แผนการจดั การเรยี นรู้
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รายวิชาวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ หนว่ ยการเรยี นรรู้ ะบบนเิ วศและประชากร
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรือ่ ง ความหลากหลายของไบโอม
นางสาวพราวพศิ ทุ ธิ์ อิวชาวนา
รหสั นสิ ติ 60204170
นสิ ติ ครเู พือ่ พฒั นาท้องถนิ่ รหสั 60 สาขาชวี วทิ ยา
วทิ ยาลยั การศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยพะเยา
แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ หนว่ ยการเรยี นรรู้ ะบบนเิ วศและประชากร จานวน 1 ช่วั โมง
เรื่อง ความหลากหลายของไบโอม ผสู้ อน นางสาวพราวพิศทุ ธิ์ อวิ ชาวนา
มาตรฐาน
ว1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนาความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชวี้ ดั
ว 1.1 ม.4/1 สืบค้นข้อมูล อธิบายความสัมพันธ์ของสภาพภูมิศาสตร์บนโลกกับความหลากหลาย
ของไบโอม และยกตวั อย่างไบโอมชนดิ ต่างๆ
สาระสาคญั
บริเวณของโลกแตล่ ะบริเวณมีสภาพทางภมู ศิ าสตร์ทีแ่ ตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็นหลายเขตตาม
สภาพภูมิอากาศและปริมาณน้าฝน ทาให้มีระบบนิเวศที่หลากหลาย ซึง่ สง่ ผลใหเ้ กิดความหลากหลาย
ของไบโอม
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั เรียนสามารถระบุสาระสาคญั และอธิบายลกั ษณะสาคัญของแตล่ ะไบโอมได้
2. นักเรียนมที กั ษะการคิดอย่างสร้างสรรค์และสามารถจดั กระทาและสื่อสารข้อมลู ได้
3. นกั เรียนมคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน ใฝเ่ รียนรแู้ ละมีวินัยในการทางาน
สาระการเรยี นรู้
ความรู้
1. ความหลากหลายของไบโอม
2. ลักษณะของไบโอม
ทกั ษะ/กระบวนการ
1.การสงั เกต
2.การกระทาและการส่ือความหมายของข้อมูล
3.การคิดอย่างสร้างสรรค์
สมรรถนะสาคญั
1.ความสามารถในการคิด
2.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1.ใฝ่เรยี นรู้
2.มีวนิ ัย
3.มุ่งมัน่ ในการทางาน
ชิน้ งาน/ภาระงาน
1.สมุดกิจกรรม เร่อื ง ความหลากหลายของไบโอม
2.Mind mapping เรือ่ ง ความหลากหลายของไบโอม
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันที่ 1 ข้ันสร้างความสนใจ
1.1 จัดห้องเรียนเป็นกลุ่ม ครูทาข้อตกลงของการเรียนในห้องวันนี้ โดยพูดว่า “การเรียนรู้ในวันนี้จะเรียนรู้
โดยใช้กระบวนการกลุ่ม โดยให้แบ่งกลุ่มกลุ่มละ 2-3 คน คละความสามารถ ซึ่งในแต่ละกิจกรรมจะมี
คะแนนให้ผู้เรียนทุกกลุ่มได้สะสม ท้ายช่ัวโมงกลุ่มใดได้คะแนนรวมเยอะที่สุด จะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง
ก่อนจบกิจกรรมและชีแ้ จงให้ผู้เรยี นต้ังสมาธิในการเรียนเน่อื งจากมีหลายกิจกรรมในวนั นี้”
