธีรดนย์ ลิมปิษเฐียร เลขที่ ๑๑ นางสาวธันย์ชนก กาญชนะพันธ์ เลขที่ ๒๐ นางสาวสาธิดา คงเกิด เลขที่ ๒๑ นางสาวอนงค์รดี สุขสวัสดิ์ เลขที่ ๒๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๕


ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้า อยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ พระองค์ทรงกล่าวถึงที่มาของชื่อมัทนาว่า “ ...ก่อนได้ทราบว่าดอก กุหลาบเรียกว่าอย่างไรในภาษาสันสกฤตนั้น ข้าพเจ้าได้นึกไว้ว่าจะให้ชื่อ นางเอกในเรื่องนี้ตามนามแห่งดอกไม้ แต่เมื่อได้ทราบแล้วว่าดอกกุหลาบ คือ “กุพชกะ” เลยต้องเปลี่ยนความคิด เพราะถ้าแม้ว่าจะให้ชื่อนางว่า “กุพ ชกะ” ก็จะกลายเป็นนางค่อมไป ข้าพเจ้าจึงค้นหาดูศัพท์ต่างๆ ที่พอจะใช้เป็น นามสตรี ตกลงเลือกเอา “มัทนา” จากศัพท์ “มทน” ซึ่งแปลว่าความลุ่ม หลงหรือความรัก เผอิญในขณะที่ค้นนั้นเองก็ได้พบศัพท์ “มทนพาธา” ซึ่งโม เนียร์ วิลเลียมส์ แปลไว้ว่า “the pain or disquietude of love” (ความเจ็บ ปวดหรือเดือดร้อนแห่งความรัก” ซึ่งข้าพเจ้าได้ฉวยเอาทันที เพราะเหมาะกับ ลักษณะแห่งเรื่องที่เดียว เรื่องนี้จึงได้นามว่า “มัทนะพาธาหรือตำ นานแห่ง ดอกกุหลาบ” ด้วยประการฉะนี้.... ”


บทละครพูด คำ ฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา


(มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม, พิณพาทย์ทำ เพลงตระสันนิบาต. ทุก ๆ คนตั้งตาคอยมองดู พอถึงรัวท้ายตระ มัทนาเดินออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใคร และกิริยาอาการเป็นอย่างคนที่ยังหลับอยู่, และพูดหรือแสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดีแต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ ไม่ยิ้มแย้มก็ชะงัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.) [สุรางคณา, ๒๘.] สุเทษณ์ นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา มายาวิน นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา แต่ว่าตูข้า จะแก้บัดนี้ (พูดสั่งมัทนา) ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลศรี ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด, นางจงทำ นูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้ ; เข้าใจมิเข้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน. มัทนา เข้าใจละเจ้าข้า, ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น ตรัสมาดิฉันพลัน จะเฉลยพระวาที [วสันตะดิลก, ๑๔.] สุเทษณ์ อ้าโฉมวิไลยะสุปริยา มะทะนาสุรางค์ศรี, พี่รักและกอบอภิระตี บมิเว้นสิเน่ห์นัก ; บอกหน่อยเถิดว่าดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมัครรัก


มัทนา ตูข้าสมัครฤมิสมัคร ก็มิขัดจะคล้อยตาม. สุเทษณ์ จริงฤานะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ? มัทนา ข้าขอแถลงวะจะนะตาม สุระเทวะโปรดปราน. สุเทษณ์ รักจริงมิจริง ฤ ก็ไฉน อรไทบ่แจ้งการ? มัทนา รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด? สุเทษณ์ พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ้งไป. มัทนา พระรักสมัครณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย? สุเทษณ์ ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย. มัทนา ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ? สุเทษณ์ โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา บมิตอบพะจีพอ? มัทนา โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี! สุเทษณ์ เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ มะทะนาบเปรมปรีดิ์. มัทนา แม้ข้า บ เปรมปฺริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสียแรง. สุเทษณ์ โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิศ บมิควรจะใจแข็ง มัทนา โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละก็จำ จะแข็งใจ. สุเทษณ์ หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจ้าจะว่าไร? มัทนา ข้าบาทจะขัดฤก็มิได้ ผิพระองค์จะทรงปอง.


