The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แผนสังคม2564

แผนสังคม2564

Keywords: แผนสวนพ

แผนการจัดการเรยี นรู้
บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน โรงเรียนบุญวาทยว์ ทิ ยาลัย

รายวิชา ....................................... รหสั วชิ า .........................
ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี .................................

โดย
..............................................................
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ........................

กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
โรงเรียนบญุ วาทย์วิทยาลัย
อาเภอเมือง จงั หวัดลาปาง

สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา ลาปาง ลาพูน
กระทรวงศึกษาธกิ าร

ลงช่อื ............................................หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษาฯ
(............................................)

ลงชื่อ...........................................รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ
(............................................)

ลงช่ือ...........................................ผ้อู านวยการโรงเรยี นบญุ วาทยว์ ิทยาลยั
(............................................)

คานา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ………………..….. รหัสวิชา …………… บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยนี้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดทาขึ้นเพ่ือใช้ในการจัดกิจกรรมการ
เรียนรบู้ รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน กลุ่มสาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ซึง่ โรงเรยี นบญุ วาทยว์ ิทยาลัย เป็นสมาชิกงานสวนพฤกษศาตร์ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก
พระราชด าริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) รหสั สมาชิก 7-52000-003

แผนการจดั การเรียนรบู้ ูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนนี้ ผสู้ อนได้ดาเนินการ วิเคราะห์ความ
สอดคล้องของหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน คาอธิบายรายวิชา โครงสร้างหน่วยการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ ผังมโนทัศน์รวม ผังมโน
ทัศน์กลุ่มสาระการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ ตวั อย่างผลงานของนกั เรยี น คลิปประกอบการจัดการเรียนรู้
ตามแผนการจัดการเรยี นรู้

แผนการจัดการเรียนรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เรื่อง ………………………… หน่วยการ
เรยี นรู้ …………………………..ฐานการเรียนรู.้ ............................................นี้ ผู้สอนและผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม
อย่างครบถ้วนตามใบความรู้ ใบงาน โดยใช้สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เป็นแหล่ง
เรียนรู้ ทาให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ผู้เรียน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มี
ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสงู ขึ้น เกิดจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช และทรัพยากร หวงแหนพืชพรรณไม้
รวมท้ังผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มึคุณธรรมจริยธรรม สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน มีทักษะใน
ศตวรรษที่ 21 เปน็ พลโลกท่ดี ี ตามมาตรฐาน ตวั ช้ีวดั และลาดบั การเรยี นรู้ที่กาหนดไวเ้ ปน็ อย่างดี

( .............................................. )
ตาแหนง่ ครู

กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

1
บันทึกสรุป
แผนการจัดการเรยี นรบู้ รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น โรงเรยี นบุญวาทยว์ ิทยาลัย
1.รูปแบบการบรู ณาการ
1.1 บูรณาการแบบสอดแทรก (Infusion)

วธิ ีการ กิจกรรม การประเมนิ ผลทเี่ กดิ กบั ผ้เู รยี น

ครคู นเดียว ครคู นเดียว ครคู นเดียว ผ้เู รียนไดค้ วามรจู้ ากครู
-วางแผน และกาหนดหัวเรือ่ ง โดย -มอบหมายงาน -ประเมิน คนเดยี ว และสามารถ
สอดแทรกงานสวนพฤกษศาสตร์ ตามที่วางแผนไว้ เหน็ ความสมั พันธ์ระหว่าง
โรงเรียนเข้าในวิชาของตน วิชาได้

1.2 บูรณาการแบบคู่ขนาน (Parallel)

วิธกี าร กจิ กรรม การประเมิน ผลทเี่ กิดกบั ผูเ้ รยี น

ครู 2 คนขน้ึ ไป งานทีม่ อบหมายให้ ครแู ยกกัน -ผ้เู รยี นได้รับความร้จู าก
ประเมนิ ครูแตล่ ะคนในเร่ือง
-วางแผนการสอนรว่ มกนั และกาหนด นักเรยี นทาแตกต่าง เดยี วกนั ทาให้มองเห็น
ความสมั พนั ธ์เชือ่ มโยงกนั
หัวเรือ่ ง (Theme),ความคิดรวบยอด, กันไปในแตล่ ะวชิ า และกนั นาความรใู้ นวิชา
ต่าง ๆ มาใชแ้ ก้ปัญหา
ปญั หา ในลักษณะเดียวกนั ร่วมกัน

1.3 บูรณาการแบบสหวิทยาการ (Multidisciplinary)

วธิ ีการ กจิ กรรม การประเมิน ผลท่ีเกดิ กบั ผู้เรียน

ครหู ลายคน (คณะผสู้ อน) มอบหมายงานหรือ ครปู ระเมนิ ผลงาน -ผูเ้ รยี นได้รับความรจู้ าก

-วางแผนการสอนรว่ มกันโดยกาหนด โครงงานใหน้ กั เรยี น แต่ละช้ินงานใน ครหู ลายคนในหัวเรื่อง

หัวเรอื่ ง (Theme),ความคดิ รวบยอด, ทาร่วมกนั และ สว่ นทตี่ นเองสอน หรอื ปญั หาเดียวกนั ทาให้

ปัญหา ในลกั ษณะเดยี วกัน กาหนดว่า จะแบ่ง โดยกาหนดเกณฑ์ สามารถเชอื่ มโยงความรู้

-สอนตา่ งวิชากัน โดยแยกกนั สอนใน โครงงานนั้นเป็น เอง จากสาขาวชิ าต่าง ๆ มา

หวั เรื่องเดยี วกัน โครงงานย่อยๆให้ สรา้ งสรรค์งานได้

-รว่ มกันกาหนดช้นิ งาน/โครงงานโดย นักเรยี นทาในแต่ละ

เช่อื มโยงวชิ าตา่ ง ๆ วิชา

1.4 บูรณาการแบบเชอื่ มโยงข้ามวชิ า (Transdisciplinary)

STEAM Education โครงงานฐานการเรียนร้.ู .........................................................................

2

2. การบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น 5 องค์ประกอบ

องคป์ ระกอบที่ 1 การจัดปา้ ยชือ่ พรรณไม้
องคป์ ระกอบท่ี 2 การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรียน
องคป์ ระกอบที่ 3 การศกึ ษาขอ้ มลู ด้านตา่ งๆ
องค์ประกอบท่ี 4 การรายงานผลการเรียนรู้
องค์ประกอบท่ี 5 การนาไปใช้ประโยชนท์ างการศึกษา

3. การบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น พชื ศกึ ษา (งาข้ีมอ้ น) 3 สาระ

พชื ศึกษา : งาขม้ี ้อน
ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล เมลด็

สาระการเรยี นรู้ท่ี 1 ธรรมชาติแหง่ ชวี ิต
สาระการเรียนรูท้ ี่ 2 สรรพสงิ่ ล้วนพนั เกยี่ ว
สาระการเรียนรทู้ ่ี 3 ประโยชน์แทแ้ ก่มหาชน

4. จานวนใบความรู้ ชิ้นงาน คลปิ การสอน

จานวนนักเรียน.................คน จานวนใบความรู้................ใบ (ชุด)จานวนใบงาน..............ใบ (ชดุ )

ชน้ิ งาน รายบุคคล จานวน.................ช้นิ

รายกลมุ่ จานวน.................ช้ิน

คลิปการสอน รายบุคคล จานวน.................คลปิ

3

สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น

1. ผลการเรยี นรู้ตามตัวช้ีวดั แผนการจดั การเรยี นรู้

1.1 ผ้เู รยี นทีผ่ า่ นตัวช้วี ัด มจี านวน ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ .....................
คิดเปน็ ร้อยละ .....................
1.2 ผู้เรียนทีไ่ ม่ผ่านตวั ชี้วัด มจี านวน ............. คน
คดิ เปน็ ร้อยละ .....................
2. ผลการเรยี นรู้ตามลาดับการเรยี นรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน คดิ เป็นรอ้ ยละ .....................

2.1 ผู้เรียนที่ผ่านลาดับการเรียนรู้ มจี านวน ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .....................
คิดเป็นร้อยละ .....................
2.2 ผู้เรยี นท่ไี มผ่ ่านลาดับการเรียนรู้ มจี านวน ............. คน

3. ผลการประเมนิ คุณลักษณะ

3.1 ผู้เรียนท่ีผา่ นคุณลกั ษณะ มีจานวน ............ คน

3.2 ผู้เรยี นท่ไี ม่ผ่านคุณลักษณะ มีจานวน ............. คน

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ร้อยละ คุณลกั ษณะงานสวนพฤกษศาสตรฯ์ ร้อยละ

รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ มีความรบั ผิดชอบ

ซอื่ สัตยส์ จุ ริต มคี วามซ่ือตรง

มวี นิ ัย มีความรอบคอบ

ใฝ่เรยี นรู้ มคี วามขยนั หมัน่ เพยี ร มคี วามอดทน

อยอู่ ย่างพอเพยี ง มคี วามสามคั คี เอ้ืออาทร

มุ่งม่นั ในการทางาน มีเหตผุ ล ยอมรบั ความคิดเหน็ ผอู้ ่ืน

รักความเป็นไทย มคี วามเมตตา กรุณา

มีจิตสาธารณะ มจี ติ สานกึ อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ลงชือ่ ............................................. ผสู้ อน
(.............................................)

ตาแหน่ง ...............................................

4

คำอธิบำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน

รายวชิ า .......................................... กลุ่มสาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษาฯ

ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี........................... ภาคเรียนที่ ........................................

เวลา .......... ชัว่ โมง จานวน ............................... หนว่ ยกติ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................. .................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................... ...........................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

รหัสตวั ช้ีวัด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

รวมท้ังหมด ..................... ตัวชีว้ ดั

5

การวิเคราะหค์ วามสอดคลอ้ งตวั ช้ีวัดและลาดบั การเรยี นรู้

องคป์ ระกอบที่ 1 การจดั ทาปา้ ยชอ่ื พรรณไม้
ลาดับการเรยี นรู้ท่ี 4

ต้งั ช่ือหรอื สอบถามช่ือ และศึกษาข้อมลู พนื้ บา้ น (ก.7-003 หนา้ ปก - 1)

กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม

สาระที่ 4 ประวัตศิ าสตร์
มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความรัก ความภูมใิ จ

และธารงความเป็นไทย

ช้ัน ตวั ชวี้ ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องค์ประกอบที่ ลาดับการเรยี นรู้ท่ี

ม.1 3. วเิ คราะหอ์ ิทธิพลของวัฒนธรรม และ 1 4 การตง้ั ช่ือฯ
ภมู ปิ ัญญาไทยสมยั สุโขทัยและสังคมไทย
ในปัจจบุ นั (ข้อมลู พ้นื บ้าน)

ม.2 3. ระบุภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย (ก.7-003 หน้า ปก – 1)
สมยั อยธุ ยาและธนบรุ ี และอิทธิพลของ
ภมู ปิ ญั ญาดังกล่าว ต่อการพัฒนาชาติไทย
ในยคุ ตอ่ มา

ม.3 3.วิเคราะห์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
ม.4-ม.6 สมัยรัตนโกสินทร์ และอิทธิพลต่อการ
พฒั นาชาติไทย

5. วางแผนกาหนดแนวทางและการมี
ส่วนร่วมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยและ
วฒั นธรรมไทย

6

องคป์ ระกอบที่ 1 การจัดทาป้ายชือ่ พรรณไม้

ลาดับการเรียนรูท้ ี่ 5 ทาผังแสดงตาแหน่งพรรณไม้

กลุม่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม
สาระท่ี 5 ภูมศิ าสตร์
มาตรฐาน ส 5.1 เขาใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธของสรรพสง่ิ ซง่ึ มีผลตอกัน ใชแผนท่ี

