The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การส่งเสริมการระงับข้อพิพาท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ., 2022-12-28 21:21:02

การส่งเสริมการระงับข้อพิพาท

การส่งเสริมการระงับข้อพิพาท

การส่งเสริมการระงบั ขอ้ พิพาท

ดร.อภิรัชศักดิ์ รชั นีวงศ์

พระราชบัญญัติไกลเ่ กล่ียข้อพพิ าท พ.ศ.2562๑ ถอื เปน็ มติ ใิ หม่ของกระบวนการยุตธิ รรมของประเทศ
กระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้สร้างการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัคร
ภาคประชาชน และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมพัฒนาและขับเคลื่อนการระงับ
ข้อพิพาททางเลือกด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพ่ือให้ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงความยุติธรรมอย่าง
สะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม พระราชบัญญัติการไกล่เกล่ียข้อพิพาท พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นกฎหมายกลางเพ่ือให้
หน่วยงานของรัฐ พนักงานสอบสวน และ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนใช้ในการจัดกระบวนการ
ไกล่เกล่ียข้อพิพาทอย่างมีระบบและเป็นมาตรฐานเดียวกัน พระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทั้งฉบับ
ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 สาระสาคัญเก่ียวกับการไกล่เกล่ียข้อพิพาททางแพ่ง ได้แก่ ข้อพิพาท
ท่ีเก่ยี วกบั ท่ดี นิ ท่มี ใิ ช่ขอ้ พพิ าทเกีย่ วด้วยกรรมสทิ ธ์ิ ข้อพพิ าทระหว่างทายาทเก่ยี วกบั ทรัพย์มรดก และข้อพิพาท
อ่ืนทมี่ ที นุ ทรัพย์ไมเ่ กนิ ห้าลา้ นบาท ประเภทข้อพิพาททางอาญา ไดแ้ ก่ ความผดิ อาญาอันยอมความได้ ความผิด
ลหุโทษ ที่ยอมความได้เปน็ ความผิดต่อสว่ นตวั ไม่กระทบต่อส่วนรวม และความผิดท่ีมีอัตราโทษจาคุกอย่างสูง
ไมเ่ กิน 3 ปี ปรากฏตามท้ายพระราชบัญญัติให้สามารถยุติหรือระงับได้ด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอันเกิดจาก
ความสมัครใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย พระราชบัญญัติการไกล่เกล่ียข้อพิพาท พ.ศ.2562 ถือเป็นกฎหมาย
ที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐ และภาคประชาชนสามารถอานวยความยุติธรรมให้ประชาชนได้โดยสะดวก
รวดเรว็ และไม่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล เป็นการดาเนินการให้คู่กรณีมีโอกาสเจรจาตกลง
กนั ในการระงับขอ้ พิพาท โดยสันตวิ ธิ ีและปราศจากการวนิ ิจฉัยข้อพิพาท และให้ข้อตกลงอันเกิดจากความตก
ลงยินยอมของคู่กรณีมีสภาพบังคับตามกฎหมาย ประชาชนทุกชนช้ันสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่าง
แท้จริง ทาให้ปริมาณคดีที่ข้ึนสู่ศาลลดน้อยลง ลดปัญหาความขัดแย้งและเกิดความสมานฉันท์ในการ ยุติ
ข้อพิพาท กลไกท่ีสาคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการดาเนินงานตามพระราชบัญญัติฉบับนี้คือ “ผู้ไกล่เกล่ีย”
ซึ่งได้บัญญัติคุณสมบัติของบุคคลท่ีประสงค์จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ไกล่เกลี่ยต้องผ่านการฝึกอบรมการไกล่เกล่ีย
ข้อพิพาทตามหลักสูตรที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติต ามกฎหมายว่าด้วยการ
พัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติรับรอง กระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ทาการ
เปิดอบรมเตรยี มความพร้อมผไู้ กลก่ ลี่ย เพ่อื ขึน้ ทะเบยี นตามพระราชบัญญัตกิ ารไกลเ่ กล่ียขอ้ พพิ าท พ.ศ.2562
โดยเล็งเห็นถึงความสาคัญในการเตรียมความพร้อมให้ผู้ไกล่เกล่ียได้มีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาท กฎหมายเบื้องต้นท่ีเกี่ยวข้อง ความสามารถและทักษะการเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
รวมถึงจรยิ ธรรมในการปฏิบตั หิ น้าท่ผี ้ไู กลเ่ กลี่ย จงึ ได้รว่ มมือกบั สถาบนั พระปกเกล้า จัดทาเน้ือหาหลักสูตรและ
คู่มือการฝึกอบรมสาหรับฝึกอบรมบุคคลที่จะข้ึนทะเบียนเป็นผู้ไกล่เกล่ียตามพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมให้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนท่ีสามารถดาเนินการไกล่เกล่ียข้อพิพาท
ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบมาตรฐาน รวมถึงสร้างผู้ไกล่เกลี่ยที่มีความรู้ความเช่ียวชาญ สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างมี



ประสิทธิภาพ อีกท้ังเพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนให้เครือข่ายภาคประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน
การดาเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพ่ือจัดการความขัดแย้งโดยสันติวิธีและเป็นมิติใหม่ในการไกล่เกล่ียของ
กระทรวงยุติธรรมที่มีระบบขึ้นทะเบียน โดยจัดทาบัญชีผู้ไกล่เกล่ียครอบคลุมทั่วประเทศท้ัง 76 จังหวัด
โดยยกระดับผู้ไกล่เกลี่ยภาคประชาชน ปราชญ์ชาวบ้านท่ีมีความสามารถและประสบการณ์ในการระงับ
ข้อขัดแย้งในชุมชนข้ึนมาเป็นผู้ไกล่เล่ียข้อพิพาทโดยวิชาชีพ เหตุผลของพระราชบัญญัตินี้๒ โดยท่ีปัจจุบัน
ข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาเกิดข้ึนเป็นจานวนมาก เห็นสมควรให้นากระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททาง
แพ่ง ซ่ึงมีทุนทรัพย์ไม่มากนักและข้อพิพาททางอาญาบางประเภทมากาหนดเป็นกฎหมายกลาง เพ่ือให้
หนว่ ยงานของรัฐ พนกั งานสอบสวน หรอื ศูนย์ไกล่เกลีย่ ขอ้ พพิ าทภาคประชาชนใชใ้ นการยุติหรือระงบั ขอ้ พิพาท
ดังกล่าว โดยคานึงถึงความยินยอมของคู่กรณีเป็นสาคัญซึ่งจะทาให้เกิดความสมานฉันท์ข้ึนในสังคม ทาให้
ปรมิ าณคดีขนึ้ สูศ่ าลลดน้อยลง ลดปัญหาความขัดแยง้ ลดงบประมาณแผน่ ดนิ และเสริมสร้างสงั คมให้อยรู่ ่วมกัน
อยา่ งปกติสขุ

ประโยชน์ของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท๒ การไกล่เกล่ียข้อพิพาทก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งกับคู่กรณีและ
เปน็ การเสรมิ สร้างประสิทธภิ าพในการอานวยความยตุ ธิ รรมให้แก่ประชาชน ดงั นี้

1) ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย (Saving of Time and Money) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหรือ
อนุญาโตตลุ าการแล้วอาจใช้เวลาเพียงสปั ดาห์ วันหรอื ชว่ั โมง อนั เปน็ การประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยของท้งั คคู่ วามและ
ทางราชการ โดยที่หน่วยงานหรือองค์กรผู้จัดการไกล่เกลี่ยจัดบริการให้ฟรี คู่กรณีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่เสีย
คา่ ปว่ ยการผู้ไกล่เกลีย่ และการไกล่เกลย่ี ไมจ่ าเป็นตอ้ งมีทนายความ ดังน้ัน การจัดการความขดั แย้งด้วยวธิ ีการ
ไกล่เกล่ียจงึ ประหยัดค่าใชจ้ า่ ยได้มาก

2) เป็นที่ยุติ (Finally) คดีที่คู่พิพาทสามารถตกลงกันได้โดยวิธีการไกล่เกล่ียน้ันทาให้ข้อพิพาท
ได้ขอ้ ยตุ ิลดปญั หาของการอุทธรณ์ตอ่ ไป

3) การยอมรับของคู่พิพาท (Compliance) การที่คู่ความสามารถหาข้อยุติได้ด้วยตนเอง มีการ
ยอมรบั ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลงนั้นมากกว่าการทศ่ี าลมคี าพิพากษาซง่ึ จะต้องมกี ารบังคับคดีต่อไป

4) ข้อยุติท่ีได้นั้นมีความเหมาะสมกับคู่พิพาท (Custom Made Solution) เน่ืองจากคู่พิพาท
สามารถเลือกที่จะทาให้ข้อตกลงอยา่ งไรกไ็ ดต้ ราบเท่าทไ่ี ม่ขัดต่อกฎหมาย

5) เป็นความลับ (Confidentiality) การไกล่เกล่ียเป็นเร่ืองเฉพาะระหว่างคู่กรณีการประชุม
ไกล่เกล่ีย จะมีเฉพาะคู่กรณีกับผู้ไกล่เกล่ีย และบุคคลภายนอกที่คู่กรณีเห็นพ้องต้องกันให้เข้าร่วมประชุมได้
เทา่ นน้ั ท้ังขอ้ เท็จจริงท่คี กู่ รณพี ูดคยุ กนั ในการไกลเ่ กลีย่ ถือเป็นความลบั หา้ มคู่กรณีและผ้ไู กล่เกลีย่ เปิดเผยต่อ
บคุ คลภายนอก นอกจากน้ี คูก่ รณียงั อาจมีข้อตกลงกนั อกี ด้วยวา่ ข้อเทจ็ จริงท่ีไดจ้ ากการไกล่เกลย่ี ห้ามไม่ให้
คู่กรณนี าไปใช้อา้ งองิ ในการพจิ ารณาคดขี องศาล

6) การควบคุมกระบวนการระงับข้อพิพาท (Process Control) คู่พิพาทสามารถควบคุม
กระบวนการไกล่เกล่ียข้อพิพาทได้มากกว่าการดาเนินคดีในศาล โดยสามารถคัดเลือกบุคคลท่ีเป็นกลางให้มา
ทาหน้าที่กาหนดประเด็นหรือความต้องการท่ีแท้จริงในการไกล่เกล่ียข้อพิพาทและแสวงหาทางออกเพื่อยุติ