สุเทษณ์ ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบน้อง มัทนา เต็มใจมิเต็มใจดนูก็ต้อง ปฏิบัติระเบียบดี. [สุรางคณา,๒๘.] สุเทษณ์ น่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึ่งเป็นเช่นนี้? ดูราวละเมอ เผลอเลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ, คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป. ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนต์. มายาวิน เทวะ,ที่นาง อาการเป็นอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์; โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ แต่จะบังคับ ใครใครให้กลับ มโนวิญญาณ, ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเป็นการ สุดพ้นวิสัย กว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้ นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ข้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา. มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึงขัด ซึ่งพระอัชฌา, บังคับให้ยอม ประนอมเป็นข้า บาทบริจา ริกาเทวัญ.


สุเทษณ์ อ๊ะ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น! เสียแรงเรารัก สมัครใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครรักตอบ. ผูกจิตรด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ, เราไฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ. ฉะนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำ ไร, หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ รีบคลายมนตรา. มายาวิน เอวํ เทวะ. (พะย่ะค่ะ ท่านเทวะ) (มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้) [วิชฺชุมาลา, ๘.] มายาวิน อันเวทอาถรรพณ์ ที่พันผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร อยู่บัดนี้นา จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย! [ฉบงง, ๑๖.] (พิณพาทย์ทำ เพลงรัว มายาวินยกมือไหว้ แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อยๆรู้สึกตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน,ได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้) สุเทษณ์ อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร ไหนไหนก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน จะรนและรีบไปไหน?


มัทนา เทวะ,อันข้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำ นึกสักนิด; จำ ได้ว่าข้าสถิต ในสวนมาลิศ และลมรำ เพยเชยใจ, แต่อยู่ดีดีทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี. ฉันใดมาได้แห่งนี้? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มข้ามา? ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษข้า ผู้บุกรุกถึงลานใน สุเทษณ์ อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์; พี่เองใช้มายาวิน ให้เชิญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพณ มัทนา เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำ เช่นนั้น ให้ข้าพระบาทต้องอาย แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦๅสาย พระองค์จงทรงปรานี. [อินทวงส์, ๑๒.] สุเทษณ์ อ้ายอดสิเนหา มะทะนาวิสุทธิศรี, อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง พี่นี้นะรักเจ้า และจะเฝ้าประคับประคอง คู่ชิดสนิทน้อง บ่มิให้ระคางระคาย. พี่รักวะธุนวล บ่มิควรระอาละอาย, อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรัก


ธาดาธสร้างองค์ อรเพราะพิสุทธิสรรพ์ ไว้เพื่อจะผูกพัน ธนะจิตตะจองฤดี. อันพี่สิบุญแล้ว ก็เผอิญประสบสุรี และรักสมัครมี มนะมุ่งทะนุถนอม. ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดีประนีประนอม. รับรักและยินยอม ดนุรักสมัครสมาน. หากนางมิข้องขัด ประดิพัทธ์ประสมประสาน ทั้งสองจะสุขนาน มนะจ่อบจืดบจาง. อ้าช่วยระงับดับ ทุขะพี่ระคายระคาง; พี่รักอนงค์นาง ผิมิสมฤดีถวิล เหมือนพี่มิได้คง วรชีวะชีวิตินทรีย์ไซร้บ่ไฝ่จิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม. ชีพอยู่ก็เหมือนตาย เพราะมิวายระทวยระทม ทุกข์ยากและกรากกรม อุระช้ำ ระกำ ทวี อ้าฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี พอให้ดนูนี้ สุขะรื่นระเริงระรวย (มัทนาร้องไห้ พิณพาทย์ทำ เพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ) [วสันตะดิลก, ๑๔.] มัทนา ฟังถ้อยดำ รัสมะธุระวอน ดนุนี้ผิเอออวย. จักเป็นมุสาวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง.


อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง, หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก แต่หากฤดีบอะภิรมย์ จะเฉลยฉะนั้นจัก เป็นปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป. ตูข้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา. อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคุณครัน ดังนี้คะนึง ฤ ก็ระบม อุระแห่งกระหม่อมฉัน ที่ตน บ อาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา ให้ถูกประดุจสุระประสงค์ ผิวะทรงพระโกรธา, หมฺ่อมฉันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน. [อินทวงศ์, ๑๒.] สุเทษณ์ ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรักสมัครสมาน มีคู่สะมรมาน อภิรมย์ฤเป็นไฉน? [วสันตะดิลก, ๑๔.] มัทนา หม่อมฉันบมีบุรุษผู้ ประดิพัทธะใดใด เป็นโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมย์ฤสมรส.


