รายงานการวจิ ยั ในช้ันเรียน
เร่ือง
การใช้แบบฝึ กทักษะพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และ
วัฒนธรรม รายวิชา พระพทุ ธศาสนา เรื่อง พทุ ธประวตั ิ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2
โรงเรียนธิดาแม่พระสุราษฎร์ธานี
ผ้จู ดั ทาวจิ ยั
นางสุภา ช่างสุวรรณ
นางสาวพรทิพย์ เหมบุตร
นางสาวกรกนก อนิ ทชัย
นางสาวอ้อมเดือน วชิ ัยดษิ ฐ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนธิดาแม่พระ
สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 1
317/19 ถนนหน้าเมือง ตาบลตลาด อาเภอเมือง จงั หวัดสุราษฎร์ธานี 84000
โทรศัพท์ 077-272572 โทรสาร 077-213512 http://www.tm.ac.th
สังกดั สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ช่ือเร่ือง การใชแ้ บบฝึกทกั ษะพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
รายวิชา พระพุทธศาสนา เร่ือง พทุ ธประวตั ิ ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ
สุราษฏร์ธานี
ชื่อผ้วู จิ ัย นางสุภา ช่างสุวรรณ นางสาวพรทิพย์ เหมบตุ ร นางสาวกรกนก อินทชยั
และนางสาวออ้ มเดือน วิชยั ดิษฐ
บทท่ี 1
บทนา
ภูมิหลงั
พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ไดบ้ ญั ญตั ิในเร่ืองแนวทางการจดั การศึกษาหมวด 4
ตามมาตรา 22 ไวว้ ่าการจดั การศึกษาตอ้ งยดึ หลกั วา่ ผเู้ รียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเอง
ได้ และถือผเู้ รียนมีความสาคญั ท่ีสุดในกระบวนการเรียนรู้ ตอ้ งจดั เน้ือหาสาระและกิจกรรมใหส้ อดคลอ้ ง
กบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รียน คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล จดั ใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ดว้ ยวิธี
ต่างๆ ตามสติปัญญาและความสามารถของตน การจดั การศึกษาม่งุ เนน้ ความสาคญั ท้งั ดา้ นความรู้ ความคิด
ความสามารถ คณุ ธรรม กระบวนการเรียนรู้และความรับผิดชอบต่อสังคม เพอ่ื พฒั นาคนให้มีความสมดุล
โดยยึดหลกั ผเู้ รียนสาคญั ที่สุด ( กระทรวงศึกษาธิการ.2542 : 23 ) การสอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรมในโรงเรียน ส่วนใหญจ่ ดั ผเู้ รียนเรียนเป็นหอ้ ง แต่ละหอ้ งมีผเู้ รียนจานวนมาก โดยใหผ้ เู้ รียน
เรียนคละกันท้งั เก่งและอ่อน ดังน้ันผูเ้ รียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านสติปัญญา ความถนัด
คุณธรรมจริยธรรม ความสามารถและประสบการณ์ จึงทาใหผ้ เู้ รียนมีความรู้และความเขา้ ใจ ในเรื่องท่ีเรียน
แตกตา่ งกนั ถา้ ครูสอนเร็วผเู้ รียนที่เรียนอ่อนจะตามไม่ทนั ครู สอนซ้าๆอธิบายมาก ๆ ผเู้ รียนก็จะเกิดความ
เบ่ือหน่ายและถา้ เป็นผเู้ รียนท่ียงั เล็ก ครูผสู้ อนตอ้ งหาวิธีการสอนหลายๆอย่างเพื่อทาให้ผูเ้ รียนสนใจและมี
เจตคติที่ดีตอ่ กลุ่มสาระสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ การนาเอาวิธีการสอนมาใชเ้ หมาะสมกบั
ลกั ษณะวิชา กล่าวคือครู จะตอ้ งหาวิธีการสอน ท่ีไดผ้ ลมาใชก้ บั นกั เรียน ซ่ึงจะเป็นสิ่งที่ทาใหก้ ารเรียนการ
สอนดาเนินไปอยา่ งมีประสิทธิภาพมากข้ึนกวา่ เดิม การจดั การเรียนรู้ คอื เพื่อใหผ้ เู้ รียนเป็นมนุษยท์ ่ีสมบูรณ์
ดี เก่ง มีสุข ผูส้ อนจึงมีบทบาทสาคัญในการสร้างผูเ้ รียนให้ไปสู่เป้าหมาย ดังกล่าว โดยจะตอ้ งคานึง
มาตรฐานคณุ ภาพการจดั การเรียนรู้เพื่อจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม กบั ผเู้ รียนในแตล่ ะระดบั การศึกษา
ปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนบางส่วนของผเู้ รียน การเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
เป็ นการศึกษาเกี่ยวกบั วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ของมนุษย์ ลกั ษณะ ทางกายภาพและสภาพสิ่งแวดล้อมท่ีอยู่
ล้อมรอบตัวเรา เป็ นการเรียนรู้ที่จะสามารถปรับตัวให้เขา้ กับสภาพสังคม ปัจจุบันได้อย่างมีความสุข
ปัญหาที่พบในการจดั การเรียนการสอนรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เร่ืองพทุ ธประวตั ิ ในช้นั
ประถมศึกษาปี ท่ี 2 เป็นเร่ืองเกี่ยวกบั นามธรรม ที่เขา้ ใจยาก อีกท้งั ช่ือผูท้ ี่เก่ียวขอ้ งในพุทธ ประวตั ิอ่านยาก
นักเรียนมีความสับสนในช่วงเวลาและบุคคล ทาให้นักเรียนเกิดความเบ่ือหน่ายทอ้ แท้ ไม่สนใจเรียน
ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิ ในการเรียนต่าทางผูว้ ิจยั จึงเห็นสมควร แกป้ ัญหาโดยการสร้างแบบฝึ กการเรียนวิชา
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ซ่ึงจะส่งผลให้นกั เรียนสนใจเรียนมากข้ึนและมีผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนสูงข้ึน
วตั ถปุ ระสงค์ ของการวิจยั
1.เพอ่ื สร้างแบบฝึกทกั ษะทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ืองพุทธประวตั ิ
ของ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80
2. เพือ่ เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนก่อนและหลงั เรียนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะ สาหรับนกั เรียน
ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ
1. ขอบเขตการวิจยั
- ประชากรนกั เรียนระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ สุ่มกลมุ่ ตวั อยา่ ง 49
คน ซ่ึงไดม้ าโดยการเลือกแบบ เจาะจง
- ระยะเวลาในการวิจยั ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการดาเนินการวิจยั ในภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2564
จานวน 1 คาบ
- เน้ือหาทีใชใ้ นการวิจยั การวิจยั คร้ังน้ีใชเ้ น้ือหา เรื่องพทุ ธประวตั ิ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
2. ตวั แปร ที่ใชใ้ นการวจิ ยั คร้ังน้ี
2.1 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่
2.1.1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง พุทธประวตั ิของ
นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
2.2 ตวั แปรอิสระ คือ การสอนโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะทางการเรียนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และ
วฒั นธรรม เรื่อง พทุ ธประวตั ิ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ
ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ
1.ไดแ้ บบฝึกทกั ษะทางการเรียนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่องพทุ ธประวตั ิ
ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. พฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนการสอน เรื่อง พทุ ธประวตั ิ วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และ
วฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
กรอบแนวคดิ ของการวิจยั ตัวแปรต้น
ตวั แปรตน้
แบบฝึกทกั ษะทางการเรียนวิชาสงั คม ศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ
ตวั แปรตาม
ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ
ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
นิยามศพั ท์ เฉพาะ
1. แบบฝึก หมายถึง แบบฝึกทกั ษะท่ีผวู้ จิ ยั สร้างข้นึ โดยใชเ้ น้ือหาวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
2. ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน หมายถึง คะแนนที่นักเรียนทาได้จากแบบทดสอบวัด
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนท่ีผวู้ จิ ยั สร้างข้นึ
3. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทกั ษะการเรียน ผศู้ ึกษาไดก้ าหนดไวท้ ี่ 80 / 80
80 ตวั แรก หมายถึง คะแนนเฉล่ียร้อยละของประสิทธิภาพของการฝึก
80 ตวั หลงั หมายถึง คะแนนเฉล่ียร้อยละของการทดสอบหลงั เรียน
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง
ในการศึกษาเอกสารงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั การใชแ้ บบฝึกทกั ษะพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง พุทธประวตั ิ ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษา
ปี ท่ี 2 ผศู้ ึกษาไดค้ น้ ควา้ เอกสารงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง โดยลาดบั เน้ือหาที่เป็นสาระสาคญั ดงั ต่อไปน้ี
1. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
2. ความหมายของแบบฝึกทกั ษะ
3. แนวคดิ /ทฤษฎีในเร่ืองแบบฝึกทกั ษะ
4. ความสาคญั ของแบบฝึกทกั ษะ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
ทาไมตอ้ งเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตลอดเวลา กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช่วยใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ วา่
มนุษย์ดารงชีวิตอย่างไร ท้ังในฐานะปัจเจกบุคคล และการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตาม
สภาพแวดลอ้ ม การจดั การทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัด นอกจากน้ี ยงั ช่วยให้ผูเ้ รียนเขา้ ใจถึงการพฒั นา
เปล่ียนแปลงตามยุคสมยั กาลเวลา ตามเหตุปัจจยั ต่างๆ ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจในตนเอง และผอู้ ่ืน มีความ
อดทน อด กล้นั ยอมรับในความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถน่าความรู้ไปปรับใชใ้ นการดาเนินชีวิต
เป็ นพลเมืองดีของ ประเทศชาติ และสังคมโลก เรียนรู้อะไรในสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมว่าดว้ ยการอยู่ร่วมกนั ในสังคม ที่มีความเชื่อม
สัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบริ บท
สภาพแวดลอ้ ม เป็นพลเมืองดีมี ความรับผิดชอบ มีความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม และคา่ นิยมที่เหมาะสม
โดยไดก้ าหนดสาระตา่ งๆไว้ ดงั น้ี
• ศาสนา ศีลธรรมและจริยธรรม แนวคิดพ้ืนฐานเก่ียวกบั ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หลกั ธรรม
ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ การนาหลกั ธรรมค่าสอนไปปฏิบตั ิในการพฒั นาตนเอง และ
การอยรู่ ่วมกนั อย่าง สันติสุขเป็นผกู้ ระทาความดี มีค่านิยมที่ดีงาม พฒั นาตนเองอย่เู สมอ รวมท้งั บาเพญ็
ประโยชนต์ อ่ สังคมและส่วนรวม
• หนา้ ที่พลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวิต ระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบนั การ
ปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข ลกั ษณะและความสาคญั การเป็น
พลเมืองดี ความแตกตา่ งและความหลากหลายทางวฒั นธรรม คา่ นิยม ความเชื่อ ปลกู ฝังค่านิยมดา้ น
ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็น ประมุข สิทธิ หนา้ ที่ เสรีภาพการด่าเนินชีวติ อยา่ งสนั ติสุขใน
สงั คมไทยและสังคมโลก
• เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจ่าย และการบริโภคสินคา้ และบริการ การบริหารจดั การ
ทรัพยากรท่ีมีอยู่ อยา่ งจากดั อยา่ งมีประสิทธิภาพ การดารงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ และการนาหลกั เศรษฐกิจ
พอเพยี งไปใชใ้ น ชีวิตประจาวนั
• ประวตั ิศาสตร์ เวลาและยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ พฒั นาการของ
มนุษยชาติจาก อดีตถึงปัจจุบนั ความสัมพนั ธ์และเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ผลกระทบท่ีเกิด
จากเหตกุ ารณ์สาคญั ในอดีต บคุ คลสาคญั ท่ีมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆในอดีต ความเป็นมา
ของชาติไทย วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย แหลง่ อารยธรรมท่ีสาคญั ของโลก
• ภูมิศาสตร์ ลกั ษณะของโลกทางกายภาพ ลกั ษณะทางกายภาพ แหลง่ ทรัพยากร และภมู ิอากาศของ
ประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก การใชแ้ ผนท่ีและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพนั ธ์
กนั ของสิ่งตา่ งๆ ในระบบธรรมชาติ ความสัมพนั ธ์ของมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ และ
ส่ิงท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน การนาเสนอ ขอ้ มูลภูมิสารสนเทศ การอนุรักษ์สิ่งแวดลอ้ มเพ่ือการพฒั นาที่
ยงั่ ยนื
1. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเขา้ ใจประวตั ิความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ
ศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ีถูกตอ้ ง ยึดมนั่ และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรม เพ่ืออยู่
ร่วมกนั อยา่ ง สนั ติสุข
มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏิบตั ิตนเป็นศาสนิกชนท่ีดี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนา
หรือศาสนาท่ีตนนบั ถือ
สาระที่ ๒ หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวิตในสังคม
มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมท่ีดีงาม และธารง
รักษาประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่ร่วมกนั ในสังคมไทย และ สังคมโลกอย่างสันติสุข
มาตรฐาน ส ๒.๒ เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบนั ยึดมน่ั ศรัทธา และธารง
รักษา ไวซ้ ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข
สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส.๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้
ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุม้ ค่า รวมท้งั เขา้ ใจ หลกั การของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง เพอ่ื การดารงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ
มาตรฐาน ส.๓.๒ เขา้ ใจระบบ และสถาบนั ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพนั ธ์ทางเศรษฐกิจ และ
ความจาเป็นของการร่วมมือกนั ทางเศรษฐกิจในสังคมโลก
สาระท่ี ๔ ประวตั ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถ
ใช้ วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ตา่ งๆ อยา่ งเป็นระบบ
มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจพฒั นาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบนั ในดา้ นความสมั พนั ธแ์ ละ
การ เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสาคญั และสามารถ วิเคราะห์
ผลกระทบที่เกิดข้ึน
มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็ นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความ
ภูมิใจ และธารงความเป็นไทย
สาระท่ี ๕ ภมู ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๕.๑ เขา้ ใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพนั ธ์ของสรรพส่ิงซ่ึงมีผล ต่อ
กนั และกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการคน้ หาวิเคราะห์
สรุป และใช้ ขอ้ มูลภมู ิสารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการ
สร้างสรรคว์ ฒั นธรรม มีจิตสานึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ ม เพ่ือ
การพฒั นาที่ยงั่ ยนื
คุณภาพผ้เู รียน
จบช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี ๓
• ไดเ้ รียนรู้เร่ืองเก่ียวกับตนเองและผูท้ ่ีอยู่รอบขา้ ง ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน ท่ีอยู่อาศยั
และเช่ืองโยงประสบการณ์ไปสู่โลกกวา้ ง
• ผูเ้ รียนไดร้ ับการพฒั นาให้มีทักษะกระบวนการ และมีขอ้ มูลที่จาเป็ นต่อการพฒั นาให้เป็ น ผูม้ ี
คุณธรรมจริยธรรม ประพฤติปฏิบตั ิตามหลกั ค่าสอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ มีความเป็นพลเมืองดี
มีความ รับผดิ ชอบ การอยรู่ ่วมกนั และการทา่ งานกบั ผอู้ ่ืน มีส่วนร่วมในกิจกรรมของหอ้ งเรียน และ
ไดฝ้ ึกหดั ในการ ตดั สินใจ
• ไดศ้ ึกษาเร่ืองราวเก่ียวกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และชุมชนในลกั ษณะการบูรณาการ ผเู้ รียน
ได้ เขา้ ใจแนวคดิ เก่ียวกบั ปัจจุบนั และอดีต มีความรู้พ้นื ฐานทางเศรษฐกิจไดข้ อ้ คิดเก่ียวกบั รายรับ-
รายจ่ายของ ครอบครัว เขา้ ใจถึงการเป็ นผูผ้ ลิต ผูบ้ ริโภค รู้จกั การออมข้นั ตน้ และวิธีการเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