และเคร่ืองมือทางภมู ิศาสตรในการคนหา วิเคราะห และ สรปุ ขอมูลตามกระบวนการทาง
ภูมศิ าสตร์ตลอดจนใชภูมสิ ารสนเทศอยางมีประสทิ ธภิ าพ

ชั้น ตัวชว้ี ัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องค์ประกอบที่ ลาดับการเรยี นร้ทู ่ี

ม.1 2. อธบิ ายพิกดั ภมู ิศาสตร (ละติจดู และ 15
ลองจจิ ูด) เสนแบงเวลา และเปรียบเทยี บ ทาผังแสดงตาแหน่ง
ม.2 วนั เวลา ของโลก
ม.3 พรรณไม้
ม.4-ม.6 2. อธิบายมาตราสวน ทศิ และสัญลักษณ์

-

3. ใชแผนท่ีและเครื่องมือทางภูมิศาสตร
ในการคนหา วิเคราะห และสรุปขอมูล
ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร และนา
ภู มิ ส า ร ส น เ ท ศ ม า ใ ช ป ร ะ โ ย ช น
ในชวี ติ ประจาวนั

7

องคป์ ระกอบท่ี 3 การศึกษาขอ้ มูลดา้ นตา่ ง ๆ
ลาดบั การเรียนรู้ท่ี1

ศึกษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น (ก.7-003) ครบตามทะเบียนพรรณไม้
(กลุ่มละ 1 ต้น ชือ่ กลมุ่ (ตามรหสั พรรณไม้)

กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม

ชน้ั ตวั ช้วี ัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

ม.1 ส 4.3 ม.1/3 องค์ประกอบที่ ลาดบั การเรียนรทู้ ี่
ส 5.1 ม.1/2
3 1.ศึกษาพรรณไมใ้ น
ม.2 ส 4.3 ม.2/3 การศึกษาขอ้ มลู สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ส 5.1 ม.2/2 (ก 7-003) ครบตามทะเบยี น
ดา้ นตา่ ง ๆ
ม.3 ส 4.3 ม.3/3
ม.4-6 ส 4.3 ม.4-6/3 พรรณไม้
1.1.มสี ่วนรว่ มของผู้ศึกษา
ส 5.1 ม.4-6/3 1.2 ศึกษาข้อมลู พนื้ บ้าน

1.3 ศึกษาข้อมูลพรรณไม้
(หนา้ ท่ี 2–7)
1.4 สรุปลกั ษณะและข้อมูล

พรรณไม้
1.5 สืบคน้ ข้อมูลพฤกษศาสตร์
(หนา้ ที่ 9)
1.6 บนั ทกึ ข้อมลู เพ่ิมเติม
(หน้าที่ 10)
1.7 ตรวจสอบผลงานเป็น

ระยะ
1.8 ความเปน็ ระเบยี บ
ความตัง้ ใจ

8

องค์ประกอบที่ 3 การศึกษาขอ้ มลู ด้านต่าง ๆ
ลาดับการเรียนรูท้ ี่ 2 ศึกษาพรรณไมท้ ่สี นใจ

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

สาระที่ 2 หน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวิตในสงั คม
มาตรฐาน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ัตติ นตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านยิ มทีด่ งี ามและธารงรักษา

ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ติ อยูร่ ่วมกันในสังคมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ุข

ช้ัน ตวั ชว้ี ดั งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

องคป์ ระกอบที่ ลาดบั การเรยี นรู้ท่ี

ม.1 - --
ม.2
ม.3 - --

ม.4-ม.6 3. อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและเลือกรับ 3 2 ศกึ ษาพรรณไม้ทส่ี นใจ

วฒั นธรรมสากลท่ีเหมาะสม 2 . 1 ศึ ก ษ า ลั ก ษ ณ ะ
5. วิเคราะห์ความจาเป็นท่ีต้องมีการ
ป รั บ ป รุ ง เ ป ล่ี ย น แป ล งแ ล ะ อ นุ รั ก ษ์ ภายนอก ภายในของพืช
วัฒนธรรมไทยและเลือกรับวัฒนธรรม แต่ละส่วนโดยละเอียด
สากล
2.2 ก าหน ดเรื่องที่จ ะ

เรยี นร้ใู นแต่ละสว่ นของพืช
2.3 เรียนรู้แต่ละเร่ือง

แตล่ ะส่วนขององค์ประกอบ

ยอ่ ย
2 . 4 น า ข้ อ มู ล ม า

เปรียบเทียบความต่างใน

แต่ละเร่ือง ในชนดิ เดยี วกนั

9

องคป์ ระกอบท่ี 4 การรายงานผลการเรยี นรู้
กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม

ชนั้ ตัวชว้ี ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องคป์ ระกอบท่ี ลาดบั การเรยี นร้ทู ่ี

ม.1 ส 4.3 ม.1/3 4 1.รวบรวมผลการเรียนรู้
ม.2 ส 5.1 ม.1/2
ม.3 2. คดั แยกสาระสาคัญ และจัดใหเ้ ปน็
ม.4-ม.6 ส 4.3 ม.2/3
ส 5.1 ม.2/2 หมวดหมู่

ส 2.1 ม.3/3 2.1 วเิ คราะหเ์ รยี บเรียงสาระ
ส 4.3 ม.3/3
2.2 จดั ระเบียบขอ้ มลู สาระแตล่ ะ
ส 2.1 ม.4-6/5
ส 4.3 ม.4-6/3 ด้าน
ส 5.1 ม.4-6/3
2.3 จัดลาดับสาระหรือกลมุ่ สาระ

3. สรุปและเรียบเรียง

4. เรยี นรู้รปู แบบการเขยี นรายงาน

4.1 แบบวิชาการ

4.2 แบบบูรณาการ

4.2.1 บูรณาการกลมุ่ สาระ

4.2.2 บรู ณาการแหง่ ชวี ติ

5. กาหนดรปู แบบการเขียนรายงาน

6. เรียนร้วู ธิ ีการรายงานผล

6.1 เอกสาร

6.2 บรรยาย

6.3 ศิลปะ

6.4 นิทรรศการ

7. กาหนดวิธีการรายงานผล

10

องค์ประกอบที่ 5 การนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการศึกษา
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม

ช้ัน ตัวช้วี ดั งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

องค์ประกอบท่ี ลาดบั การเรียนรู้ที่

ม.1 ส 4.3 ม.1/3 5 1. นาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ม.2 ส 5.1 ม.1/2 บรู ณาการสู่การเรียนการสอน
ม.3
ม.4-ม.6 ส 4.3 ม.2/3 1.1 การเขยี นแผนการสอน ฯ
ส 5.1 ม.2/2 1.2 จัดเก็บผลการเรียนรู้
2. เผยแพรอ่ งคค์ วามรู้
ส 2.1 ม.3/3
ส 4.3 ม.3/3 2.1 บรรยาย

ส 2.1 ม.4-6/5 2.1.1 สนทนา
ส 4.3 ม.4-6/3 2.1.2 เสวนา
ส 5.1 ม.4-6/3 2.1.3 สัมมนา/อภิปราย
2.2 จัดแสดง
3. จัดสร้างแหล่งเรียนรู้

3.1 จัดแสดงพพิ ธิ ภณั ฑ์
3.2 จัดแสดงพิพธิ ภัณฑ์เฉพาะเร่ือง
3.3 จดั แสดงพพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติ

วทิ ยา
4. ใช้ ดูแลรกั ษา และพัฒนาแหล่ง
เรยี นรู้

11

สาระการเรยี นรธู้ รรมชาติแห่งชีวิต
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม

สาระท่ี 2 หน้าท่พี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวติ ในสังคม
มาตรฐาน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ิตนตามหน้าทขี่ องการเป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มท่ีดงี ามและธารงรักษา

ประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ติ อยรู่ ว่ มกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอย่างสันตสิ ขุ

ชั้น ตัวช้วี ัด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

สาระการเรียนรู้ ลาดบั การเรยี นรู้ท่ี

ม.1 - --
ม.2 -
ม.3 --
3. อนุรักษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรับ
ม.4-ม.6 ธรรมชาติแห่งชวี ติ 1. สัมผัสเรียนรู้วงจรชีวิต
วฒั นธรรมสากลทเี่ หมาะสม ของชวี ภาพ
5. วิเคราะหค์ วามจาเป็นทต่ี อ้ งมกี าร
ปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงและอนรุ ักษ์ 1.1 ศกึ ษาด้านรปู ลักษณ์
วัฒนธรรมไทยและเลอื กรบั วัฒนธรรม 1.2 ศกึ ษาด้านคุณสมบัติ
สากล
1.3 ศึกษาด้านพฤติกรรม
2 . เ ป รี ย บ เ ที ย บ ก า ร
เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง แ ล ะ ค ว า ม
แตกต่าง
2.1 รูปลักษณ์กับรูปกาย
ตน
2 . 2 คุ ณ ส ม บั ติ กั บ
สมรรถภาพของตน
2.3 พฤติกรรมกับจิต

อารมณ์และพฤติกรรมของ
ตน

3. สรุปองค์ความรู้ที่ได้จาก
ก า ร ศึ ก ษ า ธ ร ร ม ช า ติ แ ห่ ง

ชวี ิต
4. สรุปแนวทางเพื่อนาไปสู่
การประยุกตใ์ ช้ในการ
ดาเนินชีวิต

12

สาระการเรียนรสู้ รรพสิง่ ล้วนพันเกีย่ ว
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

สาระท่ี 2 หนา้ ทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวิตในสังคม

มาตรฐาน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบัติตนตามหน้าทข่ี องการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านิยมท่ีดงี ามและธารงรกั ษา

ประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่รว่ มกันในสงั คมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ุข

ช้ัน ตวั ชีว้ ัด งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

สาระการเรยี นรู้ ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่

ม.1 - --

ม.2 - --

ม.3 3. อนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทยและเลอื กรับ สรรพส่งิ ลว้ นพนั เกีย่ ว 1. รวบรวมองคค์ วามรทู้ ไ่ี ด้
ม.4-ม.6 จากการเรียนรธู้ รรมชาติ
วฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม แห่งชวี ติ
5. วิเคราะห์ความจาเป็นที่ต้องมีการ 2. เรยี นรธู้ รรมชาตขิ อง
ปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงและอนุรกั ษ์ ปัจจัยชวี ภาพอ่ืนทเี่ ข้ามา
วัฒนธรรมไทยและเลอื กรับวฒั นธรรม เกี่ยวข้องกบั ปัจจยั หลกั
สากล 2.1 เรียนรู้ด้านรูปลกั ษณ์
คุณสมบตั ิ พฤตกิ รรม

2.2 สรปุ ผลการเรยี นรู้

3. เรยี นรธู้ รรมชาตขิ อง
ปจั จยั กายภาพ (ดนิ น้า
แสง อากาศ)

3.1 เรียนรดู้ ้านรปู ลกั ษณ์
คุณสมบตั ิ

3.2 สรุปผลการเรียนรู้

4. เรยี นรธู้ รรมชาติของ
ปัจจัยอนื่ ๆ (ปจั จัย

ประกอบ เช่น วสั ดอุ ุปกรณ์

อาคารสถานท)่ี
5. เรียนรธู้ รรมชาติของ

ความพนั เกย่ี วระหวา่ ง

ปัจจยั
5.1 วเิ คราะห์ให้เห็น
ความสมั พันธ์และ
สัมพันธภาพ
5.2 วิเคราะห์ใหเ้ หน็ ความ

ผกู พัน

6. สรปุ ผลการเรยี นรู้
ดุลยภาพของความพนั เกยี่ ว

13

สาระการเรียนรู้ ประโยชนแ์ ท้แกม่ หาชน
กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