[อินทวงศ์, ๑๒.] สุเทษณ์ เช่นนั้นก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์, เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรจะฤดีจะดำ [วสันตะดิลก, ๑๔.] มัทนา หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย ก็สำ นึกเสนาะคำ , แต่ต้องทำ นูลวะจะนะซ้ำ ดนุจะได้ทำ นูลมา [อินทวงศ์, ๑๒.] สุเทษณ์ นี่เจ้ามิยอมรับ รสะรักฉะนั้นฤจ๋า? ตัวฉันจะเลวสา- หะสะด้วยประการไฉน [วสันตะดิลก, ๑๔.] มัทนา อ้าองค์พระผู้สุระวิศิษฏ์, พระจะผิดสะถานใด? หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ อนุวัตน์พระบัณฑูร. [อินทวงศ์, ๑๒.] สุเทษณ์ ยิ่งฟังพะจีศรี ก็ระตีประมวลประมูล, ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะทัย! อ้าเจ้าลำ เพาพักตร์ สิริลักษณาวิไล, พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์.


[วสันตะดิลก, ๑๔.] มัทนา โอ้โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ วรศัพทะท่านทรง อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- คะณตัวกระหม่อมฉัน อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคุณอเนกนั้น จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ สุจริตประติชฺญา ให้พระองค์อะมะระเท- วะเสวยประโมทา หม่อมฉันจะขอประณตะลา สุระราชลิลาศไป [ฉบงง, ๑๖.] สุเทษณ์ ช้าก่อน! หล่อนจะไปไหน? มัทนา หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำ คาญ สุเทษณ์ ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำ คาญ? มัทนา หม่อมฉันสังเกตเองเห็น สุเทษณ์ เออ! หล่อนนี้มาล้อเล่น อันตัวพี่เป็น คนโง่ฤาบ้าฉันใด? มัทนา หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ ก็ บ มิทรงเชื่อเลย กลับทรงดำ รัสตรัสเฉลย ชวนชักชมเชย และชิดสนิทเสนหา พระองค์ทรงเป็นเทวา ธิบดีปรา กฏเกียรติยศเกรียงไกร มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี


จะโปรดปรานข้าบาทนี้ สักกี่ราตรี? และเมื่อพระเบื่อข้าน้อย, จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ? หม่อมฉันนี้เป็นผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ, ถึงแม้จะเป็นชายใด ขอสมพาสไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต. ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดข้าน้อยนิด, ข้าบาทขอบังคมลา [กมล, ๑๒.] สุเทษณ์ (ตวาด) อุเหม่! มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจำ นรรจา, ตะละคำ อุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ ดนุถามเจ้าก็ไซร้ บมิตอบณคำ ถาม, วนิดาพยายาม กะละเล่นสำ นวนหวน. ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน, ผิวะให้อนงค์นวล ชนะหล่อนทะนงใจ. บ่ มิยอมจะร่วมรัก และสมัครสมรไซร้, ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาสสวรรค์


ผิวะนางเผอิญชอบ มรุอื่นก็ข้าพลัน จะทุรนทุรายศัล- ยะบ่อยากจะยินยล; เพราะฉะนั้นจะให้นาง จุติสู่ณแดนคน, มะทะนาประสงค์ตน จะกำ เนิดณรูปใด? ทวิบทจะตูร์บาท ฤจะเป็นอะไรไซร้, วธุเลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร; จะสถิตฉะนั้นกว่า จะสำ นึก ณ โทษทัณฑ์ และผิวอนดนูพลัน จะประสาทพระพรให้ ฺวนิดาจรัลกลับ ณ ประเทศสุราลัย; ก็จะชอบสะถานใด วธุตอบดนูมา. [สาลินี, ๑๑.] มัทนา อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง พระจะลงพระอาญา ข้าเป็นแต่เพียงข้า บมิมุ่งจะอวดดี. หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบ่พึงมี, จึ่งไม่ได้รองศรี วรบาทพระจอมแมน. อันทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน คุณท่านที่มากแสน คณนาประมวลมี. อันโปรดให้เลือกตาม ฤดิข้าณบัดนี้, ขอเป็นซึ่งมาลี รุจิเรขวิไลวรรณ,


