The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความผิดฐานบุกรุก มาตรา 362 - มาตรา 366

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratchaneekornzaza2545, 2022-09-14 03:01:53

ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ความผิดฐานบุกรุก มาตรา 362 - มาตรา 366

ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

หมวด 8 ความผิดฐานบุกรุก

‘’ที่ใดมีสังคม
ที่นั่นมีกฎหมาย’’

รหัสนิสิต 641087060
นางสาวสุริยา สามะ

วิชา อาญา 2 ภาคความผิด

อาจารย์วีณา สุวรรณโณ

คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ

วิชาอาญา 2 ภาคความผิด เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้เรื่อง

ความผิดฐานบุกรุก ซึ่งบัญญัติลักษณะที่ 8 แห่งประมวล

กฎหมายอาญา ซึ่งเป็นคำอธิบายกฎหมายในเรื่องนี้ จึงยก

เรื่องอันเกี่ยวกับความผิดที่มีพื้นฐานจากความผิดฐาน

บุกรุกมารวบรวมเอาไว้เพื่อให้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น

ประโยชน์กับการเรียน

ผู้จัดทำหวังว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์นี้จะเป็น

ประโยชน์กับผู้อ่านหรือนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่กำลัง

ศึกษาหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาด

ประการใดผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สุริยา สามะ

สารบัญ

เรื่อง หน้า

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 1 -8
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 9 - 11
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 12 - 16
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 17 - 20
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 366
21

1 ความผิดฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุ ก
มาตรา 362

ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือ
ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ นั้ น ทั้ ง ห ม ด ห รือ แ ต่
บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการ
ร บ ก ว น ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ ข อ ง เ ข า โ ด ย
ปกติสุขต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ
ไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรานี้บัญญัติขึ้นเพื่อการกระทำอันเป็นความผิด2 ประการ คือ
1. เข้าไปเพื่อแย่งครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
2. เข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้
อื่น

จะเห็นได้ว่าความผิดทั้งสองนี้มีข้อแตกต่างกันคือความผิดประการ
แรกผู้กระทำจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อแย่งการครอบครอง , ความผิด
ประการที่สอง ไม่ต้องมีเจตนาพิเศษ

เจตนาพิเศษ คือ มูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด เจตนาพิเศษ
เป็นคนละกรณีกับเจตนาธรรมดา เจตนาธรรมดาคือประสงค์ต่อผล
หรือย่อมเล็งเห็นผลความผิดใดกฎหมายต้องเจตนาพิเศษก็จะบัญญัติ
ถ้อยคำที่แสดงว่าเป็นเจตนาพิเศษไว้ในองค์ประกอบของความผิด
นั้นๆ โดยตรง เช่นคำว่า โดยทุจริต ถือว่าเป็นเจตนาพิเศษ

ความผิดฐานบุกรุก 2

ความผิดประการแรก องค์ประกอบความผิดนี้

อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ภ า ย น อ ก
1 . เ ข้ า ไ ป
2 . ใ น อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ ข อ ง ผู้ อื่ น

อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ภ า ย ใ น
1.เจตนา
2 . เ พื่ อ ถื อ ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ นั้ น ทั้ ง ห ม ด ห รือ แ ต่ บ า ง ส่ ว น

เข้าไป หมายถึงเป็นลักษณะของการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ซึ่ง

หมายถึงว่า ตัวผู้กระทำได้ล่วงล้ำเข้าไป

ในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น หมายถึง กฎหมายจำกัดวัตถุที่ถูกกระทำต่อว่า

ต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น อสังหาริมทรัพย์ มีความหมายตาม

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา139 ได้แก่ ที่ดินอันติดอยู่กับที่ดิน

ห รือ ป ร ะ ก อ บ อั น เ ป็ น อั น เ ดี ย ว กั บ ที่ ดิ น นั้ น

ผู้อื่น หมายถึง จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้
เจตนา หมายถึง ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาในการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์

ของผู้อื่นและต้องรู้ข้อเท็จจริงด้วยว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นของผู้อื่น เพื่อถือ

ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ นั้ น ทั้ ง ห ม ด ห รือ แ ต่ บ า ง ส่ ว น เ ป็ น เ จ ค น า พิ เ ศ ษ