1.2 ครูแจกชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ใหก้ ับผเู้ รียน โดยชุดกิจกรรมจะประกอบด้วยการ์ดสปี ระกอบการสอน ใบ
ความรู้และใบกิจกรรมเร่ืองความหลากหลายของไบโอม ครูชี้แจงเกี่ยวกับการ์ดสีว่า ในการเรียน เม่ือ
ผเู้ รียนต้องการแสดงความคิดเหน็ ให้ใชส้ ีเปน็ สญั ญาณแสดงความหมาย ดงั ตอ่ ไปนี้
สีเขียว = เหน็ ด้วย/ใช/่ เข้าใจ/ผา่ น/รู้สกึ มีความสขุ
สีแดง = ไม่เห็นด้วย/ไม่ใช/่ ไม่เข้าใจ/ไม่ผ่าน/รู้สกึ ไม่มีความสขุ
สีเหลอื ง = รู้สกึ เฉยๆ/ไม่แนใ่ จ
1.3 ครูให้ผู้เรียนทบทวนความรู้ให้ผู้เรียนตอบคาถามเป็นกลุ่ม ซึ่งครูจะแสดงข้อความผ่าน Power Point (ดู
ได้จากภาคผนวก) โดยให้ผู้เรียนทบทวนความรู้เดิมและคาศัพท์เดิมเกี่ยวกับระบบนิเวศ ให้ผู้เรียนอ่าน
ข้อความแล้วให้ตอบว่าข้อความน้ันถูกหรือผิด หากผู้เรียนคิดว่าข้อความถูกต้องให้ชูการ์ดสีเขียว หาก
ผเู้ รียนคิดว่าข้อความไม่ถกู ต้องให้ชูการ์ดสีแดง หากผู้เรียนไม่แน่ใจให้ชูการ์ดสีเหลือง หากเฉลยแล้วผู้เรียน
ตอบถกู ใหเ้ ขียน 1 คะแนนไว้บนมุมคะแนนของใบกิจกรรม คาถามมีทั้งสิน้ 5 ข้อ ได้แก่
- 1. สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันหลายๆ ตวั อยรู่ ่วมกันในพ้ืนที่เดียวกนั และอยู่ในเวลาเดียวกัน สิ่งนั้นคือความหมายของ
คาว่าประชากรใชห่ รือไม?่ (ถกู ต้อง)
- 2. กลุ่มสิ่งมีชีวิตในแต่ละบริเวณอาจมีขนาดของกลุ่ม จานวนและชนิดของกลุ่มสิ่งมีชีวิตแตกต่างกันไปตาม
ลกั ษณะบริเวณทีอ่ าศยั อยู่ สถานท่อี ยู่ บริเวณที่กลมุ่ ของสิง่ มชี วี ติ อยนู่ ้ีเรียกว่า แหล่งที่อยู่ (Habitat) ใชห่ รือไม่? (ถูกต้อง)
- 3. ประชากรหลาย ๆ ประชากรจะมาอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม กระจัดกระจายอยู่บริเวณเดียวกัน โดยมี
สิ่งมีชีวิตเหล่าน้ันอาศัยอยู่รวมกันเสมอ เราเรียกสิ่งมีชีวิตต้ังแต่ สองชนิดขึ้นไปที่อาศัยอยู่บริเวณใดบริเวณหน่ึงว่า
นเิ วศวทิ ยา (Ecology) ใชห่ รือไม่? (ผิด เพราะเฉลยคือกลุ่มสิ่งมีชวี ิต (Community))
- 4. ระบบที่กลุ่มสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในแหล่งที่อยู่เดียวกัน มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันและมี ความสัมพันธ์กับ
สิ่งแวดลอ้ มในแหล่งที่อยนู่ น้ั เรียกว่า ระบบนเิ วศ (Ecosystem) ใชห่ รือไม่? (ถกู ต้อง)
- 5. ระบบนิเวศในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีองค์ประกอบของปัจจัยทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ ความช้ืน และ
ปัจจยั ทางชวี ภาพ เช่น ชนิดและจานวนของพืชและสัตว์ที่คล้ายคลึงกัน เรียกว่า ชีวนิเวศ หรือไบโอม (Biomes) ใช่หรือไม่?
