บทสนุ ทรพจนท์ ี่ใชใ้ นการประกวด
ตามรอยพระยคุ ลบาท ช่วยชาตไิ ด้อย่างไร
เรียนท่านประธาน ท่านคณะกรรมการที่เคารพ และสวัสดีท่านผู้มเี กียรติทุกท่าน (สรรพ
นามแทนตวั เอง) ผูเ้ ข้าแข่งขัน หมายเลข....... รสู้ ึกเปน็ เกยี รตแิ ละภาคภูมิใจเป็นอยา่ งย่ิง ที่ได้มา
กลา่ วสุนทรพจน์ ในหวั ขอ้ “ตามรอยพระยุคลบาท ช่วยชาตไิ ด้อยา่ งไร”
“จิตใจที่เปล่ียมไปด้วยความปรารถนาดี
และความเป็นอนั หนึง่ อันเดยี วกนั ของทกุ คนทุกฝา่ ยนี้
ทำใหข้ ้าพเจ้าเหน็ แล้วมีกำลังใจมากขนึ้ ”
พระราชดำรัส พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมมนาถบพิตร เนอ่ื งในงานฉลองสริ ริ าช
สมบตั คิ รบ ๖๐ ปี ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ในวันศุกร์ท่ี ๙ มิถุนายน ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๔๙
จากพระราชดำรัสนี้ทรงช้ีใหเ้ ห็นแลว้ ว่าพระองคท์ รงนกึ ถึงพสกนกิ รชาวไทยเสมอมา ดั่งสัจจะ
วาจาท่ใี หไ้ ว้กอ่ นข้นึ ครองราชสมบตั ิว่า “เราจะครองแผน่ ดินโดยธรรมเพอ่ื ประโยชน์สขุ แห่งมหาชน
ชาวสยาม” จากวนั น้ันถงึ วนั น้ี ๗๙ ปีแห่งพระชนมว์ าร ที่พระองค์ทรงเป็นพระมหาปติ ุราษผู้ปฏิบตั ิ
พระราชกรณียกิจโดยบริสุทธบิ์ ริบูรณ์ทุกสถาน ท้ังตามระบอบการปกครองและตามโบราณขัตตยิ ะ
จารตี พระองคจ์ ึงเปน็ ทีป่ ระจกั ษ์ท่วั ไปทั้งในหมูช่ าวไทยและชาวโลก วา่ ทรงเปน็ พระมหากษัตรยิ ์สุด
ประเสริฐ ผเู้ ลิศด้วยบุญญาธิการและเพ็ญเพียรดว้ ยพระบารมี พระบารมีแหง่ ใตฝ้ ่าละอองธลุ ีพระ
บาทเปน็ อเนกประการ เกินกลา่ วขานไดใ้ นเวลาจำกดั นี้
ท่านผฟู้ ังทเ่ี คารพครับกว่า ๔๐๐๐ โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ ทัง้ ทางด้าน
วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี ดา้ นการเกษตร เพื่อการพัฒนานำ้ พัฒนาดิน พัฒนาปา่ ไม้ พระองค์
ทรงคดิ ค้นเพ่อื ปวงชนชาวไทยจากพระราชหฤทัยอนั แรงกล้า ท้ังยงั ทรงพระปรีชาสามารถในดา้ นต่าง
ๆ พระองคท์ รงเป็น มหาราชนกั วรรณศิลป์ พระภูบดนิ ทรน์ ักดนตรี พระภมู ีด้านการกฬี า กษัตรา
นักวิทยาศาสตร์ พระปิตุราษแห่งภาพถา่ ย และสุดทา้ ยครขู องแผน่ ดิน
ทกุ ท่านครับในฐานะที่กระผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลยั ของพระราชา ตามคำกล่าวท่ีว่าคน
ของพระราช ขา้ ของแผน่ ดนิ และในฐานะทีก่ ระผมเป็นนักศึกษาน้ี จึงชี้ให้ได้รูแ้ ละไดเ้ หน็ ว่า
การศกึ ษาน้ันสำคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศชาตอิ ย่างมาก ดังพระบรมราโชวาทตอนหน่งึ ความวา่
“งานดา้ นการศกึ ษาเปน็ งานสำคญั ท่ีสดุ อยา่ งหน่ึงของประเทศชาตเิ พราะความเจรญิ และ
ความเสือ่ มของชาตนิ ัน้ ข้นึ อยู่กบั การศกึ ษาของพลเมอื งเป็นข้อใหญ่”
พระองคท์ รงมพี ระมหากรุณาธคิ ณุ สง่ เสริมเกือ้ หนุนการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรยี นและการศกึ ษา
นอกระบบจงึ มีพระราชกรณียกิจท่ีเก่ียวกับการจดั ตั้งโรงเรยี นต่าง ๆ อาทิ การใช้พระราชทรพั ย์ส่วน
พระองคจ์ ดั ตงั้ โรงเรียนเพือ่ ชาวเขาและเยาวชนในชนบทห่างไกล ใหเ้ ปน็ ตำรวจ พระราชทานนาม
วา่ “โรงเรยี นเจ้าพ่อหลวงอุปถมั ภ์” และโรงเรียนร่มเกลา้ เพอ่ื ผู้ยากไร้ในภมู ิภาคอสี าน
นอกจากนี้ยังพระราชทานพระราชทรพั ยส์ ่วนพระองคจ์ ัดตง้ั กองทนุ เพอื่ เปน็ ทุนการศกึ ษา
เพอ่ื พฒั นาชาตใิ ห้ม่นั คง อาทิ ทนุ มูลนธิ ิภูมิพล ทนุ มลู นิธอิ านนั ทมหิดล ทุนเล่าเรยี นหลวง และ
ทนุ นวฤกษ์
ทา่ นผมู้ ีเกียรตทิ กุ ทา่ นครบั เหน็ แล้วหรือยงั ครับวา่ การศกึ ษานัน้ มคี วามสำคญั มากน้อยเพียงใด
ตอ่ ประเทศชาติ การกระทำตามรอยพระยคุ ลบาททางดา้ นการศกึ ษานน้ั จงึ เปน็ สง่ิ ท่ีสำคัญตอ่ การ
พัฒนาประเทศชาตอิ ย่างยงิ่ และแม่พมิ พ์ทีด่ ีกเ็ ป็นอกี หน่ึงการผลติ บคุ ลากรให้มีคุณภาพของประเทศ
อยา่ ลมื นะครบั ว่าผู้ใหญ่ในวันนค้ี อื อดีตของชาติ แต่เดก็ ในวันน้คี ืออนาคตของชาติ
ถึงเวลาแล้วครับทีเ่ ราจะตอ้ งช่วยกนั พัฒนาการศึกษาของประเทศ เพอ่ื ให้ประเทศของเรา
นน้ั เทยี บเทา่ กับนานาอารยะประเทศได้ และเม่ือการศกึ ษาพัฒนาคนแลว้ ความศวิ ิไลซ์วฒั นาสถาพร
จะบงั เกิดขึน้ ได้อยา่ งง่ายดาย
ถา้ เปรียบตน้ ไมใ้ หญเ่ ปน็ พระมหากษัตรยิ ์ แลว้ เปรยี บพสกนกิ รชาวไทยเป็นผล ถึงแมว้ า่ วันน้ี
เราจะไม่มีตน้ ไม้ใหญ่ทด่ี ำรงต้ังอยู่ แตเ่ รายังมี ๖๐ กว่าลา้ นผลท่พี ร้อมจะดำเนินตามรอยพระยุค
คลเป็นต้นไมใ้ หญใ่ นวนั ข้างหนา้
“ขอบคณุ ครับ”
เขียนบทโดย นายอรรถชัย วงศ์ฉลาด
ใช้ประกวดสนุ ทรพจนถ์ วายงานผา่ นภาษาปี ๒๕๖๐
“ พจนศลิ ป์”
พลงั แหง่ การเกอื้ กูล
“...สิง่ แวดลอ้ มเปน็ คำทมี่ ี ความหมายกว้างมาก คอื ทกุ ส่ิงทุกอยา่ งที่อยรู่ อบตัวเรา
มีความหมายทัง้ ในด้านทเ่ี ปน็ รูปธรรม เช่น ดนิ น้าํ อากาศ
และเปน็ นามธรรม เช่น สภาพความสมั พนั ธ์อนั ดี ความเปน็ มติ ร
ส่ิงแวดลอ้ ม ทกุ ประเภท มีผลตอ่ การเก้ือกลู กนั ...”
