ประวตั ลิ ะครโรมัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผ.ศ. ชุติมา มณวี ฒั นา
ประวตั ิละครโรมัน
• อารยธรรมโรมัน เกดิ ขนึ้ ในเวลาใกล้เคยี งกบั ทก่ี รีกรุ่งเรือง ต้งั อยู่
ในคาบสมุทรอติ าลี
• มกี ารรวบรวมดนิ แดนในเขตทะเลเมดเิ ตอร์เรแนยี น เป็ นหน่วย
เดยี วกนั ภายใต้การปกครองของอาณาจกั ร “โรมัน”
• ชาวโรมนั เช่ือในชัยชนะและความกล้าหาญของชีวติ ปัจจบุ นั
ผลงานทางศิลปะทุกแขนงของโรมนั จะสะท้อนให้เห็นถงึ ความ
เช่ือนีอ้ ย่างชัดเจน
• อารยธรรมโรมันได้รับอทิ ธิพลจากกรีกอย่างมากมาย
Roman Drama (ละครโรมนั )
( 200 B.C. - 600 A.D.)
• รับอทิ ธิพลจากละครกรีก • Ludi Romani - เทศกาล
ฉลองชัยชนะของชาวโรมนั (มีละคร
• ชาวโรมนั ชอบกฬี า และการต่อสู้ ด้วย)
ทที่ ารุณ (คนฆ่าสิงโต -
• ละครของโรมนั ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง
gladiator) ของศาสนา แต่เป็ นแค่ความ
• ละครของชาวโรมันเน้นไปท่ี บนั เทงิ
ความยงิ่ ใหญ่ ฟ่ ูฟ่ าของโรงละคร • Comedy มกั จะอานาจาร ส่วน
tragedy กโ็ หดร้าย ป่ าเถื่อน
ประเภทของละครโรมัน
1. ละครทไ่ี ด้รับอทิ ธิพลจากกรีก
– บทละครของกรีกด้งั เดมิ
– บทละครทดี่ ดั แปลงจากแบบฉบับของกรีก มาเป็ นของโรมัน
โดยเฉพาะ
2. ละครของโรมันเองแท้ๆ
ละคร tragedy โรมนั
• มีท้งั เอาเนือ้ เรื่องมาจากกรีก และทแี่ ต่งขนึ้ มาใหม่
• การดาเนินเร่ืองเป็ นไปอย่างต่นื เต้นหวาดเสียว
• บทเจรจาใช้ภาษารุนแรงก้าวร้าว
• ทาให้ดูด้อยคุณค่าในทศั นะการวจิ ารณ์ละครในปัจจุบัน
• แต่บทละครของ เซเนก้า กม็ อี ทิ ธิพลอย่างมากต่อนกั เขียนยุค
ฟื้ นฟู
นักเขียนละคร tragedy โรมัน
เซเนกา (Seneca) (4 B.C. - ค.ศ. 65)
• เป็ นนักปราชญ์ เป็ นทป่ี รึกษาจักรพรรด์เิ นโร (Nero)
• งานของเขาคล้ายคลงึ กบั tragedy ของกรีก แต่เน้นทคี่ วาม
สยดสยอง น่าสะพรึงกลวั บนเวที
• มอี ทิ ธิพลต่อนักเขียนสมัยเรเนซองส์อย่างมาก
• โครงสร้างละครแบ่งเป็ น 5 องค์ (acts)
• บทสนทนาไพเราะสละสลวยเหมือนสุนทรพจน์
• บทละครเด่น เช่น Medea, Oedipus, Thyestes
ละคร comedy โรมนั
• ได้รับอทิ ธิพลจาก comedy ใหม่ของกรีก
• เนือ้ เร่ืองไม่ยุ่งเกย่ี วกบั การเมอื ง หรือปัญหาสังคม แต่มุ่งในเรื่อง
ชาวบ้าน
• ตวั ละครเป็ นแบบตายตวั (stock character)
ละคร comedy โรมนั
นักเขียนละคร comedy โรมนั
1. เพลาตสั (Titus Maccius Plautus) (254-184 BC)
• นาเอาลกั ษณะของ comedy ใหม่ของกรีก มาเข้ากบั ละครตลกประเภท
farce ของโรมนั
• เนือ้ เรื่องไม่ให้ความสาคัญกบั เรื่องการเมอื ง แต่สนใจเรื่องของความทุกข์ทรมาน
และความพยายามในเร่ืองความรักใคร่
• เน้นโครงเร่ืองซับซ้อน ผดิ ฝาผดิ ตวั พฤตกิ รรมทเ่ี กนิ จริงของตวั ละคร
• ตัวละครเป็ นประเภทตายตัว (stock character) มีอทิ ธิพลต่อนักเขียน
รุ่นหลงั
• บทละครเด่น The Menaechmi
นักเขียนละคร comedy โรมัน
2. เทอร์เรนซ์ (Publius Terentius Afer) (195-159 BC)
เกดิ มาเป็ นทาส แต่เก่งเจ้านายจึงให้การศึกษา และปล่อยตัวในที่สุด
• เขาเขยี นบทละครสาหรับกลุ่มผู้ดชี ้ันสูง
• เน้นโครงเรื่องซับซ้อน คล้ายของเพลาตัส
• มผี ู้กล่าวว่า บทสนทนาของเพลาตสั เหมาะทจี่ ะใช้ร้องเหมือนละครร้อง
สมยั ใหม่ แต่ของเทอร์เรนซ์เหมาะกบั การพดู
• บทละครเด่น Phormio
ละครทเี่ ป็ นแบบฉบบั ของโรมันเอง
1. เฟบูลา อาเทลานา (Febula Atellana)
• เป็ นละครตลกส้ันๆ แบบชาวบ้านมลี กั ษณะของ farce
• ไม่เน้นทเ่ี ร่ือง แต่เน้นทม่ี ุขตลกทจ่ี บในตอน
• เป็ นเรื่องราวใกล้ตวั ของชีวติ ชาวบ้านชนบท
• ใช้ตวั ละครทไ่ี ม่ลกึ ซึ้ง มีลกั ษณะซ้าๆ กนั แทบทุกเรื่อง
• ละครประเภทนีไ้ ด้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาการแสดง
ประเภทต่างๆ
ตวั ละครใน เฟบู
ลา อาเทลานา
ละครทเ่ี ป็ นแบบฉบบั ของโรมนั เอง
2. ไมม์ (Mime) (ถอื กาเนิดต้งั แต่ 211 ปี B.C.)