• ไดร้ ับการพฒั นาแนวคดิ พ้ืนฐานเกี่ยวกบั ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หนา้ ที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์
ประวตั ิศาสตร์ และภูมิปัญญา เพื่อเป็ นพ้ืนฐานในการทาความเขา้ ใจในข้นั ท่ีสูงต่อไป จบช้ัน
ประถมศึกษาปี ที่ ๖
• ไดเ้ รียนรู้เร่ืองของจงั หวดั ภาค และประทศของตนเอง ท้งั เชิงประวตั ิศาสตร์ ลกั ษณะทางกายภาพ
สังคม ประเพณี และวฒั นธรรม รวมท้งั การเมืองการปกครอง สภาพเศรษฐกิจโดยเนน้ ความเป็ น
ประเทศ ไทย
• ไดร้ ับการพฒั นาความรู้และความเขา้ ใจ ในเร่ืองศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตนตามหลกั ค่า
สอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ รวมท้งั มีส่วนร่วมศาสนพิธี และพธิ ีกรรมทางศาสนามากยงิ่ ข้นึ
• ไดศ้ ึกษาและปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิหนา้ ท่ีในฐานะพลเมืองดีของทอ้ งถ่ิน จงั หวดั
ภาค และประเทศ รวมท้งั ไดม้ ีส่วนร่วมในกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรม ของ
ทอ้ งถิ่น ตนเองมากยง่ิ ข้ึน
• ไดศ้ ึกษาเปรียบเทียบเร่ืองราวของจงั หวดั และภาคต่างๆของประเทศไทยกบั ประเทศเพ่ือนบา้ น
ได้รับการพฒั นาแนวคิดทางสังคมศาสตร์ เก่ียวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง
เศรษฐศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ และภูมิศาสตร์เพื่อขยายประสบการณ์ไปสู่การทาความเขา้ ใจ ใน
ภูมิภาค ซีกโลกตะวนั ออก และตะวนั ตกเก่ียวกบั ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมความเช่ือ
ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม การด่าเนินชีวิต การจัดระเบียบทางสังคม และการ
เปล่ียนแปลงทางสงั คมจากอดีตสู่ปัจจุบนั
จบช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๓
• ได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับความเป็ นไปของโลก โดยการศึกษาประเทศไทยเปรียบเทียบ กบั
ประเทศในภมู ิภาคตา่ งๆในโลก เพื่อพฒั นาแนวคดิ เร่ืองการอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติสุข
• ไดเ้ รียนรู้และพฒั นาให้มีทกั ษะท่ีจาเป็ นต่อการเป็ นนักคิดอย่างมีวิจารณญาณได้รับการพฒั นา
แนวคิด และขยายประสบการณ์ เปรียบเทียบระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ใน
โลก ไดแ้ ก่ เอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ในดา้ นศาสนา คุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยม ความ เช่ือ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรม การเมืองการปกครอง
ประวตั ิศาสตร์และภมู ิศาสตร์ ดว้ ยวธิ ีการ ทางประวตั ิศาสตร์ และสงั คมศาสตร์
• ไดร้ ับการพฒั นาแนวคิดและวิเคราะห์เหตุการณ์ในอนาคต สามารถนามาใชเ้ ป็ นประโยชน์ ใน
การดาเนินชีวิตและวางแผนการดาเนินงานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
จบช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๖
• ไดเ้ รียนรู้และศึกษาความเป็นไปของโลกอยา่ งกวา้ งขวางและลึกซ้ึงยง่ิ ข้ึน
• ไดร้ ับการส่งเสริมสนบั สนุนใหพ้ ฒั นาตนเองเป็ นพลเมืองที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบตั ิตาม
หลกั ธรรมของศาสนาท่ีตนนบั ถือ รวมท้งั มีค่านิยมอนั พึงประสงค์ สามารถอย่รู ่วมกบั ผอู้ ่ืนและอยู่
ในสังคมได้ อย่างมีความสุข รวมท้งั มีศกั ยภาพเพื่อการศึกษาต่อในช้ันสูงตามความประสงค์ได้
• ไดเ้ รียนรู้เร่ืองภูมิปัญญาไทย ความภมู ิใจในความเป็นไทย ประวตั ิศาสตร์ของชาติไทย ยดึ มนั่ ในวิถี
ชีวิต และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข
• ไดร้ ับการส่งเสริมให้มีนิสัยท่ีดีในการบริโภค เลือกและตดั สินใจบริโภค ไดอ้ ย่างเหมาะสม มี
จิตสานึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ประเพณีวฒั นธรรมไทย และสิ่งแวดลอ้ ม มีความรัก
ทอ้ งถิ่นและประเทศชาติ ม่งุ ทาประโยชน์ และสร้างสิ่งที่ดีงามใหก้ บั สังคม
• เป็นผมู้ ีความรู้ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ของตนเอง ช้ีนาตนเองได้ และสามารถแสวงหา
ความรู้จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ งๆ ในสังคมไดต้ ลอดชีวิต
2. ความหมายของแบบฝึ กทักษะ
แบบฝึกในภาษาไทยมีชื่อเรียกแตกตา่ งกนั ออกไป เช่น ชุดการฝึก แบบฝึกทกั ษะ
แบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ทกั ษะ เป็นตน้ มีผใู้ หค้ วามหมายของแบบฝึก แบบฝึกหดั หรือชุดการฝึกไวด้ งั น้ี
สมศกั ด์ิ สินธุระเวชญ์ (2540 : 106) กลา่ ววา่ แบบฝึก หมายถึง การจดั ประสบการณ์ฝึกหดั
เพื่อให้ผเู้ รียนศึกษา และเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง และสามารถแกป้ ัญหาไดถ้ ูกตอ้ งอยา่ งหลากหลายและแปลก
ใหม่
สุกิจ ศรีพรหม (2541 : 68) ไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ ชุดการฝึก หมายถึง การน่าสื่อประสม
ที่สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาและจุดประสงค์ของวิชามาใช้ในการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของผูเ้ รียนเพื่อใหเ้ กิด
การเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ถวลั ย์ มาศจรัล (2546 : 18) ไดใ้ หค้ วามหมายไวว้ า่ แบบฝึกหดั หมายถึง กิจกรรมพฒั นา
ทกั ษะเรียนรู้ที่ให้ ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม มีความหลากหลาย และปริมาณเพียงพอท่ี
สามารถตรวจสอบและพฒั นาทกั ษะ กระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ สามารถน่าผูเ้ รียนสู่การสรุป
ความคิดรวบยอดและหลกั การสาคญั ของสาระการเรียนรู้ รวมท้งั ทาให้ผูเ้ รียนสามารถตรวจสอบความ
เขา้ ใจในบทเรียนดว้ ยตนเองได้
นิลาภรณ์ ธรรมวเิ ศษ(2546 : 10) ไดก้ ล่าวถึง ความหมายของแบบฝึกวา่ เป็นส่ิงที่ช่วยเสริม
ทักษะเกี่ยวกับการ เขียนทุกรูปแบบโดยเฉพาะอย่างย่ิงการเขียนสะกดคา ครูสามารถใช้แบบฝึ กช่วย
พฒั นาการเขียนแบบฝึกยงั เป็นสิ่งเร้าใจ ใหผ้ เู้ รียนสนใจและอยากฝึกทกั ษะการเขยี นใหเ้ กิดความชานาญมาก
ข้นึ
ปริศนา พลหาญ(2549 : 48) ไดใ้ หค้ วามหมายของแบบฝึกไวว้ า่ แบบฝึกหรือแบบฝึกหดั
หรือแบบเสริมทกั ษะ หมายถึงการจดั ประสบการณ์การฝึ กโดยใชต้ วั อย่างปัญหาหรือคาสั่งท่ีต้งั ข้ึนเพื่อให้
นกั เรียนเป็นผลู้ งมือปฏิบตั ิกิจกรรมเอง และเกิดความรู้ความเขา้ ใจและมีทกั ษะเพ่ิมมากข้นึ ช่วยใหน้ กั เรียน
มีพฒั นาการในการเรียนรู้และสามารถนาความรู้ไปใช้ แกป้ ัญหา นกั เรียนไดเ้ รียนรู้อยา่ งสนุกสนาน
จากความหมายดงั กลา่ ว สรุปไดว้ า่ แบบฝึก แบบฝึกหดั หรือชุดการฝึก เป็นคาท่ีมี
ความหมายคลา้ ยคลึงกนั คือ งานหรือกิจกรรมที่ครูผูส้ อนมอบหมายให้ผูเ้ รียนกระทา เพ่ือฝึ กทกั ษะและ
ทบทวนความรู้ที่ได้เรียนไปแลว้ ให้เกิดความ ชานาญ ถูกตอ้ ง คล่องแคล่ว จนสามารถนาความรู้ไป
แกป้ ัญหาไดโ้ ดยอตั โนมตั ิ ในการศึกษาคร้ังน้ีผวู้ จิ ยั เลือกใชค้ าวา่ แบบ ฝึกทกั ษะ
3. ความสาคัญของแบบฝึ กทกั ษะ
ในการฝึกทกั ษะของนกั เรียนน้นั ครูจะตอ้ งมีการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ท่ีเร้าความ
สนใจของผูเ้ รียน นอกจากจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมแล้วครูยงั ต้องสร้างแบบฝึ กเพ่ือ
ช่วยเหลือนกั เรียน เพราะนกั เรียนที่เขียนสะกดคาดว้ ยตนเอง โดยไม่มีแบบฝึ กช่วยเลยหรือมีแต่เพียงส่วน
นอ้ ยจะทาใหน้ กั เรียนพฒั นาไดไ้ ม่เตม็ ที่ดงั น้นั แบบฝึกจึงมี ความสาคญั ดงั น้ี
ชาญชยั อาจิณสมาจาร (2540 : 98) ไดใ้ หค้ วามสาคญั ของแบบฝึกทกั ษะ วา่ เป็นส่วนหน่ึง
ของบทเรียน ที่จะทา ให้นักเรียนทาให้สาเร็จผลท่ีไดเ้ ป็ นอย่างไร ในอดีตแบบฝึ กถูกมองว่าเป็ นการบา้ น
ปัจจุบนั เป็นงานท่ีทาในช้นั เรียนหรือท่ีบา้ น เป็นบทเรียนที่ตอ้ งฝึกและเรียนรู้เป็นโครงการท่ีตอ้ งทาให้เสร็จ
เป็นคาถามที่ตอ้ งตอบหรือทบทวนการเรียนท่ีผา่ นมา กิจกรรมเหล่าน้ีเป็นหน่ึงวงจรของการเรียนการสอน
ชยาภรณ์ พณิ พาทย์ (2542 : 118) กล่าววา่ แบบฝึกมีความสาคญั และจาเป็นต่อการเรียน
ทกั ษะทางภาษามาก เพราะจะช่วยให้ผเู้ รียนเขา้ ใจบทเรียน ไดด้ ียง่ิ ข้ึนสามารถจดจาเน้ือหาในบทเรียนและ