(จากหนงั สือ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเรือ่ งประสบการณก์ าร
พฒั นาชนบทที่เปน็ มิตรกับสิ่งแวดล้อม)
จากข้อความข้างต้น ทรงช้ชี ดั ใหเ้ ห็นแลว้ ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราช
กุมารี ทรงมีแนวพระราชดำรวิ ่า นำ้ ตอ้ งพงึ่ เรือ เสือตอ้ งพึง่ ปา่ คนในครอบครัวตอ้ งช่วยเหลอื กัน
สงั คมต้องไม่ฝกั แบง่ ฝ่ายและทุกฝ่ายต้องชว่ ยกนั รักษาวัฒนธรรมท่ดี งี ามเอาไว้ เพอื่ การอยูร่ ว่ มกันใน
สังคมท่มี คี วามมนั่ คง
ทุกทา่ นครบั วัฒนธรรมที่ดงี ามอย่าหนง่ึ ของคนไทยท่กี ำลังจะเลือนหายไป พร้อมกบั ความ
เจรญิ ทางนวตั กรรมในปจั จุบนั คือ การเกอื้ กูล สังคมไทยปัจจุบนั นี้ ขาดซงึ่ การเก้อื กูล ไมว่ า่ จะเปน็
เกื้อกูลต่อสิง่ แวดล้อม ตอ่ สงั คม และตวั เอง การเกื้อกูลนนั้ ต้องประกอบชอบดว้ ยหลกั ธรรม ท่ีจะทำให้
จติ ใจบรสิ ุทธิ์ ประดจุ น้ำทิพย์ทีไ่ หลรินสสู่ ังคม น้นั กค็ อื สังคหวัตถุ ๔ ซ่ึงเป็นหลกั ธรรมทเี่ ป็นเครื่องยึด
เหน่ยี วนำ้ ใจของผูอ้ ่นื ผูกไมตรี เอ้ือเฟอ้ื เก้ือกูล
ประกอบไปด้วย ๔ ประการ ดงั น้ี
ประการท่ี ๑ ทาน คือ การให้ หรือการเอ้ือเฟื้อแบง่ ปันของ ๆ ตนเพ่ือประโยชนแ์ ก่บุคคลอืน่
ประการที่ ๒ ปิยวาจา คอื การพูดจาดว้ ยถ้อยคำท่ีไพเราะอ่อนหวาน พดู ด้วยความจรงิ ใจ
ประการท่ี ๓ อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ หรอื การประพฤตใิ นสงิ่ ทเี่ ป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน
ประการสดุ ท้าย สมานตั ตา คอื การเป็นผ้มู ีความสม่ำเสมอ ท้งั ทางด้านกาย วาจา ใจ
หากประพฤติตามหลกั ธรรมเหลานไ้ี ด้แลว้ ไม่แคลว้ ทีป่ ระเทศชาติของเราจะได้พัฒนา
ทางด้านจติ ใจทีม่ กี ารเกื้อกูลซง่ึ กนั ละกนั ไปพรอ้ ม ๆ กับความเจรญิ ทางวัตถุ และภาพของความสุข
สงบของประเทศชาติจะกลับมาได้อกี ครั้งอย่างแนน่ อน
…….. ขอบคุณครับ ……..
เขยี นบทโดย นายอรรถชยั วงศฉ์ ลาด
ใช้ประกวดในโครงการพจนศิลป์ปี ๒
สานพลงั สูค่ วามยง่ั ยืน
อนั ชาตใิ ดไรร้ ักสมัครสมาน จะทำการสิง่ ใดก็ไร้ผล
แม้นชาตนิ ้นั ยอ่ ยยบั อบั จน แลว้ บุคคลจะอยสู่ ขุ ไดอ้ ย่างไร
หากมองชาติบ้านเมืองในทุกวนั นี้ประเทศไทยของเรานั้นมีความเจริญทางด้านวตั ถอุ ยา่ ง
รวดเรว็ ไมว่ า่ จะเป็น ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และการคมนาคม แต่สง่ิ หน่ึง ทไ่ี มไ่ ดพ้ ัฒนาไป
ควบคกู่ ันนนั้ ก็คอื จิตวิญญาณของความเปน็ ประมนษุ ย์ เพราะทุกวันนี้มนุษยม์ คี วามเห็นแก่ตัวอยา่ ง
มาก เลง็ ถึงประโยชน์ของตนเปน็ สำคัญ และไม่หันมาเหน็ ประโยชน์ของส่วนรวม จึงทำใหช้ าติ
บา้ นเมอื งเกดิ ปญั หาตา่ ง ๆ ตามมา อาทิ ปญั หาอาชญากรรม ปญั หาทางด้านการเมอื ง และปญั หายา
เสพติด
หากเราจะฝ่าวกิ ฤตนี้ไปได้ตอ้ งอาศัยหนึง่ พลังทีต่ อ้ งทำรว่ มกัน นน้ั คือพลงั แหง่ ความสามัคคี
ซึ่งความสามคั คี คือ ความกลมเกลยี ว เปน็ น้ำหน่ึงใจเดยี วกัน รกั ใคร่ปรองดอง
ความสามัคคีจะเกดิ ขนึ้ ได้ ต้องอาศยั หลกั ในการดำรงชีวติ ตามแนวคดิ ของศาสตรพ์ ระราชา
เพ่ือการพฒั นาที่ย่งั ยนื ด้วยหลัก ๓ ประการ คือ เขา้ ใจ เขา้ ถึง และพฒั นา
ประการแรก เขา้ ใจ คอื การเข้าใจถงึ ปัญหาทีจ่ ะแกไ้ ข
ประการที่ ๒ เขา้ ถงึ คอื การสร้างปัญญา และหาทางออกของปัญหา
ประการสดุ ท้าย พัฒนา คือ การเตมิ เต็ม และลงมือปฏบิ ตั ิ