(ถกู ต้อง)
ข้ันที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Active Learning)
2.1 หลงั จากที่นักเรียนได้ใบงานแล้วครูตั้งคาถามชี้นาเพื่อจุดประเด็นคาถามข้อผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนสังเกต
รูปภาพดังนี้
แล้วหลังจากนั้นครูต้ังคาถามว่า “เมื่อนักเรียนเห็นภาพแล้วนักเรียนคิดว่า 3 พื้นที่นี้มีความแตกต่างกัน
อย่างไร”แนวคาตอบ
- อุณหภูมิต่างกัน ภาพทะเลทรายมีอุณหภูมิสูงแต่ในพื้นที่ป่าจะอุณหภูมิต่า และพื้นที่ที่เป็นหิมะ
อุณหภูมิจะต่าที่สุด, ปริมาณน้าฝนต่างกัน, ชนิดของพืชในแต่ละพื้นที่ต่างกัน, ชนิดของสัตว์ในแต่ละพื้นที่
ต่างกัน
จากนั้นครูถามคาถามตอ่ อีกว่า “แล้วนักเรียนคิดว่าอะไรทีเ่ ป็นสาเหตุทาให้พื้นที่แต่ละที่มีความแตกต่างกัน”
แนวทางในการตอบ
- เพราะแตล่ ะพ้ืนทีอ่ ยู่ในเขตภมู ิศาสตร์ทีแ่ ตกต่างกัน
จากน้ันครอู ธิบายต่อว่าในแต่ละพืน้ ที่ตามการแบ่งเขตทางภูมิศาสตร์จะมีลักษณะของระบบนิเวศต่างกัน ซึ่ง
ระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่แบ่งตามเขตภูมิศาสตร์นี้จะเรียกว่าชีวนิเวศหรือไบโอม (Biomes) โดยในโลกใบนี้
สามารถแบ่งไบโอมได้เป็นหลายแบบ และในไบโอมแตล่ ะประเภทก็จะมีอุณหภูมิ ปริมาณน้าฝน ระดับความ
สูง ชนิดพชื และชนิดของสัตว์ที่แตกต่างกัน ในวันนีเ้ ราจะเรียนเรื่องไบโอมกนั
2.2 ครถู ามคาถามตอ่ ว่า “นักเรียนรจู้ ักไบโอมชนิดใดบ้าง” ครูบอกชื่อไบโอมที่นักเรียนควรจะรู้จักหรือควร
ที่จะเคยได้ยินชือ่ ประกอบด้วย
- ป่าดิบช้ืน (Tropical rain forest) - ป่าผลัดในใบเขตอบอุ่น (Temperate deciduous forest)
- ป่าสน (Coniferous forest) ป่าไทกา (Taiga) และป่าบอเรียล (Boreal)
- ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น (Temperate grassland) - สะวันนา (Savanna)
- ทะเลทราย (Desert) - ทนุ ดรา (Tundra)
- ไบโอมแหล่งน้าจดื (Freshwater biomes) - ไบโอมแหล่งน้าเคม็ (Marine biomes)
2.3 ครใู หเ้ วลา 5 นาทีในการให้นักเรียนระดมความคิดและเขียนคาถามที่อยากรู้ให้ได้มากที่สุด โดยครูเป็น
ผคู้ อยให้คาแนะนาและให้เทคนิคในการตั้งคาถามโดยใช้คาถามง่ายๆ เช่นใช้ What Where When Why How
ในการต้ังคาถามหรืออาจต้ังคาถามเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นความรู้เดิมก็ได้ เช่น ประเทศ.....มีลักษณะไบโอม
แบบใด? เมือ่ หมดเวลาครูให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มนบั คาถาม กลุ่มใดตั้งคาถามได้มากที่สดุ ให้ +1 คะแนน
2.4 ครใู หผ้ เู้ รียนร่วมกนั หาคาตอบในคาถามที่ตนเองได้ตั้งไว้ท้ังหมด โดยใช้ใบความรู้เร่ืองความหลากหลาย
ของไบโอม หากในใบความรไู้ ม่มคี รอู นุญาตให้ผู้เรียนใช้โทรศัพท์มือถือในการหาคาตอบ ครูกาหนดเวลาให้
25 นาทีสาหรบั การหาคาตอบและเขียนลงในใบงานกลุ่ม
ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรปุ (Active Learning)
3.1 เมือ่ หมดเวลาสาหรับการค้นหาคาตอบ ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มเขียน mind mapping เพือ่ ตอบคาถาม
และร่วมกนั อภปิ รายรวมทั้งเชอ่ื มโยงว่าในแค่ละประเดน็ และคาถามที่เราสงสยั น้ันสามารถหาคาตอบได้ครบ
ทกุ หัวข้อหรอื ไม่ และมีความเกี่ยวข้องเชือ่ มโยงกนั อย่างไร โดยปรึกษากันภายในกลุ่ม
ข้ันที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Active Learning)