คาศพั ทต์ ่างๆให้คงทน ทาให้เกิดความสนุกสนานในขณะเรียน ทราบความกา้ วหนา้ ของตนเองสามารถนา
แบบฝึ กมาทบทวนเน้ือหาเดิมด้วยตนเอง ไดน้ ามาวดั ผล การเรียนหลงั จากท่ีเรียนแลว้ ตลอดจนสามารถ
ทราบขอ้ บกพร่องของนักเรียน และนาไปปรับปรุงแกไ้ ขไดท้ นั ท่วงทีซ่ึงจะมี ผลทาให้ครูประหยดั เวลา
คา่ ใชจ้ ่ายและลดภาระไดม้ าก ทาใหน้ กั เรียนสามารถนาภาษาไปใชส้ ่ือสารไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
นิลาภรณ์ ธรรมวิเศษ (2546 : 11) ไดก้ ลา่ วถึงความสาคญั ของแบบฝึก ไวว้ า่ แบบฝึกที่ครู
นามาเป็นเคร่ืองมือใน การสอนจะช่วยใหน้ กั เรียนพฒั นาทกั ษะตา่ งๆ ใหด้ ีข้ึน
จิตราสมพล (2547 : 10) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ แบบฝึกทกั ษะมีความสาคญั และจาเป็นอยา่ งยง่ิ ใน
การใชเ้ ป็นส่ือและอปุ กรณ์ประกอบในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีเหมาะสม
ปริศนาพลหาญ (2549 : 49) ไดก้ ลา่ ววา่ แบบฝึกภาษาไทยจะท่าใหน้ กั เรียนมีทกั ษะในดา้ น
ภาษา ช่วยเสริม ทกั ษะดา้ นภาษา และใหน้ กั เรียนสามารถใชภ้ าษาในการติดต่อส่ือสาร และส่ือความหมาย
ไดต้ รงกนั ความสาคญั ของแบบฝึ กท่ีกล่าวไวข้ า้ งตน้ สรุปไดว้ า่ แบบฝึ กเป็นสื่อการเรียนและเป็นเคร่ืองมือ
สาคญั ที่จะช่วยให้ นกั เรียนพฒั นาทกั ษะทางภาษาเพ่ือให้เกิดความชานาญ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ แบบฝึ กการ
เขียนสะกดคาจาเป็ นตอ้ งอาศยั การฝึ กฝนอยู่เสมอ จึงจะเขียนสะกดคาไดถ้ ูกตอ้ งแม่นย่าและสามารถใช้
ภาษาติดตอ่ ส่ือสารในชีวิตประจาวนั ได้
4. ประโยชน์ของแบบฝึ กทกั ษะ
ถวลั ย์ มาศจรัส (2546 : 21) กลา่ วถึงประโยชน์ของแบบฝึก ดงั น้ี
1. เป็นส่ือการเรียนรู้ เพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รียน
2. ผเู้ รียนมีสื่อส่าหรับฝึกทกั ษะดา้ นการอา่ น การคิด การวเิ คราะห์ และการเขยี น
3. เป็นสื่อการเรียนรู้ส่าหรับการแกไ้ ขปัญหาในการเรียนรู้ของผเู้ รียน
4. พฒั นาความรู้ ทกั ษะ และเจตคติดา้ นตา่ งๆ ของผเู้ รียน
นิลาภรณ์ ธรรมวิเศษ (2546 : 13) กลา่ วถึงประโยชน์ของแบบฝึกไวว้ า่ แบบฝึกท่ีดีและมี
ประสิทธิภาพ ช่วยทาให้นักเรียนประสบผลสาเร็จ ในการฝึ กทกั ษะทางภาษา แบบฝึ กท่ีดีเปรียบเสมือน
ผชู้ ่วยท่ีสาคญั ของครูท่าให้ครูลดภาระการสอนลง ไดท้ าใหน้ กั เรียนสามารถพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่และ
เพ่ิมความมนั่ ใจในการเรียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี
สุเทวแี กว้ นิมิตดี (2547 : 40) กล่าวถึงประโยชนข์ องแบบฝึกไวว้ า่ ประโยชนข์ องแบบฝึก
ทาให้นักเรียนเข้าใจ บทเรียนยิ่งข้ึน มีความเช่ือมั่นความรับผิดชอบต่องานที่ทา นักเรียนสามารถใช้
ทบทวนบทเรียนและเห็นความกา้ วหน้าของ ตนเองดว้ ยตลอดจนช่วยลดภาระการสอนของครู ใช้เป็ น
เคร่ืองมือวดั ผลการเรียน ทาให้ครูทราบจุดเด่นจุดด้อยของนักเรียน ได้ชัดเจนอันเป็ นแนวทางในการ
ปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป
จากประโยชนข์ องแบบฝึกที่กล่าวมา สรุปไดว้ า่ แบบฝึกมีประโยชน์เป็นเครื่องมือท่ีช่วยให้
ผูเ้ รียนได้ฝึ กทกั ษะ สามารถที่จะทบทวนด้วยตนเองและเห็นความก้าวหน้าของตนเอง นอกจากน้ี ยงั
สามารถช่วยลดภาวะของครูผสู้ อนอีกดว้ ย
5. หลกั จติ วิทยาทเ่ี กย่ี วข้องกบั การสร้างแบบฝึ ก
การสร้างแบบฝึกทกั ษะจาเป็นมากที่จะตอ้ งอาศยั หลกั จิตวิทยาเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง เพราะแบบ
ฝึ กทกั ษะ จะมีประสิทธิภาพและมีความน่าเช่ือถือตรงตามจุดประสงคข์ องการฝึ กไดน้ ้นั การสร้างแบบฝึ ก
ทกั ษะตอ้ งอาศยั หลกั จิตวิทยา ประกอบ เพื่อความเหมาะสมถูกตอ้ งในการที่จะน่าแบบฝึ กไปใชก้ บั นกั เรียน
ตามวยั ความสามารถ ความสนใจความ แตกต่างระหวา่ งบุคคลหลกั จิตวิทยาการศึกษาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การ
สร้างแบบฝึกมีดงั น้ี
สุจริต เพียรชอบ และสายใจ อินทรัมพรรย์ (2522 : 52-62) ไดแ้ นะนาหลกั จิตวทิ ยาท่ีควร
นามาใชใ้ นแบบฝึก สรุปไดว้ า่
1. กฎการเรียนรู้ของ Thorndike ในการจดั การเรียนการสอนมีดงั น้ี
1.1 กฎแห่งการฝึกฝน (Law of Exercise) คอื การใหผ้ เู้ รียนทาแบบฝึกหดั มากๆจะทาให้
เกิดความคลอ่ ง และชานาญ การสร้างแบบฝึกจึงช่วยใหผ้ เู้ รียนทา่ แบบฝึกหดั ท่ีเสริมจาก
แบบฝึ กในบทเรี ยนและมีหลายรูปแบบ
1.2 กฎแห่งความพร้อม (Law of Readiness) คือ การใหผ้ เู้ รียนมีความพร้อมในการเรียนจะ
ทาใหเ้ กิด ความพอใจในการเรียน
1.3 กฎแห่งผล (Law of Effect) คอื แบบฝึกตอ้ งมีเน้ือเรื่องเป็นที่สนใจของผเู้ รียนความยาก
ง่ายตอ้ ง เหมาะสมกบั วยั และสติปัญญา มีส่ิงกระตุน้ ให้ผูเ้ รียนพอใจ ในการเรียนการประเมินผล ควร
กระทาอยา่ งรวดเร็วหลงั จากท่ี นกั เรียนทาเสร็จแลว้
2. ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
ครูควรคานึงถึงนกั เรียนแตล่ ะคนมีความรู้ความถนดั ความสามารถ และความสนใจที่
แตกต่างกนั ดงั น้นั การสร้างแบบฝึก จึงควรพจิ ารณาถึงความเหมาะสมไมย่ ากและไม่ง่ายเกินไปควรมีคละ
กนั หลาย แบบ
3. การจูงใจผเู้ รียน สามารถทาไดโ้ ดยการจดั แบบฝึกจากง่ายไปหายาก เพ่ือดึงดูดความ
สนใจของผเู้ รียนเป็น การกระตนุ้ ให้ติดตามต่อไปและทาใหน้ กั เรียนประสบความสาเร็จ ในการทาแบบฝึ ก
แบบฝึกควรส้ันๆ จะช่วยใหผ้ เู้ รียนไม่เบื่อหน่าย
4. การนาส่ิงที่มีความหมายตอ่ ชีวติ และการเรียนรู้มาใหน้ กั เรียนไดท้ ดลองทาภาษาที่ใชพ้ ดู
ใชเ้ ขยี นใน ชีวติ ประจาวนั ทาใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนและทาแบบฝึกในส่ิงที่ใกลต้ วั จะทาให้จาไดแ้ มน่ ยา นกั เรียน
ยงั สามารถนาหลกั และความรู้ท่ีไดร้ ับไปใชป้ ระโยชน์อีกดว้ ย
หลกั จิตวิทยาที่กล่าวมาขา้ งตน้ สรุปไดว้ า่ หลกั จิตวิทยาจะช่วยเป็นแนวทางในการสร้าง
แบบฝึ กทกั ษะ ซ่ึงตอ้ งคานึงถึงความยากง่ายของเน้ือหาความเหมาะสมกบั วุฒิภาวะ วยั พฒั นาการความ
สนใจ สติปัญญาความแตกตา่ งระหวา่ ง บคุ คลและมีการจูงใจนกั เรียน ใหน้ กั เรียนฝึกทามากๆ ทาบอ่ ยๆจน
คลอ่ งแมน่ ยา่ และเกิดความชานาญ เพอื่ ใหก้ ารเรียนรู้ เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ
6. หลกั การสร้างแบบฝึ กทักษะ
ฮาเรส (Haress อา้ งถึงใน องั ศมุ าลิน เพม่ิ ผล, 2542 : 14) ไดก้ ลา่ วถึงหลกั การสร้างแบบฝึก
ว่า แบบฝึ กจะตอ้ ง ใช้ภาษาให้เหมาะสมกบั ผูเ้ รียน และควรสร้างโดยอาศยั หลกั จิตวิทยาในการแก้ปัญหา
และการตอบสนองไวด้ งั น้ี
1. สร้างแบบฝึกหลายๆ ชนิด เพ่ือเร้าใหผ้ เู้ รียนเกิดความสนใจ
2. แบบฝึ กที่สร้างข้ึนน้ัน จะตอ้ งให้ผูเ้ รียนสามารถพิจารณาไดว้ ่าตอ้ งการให้ผูเ้ รียนทา
อะไร
3. ใหผ้ เู้ รียนไดน้ าสิ่งท่ีเรียนรู้จากการเรียนมาตอบในแบบฝึกใหต้ รงตามเป้าหมาย
4. ใหผ้ เู้ รียนตอบสนองสิ่งเร้าดว้ ยการแสดงความสามารถและความเขา้ ใจในการฝึก
5. กาหนดใหช้ ดั เจนวา่ จะให้ผเู้ รียนตอบแบบฝึ กแต่ละชนิด แต่ละรูปแบบดว้ ยวิธีการตอบ
อยา่ งไร
ถวลั ย์ มาศจรัส (2546 : 20) ไดก้ ล่าวถึงการสร้างและจดั ทาแบบฝึ กหัด แบบฝึ กทกั ษะไว้
ดงั น้ี
1. ศึกษาเน้ือหาสาระสาหรับการจดั ทาแบบฝึกหดั แบบฝึกทกั ษะ
2. วเิ คราะห์เน้ือหาสาระโดยละเอียด เพื่อกาหนดจุดประสงคใ์ นการจดั ทา
3. ออกแบบการจดั ทาแบบฝึกหดั แบบฝึกทกั ษะตามจุดประสงค์
4. สร้างแบบฝึ กหดั แบบฝึ กทกั ษะและส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แบบทดสอบก่อนฝึ ก บตั ร
คาส่งั ข้นั ตอนกิจกรรมท่ีผเู้ รียนตอ้ งปฏิบตั ิ แบบทดสอบหลงั เรียน
5. นาแบบฝึกหดั แบบฝึกทกั ษะ ไปใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
6. ปรับปรุง พฒั นา ให้สมบูรณ์ จากที่กล่าวมา สรุปไดว้ ่า หลกั ในการสร้างแบบฝึ กควร
สร้างให้ตรงกบั จุดประสงค์ท่ีตอ้ งการฝึ ก มีความ เหมาะสมต่อพฒั นาการของผูเ้ รียน สนองความ
สนใจและคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล จดั ทาให้จบเป็ นเร่ืองๆ การประเมินผลแจ้งผล
ความกา้ วหนา้ ในการฝึ กใหผ้ เู้ รียนทราบทนั ทีทกุ คร้ัง