หากเราทุกคนนอ้ มนำศาสตรพ์ ระราชา มาปรับใชใ้ นการดำรงชีวติ ได้ สงั คมจะมีแตค่ วามสงบ
สขุ เพราะทุกคนรจู้ กั รักสามัคคี แล้วประเทศชาติของเราจะมีความยงั ยืนสบื ต่อไป
สวสั ดคี รบั
เขยี นบทโดย นายอรรถชัย วงศ์ฉลาด
ใชป้ ระกวดในโครงการพจนศิลปป์ ี ๓
สนุ ทรพจน์ภาษาถิ่นอสิ าน
ภมู ิปัญญาอสี านเพ่อื การลดภาวะโลกรอ้ น
เรยี นทา่ นคณะกรรมการ และแขกผ้มู เี กยี รตทิ ี่เคารพทกุ ท่าน
คำว่าภมู ปิ ญั ญา ตามพจนานุกรมแล้ว แปลวา่ ความคดิ ทมี่ ีค่า จากพน้ื ความฮู้ความสามารถ
ของบรรพชนคนรนุ่ กอ่ น จากความหมายดงั ตน้ ที่เวา้ มา จงั่ เข้าใจได้แลว้ ว่า คำว่าภูมิปัญญามี
ความหมายท่ีกวา้ งขวาง รวมถงึ ทกุ สงิ่ อย่างทผี่ ้เู ฒา่ ผู้แกพ่ อ่ แมพ่ าสร้างไวใ้ ห้ใช้สอย แต่ปัจจบุ นั นี้ วถิ ี
ชวี ิตของคนอีสานไดเ้ ปล่ยี นไป จากเลยใชช่ ีวติ ทเ่ี รียบง่าย ในห้วยมีปลา ในนามีขา้ ว กลับกลายเป็น
ฟงุ้ เฟ้อ ฟมุ่ เฟือย พอวถิ ีชวี ติ คอ่ ย ๆ เปลี่ยนไป ภุมิปัญญาทีเ่ คยใช้ กะค่อย ๆ ลืมถ่มิ เลอื นหาย จากใช้
ควายไถนากะเปลีย่ นมาใช้รถไถ จากเคยใช้ฟืนดงั ไฟ กลับกลายใชเ้ ตาแก๊ส ป่าที่บวชป่าไวก้ ะแผดเผา
สร้างมอ่ งเนาอยู่ ปูย่ า่ พาเฮดนาไฮใ่ ช้ปยุ๋ ธรรมชาติ กะเปล่ยี นใชป้ ุย๋ เคมธี าตุจากตลาดมาหว่านแทน
พ่ีนอ้ งเอ๋ยสมุ อ้ื นเ้ี ฮาใช้และสรา้ งแตก่ ะซ่างบห่ วงแหน ทรัพยากรเลยขาดแคลน ทั่วดนิ แดน
กะแฮง้ และฮอ้ น โลกที่เคยอยู่สุมอ้ื น้กี ะเปลยี่ นแปลง ดินกะแตกระแหง ซึง่ เกิดจากภาวะโลกฮอ้ น
โลกทฮ่ี ้อนกะย้อนฝีมอื มนุษย์เฮา มาลองคดิ เบงิ่ หมู่เจ้าเฮาสิฮักษาโลกให้เซาฮอ้ นได้จั่งได๋
มพี ระพระราชดำรสั จากพระมหากษัตริยท์ ่ยี ง่ิ ใหญ่ของชนไทย นั้นกะคอื ในหลวงรชั การท่ี ๙
เกี่ยวกับเรือ่ งการลดภาวะโลกฮ้อน พระองค์ตรสั ไว้ว่า เฮาควรเผาใหน้ ้อยลง และปลกู ปา่ ใหม้ ากข้ึน
จากพระราชรัสข้างต้น เฮดให้เฮาตระหนกั แลว้ ว่าเฮาควรฮกั ษาปา้ ไม้ ตามแบบภมู ปิ ญั ญาอสี าน คือ
การสานชะตาปา่ ตามปยู่ า่ พาบวชปา่ ไว้ เพ่ือสัตว์น้อยใหญ่ได้ใช้สอย ดงั นัน้ เฮาควรนำภูมิปัญญามาปรบั
ใช้ให้เข้ากบั ยุคใหม่ ใหม้ ีความเจรญิ ทางดา้ นวตั ถแุ ละจติ ใจไปพร้อมกนั พรอ้ มทงั้ พลักดนั การใช้ของ
ปราศจากมลพิษจากแนวคดิ ของชาวบา้ นผา่ นการประดษิ ฐ์ เพือ่ ลดปญั หาโลกฮอ้ น โตอย่างเชน่ การ
ใชก้ ะตา่ สานจากไมไ้ ผ่ แทนการใช้ถงุ พลาสตกิ การใช้กระปอ๋ งหรอื กระต๊บิ ใส่ข้าว แทนการใช้โฟม
การใช้โคมไฟแทนการเปิดไฟทง้ั เฮอื น การสรา้ เขอ่ื นสรา้ งฝาย ชะลอนำ้ ไวใ้ ช้ยามจำเปน็
เหลา่ นี้ลว้ นเป็นภูมปิ ัญญาชาวบ้านท่ีควรสานและสบื ต่อ เพอ่ื การพยุงโลกยั้งให้อยู่คู่ หมเู่ ฮา
สบื ไป
+++++++++++ สวัสดีครับ+++++++++++
เขียนบทโดย นายอรรถชยั วงศ์ฉลาด
ใช้ประกวดสนุ ทรพจน์อุดมศึกษาโครงการสนุ ทรพจน์ภาษาถ่ินอีสาน มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ปี
๒๕๖๑
สรา้ งคน สรา้ งงานดว้ ยโครงการพระราชดำริ
องค์การสหประชาชาติไดท้ ูลเกล้าทูลกระหมอ่ มถวายรางวลั ความสำเร็จสูงสุดดา้ นการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ ใหก้ ับพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพิตร เม่อื วนั ท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ อันเปน็ ผลมาจากพระราชกรณยี กจิ ทีม่ ุ่งมนั่ พัฒนาไทย ประดจุ
แสงสองทางปัญญา นำทางพสกนกิ รทัว่ หล้า ใหอ้ ย่ดู ี มีสขุ
ทา่ นคณะกรรมการ และผมู้ ีเกยี รติท่เี คารพ......
