เรื่รื่ รื่รื่ อง พระพุพุ พุพุ ทธเจ้จ้ จ้จ้ า BUDDHISM CAN CHANGE THE WORLD PM.Phumin C han d asaro หหนันั นันั งงสืสืสืสื ออหหนูนู นูนู ดีดี ดีดี www.Phramaha Phumin.com ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา ต อ น ช มพูทวีปเจ้า ช ายสิทธั ต ถะอ ภิ เษกส ม รส ต อ น ช มพูทวีปเจ้า ช ายสิทธั ต ถะอ ภิ เษกส ม รส ๑
หนังสือธรรมศึกษา ชั้นตรี ระดับประถม ผู้เขียนเริ่มต้นเรื่อง ด้วยตอนชมพูทวีป ถึง เจ้าชายสิทธัตถะอภิเษกสมรส เป็นภูมิ ความรู้ขั้นพื้นฐานในชั้นนี้ ซึ่งเนื้อหาสาระไม่มาก ไม่ยาก ได้เขียน ไว้จัดเนื้อหา โดยย่อพอเข้าใจลำ ดับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นมาตาม ตำ รา เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ คล้ายๆ Mind maping มาจาก พระไตรปิฎก ดังนั้น จุดประสงค์ คือ ไม่อยากให้รู้สึกว่า เนื้อหายาว แล้ว ท้อถอยการอ่าน จึงสรุปมาในหนังสือนี้ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ต่อนักเรียน ช่วงปฐมวัย หรือบุคคล ทั่วไปที่กำ ลังศึกษาพร้อมมีศรัทธา พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm พระสอนศีลธรรม ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา บทนำ คำ ปรารภ
เรื่อง หน้า บทนำ คำ ปรารภ ชมพูท พู วีปวี และประชาชน ๑ วรรณะ๔ ๓ สักกศากยวงศ์ ๔ สิท สิ ธัต ธั ถกุม กุ ารประสูติ สู ติ ๗ เจ้าชายสิทธัตถอภิเษกสมรส ๑๑ บทสรุป ๑๒ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา สารบัญ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
ดินแดนเป็นที่เกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา หรือดินแดนที่ เรียกว่า ประเทศอินเดีย ในสมัยก่อน เรียกว่า ชมพูทวีป (ดินแดนที่กำ หนด ด้วยต้นหว้า) ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ประเทศอินเดีย เนปาล ปากีสถาน บังคลาเทศและภูฏาน ตั้งอยู่ทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียง เหนือ) ของประเทศไทย ชนชาติที่อาศัยอยู่ ในชมพูทวีปมี ๒ พวก คือ ๑) พวกมิลักขะ เจ้าถิ่นเดิมที่อาศัยอยู่ก่อน ๒) พวกอริยกะ พวกที่อพยพมาใหม่โดยอพยพมาทางด้าน ภูเขาหิมาลัยรุกไล่เจ้าถิ่นเดิมถอยร่นไปอยู่รอบนอก ชมพูพู พู ท พู ทวีวี วีปวี และประชาชน ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm ๑
๑) มัชฌิมชนบท หรือมัธยมประเทศ คือ ประเทศภาค กลาง เป็นที่ อาศัยอยู่ของพวกอริยกะ ๒) ปัจจันตชนบท หรือปัจจันตประเทศ คือ ประเทศ ปลายแดนเป็นที่ อาศัยอยู่ของพวกมิลักขะ แคว้นใหญ่ มี ๑๖ แคว้น ได้แก่ อังคะ มคธะ กาสี เจตี โกสละ มัลละ วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ วัชชี อวันตี คันธาระ กัมโพชะ และที่ปรากฏในคัมภีร์อื่นอีก มี ๕ แคว้น คือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ อังคุตตราปะ แคว้นเหล่านี้ บางแคว้นปกครองโดยกษัตริย์ มีอำ นาจสิทธิ์ขาด บางแคว้นปกครองโดยสามัคคีธรรม ชมพูพู พู ท พู ทวีวี วีปวี แบ่บ่ บ่ ง บ่ งเป็ป็ป็ น ป็ น ๒ เขต คืคื คื อ คื อ ๒ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