• เป็ นละครตลกโปกฮาส้ันๆ คล้ายเฟบูลาอาเทเลนามาก
• เป็ นลกั ษณะละครเร่ จดั แสดงไปตามทต่ี ่างๆ ใช้เวทีชั่วคราว
• เป็ นการแสดงประเภทแรกทใ่ี ช้ผู้หญงิ แสดง และไม่สวมหน้ากาก
• ใช้เรื่องราวชีวติ คนในเมอื งทอี่ อกจะผดิ ลู่ผดิ ทาง
• ใช้ภาษาหยาบโลน ตอนหลงั ได้รับการต่อต้านจากคริสตจกั ร
• เป็ นละครทแี่ สดงให้เห็นว่าโรมันเจริญวตั ถุ แต่จติ ใจเสื่อมทราม
นักแสดงไมม์
ของโรมัน
การแสดงละครไมม์ C.11
ละครทเ่ี ป็ นแบบฉบบั ของโรมันเอง
3. แพนโทไมม์ (Pantomime)
• เป็ นการร่ายราด้วยท่าทางทีม่ ีความหมาย ด้วยนักแสดงคนเดยี ว
• เปลยี่ นบทบาทไปด้วยการเปลยี่ นหน้ากาก
• มคี ลอรัสเป็ นผู้บรรยายเรื่อง
• มกั เป็ นเรื่องที่เคร่งเครียดที่ได้จากตานานปรัมปรา
• การร่ายราใช้ดนตรีประกอบหลายชิ้น เช่น ขล่ยุ และเคร่ืองตี
• ในสมัยหลงั ๆ แพนโทไมม์ได้รับความนยิ มยง่ิ กว่า tragedy
ระเบียบแบบแผนและวธิ ีการแสดงละครโรมัน
• ลดบทบาทคอรัสลง (จนถงึ ไม่มเี ลย)
• นักแสดงเป็ นพวกทาส เชลยศึก หรือโสเภณี อาชีพนีต้ กตา่ มาก
• ตัวละครมกั เป็ นแบบตายตัว
• มีฉากหวาดเสียวนองเลอื ด และฉากลามกอานาจารอย่างเปิ ดเผย
• ละครทไี่ ด้เค้าโครงจากกรีก จะแต่งกายตามแบบกรีก / ถ้าเป็ น
เนือ้ เรื่องของตวั เองมักแต่งกายตามทใ่ี ช้ในชีวติ ประจาวนั
โรงละครโรมัน
• มีการสร้างคร้ังแรกทเี่ มือง ปอมเปอี (Pompey)
• ดดั แปลงมาจากรูปแบบของโรงละครกรีก
• แต่เน้นการก่อสร้างทหี่ รูหรา ยง่ิ ใหญ่ จุคนดูได้ถงึ 40,000
คน
องค์ประกอบของโรงละครโรมนั
1. Orchestra เป็ นรูปครึ่งวงกลม เนื่องจากลดความสาคญั
ของคลอรัสลง แต่พวก actors จะเด่นมากขนึ้
2. Auditorium (ที่สาหรับฟัง) ทน่ี ั่งคนดู
• ไม่ได้สร้างตามเชิงเขา แต่สร้างขนึ้ มาใหม่
• ส่วนท่นี ั่งจะสร้างเช่ือมตดิ กบั ส่วนของเวที
• ส่วนทนี่ ั่งคนดูมผี ้าบงั แดด
• ภายนอกตกแต่งสวยงาม
องค์ประกอบของโรงละครโรมนั
3. Proskenion คอื ส่วนของเวที
• เดมิ เป็ นยกพนื้ เตยี้ ๆ และยง่ิ สูงขนึ้ เรื่อยๆ เพอ่ื ให้ดูได้ชัดเจน
• มีลกั ษณะยาว ตนื้
• มีการใช้ม่านเปิ ด - ปิ ด เวที
• มีหลงั คายนื่ บัง
องค์ประกอบของโรงละครโรมัน
4. Skene ฉากหลงั / ทพ่ี กั นักแสดง
• เพมิ่ ความสาคญั ขนึ้ กลายเป็ นสิ่งก่อสร้างถาวร ใหญ่โต
• มกี ารประดบั ประดา สลกั หัวเสาอย่างสวยงาม
• เพมิ่ ทางเข้า - ออก ของนักแสดงมากขนึ้ (3 ประตูขนึ้ ไป)
• มี 3 ช้ัน ความสูงจะเท่ากบั แถวบนสุดของทนี่ ั่งคนดู
โคลอสเซ่ียมของโรมนั
โคลอสเซ่ียมของโรมนั
ระบบส่ งน้าของโรมนั
การแสดงท่ชี าวโรมนั ชื่นชอบ
การแสดงท่ชี าวโรมนั ชื่นชอบ
โรงละครของโรมนั
โรงละครของโรมนั
โรงละครของโรมนั
ละครโรมนั