สาระที่ 2 หนา้ ทพี่ ลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม

มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏบิ ตั ติ นตามหน้าที่ของการเป็นพลเมอื งดี มีค่านยิ มท่ีดงี ามและธารงรักษา

ประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ่วมกันในสงั คมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสันตสิ ขุ

ชั้น ตัวชีว้ ดั งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

สาระการเรยี นรู้ ลาดบั การเรยี นร้ทู ่ี

ม.1 - --

ม.2 - --

ม.3 3. อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรบั ประโยชน์แท้แกม่ หาชน ลาดับการเรียนรู้
ม.4-ม.6 1. เรยี นรกู้ ารวเิ คราะห์
วัฒนธรรมสากลทีเ่ หมาะสม ศักยภาพของปจั จยั ศึกษา
5. วิเคราะห์ความจาเป็นท่ตี ้องมีการ 1.1 พจิ ารณาศักยภาพด้าน
ปรับปรงุ เปลยี่ นแปลงและอนรุ กั ษ์ รปู ลักษณ์
วัฒนธรรมไทยและเลือกรบั วฒั นธรรม 1.2 วิเคราะห์ศักยภาพด้าน
สากล คุณสมบตั ิ
1.3 จินตนาการศกั ยภาพ

ด้านพฤติกรรม

2. เรยี นรู้ จินตนาการเห็นคณุ
ของศกั ยภาพ ของปจั จยั
ศึกษา

2.1 จินตนาการจากการ
วเิ คราะห์ศกั ยภาพ

2.2. เรียนรสู้ รปุ คณุ ของ

ศักยภาพ ท่ีได้จากจินตนาการ
3. สรรสร้างวิธกี าร

3.1 พจิ ารณาคุณที่เกิดจาก

จนิ ตนาการ
3.2 สร้างแนวคิด แนวทาง

วธิ กี าร

4. สรุปผลการเรยี นรู้
ประโยชนแ์ ทแ้ ก่มหาชน

14

ผงั มโนทัศน์รวม
5 องค์ประกอบ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น โรงเรียนบุญวาทยว์ ิทยาลัย

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ภาษาไทย คณติ ศาสตร์
ฐาน กิจกรรมเพือ่ สังคมและาธารณประโยชน์ ฐาน วรรณกรรมต้นไม้ พรรณไมว้ รรณคดี ฐาน พฤกษศาสตร์คานวณ
หนว่ ย คณติ คดิ รักษพ์ รรณไม้
หน่วย การอนุรักษ์สง่ิ แวดลอ้ ม หน่วย วรรณกรรมพรรณไม้
กิจกรรมนักเรียน :ลกู เสือ เนตรนารีฯ ชุมนมุ ท 2.1,ท 3.1, ท 4.1 ค 2.1,ค 2.2,ค 3.1
กิจกรรมเพ่อื สังคม :ก 33930 เพื่อสังคม องค์ประกอบที่ 1,3,4,5 องคป์ ระกอบที่ 1,3,4,5

องคป์ ระกอบ 1-5

โรงเรียนมาตรฐานสากล 5 องคป์ ระกอบ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ฐาน การจัดการเรยี นรแู้ บบ B.B.L งานสวนพฤกษศาสตร์ ฐาน พืชศาสตร์ชีววิทยาของพืช
หน่วย มหัศจรรย์พรรณพฤกษา หนว่ ย อนุรกั ษพ์ นั ธุกรรมพืช
โรงเรยี น
IS 1, IS 2 ว1.1,1.2,1.3, ว 4.1
องคป์ ระกอบท่ี 3,4,5 องคป์ ระกอบที่ 1,2,3,4,5

ภาษาตา่ งประเทศ ก ว1.1,1.2,1.3, ว 4.1
ต 1.1,1.2,1.3,ต 3.1 สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ฐาน Botanical Literature
หน่วย Botany in my school ฐาน ทรพั ยากรทอ้ งถิน่
องคป์ ระกอบท่ี 1,3,4,5 หน่วย สืบสานฮีตฮอยพรรณไม้

ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1,
องค์ประกอบที่ 1,3,4,5

การงานอาชีพ ศิลปะ สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ฐาน ศลิ ปะเพือ่ ชีวติ ฐาน สวนสุขภาพ
ฐาน สวนสมุนไพร พรรณไมพ้ นื้ บา้ น หนว่ ย คณุ ค่าพรรณไม้ สายใยชีวติ
หน่วย ประโยชน์หลากหลาย หนว่ ย พรรณไม้ให้ชีวติ
พรรณไม้ท้องถน่ิ ศ 1.1,ศ 2.1, ศ 3.1
ง 1.1,ง 2.1, องคป์ ระกอบท่ี 1,3,4,5 พ 3.1,3.2, พ 4.1
องค์ประกอบที่ 1,2,3,4,5 องคป์ ระกอบท่ี 3,4,5

องคป์ ระกอบท่ี 1 การจัดทาป้ายชื่อพรรณไม้

องค์ประกอบที่ 2 การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรยี น
องค์ประกอบท่ี 3 การศกึ ษาข้อมูลด้านตา่ ง ๆ
องคป์ ระกอบที่ 4 การรายงานผลการเรียนรู้
องคป์ ระกอบท่ี 5 การนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการศกึ ษา

15

ผังมโนทัศนร์ วม
พืชศึกษา งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น โรงเรียนบญุ วาทยว์ ิทยาลัย

พืชศกึ ษา “งาขม้ี ้อน”

กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ภาษาไทย คณิตศาสตร์
ฐาน กจิ กรรมเพือ่ สงั คมและาธารณประโยชน์ ฐาน วรรณกรรมตน้ ไม้ ฐาน พฤกษศาสตรค์ านวณ
หนว่ ย คณติ คิดรักษพ์ รรณไม้
หน่วย การอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม พรรณไมว้ รรณคดี
กิจกรรมนกั เรยี น :ลกู เสือ เนตรนารฯี ชมุ นุม หน่วย เรยี งร้อยถอ้ ยความ : งาขม้ี ้อน ค 3.1
กจิ กรรมเพอ่ื สังคม :ก 33930 เพ่ือสงั คม
ท 2.1 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรยี นมาตรฐานสากล ฐาน พืชศาสตร์ชีววิทยาของพืช
ฐาน การจัดการเรยี นรแู้ บบ B.B.L ท 2.1 หนว่ ย อนุรักษ์พนั ธกุ รรมพืช
หนว่ ย มหัศจรรยพ์ รรณพฤกษา
พืชศกึ ษา ว 1.2,ว 1.3
IS 1, IS 2 “งาขี้มอ้ น”
สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ภาษาต่างประเทศ ก ฐาน ทรพั ยากรทอ้ งถิ่น
ฐาน Botanical Literature
หนว่ ย Botany in my school หน่วย สืบสานฮตี ฮอยพรรณไม้
ส 2.1
ต 4.2

การงานอาชีพ ศลิ ปะ สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ฐาน สวนสมุนไพร พรรณไมพ้ นื้ บา้ น ฐาน สวนสุขภาพ
ฐาน ศลิ ปะเพอ่ื ชีวิต
หนว่ ย ประโยชน์หลากหลาย หนว่ ย คณุ คา่ พรรณไม้ สายใยชีวิต หนว่ ย พรรณไม้ให้ชีวติ
พรรณไม้ท้องถิ่น พ 4.1
ง 1.1 ศ 3.1

พชื ศึกษา ลาดับการเรียนรู้
งาข้มี อ้ น
1. การศกึ ษาลกั ษณะภายนอก ภายในของพชื แตล่ ะสว่ นโดยละเอยี ด

คือ การพิจารณา จาแนกรปู ลกั ษณ์ภายนอกของพืชแตล่ ะชนิด แต่ละส่วนโดยละเอียด และพจิ ารณาแบง่
ส่วนทจ่ี ะเรียนรู้ ขององค์ประกอบย่อย และกาหนดคาทใี่ ช้เรยี กกากบั เชน่ ด้านนอก ดา้ นใน ด้านบน
ด้านล่าง ตอนโคนตอนกลาง ตอนปลาย ส่วนรมิ ซา้ ย สว่ นกลาง ส่วนรมิ ขวา เปน็ ตน้

2. การกาหนดเรอ่ื งทีจ่ ะเรียนรูใ้ นแตล่ ะส่วนของพืช

คือ พจิ ารณาพ้นื ทีศ่ ึกษาจากการวิเคราะห์ และกาหนดเรื่องทจ่ี ะเรียนรู้ในแต่ละส่วนของพชื ศกึ ษา เชน่ สี
ขนาด รูปร่าง รปู ทรง ผวิ เนอ้ื ฯลฯ ตวั อยา่ งหวั ข้อศึกษา

- สีของแผ่นใบตอนโคนสว่ นริมซ้าย สขี องแผน่ ใบตอนโคนส่วนรมิ ขวา
- ความยาวของกา้ นชูอับเรณู

3. การเรยี นรู้แตล่ ะเร่อื ง แตล่ ะส่วนขององคป์ ระกอบยอ่ ย

คือการศึกษา สังเกต บนั ทกึ ข้อมูลดา้ นรปู ลักษณ์ ในแต่ละเรอื่ ง แตล่ ะสว่ น ของแต่ละองค์ประกอบยอ่ ย

4. การน่าขอ้ มลู มาเปรียบเทียบความตา่ งในแตล่ ะเร่ือง ในชนิดเดียวกัน

คือ การน าผลการศึกษา มาวเิ คราะห์จัดกลมุ่ และเปรยี บเทยี บความตา่ งในแตล่ ะเรือ่ ง ในชนิดเดยี วกัน
จดั ลาดับของผลการ ศึกษาจากนอ้ ยไปมาก หรอื จากมากไปนอ้ ย เพอื่ ความเป็นระเบียบ

16

ผังมโนทัศน์ 5 องค์ประกอบ
กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ฐาน ทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ
หนว่ ย สืบสานฮีตฮอยพรรณไม้

ม.2 ม.1
องคป์ ระกอบ 1,3,4,5 องค์ประกอบ 1,3,4,5
ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1
ส 4.3, ส 5.1

ม.2 5 องคป์ ระกอบ ม.2
องค์ประกอบ 1,3,4,5 งานสวน องคป์ ระกอบ 1,3,4,5
ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1 ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1
พฤกษศาสตร์
โรงเรยี น

ม.2 ม.3
องค์ประกอบ 1,3,4,5 องคป์ ระกอบ 1,3,4,5
ส 2.1,ส 4.3, ส 5.1
5 2.1,ส 4.3

องค์ประกอบที่ ลาดับการเรยี นรูท้ ี่ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี
1. การจดั ทาปา้ ยชื่อพรรณไม้
4. ศึกษาข้อมลู พื้นบ้าน ม.1-6
2. การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรียน 5. ทาผังแสดงตาแหน่ง
3. การศึกษาข้อมลู ดา้ นต่าง ๆ พรรณไม้ -
4. การรายงานผลการเรยี นรู้
5. การนาไปใชป้ ระโยชน์ทางการศึกษา - ม.3,ม.4-6
ม.1-6
1-2 ม.1-6

1-6

1-4

17

ผงั มโนทศั น์ พืชศึกษา “งาขี้มอ้ น”
กลุม่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ฐาน ทรพั ยากรทอ้ งถนิ่

หนว่ ย สบื สานฮีตฮอยพรรณไม้

ม.6 ม.1
ลาดบั การเรียนรทู้ ี่ 1-4 ลาดับการเรียนรทู้ ่ี 1-4

ส 2.1 ม.4-6/5 ส-

ม.5 พืชศกึ ษา ม.2
ลาดับการเรียนรทู้ ี่ 1-4 “งาข้ีมอ้ น” ลาดบั การเรียนร้ทู ี่ 1-4