ใ น ก า ร ก ร ะ ทำ ผิ ด คื อ น อ ก จ า ก ปู้ ก ร ะ ทำ จ ะ มี เ จ ต น า ธ ร ร ม ด า แ ล้ ส ก็ จ ะ ต้ อ ง มี

เ จ ต น า พิ เ ศ ษ เ พื่ อ ถื อ ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ นั้ น ทั้ ง ห ม ด ห รือ แ ต่ บ า ง

ส่ ว น ดั ง ที่ ก ฎ ห ม า ย กำ ห น ด แ ล้ ว

3ความผิดฐานบุกรุก

ความผิดประการสอง องค์ประกอบความผิดนี้

อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ภ า ย น อ ก
1 . เ ข้ า ไ ป
2.กระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขา

โ ด ย ป ก ติ สุ ข

อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ภ า ย ใ น
1.เจตนา

เข้าไป หมายถึงเป็นลักษณะของการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ซึ่ง

หมายถึงว่า ตัวผู้กระทำได้ล่วงล้ำเข้าไป

เจตนา ได้แก่ เจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง ความผิดอันเกี่ยวกับการ

รบกวนการครอบครองนี้ ผู้กระทำไม่ต้องมีเจตนาพิเศษแต่อย่างใด หาก

ก ร ะ ทำ ไ ป โ ด ย ป ร ะ ส ง ค์ จ ะ ร บ ก ว น ก า ร ค ร อ บ ค ร อ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ แ ล้ ว ก็ เ ป็ น

ความผิดฐานบุกรุ กได้ แต่ถ้าผู้กระทำไม่มีเจตนาเช่นนั้นก็ไม่เป็นความผิด

ม า ต ร า นี้

ความผิดมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์มิได้ร้องทุกข์และได้

ฟ้องคดีเอง เมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้

กระทำความผิด คดีโจทก์ขาดอายุความ

ความผิดฐานบุกรุก 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2540

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 (1) การที่จะพิจารณาว่าจำเลยกระทำความผิดฐาน

บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นครอบครองอยู่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

362,365 หรือไม่นั้น จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้เข้าไปหรือใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดของ

ร่างกายจำเลยเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ ซึ่งศาลจะต้องฟังพยานหลัก

ฐานที่คู่ความนำสืบเป็นสำคัญ ภาพถ่ายที่โจทก์นำสืบเพื่อให้ศาลเห็นว่าขณะที่ผู้เสียหายถูก

จำเลยลากตัวไปยังบ้านของจำเลย ปรากฏชัดแจ้งว่าผู้เสียหายยืนอยู่ ณ จุดใดภายในบริเวณ

บ้านของผู้เสียหายศาลก็ชอบที่จะใช้ภาพถ่ายดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานประกอบการวินิจฉัยว่า

การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดฐานบุกรุกได้ ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลย

กระชากลากตัวผู้เสียหายออกมาจากบริเวณบ้านของผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายยืนอยู่บริเวณ

ใต้ชายคาบ้านของผู้เสียหายดังที่ปรากฏในภาพถ่ายเท่ากับจำเลยยอมรับว่าจุดที่ผู้เสียหายยืนอยู่

ในขณะที่ผู้เสียหายถูกจำเลยกระชากลากตัวไปอยู่ภายในบริเวณบ้านของผู้เสียหายตามที่

ปรากฏในภาพถ่ายจากจุดที่ผู้เสียหายยืนอยู่ดังนี้ การที่จำเลยจะกระชากลากตัวผู้เสียหายให้

ออกไปจากบริเวณบ้านของผู้เสียหายได้ แม้จำเลยจะยืนอยู่นอกบริเวณบ้านของผู้เสียหายแต่

จำเลยก็จะต้องเอื้อมมือเข้าไปภายในบริเวณบ้านของผู้เสียหายเพื่อจับและฉุดกระชากลากตัวผู้

เสียหายออกไป การเอื้อมมือเข้าไปฉุดกระชากลากตัวผู้เสียหายออกไปในลักษณะนี้ ถือได้ว่า

จำเลยเข้าไปกระทำการใด ๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหาย

โดยปกติสุขโดยใช้กำลังประทุษร้ายเข้าองค์ประกอบแห่งความผิดฐานบุกรุกตามประมวล

กฎหมายอาญา มาตรา 362และมาตรา 365(1)