สุดแท้แต่จอมสรวง จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์ ขอเพียงให้มีคัน- ธะระรื่นระรวยหอม. ด้วยกลิ่นของข้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม ใจนิตย์บูชาจอม สุระบ่มบำ เพ็ญบุญ, ข้าขอแต่เพียงให้ มรุทรงพระการุญ. ให้ข้าได้ทำ คุณ และประโยชน์บ่อยู่หมัน [ฉบงง, ๑๖.] สุเทษณ์ ที่เจ้างอนง้อข้อนั้น เราจะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจนต์. ดูราท่านมายาวิน, นางนี้ถวิล จะถือรูปเป็นมาลี. ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล? แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ. มายาวิน เทวะ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำ รัสนั้นมี ในนันทะโนทยานศรี, องค์พระศจี ธโปรดเป็นยอดมาลา. เห็นมีแต่ในฟากฟ้า, ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน. สุเทษณ์ ไม้นี้มีนามฉันใด? ท่านจงเล่าให้ เราทราบซึ่งลักษณ์แถลง [อินทะวิเชียร, ๑๑.] มายาวิน ไม้เรียกผะกากุพฺ- ชะกะสีอรุณแสง ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย; ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย, อยู่ทน บ วางวาย มธุรสขจรไกล


อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้ ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน. อันกุพฺชะกาหอม บริโภคอร่อยเพลิน, รสหวานสิหวานเชิญ นรลิ้มเพราะเลิศรส; กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด, คือลมและดีลด ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์; อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์, เย็นในอุราพลัน, และระงับพยาธี [ฉบงง, ๑๖.] สุเทษณ์ ดีละ จะให้มารศรี เป็นดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด? มัทนา ไหนไหนจะเป็นดอกไม้ หม่อมฉันพอใจ เป็นดอกที่ออกนามมา ข้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้. สุเทษณ์ ด้วยอำ นาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวลมี ณ ตัวกูผู้แรงหาญ กูสาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิศ สู่แดนมนุษย์และเกิด เป็นมาลีเลิศ อันเรียกว่ากุพฺชะกะ ให้เป็นเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เป็น มนุษย์อยู่กำ หนดมี เพียงหนึ่งทิวาราตรี แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด บมีสุขา รมย์เพราะเริดร้างรัก


และนางเป็นทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป, เมื่อนั้นผิว่าอรทัย กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์ [จิตระปทา, ๘.] นางมทะนา จุติอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์, ไปเถอะกำ เนิด ณ หิมาวัน ดั่งดนุลั่น วจิสาปไว้! (พิณพาทย์ทำ เพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวววาววาบตลอดเพลงถึงรัว ท้าย มัทนาร้องกรี๊ด และล้มลงกับพื้น) (ปิดม่าน)


อธิบายคำ ศัพท์ กระบิดกระบวนความ หมายถึง พูดอย่างมีชั้นเชิง กุพชะกะ หมายถึง ดอกกุหลาบ คันธะ หมายถึง กลิ่น กอบ หมายถึง ปรารถนาจะได้ครอบครอง ธาดา หมายถึง พระพรหม จะตูร์บาท หมายถึง จตุรบท สัตว์สี่เท้า ทวิบท หมายถึง สัตว์สองเท้าหรือมนุษย์ ประจิต หมายถึง สร้าง ประดิพัทธ์ หมายถึง ความรักใคร่ผูกพัน ประติชญา หมายถึง คำ มั่นสัญญา มรุ หมายถึง เทวดา มาลิส หมายถึง ดอกไม้ แมน หมายถึง เทวดา ยุบล หมายถึง ข้อความ โยคะ หมายถึง อำ นาจจากการบำ เพ็ญสมาธิตามแบบ นักบวชพราหมณ์ วิชชุ หมายถึง สายฟ้า วิศิษฏ์ หมายถึง ดีเลิศ ศจี หมายถึง ชื่อชายาองค์หนึ่งของพระอินทร์ ศัลยะ หมายถึง เป็นทุกข์ สมพาส หมายถึง ร่วมรัก สิทธิ์ หมายถึง สำ เร็จ สุรี หมายถึง นางฟ้า อยู่หมัน หมายถึง อยู่อย่างไม่มีประโยชน์