ประชาชน มีมี มีมี วรรณะ ๔ ......คนอินเดียแบ่งเป็นชั้นวรรณะด้วยชาติกำ เนิด ตามหลัก ศาสนา พราหมณ์ มี ๔ วรรณะ คือ ๑) กษัตริย์ นักปกครอง นักรบ ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ยุทธวิธี ๒) พราหมณ์ สั่งสอน ทำ พิธีกรรมทางศาสนา ศึกษา เกี่ยวกับ เรื่องพิธีกรรมต่างๆ ๓) แพศย์ ทำ นา ค้าขาย เลี้ยงสัตว์ ช่างฝีมือ และ หัตถกรรม ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องทำ นาค้าขาย เป็นต้น ๔) ศูทร พวกกรรมกรใช้แรงงาน ศึกษาเกี่ยวกับ เรื่อง การใช้แรงงาน แต่ละวรรณะจะไม่แต่งงานข้ามวรรณะกัน ถ้าแต่งงานข้ามวรรณะ ลูกที่คลอดออกมากลายเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง เรียกว่า จัณฑาล เป็นที่ ดูถูกเหยียดหยามของคนทั่วไป การปกครองแบบ กษัตริย์มีอำ นาจ สามัคคีธรรม ความเชื่อ ว่า ตายแล้วเกิด และตายแล้วสูญ ๓ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
..........สักกชนบท ตั้งอยู่ตรงข้ามภูเขาหิมพานต์ ตอนเหนือของชมพู ทวีป เหตุที่ชื่อว่า สักกชนบท เพราะถือตามภูมิประเทศ เดิมเป็นดงไม้ สักกะ เมืองใหม่ได้ชื่อว่า กบิลพัสดุ์ เพราะว่าเป็นที่อยู่ของกบิลดาบส ศากยวงศ์ ได้พระนามนี้ เพราะสาเหตุ ๓ ประการ คือ ๑) เพราะ ตั้งตามอาณาจักรหรือชนบท คือ สักกชนบท ๒) เพราะตั้งตามความสามารถของพระโอรสโดยลำ พัง ปกครองประเทศได้รุ่งเรือง จนพระบิดาตรัสชมว่า เป็นผู้องอาจ ๓) เพราะกษัตริย์วงศ์นี้ทรงอภิเษกสมรสกันเอง ระหว่างพี่น้องที่เรียกกันว่า สกสกสังวาส สักกชนบท แบ่งออกเป็น ๓ นคร ๑) พระนครเดิมของพระเจ้าโอกกากราช ๒) พระนครกบิลพัสดุ์ ๓) พระนครเทวทหะ ๔ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา สัสั สัสั กกศากยวงศ์ศ์ ศ์ศ์ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
พระเจ้าชัยเสน ทวด พระไปยกา พระเจ้าสีหหนุ ปู่ พระอัยกา พระนางกัญจนา ย่า พระอัยยิกา พระเจ้าอัญชนะ ตา พระอัยกา พระนางยโสธรา ยาย พระอัยยิกา พระเจ้าสุปปพุทธะ ลุง พระมาตุลา พระนางอมิตา ป้า พระปิตุจฉา พระนางปชาบดี น้า พระมาตุจฉา พระเจ้าสุทโธทนะ พ่อ พระชนก พระนางสิริมหามายา แม่ พระชนนี พระนันท น้องชาย พระอนุชา พระนางรูปนันทา น้องสาว พระกนิษฐภคินี พระนางยโสธรา ภรรยา พระชายา พระราหุล ลูก พระโอรส ๕ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา ลำลำลำลำดัดั ดัดั บศากยวงศ์ศ์ ศ์ศ์ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
๖ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา ลำลำลำลำดัดั ดัดั บศากยวงศ์ศ์ ศ์ศ์ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
๗ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา สิสิ สิสิ ทธัธั ธัธั ตถกุกุ กุกุ มารประสูสู สูสู ติติ ติติ เสด็จลงสู่พระครรภ์ ในวันที่พระมหาบุรุษเสด็จลงสู่ พระครรภ์ พระนางสิริมหามายาได้ สุบิน (ฝัน) เห็นพญาช้างเผือกชูงวง ถือดอกบัวขาว ส่งกลิ่นหอมขจร เดิน ประทักษิณ (เวียนขวา) ๓ รอบ แล้ว หายเข้าไป ในพระอุทร (ท้อง) ขณะนั้นเกิดแผ่น ดินไหวเป็น ที่อัศจรรย์ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ โหราจารย์ทำ นายว่า ได้มีบุรุษ อาชาไนยมากด้วยบุญญาธิการมา ปฏิสนธิในพระครรภ์ ยังความ ปลาบปลื้มมาสู่พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดายิ่งนัก พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