ข้อพิพาท โดยคู่พิพาทมีโอกาสท่ีจะได้พูดและตัดสินว่าผลท่ีได้รับจะผูกพันกันหรือไม่ ซ่ึงจะเป็นการหลีกเล่ียง
ความไมแ่ น่นอนทอ่ี าจเกิดขึน้ โดยการพิพากษาคดี

7) ข้อตกลงระหว่างคู่พิพาทสามารถบังคับได้ (Enforceable Agreement) ผลของการระงับ
ข้อพิพาทจากวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นข้อตกลงร่วมกันอันมีลักษณะสัญญาท่ีคู่พิพาทลงนามและมีผล
ผูกพนั เปน็ สญั ญาประนีประนอมยอมความ แมว้ า่ อาจมกี ารตรวจสอบจากศาลในบางกรณี

8) รักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันได้หรือก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในระยะยาว (Preservation or
Enhancement of Long-term Relationships) การระงับข้อพิพาทเปิดโอกาสให้คู่พิพาทสามารถหาข้อยุติ
ในปัญหาท่แี ทจ้ ริงได้และคู่พพิ าทยอ่ มสามารถแกไ้ ขปญั หาระหวา่ งกนั ได้

9) ความยืดหยุ่น (Flexibility) คู่พิพาทสามารถเลือกใช้การไกล่เกล่ียข้อพิพาทท้ังหมด หรือ
ในประเดน็ ใดประเด็นหน่งึ ในคดกี ็ได้ สว่ นทเ่ี หลอื อาจให้มีการดาเนินคดใี นศาลตอ่ ไป

10) คุณภาพ (Quality) บุคคลที่มาทาหน้าที่ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมักเป็นบุคคลท่ีมี
ความสามารถหรอื เช่ียวชาญในเรอ่ื งนน้ั ๆ โดยมีการควบคุมการทางานโดยประมวลจริยธรรม

11) ยงั คงสิทธใิ นการดาเนินคดีในศาล (Right to Trial) การไกลเ่ กล่ียขอ้ พพิ าทเป็นเพยี งส่วนเสริม
สาหรบั การดาเนนิ คดใี นศาลไม่ใชเ่ ป็นการแทนที่ ค่กู รณียังคงมีสิทธใิ นการดาเนินคดใี นศาล หากคกู่ รณีมคี วาม
ต้องการเชน่ นน้ั

12) ไมเ่ ปน็ ทางการ การไกลเ่ กลย่ี มีวธิ พี จิ ารณาที่แตกตา่ งจากการพิจารณาคดีของอนุญาโตตลุ าการ
หรือศาล โดยการไกล่เกลี่ยต้องการบรรยากาศการพูดคุยเจรจาท่ีไม่เป็นทางการ แต่เป็นกันเอง และยืดหยุ่น
ผ่อนคลาย ไมเ่ ครง่ ครดั เพอื่ ให้คกู่ รณีไดพ้ ดู คยุ เจรจากันดว้ ยความสบายใจไม่ตงึ เครยี ด เกิดความไว้วางใจและ
กลา้ เปิดเผยความตอ้ งการทีแ่ ท้จรงิ ของตน

พระราชบัญญัติการไกลเ่ กลย่ี ข้อพพิ าท พ.ศ.๒๕๖๒๓
รัฐบาลเห็นเห็นสมควรให้นากระบวนการไกล่เกลี่ยมาใช้ในคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่มากนัก และ
คดีอาญาบางประเภท โดยกาหนดเป็นกฎหมายกลางเพื่อให้หน่วยงานของรัฐหรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาค
ประชาชนใช้ในการยุติหรือระงับข้อพิพาทดังกล่าว โดยคานึงถึงความยินยอมของคู่กรณี เพื่อทาให้ปริมาณคดี
ขึ้นสศู่ าลใหน้ ้อยลง ลดปัญหาความขดั แยง้ เกดิ ความสมานฉนั ท์ขนึ้ ในสงั คม
"การไกล่เกล่ียข้อพิพาท" หมายความว่า การดาเนินการเพื่อให้คู่กรณีมีโอกาสเจรจาตกลงแล้วครับ
ข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาโดยสันติวิธีและปราศจากการวินิจฉัยชี้ข าดข้อพิพาททั้งนี้ไม่รวมถึงการไกล่
เกล่ียเพราะรดี ผ้าทดี่ าเนินการในช้ันศาลและในชน้ั การบงั คบั คดี
“ผ้ไู กล่เกลีย่ ” หมายความว่า บุคคลซ่ึงได้รับการข้ึนทะเบียนและได้รับการแต่งตั้งให้ทาหน้าที่ในการ
ไกล่เกลย่ี ข้อพิพาท
“นายทะเบยี น” หมายความว่า หัวหน้าหน่วยงานของรฐั ซึ่งดาเนนิ การไกล่เกล่ยี ขอ้ พิพาท
บททั่วไปของกระบวนการไกล่เกล่ียข้อพิพาท: หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะดาเนินการไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาท ให้แจ้งให้กระทรวงยุติธรรมทราบด้วย ผู้ท่ีจะทาหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกล่ีย ต้องข้ึนทะเบียนต่อ



นายทะเบยี นคอื หัวหน้าหน่วยงานของรฐั ท่ีดาเนินการไกล่เกล่ียข้อพิพาท โดยต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะ
ต้องห้ามตามมาตรา 10 ท่ีสาคัญคือต้องผ่านการอบรมการไกล่เกล่ียข้อพิพาทตามหลักสูตรท่ีคณะกรรมการ
พฒั นาการบรหิ ารงานยุตธิ รรมแห่งชาติ รับรอง และมีประสบการณ์ในด้านที่จะเป็นประโยชน์ต่อการไกล่เกลี่ย
ผูไ้ กล่เกลีย่ มีอานาจหน้าทีต่ ามมาตรา11 และตอ้ งถอื ปฏบิ ตั ติ ามจริยธรรมตามมาตรา12

กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง ข้อพิพาททางแพ่งท่ีจะทาการไกล่เกลี่ยได้คือ ข้อพิพาท
เก่ียวกับที่ดิน ท่ีไม่ใช่เร่ืองกรรมสิทธิ์ ข้อพิพาทระหว่างทายาทเก่ียวกับทรัพย์มรดก หรือข้อพิพาทตามท่ีจะมี
การกาหนดในพระราชกฤษฎีกา และข้อพพิ าทอ่ืนทีม่ ีทนุ ทรพั ย์ไมเ่ กินหา้ ล้านบาทหรือตามที่กาหนดในพระราช
กฤษฎีกา ข้อพิพาทท่ีไกล่เกล่ียไม่ได้คือ ที่เกี่ยวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคล สิทธิในครอบครัว กรรมสิทธิ์ใน
สังหาริมทรัพย์ คู่กรณีที่มีข้อพิพาทที่ประสงค์จะให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้ย่ืนคาร้องต่อหน่วยงานท่ีดาเนิน
ไกล่เกลี่ย ซึ่งหน่วยงานน้ันต้องสอบถามความสมัครใจของคู่กรณีอีกฝ่ายหน่ึงด้วย ถ้าไม่สมัครใจก็ดาเนินการ
ไกล่เกลี่ยไม่ได้ โดยคู่กรณีตกลงแต่งต้ังผู้ไกล่เกลี่ยหนึ่งคนหรือหลายคนก็ได้จากบัญชีรายชื่อที่หน่วยงานนั้น
จัดทาไว้ ถ้าคู่กรณีเลือกกันเองไม่ได้ จะขอให้หน่วยงานน้ันเป็นผู้เลือกผู้ไกล่เกล่ียก็ได้ ในการดาเนินการ
ไกล่เกล่ีย ถ้าคู่กรณีตกลงกันได้ให้ผู้ไกล่เกลี่ยบันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาทน้ันไว้ให้ทั้งสองฝ่ายลงชื่อไว้ด้วย
ถ้าคู่กรณฝี า่ ยหน่ึงไมป่ ฏิบัตติ ามข้อตกลง คู่กรณอี กี ฝ่าย อาจย่นื คารอ้ งต่อศาล เพื่อให้บังคบั ตามข้อตกลงได้

การไกล่เกล่ียข้อพิพาททางอาญา ข้อพิพาททางอาญาท่ีจะดาเนินการไกล่เกล่ียได้ ต้องเป็นความผิด
อันยอมความได้หรอื ความผดิ ลหุโทษตามมาตรา 390 ถึงมาตรา 395 และมาตรา 397 หรือความผิดลหุโทษ
อ่ืนท่ีไม่กระทบต่อส่วนรวมตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกา เมื่อมีการทาข้อตกลงระงับข้อพิพาทกันแล้ว
สิทธินาคดีมาฟ้องระงับไปเฉพาะคู่กรณีที่ทาความตกลง แต่ถ้าคู่กรณีมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเก่ียวเน่ืองกับคดีอาญา
สิทธกิ ารฟ้องคดีอาญาระงบั เม่อื อกี ฝ่ายได้ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงสว่ นแพ่งแล้ว

กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาให้นากระบวนการไกล่เกล่ียข้อพิพาททางแพ่ งมาใช้
โดยอนุโลม

การไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน ให้เป็นหน้าท่ีของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ส่งเสริม
สนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกัน เป็นศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชน และอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ
คดีท่ีศูนย์ไกล่เกล่ียภาคประชาชน จะดาเนินการไกล่เกล่ียได้ คือ (๑) ข้อพิพาททางแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน
ห้าแสนบาทหรือไม่เกินจานวนที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกา และข้อพิพาททางแพ่งอ่ืนตามท่ีกาหนดในพระ
ราชกฤษฎีกา แต่ถ้าเป็นการพิพาทกันเร่ืองท่ีดินต้องไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ถ้าเป็นเร่ืองมรดกก็เป็นเรื่องการ
พิพาทระหว่างทายาทและไม่สามารถไกล่เกลี่ยเร่ืองท่ีเก่ียวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคล สิทธิในครอบครัว หรือ
กรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ (๒) ข้อพิพาททางอาญาท่ีไกล่เกล่ียได้คือ ความผิดอันยอมความได้หรือความผิด
ลหุโทษตามมาตรา390ถึงมาตรา 395 และมาตรา 397 หรือความผิดลหุโทษอื่นที่ไม่กระทบต่อส่วนรวม
ตามที่กาหนดในพระราชกฤษฎีกา เมื่อมีการตกลงตามข้อไกล่เกลี่ยและกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพออก
หนงั สือรบั รองใหแ้ ลว้ ขอ้ ตกลงระงบั ข้อพพิ าทนัน้ ใชบ้ ังคบั กนั ได้ ถ้าเปน็ คดีอาญาสทิ ธินาคดีอาญามาฟ้องให้เป็น
อันระงบั



กระบวนการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน๖ การรวมตัวของประชาชนเพื่อจัดต้ังเป็น
ศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับ
ภาคประชาชนในรูปแบบของเครอื ข่ายและอาสาสมคั รคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เป็นต้น
มา ภายใต้ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยเครือข่ายและอาสาสมัครคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พ.ศ. 2548
โดยเครือข่ายและอาสาสมัครได้รวมตัวกันเป็นศูนย์ประสานงานในชุมชน เพ่ือดาเนินงานเก่ียวกับการเผยแพร่
ประชาสัมพนั ธ์ หรือจดั การรณรงคแ์ ละใหค้ วามรู้ การให้คาปรึกษา ช่วยเหลือเปน็ ผูด้ าเนนิ การหรือประสานงาน
ท่ีเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและการจัดการความขัดแย้ง การระงับข้อพิพาทชุมชน
เสริมสร้างและพฒั นาเครือขา่ ยในการทางานด้านสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนดาเนินการหรือให้ข้อเสนอแนะในการ
พัฒนากลไกการจัดการความขัดแย้งในชุมชน และประสานงานหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในกรณีที่มีเหตุความ
ไม่เป็นธรรมในชุมชน การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน
เพื่อดาเนินงานเก่ียวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนได้ โดยประชาชนจานวนไม่น้อยกว่า 5 คน
ทีป่ ระสงค์จะดาเนินการเกี่ยวกับการไกล่เกลยี่ ข้อพิพาท ตอ้ งมีคุณสมบตั แิ ละไมม่ ีลักษณะต้องหา้ ม ดงั ต่อไปนี้
คณุ สมบตั ิ

(1) เปน็ บุคคลธรรมดาท่มี สี ัญชาตไิ ทย
(2) เป็นบุคคลทบ่ี รรลนุ ิตภิ าวะ
(3) มภี มู ลิ าเนา หรอื ถิ่นที่อยูใ่ นเขตที่จะขอขึน้ ทะเบยี นศนู ย์ไกล่เกลี่ยขอ้ พพิ าทภาคประชาชน
ลักษณะต้องห้าม
(1) เป็นบคุ คลล้มละลาย
(2) เป็นบุคคลที่ศาลมีคาส่ังให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถหรือ
คนวกิ ลจริตหรือจิตฟ่ันเฟอื นไมส่ มประกอบ
(3) เปน็ ผ้เู คยรบั โทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงทส่ี ดุ ใหจ้ าคุก เวน้ แต่เป็นโทษสาหรับความผิดท่ีได้
กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ท้ังน้ี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จะดาเนินการตรวจสอบ
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคณะทางานบริหารประจาศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน
จากเอกสารหลกั ฐานและฐานข้อมลู ของทางราชการ หากมคี ุณสมบตั ิครบถว้ นจึงมีคาส่งั แต่งต้ังเป็นคณะทางาน
บริหารประจาศนู ยไ์ กล่เกลยี่ ขอ้ พพิ าทภาคประชาชน
การจัดต้ังศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เมื่อภาคประชาชนรวมตัวกันเป็นศูนย์ไกล่เกลี่ย
ขอ้ พิพาทภาคประชาชน (ศกช.) ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 และคัดเลือกกันเอง
เพ่ือทาหน้าท่ีเป็นคณะทางานบริหารประจาศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน ประกอบด้วย ประธาน
รองประธาน เหรัญญิกและเลขานุการ ทั้งน้ี ประธานควรมีคุณสมบัติเป็นผู้นาชุมชน ผู้นาท้องที่หรือท้องถิ่น
หรือเป็นผู้นาภาคประชาสังคมที่ดาเนินการอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมีผู้ผ่าน
การอบรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามหลักสูตรท่ีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
ตามกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติรับรอง อย่างน้อย 1 คน และอาจแต่งต้ัง



ที่ปรึกษาคณะทางานได้ตามความเหมาะสม คณะทางานบรหิ ารประจาศนู ยไ์ กล่เกลยี่ ข้อพิพาทภาคประชาชนมี
วาระดารงตาแหน่งคราวละ 3 ปี มหี น้าที่และอานาจ ดังนี้

(1) ประสานจดั กระบวนการไกล่เกล่ียข้อพิพาท
(2) จัดทาแผนการดาเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณของศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาท
ภาคประชาชน
(3) เสนอขอรับเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ภาคประชาชน
(4) ส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับการไกล่เกล่ียข้อพิพาทและการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและ
สิทธิมนษุ ยชน
(5) ประสานการดาเนินงานเกี่ยวกับการไกล่เกล่ียข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาระหว่าง
หนว่ ยงานในพืน้ ท่ี
(6) รายงานผลการดาเนินงานต่อกรมคมุ้ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพเปน็ ประจาทกุ เดอื น
ทงั้ น้ี คณะกรรมการบรหิ ารประจาศนู ยไ์ กลเ่ กลย่ี ข้อพิพาทภาคประชาชน พน้ จากตาแหน่ง เมอ่ื
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) นายทะเบยี นใหอ้ อก เพราะบกพร่องไม่สุจรติ ต่อหน้าที่ มีความประพฤตเิ ส่ือมเสยี หรือหยอ่ น
ความสามารถ
(4) เป็นบคุ คลล้มละลาย
(5) เป็นบุคคลที่ศาลมีคาส่ังให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือ
คนวกิ ลจริตหรือจติ ฟน่ั เฟือนไมส่ มประกอบ
(6) ได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิดที่ได้กระทา
โดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ
การขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
วา่ ด้วยการไกล่เกลยี่ ขอ้ พิพาทของศนู ย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน พ.ศ. 2562 หมวด 3 ศูนย์ไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาทภาคประชาชน ส่วนที่ 2 การข้ึนทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน กาหนดขั้นตอนการ
ข้ึนทะเบียนศูนยไ์ กล่เกลย่ี ข้อพิพาทภาคประชาชน ดังนี้
ขั้นตอนท่ี 1 ประธานคณะทางานย่ืนคาขอขึ้นทะเบียนศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนต่อ
อธิบดกี รมคุ้มครองสทิ ธิและเสรีภาพตามแบบคาขอพรอ้ มแนบเอกสารประกอบคาขอให้ครบถ้วน
ขั้นตอนที่ 2 กองส่งเสริมการระงับข้อพิพาทหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย รับคาขอข้ึนทะเบียน และ
ดาเนินการตรวจสอบข้อความในคาขอและเอกสารหลักฐานประกอบคาขอ เมือ่ เหน็ วา่ ถกู ตอ้ งครบถ้วนแลว้ ให้
ลงทะเบยี นรบั คาขอและออกใบรับคาขอใหแ้ กผ่ ู้ยนื่ คาขอ หากขอ้ ความในคาขอและเอกสารหลกั ฐานประกอบ
คาขอไม่ถูกต้องครบถ้วนให้มีหนังสือแจ้งผู้ยื่นคาขอทราบเพ่ือดาเนินการแก้ไข ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
นับแต่วนั ทใี่ ดร้ บั หนงั สือหากพน้ ระยะเวลาดังกลา่ วให้จาหนา่ ยคาขอ



ขั้นตอนที่ 3 ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ท่ีจะได้รับการขึ้นทะเบียนต้องได้รับการตรวจ
ศนู ยไ์ กล่เกล่ียข้อพพิ าทภาคประชาชน โดยผา่ นเกณฑต์ ามทนี่ ายะเบียนกาหนด คอื ต้องผ่านเกณฑม์ าตรฐาน
ศนู ย์ไกลเ่ กล่ียขอ้ พิพาทภาคประชาชน ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 โดยแบ่งเกณฑก์ ารประเมนิ 4 ดา้ น จานวน 35
ตัวช้วี ัด

ข้ันตอนที่ 4 กรมคมุ้ ครองสิทธิและเสรีภาพ โดยอนกุ รรมการตรวจประเมนิ มาตรฐานศนู ยไ์ กลเ่ กล่ีย
ขอ้ พพิ าทภาคประชาชน ซึง่ มีผอู้ านวยการกองส่งเสริมการระงบั ขอ้ พิพาท หรือผอู้ านวยการสานักงานยุติธรรม
จังหวัด หรือยุติธรรมจังหวัด เป็นประธาน ดาเนินการตรวจมาตรฐานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน
สรปุ และรายงานผลการตรวจประเมนิ เสนอนายทะเบยี น

ข้ันตอนท่ี 5 กรณีผ่านมาตรฐาน อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในฐานะนายทะเบียน
มีประกาศข้ึนทะเบียนเป็นศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนตามกฎหมาย ศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาค
ประชาชนทไ่ี ดร้ บั การขึน้ ทะเบียนเปน็ ศนู ย์ไกล่เกล่ียขอ้ พพิ าทภาคประชาชนตามกฎหมายมภี ารกิจ ดงั น้ี