ถอดบทละครพูดคำ ฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา เมื่อท้าวชัยเสนตามมาถึงในป่า นางปริยัมวะทาที่ตามมาปรนนิบัติดูแลนางมัทนาด้วยก็ทูล เล่าความทั้งสิ้นให้ทรงทราบ ท้าวชัยเสนจึงร้องร่ำ ให้ด้วยความอาลัยรักแล้วขอให้พระฤๅษี ช่วยโดยใช้มนตราและกล่าวเชิญนางมัทนาให้ยินยอมกลับเข้าไปยังเวียงวังกับตนอีกครา เมื่อพระฤาษีทำ พิธีแล้ว ท้าวชัยเสนก็รำ พันถึงความหลงผิดและความรักที่มีต่อนางมัทนา ให้ต้นกุหลาบได้รับรู้ จากนั้นจึงสามารถขุดต้นกุหลาบได้สำ เร็จ ท้าวชัยเสนได้นำ ต้นกุหลาบขึ้น วอทองเพื่อนำ กลับไปปลูก ในอุทยานและขอให้ฤๅษีกาละทรรศินให้พรวิเศษว่ากุหลาบจะยัง คงงดงามมิโรยรา ตราบจนกว่าตัวพระองค์เองจะสิ้นอายุขัย พระฤๅษีก็อวยพรให้ดังใจ และ ประสิทธิประสาทพรให้กุหลาบนั้นดำ รงอยู่คู่โลกนี้มิมีสูญพันธ์ อีกทั้งยังเป็นไม้ดอกที่กลิ่นอัน หอมหวานสามารถช่วยดับทุกข์ในใจคนและดลบันดาลให้จิตใจเบิกบานเป็นสุขได้ นางมัทนาไป จุติเป็นกุหลาบงามอยู่ในป่าหิมะวัน บรรดาศิษย์ของฤๅษีนามกาละทรรศิน มาพบเข้าจึงนำ ความ ไปบอกพระอาจารย์ กาละทรรศินจึงให้ขุดไปปลูกในบริเวณอาศรมของตน ในขณะที่จะทำ การ ขุดก็มีเสียงผู้หญิงร้อง กาละทรรศินเล็งญาณดูก็รู้ว่าเป็นเทพธิดามาจุติจึงได้ เอ่ยเชิญและสัญญา ว่าจะคอยดูแลปกป้องสืบไป เมื่อนั้นการจึงสำ เร็จด้วยดี วันเพ็ญในเดือนหนึ่ง ท้าวชัยเสนกษัตริย์แห่งหัสตินาปุระได้เสด็จออกล่าสัตว์ในป่าหิมะ วันและได้แวะมาพักที่อาศรมพระฤษี ครั้นได้เห็นนางมัทนาในโฉมของนารีผู้งดงามก็ถึงกับตะลึง และตกหลุมรัก จนถึงกับรับสั่งให้มหาดเล็กปลูกพลับพลาพักแรมไว้ใกล้ อาศรมนั้นทันที ท้าว ชัยเสนได้แต่รำ พันถึงความรักลึกซึ้งที่มีต่อนางมัทนา ครั้นเมื่อนางมัทนาออกมาที่ลานหน้าอาศรมก็มิเห็นผู้ใด ด้วยเพราะท้าวชัยเสนหลบไปแฝง อยู่หลังกอไม้ นางมัทนาจึงได้พรรณาถึงความรักที่เกิดขึ้นในใจอย่างท่วมท้นต่อท้าวชัยเสนบ้าง ท้าวชัยเสนซึ่งหลบอยู่จึงได้สดับฟังทุกถ้อยความจึงเผยตัวออกมา ทั้งสองจึงกล่าวถึงความ รู้สึกอันล้ำ ลึกในใจที่ตรงกัน จนเข้าใจในรักที่มีต่อกัน จากค่ำ คืนถึงยามรุ่งอรุณ ท้าวชัยเสนจึง ทรงประกาศหมั้นและคำ สัญญารัก ณ ริมฝั่งลำ ธารใกล้อาศรมนั้น มัทนาก็ยังคงรูปเป็นนารีผู้ งดงาม มิต้องกลายรูปเป็นกุหลาบอีก ท้าวชัยเสนได้ทูลขอนางมัทนา พระฤาษีก็ยกให้โดยให้ จัดพิธีบูชาทวยเทพและพิธีวิวาห์ มงคลในป่านั้นเสียก่อน