ส 2.1 ม.4-6/5 ส-

ม.4 ม.3
ลาดบั การเรยี นรูท้ ี่ 1-4 ลาดับการเรยี นรูท้ ่ี 1-4

ส 2.1 ม.4-6/5 ส 2.1 ม.3/1

พืชศกึ ษา ลาดบั การเรยี นรู้
งาข้มี ้อน
1. การศึกษาลักษณะภายนอก ภายในของพืชแตล่ ะสว่ นโดยละเอยี ด

คอื การพิจารณา จาแนกรูปลกั ษณภ์ ายนอกของพชื แต่ละชนิด แต่ละส่วนโดยละเอยี ด และพจิ ารณาแบง่
ส่วนที่จะเรียนรู้ ขององค์ประกอบย่อย และกาหนดคาทใี่ ชเ้ รยี กกากับ เช่น ด้านนอก ดา้ นใน ด้านบน
ดา้ นลา่ ง ตอนโคนตอนกลาง ตอนปลาย ส่วนรมิ ซา้ ย สว่ นกลาง สว่ นริมขวา เป็นต้น

2. การกาหนดเร่อื งท่ีจะเรยี นรใู้ นแตล่ ะสว่ นของพชื

คือ พจิ ารณาพนื้ ที่ศกึ ษาจากการวิเคราะห์ และกาหนดเรอื่ งทจ่ี ะเรียนรใู้ นแตล่ ะส่วนของพืชศกึ ษา เชน่ สี
ขนาด รูปรา่ ง รูปทรง ผิว เนือ้ ฯลฯ ตวั อยา่ งหวั ขอ้ ศกึ ษา

- สขี องแผ่นใบตอนโคนสว่ นริมซ้าย สขี องแผน่ ใบตอนโคนสว่ นริมขวา
- ความยาวของกา้ นชอู บั เรณู

3. การเรยี นรู้แต่ละเรอื่ ง แตล่ ะส่วนขององคป์ ระกอบยอ่ ย

คอื การศึกษา สงั เกต บนั ทกึ ขอ้ มูลดา้ นรูปลักษณ์ ในแต่ละเร่ือง แต่ละสว่ น ของแตล่ ะองคป์ ระกอบย่อย

4. การน่าข้อมลู มาเปรยี บเทยี บความตา่ งในแตล่ ะเร่อื ง ในชนดิ เดียวกัน

คอื การนาผลการศึกษา มาวิเคราะหจ์ ัดกลมุ่ และเปรยี บเทียบความตา่ งในแต่ละเรอ่ื ง ในชนิดเดียวกนั
จดั ลาดบั ของผลการ ศึกษาจากนอ้ ยไปมาก หรอื จากมากไปนอ้ ย เพ่ือความเปน็ ระเบียบ

18

แผนการจดั การเรียนร้บู รู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

กลุ่มสาระการเรียนรู้..................................รายวชิ า …………รหัส ..........ชั้น ..........ปีการศกึ ษา ............
หนา่ ยการเรียนรทู้ ่.ี ........................เรอื่ ง .......................................................เวลา .......................ช่วั โมง
ชอ่ื หน่วยการเรียนรบู้ รู ณาการ.....................................................................................................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด (ผลการเรียนรู้)

มาตรฐาน .................................................................................................................................
ตวั ชว้ี ัด
1. .................................................................................................................................
2. .................................................................................................................................

2. ความคิดรวบยอด/สาระสาคัญ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. สาระการเรยี นรู้

..............................................................................................................................................................................

4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

4.1 ดา้ นความรู้ (K)

4.1.1...………………………………………………………………………………………………………………….

4.1.2 ........... ………………………………………………………………………………………………………

4.2 ดา้ นทกั ษะ (P)

4.2.1 ........... ………………………………………………………………………………………………………

4.3 ด้านคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ (A)

4.3.1 ........... ………………………………………………………………………………………………………

5. มาตรฐานด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (Attributes )

5.1 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสตั ยส์ จุ ริต มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้

อยู่อย่างพอเพียง มงุ่ ม่นั ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ

5.2 คณุ ลกั ษณะของผูเ้ รยี น ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

แบ่งปัน รอบคอบ ยดึ ทางสายกลาง

5.3 คณุ ลกั ษณะของผูเ้ รยี น งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

อดทน ขยัน รบั ผิดชอบ เมตตากรณุ า อยูร่ ่วมกนั อย่างเอ้ืออาทร ซอ่ื ตรง

รับฟังความเหน็ ผอู้ ื่น สามัคคี มีมนุษยสมั พันธ์ เหน็ คุณค่าตนเองและผ้อู นื่ มสี มาธิ

5.4 คุณลักษณะของผู้เรียน ตามหลักสตู รโรงเรยี นมาตรฐานสากล

เปน็ เลิศวชิ าการ ส่อื สารสองภาษา ล้าหน้าทางความคดิ

ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ รว่ มกันรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมโลก

19

5.5 คณุ ลักษณะของผู้เรยี นด้านความเปน็ ประชาธิปไตย
รจู้ กั หนา้ ท่ี มีความรับผิดชอบ มีความยุติธรรม มีความเป็นส่วนตัว
อดทน อดกลั้น เสียสละ มจี ิตสาธารณะ มองโลกในแงด่ ี
5.6 คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา
คดิ อย่างมเี หตุผล มีการวเิ คราะหส์ งั เคราะห์ และคิดเป็นระบบ
มุ่งมัน่ ศึกษาค้นคว้า เรียนรู้แบบวิจยั ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน/ชมุ ชน
มีความรบั ผิดชอบและร่วมกันรบั ผิดชอบต่อชมุ ชน ประเทศชาติและสังคมโลก
สามารถนาเสนอผลงานด้วยความมัน่ ใจและมเี หตุผล
มคี วามเป็นนกั เรยี นรู้อย่างเข้าใจตามความเปน็ จริง มคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม
6.มาตรฐานด้านการ อ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน

การอ่าน
- สามารถอา่ นเพ่ือศึกษาคน้ คว้า เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน
- สามารถจับประเดน็ สาคญั ลาดบั เหตุการณ์ จากการอ่านสอื่ ทมี่ ีความซับซ้อน

การคดิ วิเคราะห์
- สามารถวเิ คราะห์สงิ่ ที่ผเู้ ขยี นตอ้ งการสอ่ื สารกบั ผู้อ่าน และสามารถวิพากษ์ ใหข้ ้อเสนอแนะ
ในแง่มมุ ตา่ ง ๆ
- สามารถประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื คุณคา่ แนวคดิ ที่ได้จากส่งิ ทอ่ี ่านอย่างหลากหลาย

การเขียน
- สามารถเขยี นแสดงความคิดเห็น โตแ้ ย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธบิ ายสนบั สนนุ อยา่ งเพยี งพอและ

สมเหตุสมผล
7. มาตรฐานดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

ความสามารถในการสอ่ื สาร
- การรับและสง่ สาร
- วัฒนธรรมในการใชภ้ าษา
- การเลอื กใชแ้ ละบูรณาการสื่อ หรือเครื่องมือท่ีหลากหลายเพ่อื การถ่ายทอด
แลกเปลีย่ นความคิด ความรูส้ กึ และทัศนะของตนเอง

ความสามารถในการคิด
- การคิดวิเคราะห์ คิดสงั เคราะห์ คิดอย่างสรา้ งสรรค์ คิดอย่างมวี ิจารณญาณ
และคดิ เป็นระบบ
- การวางแผนในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ
- การสร้างองค์ความรู้ หรือสารสนเทศเพื่อการตดั สนิ ใจเกย่ี วกับตนเองและสังคม

ความสามารถในการแกป้ ญั หา
- การเขา้ ใจความสัมพนั ธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสงั คม
- การแสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใช้ในการป้องกนั และแก้ไขปัญหาได้
- การใช้เหตผุ ล คุณธรรม และข้อมูลสารสนเทศ ประกอบการตดั สินใจ

20

ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
- การติดตอ่ ส่อื สารและสร้างความสมั พันธ์กับบุคคลอ่ืนในเชิงบวกและทางาน
- ความรับผิดชอบในหนา้ ทใี่ นฐานะเป็นสมาชกิ ในสงั คม
- การปรบั ตัวให้ทันกบั ความเปล่ยี นแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ ม
- ความสามารถในการเผชญิ หน้ากับสถานการณ์ท่ีเปน็ ปญั หา
- การหลกี เลี่ยงพฤตกิ รรมทไี่ ม่พงึ ประสงค์

ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การใช้เทคโนโลยใี นการศึกษาค้นควา้ เพื่อการพฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรยี นรู้
- การส่อื สาร การทางาน การแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์
- การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ในการสรา้ งสรรคช์ ิ้นงาน
- การอา้ งองิ แหลง่ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสบื ค้นทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
- การวิเคราะห์ และเลือกใชส้ ือ่ ไดเ้ หมาะสมกบั วัย

8. การบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน อยู่ในกรอบที่ 3 กรอบการสร้างจิตสานึก กิจกรรมที่ 7 กิจกรรมสร้าง

จิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร ของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จ
พระเทพรัตนราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารี (อพ.สธ.) โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ คือ “เพื่อสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์
พันธุกรรมพืชและทรัพยากร” การดาเนินงานด้านการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ พืชศึกษา
และ 3 สาระการเรียนรู้

8.1 5 องค์ประกอบ
การดาเนินงานตาม 5 องคป์ ระกอบ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
1. การจดั ทาป้ายชอื่ พรรณไม้
2. การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรยี น
3 การศึกษาข้อมลู ด้านต่างๆ
4 การรายงานผลการเรยี นรู้
5 การนาไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา

21

8.2 พชื ศึกษา : งาขี้ม้อน
8.2.1 ศึกษาลักษณะภายนอก
1. ราก
2. ลาตน้
3 ใบ
4. ดอก
5. ผล
6 เมลด็
8.2.2 การศกึ ษาลักษณะภายใน
1.การจัดเรยี งตวั ของท่อลาเลียงนา้ ของราก
2.การจดั เรียงตัวของท่อลาเลยี งอาหารของราก
3. การจดั เรียงตวั ของเซลล์ภายในใบ

8.3 3 สาระการเรยี นรู้ (ธรรมชาตแิ หง่ ชวี ติ สรรพส่งิ ลว้ นพันเก่ียว ประโยชนแ์ ทแ้ กม่ หาชน)
3 สำระกำรเรยี นรู้ของพืชศกึ ษำ
1. ธรรมชาตแิ หง่ ชวี ติ
2. สรรพส่ิงล้วนพนั เกยี่ ว
3 ประโยชน์แท้แก่มหาชน

9. ชิน้ งานหรือภาระงาน
9.1
9.2

10. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ช้นิ งานหรือภาระงาน

ประเด็นการ ความสามารถและทกั ษะ วิธกี ารวัดและประเมินผล เกณฑ์การประเมิน
ประเมนิ ผล (จดุ เน้น) วิธีการประเมิน เครอื่ งมอื

11. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้ันนา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ขน้ั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

ขน้ั สรุป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12. สื่อการเรยี นรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ 22
12.1 สื่อการเรียนรู้
1. ควรปรับปรงุ
2. (1 คะแนน)
12.2 แหลง่ เรยี นรู้
1.สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น โรงเรียนบญุ วาทย์วทิ ยาลัย

13. เกณฑ์การประเมนิ ความร/ู้ ทักษะกระบวนการ/คุณลักษณะอันพึงประสงค์

คำอธบิ ำยคุณภำพ (Rubric)

รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้
ความรู้ (K) ( 4คะแนน)
(3 คะแนน) (2คะแนน)

ทกั ษะ /กระบวนการ(P)

คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์
(A)

