The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by siwakron-090, 2022-09-20 10:25:40

หน่วยที่ 1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์

หน่วยที่ 1 วิธีการทางวิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1

สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว13101

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง ปฐมนเิ ทศและข้อตกลงในการเรยี น เวลา 1 ชวั่ โมง

ครผู ู้สอนนายศิวกร ศรีสวุ รรณ์

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

-

2. ตวั ช้ีวัดช้นั ปี
-

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. มีความรู้ความเข้าใจแนวทางการจดั การเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจตคตติ ่อวชิ า

วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และการวัดและประเมินผลวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (K)
2. ชแ้ี จงเจตคติที่มีต่อวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ (A)
3. สอ่ื สารและนำความรู้ความเข้าใจเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้

(P)

4. สาระสำคญั
การปฐมนเิ ทศเปน็ การสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างครูกับนักเรยี น เป็นการตกลงกันในเบื้องต้น

กอ่ นที่จะเรม่ิ การเรยี นการสอน ครูไดร้ ู้จักนกั เรียนดยี ิ่งข้ึน รบั ทราบความต้องการ ความรู้สึก และเจตคติต่อวิชา
ทีเ่ รียน ในขณะเดยี วกนั นักเรยี นได้ทราบความต้องการของครู แนวทางในการจดั การเรียนการสอน และการวัด
และประเมินผล สิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวจะนำไปสู่การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูสามารถจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้นักเรียนคลายความวิตกกังวล สามารถเรียนได้อย่างมีความสุข อันจะ
ส่งผลให้นักเรียนประสบความสำเร็จบรรลตุ ามเป้าหมายท่ไี ด้กำหนดไว้

5. สาระการเรยี นรู้
การปฐมนิเทศ
- แนวทางการจดั การเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- เจตคติตอ่ วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- การวัดและประเมนิ ผลวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
ความสามารถในการส่ือสาร

8. ชิน้ งานหรือภาระงาน
-

9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น

1) ครแู นะนำตนเองแลว้ ให้นักเรยี นในหอ้ งเรียนแนะนำตนเองทุกคน
2) ครูอาจให้นักเรียนแนะนำทีละกลุ่มตัวอักษร หรือตามลำดับหมายเลขประจำตัว หรือตามแถวที่น่ัง
ตามความเหมาะสม

ขนั้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1) ครูอธบิ ายข้อตกลงในการเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงคำอธบิ ายรายวชิ า

พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงสร้างรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเนื้อหาที่ต้อง
เรยี นรใู้ นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 ว่ามอี ะไรบ้าง

2) ครูถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับสิง่ ประดิษฐ์ของนักวทิ ยาศาสตร์ว่า สิ่งประดิษฐ์ที่นักเรยี น
ใชอ้ ย่ใู นปจั จบุ ันมีอะไรบ้าง แล้วให้นักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั ว่า สงิ่ ประดิษฐ์ดังกลา่ วเกิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร

3) ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า การเรียนด้วยวิธีการ ให้นักเรียนค้นคว้าด้วยตนเอง จากการทดลอง
และปฏิบตั จิ ริงเหมอื นนกั วทิ ยาศาสตร์ นกั เรยี นคดิ ว่ามีประโยชนห์ รือไม่

4) ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นซักถามปัญหาเพื่อทำความเข้าใจร่วมกนั
5) ครแู นะนำวธิ ีการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรว์ ่านักเรยี นมวี ธิ ีการเรียนรู้หลายแบบ เช่น

– ลงมือปฏิบตั ิกจิ กรรมท่บี ้านและที่โรงเรยี น
– สืบคน้ ขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ งๆ
– อภปิ รายกล่มุ ย่อย
– แสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง
6) ครูถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ว่า การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้
ประสบความสำเร็จตอ้ งมลี ักษณะนิสยั อย่างไร
7) ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น (แนวคำตอบ 1. ช่างสังเกต เพราะการ
สังเกตทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ 2. อยากรู้อยากเห็น เพราะการเป็นคนอยากรู้
อยากเห็น ชา่ งคิดชา่ งสงสยั มกั คิดต้ังคำถามเพ่ือค้นหาคำตอบ ลักษณะนิสัยแบบนีน้ ำไปสู่การคน้ พบความรู้ใหม่
เสมอ 3. มีเหตผุ ล เพราะความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ต้องอธบิ ายดว้ ยเหตแุ ละผล เม่ือไดค้ วามรู้ใหม่ต้องอธิบายได้ว่า
ผลทไี่ ดเ้ กิดจากสาเหตุใด เม่ือทราบสาเหตุแลว้ ก็อธิบายไดว้ า่ ผลเปน็ อยา่ งไรโดยเช่ือในหลักฐานที่สนับสนุน 4. มี
ความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ เพราะผู้ที่มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรคเ์ ป็นผูท้ ีอ่ ยากคิดอยากทำในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่ง
นำไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ได้ 5. มีความพยายามและความอดทน เพราะผลของคำตอบไม่ใช่ได้มาโดยการ
คน้ ควา้ และทดลองเพียงครั้งเดียว แตต่ ้องใชค้ วามพยายามและความอดทนในการผา่ นอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ได้
คำตอบ)