ถอดบทละครพูดคำ ฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ท้าวชัยเสนเสด็จกลับวังหลายเพลาแล้วแต่ก็มิได้เสด็จไปยังพระตำ หนักข้างใน ด้วยว่ายัง ทรงประทับอยู่แต่ในอุทยาน พระนางจัณฑีซึ่งเป็นมเหสีให้นางกำ นัลมาสืบดูจนรู้ว่า พระสวามี นำ สาวชาวป่ามาด้วย จึงตามมาพบท้าวชัยเสนกำ ลังอยู่กับนางมัทนาพอดี เมื่อพระนางจัณฑี เจรจาค่อนขอดดูหมิ่นนางมัทนา ท้าวชัยเสนก็กริ้วและทรงดุด่าว่าเป็นมเหสีผู้ริษยา พระนาง จัณฑีแค้นใจนักให้คนไปทูลฟ้องพระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งมคธนครให้ยกทัพมาทำ ศึกกับท้าวชัยเสน จากนั้นก็คบคิดกับนางค่อมอราลีและให้วิทูรพราหมณ์ หมอเสน่ห์ทำ อุบายกลั่นแกล้งนางมัทนา โดยส่งหนังสือไปทูลท้าวชัยเสนว่านางมัทนาป่วย ครั้นเมื่อท้าวชัยเสนรีบเสด็จกลับมาเยี่ยมนางมัทนา ก็กลับพบหมอพราหมณ์กำ ลังทำ พิธี อยู่ใกล้ๆ ต้นกุหลาบ วิทูรกับนางเกศินีข้าหลวงของนางจัณฑีจึงทูลใส่ความว่านางมัทนาให้ทำ เสน่ห์เพื่อให้ได้ร่วมชื่นชูสมสู่กับศุภางค์ ทหารเอกท้าวชัยเสน พระองค์ทรงกริ้วหนัก รับสั่งให้ ศุภางค์ประหารนางมัทนาแต่ศุภางค์ไม่ยอมท้าวชัยเสนจึงสั่งประหารทั้งคู่พระนางจัณฑีได้โอกาส รีบเข้ามาทูลว่าตนจะอาสาออกไปห้ามศึกพระบิดาซึ่งคงเข้าใจผิดว่านางกับท้าวชัยเสนนั้นบาด หมางกัแต่ท้าวชัยเสนตรัสว่าทรงรู้ทันอุบายของนางที่คิดก่อศึกแล้วจะห้ามศึกเอง พระองค์จะ ขอออกทำ ศึกอีกคราแล้วตัดหัวกษัตริย์มคธพ่อตาเอามาให้นางผู้ขบถต่อสวามีตนเอง ขณะตั้งค่ายรบอยู่ที่นอกเมือง วิทูรพรหมณ์เฒ่าได้มาขอเข้าเฝ้าท้าวชัยเสนเพื่อสารภาพ ความทั้งปวงว่าพระนางจัณฑีเป็นผู้วางแผนการร้ายซึ่ง ในที่สุดแล้วตนสำ นึกผิด และละอายต่อ บาปที่เป็นเหตุให้คนบริสุทธิ์ต้องได้รับโทษประหาร ท้าวชัยเสนทราบความจริงแล้วคั่งแค้นจน ดำ ริจะแทงตนเองให้ตาย แต่อำ มาตย์นันทิวรรธนะเข้าห้ามไว้ทันและสารภาพว่าในคืนเกิดเหตุ นั้นตนละเมิดคำ สั่งมิได้ประหารศุภางค์และนางมัทนา หากแต่ได้ปล่อยเข้าป่าไป ซึ่งนางมัทนานั้น ได้โสมทัต ศิษย์เอกของฤษีกาละทรรศินนำ พากลับสู่อาศรมเดิม แต่ศุภางค์นั้นแฝงกลับเข้าไป ร่วมกับกองทัพแล้วออกต่อสู้กับข้าศึกจนตัวตาย