แบบประเมินกำรอ่ำน คิดวิเครำะห์ และเขยี น 23

ทักษะ การอ่าน การคดิ วิเคราะห์ การเขียน
คะแนน
แสดงความรูข้ องเร่อื งที่อา่ น จบั วิเคราะห์ วิพากษ์ ให้ขอ้ เสนอแนะ เขียนได้ถูกต้อง แสดงความ
4 ประเด็นสาคญั ลาดับเหตุการณ์ ในแงม่ ุมต่าง ๆ ของเรอื่ งที่อา่ นได้ คิดเห็น โตแ้ ย้ง อธิบาย
จากเรอ่ื งทอ่ี ่านไดช้ ดั เจนสมบูรณ์ ชดั เจนสมบรู ณ์ สนบั สนุน เพยี งพอและ
3 สมเหตสุ มผล
แสดงความร้ขู องเรอ่ื งทอ่ี า่ น จบั วิเคราะห์ วิพากษ์ ให้ข้อเสนอแนะ
2 ประเด็นสาคญั ลาดับเหตกุ ารณ์ ในแง่มุมต่าง ๆ ของเรอ่ื งท่ีอ่านไม่ เขียนได้ถูกตอ้ ง แสดงความ
จากเรอ่ื งทอี า่ นไม่ชดั เจนสมบูรณ์ ชัดเจน ไมส่ มบรู ณเ์ ล็กน้อย คดิ เห็น โตแ้ ยง้ อธิบาย
1 เลก็ นอ้ ย สนับสนนุ ไมเ่ พยี งพอและไม่
แสดงความรขู้ องเรือ่ งทอี่ ่าน จับ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ ใหข้ อ้ เสนอแนะ สมเหตสุ มผลเล็กน้อย
ประเด็นสาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์ ในแง่มมุ ต่าง ๆ ของเรอ่ื งที่อา่ นไม่
จากเรอื่ งท่อี ่านไม่ชัดเจน ไม่ ชดั เจน ไมส่ มบรู ณ์ เขยี นไดถ้ ูกต้อง แสดงความ
สมบรู ณ์ แตม่ ีแนวโนม้ ทีด่ ี แต่มแี นวโนม้ ท่ีดี คดิ เหน็ โตแ้ ย้ง อธิบาย
สนบั สนนุ ไมเ่ พยี งพอและ
แสดงความรู้ของเรอ่ื งทอ่ี า่ น จับ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ ใหข้ ้อเสนอแนะ และไม่สมเหตุสมผล แต่มี
ประเดน็ สาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์ ในแง่มมุ ตา่ ง ๆ ของเร่อื งท่ีอา่ นไม่ แนวโน้มท่ีดี
จากเรื่องท่อี า่ น ไม่ชดั เจน และ ชดั เจนและไมส่ มบรู ณ์
ไมส่ มบูรณ์ เขยี นไดถ้ กู ตอ้ ง แสดงความ
คิดเหน็ โต้แยง้ อธบิ าย
สนับสนุน ไมเ่ พียงพอและ
และไม่สมเหตสุ มผล

24

แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร)

ตวั ช้วี ดั 1.การใชภ้ าษาถา่ ยทอดความรู้ 2.พูดเจรจาตอ่ รอง 3.การรับหรอื ไมร่ บั 4.การเลอื กใชว้ ิธีการ
คะแนน ข้อมลู ข่าวสาร สอ่ื สาร

3 พดู ถ่ายทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรจา โนม้ น้าวต่อรอง รับข้อมลู ขา่ วสาร โดย เลือกวธิ กี ารส่อื สารท่ี
ดีเยี่ยม จากสารทีอ่ า่ น ฟัง หรือ ดู ดว้ ย เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเอง ใชว้ จิ ารณญาณ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
ภาษาของตนเอง พรอ้ ม และสังคมโดยใชภ้ าษาหรอื ไตรต่ รองถึงความ ของขอ้ มูลขา่ วสาร
2 ยกตวั อย่างประกอบสอดคลอ้ ง ถ้อยคาทสี่ ภุ าพถกู ต้อง ทาให้ น่าเชอื่ ถอื โดยคาถงึ โดยคานงึ ถึงคณุ ภาพ
ดี กบั เรื่องทถ่ี า่ ยทอด ผ้อู น่ื คล้อยตามหรอื ปฏบิ ตั ิ ประโยชนต์ ่อตนเอง และความสาเรจ็ ของ
ตามไดท้ กุ สถานการณ์ และสงั คม และ การสอ่ื สารท่มี ตี ่อ
1 สามารถแนะนา ตนเอง สงั คม และ
ผา่ นเกณฑ์ แหลง่ ข้อมลู ข่าวสารแก่ ประเทศชาติ
ผูอ้ ื่นได้
0
ปรับปรงุ พดู ถา่ ยทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรา โนม้ นา้ วตอ่ รอง รับขอ้ มูลข่าวสาร โดย เลอื กวธิ ีการสอ่ื สารท่ี
จากสารท่ีอ่าน ฟัง หรือ ดู ดว้ ย เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ใช้วิจารณญาณ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
ภาษาของตนเอง พรอ้ ม และสงั คมโดยใชภ้ าษาหรือ ไตรต่ รองถึงความ ของขอ้ มูลขา่ วสาร
ยกตัวอยา่ งประกอบแตไ่ ม่ ถอ้ ยคาทีส่ ภุ าพถูกต้อง ทาให้ ถกู ตอ้ งและนา่ เชือ่ ถือ โดยคานงึ ความสาเร็จ
สอดคล้องกบั เรือ่ งทถี่ า่ ยทอด ผอู้ ืน่ คล้อยตามหรือปฏิบตั ิ และประโยชน์ต่อ ของการสื่อสารทมี่ ตี ่อ
ตามไดบ้ างสถานการณ์ ตนเองและสังคม ตนเอง สงั คม
ประเทศชาติ

พดู ถ่ายทอดความ ความเขา้ ใจ พดู เจรา โนม้ นา้ วต่อรอง รบั ขอ้ มลู ข่าวสาร โดย เลอื กวิธีการส่อื สารท่ี
จากสารทอ่ี า่ น ฟัง หรอื ดู ด้วย เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเอง ใชว้ ิจารณญาณ เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
ภาษาของตนเอง โดยใชภ้ าษาหรือถ้อยคาทีท่ า ไตร่ตรองถึงความ ของข้อมลู ขา่ วสาร
ให้ผอู้ ืน่ คล้อยตามหรอื ปฏบิ ตั ิ ถูกต้องและน่าเชอื่ ถอื
ตาม

พดู ถา่ ยทอดความ ความเขา้ ใจ พูดเจรา โนม้ นา้ วต่อรอง รบั ข้อมลู ขา่ วสาร โดย ไมส่ ามารถเลือกใช้
จากสารท่อี ่าน ฟัง หรือ ดู ตาม เพ่ือใหผ้ ู้อ่ืนคล้อยตาม ไมใ่ ชว้ ิจารณญาณ วธิ ีการสือ่ สารให้
แบบ หรือปฏิบตั ิตามไม่ได้ หรือพดู ไตร่ตรองความถกู ตอ้ ง เหมาะสมกบั ลกั ษณะ
เจรจาตอ่ รองดว้ ยภาษาทีไ่ ม่ และน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มูลขา่ วสาร
สุภาพ

25

แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ
ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในชอ่ งทีต่ รง
คาชแี้ จง :

กับระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ เกณฑก์ ารให้คะแนน ระดบั คะแนน 0
อันพงึ ประสงคด์ ้าน 321 0
0
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ พฤติกรรมบ่งชต้ี าม ขอ้ 1.1 – 1.4 0

1.1 เป็นพลเมืองดีของชาติ ดเี ยีย่ ม (3)
1.2 ธารงไวซ้ ึง่ ความเป็นชาติไทย เข้ารว่ มกิจกรรมหน้าเสาธงรอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป
1.3 ศรทั ธา ยึดม่ัน และปฏิบัติ ดี (2)
ตนตามหลกั ของศาสนา
1.4 เคารพเทิดทูนสถาบัน เข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงร้อยละ 60 -- 79
พระมหากษัตริย์ ผา่ น (1)
เข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงรอ้ ยละ 50 - 59

ไมผ่ ่าน (0)
ไม่เข้ารว่ มกิจกรรมหนา้ เสาธง หรอื เข้าร่วมกิจกรรมต่ากว่ารอ้ ยละ 50

2. ซือ่ สัตย์ สจุ ริต พฤตกิ รรมบง่ ชี้ตามขอ้ 2.1 – 2.2 321

2.1 ประพฤติตรงตามความเปน็ ดีเยยี่ ม (3)
จริงตอ่ ตนเองท้ังทางกาย วาจา ใหข้ ้อมูลทีถ่ ูกตอ้ งและเปน็ จริงไมน่ าสงิ่ ของและผลงานของผ้อู ่นื มาเปน็ ของตนเอง ปฏิบัติตนตอ่ ผู้อ่ืน
ใจ ด้วยความซอ่ื ตรง เปน็ แบบอย่างทีด่ ีดา้ นความซ่ือสัตย์
2.2 ประพฤติตรงตามความเป็น ดี (2)
จรงิ ตอ่ ผูอ้ ่นื ทัง้ ทางกาย วาจา ใจ
ใหข้ ้อมูลท่ีถูกตอ้ งและเปน็ จริง ไม่นาสิ่งของและผลงานของผอู้ น่ื มาเปน็ ของตนเอง ปฏิบัติตนต่อ

ผู้อืน่ ดว้ ยความซือ่ ตรง
ผ่าน (1)
ใหข้ ้อมูลท่ีถกู ตอ้ งและเป็นจรงิ ไมน่ าส่งิ ของและผลงานของผู้อน่ื มาเป็นของตนเอง

ไม่ผ่าน (0)
ไมใ่ ห้ขอ้ มูลทถี่ ูกต้องและเปน็ จรงิ มีพฤติกรรมนาสง่ิ ของและผลงานของผู้อ่นื มาเปน็ ของตนเอง

3. มีวินัย พฤตกิ รรมบ่งชตี้ ามขอ้ 3.1 321

3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง ดเี ย่ยี ม (3)
กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของ ปฏิบตั ิตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของโรงเรยี น และ ไม่ละเมดิ สทิ ธิของผอู้ นื่ ตรง
ครอบครวั โรงเรียน และสงั คม ต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและรับผิดชอบในการทางาน
ดี (2)

ปฏบิ ัติตนตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและ
รบั ผดิ ชอบในการทางาน

ผา่ น (1)
ปฏบิ ตั ติ นตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของโรงเรียน ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติ
กิจกรรม

ไมผ่ ่าน (0)
ไมป่ ฏบิ ัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของโรงเรียน และไม่ตรงต่อเวลาในการ
ปฏบิ ัติกิจกรรม

4. ใฝเ่ รียนรู้ พฤตกิ รรมบง่ ชี้ตามขอ้ 4.1-4.2 321

4.1 ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการ ดีเยีย่ ม (3)
เรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการ เขา้ เรยี นตรงเวลา ต้ังใจเรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น และมสี ่วนร่วมในการเรยี นรู้ และเขา้ ร่วม
เรยี นรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้ตา่ งๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรียนเป็นประจา
4.2 แสวงหาความรู้จากแหลง่ ดี (2)
เรยี นรูต้ ่างๆ ทง้ั ภายในและ เขา้ เรียนตรงเวลา ต้ังใจเรียน เอาใจใสใ่ นการเรยี น และมสี ่วนรว่ มในการเรียนรู้ และเขา้ ร่วม
ภายนอกโรงเรยี น ด้วยการ กิจกรรมการเรียนรู้ตา่ งๆ บ่อยคร้งั
เลอื กใช้สอื่ อย่างเหมาะสม ผา่ น (1)
บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ เขา้ เรยี นตรงเวลา ตั้งใจเรยี น เอาใจใสใ่ นการเรียน และมีสว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ และเข้าร่วม
องค์ความรู้ แลกเปล่ยี นเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้ต่างๆ เปน็ บางคร้งั
และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ไม่ผ่าน (0)
ไมต่ ้ังใจเรียนไมศ่ ึกษาค้นควา้ หาความรู้