5 ความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2535

กรณีจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา362นั้น ผู้เสียหายจะต้องเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิครอบครองที่ดิน
พิพาทอยู่ในขณะที่จำเลยเข้าไปในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองหรือ
เข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้
เสียหายโดยปกติสุข จำเลยได้เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ก่อนแล้ว ผู้
เสียหายเพิ่งจะอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทโดยการซื้อขายในภายหลัง การ
ที่จำเลยเข้าไปครอบครองยึดถือที่ดินพิพาทอยู่ก่อนและคงอยู่ในที่ดินพิพาท
ตลอดมา ย่อมไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุก 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5362/2539

จำเลยครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดิน
ที่อยู่ในบังคับห้ามโอนจึงไม่อาจสละหรือโอนการครอบครองให้แก่
ผู้อื่นได้การที่จำเลยทำสัญญาก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินและทำสัญญา
จะซื้อจะขายให้แก่โจทก์ร่วมมีผลเป็นการโอนการครอบครองที่ดิน
พิพาทให้แก่โจทก์ร่วมภายในกำหนดเวลาห้ามโอนจึงไม่มีผลตาม
กฎหมายโจทก์ร่วมไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทการที่จำเลย
จ้างบุคคลอื่นเข้าไปไถปรับพื้นที่และล้อมรั้วที่ดินพิพาทจึงไม่เป็น
ความผิดฐานบุกรุก

7 ความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2561

ที่ดินอันตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์นั้นเป็น

กรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เพียงแต่ทางภาระจำยอมนี้ทำให้จำเลยที่
1 ต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตนหรือ

ต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์นั้นเพื่อ

ประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1387 โดยจำเลย

ที่ 1 ยังมีสิทธิในทางภาระจำยอมอันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1

เช่นเดิม เพียงแต่มาตรา 1390 ห้ามเจ้าของภารยทรัพย์ประกอบ

กรรมใด ๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือ

เสื่อมความสะดวกเท่านั้น การใช้สิทธิเหนือที่ดินส่วนที่เป็นทาง

ภาระจำยอมในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จึงยังคงเป็นของจำเลยที่ 1

ต่อไป แม้หากจำเลยทั้งสองก่อสร้างกำแพงคอนกรีต โครงเหล็ก

เป็นโรงจอดรถยนต์และบันไดคอนกรีตอันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์

แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ก็เป็นการกระทำลง

บนที่ดินของจำเลยที่ 1 เอง หาใช่เป็นการเข้าไปกระทำในที่ดินของ

โจทก์ไม่ หากโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไรชอบที่จะไปว่ากล่าว

กันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีมูลในความผิด

ฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุก 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5588/2537

แม้ถนนที่เป็นทางเข้าออกของที่ดินของโจทก์จะอยู่ใน
เขตโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสองก็
ไม่มีอำนาจโดยพลการที่จะนำไม้และสังกะสีไปตอกปิดกั้น

ประตูทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าออกที่ดิน

ของโจทก์ไม่ได้ เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบ

ครองของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปกระทำการรบกวน

การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข

จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานบุกรุก

9 ความผิดฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุ ก
มาตรา 363

ผู้ ใ ด เ พื่ อ ถื อ เ อ า อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ ข อ ง ผู้ อื่ น เ ป็ น
ของตนหรือของบุคคลที่สาม ยักย้ายหรือทำลาย
เ ค รื่ อ ง ห ม า ย เ ข ต แ ห่ ง อ สั ง ห า ริม ท รั พ ย์ นั้ น ทั้ ง ห ม ด ห รือ
แต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบความผิดมีดังนี้
1.ยักย้ายหรือทำลาย
2.เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือ
แต่บางส่วน
3.เจตนา

ยักย้าย คือ การทำให้เคลื่อนที่จากที่เดิมไปอยู่อีกที่หนึ่ง
ทำลาย คือ ทำให้หมดสิ้นไป

*เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
การย้ายหรือทำลายดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเครื่องหมายเขตแห่ง
อสังหาริมทรัพย์ฉะนั้นผู้กระทำจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปใน
อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นก็ได้*

เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ หมายถึง สิ่งที่ปลูกปักหรือ
ทำไว้บนพื้นดิน หรือสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติโดยบุคคลมิได้ทำ
ขึ้นเพื่อแสดงเขตของที่ดินที่บุคคลมีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบ
ครอง

ความผิดฐานบุกรุก 10

เจตนา ได้แก่ เจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง ประกอบกับผู้
กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงด้วยว่าสิ่งที่ตนยักย้ายหรือทำลายนั้นเป็น
เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 59 วรรคสอง
เพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตนเองหรือ
บุคคลที่สาม นอกจากผู้กระทำจะต้องมีเจตนาในอสังหาริมทรัพย์
แล้ว ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของ
ผู้อื่นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาทด้วย กล่าวคือ เพื่อแย่งความเป็น
เจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหมายความว่า จะต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์
ของเอกชน คือกระทำต่อที่ดินเอกชน ถ้ากระทำเพื่อถือเอา

อสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินก็ไม่ผิด
ตามมาตรานี้

11 ความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2507

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ซึ่งมีราคา 6 หมืนกว่าบาท และทำลาย
ทรัพย์สินในที่ดินนั้น ขอให้ลงโทษและขับไล่จำเลย จำเลยปฏิเสธว่ามิได้บุกรุกและ
ทำให้เสียทรัพย์กับต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของ
โจทก์ จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 363 และ358 ปรับ 550 บาท และให้ขับไล่จำเลยกับให้ใช้ค่าเสียหาย ศาล
อุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะว่าให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 363 แต่บทเดียวปรับ
500 บาท นอกจากที่แก้นี้คงยืนตามคำพิพากษาศษลชั้นต้น ดังนี้ ่ข้อที่จำเลยฎีกาต่อ
มาว่า จำเลยโต้แย้งสิทธิที่ดินพิพาทในทางแพ่งมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้อง ไม่เป็นการ
บุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญาเพราะขาดเจตนานั้น ย่อมเป็นฎีกาโต้เถียงใน
ปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลล่างฟังมาแล้วว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุก จึงต้องห้ามตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาในทาง
แพ่งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ต้องห้ามตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ประเด็นนี้ ในคดีส่วนอาญา ศาลล่างก็ฟัง
เป็นยุติแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ศาลฎีกาจึงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นเช่นนั้น
ด้วย ไม่มีทางฟังเป็นอย่างอื่นไปได้

ความผิดฐานบุกรุก 12

ความผิดฐานบุกรุ ก
มาตรา 364

ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่

ใ น เ ค ห ส ถ า น อ า ค า ร เ ก็ บ รั ก ษ า ท รั พ ย์ ห รือ สำ นั ก ง า น ใ น

ค ว า ม ค ร อ บ ค ร อ ง ข อ ง ผู้ อื่ น ห รือ ไ ม่ ย อ ม อ อ ก ไ ป จ า ก

สถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้

ไล่ให้ออด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ

ปร้บไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบความผิด มีดังนี้
1.เข้าไปซ่อนตัวอยู่หรือไม่ยอมออกนอกเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้
เข้าไปได้ไล่ออก
2.ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสำนักงานในความ
ครอบครองของผู้อื่น
3.โดยไม่มีเหตุอันสมควร
4.เจตนา

เข้าไปซ่อนตัวอยู่ หรือไม่ยอมออกเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้
เข้าไปได้ไล่ให้ออก หมายถึง ลักษณะของการกระทำเป็นความผิด
ตามมาตรานี้

(1)เข้าไป มีความหมายดังที่ได้อธิบายมาแล้วในมาตรา 362
คือเป็นความผิดสำเร็จเมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้รุกล้ำ
เข้าไป การเข้าไปตามมาตรานี้ เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันควร
มิใช่เข้าไปเพื่อแย่งการครอบครอง ถ้าเข้าไปโดยเจตนาเพื่อถือการ
ครอบครองก็เป็นความผิดตามมาตรา 362
ไม่ใช่มาตรา 364 นี้

13 ความผิดฐานบุกรุก

(2)ซ่อนตัวอยู่ ในกรณีนี้ต้องเข้าไปทั้งตัวเลยคือเข้าไปอยู่ใน

ลักษณะซ่อนเร้นปกปิดมิให้ผู้ครอบครองหรือผู้ดูแลสถานที่พบเห็น

ในเวลาที่เข้าไปอาจไม่มีความผิดโดยผู้ครอบครองสถานที่อนุญาต

ให้เข้าไป

(3)ไม่ยอมออกเมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก คือ
การเข้าไปยังไม่เป็นความผิด อาจเพราะได้รับความยินยอมหรือได้