ตลอดระยะเวลา ผ่านทศมรัชกาล แหง่ ราชวงศจ์ ักรี พระมหากษัตรยิ ์ทุก ๆ พระองค์ ทรง
บำเพ็ญพระราชกรณียกจิ เป็นเอนกประการ ดว้ ยพระราชปณธิ าน ม่งุ หวงั ดังพระราชหฤทัย บันดาล
ใหบ้ ้านเมืองรุ่งเรอื งในทุก ๆ ดา้ น ราษฎสามารถประกอบกจิ การงานสจุ รติ ได้อยา่ งอสิ ระ อนั เห็นได้
จากพระราชกรณยี กจิ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิ พระตตริ าชจักรีวงศ์ พระองค์
มพี ระปรชี าสามารถดา้ นการค้า จึงส่งเสรมิ การค้าขายใหแ้ ก่ประชาชน ส่งผลให้สยามประเทศในเวลา
นั้น มั่นคง มง่ั ค่งั จาการพาณิชย์ พระจตุราชจักรี มีพระปรชี าสามารถ และความเขา้ พระราชหฤทัย
ตอ่ การเปล่ียนแปลงของโลกในเวลาน้นั พระองค์จึงจดั สรรโรงเรยี นสำหรบั ประชาชนแห่งแรกขนึ้ ดว้ ย
แนวพระราชดำริทวี่ า่ การศกึ ษาจะพัฒนาคน ผลของงาน และประเทศชาติได้ รัชกาลที่ ๗ แหง่ จักรี
วงศ์ ทรงธำรงการศึกษา เพือ่ เสาะหาพสกนิกร ให้เขา้ รับราชการ งานแผ่นดิน สบื เนอ่ื งจาก
พระราชดำริของพระบรมเชษฐาธริ าช ที่ทรงประกาศใหป้ ระชาชนตน่ื ตัวทางการเมือง และมีสว่ นรว่ ม
ในการบริหารบา้ นเมือง พระองค์ปราดเปร่อื งด้วยการใชป้ ระชาธิปไตรปกครองประเทศ ในประชาชน
ทุกเขตไดท้ ำงานอยา่ งไมจ่ ำกัดสทิ ธิ์ และพระนวราชจักรี ทรงมพี ระราชดำริ นานัปการ ด้วยพระองค์
มองวา่ การสร้างคนตอ้ งเริม่ จาการศึกษา ดังพระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแก่
บณั ฑิตวิทยาลยั วิชาการศึกษา ประสานมติ ร ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๑๒ ความตอนหนง่ึ ว่า
“งานดา้ นการศึกษาเป็นงานสำคัญทีส่ ุดอยา่ งหนง่ึ ของชาติน้นั ขึ้นอยูก่ บั การศกึ ษาของ
พลเมอื งเปน็ ข้อใหญ่ ตามข้อเทจ็ จรงิ ที่ทราบกันดีแล้ว พลเมืองของเราบางส่วนเสอ่ื มทรามลงไปใน
ความประพฤตแิ ละจิตใจ ซ่ึงเปน็ อาการทีน่ ่าวติ กวา่ ถ้าหากยงั คงเปน็ อยตู่ อ่ ไป เราอาจเอาตวั ไม่
รอด ปรากฏการณเ์ ชน่ นี”้
พระองคจ์ ึงจัดตงั้ โรงเรยี นหลวง และทุนเพ่อื นการศึกษา จากพระเมตตา และพระมหา
กรณุ าธคิ ณุ ของพระองค์
นอกจากน้ีพระองค์ยงั สร้างงาน ดว้ ยพระอัจฉริยภาพแหง่ พระมหากษตั รยิ ์ ทป่ี รากฏชัดเป็น
การพฒั นาประชาชน พระองค์ทรงคิดคน้ ทดลอง วจิ ัย ให้ไดเ้ ป็นโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ
นอกจากจะเป็นตวั อย่างของความสำเร็จแลว้ ยังเป็นการเรยี นรูภ้ มู ิปญั ญาในทอ้ งถิ่นไปพร้อมพรอ้ มกนั
จึงเป็นต้นกำเนิดนวตั กรรมและเทคโนโลยที ตี่ ้นทุนต่ำ ที่นำมาจากวสั ดทุ ้องถน่ิ สง่ ผลใหเ้ กิดการสรา้ ง
รายได้ในพน้ื ท่ี เพิ่มความสามารถของประชาชน พึ่งตนเองได้ อาทิ โครงการหลวงพัฒนาคณุ ภาพ
ชีวติ ชาวเขา เป็นการเสริมอาชพี ของชาวเขาใหไ้ ดม้ ีทางยังชีวิต พน้ จากพษิ ฝนิ่ การทำกนิ ยามนำ้ แล้ง
จนเกนิ ไปใหใ้ ช้เกษตรทฤษฎีใหม่ในการช่วยสร้างชีวติ มหาบพิตรทรงนำปลานลิ สวนจิตรลดาที่
พระองค์ทรงทดลองเลีย้ ง นำไปมอบให้แกก่ รมประมงเพ่ือเพาะเลี้ยง เพียงหวงั แจกจา่ ยแก่เกษตรกร
เพ่ือเป็นการสรา้ งอาชพี อกี ทางเลือกหน่ึง โครงการข้าวพระราชทาน เป็นโครงการท่ีสรา้ งคน และสรา้ ง
งานอยา่ งเห็นได้ชดั ดังภาพท่พี ระองค์ทรงใช้สองพระหัตถ์เกย่ี วตัดขา้ วในนาขา้ วทดลองต่าง ๆ เพราะ
พระราชดำรทิ ว่ี ่าขา้ วคอื อาหารหลกั ของคนไทยมาชา้ นาน
พระราชปณธิ านทง้ั หมดนี้ ท่ีเปน็ ดง่ั ความฝนั อันสงู สดุ จะสำเร็จหาไดไ้ ม่ หากเราชาว
ไทย ไม่ดำเนินตามรอยพระยุคลบาท ของพระองค์ ที่ทรงดำรคิ ิดคน้ ผา่ นโครงการอนั เน่อื งมาจาก
พระราชดำรติ า่ ง ๆ เพ่อื สร้างคน สรา้ งงาน และเป็นพระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศชาติ และ
หากสามารถประพฤตปิ ฏบิ ัติตนได้แลว้ นบั เปน็ การสนองพระคณุ และสำนกึ ในพระมหากรุณาธิคณุ
ของพระองค์ท่ีมตี อ่ ประชาชนชาวไทยอยา่ งแท้จริง
.........................................................................สวสั ดีครับ..................................................................
เขียนบทโดย นายอรรถชัย วงศ์ฉลาด
ใช้ประกวดสนุ ทรพจน์อดุ มศึกษาเฉลิมพระเกยี รติพระบรมราชจักรีวงศ์ปี ครั้งที่ ๒ ประจำปี
๒๕๖๒
นอ้ มนำศาสตรพ์ ระราชา สู่การสือ่ สารภาษาอยา่ งสรา้ งสรรค์
เรียนทา่ นประธาน คณะกรรมการ ผ้มู ีเกียรติทเี่ คารพทกุ ทา่ น กระผมนายอรรถชัย วงศฉ์ ลาด
ผเู้ ข้าแขง่ ขนั หมายเลข …….. รสู้ ึกภาคภมู ใิ จและเป็นเกยี รติอย่างย่งิ ท่ไี ด้มากลา่ วสุนทรพจน์ในหัวข้อ
“น้อมนำศาสตรพ์ ระราชา ส่กู ารสอื่ สารภาษาอย่างสร้างสรรค์” ในวนั นี้
ทกุ ทา่ นครับ คำวา่ ศาสตร์พระราชานนั้ เป็นคำทม่ี นี ัยกว้างมาก ศาสตร์หมายถึงความรู้ ที่เป็น
ระบบ และจัดอย่างเป็นระเบียบ ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงมีความรู้ทุกมติ ิ อาทิ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านอักษรศาสตร์