26

5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง พฤตกิ รรมบง่ ชี้ตามขอ้ 5.1-5.2 3210

5.1 ดาเนนิ ชวี ติ อย่าง ดเี ยี่ยม (3)

พอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ ใช้ทรพั ย์สินของตนเองและทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ เกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี ไม่
มีคุณธรรม
เอาเปรียบผู้อืน่ และไมท่ าใหผ้ อู้ ่ืนเดอื ดร้อนใชค้ วามรขู้ อ้ มูลขา่ วสารในการ วางแผนการเรยี น การ
5.2 มีภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ทด่ี ี ปรับตวั ทางาน และใช้ในชีวติ ประจาวนั
เพ่อื อยใู่ นสังคมได้อย่างมี
ดี (2)
ความสขุ
ใชท้ รัพยส์ ินของตนเองและทรพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ ค่า เกบ็ รกั ษาดูแลอย่างดี ไม่

เอาเปรยี บผอู้ ืน่ ใชค้ วามรู้ข้อมูลข่าวสารในการ วางแผนการเรียน และการทางาน

ผ่าน (1)

ใช้ทรัพยส์ ินของตนเองและทรัพยากรของสว่ นรวมอยา่ งประหยดั ค้มุ คา่ เกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี

ไม่ผา่ น (0)

ใชเ้ งินและของใชส้ ่วนตัวและสว่ นรวมอยา่ งไม่ประหยดั ไม่มีการวางแผนการเรยี นและการใช้

ชีวติ ประจาวนั

6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน พฤตกิ รรมบ่งช้ตี ามขอ้ 6.1- 6.2 3210

6.1 ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการ ดเี ยีย่ ม (3)
ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ที ่ีไดร้ บั มอบหมายให้สาเรจ็ มีการปรับปรุงและพัฒนาการ
ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีการงาน
ทางานใหด้ ีขนึ้ ภายในเวลาที่กาหนด
6.2 ทางานด้วยความเพยี ร
พยายาม และอดทนเพอื่ ใหง้ าน ดี (2)
ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัติหนา้ ทท่ี ่ีไดร้ บั มอบหมายให้สาเร็จ มีการปรบั ปรุงและพัฒนาการ
สาเร็จตามเปา้ หมาย
ทางานให้ดีขึน้

ผ่าน (1)

ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายใหส้ าเร็จ

ไม่ผ่าน (0)

ไมต่ ้ังใจปฏิบตั ิหน้าทก่ี ารงาน

7. รกั ความเป็นไทย พฤตกิ รรมบง่ ชีต้ ามขอ้ 7.1-7.3 3210

7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนยี ม ดเี ย่ยี ม (3)
ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย มีสมั มาคารวะ ต่อครอู าจารย์ ปฏิบตั ิตนเป็น ผ้มู มี ารยาทแบบไทย
และมคี วามกตัญญกู ตเวที
ใชภ้ าษาไทย เลขไทยในการสื่อสารได้ถกู ตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ภูมปิ ญั ญาไทยและมี
7.2 เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทย สว่ นร่วมในการสบื ทอดภูมิปญั ญาไทย
ในการสอ่ื สารได้อย่างถกู ต้อง ดี (2)
เหมาะสม
มีสัมมาคารวะต่อครอู าจารย์ ปฏิบัติตนเปน็ ผู้มมี ารยาทแบบไทยใชภ้ าษาไทย เลขไทยในการ
7.3 อนรุ ักษแ์ ละสืบทอดภูมิ
สื่อสารไดถ้ ูกต้องเข้าร่วมกิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ภูมปิ ญั ญาไทย
ปัญญาไทย
ผา่ น (1)

มีสัมมาคารวะต่อครูอาจารย์ ใช้ภาษาไทย เลขไทยในการสอื่ สารได้ถูกตอ้ ง

ไมผ่ า่ น

(0) ไม่มสี มั มาคารวะต่อครูอาจารย์

8. มจี ติ สาธารณะ พฤตกิ รรมบง่ ช้ตี ามขอ้ 8.1-8.2 3210

8.1 ชว่ ยเหลือผู้อ่นื ดว้ ยความเต็ม ดีเยี่ยม (3)
เขา้ รว่ มกิจกรรมการดแู ลรกั ษาเขตพ้ืนทท่ี ตี่ นรบั ผดิ ชอบ ร้อยละ 80 ข้ึนไป
ใจและพึงพอใจโดยไม่หวงั
ผลตอบแทน ดี (2)
8.2 เข้าร่วมกจิ กรรมทเ่ี ป็น เข้ารว่ มกิจกรรมการดูแลรักษา เขตพน้ื ท่ที ่ตี นรบั ผดิ ชอบ ร้อยละ 60 – 79
ผ่าน (1)
ประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ชุมชน เข้ารว่ มกิจกรรมการดแู ลรกั ษาเขตพื้นท่ีที่ตนรบั ผดิ ชอบ ร้อยละ 50 - 59
และสังคม ไมผ่ า่ น (0)

เข้ารว่ มกิจกรรม การดูแลรักษาเขตพ้ืนท่ี ท่ตี นรับผิดชอบ ตา่ กว่า

ร้อยละ 50

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน
............./.................../................

27

บนั ทกึ หลังการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

1.ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1.1 การประเมินดา้ นความรู้ ( Knowledge) พบวา่
นักเรยี นผ่านเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ…………………………………….……….
นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เป็นร้อยละ ……………………….……………..…….
1.2 การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ ( Process) พบวา่
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ ……………………….………….……….
นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………………………………..…….
1.3 การประเมินด้านคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ( Attribute) พบว่า
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ ………………………..……….……….
นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑป์ ระเมินจานวน .......... คน คิดเป็นร้อยละ …………………………….……..…….
1.4 การประเมินด้านการ อ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น พบว่า
-การอ่าน
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเป็นร้อยละ ……………………….……….……….
นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ …………………………………..…….
-การคดิ วเิ คราะห์
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คดิ เป็นรอ้ ยละ …………………….………….……….
นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คิดเป็นรอ้ ยละ …………………..……………..…….
-การเขยี น
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………………………….……….
นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ……………………….………..…….
1.5 การประเมนิ ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน พบวา่
- ความสามารถในการสื่อสาร
นักเรยี นผ่านเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คดิ เปน็ ร้อยละ …………………………..….……….
นกั เรยี นไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเปน็ ร้อยละ ………………………….……..…….
- ความสามารถในการคิด
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเปน็ ร้อยละ ……………….……………….…….
นักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ………………………………..…….
- ความสามารถในการแก้ปญั หา
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ประเมิน จานวน ............. คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ……………………………..……….
นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเปน็ ร้อยละ ………………………………..…….
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ …………………………….……….
นักเรยี นไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ จานวน .......... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ……………………………....…….

28

- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ ……………….………………………..
นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คดิ เป็นร้อยละ …………………………………..…….
1.6 การประเมนิ บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน พบวา่
นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ประเมนิ จานวน ............. คน คดิ เปน็ ร้อยละ ……………………………….……….
นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ประเมินจานวน .......... คน คิดเป็นรอ้ ยละ …………………………..……..…….
2. ปญั หาทพี่ บ
2.1 มาตรฐาน/ตวั ชี้วัดทก่ี าหนด

2.1.1นักเรียนไมผ่ ่านเกณฑป์ ระเมนิ ดา้ นความรู้ ( Knowledge) เปน็ เพราะ
.............................................................................................................................................................

2.1.2 นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินด้านทักษะกระบวนการ ( Process) เป็นเพราะ
.............................................................................................................................................................

2.1.3 นักเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์ประเมินดา้ นการ อ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น เป็นเพราะ
.............................................................................................................................................................

2.1.4 นกั เรยี นไม่ผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน เปน็ เพราะ
....................................................................................... .....................................................................
2.2 การบูรณาการ
-นักเรยี นไม่ผา่ นผลการประเมินลาดบั การเรียนรู้พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เป็นเพราะ
............................................................................................. ...........................................................................
-นักเรยี นไม่ผ่านผลการประเมินคณุ ลกั ษณะสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เป็นเพราะ
........................................................................................................... .............................................................
3.ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข
3.1 มาตรฐาน/ตัวชี้วัดท่กี าหนด
-นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมินดา้ นความรู้ ( Knowledge)
...................................................................................................................................................................
-นกั เรียนไม่ผา่ นเกณฑป์ ระเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ ( Process)
......................................................................................................... ..........................................................
-นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑป์ ระเมินด้านการ อ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน
............................................................................................................................. .....................................
-นักเรยี นไม่ผ่านเกณฑป์ ระเมินดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
............................................................................................................................. ....................................
3.2 การบรู ณาการ

-นกั เรยี นไมผ่ า่ นผลการประเมนิ ลาดบั การเรยี นรู้พฤกษศาสตรโ์ รงเรียน เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ...........................................

-นักเรียนไมผ่ า่ นผลการประเมินคุณลกั ษณะสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน เปน็ เพราะ
............................................................................................................................. ...........................................

29

ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ ตอ่ แผนการจดั การเรยี นรแู้ ละผลการจดั
กจิ กรรมการเรยี นรู้

แผนการจัดการเรียนรู้
O เป็นแผนการสอนฯทม่ี ีองคป์ ระกอบของแผนครบถว้ น นาไปใชจ้ ัดการเรียนการสอนเพ่อื พฒั นา
คุณภาพนักเรยี นต่อไปได้
O เปน็ แผนการสอนฯที่มงุ่ เนน้ มาตรฐานการคิด วิเคราะห์และเขียน มีกิจกรรมทีเ่ น้นใหน้ กั เรียนใช้
ทกั ษะการคิด วเิ คราะห์และเขยี น
O เป็นแผนการสอนทีม่ ีกิจกรรมสอดคล้องกบั ภาระงานและการวัดประเมินผล ส่งเสริมการเรยี นรู้
ของผ้เู รยี นตามตัวช้วี ัด /ผลการเรียนรู้ นาไปส่กู ารวจิ ัยในช้นั เรียน
O เปน็ แผนการสอนท่ีมงุ่ เน้นใหน้ ักเรียนได้ใช้ทักษะกระบวนการเรียนรู้ จากการปฏิบตั ิจรงิ
O เป็นแผนการสอนทีใ่ หน้ ักเรียนมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรียนการสอน และการวดั ประเมนิ ผล
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
......................................................................................................................................... .....................................
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่
( ............................................. )

หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

30

การประกนั คุณภาพการจดั การเรียนรู้

สรปุ ผล กำรจัดกำรเรียนรู้ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ...... เรอ่ื ง .....................................................................