8) ครูแนะนำวธิ กี ารวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน ซ่ึงมอี ตั ราส่วนคะแนน ดงั นี้
(1) การวัดและประเมินผลด้านความรู้ (K) 60 คะแนน
สอบกลางภาค 30 คะแนน
สอบปลายปี 30 คะแนน
(2) การวัดและประเมนิ ผลด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 30 คะแนน
- การประเมนิ การสงั เกต
- การประเมนิ การสำรวจ
- การประเมนิ การทดลอง
- การประเมนิ การสืบค้นข้อมูล
- การประเมนิ โครงงานวิทยาศาสตร์
- การประเมนิ แฟม้ สะสมผลงาน
- การประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ
- การประเมนิ ดา้ นสมรรถนะสำคัญของนักเรยี น
(3) การวัดและประเมนิ ผลดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและจิตวิทยาศาสตร์ (A) 10 คะแนน
- การประเมนิ ดา้ นเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 10 คะแนน
คะแนนรวม 100 คะแนน

ขน้ั สรุป
1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการวัดและประเมินผลวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี

2) ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาของบทเรยี นชัว่ โมงหน้า เพอ่ื จัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป
โดยให้นกั เรียนศกึ ษาค้นคว้าลว่ งหนา้ ในหวั ข้อ วิธีการทางวิทยาศาสตร์

3) ครูใหน้ ักเรียนเตรยี มประเดน็ คำถามทส่ี งสัยมาอยา่ งน้อยคนละ 1 คำถาม เพือ่ นำมาอภิปรายร่วมกัน
ในห้องเรียนคร้งั ต่อไป

10. สื่อการเรียนรู้
1. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
2. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3
3. แบบฝึกทักษะรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
4. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3

11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) -

ซกั ถามความรเู้ ร่ืองแนวทางการ 1. ประเมินเจตคตทิ าง

จัดการเรียนรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล

เทคโนโลยี เจตคติตอ่ วชิ า โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั

วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และการ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์

วดั และประเมินผลวิชาวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่

และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล

โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั

เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์

12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้

12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้

1. นกั เรยี นจำนวน..................คน

ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร้.ู .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ..................

ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ..................

นักเรยี นน่ีไม่ผ่าน มีดังน้ี

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้

........................................................................................... ...........................................................

............................................................................................................................. .........................

2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ (K)

........................................................................................................................................ ..............

..................................................................................................................... .................................

3. นักเรยี นมีความรู้เกดิ ทักษะ (P)

............................................................................................................................. .........................

......................................................................................................................................................

4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A)

............................................................................................. .........................................................

............................................................................................................................. .........................

12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12.3 ขอ้ เสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงช่ือ..................................................
(.................................................)
ตำแหน่ง.....................................

ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย
ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่
 ดีมาก
 ดี
 พอใช้
 ควรปรับปรุง
2. การจัดกจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรียนรู้
 เน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป
3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
 นำไปใช้ไดจ้ ริง
 ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชือ่ ..................................................
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2

สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว13101

ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครูผูส้ อนนายศวิ กร ศรสี วุ รรณ์

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

-

2. ตัวชี้วดั ช้นั ปี
-

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ เ่ี กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สื่อสารและนำความรเู้ ร่ืองวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P)

4. สาระสำคัญ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการค้นคว้าหา

ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์

5. สาระการเรียนรู้
วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์

6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
4. มีจิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน
1. สงั เกตแกส๊ ออกซเิ จนในนำ้
2. สบื คน้ ข้อมลู วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์

9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
ครูดำเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม

และพน้ื ฐานของนักเรียน
ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น

1) ครูถามคำถามนกั เรียนเพอื่ กระตุน้ ความสนใจ เช่น
– นักเรียนรจู้ ักนกั วิทยาศาสตรห์ รือไม่ (แนวคำตอบ ร้จู กั )
– นักวิทยาศาสตร์คือใคร (แนวคำตอบ บุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตรอ์ ย่างน้อยหนงึ่

สาขา และใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ในการคน้ ควา้ หาความรทู้ างวิทยาศาสตร)์
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับคำตอบ เพื่อเชือ่ มโยงไปสกู่ ารเรียนรู้เรื่อง

วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์

ขั้นจดั กิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น

ช้ันเรียน (flipped classroom) ซง่ึ มขี ้ันตอนดงั น้ี

1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทาง

วิทยาศาสตร์ ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา
นำเสนอขอ้ มูลหนา้ ห้องเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนักเรยี น และถามคำถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั น้ี

– วิธีการทางวิทยาศาสตร์คืออะไร (แนวคำตอบ ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบท่ี
นักวิทยาศาสตรใ์ ช้ในการคน้ ควา้ หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์)

– วิธีการทางวิทยาศาสตร์มีกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 5 ขั้นตอน ได้แก่ ตั้งคำถาม
คาดคะเนคำตอบ รวบรวมข้อมลู วิเคราะหข์ อ้ มูล และสรุปผล)

(3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเดน็ คำถามที่นักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอยา่ งน้อยคนละ 1
คำถาม ซึ่งครใู ห้นักเรียนเตรยี มมาล่วงหนา้ และใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น