7. ลกั ษณะของแบบฝึ กทักษะทีด่ ี
ในการจดั ทาแบบฝึ กหัดให้บรรลุตามวตั ถุประสงค์น้ันจาเป็ นจะตอ้ งอาศยั ลกั ษณะและ
รูปแบบของแบบฝึ กที่หลากหลายแตกต่างกนั ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ทกั ษะท่ีเราจะฝึก ดงั ที่มีนกั การศึกษาได้
เสนอแนวคิดเกี่ยวกบั ลกั ษณะของแบบฝึกท่ีดี ไวด้ งั น้ี
ไพรัตน์ สุวรรณแสน (อา้ งถึงใน จิรพร จนั ทะเวียง, 2542 : 43) กล่าวถึงลกั ษณะของแบบ
ฝึกที่ดี ไวด้ งั น้ี
1. เกี่ยวกบั บทเรียนท่ีไดเ้ รียนมาแลว้
2. เหมาะสมกบั ระดบั วยั และความสามารถของเด็ก
3. มีคาช้ีแจงส้นั ๆ ท่ีจะทา่ ใหเ้ ด็กเขา้ ใจ คา่ ช้ีแจงหรือคาสั่งตอ้ งกะทดั รัด
4. ใชเ้ วลาเหมาะสม คอื ไม่ใหเ้ วลานานหรือเร็วเกินไป
5. เป็ นที่น่าสนใจและทา้ ทายความสามารถ บิลโลว์ (Billow อา้ งถึงใน เตือนใจ ตรีเนตร,
2544 : 7) กล่าวถึง ลกั ษณะของแบบฝึ กท่ีดีน้ันจะต้องดึงดูด ความสนใจและสมาธิของผูเ้ รียน
เรียงลาดับจากง่ายไปหายาก เปิ ดโอกาสให้ผูเ้ รียนฝึ กเฉพาะอย่าง ใช้ภาษาเหมาะสมกับวัย
วฒั นธรรมประเพณี ภูมิหลงั ทางภาษาของผูเ้ รียน แบบฝึ กท่ีดีควรจะเป็ นแบบฝึ กสาหรับผูเ้ รียนที่
เรียนเก่ง และซ่อมเสริม ส่าหรับผูเ้ รียนท่ีเรียนอ่อนในขณะเดียวกนั นอกจากน้ีแลว้ ควรใชห้ ลาย
ลกั ษณะและมีความหมายตอ่ ผฝู้ ึกอีกดว้ ย
รีเวอร์ส (Rivers อา้ งถึงใน เตือนใจ ตรีเนตร, 2544 : 7) กล่าวถึงลกั ษณะของแบบ
ฝึกไวด้ งั น้ี
1. บทเรียนทกุ เร่ืองควรใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีโอกาสฝึกมากพอ ก่อนจะเรียนเรื่องต่อไป
2. แตล่ ะบทควรฝึกโดยใชเ้ พียงแบบฝึกเดียว
3. ฝึกโครงสร้างใหมก่ บั สิ่งที่เรียนรู้แลว้
4. ส่ิงที่ฝึกแต่ละคร้ังควรเป็นบทฝึกส้นั ๆ
5. ประโยคและคาศพั ทค์ วรเป็นแบบท่ีใชพ้ ดู กนั ในชีวติ ประจาวนั
6. แบบฝึกควรใหผ้ เู้ รียนไดใ้ ชค้ วามคดิ ไปดว้ ย
7. แบบฝึ กควรมีหลายๆ แบบเพ่ือไม่ให้ผเู้ รียนเกิดความเบื่อหน่าย การฝึ กควรฝึ กใหผ้ ูเ้ รียน
น่าสิ่งท่ีเรียนแลว้ สามารถใชใ้ นชีวิตประจ่าวนั
นิลาภรณ์ ธรรมวิเศษ (2546 :19) กล่าวถึงลกั ษณะของแบบฝึกท่ีดีไวด้ งั น้ี
1. มีรูปแบบท่ีน่าสนใจใชแ้ บบฝึกส้นั ๆ ตามล่าดบั ความยากงา่ ย
2. ตรงตามเน้ือหา เหมาะสมกบั วยั เวลาความสามารถความสนใจ และสภาพปัญหาของ
นกั เรียน
3. มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าจะฝึ กดา้ นใดกาหนดเวลา และแบบฝึ กควรทนั สมยั อยู่เสมอ
จิตราสมพล (2547 : 20) กล่าวไวว้ า่ แบบฝึกที่ดีตอ้ งมีหลากหลายรูปแบบ มีคาช้ีแจงท่ี
ชดั เจนจุดมุ่งหมายว่า ตอ้ งการฝึ กด้านใดสานวนง่ายเร้าความสนใจและฝึ กใช้ความคิดตรงตามเน้ือหาใน
หลกั สูตร ไม่มากหรือนอ้ ยเกินไปเหมาะสม กบั เวลาวยั ความสามารถของนกั เรียนและทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความ
สนุกสนานความพอใจในการเรียน
จากที่กล่าวมาพอสรุปไดว้ า่ ลกั ษณะของแบบฝึกที่ดี ควรเป็นแบบฝึกส้ันๆ ฝึกหลายๆ คร้ัง
มีหลายรูปแบบ การฝึ กควรฝึ กเฉพาะเร่ืองเดียว และควรเป็นสิ่งที่ผูเ้ รียนพบเห็นอยู่แลว้ คาช้ีแจงส้ันๆ ใช้
เวลาเหมาะสม เป็นเรื่องท่ีทา้ ทาย ใหแ้ สดงความสามารถ เมื่อผเู้ รียนไดฝ้ ึ กแลว้ ก็สามารถพฒั นาตนเองไดด้ ี
จึงจะนบั วา่ เป็นแบบฝึกที่ดีและมีประโยชน์
8.การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทกั ษะ
ความหมายและความสาคญั ของการหาประสิทธิภาพ ในการหาประสิทธิภาพของชุดฝึ กทกั ษะ มี
ผใู้ หค้ วามหมายและความสาคญั ไวห้ ลายนยั ดงั น้ี
ชาญชยั ยมดิษฐ์ (2548 : 428) กล่าวถึงความสาคญั ของการประเมินสื่อการเรียนการสอนวา่ เพ่ือจะ
ทราบผลสมั ฤทธ์ิดา้ นการใชส้ ่ือตามวิธีการที่ผา่ นมา วา่ เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ไดผ้ ลมากนอ้ ยเพยี งใด
มีอะไรที่ควรปรับปรุง แกไ้ ขบา้ ง
อจั ฉรา ชีวพนั ธ์ (2549 : 197) กล่าวถึงความสาคญั ของการประเมินส่ือการเรียนการสอนวา่ ครูผสู้ อน
ควรจะไดม้ ีการประเมินผลการใชว้ า่ สื่อต่างๆ น้นั มีประสิทธิภาพเพียงใดโดยใชก้ ารสอบถามและการสังเกต
จากพฤติกรรมการเรียน ของผูเ้ รียนว่าสื่อน้ันช่วยในการรับรู้ของผูเ้ รียนแจ่มแจง้ ข้ึนหรือไม่ช่วยให้ผูเ้ รียน
เขา้ ใจไดอ้ ย่างเป็นรูปธรรมเพียงใด ช่วยให้ ผเู้ รียนเกิดความสนใจและกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมมาก
นอ้ ยเพยี งใด มีขอ้ บกพร่องที่ตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ขอยา่ งไร ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ การหาประสิทธิภาพส่ือ เป็น
ข้นั ตอนที่สาคญั ของการผลิตสื่อ ทาให้ทราบว่าสื่อน้นั มีคุณภาพ ตามจุดประสงคท์ ี่สร้างเพยี งใด ท้งั น้ีเพื่อ
จะไดน้ าขอ้ มูลท่ีไดม้ าปรับปรุงและพฒั นาใหม้ ีประสิทธิภาพต่อไป
9.แนวทางการประเมินสื่อการเรียนการสอน
สุกิจ ศรีพรหม (2541 : 70-71) ข้นั ตอนการทดสอบประสิทธิภาพ เม่ือผลิตแบบฝึกเพื่อเป็น
ตน้ แบบแลว้ ตอ้ ง น่าแบบฝึกไปทดสอบประสิทธิภาพตามข้นั ตอนต่อไปน้ี
ข้นั ท่ี 1 ข้นั ทดสอบกบั ผูเ้ รียน 1 คน (One–To–One Testing) โดยเลือกผเู้ รียนที่ยงั ไม่เคยเรียนเร่ือง
ท่ีจะสอน มาก่อนเลยจานวน 1 คน แลว้ ใหเ้ รียนจากแบบฝึก โดยปฏิบตั ิดงั น้ี
1. ตอบแบบทดสอบก่อนเรียน (Pretest)
2. เรียนจากแบบฝึกจนจบบทเรียน
3. ทาแบบฝึกหดั ในบทเรียนไปพร้อมกนั ในขณะที่เรียน
4. ตอบแบบทดสอบหลงั เรียน (Posttest) แลว้ นาผลท่ีไดร้ ับมาพิจารณาปรับปรุงส่วนที่เห็น
วา่ ยงั บกพร่อง เช่น เน้ือหา สื่อต่างๆ แบบทดสอบตา่ งๆ ใหด้ ี ยง่ิ ข้นึ
ข้นั ที่ 2 ข้นั ทดสอบกบั กลุ่มเล็ก (Small Group Testing ) ใชก้ บั ผเู้ รียน 10 คน ที่ยงั ไม่เคย
เรียนบทเรียน ดงั กลา่ วมาก่อน ดาเนินการเช่นเดียวกบั ข้นั ที่ 1 ทุกประการเมื่อเสร็จกระบวนการแลว้ น่าแบบ
ฝึกมาแกไ้ ขขอ้ บกพร่องอีก คร้ังหน่ึงและน่าผลคะแนนจากการทาแบบฝึกหดั และทาแบบทดสอบหลงั เรียน
ไปหาประสิทธิภาพของแบบฝึกหดั โดยใช้ เกณฑ์ 80/80
ข้นั ท่ี 3 ข้นั ทดลองภาคสนาม (Field Testing) โดยทดลองใชก้ บั ผเู้ รียนท้งั ช้นั เรียนโดยใช้
วิธีการเช่นเดียวกบั ข้นั ที่ 1 และข้นั ที่ 2 แลว้ นาผลไปหาประสิทธิภาพของแบบฝึก การคานวนประสิทธิภาพ
ของแบบฝึกนิยมต้งั ไว้ 90/90 สาหรับเน้ือหาที่เป็นความรู้ความจาและเน้ือหาวิชาท่ีเป็นทกั ษะหรือเจตคติไม่
ต่ากวา่ 80/80
80 ตวั แรก คอื คะแนนเฉล่ียคิดเป็นร้อยละของกลมุ่ ในการทาแบบฝึก
80 ตวั หลงั คอื คะแนนเฉล่ียคิดเป็นร้อยละ ของกลุม่ ในการทาแบบทดสอบหลงั เรียน ถา้
ปรากฏวา่ ท้งั คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละของกลุม่ ในการทาแบบฝึกและการทาแบบทดสอบหลงั เรียนไดไ้ ม่
ต่ากวา่ 80 ท้งั คู่ กถ็ ือวา่ แบบฝึกที่พฒั นาข้ึนมีประสิทธิภาพอยใู่ นเกณฑใ์ ชไ้ ด้
บุญชม ศรีสะอาด (2546 : 153) ไดใ้ หแ้ นวทางในการหาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ซ่ึง
มี 2 แนวทาง ดงั น้ี
1. พิจารณาจากผเู้ รียนจานวนมาก (ร้อยละ 80) สามารถบรรลุผลในระดบั สูง (ร้อยละ 80)
กรณีน้ีเป็นนวตั กรรมส้ันๆ ใชเ้ วลานอ้ ยเน้ือหาท่ีสอนมีเร่ืองเดียว เกณฑ์ 80/80 หมายถึง มีไม่ต่ากวา่ 80%
ของผเู้ รียนที่ทา่ ไดไ้ ม่ต่ากวา่ 80% ของคะแนนเตม็
2. พจิ ารณาจากผลระหวา่ งด่าเนินการและผลเมื่อสิ้นสุดการด่าเนินการ โดยเฉลี่ยอยใู่ น
ระดบั สูง (เช่นร้อยละ 80) กรณีใชก้ ารสอนหลายคร้ัง มีเน้ือหาสาระมาก (เช่น 3 บทข้ึนไป) มีการวดั ผล
ระหวา่ งเรียน (Formative) หลายคร้ัง เกณฑ์ 80/80 มีความหมายดงั น้ี
80 ตวั แรก เป็นเกณฑป์ ระสิทธิภาพกระบวนการ (E1) 80 ตวั หลงั เป็นประสิทธิภาพของ
ผลรวมโดยรวม (E2) 100 × เมื่อเทียบ ทุกคะแนนเตม็ ของผลรวมของคะแนน ไดท้ ุกคะแนนที่สอบไดผ้ ล
รวมของคะแนน = ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพจึงเป็นร้อยละของคา่ เฉลี่ย เม่ือเทียบกบั คะแนนเตม็ ซ่ึงตอ้ งมีค่าสูงจึงจะช้ีถึง
ประสิทธิภาพได้ กรณีน้ีใชร้ ้อยละ 80 80 ตวั แรก ซ่ึงเป็นประสิทธิภาพกระบวนการ เกิดจากการนาคะแนน
ท่ีสอบไดร้ ะหวา่ ง การดาเนินการ (น้นั คือระหวา่ งเรียน หรือระหวา่ งการทดลอง) มาหาค่าเฉลี่ยแลว้ เทียบ