รำยวชิ ำ ............................................ กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ สงั คมศึกษำฯ

ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่.ี .......... ภำคเรียนท่ี ............ ปกี ำรศกึ ษำ .................... เวลำเรยี น ............ชั่วโมง

*******************************

ด้ำนผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน

รำยบคุ คล ผู้เรียนมผี ลการเรยี นรู้ อย่ใู นระดบั คุณภาพ พอใช้ข้นึ ไปถือวำ่ ผ่ำน

รำยกลุ่ม ร้อยละ ๘๐ ของจานวนผเู้ รียน มีผลการเรียนรรู้ ะดบั ดขี ้ึนไปถือวำ่ กำรจัดกำรเรยี นรูป้ ระสบผลสำเรจ็

เกณฑ์ระดบั คณุ ภำพรำยผลกำรเรียนรู้

คุณภำพ ระดับคณุ ภำพ ช่วงคะแนน
9-10
ดีมาก 4 7-8
6-5
ดี 3
ตากวา่ 5
พอใช้ 2
ผ่ำน/ไม่ผำ่ น กำรประกัน
ปรบั ปรุง 1

ตารางสรปุ ผลการประเมิน

ระดบั คุณภำพ จำนวนนกั เรียน คดิ เป็นร้อยละ

ดีมาก 4

ดี 3

พอใช้ 2

ปรบั ปรุง 1

สรุปผลการประกันการจดั การเรียนรู้
รายบุคคล ผเู้ รยี นมีผลการเรยี นรู้ ในระดบั คุณภาพ พอใช้ขน้ึ ไป มาก/นอ้ ยกวา่ เกณฑ์ ......... คน
รายกลุ่ม ผูเ้ รยี นมผี ลการเรียนรู้ ในระดบั คณุ ภาพ ดขี ึ้นไป มาก/น้อยกว่าเกณฑ์ ร้อยละ ..........
แนวทางการพัฒนา นักเรยี นทยี่ งั ไมผ่ ่านการประเมินและการประกนั
แนวทางแกป้ ัญหา ปกติ วจิ ัยในชน้ั เรยี น สอนซ่อมเสริม อื่น ๆ ....................

ผลการพัฒนา............................................................................................................................. .....................
............................................................................................................................................................................

ข้อสังเกต / ขอ้ คน้ พบ
............................................................................................................................. .................................................

ลงชอื่ ..........................................
(...........................................)

31

ภาคผนวก

ภาคผนวก 1

1.ใบความรู้ 5 องคป์ ระกอบ
2.ใบความรู้ 3 สาระ

ภาคผนวก 2

1.พื้นท่ศี ึกษา
2.พชื ศกึ ษา “งาขมี้ อ้ น”
3.พรรณไม้ในพื้นทศ่ี กึ ษา

ภาคผนวก 3

ใบงาน 5 องคป์ ระกอบ

(1)

องค์ประกอบที่ 1 การจัดทาป้ายชอ่ื พรรณไม้

หลกั การ รู้ช่อื รู้ลักษณ์ ร้จู ัก
สาระสาคัญ

การจัดทาป้ายช่ือพรรณไม้โดยการเรยี นรู้การกาหนดพืน้ ที่ศกึ ษา สารวจและจัดทาผงั พรรณไม้ แล้ว
ศกึ ษา พรรณไม้ ทาตัวอย่างพรรณไม้ นาข้อมลู มาทาทะเบยี นพรรณไม้ ทาและตดิ แสดงป้ายชื่อพรรณไม้
สมบรู ณ์ นาไปสู่การรู้ชือ่ รู้ลักษณะต่าง ๆ รวมถึงรู้จักการใช้ประโยชน์ของพชื
ลาดับการเรียนรู้

1. กาหนดพนื้ ที่ศึกษา
2. สารวจพรรณไมใ้ นพื้นท่ีศกึ ษา
3. ทาและตดิ ปา้ ยรหสั ประจาตน้
4. ตัง้ ชือ่ หรือสอบถามชื่อ และศึกษาข้อมลู พนื้ บ้าน (ก.7-003 หนา้ ปก - 1)
5. ทาผังแสดงตาแหน่งพรรณไม้
6. ศึกษาและบันทึกลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ (ก.7-003 หน้า 2-7)
7. บันทกึ ภาพหรอื วาดภาพทางพฤกษศาสตร์
8. ทาตัวอย่างพรรณไม้ (ตัวอย่างพรรณไมแ้ ห้ง ตวั อย่างพรรณไม้ดอง ตวั อย่างพรรณไม้ เฉพาะส่วน)
9. เปรียบเทยี บขอ้ มลู ทสี่ รุป (ก.7-003 หนา้ 8) กบั ข้อมลู ท่ีสบื ค้นจากเอกสาร แล้วบันทึก ใน ก.7-003
10. จัดระบบข้อมลู ทะเบียนพรรณไม้ (ก.7-005)
11. ทารา่ งป้ายช่ือพรรณไม้สมบรู ณ์
12. ตรวจสอบความถูกต้องทางวชิ าการด้านพฤกษศาสตร์
13. ทาป้ายชือ่ พรรณไม้สมบูรณ์

อธิบายลาดับการเรียนรู้
ลาดบั การเรียนรูท้ ี่ 1 กาหนดพืน้ ทศ่ี กึ ษา
วตั ถุประสงค์
1. เพ่ือรู้ขอบเขต ขนาดพื้นท่ีทั้งหมดของโรงเรยี น
2. เพือ่ รู้ลักษณะทางกายภาพในโรงเรียน
3. เพอ่ื รู้การแบ่งพื้นทีเ่ ป็นส่วนย่อยและการจดั การพน้ื ท่ีศกึ ษาในการเขา้ ไปเรยี นรู้ที่เหมาะสม
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรียนรู้พ้นื ทท่ี ง้ั หมดของโรงเรียนตามกรรมสทิ ธแิ์ ละบริเวณรอบ ๆ โรงเรยี นอยู่ใกล้กบั สถานทีต่ ่าง ๆ
และตัง้ อยู่ในทิศทางใดของโรงเรยี น โดยระบขุ นาดพื้นทีท่ ั้งหมดของโรงเรียนได้ และจดั ทาเป็นผงั พนื้ ทีท่ ั้งหมด
ของโรงเรียน

(2)

2. เรยี นรู้ถงึ ขอบเขตบรเิ วณของโรงเรียนและเรียนรู้ลักษณะทางกายภาพองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น
ตาแหน่งอาคาร สง่ิ ปลูกสร้าง บรเิ วณพ้ืนท่สี ภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในโรงเรียน และจดั ทาผงั บรเิ วณ

3. เรยี นรู้ถึงการกาหนดและแบ่งขอบเขตพืน้ ท่ภี ายในโรงเรียนเป็นพ้ืนทีย่ ่อย ๆ ตามขอ้ พิจารณาในการ
แบง่ พ้นื ท่ีศึกษา จัดทาผังกาหนดขอบเขตพื้นท่ี โดยพจิ ารณาดังน้ี

3.1 แบง่ ตามลกั ษณะทางภูมิศาสตร์
3.2 แบง่ ตามการใช้ประโยชนข์ องพ้นื ท่ี
3.3 แบง่ ตามขนาดของพื้นท่ีให้เหมาะสมกบั การเรียนรู้
โดยระบขุ นาดพนื้ ทีศ่ ึกษาย่อยในแต่ละพื้นที่ได้ และขนาดพื้นท่ีเมอ่ื รวมกันแล้วเทา่ กับพน้ื ที่ท้ังหมด
ของโรงเรยี น

(3)

ลาดบั การเรยี นรทู้ ่ี 2 สารวจพรรณไม้ในพืน้ ท่ีศึกษา
วัตถปุ ระสงค์

1. เพื่อรู้ชนิด จานวนต้นในแต่ละชนิด และจาแนกลกั ษณะวิสยั ที่สารวจในพนื้ ท่ีศึกษา
กระบวนการเรียนรู้

1. การสารวจพรรณไม้
1.1 เลอื กพ้นื ท่ีศึกษาในการสารวจพรรณไม้
1.2 เรยี นรู้รูปแบบการสารวจ (ควรเลือกพืชท่มี ีส่วนประกอบครบสมบูรณ์มากที่สุด)
1.3 สารวจพรรณไม้ในพน้ื ที่ศึกษา
1.4 สรปุ จานวนชนิดและจานวนต้นท่พี บ

2. การจาแนกชนิดตามลักษณะวิสัย
2.1 เรยี นรู้ลกั ษณะวสิ ยั พืช
2.2 จาแนกลกั ษณะวสิ ยั พชื ที่สารวจ
2.3 สรุปจานวนลักษณะวสิ ยั ทพี่ บ

(4)

(5)

ลาดบั การเรยี นรูท้ ่ี 3 ทาและตดิ ป้ายรหสั ประจาตน้
วตั ถุประสงค์

1. เพื่อรู้รูปแบบป้ายรหสั ประจาต้นตามแบบ อพ.สธ.
2. เลอื กวสั ดทุ าป้ายรหัสประจาตน้ ท่เี หมาะสม
3. ตดิ ปา้ ยรหัสประจาต้นให้ถูกตอ้ ง
กระบวนการเรยี นรู้
1. รปู แบบป้ายรหัสประจาต้น

1.1 เรยี นรู้รูปแบบรหสั ประจาตน้ ประกอบไปด้วยตวั เลข 2 ชุด
ชุดที่ 1 เป็นรหสั ลาดบั ชนดิ พรรณไม้ ประกอบไปด้วยตวั เลข 3 หลัก เช่น 001 คือ รหัส
ลาดบั ชนดิ พรรณไม้ชนดิ ท่ี 1
ชุดท่ี 2 เป็นรหัสลาดบั ต้น ประกอบไปดว้ ย ตวั เลข 1 หลกั เปน็ ต้นไป เช่น /2
ระหว่างชดุ ท่ี 1 และ ชดุ ท่ี 2 ให้คนั่ ดว้ ยเครอื่ งหมาย / ยกตวั อยา่ งเช่น 001/2 คือ รหสั
ลาดับชนิดพรรณไม้ชนิดท่ี 1 / รหัสลาดบั ต้น ต้นที่ 2

หมายเหตุ
- ในกรณที ช่ี นิดนัน้ มตี ้นเดยี ว ไม่ต้องใส่เครื่องหมาย / - ในกรณีท่ตี น้ ไมป้ ลูกเป็นแปลงหรอื กอ ให้รหัส

ลาดบั ประจาต้นนบั เปน็ แปลงหรือกอ

(6)
2. วสั ดทุ าป้ายรหัสประจาต้น

2.1. วัสดุท่ี มีความคงทนและหาได้งา่ ยตามท้องถ่นิ เช่น ปา้ ยฯ พลาสตกิ กระป๋องอะลมู เิ นยี ม
แผ่นโลหะ ฯลฯ

2.2 ตัวเลขในป้ายรหสั ประจาต้น ใช้การตอกรหัส หรือเขียนด้วยสีทม่ี ีความคงทน เพ่ือ
ปอ้ งกันการ หลุดลอกของตวั เลข

(7)
3. เรยี นรู้วิธีการตดิ ปา้ ยรหสั ประจาต้น

3.1 วธิ ีที่ 1 แบบผูก เช่น คล้องหรือแขวน กบั กงิ่ หรือลาตน้ ของต้นไมใ้ นตาแหน่งที่
เหมาะสมและ มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซ่ึงวิธนี เี้ หมาะสาหรบั ไมต้ ้น ไม้พุ่ม ฯลฯ

3.2 วธิ ที ่ี 2 แบบปัก ให้ปกั ตรงบริเวณโคนต้น ของต้นไมใ้ นตาแหน่งทเี่ หมาะสมและมองเหน็
ไดอ้ ย่างชัดเจนซึง่ วธิ นี ้ีเหมาะสาหรบั ไมล้ ้มลุกและไม้ตน้ ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถทาการผกู ป้ายรหสั ประจาต้นได้
หมายเหตุ

- ไมค่ วรตดิ รดั จนแน่นเกนิ ไป ควรแขวน หรอื ใช้วสั ดอุ ปุ กรณท์ มี่ คี วามยืดหยุ่นในการติดแบบง่าย ๆ

(8)