(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ คือ ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการค้นคว้าหาความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ได้แก่ ตั้งคำถาม คาดคะเนคำตอบ รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ข้อมูล และ
สรุปผล

2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย

อธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ คือ ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบท่ีนักวิทยาศาสตร์ใช้
ในการค้นคว้าหาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย 5 ขั้นตอน ไดแ้ ก่

– ตั้งคำถาม เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการหาคำตอบจากการสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว
แลว้ เกิดขอ้ สงสยั ในส่ิงทพ่ี บเห็น

– คาดคะเนคำตอบ เป็นการคาดคะเนคำตอบของคำถามว่าน่าจะคืออะไร โดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก
การสงั เกต การศกึ ษาจากข้อมูลทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง หรือการสอบถามจากผู้รู้ในเรอ่ื งน้ันๆ

– รวบรวมข้อมูล เป็นการลงมือปฏิบัติเพื่อตรวจสอบว่าคำตอบที่คาดคะเนไว้ถูกต้องหรือไม่ โดย
การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสังเกต การสำรวจ หรือการทดลองแล้วรวบรวมข้อมูลให้เป็น
หมวดหม่แู ละบนั ทึกข้อมลู ไว้

– วิเคราะห์ข้อมูล เป็นการนำข้อมูลที่ได้รวบรวมเป็นหมวดหมู่ไว้แล้วมาแปลความหมายหรือ
อธบิ ายความหมายของขอ้ มลู

– สรุปผล เป็นการนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลมาเปรียบเทียบกับคำตอบที่คาดคะเนไว้ว่า
เป็นจรงิ หรือไม่ จากนัน้ เขยี นสรปุ ผลที่ค้นพบได้

(2) ครยู กตัวอย่างการใช้วิธีการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการสังเกตการเก็บความร้อนของวัตถุ
(3) ครูให้นักเรียนสังเกตแก๊สออกซิเจนในน้ำ โดยให้นักเรียนนำแก้วน้ำที่บรรจุน้ำเย็นวางไว้ใน
อณุ หภูมิห้องประมาณ 2 ชั่วโมง สังเกตสง่ิ ทเี่ กิดขึน้ บันทกึ ผล
(4) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส
ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเมือ่ มีปัญหา

3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
(1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น
(2) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
– นกั เรยี นตั้งคำถามของกิจกรรมนี้วา่ อะไร (แนวคำตอบ ในนำ้ มแี กส๊ ออกซเิ จนละลายอย่หู รอื ไม่)
– นักเรยี นคาดคะเนคำตอบของกิจกรรมนว้ี ่าอะไร (แนวคำตอบ ในนำ้ มีแกส๊ ออกซิเจนละลายอยู่)
– นักเรียนใช้วิธีใดในการรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบว่าคำตอบที่คาดคะเนไว้ถูกต้องหรือไม่

(แนวคำตอบ นำแกว้ น้ำท่ีบรรจุนำ้ เย็นวางไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 2 ชัว่ โมง แลว้ สงั เกตว่ามีฟองอากาศลอย
ขน้ึ มาทีผ่ วิ น้ำหรอื ไม)่

– นักเรียนวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตว่าอะไร (แนวคำตอบ จากการสังเกตพบว่า มี
ฟองอากาศลอยขน้ึ มาทผ่ี ิวนำ้ )

– ผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลตรงกับคำตอบที่นักเรียนคาดคะเนไว้หรือไม่ ลักษณะใด (แนว
คำตอบ ตรงกบั คำตอบท่ีคาดคะเนไว้ คือ ในน้ำมีแก๊สออกซเิ จนละลายอย)ู่

– นักเรียนสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการสังเกตว่าในน้ำมีแก๊สออกซิเจนละลายอยู่ได้
หรอื ไม่ (แนวคำตอบ ได้)

(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า วิธีการทาง
วิทยาศาสตร์สามารถใช้ในการสังเกตแก๊สออกซิเจนในนำ้ ได้ ทำให้ทราบวา่ ในน้ำมแี ก๊สออกซิเจนละลายอยู่ เม่ือ
อากาศอนุ่ ขนึ้ แกส๊ ออกซิเจนจะลอยขนึ้ ข้างบน จงึ เหน็ เป็นฟองอากาศลอยขึ้นมาทผี่ วิ น้ำ

4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครอู ธบิ ายเร่ืองน่ารู้ เรอ่ื ง เซอร์ไอแซก นิวตนั ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวา่ เซอร์ไอแซก นิวตัน สงสัยว่าเมื่อ

ลูกแอปเปิลหล่นจากต้น ทำไมจึงต้องตกลงสู่พื้นดินเสมอ ทำไมไม่ลอยไปในอากาศ ปัญหานี้นำไปสู่การค้นพบ
ความรเู้ รื่องแรงดึงดูดของโลก

(2) ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือ วารสาร สารานุกรม
วิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน หรอื อนิ เทอรเ์ น็ตแล้วนำข้อมูลทไ่ี ดม้ านำเสนอหนา้ ห้องเรียน

(3) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือเรียน
ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอให้เพอ่ื นในหอ้ งฟงั คดั คำศัพทพ์ ร้อมทง้ั คำแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้ันประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ จากหัวขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่

เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข

อยา่ งไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ

การนำความร้ทู ี่ไดไ้ ปใช้ประโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เช่น
– วิธีการทางวิทยาศาสตร์มีประโยชน์อย่างไร (แนวคำตอบ ช่วยให้ค้นคว้าหาความรู้ทาง

วทิ ยาศาสตรไ์ ด)้

ขัน้ สรุป
1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิด

หรอื ผงั มโนทัศน์
2) ครูมอบหมายให้นกั เรยี นไปศึกษาค้นควา้ เนื้อหาของบทเรียนชวั่ โมงหน้า เพ่อื จดั การเรยี นรู้ครั้งต่อไป

โดยใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ คว้าลว่ งหน้าในหัวข้อ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3) ครูใหน้ กั เรียนเตรียมประเด็นคำถามทส่ี งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพื่อนำมาอภปิ รายร่วมกัน

ในหอ้ งเรียนคร้ังตอ่ ไป

10. สื่อการเรยี นรู้
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. น้ำเย็น
3. แก้วนำ้
4. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน หรอื อินเทอร์เน็ต
5. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3
6. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3
7. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3

11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
จติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความร้เู รื่องวธิ กี ารทาง
วิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ

2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบ
กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน
และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง วัดทักษะกระบวนการทาง
3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้
แบบทดสอบกอ่ นเรียน วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์

2. ประเมินเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย

เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม

และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการ

วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ญั หาโดยการสังเกตการ

ทำงานกลุ่ม

4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ

ปฏิบตั ิกจิ กรรมเป็น

รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย

การสังเกตการทำงานกลุ่ม

12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้

12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

1. นกั เรียนจำนวน..................คน

ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ..................

ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................

นกั เรยี นนไี่ ม่ผา่ น มีดงั นี้

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .........................

............................................................................................................................... .......................

2. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K)

......................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .........................

3. นกั เรียนมคี วามร้เู กิดทักษะ (P)

............................................................................................................................. .........................

................................................................................................... ...................................................

4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A)

............................................................................................................................. .........................

................................................................................................................................. .....................

12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12.3 ข้อเสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................

ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่

 ดมี าก

 ดี

 พอใช้

 ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้

 เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3

สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว13101

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครผู ู้สอนนายศิวกร ศรสี วุ รรณ์

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

-

2. ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี
-

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้ (K)
2. มีความสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรูท้ ี่เกยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทำงานรว่ มกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A)
5. สือ่ สารและนำความรู้เร่ืองทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (P)

4. สาระสำคญั
การใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาคำตอบของคำถามอย่างสม่ำเสมอ จะช่วย

พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดผลงานท่ีแปลกใหม่ และมคี ณุ ค่ามากข้ึน

5. สาระการเรยี นรู้
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน
4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

8. ช้ินงานหรือภาระงาน

1. อวัยวะภายนอกของสัตว์บรเิ วณโรงเรยี น
2. ประดิษฐ์แบบจำลองเครื่องใชไ้ ฟฟา้ ภายในบา้ น
3. สบื คน้ ข้อมลู ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น

1) ครูถามคำถามนกั เรียนเพอ่ื กระตุ้นความสนใจ เช่น
– นกั เรียนรู้จักเซอรไ์ อแซก นวิ ตันหรือไม่ (แนวคำตอบ รู้จกั )
– เซอร์ไอแซก นิวตนั มีอาชีพใด (แนวคำตอบ นักวทิ ยาศาสตร)์
– เซอร์ไอแซก นิวตันเป็นผู้ค้นพบความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องใด (แนวคำตอบ แรงดึงดูดของ

โลก)
– เซอร์ไอแซก นิวตันใช้ทักษะใดในการค้นพบความรู้เรื่องแรงดึงดูดของโลก (แนวคำตอบ การ

สงั เกต)
2) นกั เรยี นรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพ่ือเชือ่ มโยงไปสู่การเรยี นรู้เร่ือง

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลบั ดา้ น

ชน้ั เรยี น (flipped classroom) ซึง่ มขี น้ั ตอนดงั น้ี

1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับทักษะกระบวนการ

ทางวิทยาศาสตร์ ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา
นำเสนอข้อมลู หน้าหอ้ งเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนกั เรียน และถามคำถามเก่ยี วกบั ภาระงาน ดังน้ี

– ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์คืออะไร (แนวคำตอบ กระบวนการที่นักวิทยาศาสตร์
นำมาใช้ในการคน้ หาคำตอบของคำถามอยา่ งเปน็ ระบบ)

– ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งเป็นกี่ขั้น อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 2 ขั้น ได้แก่ ทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ นั้ พน้ื ฐานและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน้ บรู ณาการ)

– ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมีกี่ทักษะ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 8 ทักษะ
ได้แก่ การสังเกต การวัด การจำแนกประเภท การใช้จำนวน การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ
และสเปซกับเวลา การจัดกระทำและส่อื ความหมายข้อมลู การลงความคดิ เหน็ ข้อมูล และการพยากรณ)์

– ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการมีกี่ทักษะ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 6 ทักษะ
ได้แก่ การตั้งสมมุติฐาน การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การกำหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การ
ตคี วามหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรุป และการสร้างแบบจำลอง)