รับ

โดยไม่มีเหตุอันควร การเข้าไปซ่อนตัวอยู่ หรือ ไม่ยอมออก

นั้น ผู้กระทำต้องกระทำไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรกล่าวคือไม่มี

อำนาจหรือ ไม่มีสิทธิที่จะกระทำเช่นนั้นได้ซึ่งต้องพิจารณาเป็น

กรณีไป

เจตนา ผู้กระทำต้องมีเจตนาตามมาตรา59 วรรคสอง

ประกอบกับผู้กระทำจะต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของ

ความผิดด้วยว่าเคหสถานอยู่ในความครอบครองของผู้อื่น ถ้าผู้

กระทำสำคัญผิดในข้อเท็จจริงนี้ เช่น เข้าไปในบ้านของผู้อื่นโดย

สำคัญผิดว่าเป็นบ้านของตนเองผู้กระทำก็ไม่มีความผิด

ความผิดฐานบุกรุก 14

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2529

ผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกไม่จำต้องเป็นเจ้าของ

กรรมสิทธิ์ จ. อยู่ในบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยย่อมมีส่วน

ครอบครองบ้านดังกล่าวจึงเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิห้ามจำเลย

เข้าไปหรืออยู่ในบ้านนั้นได้ จำเลยกับผู้เสียหายมีเรื่องผิดใจกัน

ผู้ใหญ่บ้านเรียกจำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้เสียหายเพื่อเจรจา

ไกล่เกลี่ย การที่จำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านของผู้เสียหายจึงเป็นการ

เข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร เมื่อการเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันไม่ได้

และเกิดโต้เถียงกัน ผู้เสียหายให้จำเลยออกไป จำเลยยังไม่ยอมออก

แต่กลับจะทำร้ายผู้เสียหาย เช่นนี้ การที่จำเลยยังอยู่ที่บริเวณใต้ถุน

บ้านของผู้เสียหายภายหลังที่ผู้เสียหายให้จำเลยออกไปเป็นระยะ

เวลาต่อเนื่องกับการที่จำเลยโต้เถียงและจะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อมีผู้

อื่นมากันและรั้งจำเลยให้ออกไป จำเลยก็ยอมออกไป การกระทำ

ของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 364, 365

15 ความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5396/2549

โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า จำเลยที่ 1 จึงให้

จำเลยที่ 2 ไปล็อกกุญแจปิดร้านอาหารเพื่อมิให้โจทก์เช่าต่อไป

โดยจำเลยที่ 1 คิดว่าตนเองมีอำนาจกระทำการได้ ตามสัญญา

เช่าที่ระบุว่าถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าภายในกำหนดเวลา

ที่กำหนดไว้ ผู้ให้เช่าย่อมทรงสิทธิในการกลับเข้าครอบครอง

ทรัพย์สินที่เช่าตามสัญญานี้โดยพลัน การกระทำของจำเลยทั้ง

สองจึงเป็นการขาดเจตนาที่จะกระทำผิดฐานบุกรุก ทั้งข้อ

สัญญาดังกล่าวมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและ

มิได้เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐาน

บุกรุก

ความผิดฐานบุกรุก 16

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2546

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 1(4), 278, 364 จำเลยที่ 1 นำบันได

วางริมหน้าต่างชั้นบนบ้านผู้เสียหายและปีนไปเรียกผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายเปิด

ประตูออกมา จำเลยที่ 1 กอดอุ้มผู้เสียหายและกระทำอนาจารปลุกปล้ำผู้เสียหายที่
บริเวณสนามหญ้าข้างหน้าบ้านพักผู้เสียหาย แม้สนามหญ้ากับบ้านพักไม่มีรั้วล้อม

รอบ และไม่มีเครื่องหมายแสดงว่าเป็นแนวเขตของบ้านพักแต่ก็อยู่ข้างหน้าบ้านพัก
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้าไปในเคหสถานของผู้เสีย

หายในเวลากลางคืนอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสีย

หายโดยปกติสุขและกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นการกระทำต่อ