เป็ นร้อยละ 80 ตวั หลงั ซ่ึงเป็ นประสิทธิภาพของผลรวม เกิดจากการนาคะแนนจากการวดั โดยรวมเมื่อ
สิ้นสุดการสอนหรือ สิ้นสุดการทดลอง แลว้ มาหาค่าเฉล่ียแลว้ เปรียบเทียบเป็ นร้อยละ ซ่ึงตอ้ งไดไ้ ม่ต่ากว่า
ร้อยละ 80 จากแนวทางการประเมินสื่อการสอนดงั กล่าว สรุปไดว้ ่า การตรวจสอบหาประสิทธิภาพส่ือท่ี
พฒั นาข้ึน สามารถ ทาไดห้ ลายวิธี แต่วิธีท่ีนิยมกันอย่างแพร่หลาย คือ การกาหนดเกณฑ์มาตรฐาน ไว้
ล่วงหนา้ โดยจะเป็นเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 หรือ 90/90 กไ็ ด้ ข้นึ อยกู่ บั ธรรมชาติการพฒั นาสื่อของวชิ าน้นั ๆ
บทท3่ี
วิธดี าเนนิ การวิจยั
ในงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั การใชแ้ บบฝึกทกั ษะพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสงั คม
ศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ืองพทุ ธประวตั ิ ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ในการวิจยั คร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั
ได้ ดาเนินการตามข้นั ตอนดงั น้ี
1. การกาหนดกลุ่มเป้าหมาย
2. การสร้างเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวิจยั
3. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
4. การจดั ทา และวิเคราะห์ขอ้ มูล
5. สถิติที่ใชก้ ารวิเคราะหข์ อ้ มลู
1. การกาหนดกล่มุ เป้หมาย
ประชากรในการศึกษาวิจยั คร้ังน้ี ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 จานวน 49 คน ของ
โรงเรียนธิดาแม่พระ ปี การศึกษา 2564
2. การสร้างเครื่องที่ใช้ในการวิจัย
ผวู้ ิจยั ไดจ้ ดั ทา เคร่ืองมือสาหรับใชใ้ นการวิจยั จานวน 4 ชิ้น ดงั น้ี
1.แบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน
2.แบบฝึ กวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ืองพุทธประวตั ิ จานวน 3 ชุด ของ
นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
3.การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมขอ้ มลู มีวิธีการดาเนินการดงั น้ี
1. ทดสอบผเู้ รียนก่อนการทดลอง
2. นา แผนการสอนไปใชก้ บั กลุม่ เป้าหมายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวม 3 คาบ
3. ใหผ้ เู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั การทดลอง
4. นาขอ้ มลู ท้งั หมดมาวเิ คราะห์
5. สรุปและอภิปรายผล
4. การจัดทาข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล
1. นาผลคะแนนท่ีได้จากแบบทดสอบก่อนและหลังการทดลองมาหาค่าเฉล่ีย และนา
คา่ เฉล่ียท่ีไดม้ า วิเคราะหห์ าความแตกตา่ งของคะแนนก่อนและหลงั การทดลอง
2. นาคะแนนในการทา แบบฝึ กวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พุทธ
ประวตั ิ ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ จานวน 3 ชุด
3. นาขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาสรุป และเขียนรายงานเป็ นความ
เรียง
5.สถติ ิที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผวู้ ิจยั ไดว้ เิ คราะหส์ ถิติพ้นื ฐานเพอ่ื
1. หาค่าเฉลี่ย (Mean) ของคะแนนก่อนและหลงั การทดลอง
2. หาค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (SD) ของคะแนนก่อนและหลงั การทดลอง สถิติพ้ืนฐาน ไดแ้ ก่
คา่ เฉล่ีย คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละความกา้ วหนา้ ของคะแนนเฉลี่ย ของผเู้ รียน
1.หาค่าเฉล่ีย หรือค่า X ของคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ใชสูตร (บุญชม ศรีสะอาด.
2535: 102)
X =X
N
เม่ือ X แทน คะแนนเฉลี่ย
X แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมด
N แทน จานวนนกั เรียน
3. การหาร้อยละความกา้ วหนา้ ของคะแนนเฉล่ียของผเู้ รียน ก่อนเรียน – หลงั เรียนใชส้ ูตร
ดงั น้ี
ร้อยละความกา้ วหนา้ X1- X2 × 100
คะแนนเตม็
เมื่อ X1 แทน คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน
เม่ือ X2 แทน คะแนนเฉลี่ยหลงั เรียน
บทท่ี4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ในงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้แบบฝึ กทกั ษะพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาสังคมศึกษา
ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ืองพุทธประวตั ิ ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ในการวิจยั คร้ังผูว้ ิจัยได้
ดาเนินการและเมื่อสิ้นสุดการวิจยั จึงทา การทดสอบและนาผลที่ไดไ้ ปวิเคราะห์ขอ้ มูลผวู้ ิจยั ไดเ้ สนอผลการ
วเิ คราะหข์ อ้ มูลตามลาดบั ข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
1. สัญลกั ษณ์ท่ีใชใ้ นการนาเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู
2. ลาดบั ข้นั ตอนในการนาเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
3. ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
1. สัญลักษณ์ท่ีใช้ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล เพ่ือให้เกิดความเข้าใจในการแปล
ความหมายและการนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลให้ตรงกนั ผูศ้ ึกษาคน้ ควา้ จึงไดก้ าหนดสัญลกั ษณ์ใน
การนาเสนอขอ้ มูลดงั ตอ่ ไปน้ี
N แทน จานวนนกั เรียนกลมุ่ ตวั อยา่ ง
X แทน คะแนนเฉล่ีย
E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการใชแ้ ผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ของแผนการจดั การเรียนรู้
2. ลาดับขนั้ ตอนในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มูล ผูว้ ิจยั ได้ดาเนินการ
วิเคราะห์ขอ้ มลู ตามลาดบั ข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
ตอนท่ี1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการสอน เร่ื อง พุทธประวัติ ของนักเรี ยนช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ตามเกณฑ์ 80/80
ตอนท่ี 2 วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของ โดยใชแ้ บบฝึ กทักษะทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา
ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พทุ ธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู
ผวู้ ิจยั เสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตามลาดบั ดงั น้ี
ตอนที่1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการสอนเร่ื องพุทธประวัติ ของนักเรี ยนช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ตามเกณฑ์ 80/80 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพด้านกระบวนการของแผนการสอน
เร่ือง พุทธประวตั ิ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 โดยใช้สถิติพ้ืนฐาน ผลปรากฏดังตาราง
ตอ่ ไปน้ี
ตารางท่ี 1 แสดงค่าเฉล่ียคิดเป็นร้อยละประสิทธิภาพของแบบฝึกทกั ษะทางการเรียน วิชาสงั คม
ศึกษาศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง พุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
ตาราง 1 แสดงคะแนนที่ไดจ้ ากแบบฝึกทกั ษะทางการเรียนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และ วฒั นธรรม
เร่ืองพทุ ธประวตั ิช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 จานวน 3 ชุด
แบบฝึ กหดั คะแนนเตม็ คะแนนรวม คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ
ชุดที่ 1 10 295 7.56 75.60
ชุดท่ี2 10 311 7.94 79.40
ชุดท่ี3 10 303 7.77 77.70
รวม 30 909 23.27 77.57
ตารางที่ 2 แสดงคะแนนเฉล่ียคิดเป็นร้อยละจากการทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนดว้ ยแบบทดสอบ
จานวน ก่อนเรียน หลงั เรียน
รวม 212 335
ร้อยละ 85.90 54.40
ตาราง 3 แสดงประสิทธิภาพของแผนการ เรื่องพุทธประวตั ิ โดยใชแ้ บบฝึ กทกั ษะทางการเรียนวิชา สังคม
ศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง พทุ ธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ของนกั เรียน ตามเกณฑ์ 80/80
N ระหวา่ งเรียน(E1) หลงั เรียน(E2) E1/E2
77.57/85.90
49 คะแนนเตม็ คะแนนรวม คะแนนเตม็ คะแนนรวม
30 909 10 335