(3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเดน็ คำถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอยา่ งน้อยคนละ 1
คำถาม ซง่ึ ครูใหน้ ักเรียนเตรยี มมาล่วงหนา้ และใหน้ กั เรียนช่วยกันตอบและแสดงความคิดเหน็

(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ กระบวนการที่นักวทิ ยาศาสตร์นำมาใช้ในการค้นหาคำตอบของคำถามอย่าง
เปน็ ระบบ แบง่ เป็น 2 ขน้ั ประกอบด้วย 14 ทกั ษะ

2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน

โดยครูช่วยอธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจวา่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ กระบวนการท่ีนักวิทยาศาสตร์
นำมาใช้ในการค้นหาคำตอบของคำถามอย่างเป็นระบบ แบ่งเป็น 2 ขั้น ประกอบด้วย 14 ทักษะ ดังนี้ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน มี 8 ทักษะ ได้แก่ การสังเกต การวัด การจำแนกประเภท การใช้
จำนวน การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซและสเปซกับเวลา การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
การลงความคิดเห็นข้อมูล และการพยากรณ์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการมี 6 ทักษะ
ได้แก่ การตั้งสมมุติฐาน การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ การกำหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การ
ตีความหมายขอ้ มลู และการลงขอ้ สรปุ และการสรา้ งแบบจำลอง

(2) ครูยกตัวอย่างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนสำหรับการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ เชน่ การจำแนกประเภทและการจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู

(3) ครแู บง่ นกั เรยี นกลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ อวยั วะภายนอกของสัตว์บริเวณ
โรงเรียน ตามข้นั ตอน ดงั น้ี

– นักเรียนใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ศึกษาอวัยวะ
ภายนอกของสตั ว์บริเวณโรงเรยี น 1 ชนดิ

– บันทึกขน้ั ตอนท่ีใช้ในการศึกษาและข้อมูลที่ศึกษาได้ในรปู แบบของแผนภาพ
(4) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบ ๆ บริเวณท่ีนักเรียนสังเกต
และเปดิ โอกาสให้นักเรยี นทุกคนซักถามเม่ือมีปัญหา

3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
(1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น
(2) ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เชน่
– นักเรียนเลือกศึกษาอวัยวะภายนอกของสัตว์ชนิดใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ แมว เพราะ

บริเวณโรงเรียนมีแมวจำนวนมาก จงึ หาได้ง่าย แมวในโรงเรียนไม่ดุร้าย จงึ ไม่เปน็ อันตราย และแมวในโรงเรียน
ชอบนอน ไมค่ อ่ ยเคลือ่ นทีจ่ งึ งา่ ยตอ่ การศึกษา)

– ขั้นตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนใช้ในการศึกษาอวัยวะภายนอกของสัตว์มีอะไรบ้าง

(แนวคำตอบ ตั้งคำถาม: แมวมีอวัยวะภายนอกอะไรบ้าง → คาดคะเนคำตอบ: แมวน่าจะมีตา หู จมูก ปาก

ขน ขา และหาง → รวบรวมข้อมลู : วางแผนและทำการศึกษาโดยการสงั เกตแมวที่อาศัยอยูใ่ นบริเวณโรงเรียน

แล้วบนั ทึกผล → วิเคราะห์ข้อมลู : จากการสังเกตดว้ ยตาเปล่าพบว่า แมวทุกตวั ทอี่ าศัยอยู่ในบรเิ วณโรงเรียนมี

ตา หู จมูก ปาก ขน ขา และหาง → สรุปผล: จากการสังเกตสามารถสรุปได้ว่า แมวมีตา หู จมูก ปาก ขน ขา
และหาง)

– แผนภาพอวยั วะภายนอกของสตั ว์ท่นี กั เรยี นศึกษาคืออะไร (แนวคำตอบ

ตา
หู

จมูก
ปาก

ขา
ขน

หาง

อวัยวะภายนอกของแมว)
– จากการทำกิจกรรมนกั เรียนใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ การ
สังเกต การใชจ้ ำนวน และการจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มลู )
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตรส์ ามารถใช้ในการศึกษาอวยั วะภายนอกของสตั วไ์ ด้

4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครูให้นักเรียนประดิษฐ์แบบจำลองเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากหัวข้อสนุกทำ สนุกคิด กับ

วิทยาศาสตร์ ตามท่กี ำหนด
(2) ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือ วารสาร

สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เน็ตแล้วนำข้อมูลที่ได้มานำเสนอหน้า
หอ้ งเรียน

(3) นกั เรียนค้นควา้ คำศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือ
เรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง คดั คำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง
ครู

5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
(1) ครใู หน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาวา่ จากหัวข้อทีเ่ รียนมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่

เขา้ ใจหรือยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข

อยา่ งไรบ้าง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ

การนำความร้ทู ไี่ ด้ไปใชป้ ระโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เชน่

– การคดิ หาคำตอบลว่ งหน้าที่สามารถเป็นไปได้ก่อนดำเนินการทดลอง โดยอาศัยความรู้เดิมหรือ
ประสบการณ์เดิมเปน็ พ้ืนฐานเปน็ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ใด (แนวคำตอบ การต้งั สมมตุ ิฐาน)