(1) รับคารอ้ งขอไกล่เกลย่ี ขอ้ พิพาท
(2) ดาเนินงานเก่ียวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการไกล่เกล่ีย
ข้อพพิ าท
(3) ประสานงานและสนับสนุนการดาเนนิ งานไกล่เกล่ียขอ้ พิพาท
(4) สง่ เสริม และเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์เกย่ี วกับการไกล่เกลย่ี ขอ้ พิพาท
(5) ดาเนนิ งานอื่นๆ ตามทนี่ ายทะเบียนกาหนด
การประเมนิ มาตรฐานศูนย์ไกล่เกล่ียขอ้ พิพาทภาคประชาชน ระเบียบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคป ระชาชน พ.ศ. 2562 กาหนดให้มี
คณะกรรมการส่งเสรมิ และกากับการดาเนนิ งานศนู ยไ์ กล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน โดยอธิบดีกรมคุ้มครอง
สิทธิและเสรภี าพ เป็นประธานกาหนดมาตรฐานและประเมินมาตรฐานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน
และขอ้ 19 กาหนดให้นายทะเบียนจัดให้มีการประเมินมาตรฐานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนอย่าง
น้อยปีละหนึ่งครั้งหรือตามที่คณะกรรมการกาหนด อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในฐานะประธาน
คณะกรรมการส่งเสริมและกากับการดาเนินงานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน จึงมีประกาศเรื่อง
มาตรฐานศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน กาหนดมาตรฐานศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน
แบ่งเปน็ 4 ดา้ น จานวน 35 ตวั ช้ีวดั
การขอรับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาค
ประชาชนทม่ี ผี ลการดาเนนิ งานเกย่ี วกบั การไกลเ่ กล่ียขอ้ พพิ าทภาคประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการไกล่เกลย่ี
ข้อพิพาท และผ่านการประเมินมาตรฐานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนประจาปี คณะทางานบริหาร
ประจาศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชนอาจกาหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเสนอขอรับเงินอุดหนุน
ค่าใช้จ่ายการดาเนินการของศูนย์ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน เช่น โครงการเกี่ยวกับการดาเนินงานตาม
กฎหมายว่าดว้ ยการไกล่เกลี่ยขอ้ พิพาทของศนู ย์ไกล่เกล่ยี ขอ้ พพิ าทภาคประชาชน หรือการพฒั นาศักยภาพและ


ประสิทธิภาพของคณะทางาน หรือพัฒนาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการ
ไกลเ่ กลี่ยขอ้ พพิ าท หรือโครงการดา้ นการไกล่เกล่ยี ข้อพิพาทอื่นๆ ทม่ี ีประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม

รูปแบบการไกลเ่ กล่ียข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธสันติวิธี กรณีตาบลสวาย อาเภอปรางค์กู่
จงั หวัดศรสี ะเกษ๗ รปู แบบการไกล่เกลยี่ ข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธสันติวิธีของ ตาบลสวาย อาเภอ
ปรางค์กู่ จังหวดั ศรสี ะเกษ สามารถออกแบบมาเป็นรูปแบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธ
สันติวิธี ประกอบด้วย (1) หลักการไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน ประกอบด้วย การสมัครใจของทุกฝ่าย
การผ่อนปรนให้แก่กัน การฟ้ืนฟูความสัมพันธ์ของคู่กรณี และการยุติคดีด้วยความพึงพอใจ (2) ข้ันตอนการ
ไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธสันติวิธี ประกอบด้วย วิเคราะห์ปัญหาตามหลักอริยสัจสี่
เปิดเวทีพูดคุยด้วยพรหมวิหาร จัดสานเสวนาแบบกัลยาณมิตร สร้างทางเลือกโดยไม่มีอคติส่ี และจบลงด้วยดี
บนสามัคคีธรรม โดยรูปแบบการไกล่เกล่ียข้อพิพาทท่ีใช้หลักการและวิธีการทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้
เพื่อแกไ้ ขปัญหาโดยวิธกี ารไกล่เกล่ยี ข้อพิพาท ซ่ึงหลักการและข้ันตอนในการดาเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนั้น
ผู้ทาหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต้องมีหลักการใหญ่ คือการมีสติ ขันติธรรม เพื่อก่อให้เกิดสันติภายใน เพื่อให้
สามารถใช้หลักความรู้รอบด้าน ตั้งแต่ การรู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาล รู้ชุมชน และรู้บุคคล โดยการ
แสดงออกสู่สันติภาพภายนอก ด้วยการนาหลักการใหญ่ คือ หลักอริยสัจสี่ ประกอบหลักการย่อย
อันประกอบด้วย หลักพรหมวิหาร หลักกัลยาณมิตรธรรม หลักอคติส่ี และหลักสามัคคีธรรม เพื่อบูรณาการ
พุทธสันติวิธีกับหลักการและข้ันตอนในการไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน โดยสามารถนารูปแบบการ
ไกลเ่ กลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธสันติวิธีไปปรับใช้กับการแก้ปัญหาข้อพิพาทให้แก่ของคู่กรณีได้
ในพนื้ ทช่ี ุมชนอื่นไดท้ ่ัวประเทศ

ภาพที่ ๑ รปู แบบการไกลเ่ กลยี่ ข้อพิพาทภาคประชาชนโดยหลักพุทธสนั ตวิ ิธี๗



1. หลักการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ประกอบด้วย หลักการสมัครใจของทุกฝ่ายทุกคน
หลักการผอ่ นปรนให้แกก่ ัน หลักการฟน้ื ฟูสานสัมพันธข์ องคกู่ รณี และหลกั การยตุ ิคดีดว้ ยความพงึ พอใจ ดังนี้

1) หลักการสมัครใจของทุกฝ่ายทุกคน การไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชนเป็นดาเนินการ
ท่ีเน้นวิถีชุมชนเป็นหลัก โดยผู้ทาหน้าที่ไกล่เกล่ียข้อพิพาทจะไม่มีอานาจช้ีขาดข้อพิพาท (Uprasert, 2008)
หรือไม่มีข้อบังคับใด ๆ ให้คู่กรณีต้องเข้าร่วมไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยกระบวนการไกล่เกล่ียข้อพิพาทเกิดข้ึน
ได้ด้วยการตดั สนิ ใจของคูก่ รณีเป็นสาคัญโดยคู่กรณที กุ ผ่ายต้องสมัครใจเขา้ ร่วมเจรจาไกล่เกลยี่ ข้อพพิ าทตงั้ แต่
เร่ิมตน้ ของกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพพิ าท

2) หลักการผ่อนปรนให้แก่กัน การไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชนจะเน้นการเสนอแนะให้
คู่กรณีมองไปข้างหน้าในอนาคตท่ีต้องอยู่อาศัยใกล้ชิดกันในชุมชนเดียวกัน มากกว่าการมองย้อนกลับไป
ว่าให้ถูกใครผิดหรือใครถูก โดยในการไกล่เกลี่ยนั้นจะเน้นให้คู่กรณีผ่อนปรนให้แก่กัน เพื่อให้เกิดบรรยากาศ
แหง่ การฟงั ความคดิ เหน็ อยา่ งเขา้ ใจกัน รบั ฟังความตอ้ งการท่ีแทจ้ ริงของคกู่ รณี (Wattanasub, 2012)

3) หลักการฟื้นฟูสานสัมพันธ์ของคู่กรณีเป็นหลักการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนที่ผู้ทา
หนา้ ท่ีไกล่เกล่ียข้อพพิ าทจะคอยดาเนนิ การโน้มนา้ วให้คู่ความเจรจากัน เปดิ เผยความต้องการอนั แท้จรงิ ของ
ตนเอง พร้อมทั้งเปิดใจรับฟังความต้องการของอีกฝ่ายและลดความรุนแรงของอารมณ์ ด้วยการแสดงความ
เหน็ อกเห็นใจของผู้ทาหน้าท่ีไกล่เกล่ียข้อพิพาท (Chotisakunrat, 2011) โดยเน้นให้คู่กรณีมีความเมตตาต่อ
เพือ่ นร่วมทุกข์สุขในโลกและเป็นเพื่อนร่วมสังคม เพื่อนร่วมชุมชน และเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังน้ัน
ไม่ควรมองกันเป็นศัตรคู แู่ คน้ ต้องเอาชนะกัน เพ่ือควรหันกลับมารัก เมตตาต่อกัน ให้อภัยกัน เพื่อให้อยู่ร่วมกัน
ในชุมชนดงั เดมิ ที่ผ่านมาเพื่อมงุ่ ชว่ ยเหลือเกื้อกูลกนั ในชมุ ชนต่อไปได้

4) หลักการยุติคดีด้วยความพึงพอใจ เป็นหลักการยุติข้อพิพาทด้วยความพึงพอใจของคู่กรณี
ทุกฝ่าย ไม่บีบบังคับ ข่มขู่ หรือหลอกลวงให้คู่กรณียินยอม (Teresa Moore, 2017) โดยเน้นให้คู่กรณี
เป็นคนตัดสินใจเอง ไม่วา่ คู่กรณจี ะตดั สินใจเลือกทางออกของข้อตกลงเปน็ เช่นไร ยอมต้องอยู่บนฐานของความ
ยนิ ยอมด้วยความพงึ พอใจเป็นสาคญั

2. ขั้นตอนในการไกล่เกล่ียข้อพิพาทภาคประชาชน ประกอบด้วย วิเคราะห์ปัญหาตามหลัก
อริยสัจ 4 เปิดเวทีพูดคุยด้วยพรหมวิหาร จัดสานเสวนาแบบกัลยาณมิตร สร้างทางเลือกโดยไม่มีอคติ
ยตุ ปิ ญั หาดว้ ยดีบนสามัคคธี รรม โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี

1) วเิ คราะห์ปญั หาตามหลกั อริยสัจ 4 เป็นการทผ่ี ทู้ าหนา้ ทีไ่ กลเ่ กล่ยี ข้อพิพาทเริ่มต้นจากการใช้
หลักอริยสจั ส่ี เป็นกรอบในการวิเคราะห์ คือ เข้าใจทุกข์หรือปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุของปัญหา เพ่ือหาหนทาง
ของการฟน้ื คนื ดี ลดตณั หา มานะ ทิฎฐิ ทาใหบ้ รรลไุ ปสูเ่ ป้าหมาย (P.A.Payutto, 2019) โดยเป็นการวิเคราะห์
ปัญหาเพือ่ จดั การกับปญั หาหรือข้อพิพาทจาเป็นที่ต้องรู้สาเหตุของ ความขัดแย้ง โดยการวิเคราะห์ปัญหาหรือ
ข้อพิพาท ตลอดจนมองหาวิธกี ารจัดการปัญหาหรือข้อพพิ าทเพอ่ื นาไปสู่การอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ย่างสันติ ผู้ทาหน้าที่
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทควรเร่ิมต้นจากการใช้หลักอริยสัจสี่ เป็นกรอบในการวิเคราะห์ คือ เข้าใจทุกข์หรือปัญหาที่
เกิดข้ึน สาเหตุของปัญหา ไปให้ถึงเป้าหมายของการฟ้ืนคืนดี ลดตัณหา มานะ ทิฎฐิ และหาวิธีการไปสู่