ด้านมานุษยวิทยา ด้านธรณีวิทยา อีกทั้งพระองค์ยังทรงสร้างสรรค์ และส่งเสริมโครงการอัน
เนอื่ งมาจากพระราชดำริของพระองค์ เพือ่ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการดำรงชีวติ ของพสกนกิ รชาวไทย ใหไ้ ด้
มอี ยู่มกี ินมใี ช้บนพน้ื ฐานของความพอเพยี ง โดยเล้ียงชีพได้
ท่านผู้ฟังที่เคารพแรงบันดาลพระราชหฤทัยในการดำริโครงการต่าง ๆ ของพระองค์ทรงมา
จากการสดับตรับฟังเสียงของราษฎร การเสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพระวิริยะ
อุตสาหะท่ีทรงเสด็จไปทุกแหง่ ในพ้ืนแผ่นดนิ ไทย ไมเ่ ว้นแมแ้ ต่ในเขตทุรกันดาร แม้ทางที่พระองค์เด็จ
ผา่ นจะเป็นเขา เปน็ ห้วย การคมนาคมเข้าไปยงั ไม่ถึง ไม่มที ีใ่ ดทีพ่ ระองคจ์ ะไมย่ าตราไป เพอ่ื จะได้ทรง
ประจักษด์ ้วยสายพระเนตรของพระองค์เอง ถึงความทุกขส์ ขุ ของราษฎร ทำใหเ้ กดิ ความผูกพันทางใจ
ระหว่างพระราชากับปวงประชาราษฎร พระองค์จึงเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาบนโลกว่าเป็น
พระราชาที่ปกครองด้วยทศพิศราชธรรม
ทกุ ทา่ นครบั นอกจากพระองค์ทำใหป้ ระชาชนคนไทยไดพ้ อมี พอกินแลว้ พระองค์ยังทรงเปน็
พระมหากษตั ริย์ท่ที รงให้ความสำคญั ตอ่ วัฒนธรรมไทย วฒั นธรรมอย่างหน่ึงของคนไทยท่ีควรแก่การ
รกั ษาไว้ คือการใชภ้ าษา เพราะการใช้ภาษาถือเปน็ ศลิ ปอ์ ย่างหนึ่ง พระองค์ทรงตรสั ไวว้ า่ ศาสตร์ย่อมคู่
กับศิลป์ ภาษาไทยเป็นภาษาชาติ ศาสตร์ทางด้านภาษาจึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะต้องใช้อย่าง
สร้างสรรค์ และถกู ตอ้ งตามหลักการใชภ้ าษา ดังพระราชดำรสั ตอนหนงึ่ ความวา่ “...เรามโี ชคดีที่มี
ภาษาของตนเองแตโ่ บราณกาล จึงสมควรอยา่ งยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในดา้ นรักษาภาษา
นี้ก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียงคือให้ออกเสียงให้ถูกต้อง
ชัดเจน อกี อย่างหนงึ่ ต้องรักษาใหบ้ ริสุทธิ์ในวิธใี ชห้ มายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบเป็นประโยค
นับเป็นปัญหาท่สี ำคญั ปัญหาทส่ี ามคอื ความรำ่ รวยในคำของภาษาไทยซ่ึงพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวย
พอจึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้...” พระราชดำรัสในการประชุมทางวิชาการของชุมนุม
ภาษาไทย คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ จากพระราชดำรัส
ข้างต้นทำให้เห็นแล้ววา่ พระองค์ทรงตะหนักถึงปัญหาของการใช้ภาษาเปน็ อย่างย่ิง
ผู้มีเกียรติที่เคารพในฐานะที่เราเป็นพสกนิกรชาวไทย และใช้ภาษาไทยในการติดต่อสื่อสาร
ควรสืบสานพระราชปณธิ านที่พระองค์ทรงตระหนักดำริไว้ และใช้ศาสตรข์ องพระราชาให้ถูกต้องและ
สรา้ งสรรค์ เพอื่ คงความงามของภาษา และคุณค่าแห่งวฒั นธรรมใหอ้ ยคู่ ชู่ าตไิ ทยสบื ไป
**************************************** สวัสดีครับ ****************************************
เขียนบทโดย นายอรรถชัย วงศฉ์ ลาด
ใช้ประกวดสุนทรพจน์อดุ มศึกษาโครงการ ศาสตรพ์ ระราชา ภาษาไทยภาษาชาติ ครบรอบ ๒
ทศวรรษ ราชภัฏร้อยเอด็ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๒
สจุ รติ ธรรมนำไทยพ้นภัยคอรัปชัน
เรียนท่านประธาน คณะกรรมการ และสวัสดีผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน ดิฉัน/กระผม
................. โรงเรียน......................... จังหวัด ...................... ผู้เข้าประกวดหมายเลข ................. รู้สึก
ภาคภูมใิ จเป็นอยา่ งยิ่งทไี่ ดม้ ากล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “สจุ ริตธรรมนำไทยพน้ ภัยคอรปั ชนั ” ในวนั นี้
ทุกท่านครับหากเปรียบประเทศไทยเปน็ ดังพฤกษาชาติตน้ หนึ่ง ซึ่งกอปรไปดว้ ยส่วนต่าง
ๆ ตั้งแต่คนชราที่เปรยี บเป็นรากไม้ วัยกลางคนดั่งลำต้น คนแรกรุ่นเสมอื นก่ิง ก้าน ใบ ส่วนเยาวชน
ไซร้เป็นดั่งดอกและผล ซึ่งไม่ว่าส่วนใดก็ตามล้วนแต่มีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรากท่ี
ประกอบไปด้วยรากฝอยจนไปถึงรากแกว้ หรือแม้กระทั่งดอกท่ีมีตั้งแต่ดอกตมู แรกแย้ม และดอกท่ี
ผลบิ านงดงาม ซ่ึงก็เปรียบได้กบั คณุ วฒุ ิและสตปิ ัญญารวมถึงความสามารถทห่ี ลากหลายของคนในชาติ
ตั้งแต่ระดับสามัญชน จนกระทั่งปัญญาชนคนชั้นบริหาร แต่ประการสำคัญที่สุดคือทุกส่วนต้องอยู่
ร่วมกนั และต้องทำเพ่อื ความอยู่รอดของตน้ พฤกษาชาตินี้
แต่ในเวลานี้เป็นที่น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่งด้วยตน้ ไม้ที่ชื่อประเทศไทย กำลังเหี่ยวแห้งทีละ
เล็กทีละน้อย ด้วยเหตุเพราะคุณธรรมในสังคมไทยกำลังจะเลือนหายไป ประกอบไว้กับการทุจริต
คอรัปชันในสังคม ตั้งแต่ระดับชนชั้นปกครอง จนถึงเด็กประถม โดยผสมเข้ากับทุกกระทรวง ทบวง
กรม และหน่วงงาน ผ่านการกินเล็กกินน้อยของภาครัฐจากทุกโครงการ ผสานการทำให้เห็นเป็น
ตัวอย่าง วางเป็นรากฐานให้เยาวชนว่า โตขึ้นฉันก็โกงได้ จากการสำรวจพบว่า การคอรัปชั่นกนิ เงิน