4.1 ครูให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอคาถามและคาตอบของกลุ่มตามที่ได้ศึกษามา ครูให้
ผเู้ รียนนาเสนอคาถามและคาตอบตามห้วขอ้ ของไบโอมกลุ่มละ 2 ชนิดโดยให้กลุ่มที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็น
ผู้เลือกหัวข้อในการนาเสนอให้กับเพื่อนๆ ในห้องเรียนได้นาเสนอ ใช้เวลาไม่เกินกลุ่มละ 3 นาที เม่ือแต่ละ
กลุ่มนาเสนอเสร็จ หากผู้เรยี นคนอื่นๆ ยังไม่เข้าใจ ให้ครอู ธิบายเสริม
4.2 หลังจากที่นาเสนอเสร็จครูถามคาถามต่อว่า “นักเรียนมีประเทศที่ตนเองรู้สึกชอบมากๆ หรือไม่ ถ้ามี
ไหนลองคิดต่อสิว่าประเทศที่เราชอบนั้นมีลักษณะเป็นไบโอมแบบใด” ครูสุ่มนักเรียนลองตอบคาถาม
ประมาณ 3-4 คน
ข้ันที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล
5.1. หลังจากน้ันครใู ห้นกั เรียนหยิบโทรศพั ท์มอื ถือขึน้ มาเพือ่ เข้าเว็บไซต์ www.menti.com แล้วเข้ารหัสห้อง
ตามที่ครสู ร้างไว้ เพื่อให้นกั เรียนได้เขียนสะท้อนบทเรียนและประเมินตนเองว่ารู้สึกอย่างไรกับการเรียนการ
สอนในวันนี้ เป็นการให้นักเรียนแต่ละคนประเมินวิธีการเรียนรู้ของตนว่ามีขั้นตอนการเรียนรู้อย่างไรการ
เรียนรู้ทาให้นักเรียนได้รับความรู้ จากน้ันครกู ล่าวจบกิจกรรม โดยจะปรากฏหน้าต่างดังนี้
5.2 ครนู าผลงานนกั เรียนกลบั มาประเมินเพื่อให้คะแนนอีกคร้ังในด้าน
ด้านความรู้ (K) ประเมินจาก
- การทดสอบความรู้ (การอภิปรายผลการทากิจกรรม)
- องค์ความรทู้ ีน่ ักเรียนสืบค้นข้อมลู และจดบนั ทึก
- สรปุ และอภปิ รายผลการสบื ค้นขอ้ มลู
ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินจาก
- กระบวนการทางาน (ความรว่ มมอื และมีสว่ นรว่ มในการทากิจกรรม)
- ทกั ษะการนาเสนอผลงาน (การสอ่ื สารสิ่งทีเ่ รยี นรู้)
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ หรือจิตวิทยาศาสตร์ (A) ประเมินจาก
- การคิดวิพากษ์วจิ ารณ์ การคิดอย่างมเี หตุมผี ล การคิดอย่างสรา้ งสรรค์
- การทางานรว่ มกับผอู้ ื่น
- ความสนใจใฝร่ ู้ ใฝ่หา
- การแสดงออกถึงความคิดเห็น
- ความรบั ผดิ ชอบ
สอื่ /อปุ กรณ/์ แหล่งเรยี นรู้
1. สอื่
-Power Point ประกอบการสอนเรื่องความหลากหลายของไบโอม
-หนงั สือเรยี นรายวิชาชีววิทยา เพิม่ เตมิ ช้ันมธั ยมศึกษาปีทื่ 4 เล่ม 2
-ใบกิจกรรมกลุ่มเรือ่ ง ความหลากหลายของไบโอม
-ใบความรเู้ รื่อง ความหลากหลายของไบโอม
- การสรา้ งห้องเพื่อให้นกั เรียนเขียนสะท้อนใน www.menti.com
2. อปุ กรณ์
-ชุดการ์ดสีแทนความรู้สึก
-Visualiser และจอโปรเจ็คเตอร์
-โทรศพั ท์มอื ถือ
3. แหล่งเรยี นรู้
-หอ้ งสมุดโรงเรียน
-วิดีโอ List major biomes สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=lqxNQpajdpQ
-วิดีโอ Biomes - The Living Landscapes of Earth สืบค้นจาก
https://www.youtube.com/watch?v=o_AfNcjlOgU
การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารผ่าน
1. นักเรียนสามารถระบุ ตรวจจากสมุด แบบตรวจสมุดกิจกรรมและ ผา่ นเกณฑใ์ น
สาระสาคญั และอธิบายลกั ษณะ กิจกรรมหรอื แบบฟอร์มตรวจ Mind ระดบั ปานกลาง
สาคญั ของแตล่ ะไบโอมได้ Activities book. mapping ขึน้ ไป
2. นกั เรียนมที ักษะการคิดอย่าง ตรวจจากสมดุ แบบตรวจสมุดกิจกรรมและ ผา่ นเกณฑใ์ น
สร้างสรรค์และสามารถจดั กระทา กิจกรรมหรอื แบบฟอร์มตรวจ Mind ระดับปานกลาง
และสื่อสารข้อมูลได้ Activities book. mapping ขึน้ ไป