– ใน 1 สัปดาห์นักเรียนใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใดบ้าง (แนวคำตอบ ใช้ทักษะการ
สังเกต การใชจ้ ำนวน และการจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมูล ในการสำรวจจำนวนนักเรียนแต่ละระดับช้ัน
ของโรงเรียนและนำข้อมูลทไ่ี ด้มาจดั ทำให้อย่ใู นรูปแบบของแผนภูมิแทง่ )

ข้ันสรุป
1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผน

ท่คี วามคิดหรือผังมโนทัศน์
2) ครมู อบหมายให้นกั เรียนไปศกึ ษาค้นควา้ เนื้อหาของบทเรียนช่ัวโมงหนา้ เพื่อจดั การเรียนรู้ครั้งต่อไป

โดยใหน้ ักเรียนศกึ ษาคน้ คว้าล่วงหน้าในหวั ขอ้ จิตวิทยาศาสตร์
3) ครใู ห้นกั เรียนเตรียมประเด็นคำถามทส่ี งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพอ่ื นำมาอภิปรายร่วมกัน

ในหอ้ งเรยี นครั้งต่อไป
10. สื่อการเรยี นรู้

1. ใบกจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ อวัยวะภายนอกของสตั วบ์ ริเวณโรงเรยี น
2. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน หรืออินเทอร์เนต็
3. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศ
4. คูม่ อื การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3
5. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
6. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
7. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3

11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จติ วทิ ยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรเู้ ร่ืองทักษะ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ
วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล วัดทักษะกระบวนการทาง
2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ โดยการสังเกตและใช้แบบวดั วิทยาศาสตร์
กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์
2. ประเมินทักษะการคิดโดย
2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสงั เกตการทำงานกลมุ่
วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล
โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั 3. ประเมินทักษะการ
เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ญั หาโดยการสงั เกตการ
ทำงานกลุ่ม

4. ประเมินพฤติกรรมในการ
ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็
รายบคุ คลหรอื รายกล่มุ โดย
การสังเกตการทำงานกลุม่

12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้

12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

1. นกั เรียนจำนวน..................คน

ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ..................

ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คิดเปน็ ร้อยละ..................

นกั เรยี นนไี่ ม่ผา่ น มีดงั นี้

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .........................

............................................................................................................................... .......................

2. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K)

......................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .........................

3. นกั เรียนมคี วามร้เู กิดทักษะ (P)

............................................................................................................................. .........................

................................................................................................... ...................................................

4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A)

............................................................................................................................. .........................

................................................................................................................................. .....................

12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12.3 ข้อเสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)
ตำแหนง่ .....................................

ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
ได้ทำการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้
1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่

 ดมี าก

 ดี

 พอใช้

 ควรปรับปรุง
2. การจดั กจิ กรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้

 เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
 ยงั ไม่เน้นผ้เู รียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป
3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
 นำไปใชไ้ ดจ้ รงิ
 ควรปรบั ปรงุ ก่อนนำไปใช้
4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................
(.................................................)

ตำแหนง่ ............................................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4

สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว13101

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง จติ วทิ ยาศาสตร์ เวลา 1 ชวั่ โมง

ครูผสู้ อนนายศิวกร ศรีสุวรรณ์

**********************************************************************************

1. มาตรฐานการเรียนรู้

-

2. ตัวช้ีวัดชนั้ ปี
-

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายจติ วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ (K)
2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A)
3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทีเ่ กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
4. ทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
5. สอื่ สารและนำความรู้เรื่องจติ วิทยาศาสตร์ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ (P)

4. สาระสำคัญ
จิตวิทยาศาสตร์ คือ คุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

5. สาระการเรียนรู้
จิตวทิ ยาศาสตร์

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
4. มจี ิตวิทยาศาสตร์

7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

8. ช้ินงานหรือภาระงาน
สืบค้นขอ้ มูลจติ วิทยาศาสตร์

9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นำเขา้ ส่บู ทเรยี น

1) ครูถามคำถามนักเรียนเพ่ือกระตนุ้ ความสนใจ เช่น
– นักเรยี นอยากเป็นนักวทิ ยาศาสตร์หรือไม่ (แนวคำตอบ อยากเป็น)
– ยกตัวอย่างลักษณะนิสัยที่ทำให้นักเรียนสามารถเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ (แนวคำตอบ ความ

สนใจใฝ่รู้ ความรอบคอบ และความมเี หตผุ ล)
2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับคำตอบ เพื่อเชือ่ มโยงไปส่กู ารเรยี นรู้เร่ือง

จติ วทิ ยาศาสตร์

ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับดา้ น

ชั้นเรียน (flipped classroom) ซึ่งมีข้ันตอนดงั น้ี

1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
(1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปดิ โอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับจิตวทิ ยาศาสตร์ ที่ครู

มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอข้อมูลหน้า
หอ้ งเรียน

(2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก
ของนักเรยี น และถามคำถามเก่ียวกับภาระงาน ดงั นี้

– จิตวิทยาศาสตร์คืออะไร (แนวคำตอบ คุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจาก
การศึกษาหาความรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร)์

– จิตวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยคุณลักษณะใดบ้าง (แนวคำตอบ ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งม่ัน
ความอดทน ความรอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความประหยัด การร่วมแสดงความคิดเห็นและ
ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ความมีเหตผุ ล และการทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่ืนได้อยา่ งสร้างสรรค)์

(3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเดน็ คำถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอย่างน้อยคนละ 1
คำถาม ซ่งึ ครใู หน้ ักเรยี นเตรียมมาล่วงหน้า และใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ตอบและแสดงความคิดเหน็

(4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า จิต
วิทยาศาสตร์ คือ คุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้โดยใช้กระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยคุณลักษณะต่างๆ ได้แก่ ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น ความอดทน ความ
รอบคอบ ความรบั ผิดชอบ ความซ่ือสตั ย์ ความประหยัด การรว่ มแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคิดเห็น
ของผูอ้ ื่น ความมเี หตุผล และการทำงานร่วมกับผ้อู น่ื ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์

2) ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
(1) ครูให้นักเรียนศึกษาเรื่องจิตวิทยาศาสตร์ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้

นักเรียนเขา้ ใจวา่ จติ วทิ ยาศาสตร์ คือ คณุ ลกั ษณะหรอื ลักษณะนิสัยของบุคคลทีเ่ กดิ ขึน้ จากการศึกษาหาความรู้
โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วยคณุ ลักษณะต่างๆ ได้แก่

– ความสนใจใฝร่ ู้ คือ พฤติกรรมท่แี สดงออกถึงความอยากรู้ อยากเห็น ชอบซักถามในสิ่งท่ีตนเอง
สนใจ มีความกระตือรอื รน้ ในการสืบเสาะหาความรูใ้ หม่ๆ อย่เู สมอ

– ความมุ่งมั่น คือ ความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความเพียรพยายาม
เพอื่ ใหก้ ารปฏบิ ตั ิกิจกรรมตา่ งๆ สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กำหนด

– ความอดทน คือ การปฏิบัติกิจกรรมด้วยความไม่ท้อถอย เมื่อผลการทดลองล้มเหลวหรือมี
อุปสรรคตา่ ง ๆ

– ความรอบคอบ คือ การวางแผนการทำงานและจัดระบบการทำงานเป็นขั้นตอน มีความพินิจ
พิเคราะห์ ละเอียดถถ่ี ้วนในการทำงานกอ่ นตัดสินใจสรุป

– ความรับผิดชอบ คือ การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จอย่างเต็มความสามารถด้วย
ความตง้ั ใจ ตรงตอ่ เวลา ยอมรบั ผลเมือ่ มีข้อผดิ พลาดเกิดขนึ้ และพร้อมที่จะปรบั ปรงุ แก้ไขให้ดขี ึน้

– ความซื่อสัตย์ คือ การนำเสนอข้อมูลตามความเป็นจริง การบันทึกผลโดยปราศจากความ
ลำเอียงหรืออคติ ไม่แปรผันตามความต้องการของตนเองและผู้อื่น และไม่แอบอ้างเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็น
ของตนเอง

– ความประหยัด คือ การเห็นคุณค่าของวัสดุอุปกรณ์ และใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างประหยัดและ
คุม้ คา่ รูจ้ ักเลอื กใช้ และใช้ในปริมาณท่ีเหมาะสม

– การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ ื่น คือ การไม่ยึดถือความคิดเห็น
ของตนเองเปน็ หลกั ยอมรับฟงั คำวพิ ากษ์วิจารณ์ ข้อโตแ้ ย้ง หรือขอ้ คดิ เห็นทีม่ ีเหตุผลของผูอ้ ่ืน

– ความมีเหตผุ ล คอื การอธบิ ายหรือแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล ยอมรบั ในคำอธิบาย เม่ือมี
หลกั ฐานและข้อมลู เพยี งพอกอ่ นสรปุ ผล

– การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ คือ ความเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น ประพฤติ
และปฏิบัตติ ามข้อตกลง เหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน เหน็ คุณค่าการทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื

(2) ครูแบง่ นักเรียนกลุม่ ละ 3 – 4 คน สืบค้นขอ้ มลู เก่ียวกบั จติ วทิ ยาศาสตร์ ตามขั้นตอนดงั นี้
– แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อย่อยให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามที่

สมาชิกกลุ่มช่วยกันกำหนดหัวข้อย่อย เช่น ความสนใจใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น ความอดทน ความรอบคอบ ความ
รับผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์ ความประหยัด การรว่ มแสดงความคดิ เหน็ และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่ืน ความ
มเี หตุผล และการทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์

– สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบ โดย
การสืบค้นจากหนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน หรืออนิ เทอรเ์ น็ต

– สมาชกิ กลุ่มนำข้อมูลที่สบื คน้ ได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย
ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมคี วามรู้ความเข้าใจทต่ี รงกัน

– สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลุ่ม และช่วยกันจัดทำรายงาน
การศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั จติ วทิ ยาศาสตร์

(3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส
ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา

3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
(1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรียน
(2) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
– การบันทึกผลการทดลองโดยไม่แปรผันตามความต้องการของตนเองแสดงถึงคุณลักษณะใด

(แนวคำตอบ ความซื่อสัตย)์
– การรู้จักเลือกใช้สารเคมีที่ถูกต้องในการทดลอง และใช้สารเคมีในปริมาณที่เหมาะสมแสดงถึง