เนื่องไม่ขาดตอนกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

17 ความผิดฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุก
มาตรา 365

ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 362
มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทำ
1.โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง
ประทุษร้าย
2.โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่
สองคนขึ้นไป หรือ
3.ในเวลากลางคืน

ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิ
หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความผิดฐานบุกรุก 18

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2563

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่
อาศัยของผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอัน
สมควร โดยไม่ได้บรรยายฟ้องถึงองค์ประกอบความผิด
ว่าจำเลยกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะ
ใช้กำลังประทุษร้าย แม้โจทก์มีคำขอให้ลงโทษจำเลย
ตาม ป.อ. มาตรา 365 ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตาม
มาตรา 365 (1) ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.อ.
มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใด
อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและ
แก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง
ประกอบมาตรา 225

19 ความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4275/2562

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายที่ 1 เพื่อร่วมกัน
ทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นการรบกวนการครอบครอง
อสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 362
ตามฟ้อง แต่การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสีย
หายที่ 1 เพื่อทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 เป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายที่ 1
โดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 364 แม้
โจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา 364 แต่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามบท
ฉกรรจ์มาตรา 365 และได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่
2 มีข้อความอันเป็นความผิดตามมาตรา 364 เช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามมาตรา 364 และบทฉกรรจ์ตามมาตรา 365 (1) (2) ได้
ทั้งมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง หรือเป็นเรื่องที่โจทก์
ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
และวรรคสี่ นอกจากนี้ การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของ
ผู้เสียหายที่ 1 เพื่อร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ซึ่ง
เป็นของผู้เสียหายที่ 1 ในคราวเดียวและเป็นการกระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 ต่อเนื่อง
กันไปไม่ขาดตอน การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานร่วมกันทำร้าย
ร่างกายผู้อื่นและฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำกรรม
เดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์บรรยายฟ้องแต่ละข้อหาต่าง
กรรมกันมา ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดหลาย
กรรมต่างกันได้

ความผิดฐานบุกรุก 20

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2269/2538

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95, 96, 362, 365(3),

366 จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์แต่ในทางพิจารณาโจทก์นำสืบ

ไม่ได้ว่าจำเลยเริ่มบุกรุกที่ดินของโจทก์ในเวลากลางวันหรือ

กลางคืนจึงฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปใน

ที่ดินของโจทก์ในเวลากลางวัน ความผิดฐานบุกรุกเกิดขึ้น

ตั้งแต่ครั้งแรกที่จำเลยเข้าไปรบกวนการครอบครองที่ดิน

ของโจทก์ส่วนการที่จำเลยครอบครองที่ดินต่อมาเป็นเพียง

ผลของการบุกรุกไม่ใช่เป็นความผิดต่อเนื่องการกระทำของ

จำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

362 บทเดียว หาเป็นความผิดตาม มาตรา 365 (3) อีกบท

หนึ่งไม่ซึ่งมาตรา 366 บัญญัติว่า เป็นความผิดอันยอมความ

ได้อายุความฟ้องร้องตามมาตรา95 ต้องอยู่ภายใต้บังคับ

ของมาตรา 96 ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับ

แต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดมิฉะนั้นขาดอายุ

ความโจทก์มาร้องทุกข์เมื่อวันที่7พฤษภาคม 2534 ทั้งๆที่

ทราบเรื่องจำเลยบุกรุกตั้งแต่ต้นปี 2526 คดีของโจทก์จึง

ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96

21 ความผิดฐานบุกรุก

ความผิดฐานบุกรุก
มาตรา 366

ความผิดในหมวกนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา365

เป็นความผิดอันยอมความได้

บรรณานุกรม

หนังสือ
พรชัย สุนทรพันธุ์. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. พิมพ์ครั้งที่ 1.
นนทบุรี : 2564.

เอกสารอื่น
http://athiwatlawyer.com
อธิวัฒน์ ช่อผูก. คดีอาญา.
https://www.moj.go.th/view/57359
กระทรวงยุติธรรม.กฎหมายน่ารู้ ตอนที่297.
https://www.xn-
42cgi4cjab1btnchd1exbza5gvad6dvnqc6f.com
นพนภัส. คดีอาญา.


Click to View FlipBook Version