จากตาราง 3 พบว่า ประสิทธิภาพกระบวนการของแผนการจัดการเรียนรู้ (E1) ท่ีแผนการสอน เร่ือง
พทุ ธประวตั ิ โดยใชแ้ บบฝึก มีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั คดิ เป็นร้อยละ 77.57 และประสิทธิภาพของแผนการจดั เร่ือง
เรื่องพุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 คิดเป็ นร้อยละ 85.90 ดงั น้นั แผนการสอน เร่ืองพุทธประวตั ิ จึงมี
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์
ตอนที่2 วิเคราะห์หาดชั นีประสิทธิผลของการจดั กิจกรรมการสอนเร่ืองพุทธประวตั ิ โดยใช้ แบบ
ฝึ กทกั ษะทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง พุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
ผวู้ ิจยั ไดท้ าการวิเคราะห์ดงั ตอ่ ไปน้ี
ตารางท่ี 4 แสดงผลการวิเคราะห์ดชั นีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรม การสอนเรื่องพุทธประวตั ิ
โดยใชแ้ บบฝึกแบบฝึกทกั ษะทางการเรียนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ
ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ปรากฏผล ดงั น้ี
จานวนนกั เรียน คะแนนเตม็ ผลรวมของคะแนน ดชั นีประสิทธิผล(E1)
39 10
ทดสอบก่อนเรียน ทดสอบหลงั เรียน
212 335 0.69
จากตาราง 4 พบวา่ ดชั นีประสิทธิผลของการเรียนดว้ ยแผนการสอน เรื่อง พุทธประวตั ิ โดยใชแ้ บบ
ฝึกแบบฝึกทกั ษะทางการเรียนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พทุ ธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษา
ปี ท่ี 2 มีค่าเท่ากบั 0.6910 หมายความวา่ คะแนนการทดสอบหลังเรียนของนักเรียนเพ่ิมข้ึนจากการทดสอบ
ก่อนเรียนคดิ เป็นร้อยละ 69.10
บทท่ี 5
อภิปรายผล สรุปผล
การวิจยั คร้ังน้ีเป็นการวจิ ยั เพอ่ื แบบฝึกทกั ษะพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชา
สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 เม่ือสิ้นสุดการ
ฝึ กจึงทาการทดสอบ และนาผลที่ไดไ้ ปวิเคราะห์ขอ้ มูล ผูว้ ิจยั ไดก้ าหนดวิธีการดาเนินการวิจยั และรวบรวม
ขอ้ มลู ตามข้นั ตอนดงั น้ี
ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง
1. ประชากร ประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ีเป็นนกั เรียน โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ ภาคเรียนที่ 1
ปี การศึกษา 2564 จานวน 49 คน
2. กลุ่มตัวอย่าง จานวนนักเรี ยนในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ีเป็ นนักเรี ยนช้ัน
ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนธิดาแม่พระ ภาคเรียนที่ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2560 จานวน 49 คน ซ่ึง
ไดม้ าโดยใชว้ ธิ ีการสุ่มแบบเจาะจงจากประชากรท้งั หมด
3. ตวั แปรการวจิ ยั
ตวั แปรตน้ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่องพุทธประวตั ิ ของ
นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 โรงเรียนธิดาแม่พระ ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2560 จานวน 49 คน
ตวั แปรตาม การสอนโดยใช้แบบฝึ กทักษะทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วฒั นธรรม
เรื่อง พุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2
สถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ค่าเฉล่ีย (X ) ของคะแนนและเวลาการทา แบบฝึ กทักษะทางการเรียน
วชิ าสังคมศึกษา ศาสนา และ วฒั นธรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ร้อยละของคะแนนการทา
แบบฝึ กทกั ษะทางการเรียนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนา และ วฒั นธรรม เรื่องพุทธประวตั ิ ช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี
2 โรงเรียนธิดาแม่พระ ดชั นีประสิทธิผลของคะแนนการทดสอบก่อนและหลงั เรียน
สรุปผลการวิจัย
1. จากการจดั กิจกรรม เรื่อง พุทธประวตั ิ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ไดค้ ะแนนเฉล่ียจากการ
ทาแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียนไดค้ ะแนนเฉลี่ยเทา่ กบั 172.29 จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน และการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีนกั เรียนสามารถทา คะแนนไดม้ ากท่ีสุด คือ ชุดที่ 2 ไดค้ ะแนนเฉลี่ย 7.94 และ
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีคะแนนต่าชุดที่1 ได้คะแนนเฉลี่ย 7.56 ผลรวมประสิทธิภาพท้งั 2 คร้ัง มี
คา่ เฉลี่ยร้อย ละ 77.70 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑท์ ี่ต้งั ไว้
2. จากการจดั กิจกรรม เรื่อง พุทธประวตั ิ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 ประสิทธิภาพ กระบวนการ
ของแผนการจัดการเรียนรู้ (E1) ที่การจัดกิจกรรม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 23.27 คิดเป็ นร้อยละ 77.57 และ
ประสิทธิภาพของของการจดั กิจกรรม เร่ือง พทุ ธประวตั ิ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 2 มีค่าเฉล่ีย 8.59 คิด
เป็นร้อยละ 85.90 ดงั น้นั การจดั กิจกรรมจึงมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
3. จากการจดั กิจกรรม เร่ือง พุทธประวตั ิ นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 2 ดชั นีประสิทธิผลของ
การเรียนด้วยการจัดกิจกรรมเรื่องพุทธประวัติ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6910
หมายความว่า คะแนนการทดสอบหลังเรียนของนักเรียนเพ่ิมข้ึนจากการทดสอบก่อนเรียนคิดเป็ นร้อยละ
69.10
ข้อเสนอแนะ
1. ส่งเสริมให้ครูผูส้ อนไดม้ ีการสร้างแบบฝึ ก โดยวิเคราะห์เป็ นการช่วยลดภาระและเวลาใน การ
สอนของครูลงไปได้เพราะ แบบฝึ กลักษณะน้ีสามารถใช้สอนนอกเวลาได้และเด็กเรียนด้วย ตนเองเป็ น
รายบุคคล ไดอ้ ีกดว้ ย
2. ครูควรหาวิธีและรูปแบบท่ีจะทาแบบฝึ กใหม้ ีสนุกสนานน่าสนใจ โดยหาภาพมาประกอบ ทา ให้
นกั เรียนไมเ่ บ่ือ หน่ายการเรียน
3. ในการทาแบบฝึ กแต่ละคร้ังของนักเรียน ครูผูส้ อนจะต้องเฉลยทันทีและช้ีแจงข้อบกพร่อง
ขอ้ สังเกตในการที่จะแกไ้ ขและจดจา เพ่ือให้นกั เรียนทราบความสามารถของตนพร้อม ท้งั แนวทางในการ
แกไ้ ขและพฒั นาความสามารถในการเรียนของตน ใหด้ ียง่ิ ข้ึนในคร้ังต่อไปได้
สุภา ช่างสุวรรณ
(นางสุภา ช่างสุวรรณ)
ผดู้ าเนินงานวจิ ยั
12 มี.ค. 65
พรทิพย์ เหมบุตร
(นางสาวพรทิพย์ เหมบุตร)
ผดู้ าเนินงานวิจยั
12 มี.ค. 65
กรกนก อินทชยั
(นางสาวกรกนก อินทชยั )
ผดู้ าเนินงานวจิ ยั
12 มี.ค. 65
นางสาวออ้ มเดือน วชิ ยั ดิษฐ
(ออ้ มเดือน วชิ ยั ดิษฐ)
ผดู้ าเนินงานวิจยั
12 มี.ค. 65
ความคิดเห็นของผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................
(นางสาวอรุโณทยั กาเหนิดผล)
ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ
......../........./.........
ความคดิ เห็นของฝ่ายวชิ าการ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
...........................................................
(นางสุชาดา แสงเดช)
ผชู้ ่วยผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ
......../........./.........
ความคิดเห็นของผบู้ ริหาร
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................
(นางสาวสายสุดา กิจประยรู )
ผอู้ านวยการโรงเรียนธิดาแมพ่ ระ
......../........./........
เอกสารและส่ิงที่อ้างองิ
นพพร ธนะชัยขันธ์. การสร้างและการหาประสิทธิภาพของนวตั กรรม(เอกสารประกอบการ
บรรยาย) เชียงราย : คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฎั เชียงราช,2552.
สุเทพ จิตรชื่น(2555) สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมป.1 กรุงเทพมหานคร,วฒั นาพานิช.
ประจวบ ศรีภกั ดี.(2555) คมู่ ือสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมป.1 กรุงเทพมหานคร,
เอกรินทร์ ส่ีมหาศาล สังคมศึกษา ชุดแมบ่ ทมาตรฐานหลกั สูตรแกนกลาง กรุงเทพมหานคร,อกั ษร
เจริญทศั น.์
ลว้ น สายยศและองั คณา สายยศ. เทคนิคการวิจยั ทางการศึกษา.พมิ พค์ ร้ังท่ี3.กรุงเทพฯ:สานกั พมิ พ์
ศนู ยส์ ่งเสริมวชิ าการ,2538.