3. นักเรียนมคี วามมงุ่ มนั่ ในการ สงั เกตพฤติกรรมใน แบบสงั เกตพฤติกรรมในช้ัน ผา่ นเกณฑใ์ น
ทางาน ใฝเ่ รียนรู้และมีวนิ ัยในการ ชั้นเรยี น เรียน ระดับปานกลาง
ทางาน ขึน้ ไป
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ความสามารถในการคิด ตรวจจากสมุด แบบตรวจสมดุ กิจกรรมและ ผา่ นเกณฑใ์ น
กิจกรรมหรอื แบบฟอร์มตรวจ Mind ระดบั ปานกลาง
Activities book. mapping ขึน้ ไป
บนั ทกึ ผลหลงั แผนการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการเรยี นรู้
1.1 ด้านความรู้ (K)
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
1.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
1.3 ด้านเจตคติ / คณุ ลักษณะฯ (A)/ สมรรถนะ (C) เชอ่ื มโยงกบั มาตรฐานสากล
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
2.บรรยากาศการเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
3. การปรบั เปลยี่ นแผนการจัดการเรยี นรู้(ถา้ ม)ี
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
4. ข้อคน้ พบด้านพฤตกิ รรมการจดั การเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
5. อืน่ ๆ.
.................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
6. ปญั หา/สงิ่ ทพี่ ฒั นา/แนวทางแกป้ ญั หา/แนวทางการพฒั นา
ปญั หา/สงิ่ ทพี่ ัฒนา สาเหตขุ องปญั หา/ แนวทางแกไ้ ข/ วธิ แี กไ้ ข/พฒั นา ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
สิง่ ทพี่ ฒั นา พัฒนา
ลงชื่อ…………………………………… รับทราบผลการดาเนินงาน
(…………………………………) ลงชื่อ……………………………
ครผู สู้ อน (……………………………….)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
ลงชื่อ……………………………………….รองผู้อานวยการฝา่ ยบริหารงานวิชาการ
(…………………………………………………………….)
………………./……………../………………..
ลงชื่อ………………………………………..ผอู้ านวยการโรงเรียน
(………………………………………..)
……………/……………../……………
ภาคผนวก
แบบประเมินแผนผงั ความคดิ (Mind mapping)
วิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ (ชวี วทิ ยา) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอื่ งไบโอม
ชือ่ ............................................................................ ห้อง...........................เลขท.ี่ ...................
คาชแี้ จง: ครูสังเกตพฤติกรรมนักเรียนในระหว่าการเรียนการสอน แล้วใส่เครื่องหมาย ลงในชอ่ งตาม
ความเปน็ จริง
ประเดน็ สงั เกต คะแนน รวมคะแนน
012 3
แผนผังความคดิ (Mind mapping)
1. ความสมบรู ณ์ของเน้ือหา
2. การเช่อื มโยงระหว่างความคิดหลัก
ความคิดรองและความคิดย่อย
3. การเลือกใช้สสี นั ความสวยงาม การใช้
เส้นเช่อื มโยงความคิด
หมายเหต:ุ
3 = ดีมาก 2 = ดี 1 = ปานกลาง 0 = ควรปรบั ปรงุ
เกณฑต์ ดั สินคณุ ภาพ:
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 7-9 = ดีมาก
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 4-6 = ดี
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 2-3 = ปานกลาง
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 0-1 = ควรปรบั ปรงุ
สรปุ ผลการตดั สนิ
ดีมาก ดี ปานกลาง ควรปรับปรุง
ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ปานกลางขนึ้ ไป
ผา่ น ไม่ผ่าน
(...............................................)