ภาษีของประชาชนคนไทย ไปถงึ ๓๐ เปอร์เซน็ ต์ เป็นการทำใหเ้ หน็ ว่าเงนิ ชองชนช้ันรากหญา้ อย่างเรา
หมดไปกบั สิง่ ท่ีชอ่ื วา่ คอรัปชั่นนี้อย่างมหาศาล
ผ้มู เี กียรติท่เี คารพหากเรานง่ิ ดูดายพฤกษาชาติท่ีช่อื ไทยคงตายในไมช่ า้ เพราะฝมี อื คนไทยเอง
แต่หากเราทุกคนอยากให้ต้นไทยนก้ี ลับมาชุ่มชน้ื และพลิกฟ้ืนคนื ชีวติ ใหแ้ ก่ชาติบ้านเมืองอีกคร้ัง เรา
จะต้องมีคุณธรรมประจำใจ แก่ทุกเพศ ทุกวัยให้ได้ประพฤติปฏบิ ัติ นั่นก็คอื ความสุจริต คำว่าสุจรติ
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ให้ความหมายของคำว่า สุจริตไว้ว่า
ความประพฤตชิ อบ จากความหมายน้ี ท่เี ปน็ ดง่ั แสงนำทางสรา้ งตนของคนไทย เราจะประพฤตชิ อบได้
ตอ้ งคดิ ดี และทำดี
ประการแรก คิดดี คือการคิดอย่างมีระบบ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ และคิดตั้งมั่นในศีลธรรม
และเหตุผลดัง พระราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาประเทศชาติอย่างเป็นระบบด้วยหลักการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา
นอกจากน้พี ระองค์ยังใช้
ธรรมราชาในการปกครองแผ่นดนิ โดยพระปฐมบรมราชโองการ ที่ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
ดังนั้นเราควรดำเนินรอยตามพระองค์ด้วยการคิดดีอย่างมีระบบ ประกบกับความสุจริตเพื่อพัฒนา
ประเทศชาติ
ประการทส่ี อง ทำดี คือ เราตอ้ งทำดีดว้ ยความซ่ือสัตย์ ยืนหยดั ด้วยความเพียร เสถียรด้วย
ความอดทน และต้ังตนดว้ ยการเห็นประโยชน์สว่ นรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วนตน กระทำด้วยใจทเ่ี ป็น
กลาง ด้วยความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้เมื่อเราคิดดีและทำดีได้แล้ว เราจะต้องมีหลักธรรมนำทางในการปฏิบัติ นั้นคือ
หลักธรรมาภิบาล เป็นประดุจ ครรลองคลองธรรม ในการทำงานของทุกภาคส่วน ประกอบไปด้วย
หลกั ๖ ประการดังนี้
ประการแรก หลกั คณุ ธรรม ยึดม่นั ในหลักของวัตถุประสงค์ในการให้บรกิ ารแกป่ ระชาชน
หรือผู้ทีม่ าใชบ้ รกิ าร เป็นแนวทางในการวางแผน การปฏิบตั งิ านขององค์กรนน้ั ๆ
ประการที่ ๒ หลักนิติธรรม คอื การปฏิบัตติ ามกฎ ขององค์กร ดว้ ยความชอบธรรม
ประการที่ ๓ หลกั ความรบั ผิดชอบ เมื่อได้รับมอบหมายงาน ควรกระทำงานน้ันอยา่ งเตม็
ความสามารถ
ประการท่ี ๔ หลกั ความโปรง่ ใส เม่ือไดร้ บั งานมาปฏิบตั ิควรกระทำอย่างโปร่งใส ตรวจสอบ
ได้
ประการที่ ๕ หลกั การมีส่วนรว่ ม คอื การให้ทุกภาคสว่ นมสี ทิ ธิ์ในการแสดงความคิดเห็น
และ ประการสดุ ทา้ ย หลักความคุม้ ค่า คือการทำงานอย่างรจู้ ักคุณคา่ ของงานทป่ี ฏบิ ัติ
หากเราทกุ คนปฏิบัตติ ามหลักความดี และหลกั ธรรมภิบาลไดแ้ ลว้ พฤกษาชาติทชี่ อื่ ไทยคงแผ่
กง่ิ ก้านไพศาล
ถงึ แม้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกท่ีจะเป็นคนดี และทำดีเพ่ือพืน้ แผน่ ดินไทยได้ เราทุกคน
ลว้ นแล้วแตส่ ามารถสร้างความดีโดยไมจ่ ำกัด วัยวุฒิ และคณุ วุฒิ เมื่อใดทจี่ ติ เปน็ นาย และกายเปน็
บ่าวเม่ือ นั้นเราจะสามารถสร้างความดี ได้ทุกเวลา ทุกโอกาส และเราจะต้องต้ังม่นั ในการกระทำ
ความดเี พอื่ กำจัดภยั คอรัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทย ตราบใดทีเ่ ราทำได้แล้วไมแ่ คลว้ ท่จี ะเป็นการ
พลิกฟื้นต้นไมท้ ี่กำลงั เหย่ี วเฉาใหก้ ลบั มา องอาจ ยนื หยัดอย่างมัน่ คง และรม่ เย็นเปน็ สุข ด้วยน้ำเล้ียง
แห่งความสจุ รติ ธรรมจะสามารถนำไทยใหพ้ น้ ภยั คอรปั ช่นั ได้อยา่ งแทจ้ รงิ
สุจรติ ธรรมนำไทยใหพ้ น้ ภยั ทกุ ข์
สร้างความสขุ ไรค้ ดโกงจงปฏบิ ัติ
ใชห้ ลักธรรมสรา้ งต้นไทยใหว้ วิ ัฒน์
จะขจัดคอรปั ชนั่ หมดส้ินไทย
............... สวัสดีครับ .................
เขียนบทโดย นายอรรถชยั วงศฉ์ ลาด
ใชป้ ระกวดสุนทรพจน์โครงการต้านภัยคอรัปชัน ซงึ่ เขียนให้นกั เรยี นประกวด และไดร้ บั รางวัลรอง
ชนะเลศิ อนั ดับ ๑
รจู้ ักพอ รจู้ ักละเกดิ ธรรมะทใ่ี จ
เรียนทา่ นประธาน คณะกรรมการ และสวสั ดีผู้มเี กียรติท่ีเคารพทุกท่าน กระผม/ดิฉนั
.....................................โรงเรียน.....................จังหวัด.................. ผู้เข้าประกวดหมายเลข..............ร้สู ึก
ภาคภูมิใจเป็น และเปน็ เกียรติอยา่ งยงิ่ ทไ่ี ดม้ ากล่าวสุนทรพจน์ในหวั ขอ้ “รจู้ ักพอ รู้จักละเกิดธรรมะที่
ใจ" ในวันน้ี
พระพทุ ธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ทฬทิ ฺทยิ ํ ทกุ ฺขํ โลเก ความจนเป็นทกุ ขใ์ นโลก นน้ั หมายความว่า
ในโลกใบนี้คงไมม่ ใี ครอยากจน ทกุ คนจึงมุ่งหาส่งิ มีค่า ที่เรยี กว่าเงินตรา แตก่ วา่ จะได้มานน้ั ต้องแลกมา
ด้วยหยาดเหงือ่ และแรงกาย ในทางกลับกันเงนิ ทห่ี าแทบทุกวัน บางครั้งกบั ไม่เคยพอใช้ เพราะความ
ตอ้ งการของมนษุ ย์ก็มากข้ึนตามไปด้วย หากจะกล่าววา่ ส่ิงทท่ี ำให้เรามคี วามสุข คือเงินกค็ งไม่ผดิ และ