เยาวดี วิบูลย์ศรี.การวัดผลและการสร้ างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ.กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั ,2539
ขนิษฐา ชานนท.์ “เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์กบั การเรียนการสอน” เทคโนโลยีทางการศึกษา.
ฉบบั เดือน เมษายน 2532.
สุเทพ จิตรชื่น (2555) สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ป.2. กรุงเทพมหานคร, วฒั นาพานิช.
ประจวบ ศรีภกั ดี . (2555) คมู่ ือครู สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ป.2. กรุงเทพมหานคร,
วฒั นาพานิช.
กระทรวงศึกษาธิการ.(2545) หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์ องคก์ ารรับส่ง
สินคา้ และ พสั ดุภณั ฑ์ .
กมลรัตน์ เหลา้ สุวรรณ . (2523). จิตวทิ ยาการศึกษา. กรุงเทพฯ : หา้ งหุ้นส่วนจากดั ศรีราชา.
กาญจนา วฒั นาย.ุ การวิจยั ในช้นั เรียนเพ่ือพฒั นาการเรียนการสอน. สถาบนั พฒั นาผูบ้ ริหาร
การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
กศุ มา แสงเดช.(2545) การวิจยั ในช้นั เรียนสาหรับครูประถมศึกษา. กรุงเทพฯ :แมค็ .
คณะอนุกรรมการพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ กลมุ่ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน. (2546). แนวทางการ
จดั กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน. ตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2544.
กรุงเทพฯ : กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ.
บญุ ชม ศรีสะอาด. (2541). การพฒั นาการสอน. พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพเ์ วิลด์ิมีเดีย
ผนวก
ชื่อ-สกุล............................................................................................เลขที่.............ป.1/...........
แบบทดสอบเรื่อง พุทธประวตั ิ (ชุดท1ี่ )
คาชี้แจง เลือกคาตอบท่ีถกู ต้องเพยี งคาตอบเดยี ว
1. สถานที่ใดเป็นท่ีประสูติของพระพุทธเจา้ 6. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงออกผนวชเมื่อมี
ก. ใตต้ น้ สาละ ข. ใตต้ น้ ไทร พระชนมายไุ ดก้ ี่พรรษา
ค. ใตต้ น้ โพธ์ิ ก. 29 พรรษา ข. 30 พรรษา ค. 35 พรรษา
2. พระพุทธเจา้ มีพระนามวา่ อะไร 7. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงออกผนวชเมื่อมี
ก. เจา้ ชายสุททนะ ข. เจา้ ชายสิทธิศกั ด์ิ
ค. เจา้ ชายสิทธตั ถะ พระชนมายไุ ดก้ ี่พรรษา
3. หลงั จากประสูติได้ 7 วนั พระมารดาได้ ก. 29 พรรษา ข. 30 พรรษา
สวรรคต ใครเป็นผเู้ ล้ียงดูพระพุทธเจา้
ก. นางปชาบดีโคตรมี ข. นางวสิ าขา ค. 35 พรรษา
ค. นางสุชาดา
8. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงผนวชท่ีริมฝ่ังแมน่ ้าใด
ก. แม่น้าเนรัชรา ข. แมน่ ้าอโนมา
ค. แมน่ ้าคงคา
4. ผใู้ ดเป็นผทู้ านายวา่ เจา้ ชายสิทธตั ถะจะออก 9. พระพุทธเจา้ ตรัสรู้เมื่อพระชนมายุไดเ้ ท่าไร
ผนวช
ก. โกณฑญั ญะ ข.พระเจา้ สุทโธทนะ ก. 29 พรรษา ข. 35 พรรษา
ค. พระนางสิริมหามายา
ค. 40 พรรษา
5. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงอภิเษกสมรสเม่ือมี
พระชนมายไุ ดก้ ่ีพรรษา 10.พระพุทธเจา้ ปรินิพพานเม่ือพระชนมายไุ ด้
ก. 15 พรรษา ข. 16 พรรษา ค. 17 พรรษา
เทา่ ไร
ก. 35 พรรษา ข. 45 พรรษา
ค. 80 พรรษา
ชื่อ-สกุล............................................................................................เลขท.่ี ............ป.1/………….
แบบฝึ กหดั ชุดท่ี2
คาส่ัง นาตวั อกั ษรเติมหน้าข้อความในช่องว่างให้มคี วามสัมพนั ธ์กนั
ก. กรุงกุสินารา
ข. ความอดทน
ค. ตอ้ งการใหผ้ อู้ ่ืนพน้ ทกุ ข์
ง. ต้งั ใจศึกษาหาความรู้
จ. พระพุทธศาสนาถอื กาเนิดข้ึน
ฉ. พระมารดาสวรรคต
ช. ริมฝ่ังแม่น้าอโนมา
ซ. เทวฑูตท้งั 4
ฌ. กษตั ริย์
ญ. ตอ้ งการดบั ทุกข์
1. ............... เหตกุ ารณ์หลงั ประสูติ
2. ............... การเห็นเทวทตู 4 ส่งผลตอ่ เจา้ ชายสิทธตั ถะ
3. ............... เจา้ ชายสิทธตั ถะผนวช
4. ............... พระพทุ ธเจา้ ทรงบาเพญ็ เพียรนานถึง 6 ปี จึงตรัสรู้ แสดงวา่
พระองคม์ ีคุณธรรม
5. ............... เจา้ สิทธตั ถะเป็นแบบอยา่ งท่ีดีเก่ียวกบั การศึกษา
6. ............... พระพทุ ธเจา้ ตดั สินพระทยั ออกผนวชเพราะพบเห็นส่ิงใด
7. ............... เหตุใดพระพุทธเจา้ จึงออกประกาศพระศาสนา
8. ............... การตดั สินพระทยั ออกผนวชก่อใหเ้ กิดผล
9. ............... พระพทุ ธเจา้ ปรินิพพานที่
10................ พระพทุ ธเจา้ เกิดในวรรณะ
ช่ือ-สกุล...................................................................................เลขที.่ ............ป.2/.........
แบบฝึ กหดั ชุดท่ี3
คาสั่ง เลือกขอ้ ความที่กาหนดใหเ้ ติมใหส้ มั พนั ธ์กนั
ใตต้ น้ สาละ เพยี รทางจิต สร้างปราสาทให้ 3 หลงั
29 พรรษา อินเดีย ข้ึน 15 ค่า เดือน 6
โกณฑญั ญะ นางปชาบดีโคตรมี สิทธตั ถะ ฉนั นะ
1. ............... ดินแดนชมพูทวีปในปัจจุบนั
2. ............... เจา้ ชายสิทธตั ถะประสูติ
3. ............... เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงออกผนวชเมื่อมีพระชนมายุ
4. ............... ทานายวา่ เจา้ ชายสิทธตั ถะจะออกผนวช
5. ............... วธิ ีใดพระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้
6. ............... เล้ียงดูหลงั จากประสูติได้ 7 วนั พระมารดาไดส้ วรรคต
7. ............... ไมใ่ ช่วิธีที่พระเจา้ สุทโธทนะใชเ้ หนี่ยวร้ังเจา้ ชายสิทธตั ถะใหม้ ีความสุข
ทางโลก
8. ............... สถานที่ใดเป็นที่ประสูติของพระพุทธเจา้
9. ............... พระพทุ ธเจา้ มีพระนาม
10. ............... มหาดเลก็ ท่ีติดตามเจา้ ชายไปออกผนวช
ช่ือ-สกลุ ............................................................................................เลขท.่ี ............ป.2/...........
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน เร่ือง พุทธประวตั ิ
คาชีแ้ จง เลือกคาตอบท่ถี ูกต้องเพยี งคาตอบเดยี ว
1. พระพุทธเจ้าเสด็จออกผนวชเม่ือพระชนมายุ 6. พระพุทธเจ้าปรินพิ พานหลงั เผยแผ่
เท่าใด พระพุทธศาสนาเป็ นเวลาเท่าใด
ก. 21 ปี ข. 29 ปี ค. 35 ปี ก. 45 ปี ข. 60 ปี ค. 80 ปี
2. ข้อใดคือศาสดาของพระพุทธศาสนา 7. ต้นพระศรีมหาโพธ์ิเกยี่ วข้องกบั พุทธประวัติ
ก. พระพทุ ธเจา้ ข. พระอลั เลาะห์ ตอนใด
ค. พระเยซู
ก. ประสูติ ข. ตรัสรู้ ค. ปรินิพพาน
3. พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้โดยวิธใี ด 8. พระพทุ ธเจ้าเสด็จดบั ขนั ธปรินิพพานท่ใี ด
ก. บาเพญ็ ทุกรกิริยา ก. ป่ าอิสิปตนมฤคทายวนั
ข. ศึกษาในสานกั ดาบส ข. สวนลุมพินีวนั
ค. บาเพญ็ เพียรทางจิต ค. เมืองกสุ ินารา
4. พระโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะมพี ระนามว่า 9. ข้อใดคือธรรมทพี่ ระพทุ ธเจ้าทรงแสดงคร้ัง
อย่างไร แรก
ก. ราหุล ข. พระสารีบตุ ร ก. ปัจฉิมโอวาท ข. โอวาทปาติโมกข์
ค. สุทโธทนะ ค. ธมั มจกั กปั ปวตั นสูตร
5. พระพทุ ธเจ้าเสด็จออกผนวชเพราะอะไร 10. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกย่ี วกับพุทธประวัติ
ก. ไดร้ ับความสุขเพียงพอแลว้ ก. ปรินิพพานที่พาราณสี
ข. ตอ้ งการหาทางท่ีจะพน้ ทุกข์ ข. ประสูติท่ีสารนาถ
ค. อยากไปใชช้ ีวติ อยใู่ นป่ า ค. ตรัสรู้ท่ีพุทธคยา
ภาพ กจิ กรรมการเรียนการสอน เรื่อง พุทธประวัติ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2
ภาพ กจิ กรรมการเรียนการสอน เรื่อง พุทธประวัติ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 2