ลาดบั การเรยี นรทู้ ี่ 4
ตั้งชื่อหรือสอบถามช่ือ และศึกษาข้อมลู พื้นบ้าน (ก.7-003 หนา้ ปก - 1)
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพ่ือรู้ช่ือพ้ืนเมืองของพรรณไม้
2. เพ่ือรู้ข้อมูลพ้นื บ้านของพรรณไม้
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรียนรู้การตัง้ ชือ่ และสอบถามชอ่ื ของพรรณไม้
1.1 เรยี นรู้การตัง้ ช่อื พืน้ เมือง กรณีท่ีไม้ทราบช่ือพรรณไม่อาจตั้งช่ือตามรปู ลกั ษณ์ คณุ สมบตั ิ
พฤติกรรม หรอื ถ่ินอาศยั ของพืชน้ันๆ ได้แก่
- สี เช่น แคแสด
- รูปร่าง เช่น พลบั พลงึ ตีนเป็ด
- รปู ทรง เช่น ไผ่น้าเตา้
- ผิว เช่น ส้มเกลยี้ ง
- กล่นิ เช่น เครือตดหมูตดหมา (พงั โหม)
- รส เช่น ไผ่จืด
- พฤตกิ รรม เช่น บานเช้า
1.2 เรยี นรู้การสอบถามชือ่ พื้นเมอื ง กรณที ี่ไม่ทราบชื่อพรรณไม่อาจสอบถามชื่อจากผู้รู้ เช่น
ครบู ุคลากรในสถานศึกษา ผู้เช่ียวชาญ ปราชญ์ชาวบ้าน ดังน้ี

1.2.1 เชิญผู้รู้ในทอ้ งถ่ิน มาร่วมสารวจพรรณไม้ในสถานศึกษา
1.2.2 นาข้อมูลไปสอบถามผู้รู้ในทอ้ งถิน่ เช่น ถา่ ยภาพพรรณไม้ ชน้ิ ตัวอย่าง
พรรณไมพ้ ร้อมคาอธิบายลักษณะทางพฤกษศาสตร์
2. เรียนรู้แบบศึกษาพรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน (ก.7-003 หนา้ ปก)
2.1 เรียนรู้ช่ือพนั ธุไ์ ม้ และรหสั พรรณไม้
- ช่อื พันธ์ไุ ม้เขยี นช่ือท้องถิน่ หรือชื่อพนื้ บ้าน ของแตล่ ะภมู ิภาค
- รหัสพรรณไม้ประกอบด้วย ตวั เลข 5 ชุด เช่น 7-10150-009-001/2
2.2 เรยี นรู้การวาดภาพทางพฤกษศาสตร์(ลักษณะวิสยั )
1. วัดความสงู และความกว้างทรงพุ่ม ตามลกั ษณะวิสยั ของพรรณไม้นัน้ เช่น
ไม้ต้น
วัดความสูงจากโคนต้นจนถึงปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วดั ส่วนทก่ี ว้างทสี่ ุดของทรงพุ่ม

(9)

ไม้พมุ่

วัดความสูงจากโคนต้นจนถึงปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วัดส่วนที่กว้างท่ีสุดของทรงพุ่ม ใน
กรณีไม้พุ่มที่ปลูกเป็นแปลง เช่น เข็มแดง ชาฮกเก้ียน ฯลฯ ให้เลือกต้นที่เห็นความกว้างของทรงพุ่มท่ีชัดเจน
ท่สี ดุ แล้ววัดขนาดความกว้างและความสงู ของต้นนัน้

ไม้เล้ือย
- กรณีท่ี 1 ไมเ้ ล้อื ย เลื้อยไปตามสงิ่ ปลูกสร้าง เช่น เสา รั้ว ฯลฯ ให้วัดความสูงจากโคนต้นจนถึงปลาย

ยอด ส่วนความกว้าง ให้วัดส่วนทก่ี ว้างทสี่ ุดของทรงพุ่ม

(10)

- กรณีที่ 2 ไม้เลื้อย เล้ือยไปตามพื้นดิน เช่น ผักบุ้งทะเล มันแกว ฯลฯ วัดความสูงจากโคนต้นจนถึง
ปลายยอด ส่วนความกว้างทรงพุ่ม ให้วดั ส่วนท่กี ว้างท่ีสุดของทรงพุ่ม

2. นาความสูงและความกว้างทรงพุ่มที่วัดได้ของลักษณะวิสัยนั้นๆ มาเทียบกับสัดส่วนของ กรอบ
ภาพวาดทางพฤกษศาสตร์ ในหน้าปก โดยมีมาตราส่วนกากับ (เท่าจริง ย่อ ขยาย) เช่น มาตราส่วน 1 : 10
หมายถงึ มาตราส่วนย่อ ของภาพวาดที่มขี นาด 1 ส่วน เทียบกบั ขนาดจรงิ 10 ส่วน

3. วาดภาพความสงู ของลาตน้ กงิ่ กา้ น และความกว้างทรงพุ่ม พร้อมระบายสี

(11)

3. เรยี นรู้ข้อมูลพืน้ บา้ น (ก.7-003 หนา้ 1)
3.1 เรียนรู้วิธีการสอบถามข้อมูลพรรณไม้ โดยเรียนรู้วิธีการ การแนะนาตัวการสัมภาษณ์

การกล่าวขอบคุณ
3.2 สอบถามชอ่ื พื้นเมอื งและบันทึกข้อมลู การใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของพรรณไม้ ด้าน

อาหาร ยารักษาโรค ก่อสร้างเคร่ืองเรือน เครื่องใช้ ยาฆ่าแมลง ยาปราบศัตรูพืช ความเกี่ยวข้องกับ
ประเพณี วัฒนธรรม หรอื ความเช่ือทางศาสนา อื่น ๆ (เช่น การเป็นพิษ อันตราย) การบันทึกช่ือ อายุ
ที่อยู่ผู้ให้ข้อมูล วนั ท่ี สถานทบ่ี ันทกึ

3.3 สรุปข้อมูลพรรณไม้ท่ีได้จากการสอบถาม หากผู้รู้ไม่ทราบข้อมูลให้ทาเครื่องหมาย
ยตั ิภงั ค์ “ - ”

(12)

ลาดบั การเรียนรทู้ ่ี 5 ทาผังแสดงตาแหนง่ พรรณไม้
วตั ถปุ ระสงค์

1. เพือ่ รู้วิธีการหาและบันทกึ ตาแหน่งพิกัดพรรณไม้
2. เพอ่ื รู้ความกว้างของทรงพุ่มและจัดทาผังพรรณไม้
กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นรู้วิธกี ารหาและบนั ทึกตาแหน่งพิกดั พรรณไม้

1.1 เรยี นรู้การกาหนดจดุ อ้างองิ ในพ้ืนที่ศึกษา หลักการเลอื กจุดอ้างองิ ในหนง่ึ พื้นท่ีศกึ ษา
ควรมีหนึ่ง จุดอ้างอิง และเป็นจุดอ้างอิงที่เคล่ือนย้ายได้ยาก เช่น เสาธง เสาไฟ ฯลฯ (ไม่ควรเลือกต้นไม้เป็น
จุดอา้ งองิ )

1.2 เรียนรู้การกาหนดเส้นอ้างอิง (Base line) ให้เป็นไปตามทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก
ตะวันตก

1.3 เรยี นรู้การกาหนดขอบเขตพน้ื ทศี่ กึ ษา
1.4 เรยี นรู้วิธีการหาตาแหน่งพรรณไมใ้ ห้เหมาะสมในแต่ละระดับช้ันของผู้เรยี น

1.4.1 ระดบั ปฐมวัย เช่น วธิ ีการนับก้าวให้รู้จกั ทศิ ทางของตาแหน่งพรรณไม้
1.4.2 ระดบั ประถมศกึ ษา เช่น วิธีการใช้เข็มทิศหาตาแหน่งพรรณไม้ โดยการวัด
ระยะ มุม องศา
1.4.3 ระดับมัธยมศกึ ษา เช่น วธิ กี ารหาคู่อันดบั
1.4.4 ระดบั อาชีวศึกษา อุดมศึกษา เช่น ระบบ GPS
1.5 การบันทึกข้อมูลตาแหน่งพรรณไมใ้ นรปู แบบตาราง และผังแสดงตาแหน่งพิกัดพรรณไม้

(13)

2. เรยี นรู้การจัดทาผงั พรรณไม้
2.1 เรียนรู้การจดั ทาผงั พรรณไมเ้ ฉพาะพนื้ ท่ี ผังพรรณไมเ้ ฉพาะพื้นท่ี คือ ผงั พรรณไม้ย่อย

ของแตล่ ะพืน้ ที่ศึกษา ซง่ึ ระบตุ าแหน่งพรรณไมแ้ ตล่ ะตน้ โดยมที ิศเหนอื และมาตราส่วนกากับ มีวิธกี าร ดงั น้ี
2.1.1 นาตาแหน่งของพรรณไม้ทอ่ี ยู่ในพ้ืนที่ศึกษา มาวดั ขนาดความกว้างของ

ทรงพุ่ม วัดจาก จุดกึ่งกลางจนถึงปลายสุดทรงพุ่มท่ีย่ืนออกไปของต้นไม้บันทึกลงในตารางการวัดความกว้าง
ทรงพมุ่ พรรณไม้

2.1.2 นาข้อมูลจากตารางบันทึกท่ไี ดม้ าเขยี นเปน็ ผงั พรรณไม้เฉพาะพน้ื ท่ี โดย
แสดงมาตราส่วน เดยี วกนั กับผังแสดงตาแหน่งพิกดั พรรณไม้

(14)

(15)

2.2 เรยี นรู้การจดั ทาผงั พรรณไมร้ วม เปน็ การนาผังพรรณไมย้ ่อยแต่ละเขตพ้นื ท่ศี ึกษาทกุ
พ้นื ท่ที ี่มมี าตราส่วนเท่ากนั มาต่อรวมกนั

(16)

ลาดับการเรยี นร้ทู ี่ 6
ศกึ ษาและบันทกึ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (ก.7-003 หน้า 2-7)

วัตถุประสงค์
1. เพ่ือให้รู้โครงสร้างและลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์
2. เพือ่ ให้รู้การวดั
3. เพอื่ ให้รู้การวาดภาพทางพฤกษศาสตร์

กระบวนการเรยี นรู้
1. เรยี นรู้โครงสร้างและลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (เอกสาร ก.7-003 หนา้ ท่ี 2-7)
1.1 ศกึ ษาลักษณะวิสัย และบันทึกลงในแบบศกึ ษาพรรณไม้
1.2 ศกึ ษาสภาพแวดล้อมและถนิ่ อาศัยของพรรณไม้
1.3 ศึกษาลักษณะภายนอกของลาตน้ ใบ ดอก ผล และเมล็ด แล้วบนั ทกึ ลงในแบบศึกษา

พรรณไม้
1.4 เรียนรู้ลักษณะของลาตน้ ได้แก่ ชนิดของลาตน้ เปลือกลาตน้ สี ลกั ษณะ การมยี าง
1.5 เรยี นรู้ลักษณะของใบ ได้แก่ ชนดิ ของใบ สี ขนาด ลักษณะพิเศษของใบ การเรยี งตวั ของ

ใบบน กงิ่ รปู ร่างแผ่นใบ ปลายใบ โคนใบ ขอบใบ
1.6 เรียนรู้ลกั ษณะของดอก ได้แก่ ชนดิ ของช่อดอก ตาแหน่งที่ออกดอก กลบี เล้ยี ง

(แยกออกจากกัน/เช่ือมติดกัน) จานวน สี กลบี ดอก (แยกออกจากกนั /เช่ือมติดกนั ) จานวน สี เกสรเพศผู้
(จานวน สี ลักษณะ) เกสรเพศเมยี (จานวน สี ลกั ษณะ) ตาแหน่งของรงั ไข่ กล่นิ ของ กลบี ดอก

1.7 เรียนรู้ลกั ษณะของผล ได้แก่ ชนดิ ของผล (ผลเดยี่ ว ผลกลุ่ม ผลรวม) สี รปู ร่าง ลกั ษณะ
พิเศษ ของผล

1.8 เรยี นรู้ลกั ษณะของเมล็ด ได้แก่ จานวนเมลด็ สี รูปร่าง

(17)


Click to View FlipBook Version