..............................................
วันที.่ ............................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพแผนผงั ความคดิ (Mind mapping)
เรือ่ ง ไบโอม
ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมิน
0 (ควรปรบั ปรงุ ) 1 (ปานกลาง) 2 (ด)ี 3 (ดีมาก)
1. ความสมบรู ณ์ เขียนชนดิ ของไบโอมได้
ของเน้ือหา เขียนชนดิ ของไบโอมได้ เขียนชนดิ ของไบ เขียนชนดิ ของไบโอมได้ ทั้งหมด 9 ชนิดในแผนผงั
ความคิด
2. การเช่อื มโยง น้อยกว่า 3 ชนิดใน โอมได้ 3-5 ชนิดใน 6-8 ชนิดในแผนผัง เขียนเชือ่ มโยงระหว่าง
ระหว่างความคิด ความคิดหลัก ความคิด
หลัก ความคดิ แผนผงั ความคิด แผนผังความคิด ความคิด รองและความคิดย่อย
รองและความคิด เร่อื งไบโอมได้ได้ทั้งหมด 9
ย่อย เขียนเช่อื มโยงระหว่าง เขียนเชอ่ื มโยง เขียนเช่อื มโยงระหว่าง ชนิดในแผนผังความคิด
3. การเลือกใช้ ความคิดหลัก ระหว่างความคิด ความคิดหลกั ผลงานมคี วามสวยงาม
สีสัน ความ แปลกใหม่ มีจุดเด่น
สวยงาม การใช้ ความคิดรองและ หลัก ความคดิ รอง ความคิดรองและ น่าสนใจ สีสันสวยงาม มี
เส้นเช่อื มโยง การใชส้ ีจดั กลุ่มแยกหัวข้อ
ความคิด ความคิดย่อย เร่อื งไบ และความคิดย่อย ความคิดย่อย เรอ่ื งไบ แยกเส้นชดั เจน มีการ
เชอ่ื มโยงความสัมพันธ์
โอมได้นอ้ ยกว่า 3 ชนิด เรือ่ งไบโอมได้ 3-5 โอมได้ 6-8 ชนิดใน ระหว่างหวั ข้อ
ในแผนผงั ความคิด ชนิดในแผนผัง แผนผงั ความคิด
ความคิด
ผลงานยงั ไม่สวยงาม ผลงานมคี วาม ผลงานมคี วามสวยงาม
และน่าสนใจ ขาดการ สวยงาม น่าสนใจ มีจดุ เด่น น่าสนใจ แต่
ใช้เส้นหรอื สีในการ แตย่ งั ไม่มีจุดเด่นที่ ยังไม่แปลกใหม่ มีการ
เช่อื มโยงแยกหัวข้อ ชัดเจน มีสสี ันแต่ ใช้สสี นั สวยงาม ใช้เส้น
แยกประเด็นได้ไม่ แยกหวั ข้อชัดเจนมกี าร
ชัดเจน ไม่มีการ เช่อื มโยงความคิด
เชอ่ื มโยงความคิด เล็กน้อย
แบบประเมินสมดุ กจิ กรรม (Activities book)
วิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ (ชวี วทิ ยา) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอื่ งไบโอม
ชือ่ ............................................................................ ห้อง...........................เลขท.ี่ ...................