๑๐

เปา้ หมาย คอื ข้อปฏิบัตใิ ห้ถึงความดับทุกข์หรือหาวิธีการแก้ไขความขัดแย้งให้ยุติลงด้วยวิธีสมานฉันท์เพื่อการ
อยู่ร่วมกนั ต่อไปในสงั คม

2) เปดิ เวทีพดู คยุ ดว้ ยพรหมวหิ าร เป็นการทีผ่ ู้ทาหน้าทีไ่ กล่เกล่ียขอ้ พพิ าทใชห้ ลักพรหมวหิ าร
เป็นหลักใจและกากับความประพฤติ และปฏิบัติตนต่อคู่กรณีโดยชอบ (P.A.Payutto, 2008) เพ่ือเอื้ออานวย
ต่อการไกล่เกล่ียข้อพิพาทในชุมชน การแสดงความรักความหวังดีต่อคู่กรณีทุกฝ่ายด้วยหลักพรหมวิหาร โดย
การบอกให้คู่กรณเี ขา้ ใจถงึ ผลดผี ลเสียของการเข้าสู่การเจรจาด้วยความรักความปรารถนาดีต้องการให้ทุกฝ่าย
หันหน้ามาคุยกันเพ่ือให้มีทางออกของปัญหาโดยหลักกรุณาให้คู่กรณีพ้นจากปัญหาหรือทุกข์น้ัน และหาก
คู่กรณีไม่ยอมเข้าสู่การพูดคุย จะไปฟ้องร้องเป็นคดีต่อกันไม่สมัครใจพูดคุย ก็จาเป็นทาใจวางเฉยมองด้วย
ใจสงบตามหลกั อุเบกขาเพราะคู่กรณีเปน็ ฝ่ายเลอื กแลว้

3) จัดสานเสวนาแบบกัลยาณมิตร เป็นการจัดเวทีสานเสวนาเพ่ือแก้ปัญหาด้วยความเป็นกลาง
ในชมุ ชนภายใต้อานาจและหน้าท่ีของผู้ทาหน้าท่ีไกล่เกล่ียขอ้ พพิ าททใ่ี ชห้ ลกั กัลยาณมิตรด้วยการแสดงการเป็น
มติ รผ้มู ีคณุ อันบณั ฑิตพงึ นับ หรอื เพื่อนที่ดี (P.A.Payutto, 2008) ในการไกล่เกล่ียข้อพิพาท ควรมีเป้าหมายใน
การทาให้คู่กรณีคืนดีกันหรือสามารถมีข้อตกลงร่วมกันและนาพาไปสู่สันติสุขได้ อย่างเหมาะสมถูกต้อง
โดยการส่ือสารด้วยการเจรจาค้นหาความต้องการท่ีแท้จริง ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พูดความจริง พูดถูก
กาลเทศะ มีน้าใจงามพร้อมช่วยเหลือเก้ือกูลคู่กรณี คอยชี้แนะแนวทางท่ีให้คู่กรณี ทาให้คู่กรณีลดอัตตา
การยดึ ม่นั ความเห็นแก่ตนมากจนเกินไป ช่วยใหท้ างแก้ปญั หาดว้ ยความรักความหวังดกี บั คกู่ รณีทุกฝ่าย

4) สร้างทางเลือกโดยไม่มีอคติ เป็นการประสานความสัมพันธ์เพื่อสร้างทางเลือกในการ
แก้ปัญหาโดยไม่มีอคติ เพ่ือช่วยหาทางขจัดอคติหรืออกุศลมูลในใจของคู่ขัดแย้งให้ได้ (Phra Phaisan Visalo,
2013) โดยผู้ทาหน้าท่ีไกล่เกล่ีข้อพิพาทต้องต้องขจัดอคติหรืออกุศลมูลในใจของตัวเองก่อนท่ีจะหาทางขจัด
อคติหรืออกุศลมูลในใจของคู่กรณี (วิทูล หนูย้ิมซ้าย, 2019) ด้วยการไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วย
เหตุเพราะรัก เพราะเกลียด เพราะเกรงใจ หรือการหลงผิดไม่รู้เท่าทัน โดยควรแนะนาแนวทางท่ีเป็นกลาง
เพือ่ ใหท้ ุกฝ่ายได้ประโยชนส์ งู สดุ และพงึ พอใจดว้ ยกนั ทุกฝา่ ย

5) ยุติปัญหาดว้ ยดีบนสามัคคีธรรม เป็นการทาหน้าท่ีของผู้ไกล่เกล่ียข้อพิพาทโดยใช้หลักธรรม
ที่มีอยู่ภายในและหลักธรรมที่แสดงออกภายนอก นามาสร้างความสามัคคีและทาให้การไกล่เกล่ียบรรลุผล
สาเร็จได้ด้วยดี (Nuyimsai, 2019) เพ่ือเอ้ืออานวยผลให้ยุติปัญหาด้วยความสัมฤทธิ์ผล โดยอานวยการ
ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้ยุติลงได้ด้วยดีและสามารถสานสัมพันธภาพท่ีดีให้คู่พิพาทอยู่ร่วมกันได้ต่อไป และช่วย
ตดิ ตามผลการปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง

การไกล่เกล่ียข้อพิพาททางอาญาในข้ันการสอบสวน ความหมายของการไกล่เกลี่ยคดีอาญา
ใน ชั้นพนักงานสอบสวน คือ การไกล่เกล่ียข้อพิพาททางอาญาในข้ันสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนจัดให้
คู่กรณีในคดีอาญามีโอกาสเจรจาตกลงหรือเยียวยาความเสียหายเพ่ือระงับคดีอาญา คดีอาญาท่ีจะไกล่เกลี่ย
ในชั้นสอบสวนได้ เป็นคดีเช่นเดียวกับคดีในกระบวนการไกล่เกล่ียคดีอาญา โดยเพ่ิมความผิดที่มีอัตราโทษ
จาคุกไม่เกินสามปีตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติด้วย ทั้งนี้กระบวนการไกล่เกล่ียในชั้นนี้เป็นตามกระบวนการ
ที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากจากกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาที่กล่าวมาแล้ว

๑๑

ข้างต้นอยู่หลายประการ และผู้ประสงค์จะเป็นผู้ไกล่เกล่ียคดีอาญาในช้ันพนักงานสอบสวน ให้ยื่นคาขอต่อ
ผบ.ตร. ปลดั กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรืออัยการสูงสดุ แลว้ แตก่ รณี ในฐานะนายทะเบยี น
เม่ือคู่กรณีได้มีการตกลงเป็นประการใดให้จัดให้มีการทาบันทึกข้อตกลงและให้คู่กรณีลงช่ือไว้ด้วย เม่ือคู่กรณี
ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว ให้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบ เพ่ือจัดทาบันทึกส่งให้พนักงานอัยการเพ่ือยุติคดี
และสิทธิฟ้องคดเี ป็นอนั ระงับ แต่ถา้ ผ้ตู ้องหาไมป่ ฏิบัตติ ามขอ้ ตกลงก็ต้องมีการดาเนินคดตี อ่ ไป

การไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาทคดีอาญาช้ันพนักงานอัยการ มาตรการยุติธรรมทางเลือก
ชั้นพนกั งานอัยการ มไี ด้หลายกรณีดงั นี้๔

(1) การส่ังยุติคดีกรณีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) ท่ีบัญญัติว่าในคดีความผิดอันยอมความได้สิทธินาคดีอาญามาฟ้อง
ระงับไปเม่ือถอนคาร้องทุกข์ถอนฟ้อง หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย โดยสานักงานอัยการสูงสุด
ได้กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของการส่ังยุติคดีไว้ในระเบียบสานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดาเนิน
คดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๕๔ และต่อมาได้ออกระเบียบสานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วย
การไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาทคดอี าญาในชั้นพนักงานอยั การ พ.ศ. ๒๕๕๕

(๒) ความผิดตามกฎหมายฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือกท่ี
พนักงานอัยการเข้าไปมีส่วนสาคัญในกระบวนการฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติฟ้ืนฟู
สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตาม พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยในระดับนโยบาย อัยการสูงสดุ เปน็ กรรมการในคณะกรรมการ
ฟ้ืนฟูซึ่งมหี นา้ ทก่ี าหนดนโยบายและระเบียบตา่ งๆ ในระดับปฏิบัติปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ขอความร่วมมือให้
สานักงานอัยการสูงสุดจัดหาผู้แทนเพ่ือแต่งตั้งให้เป็นประธานอนุกรรมการฟ้ืนฟูฯ ในแต่ละพ้ืนท่ีและพนักงาน
อัยการเจ้าของสานวนก็มีหน้าท่ีในการพิจารณาว่าผู้ต้องหามีสิทธิท่ีจะได้รับการฟ้ืนฟูหรือไม่ ท้ังน้ีสานักงาน
อัยการสูงสุดได้กาหนดแนวทางในการดาเนินคดีฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและเวียนแจ้งให้ถือปฏิบัติ
(๓) คดีความผิดตามกฎหมายเยาวชนและครอบครัว พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและ
วิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๘๖ กาหนดให้มีการจัดทาแผนแก้ไขฟื้นฟู
ผู้กระทาผิดซ่ึงเป็นเด็กหรือเยาวชน ก็ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือกในช้ันพนักงานอัยการท่ีสามารถ
ลดปริมาณคดขี ึ้นสศู่ าลได้