๘ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา สิสิ สิสิ ทธัธั ธัธั ตถกุกุ กุกุ มารประสูสู สูสู ติติ ติติ พระนางสิริมหามายาทรงพระ ครรภ์ครบ ๑๐ เดือน ทรง ประสูติพระราชโอรสที่ใต้ต้น สาละ ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งอยู่ ระหว่าง เมืองกบิลพัสดุ์ กับ เมืองเทวทหะ เวลาสายใกล้เที่ยง ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (วันวิสาขบูชา ปีจอ ก่อน พุทธศักราช ๘๐ ปี) พระราชโอรส เสด็จดำ เนินได้ ๗ ก้าว ทรงเปล่ง อาสภิวาจา ว่า “เราคือผู้เลิศของโลก เราคือผู้ เจริญที่สุดของโลก เราคือผู้ประเสริฐที่สุดของโลก ชาตินี้ เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว” พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
ลำ ดับเหตุการณ์หลังประสูติ พระชนมายุได้ ๓ วัน อสิตดาบสเข้าเยี่ยมอสิตดาบสหรือ กาฬเทวิลดาบสเข้าเยี่ยม ทำ นายลักษณะ ของ พระโอรสว่ามีคติเป็น ๒ ตามตำ รามหาปุริสลักษณะ แต่ตัวท่านเชื่อมั่นว่าพระโอรสจะเสด็จออกผนวช พระเจ้าสุ ทโธทนะทรงถวายบังคมพระโอรสตามอสิต ดาบส ครั้งที่ ๑ พระชนมายุได้ ๕ วัน ขนานพระนาม เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน ขนานพระนาม สิทธัตถะ แปลว่า ผู้มีความต้องการสำ เร็จ พระชนมายุได้ ๗ วัน พระมารดาสิ้นพระชนม์ พระมารดาสิ้นพระชนม์ หลังประสูติพระราชโอรสได้ ๗ วัน พระราชบิดาจึงมอบให้ พระนางมหาปชาบดีโคตมี (พระน้านาง) เป็นผู้เลี้ยงดู ต่อมาพระนางมหาปชาบดีโคตมี ประสูติ พระโอรสและพระธิดา ๒ พระองค์ คือ พระนันทะ และพระนางรูปนันทา ๙ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา อสิสิ สิสิ ตดาบสเข้ข้ ข้ า ข้ าเฝ้ฝ้ฝ้ า ฝ้ าและพยากรณ์ณ์ ณ์ณ์ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
๑๐ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา พระชนมายุได้ ๗ ปี พระราชบิดา ขุดสระโบกขรณี ๓ สระพระราช บิดาให้ขุดสระโบกขรณี ๓ สระ คือ ๑) สระปทุม (บัวหลวง) ๒) สระ บุญฑริก (บัวขาว) ๓) สระอุบล (บัวขาบ) พระโอรสได้ปฐมฌานที่ใต้ต้น หว้า (ชมพูพฤกษ์) ในงานวัป ปมงคลแรกนาขวัญ คือ เมื่ออยู่ พระองค์เดียวได้ นั่งขัดสมาธิ ขณะ นั้นเป็นเวลาบ่ายแต่เงาของต้นหว้า ไม่คล้อย ไปตามดวงอาทิตย์ พระเจ้าสุทโธทนะ ทรงถวายบังคม พระโอรสเป็นครั้งที่ ๒ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm
๑๑ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา เมื่อทรงเจริญวัยขึ้น พระราช บิดานำ ตัวไปฝากเป็นศิษย์ ของ “ครูวิศวามิตร” ทรงศึกษาจบ ศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขา ได้อย่าง รวดเร็ว โดยเฉพาะศิลปะการยิงธนู พระราชบิดาสร้างปราสาท ๓ หลัง สำ หรับเป็นที่ประทับ ใน ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว พระชนมายุได้ ๑๖ ปี ทรงอภิเษก สมรสกับพระนางพิมพา พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm อภิภิ ภิภิ เษกสมรส
๑๒ ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา บบททสสรุรุ รุรุ ปป ชมพูทวีปและประชาชน -ประชาชน ๒ ฝ่าย -พื้นที่แบ่ง ๒ เขต -วรรณะ ทั้ง๔ -การปกครอง -ความเชื่อ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm สิทธัตถกุมารประสูติ -๓ วัน อสิตดาบสเข้าเยี่ยม -๕ วัน ทำ นายพระลักษณ์ และขนานพระนาม -๗ วัน พระมารดาสวรรคต -๗ ปี ศึกษาในสำ นัก ครูวิศวามิตร -๑๖ ปี อภิเษกสมรส
ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา โโปปรรดดอ่อ่ อ่อ่ าานนต่ต่ ต่ต่ ออ พระมหาภูมินทร์ จนฺทสาโร Pm ต อ น๒ ออกบว ช และ ต รัสรู้ ๑๓
BUDDHISM CAN CHANGE THE WORLD www.Phramaha Phumin.com ธรร ม ศึ กษา ชั้ น ต รี ประถ ม ศึ กษา