คาชแี้ จง: ครูสงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในระหว่าการเรียนการสอน แล้วใส่เครื่องหมาย ลงในชอ่ งตาม
ความเป็นจริง
ประเดน็ สงั เกต คะแนน รวมคะแนน
012 3
สมดุ กจิ กรรม (Activities book)
1. ความสมบรู ณ์และความถกู ต้องของ
คาถามในสมุดกิจกรรม
2. การทางานกลุ่มและการต้ังคาถาม
ภายในกลุ่ม
3. การนาเสนองานกลุ่ม
หมายเหต:ุ
3 = ดีมาก 2 = ดี 1 = ปานกลาง 0 = ควรปรบั ปรงุ
เกณฑต์ ดั สินคณุ ภาพ:
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 7-9 = ดีมาก
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 4-6 = ดี
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 2-3 = ปานกลาง
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 0-1 = ควรปรบั ปรุง
สรปุ ผลการตดั สนิ
ดีมาก ดี ปานกลาง ควรปรับปรุง
ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ปานกลางขนึ้ ไป
ผา่ น ไม่ผ่าน
(...............................................)
..............................................
วนั ที.่ ............................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพสมดุ กจิ กรรม (Activities book)
เรือ่ ง ไบโอม
ประเดน็ การ ระดบั คุณภาพ
ประเมิน
0 (ควรปรบั ปรงุ ) 1 (ปานกลาง) 2 (ด)ี 3 (ดีมาก)
1. ความสมบูรณ์
และความถกู ต้อง ตอบคาถามในใบ ตอบคาถามในใบ ตอบคาถามในใบ ตอบคาถามในใบกิจกรรม
ของคาถามใน
สมุดกิจกรรม กิจกรรมได้ถกู ต้องนอ้ ย กิจกรรมได้ถกู ต้อง กิจกรรมได้ถูกต้องใน ได้ถูกต้องมากกว่าร้อยละ
2. การทางาน กว่าร้อยละ 39 ของ ในระหว่างรอ้ ยละ ระหว่างรอ้ ยละ 60-79 80 ของคาถามท้ังหมด
กลุ่มและการตง้ั
คาถามภายใน คาถามท้ังหมด 40-59 ของคาถาม ของคาถามท้ังหมด
กลุ่ม
ท้ังหมด
3. การนาเสนอ
งานกลุ่ม ไม่มกี ารปฏิสัมพันธ์ มีการปฏิสัมพนั ธ์ มีการปฏิสัมพันธ์ มีการปฏิสมั พนั ธ์รว่ มกบั
ร่วมกับเพือ่ นในกลุ่ม ร่วมกับเพื่อนใน ร่วมกบั เพือ่ นในกลุ่มดี เพือ่ นในกลุ่มดี และตั้ง
และต้ังคาถาม กลุ่มดี และตั้ง และต้ังคาถาม คาถามสร้างสรรค์ในกลุ่ม
สร้างสรรค์ในกลุ่มได้ คาถามสร้างสรรค์ สร้างสรรค์ในกลุ่มได้ ได้มากกว่า 7 คาถาม
น้อยกว่า 3 คาถาม ในกลุ่มได้ระหว่าง ระหว่าง 5-6คาถาม
3-4 คาถาม
ไม่สบตาผฟู้ งั ขาด สบตาผฟู้ ัง แต่ขาด สบตาผฟู้ ัง มคี วาม สบตาผฟู้ ัง มคี วามมน่ั ใจ
ความมัน่ ใจในการพดู ความมนั่ ใจ พดู มนั่ ใจ พูดได้ฉะฉาน พูดได้ฉะฉาน ชัดเจน มี
ขาดความนา่ สนใจและ พึมพาและพดู ติดขัด ชัดเจน แตพ่ ดู ติดขดั ความล่นื ไหลในการพูด
ใช้นา้ เสียงโทนเดียว หรอื อ่านสไลด์มาก เลก็ น้อย รู้จกั การใชน้ าเสียงอย่าง
จนเกินไป เหมาะสม น่าสนใจ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการใฝ่เรยี นรู้
วิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ (ชวี วทิ ยา) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอื่ งไบโอม
ชือ่ ............................................................................ ห้อง...........................เลขท.ี่ ...................