กลา่ วไดอ้ ีกวา่ ศัตรตู วั ฉกาจของความสขุ คือ ความไมร่ จู้ กั พอ ไมร่ ้จู กั ละ กไ็ มผ่ ิดเชน่ เดยี วกัน แลว้ จะทำ
อยา่ งไรจึงจะรจู้ ักพอ ร้จู ักละ
ทา่ นผู้ฟังที่เคารพ หากเราจะมคี วามสขุ และเกดิ ธรรมะท่จี ิตใจได้ ตอ้ งอาศัยหลัก ๒ ประการ
ประการแรก พอ คำวา่ พอ ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัญฑิตยสถาน ปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๔
ให้ความหมายของคำวา่ พอ ไว้ว่า เทา่ ท่ีต้องการ, ควรแก่ความต้องการ, เตม็ เทา่ ที่จำเปน็ , เตม็ ตาม
ต้องการ จากความหมายนีท้ ่ีเป็นดงั แสงนำทางให้เราทกุ คนรจู้ กั พอ เรา ต้องเริม่ จากตัวเราก่อน คอื
เราตอ้ งพอใจในสง่ิ ที่มี ยินดกี บั สิง่ ทไ่ี ด้ มนี ้อยใช้น้อย มมี ากก็อย่าใช้เกนิ กำลัง หากมงุ่ หวงั จะไดส้ ง่ิ ใด
ควรต้งั ใจพยายามเกบ็ ตามกำลงั อยา่ หวงั ใหม้ ากเกินไป เพราะหากไม่ไดด้ ง่ั หวงั ก็จกั เป็นทุกข์ เชน่ น้ี
แล้ว ความพอดี พอมี พอใช้ และพอใจจังจะบังเกิด
ประการทส่ี อง ละ คำว่าละ ตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบญั ฑิตยสถาน ปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๔
ให้ความหมายของคำว่า ละ ไวว้ า่ อาการที่แยกตวั ให้พน้ จากส่งิ ใดส่ิงหน่งึ ที่เกี่ยวข้องอยู่ จาก
ความหมายน้ีถา้ ส่ิงท่เี ก่ยี วขอ้ งเป็นทางทด่ี ี กอ่ ใหม้ ีจิตที่สะอาด ปราศจากการกระทำท่ีเป็นกรรมผลแล้ว
ไมแ่ คล้วจะเป็นเรอื่ งท่ดี ี แต่หากเกี่ยวข้องในส่งิ ท่ีเรียกวา่ กรรมอบาย คือการกระทำท่ีก่อให้เกดิ ความ
เสื่อม เหล่ือมล้ำเขา้ ไปในสิง่ ทีไ่ มก่ อ่ ให้เกดิ ความเจรญิ แล้ว ไม่แคล้วทจี่ ะเกดิ แต่ความหายนะ ดังนั้นคำ
ว่าละนคี้ วรใช้ในความหมายท่ี ๒ คือตอ้ งละจากกิเลศ ละจากกรรมอบายท้ังมวล ล้วนจะสง่ ผลให้เกิด
ธรรมะในจติ ใจได้
ทา่ นทีเ่ คารพ หากสองประการน้จี ะบรรลุผลได้ จะต้องอาศยั หลักธรรม นำมาเพอ่ื พชิ ติ ให้จิต
สวา่ งเปน็ ทางนำสอ่ งใหร้ จู้ ักพอ รจู้ ักละ เปน็ หลกั ธรรมเพ่ือใช้ในการตัดสนิ ปัญหา ส่งิ ใดควรไม่ควร เม่ือ
ตดั สนิ ได้ย่อมรจู้ กั พอดใี นส่ิงท่กี ระทำ และนำไปสูก่ ารละ ในสิง่ ท่ีไมเ่ ป็นผลดี หลกั ธรรมนน้ั คอื สปั ปรุ ิส
ธรรม ๗ ประการ
ประการแรก อตั ถญั ญตุ า คือ ความเปน็ ผู้รจู้ กั วเิ คราะหส์ าเหตุของสถานการณ์ และความ
เป็นไปของชีวิต การใชห้ ลักธรรมน้ีคอื วิเคราะห์ในส่ิงที่พอดกี ับชีวิตของตน และละในสงิ่ ท่ไี มจ่ ำเป็น
ประการท่ี ๒ มมัญญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จักวิเคราะห์สาระ และผลอนั เกดิ จากสาเหตุ
ดังกล่าว หากสง่ิ ท่เี ราต้องการส่งผลใหช้ วี ิตเกิดกิเลศ เรยี กว่าไมร่ จู้ กั ละ
ประการท่ี ๓ อตั ตญั ญุตา คอื ความเป็นผรู้ จู้ ักวิเคราะห์ตนเองทัง้ ในด้านความรู้ คุณธรรม
และความสามารถ ปรับใช้คือ ควรวเิ คราะห์คุณค่าของตน และใช้ให้พอดีกบั ชีวิต ไม่มาก ไมน่ ้อย
จนเกนิ ไป
ประการท่ี ๔ มัตตัญญุตา คือ ความเป็นผูร้ ู้จักหลักของความพอดี การดำเนนิ ชวี ติ พอเหมาะ
พอควร
ประการที่ ๕ กาลัญญตุ า คอื ความเป็นรจู้ ักปฏบิ ัติตนใหถ้ กู กาลเทศะ ประการน้หี ากจะปรบั
ใชค้ วรละในสิง่ ทีเ่ ป็น โมหะ โทษะ กล่าวคอื ควรให้เกียรตผิ ้ใู หญอ่ ยา่ ตตี นเสมอทา่ น
ประการท่ี ๖ ปรสิ ญั ญุตา คอื ความเป็นผู้รู้ปฏิบัติ การปรบั ตนและแก้ไขตนให้เหมาะกับ
สภาพของกลุม่ และชมุ ชน
และประการสดุ ท้าย ปุคคลัญญุตา คือ ความเป็นผู้รจู้ ักปฏิบตั ิตนใหเ้ หมาะสมกบั บุคคลท่ีมี
ความแตกตา่ งกนั ดังนนั้ เมือ่ มีความตา่ งกัน ความตอ้ งการของแต่ละบุคคลจึงไมเ่ ทา่ กนั เราต้องไม่
คลอ้ ยตามในสง่ิ ท่เี ขามอบให้ เพราะนน้ั จะทำให้ไม่ร้จู กั พอ ไม่รู้จกั ละ ธรรมะทีใ่ จก็จะไมบ่ ังเกิด
ท่านผมู้ เี กยี รตทิ ่ีเคารพ หากเราทกุ คนปฏิบัติ ตามหลักความรจู้ กั พอ ร้จู กั ละ และหลักสปั ปุ
รสิ ธรรม ๗ ประการไดแ้ ล้ว ไมแ่ คล้วทเี่ ราจะเปน็ ผู้ท่ีมีจิตใจสะอาด ปราศจากกรรมอบาย ไรซ้ ่ึงความ
โลภะ แล้วธรรมะทีจ่ ิตใจก็จะก่อเกิด สง่ ผลให้สงั คมไทยเป็นสงั คมท่ีมีแต่คนดี มธี รรมะ และภาพของ
ความความศิวไิ ลซ์ วฒั นาสถาพรจะบังเกิดไดอ้ ย่างแน่นอน
รู้จกั พอ รจู้ กั ละ จะชนะอบายกรรม
ธรรมะ จะช้ีนำ ใหก้ ระทำแตค่ วามดี
จงตัง้ ใจฟงั เถิด ความสขุ เกิด ทกุ ถนิ่ ท่ี
รจู้ กั พอ จกั ละนี้ เกิดทนั ทีธรรมะทใี่ จ
************************************** สวสั ดีครบั /ค่ะ ***********************************
เขยี นบทโดย นายอรรถชัย วงศ์ฉลาด
ใชป้ ระกวดสุนทรพจน์โครงการต้านภัยคอรัปชนั ซ่ึงเขียนใหน้ ักเรียนประกวด และได้รับรางวัล
ระดบั เหรียญทอง
จติ อาสาลดปญั หาสงั คม
เรยี นท่านประธาน คณะกรรมการ และสวสั ดีผ้มู เี กียรตทิ เี่ คารพทุกท่าน กระผม/ดฉิ นั
.....................................โรงเรียน.....................จงั หวัด.................. ผู้เข้าประกวดหมายเลข..............รูส้ กึ