ถอดบทละครพูดคำ ฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ท้าวชัยเสนจึงรับสั่งให้ประหารท้าวมคธที่ถูกจับมาเป็นเชลยไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนพระนาง จัณฑีมเหสีนั้นทรงให้เนรเทศออกนอกพระนคร ด้วยทรงเห็นว่าอันนารีผู้มีใจมุ่งร้ายต่อผู้เป็น สามี ก็คงต้องแพ้ภัยตนเอง มิอาจอยู่เป็นสุขได้นานแน่ ฝ่ายนางมัทนานั้นได้ทำ พิธีบูชาเทพและวอนขอร้องให้สุเทษณ์จอมเทพช่วยนาง ด้วย สุเทษณ์นั้นก็ยินดีจะแก้คำ สาปและรับนางเป็นมเหสีแต่นางมัทนาก็ยังคงปฏิเสธ และอ้าง ว่า อันนารีจะมีสองสามีได้อย่างไร สุเทษณ์เห็นว่านางมัทนายังคงปฏิเสธความรักของตนจึง กริ้วนักสาปส่งให้นางมัทนาเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล มิอาจกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อีกต่อ ไป เมื่อท้าวชัยเสนตามมาถึงในป่า นางปริยัมวะทาที่ตามมาปรนนิบัติดูแลนางมัทนาด้วยก็ ทูลเล่าความทั้งสิ้นให้ทรงทราบ ท้าวชัยเสนจึงร้องร่ำ ให้ด้วยความอาลัยรักแล้วขอให้พระฤๅษี ช่วยโดยใช้มนตราและกล่าวเชิญนางมัทนาให้ยินยอมกลับเข้าไปยังเวียงวังกับตนอีกครา เมื่อพระฤาษีทำ พิธีแล้ว ท้าวชัยเสนก็รำ พันถึงความหลงผิดและความรักที่มีต่อนาง มัทนาให้ต้นกุหลาบได้รับรู้ จากนั้นจึงสามารถขุดต้นกุหลาบได้สำ เร็จ ท้าวชัยเสนได้นำ ต้น กุหลาบขึ้นวอทองเพื่อนำ กลับไปปลูก ในอุทยานและขอให้ฤๅษีกาละทรรศินให้พรวิเศษว่า กุหลาบจะยังคงงดงามมิโรยรา ตราบจนกว่าตัวพระองค์เองจะสิ้นอายุขัย พระฤๅษีก็อวยพรให้ ดังใจ และประสิทธิประสาทพรให้กุหลาบนั้นดำ รงอยู่คู่โลกนี้มิมีสูญพันธ์ อีกทั้งยังเป็นไม้ดอก ที่กลิ่นอันหอมหวานสามารถช่วยดับทุกข์ในใจคนและดลบันดาลให้จิตใจเบิกบานเป็นสุขได้ หญิงและชายจึงใช้ดอกกุหลาบเป็นตัวแทนแหล่งความรักสืบต่อไป


คุณค่า คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๑.๑ เรื่องมัทนะพาธาเป็นหนังสือที่แต่งดี ใช้คำ ฉันท์เป็นบทละครพูด ซึ่งแปลกและแต่ง ได้ยาก มีการเลือกใช้คำ เหมาะสมกับเนื้อความและบทบาทของตัวละคร รวมทั้งการพรรรณนา ให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณและเข้ากับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี จึงได้รับ การยกย่องจากวรรณคดีสโมสร ว่าเป็นยอดแห่งบทละครพูดคำ ฉันท์ ๑.๒ มีการใช้ภาษาที่สละสลวย ตอนใดที่ต้องการดำ เนินเรื่องอย่างรวดเร็ว ก็ใช้ร้อยแก้ว ตอนใดที่ต้องการจังหวะเสียงและความคล้องจองก็ใช้กาพย์ หรือตอนใดที่เน้นอารมณ์มากก็ มักใช้ฉันท์ ๑.๓ มีการใช้ศิลปะการประพันธ์ที่ไพเราะ แสดงกวีโวหารและมีการเล่นคำ เล่นอักษรอย่าง แพรวพราว คุณค่าด้านสังคม ๒.๑ สะท้อนแง่คิดให้คนในสังคมได้เข้าใจพุทธวัจนะ “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ว่า เมื่อมี ความรัก ต้องรักอย่างมีสติ ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ มิใช่รักอย่างลุ่มหลงจะเกิดความทุกข์ได้ ๒.๒ สะท้อนให้เห็นค่านิยมเกี่ยวกับการครองรักระหว่างหญิงชายต้องเกิดจากความพึง พอใจทั้งสองฝ่าย มิใช่เกิดจากการบังคับขู่เข็ญให้รับรัก จึงจะเกิดความสุขในชีวิต ๒.๓ สะหท้อนให้เห็นค่านิยมของสตรีไทยในยุคสมัยนั้นว่ามีความซื่อสัตย์และยึดมั่น ความรักเดียวใจเดียว


อ้างอิง "Mama " and "Papa " Presentations are communication tools that can be used as lectures. "Milk" Presentations are communication tools that can be used as lectures. "Play " Presentations are communication tools that can be used as lectures.


Click to View FlipBook Version