คาชแี้ จง: ครสู ังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในระหว่าการเรียนการสอน แล้วใส่เครื่องหมาย ลงในชอ่ งตาม
ความเป็นจริง
คณุ ลกั ษณะผนั พงึ ประสงค์ คะแนน รวมคะแนน
012 3
การใฝเ่ รยี นรู้
1. การค้นคว้าละการเลือกใช้ขอ้ มลู จาก
แหลง่ ที่น่าเช่อื ถือ
2. การตงั้ คาถาม การตอบคาถาม การ
แสดงความคิดเห็นและการมีฏิสัมพนั ธ์
โต้ตอบในชั้นเรยี น
3. การอา่ นหนังสอื ล่วงหน้า สงั เกตได้จาก
การทดสอบก่อนเรียน
หมายเหต:ุ
3 = ดีมาก 2 = ดี 1 = ปานกลาง 0 = ควรปรับปรุง
เกณฑต์ ดั สินคณุ ภาพ:
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 7-9 = ดีมาก
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 4-6 = ดี
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 2-3 = ปานกลาง
คะแนนรวมอยู่ระหว่าง 0-1 = ควรปรบั ปรุง
สรปุ ผลการตดั สนิ
ดีมาก ดี ปานกลาง ควรปรบั ปรงุ
ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ปานกลางขนึ้ ไป
ผา่ น ไม่ผ่าน
(...............................................)
..............................................
วนั ที.่ ............................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพพฤตกิ รรมการใฝเ่ รยี นรู้
วิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ (ชวี วทิ ยา) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอื่ งไบโอม
ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คุณภาพ
0 (ควรปรบั ปรงุ ) 1 (ปานกลาง) 2 (ด)ี 3 (ดีมาก)
ค้นคว้าข้อมูลและ ค้นคว้าข้อมลู และ
1. การค้นคว้าละ เลือกใช้ขอ้ มลู จาก เลือกใช้ขอ้ มลู จาก ค้นคว้าข้อมลู และ ค้นคว้าข้อมูลและ
การเลือกใช้ขอ้ มูล แหลง่ ขอ้ มูลทีไ่ ม่ แหลง่ ขอ้ มลู ที่
จากแหล่งที่ น่าเช่อื ถือและไม่มี น่าเชอ่ื ถือมากกว่า เลือกใช้ขอ้ มลู จาก เลือกใช้ขอ้ มลู จาก
น่าเชอ่ื ถือ การอา้ งองิ ขอ้ มูล 2 แห่ง แตไ่ ม่มกี าร
อ้างองิ ข้อมูล แหลง่ ขอ้ มูลที่ แหลง่ ขอ้ มลู ที่
2. การตงั้ คาถาม มีสว่ นร่วมในการ มีสว่ นร่วมในการ
การตอบคาถาม แสดงความคิดเหน็ แสดงความคิดเหน็ น่าเช่อื ถือระหว่าง น่าเชอ่ื ถือมากกว่า
การแสดงความ และตอบคาถามใน และตอบคาถามใน
คิดเหน็ และการมีฏิ ช้ันเรยี น 1 ครั้ง/ ช้ันเรยี น 2 คร้ัง/ 1-3 แหง่ และมีการ 3 แหง่ และมีการ
สัมพันธ์โต้ตอบใน สัปดาห์ สปั ดาห์
อ้างองิ ข้อมลู อ้างองิ ข้อมูล
มีสว่ นร่วมในการ มีสว่ นร่วมในการ
แสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเหน็
และตอบคาถามใน และตอบคาถามใน
ช้ันเรยี น 3 ครั้ง/ ชั้นเรยี นมากกว่า 3
สัปดาห์ ครั้ง/สปั ดาห์
ช้ันเรยี น
3. การอา่ นหนังสอื สามารถตอบ สามารถตอบ สามารถตอบ สามารถตอบ
ล่วงหน้า สงั เกตได้ คาถามก่อนเข้าสู่ คาถามก่อนเข้าสู่ คาถามก่อนเข้าสู่ คาถามก่อนเข้าสู่
จากการทดสอบ บทเรียนได้ ทา บทเรียนได้ ทา บทเรียนได้ ทา บทเรียนได้ ทา
ก่อนเรียน แบบทดสอบก่อน แบบทดสอบก่อน แบบทดสอบก่อน แบบทดสอบก่อน
เรียนได้นอ้ ยกว่า เรียนได้มากกว่า เรียนได้มากกว่า เรียนได้มากกว่า
ร้อยละ 30 ร้อยละ 30 ร้อยละ 50 ร้อยละ 70