(๔) คดีที่พนักงานอัยการเห็นว่า การฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนหรือจะมี
ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ห รื อ ค ว า ม ม่ั น ค ง ข อ ง ช า ติ ห รื อ ต่ อ ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ อั น ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ
พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๒๑ วรรคสอง บัญญัติให้เสนอต่อ
อยั การสูงสุดและอัยการสูงสุดมอี านาจสั่งไมฟ่ ้องได้ทั้งนตี้ ามระเบยี บท่สี านกั งานอยั การสูงสุดกาหนด โดยความ
เห็นชอบของ ก.อ. ซึ่งสานักงานอัยการสูงสุดได้ออกระเบียบสานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการส่ังคดีอาญา
ท่ีจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติหรือต่อ
ผลประโยชนอ์ นั สาคัญของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๔ ท้งั นก้ี ารดาเนินคดีตามระเบียบน้ีนับเป็นการเบ่ียงเบนคดีออก
จากศาล ซึ่งถือว่าเปน็ กระบวนการยุติธรรมทางเลือกช้ันพนกั งานอัยการอีกทางหน่ึง

๑๒

ความผิดอันยอมความได้: ความผิดต่อส่วนตัว “ความผิดอันยอมความได้” นั้น ตามกฎหมายเดิมๆ
เช่น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) เรียกว่า “ความผิดต่อส่วนตัว” ความผิด
ประเภทน้ีผลการกระทาผิดจะมีผลกระทบต่อผู้เสียหายโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ หากผู้เสียหายยินยอมคดีก็ระงับ
ลงได้กฎหมาย จึงบัญญัติให้ในคดีความผิดอันยอมความได้หรือคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อได้ถอนคาร้องทุกข์
ถอนฟ้องหรือยอมความกันโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมายสิทธินาคดีดังกล่าวมาฟ้องย่อมระงับไป แตกต่างไปจากคดี
ความผิดท่กี ฎหมายมไิ ด้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความกันได้ที่เรียกกันว่า “คดีอาญาแผ่นดิน” ซึ่งผลของ
การกระทาผิดจะมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นส่วนรวม คดีเหล่านี้
แมผ้ เู้ สียหายจะยนิ ยอมก็ไม่ทาใหส้ ทิ ธนิ าคดีอาญามาฟอ้ งระงบั ลงไป ความผิดทกี่ ฎหมายบญั ญตั ิให้เป็นความผิด
อันยอมความได้แบ่งออกเป็นความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดอันยอมความ
ได้ตามกฎหมายเฉพาะต่างๆ ดังน้ี (๑) ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติความผิดอันยอมความได้เอาไว้ตามราย
มาตรา โดยจะเริ่มต้นต้ังแต่ลักษณะ ๘ ความผิดเกี่ยวกับการค้าเป็นต้นไป ๑. ลักษณะ ๘ ความผิดเก่ียวกับ
การค้า มาตรา ๒๗๒ มี ๓ ฐานความผิด ได้แก่ ๑.๑ ความผิดฐานเอาช่ือ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความในการ
ประกอบการคา้ ของผู้อ่นื มาใช้ ๑.๒ ความผดิ ฐานเลียนป้ายผู้อื่น ๑.๓ ความผดิ ฐานไขขา่ วแพร่หลายซึ่งข้อความ
เท็จเกีย่ วกับการค้าของผูอ้ ่นื ๒. ลักษณะ ๙ ความผดิ เกี่ยวกับเพศ มี ๔ ฐานความผดิ ไดแ้ ก่ ๒.๑ ความผิดฐาน
ข่มขืนกระทาชาเราผู้อ่ืน (โดยไม่มีเหตุฉกรรจ์) ๒.๒ ความผิดฐานกระทาอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ซึ่งความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคแรกและมาตรา ๒๗๘ นั้น ถ้ามิได้เกิดต่อหน้าธารกานัล ไม่เป็นการให้
ผู้ถูกกระทารับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตายหรือมิได้เป็นการกระทาแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
ซ่ึงมิใช่ภริยาหรือสามีของตน ๒.๓ ความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพ่ือการอนาจาร ๒.๔ ความผิดฐานซ่อนเร้นบุคคล
ซ่ึงถูกพาไปเพ่ือการอนาจาร ๓. ลักษณะ ๑๑ ความผิดเก่ียวกับเสรีภาพและชื่อเสียง หมวด ๑ ความผิดต่อ
เสรีภาพ มี ๓ ฐานความผิด ได้แก่ ๓.๑ ความผิดฐานทาให้เส่ือมเสียเสรีภาพ (ไม่มีเหตุฉกรรจ์) ๓.๒ ความผิด
ฐานหนว่ งเหน่ียวกักขังผูอ้ ื่น (ไม่มีเหตฉุ กรรจ์) ๓.๓ ความผดิ ฐานหน่วงเหน่ียวกักขังผู้อ่ืนโดยประมาท (ไม่มีเหตุ
ฉกรรจ์) ๔. ลักษณะ ๑๑ ความผิดเก่ียวกับเสรีภาพและชื่อเสียง หมวด ๒ ความผิดฐานเปิดเผยความลับ มี ๒
ฐานความผิด ได้แก่ ๔.๑ ความผิดฐานเปิดเผยความลับในจดหมาย โทรเลขหรือเอกสารปิดผนึกของผู้อื่น
๔.๒ ความผิดฐานเปิดเผยความลับของผู้อื่นท่ีล่วงรู้มาโดยหน้าท่ี ๔.๓ ความผิดฐานเปิดเผยความลับในทาง
อตุ สาหกรรมหรอื วิทยาศาสตร์ ๕. ลักษณะ ๑๑ ความผิดเก่ียวกับเสรีภาพและชื่อเสียง หมวด ๓ ความผิดฐาน
หม่ินประมาท มี ๓ ฐานความผิด ได้แก่ ๕.๑ ความผิดฐานหม่ินประมาท ๕.๒ ความผิดฐานหมิ่นประมาท
คนตาย ๕.๓ ความผิดฐานหม่ินประมาทด้วยการโฆษณา ๖. ลักษณะ ๑๒ ความผิดเก่ียวกับทรัพย์ หมวด ๓
ความผิดฐานฉ้อโกง มี ๖ ฐานความผิด ได้แก่ ๖.๑ ความผิดฐานฉ้อโกง ๖.๒ ความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตน
เป็นคนอ่ืน หรืออาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูก
หลอกลวง ๖.๓ ความผิดฐานหลอกลวงคนให้ไปทางาน ๖.๔ ความผิดฐานส่ังซื้ออาหารหรือเข้าอยู่ในโรงแรม
โดยไม่มีเงิน ๖.๕ ความผิดฐานชักจูงให้เด็กเบาปัญญาขายของโดยเสียเปรียบ ๖.๖ ความผิดฐานฉ้อโกงในการ
ประกนั วนิ าศภยั ๗. ลักษณะ ๑๒ ความผดิ เกย่ี วกับทรพั ย์ หมวด ๔ ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ มี ๒ ฐานความผิด
ได้แก่ ๗.๑ ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ผู้รับจานา ๗.๒ ความผิดฐานโกงเจ้าหน้ี (ทั่วไป) ๘. ลักษณะ ๑๒ ความผิด

๑๓

เกี่ยวกับทรัพย์ หมวด ๕ ความผิดฐานยักยอก มี ๔ ฐานความผิด ได้แก่ ๘.๑ ความผิดฐานยักยอก
๘.๒ ความผดิ ฐานยกั ยอกในฐานะเปน็ ผู้จัดการทรัพย์ ๘.๓ ความผดิ ฐานยักยอกในฐานะเป็นผู้จัดการทรัพย์ตาม
คาส่ังศาลหรือตามพินัยกรรมหรือฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ ๘.๔ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์เก็บตก
๙. ลักษณะ ๑๒ ความผิดเก่ียวกับทรัพย์ หมวด ๗ ความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์ มี ๒ ฐานความผิด ได้แก่
๙.๑ ความผดิ ฐานทาใหเ้ สยี ทรพั ย์ ๙.๒ ความผดิ ฐานทาให้เสียทรพั ย์ทีม่ เี หตฉุ กรรจ์ ๑๐. ลักษณะ ๑๒ ความผิด
เก่ียวกับทรัพย์ หมวด ๘ ความผิดฐานบุกรุก มีฐานความผิด ได้แก่ ๑๐.๑ ความผิดฐานบุกรุกอันเป็นการ
รบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ๑๐.๒ ความผิดฐานบุกรุกโดยย้ายเครื่องหมายอสังหาริมทรัพย์
๑๐.๓ ความผิดฐานเข้าไปซ่อนตัวในอาคารของคนอ่ืน ๑๑. ความผิดอันยอมความได้เพราะเหตุความสัมพันธ์
ระหว่างผูก้ ระทาผิดและผูเ้ สยี หาย ยงั มคี วามผิดอันยอมความไดอ้ นั เกิดข้นึ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทา
ผดิ และผู้เสียหาย ตามความในประมวลกฎหมายอาญา “มาตรา ๗๑ ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๓๔
ถึงมาตรา ๓๓๖ วรรคแรก และมาตรา ๓๔๑ ถึงมาตรา ๓๖๔ น้ัน ถ้าเป็นการกระทาที่สามีกระทาต่อภริยา
หรือภริยากระทาต่อสามีผู้กระทาไม่ต้องรับโทษ ความผิดดังระบุมานี้ถ้าเป็นการกระทาที่ผู้บุพการีกระทาต่อ
ผู้สบื สนั ดาน ผ้สู บื สนั ดานกระทาตอ่ ผ้บู พุ การหี รือพหี่ รอื น้องรว่ มบดิ ามารดาเดียวกนั กระทาต่อกัน แมก้ ฎหมาย
มิได้บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ก็ให้เป็นความผิดอันยอมความได้และนอกจากนั้นศาล จะลงโทษ
นอ้ ยกว่าทีก่ ฎหมายกาหนดไวส้ าหรบั ความผิดน้ันเพยี งใดกไ็ ด้”

ความผิดอันยอมความได้ตามกฎหมายเฉพาะ (๑) พระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗
(๒) พระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยความผดิ อันเกิดจากการใชเ้ ชค็ พ.ศ. ๒๕๓๔ (๓) พระราชบัญญตั ิความลับทางการคา้
พ.ศ. ๒๕๔๕ (๔) พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ (๕) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วย
ความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ (๖) ความผดิ อันยอมความไดต้ ามกฎหมายอ่นื