ภาคภูมใิ จ และเป็นเกียรตอิ ยา่ งยง่ิ ทีไ่ ดม้ าบรรยายธรรมในหัวข้อ “จติ อาสาลดปญั หาสงั คม" ในวนั นี้
จิตอาสาคอื อะไร ? จิตอาสาคอื การใหเ้ ทา่ นั้นหรือ ? หรือจติ อาสาคอื การทำความสะอาดเพียง
อยา่ งเดยี วใชห่ รือไม่? เป็นคำถามที่หลายท่านก็อาจเกิดความสงสยั จติ อาสาหมายถึง จิตของคนท่ี
รู้จกั ความเสยี สละ ความรว่ มมือรว่ มใจในการทำประโยชน์เพอื่ สว่ นรวม ชว่ ยกนั พฒั นาคุณภาพชีวิต
เพ่อื เป็นหลกั การในการดำเนินชีวติ ชว่ ยแกป้ ญั หาและสร้างสรรค์ใหเ้ กิดประโยชน์สุขแก่สงั คม และจะ
ช่วยลดปัญหาที่เกดิ ข้นึ ในสังคม
ท่านผู้มเี กียรตทิ ี่เคารพ หากเปรียบสงั คมไทยเป็นดังเรือลำหน่งึ ซึ่งแล่นอย่กู ลางมหาสมทุ ร
เรอื ลำนจ้ี ะเดนิ หนา้ ไปได้กต็ อ้ งมีองค์ประกอบทส่ี มบูรณ์ เปรียบไดก้ ับสงั คมท่ีจะตอ้ งมีทกุ ภาคส่วนท่ี
รว่ มมือทำงานอยา่ งเตม็ ท่ี หากหางเสอื เป็นสว่ นท่ีบงั คับทิศทางของเรอื กลุ่มคนท่บี ังคับทิศทางประเทศ
ก็ยอ่ มเปน็ ชนชั้นบรหิ าร คานของเรอื คือเกษตรกร กราบเรอื ท้ังสองยอ่ มไมพ่ น้ เยาวชนคนรุ่นใหม่ นี่
คอื สว่ นท่ีจะช่วยดำรงความอยู่รอดของเรือลำนี้
แตเ่ วลานก้ี ลบั มีคลื่นลกู ใหญก่ ระหน่ำซดั เรอื ท่ชี ่อื ว่าไทย ใหพ้ งั พินาศคล่ืนลกู น้ันชื่อวา่ ปัญหา
สังคม ซง่ึ ผสมอยทู่ ุกหย่อมหญ้า ตง้ั แต่ปญั หาของกราบเรือที่โดนคลื่นยาเสพตดิ มาซัดกระหนำ่
มิหนำซ้ำคลื่นใหญท่ ส่ี ุดคอื คล่นื คอรัปชัน ยงั โทมใส่ทกุ ระทรวง ทบวง กรม เปน็ ผลใหเ้ รือไทยระทมทุก
ส่วน แลว้ จะทำอย่างไรให้เรือท่ีชอ่ื วา่ ไทยยงั ลอยอย่กู ลางมหาสมทุ รนไ้ี ด้
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที่ ๑๐ พระองค์ทรงมโี ครการในการสร้างเสริม เพ่ิม
ความสามัคคีในกบั ประชาชน ให้เห็นประโยชน์ส่วนรว่ มมากกว่าสว่ นตน คอื โครงการจิตอาสา
พระราชทาน ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยจิตอาสา ๘ ประเภทดงั นี้
๑. จติ อาสาสายรกั สะอาด คอื ชอบความสะอาด กวาดเก็บขยะ
๒. จิตอาสาสายรกั โลก เป็นสายทชี่ อบปลกู ป่า สรา้ งฝ่าย เร่ยี ไรเงนิ ช่วยสตั ว์เร่รอ่ น
๓. จิตอาสาสายก่อสร้าง จิตอาสาที่ใชเ้ วลาว่างสรา้ งเครอ่ื งเลน่ ทีเ่ สยี หายให้ใชง้ านได้
๔. จติ อาสาสายสตรอง คือสายทย่ี อมทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้อื่นมคี วามสขุ
๕. จิตอาสาสายพเี่ ล้ียง เป็นจิตอาสาท่ีเพยี งทำใหผ้ ู้อ่นื สบายใจ
๖. จิตอาสาสายเปย์ความรู้ คอื จิตอาสาท่ีชอบมอบความร้ใู หแ้ ก่รนุ่ นอ้ งโดยไมค่ ิดค่าตอบแทน
๗. จิตอาสาสายผลิตงานมือ คือบุคคลทช่ี อบการผลติ คิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่นในการเพิม่ เตมิ ความสุข
และ ๘. จิตอาสาสายตารางแนน่ เป็นสายทชี่ อบทำงานแทนสายอนื่ ๆ ที่ไมว่ า่ งค้าจ้างกไ็ ม่คิด คิดแค่ให้
ผู้ที่ไดร้ ับมแี ตร่ ้อยยม้ิ
ท่านผู้ฟังทีเ่ คารพ ทง้ั หมดนี้เกิดจากพระราชดำรขิ องพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั รชั การท่ี
๑๐ ทีพ่ ระองค์ทรงดำริไวเ้ พอื่ ให้ราษฎรคนไทยมแี ตค่ วามรักสามัคคไี รซ้ ้ึงปญั หาสงั คม ด้วยพระองค์
ทรงใชห้ ลักทศพิธราชธรรม นำพระหฤทยั ในการปกครองประเทศ ดว้ ยหลกั ทวี่ ่า ปรจิ าคะ คอื การ
เสยี สละประโยชน์สว่ นตนเพ่อื ประโยชนข์ องส่วนรวม
และหากจะให้หลกั จิตอาสาของพระองคด์ ำรงไปไดด้ นี ั้น เราจะต้องมีหลกั ธรรมนำทาง
ประดจุ แสงเทียงสอ่ งทางยามมืด เพ่อื ใหเ้ รือลำน้อยของเราถงึ ฝ่ังได้ หลกั ธรรมนัน้ คอื สงั คหวตั ถุ ๔
ประกอบไปด้วยหลกั ธรรม ๔ ประการดงั น้ี
ประการแรก ทาน คือการให้ ให้ด้วยใจบริสทุ ธไ์ ม่หวงั สงิ่ ตอบแทน
ประการที่ ๒. ปิยวาจา คอื การพดู ดว้ ยถ่อยคำทไ่ี พเราะ ออ่ นหวาน พูดดว้ ยความจรงิ ใจ เปน็
การให้ทางคำพูด
ประการท่ี ๓. อตั ถจริยา คือการสงเคราะห์ทกุ ชนิด หรอื การประพฤติในสิง่ ท่ีเป็นประโยชน์
แก่ผอู้ ืน่
และประการสุดทา้ ย สมานตั ตา การเป็นผมู้ ีความสม่ำเสมอ หรือมคี วามประพฤตเิ สมอต้น
เสมอปลาย คุณธรรมข้อน้ีจะช่วยให้เราเป็นคนมจี ิตใจหนักแน่นไมโ่ ลเล รวมทัง้ ยังเปน็ การสร้างความ
นยิ ม และไว้วางใจให้แก่ผู้อ่ืนอกี ดว้ ย
ทุกทา่ นคะ/ครับ หากเราทุกคนปฏบิ ัตติ ามหลกั จติ อาสา ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั
รชั กาลท่ี ๑๐ และหลักธรรมนำการให้ อยา่ งสังคหวตั ถุ ๔ ไดแ้ ลว้ ไมแ่ คล้ว ที่เรอื ที่ชอื่ ไทยน้ีจะแลน่ ไป
ในทอ้ งมหาสมทุ รทก่ี ว้างใหญไ่ ด้ และตอ่ ใหค้ ล่นื ท่ีชอื่ วา่ ปญั หาสงั คมจะถาโทม กระหน่ำ ซัดใสเ่ พียงใด
ย่อมไมส่ ามารถจมเรอื ลำนไ้ี ด้ หากเราทุกคนมีจติ อาสาย่อมชว่ ยลดปญั หาสังคมไดอ้ ยา่ งแน่นอน
จิตอาสาสภาวธรรมทลี่ ำเลิศ
ย่อมประเสริฐเปน็ ผู้ให้ไม่กงั ขา
ใช้หลกั ธรรมนำเรอื ไทยล่องธารา
ลดปญั หาพัฒนาไทยใหย้ ัง่ ยนื
************************************** สวัสดีครับ/ค่ะ **************************************
หนงั สือราชการทเ่ี กี่ยวขอ้ ง