คณุ ลักษณะใด (แนวคำตอบ ความประหยดั )
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ความสนใจ

ใฝ่รู้ ความมุ่งมั่น ความอดทน ความรอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความประหยัด การร่วมแสดง

ความคิดเห็นและยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ความมีเหตผุ ล และการทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์
เปน็ คณุ ลกั ษณะสำคัญท่ีทำให้นกั วทิ ยาศาสตร์ประสบความสำเรจ็ ในการค้นคว้าหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์

4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
(1) ครยู กตวั อย่างลกั ษณะนสิ ัยของผู้ทม่ี ีจติ วิทยาศาสตร์ เช่น ความสนใจใฝร่ แู้ ละความมีเหตผุ ล
(2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับจิตวิทยาศาสตร์ จากหนังสือเรียนภาษา

ต่างประเทศหรืออินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอใหเ้ พอื่ นในห้องฟงั คดั คำศัพทพ์ รอ้ มทั้งคำแปลลงสมดุ ส่งครู

5) ข้ันประเมนิ (Evaluation)
(1) ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนพิจารณาวา่ จากหัวขอ้ ท่ีเรยี นมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ียังไม่

เข้าใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรียนเข้าใจ
(2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข

อยา่ งไรบา้ ง
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ

การนำความรทู้ ่ไี ดไ้ ปใชป้ ระโยชน์
(4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยการใหต้ อบคำถาม เช่น
– ยกตัวอย่างจิตวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนเคยใช้ในชีวิตประจำวัน และบอกประโยชน์ที่นักเรียน

สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ (แนวคำตอบ เคยสังเกตเห็นมดเดินหลบน้ำที่ขังอยู่บนพื้น จึงนำมาประยุกต์ใช้กับ
การเกบ็ ขนมทก่ี นิ ไม่หมด โดยนำขนมที่กนิ ไม่หมดใส่ในถว้ ย แลว้ นำถ้วยน้ันไปแช่ในจานทม่ี ีน้ำ เพ่ือป้องกันไม่ให้
มดมากนิ ขนม)

ขน้ั สรปุ
1) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับจิตวิทยาศาสตร์ โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนท่คี วามคดิ หรอื ผังมโน

ทศั น์
2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า/

ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ของนกั เรียน
3) ครูเชื่อมโยงเนื้อหาจากบทเรียนนี้กับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ

เรียนชั่วโมงตอ่ ไป โดยการใชค้ ำถามกระตุน้ ดงั นี้
– ถ้านักเรียนต้องการสังเกตการเจริญเติบโตของร่างกาย เพื่อนำข้อมูลมานำเสนอหน้าห้องเรียน

นักเรียนต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใด (แนวคำตอบ การสังเกต การวัด การใช้จำนวน การจัด
กระทำและส่ือความหมายขอ้ มลู และการลงความคิดเหน็ ขอ้ มลู )

4) ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรยี นชวั่ โมงหน้า เพ่อื จดั การเรยี นรู้ครั้งต่อไป
โดยให้นักเรยี นศึกษาค้นคว้าล่วงหนา้ ในหวั ข้อ ปัจจัยท่จี ำเปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของมนุษย์

5) ครใู ห้นักเรียนเตรียมประเด็นคำถามท่ีสงสยั มาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพื่อนำมาอภิปรายร่วมกัน
ในหอ้ งเรียนครง้ั ต่อไป

10. สื่อการเรียนรู้
1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน หรืออนิ เทอร์เน็ต
2. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศ
3. แบบทดสอบหลังเรยี น
4. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3
5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3
6. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
7. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3

11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)
จติ วิทยาศาสตร์ (A)
1. ซักถามความรู้เรอ่ื งจิต
วทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย

2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลุ่ม
กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน
และใช้แบบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤตกิ รรมในการ
3. ทดสอบหลังเรยี นโดยใช้
แบบทดสอบหลงั เรยี น วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเป็น

2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย

เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม

และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ

วทิ ยาศาสตร์

12. บนั ทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้

12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้

1. นกั เรยี นจำนวน..................คน

ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ..................

ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ..................

นกั เรยี นน่ีไม่ผา่ น มีดังนี้

1............................................................ 2............................................................

3............................................................ 4............................................................

5............................................................ 6............................................................

แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

............................................................................................................................. .........................

............................................................................................................................... .......................

2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจ (K)

............................................................................................................................. .........................

.......................................................................................................... ............................................

3. นกั เรียนมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P)

............................................................................................................................. .........................

......................................................................................................................................................

4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A)

.................................................................................. ....................................................................

............................................................................................................................. .........................

12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12.3 ข้อเสนอแนะ

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ลงชือ่ ..................................................
(.................................................)
ตำแหน่ง.....................................

ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย
ได้ทำการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี
1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี

 ดีมาก

 ดี

 พอใช้

 ควรปรับปรุง
2. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้

 เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
 ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี
 นำไปใช้ได้จริง
 ควรปรับปรงุ กอ่ นนำไปใช้
4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
........................................................................................................................................ ......................................
............................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงช่ือ..................................................
(.................................................)

ตำแหน่ง............................................


Click to View FlipBook Version