การไกล่เกลี่ยและประนอมขอ้ พพิ าทคดอี าญาในความผิดตอ่ สว่ นตวั
๑. การไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาท พนักงานอัยการเจ้าของเรื่องจะต้องกระทาด้วยความเที่ยง
ธรรมและเป็นกลาง และต้องไม่กระทาการใดเพื่อเป็นการจูงใจ ให้คาม่ันสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดย
มิชอบประการอนื่ เพ่ือให้ค่กู รณยี นิ ยอมในการไกล่เกลยี่ และประนอมขอ้ พพิ าท
๒. พนักงานอัยการผู้มีอานาจหน้าที่ไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาท ได้แก่ อัยการพิเศษ
ฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย สคช. หรือ อัยการจังหวัดประจาสานักงานอัยการสูงสุดรับผิดชอบ งานคุ้มครอง
สิทธิแกป่ ระชาชนประจาสานักงานอยั การจังหวัด (อจ.สคช.) แล้วแต่กรณี ทั้งนี้อัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทาง
กฎหมาย สคช. หรือ อจ.สคช. อาจมอบหมายพนักงานอัยการคนหนึ่งหรือหลายคนท่ีรับผิดชอบงานคุ้มครอง
สิทธแิ ละชว่ ยเหลือทางกฎหมายแกป่ ระชาชนเปน็ เจา้ ของเรื่องผรู้ ับผดิ ชอบ
๓. กรณีสานักงานอัยการจังหวัดใดไม่มี อจ.สคช. ประจาอยู่ ให้อัยการจังหวัดนั้น มอบหมาย
พนกั งานอยั การซึง่ มิใชผ่ รู้ ับผดิ ชอบในการดาเนินคดีอาญาเร่ืองน้นั เป็นพนักงานอยั การเจ้าของเรื่อง
๔. เมื่อสง่ เรอื่ งให้ สคช. หรือ อจ.สคช. เพื่อดาเนินการไกล่เกล่ียแล้วให้พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบ
ในการดาเนินคดีอาญาพิจารณาสง่ั คดีน้นั ต่อไปโดยไมต่ ้องรอผลการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท และเม่ือมี
คาสั่งถงึ ทส่ี ุดแล้ว ใหม้ ีหนงั สือแจง้ สคช. หรอื อจ.สคช. แลว้ แตก่ รณที ราบทนั ที

๑๔

๕. คดีอาญาในความผิดต่อส่วนตัวที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ต้องห้ามมิให้ดาเนินการไกล่เกลี่ยประนอม
ขอ้ พิพาท

๕.๑ คดีท่ีปรากฏข้อเท็จจริงว่าการกระทาผิดของผู้ต้องหาเป็นการประกอบอาชญากรรมเป็น
อาชีพ หรอื กระทาความผิดตดิ นสิ ัย

๕.๒ คดีท่มี ขี ้อเทจ็ จริงเป็นทแ่ี นช่ ัดแลว้ วา่ พนักงานอัยการจะตอ้ งมคี าส่งั ยตุ ิคดเี พราะเหตอุ น่ื
๖. การไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาท ให้ดาเนินการ ณ สานักงานอัยการ หรือสถานท่ีราชการอื่น
ตามท่ีพนักงานอัยการเห็นสมควร โดยสถานท่ีไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาทควรจัดแยกเป็นสัดส่วนเพ่ือ
รักษาความลบั
๗. คู่กรณมี สี ทิ ธใิ ห้บุคคล ซงึ่ ตนไว้วางใจเข้ารับฟังไดฝ้ า่ ยละไมเ่ กนิ สองคน
๘. การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพพิ าทไมใ่ หว้ นิ จิ ฉัยว่าคกู่ รณฝี ่ายใดผิดฝ่ายใดถูก
๙. การไกลเ่ กลย่ี และประนอมข้อพิพาท ถ้ามีการเรียกร้องค่าเสียหายหรือเง่ือนไขอย่างหนึ่ง อย่างใด
ให้คู่กรณีอีกฝ่ายหน่ึงต้องปฏิบัติหากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายยินยอมให้พนักงานอัยการกะจานวนค่าเสียหายหรือ
กาหนดเงือ่ นไขที่ตอ้ งปฏบิ ัตินน้ั ไดต้ ามท่เี ห็นสมควร
การไกล่เกลี่ยในคดีอาญาท่ีไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว ระเบียบสานักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการ
ไกล่เกล่ียและประนอมข้อพิพาทคดีอาญาในช้ันพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้กาหนดหลักเกณฑ์การ
ไกล่เกล่ยี คดอี าญาท่ไี มใ่ ชค่ วามผิดต่อสว่ นตัวเอาไว้ดว้ ย ดงั นี้
๑. ในสานวนคดีอาญาซึ่งไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว หรือสานวนคดีอาญาท่ีมีความผิดต่อส่วนตัวและ
ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวรวมกัน ถ้าผู้เสียหายและผู้ต้องหามีความประสงค์จะให้ไกล่เกล่ีย เพ่ือบรรเทาความ
เสยี หายและเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีของศาล พนกั งานอยั การอาจดาเนนิ การไกล่เกลยี่ ให้ได้
๒. เมือ่ พนกั งานอยั การผู้รับผดิ ชอบการดาเนินคดีได้รับแจ้งผลการไกล่เกล่ียแล้ว และเป็นกรณีท่ีการ
ไกล่เกลี่ยน้ันสามารถตกลงกนั ได้ให้พนักงานอัยการแถลงถึงผลการไกลเ่ กลี่ยนั้นตอ่ ศาลดว้ ย
๓. ใหน้ าความในหมวด ๑ การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีอาญาในความผิดต่อส่วนตัวมาใช้
ในการดาเนินการไกล่เกล่ียคดีอาญาทไ่ี มใ่ ชค่ วามผิดตอ่ ส่วนตวั โดยอนุโลม
ศาสตรแ์ ละศลิ ปะในการไกล่เกลี่ยประนอมขอ้ พพิ าท: ผู้ทรงคุณวุฒิอัยการผู้มีความรู้ความเช่ียวชาญ
และประสบการณ์ในการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า “การไกล่เกล่ียประนีประนอม
ข้อพพิ าทเป็นทัง้ ศาสตรแ์ ละศิลปะ ท่ีว่าเป็นศาสตร์นั้น หมายถึงว่าผู้ทาหน้าที่เกี่ยวกับเร่ืองน้ีจะต้องมีความรู้ใน
เร่ืองความรู้เบ้ืองต้นทางกฎหมายตามสมควร มีความรู้ในเร่ืองสังคมจิตวิทยา ตลอดจนฐานะความเป็นอยู่ของ
ค่กู รณีและท่วี า่ เป็นศลิ ปะนน้ั กห็ มายถึงวา่ ผ้ทู าหนา้ ท่ตี ้องมีศิลปะในการเจรจา มีปฏิภาณไหวพรบิ และกลยุทธ์ใน
การประนอมขอ้ พิพาท” (สหาย ทรพั ยส์ ุนทรกลุ อดีตรองอัยการสงู สุด)

๑๕

การไกล่เกลีย่ ในชนั้ ศาล๕
การไกลเ่ กลี่ย คือ กระบวนการยุติหรือระงับข้อพิพาทด้วยความตกลงยินยอมของคู่ความเองโดยท่ีมี
บุคคลท่ีสามมาเป็นคนกลางคอยช่วยเหลือแนะนา เสนอแนะหาทางออกในการยุติหรือระงับข้อพิพาทให้
คคู่ วามต่อรองกนั ได้สาเร็จ
การไกล่เกล่ียข้อพิพาทในศาล หมายถึง การท่ีผู้ไกล่เกล่ียทาการไกล่เกล่ียข้อพิพาท ซ่ึงเป็นคดีที่อยู่
ระหว่างการพิจารณาของศาลต้ังแต่ศาลรับฟ้องจนถึงก่อนมีคาพิพากษาถึงที่สุดให้กับคู่ความ เป็นการช่วยให้
คูค่ วามทงั้ สองฝา่ ยสามารถบรรลขุ อ้ ตกลงร่วมกัน แตผ่ ไู้ กล่เกล่ยี ไม่มีอานาจในการกาหนดข้อตกลงให้แก่คู่ความ
แต่อย่างใด โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการประนีประนอมยอมความให้จากความสมัครใจของคู่ความท้ังสอง
ฝา่ ยเปน็ สาคัญ ดงั นน้ั ฝา่ ยใดฝ่ายหนง่ึ อาจขอยกเลิกการไกล่เกลย่ี เสยี เม่ือใดก็ย่อมได้
ผู้ไกล่เกล่ีย หรือบางครั้งเรียกว่า “ผู้ประนีประนอม” ได้แก่ ผู้พิพากษาในศาลต่าง ๆ ซึ่งมิใช่
ผู้พิพากษาเจ้าของสานวน รวมท้ังบุคคลหรือคณะบุคคลที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการไกล่เกลี่ยและแต่งตั้งให้
เป็นผู้ประนีประนอมประจาศาล โดยผู้พิพากษาหรือบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีความสนใจมีความพร้อมและสมัคร
ใจที่จะทาหน้าท่ีเป็นผู้ไกล่เกล่ียซ่ึงมีความเป็นกลาง ไม่มีอคติสามารถให้ความเป็นธรรมกับคู่ความ ทุกฝ่ายได้
ถูกต้องตรงตามความประสงค์ของคู่ความ ช่วยแก้ไขปัญหาให้แก่คู่ความทุกฝ่ายและเป็นผู้ช่วยทาให้ข้อพิพาท
ทงั้ หลายยตุ ลิ งอยา่ งฉนั มิตร ผู้ไกล่เกล่ียมหี น้าทใ่ี นการช่วยให้คู่ความทั้งสองฝ่ายตกลงประนีประนอมยอมความ
กัน ไม่มีหน้าที่ตัดสินช้ีขาดข้อพิพาทหรือคดีระหว่างความแต่อย่างใด ทั้งน้ี การไกล่เกล่ียในแต่ละคดีความน้ัน
ต้องได้รบั การแตง่ ตงั้ ให้เปน็ ผู้ไกลเ่ กลี่ยคดีนั้น โดยท่านผู้พพิ ากษาหวั หน้าศาลอีกครง้ั หนึ่ง
คดหี รอื ข้อพพิ าทท่ีสามารถไกลเ่ กล่ียได้
1. คดีหรือข้อพพิ าททางแพ่ง เชน่ กยู้ ืม ค้ าประกัน ซ้อื ขาย เช่าทรัพย์ครอบครัว มรดก ฯลฯ
2. คดหี รือขอ้ พิพาททางอาญาทีย่ อมความไดเ้ ช่น บุกรุก ยกั ยอก ทาใหเ้ สียทรัพยห์ ม่นิ ประมาท ฯลฯ
3. ข้อพิพาททางแพ่งที่เก่ียวกับคดีอาญา สามารถไกล่เกลี่ยได้ในส่วนคดีแพ่ง เช่น กรณีขับรถ
โดยประมาทเป็นเหตุให้ผอู้ ่ืนไดร้ บั อนั ตรายแก่รา่ งกาย หรือ จติ ใจ คดีสามารถตกลงประนปี ระนอมยอมความได้
ในส่วนของค่าเสียหาย ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญานั้น เจ้าพนักงานตารวจสามารถดาเนินคดี
ตอ่ ไปได้
4. คดหี รือขอ้ พพิ าทอ่ืนท่ยี ุตโิ ดยวธิ ีการไกลเ่ กล่ียขอ้ พพิ าท
ส่ิงท่ีคู่ความต้องมีในการไกล่เกล่ีย ส่ิงสาคัญอย่างย่ิงในการท่ีจะไกล่เกล่ียให้ประสบความสาเร็จ
หากคคู่ วามมสี งิ่ เหลา่ น้ี คือ
1. ความต้องการท่จี ะใหไ้ กล่เกล่ยี
2. ความรับผิดชอบสว่ นตวั
3. ความตงั้ ใจท่ีจะไม่ตกลงด้วย
4. ความตงั้ ใจทจ่ี ะตกลงด้วย การไกลเ่ กล่ียส่งผลสองทางคือคู่กรณีท้ังสองฝ่ายพอใจทั้งคู่หรือเรียกว่า
ชนะทงั้ คู่ (win-win) จึงเปน็ ผลทีต่ รงตามความม่งุ หมายของการไกลเ่ กลีย่ เชน่ เจา้ หนก้ี ็ได้รบั ชาระหนี้

๑๖

ขน้ั ตอนการเข้าระบบไกลเ่ กลย่ี
1. กรณกี ารไกลเ่ กล่ยี ขอ้ พพิ าทกอ่ นวนั นัด

1.1 โจทก์อาจแสดงความประสงค์ต่อศาล เพื่อขอใหศ้ าลนาคดเี ขา้ สรู่ ะบบการไกล่เกล่ียข้อพิพาท
ในศาลเม่ือโจทก์ดาเนินการย่ืนฟ้องคดีหรือจาเลยเมื่อได้รับสาเนาคาฟ้อง หรือหนังสือเชิญชวนเข้าสู่ระบบการ
ไกลเ่ กล่ยี ขอ้ พิพาท อาจแจง้ ความประสงคม์ ายังศนู ย์ไกลเ่ กลีย่ ขอ้ พิพาทเพอื่ ขอไกลเ่ กล่ียขอ้ พพิ าทกบั คู่พิพาท

1.2 ภายหลังที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้รับแจ้งความประสงค์ของคู่พิพาทแล้วจะประสานกับ
คพู่ ิพาทเพอ่ื กาหนดนัดวันไกล่เกล่ียและแจง้ ให้คพู่ ิพาททุกฝ่ายทราบ

2. กรณกี ารไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างการพจิ ารณาคดีของศาล
2.1 คู่ความสามารถขอให้ศาลใช้ระบบการไกล่เกล่ียข้อพิพาทในเวลาใด ๆ ก็ได้ในระหว่างการ

พจิ ารณาคดีหรอื ศาลอาจเห็นสมควรให้ไกล่เกล่ยี คดีใหอ้ ยรู่ ะหวา่ งการพิจารณากไ็ ด้
2.2 ผู้พิพากษาส่งคดีเขา้ สู่ศูนยไ์ กลเ่ กลีย่ ข้อพิพาทประจาศาลดาเนินการ
2.3 ผู้พิพากษาทาหน้าท่ีไกล่เกลี่ยหรือผู้ประนีประนอมประจาศาลซึ่งเป็นบุคคลภายนอก

ทข่ี น้ึ ทะเบยี นไว้ดาเนินการไกลเ่ กล่ีย
2.4 ถ้าตกลงกันได้อาจมีการถอนฟ้อง ถอนคาร้องทุกข์ หรือศาลมีคาพิพากษาไปตามสัญญา

ประนีประนอมยอมความทค่ี ่คู วามตกลงยินยอมจัดทาขนึ้
การสนิ้ สุดการไกล่เกล่ีย
1. เม่ือมกี ารทาสัญญาประนีประนอมยอมความด้วยความยนิ ยอมและพึงพอใจของคพู่ พิ าท
2. เมื่อฝา่ ยใดฝ่ายหน่ึงไมป่ ระสงคท์ ี่จะดาเนนิ การไกลเ่ กลี่ยต่อไป
3. เมือ่ ผ้ไู กลเ่ กลยี่ สั่งให้ยุติการไกล่เกล่ยี เนื่องจากคพู่ ิพาทไม่สามารถตกลงกันได้
หน่วยงานท่ีรับผิดชอบการระงับข้อพิพาทคือ กองส่งเสริมระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิและ

เสรภี าพ กระทรวงยตุ ิธรรม ซง่ึ มอี านาจหนา้ ท่ี ดังน้ี (1) พัฒนาระบบและมาตรการส่งเสริมการระงับข้อพิพาท
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน (2) ดาเนินการส่งเสริมการระงับข้อพิพาทโดยเน้นการมีส่วน
ร่วมของประชาชนและชมุ ชน (3) ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมหรือเผยแพร่ความรู้แก่
ชุมชนเพื่อส่งเสริมการระงับข้อพิพาท (4) ประสานงานและส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง
ท้ังภาครฐั และภาคเอกชนทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศในการสง่ เสรมิ การระงับข้อพพิ าท (5) ศกึ ษา วิเคราะห์
เพื่อพัฒนาระบบการระงับข้อพิพาท (6) ติดตามและประเมินผลการดาเนินงานส่งเสริมการระงับข้อพิพาท
(7) ปฏิบตั งิ านร่วมกับหรอื สนับสนนุ การปฏบิ ัตงิ านของหน่วยงานอนื่ ท่ีเกยี่ วขอ้ งหรือที่ไดร้ ับมอบหมาย

พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 ถือเป็นกฎหมายให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการ
ยตุ ธิ รรม โดยสะดวกรวดเรว็ และไม่เสยี คา่ ใช้จ่าย ทาให้ปริมาณคดีขึ้นสู่ศาลปกครองลดน้อยลง ลดปัญหาความ
ขัดแย้ง เกิดความสมานฉันท์ข้ึนในสังคม ลดงบประมาณแผ่นดิน และเสริมสร้างสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่าง
ปกตสิ ุข

๑๗

อา้ งอิง

๑ จิตตมิ า กลุ ประเสรฐิ รตั น์. ๒๕๖๒. พ.ร.บ.การไกล่เกลย่ี ข้อพพิ าท พ.ศ.2562. เขา้ ถึงข้อมูลไดจ้ ากไทยโพสต์
https://www.thaipost.net/main/detail/49023 วนั ท่ีสืบคน้ ข้อมลู ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔.
๒ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏนครราชสมี า คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ หลกั สูตรนติ ศิ าสตรบณั ฑติ . ๒๕๖๔.
ความเปน็ มาของกฎหมายการไกลเ่ กลย่ี ข้อพพิ าท. เขา้ ถึงขอ้ มูลได้จาก https://lawyer.human.nrru.ac.th/
wp-content/uploads/2021/06/2 วันท่ีสืบคน้ ขอ้ มูล ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔.
๓ สกล หาญสุทธิวารนิ ทร์. ๒๕๖๒. การไกล่เกลีย่ ระงับขอ้ พพิ าททางแพง่ และทางอาญา. เข้าถึงข้อมูลไดจ้ าก
กรุงเทพธรุ กิจ https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/121893 วนั ท่ีสบื คน้ ขอ้ มูล
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔.
๔ อนชุ าติ คงมาลยั . ๒๕๕๖. การไกลเ่ กลยี่ และประนอมข้อพิพาทคดีอาญาชน้ั พนกั งานอยั การ. เขา้ ถงึ ข้อมลู
ไดจ้ าก http://www.ago.go.th/articles_56/article_040156.pdf วนั ทส่ี ืบค้นข้อมูล ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔.
๕ ศาลจงั หวัดตะก่ัวปา่ ศนู ย์สมานฉันท์และสันตวิ ธิ ี. ๒๕๖๒. การไกลเ่ กลี่ย. เข้าถงึ ข้อมลู ไดจ้ าก
http://office.cpd.go.th/supportcoop/images/CDF/Paper/2562/002/tkpc_1461818013.pdf
วันท่ีสืบค้นข้อมูล ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔.
๖ กระทรวงยตุ ิธรรม กรมคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพ. ๒๕๖๔. กระบวนการจัดตง้ั ศนู ย์ไกล่เกล่ยี ข้อพิพาท
ภาคประชาชน. เข้าถงึ ขอ้ มลู ได้จาก https://lawyer.human.nrru.ac.th/wp-content/uploads/
2021/06/3 วนั ทีส่ บื ค้นข้อมูล ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๖๔.
๗ ธปภคั บรู ณะสิงห์, พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส และ พระปราโมทย์ วาทโกวิโท. ๒๕๖๓. รปู แบบการ
ไกลเ่ กลย่ี ขอ้ พิพาทภาคประชาชนโดยหลักพทุ ธสันติวธิ ี: ศกึ ษากรณตี าบลสวาย อาเภอปรางคก์ ู่ จังหวัด
ศรสี ะเกษ. วารสารสันตศิ ึกษาปรทิ รรศน์ มจร ปที ่ี 8 ฉบับเพิ่มเติม. เข้าถงึ ขอ้ มลู ได้จาก file:///D:/
Downloads/240598-%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%
B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-849524-2-10-20200703%
20(1).pdf วันทส่ี บื ค้นข้อมลู ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔.


Click to View FlipBook Version