1 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 DEVELOPMENT OF ACADEMIC ACHIEVEMENT IN READING COMPREHENSION USING THE 8-STEP LEARNING PROCESS (SQ6R) OF MATHAYOM 2 STUDENTS 1พินิจนันท์ ซุยกระเดื่อง1* และผู้ช่วยศาสตราจารย์ธิดารัตน์ ถาบุตร2 2 Pinitnan Suikraduang1* and Thidarat Thaboot2 1 สาขาภาษาไทย คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2 กลุ่มหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 1 Department Thai, Faculty of Education, Udon Thani Rajabhat University. 2 Curriculum And Instruction, Faculty of Education Udon Thani Rajabhat University. บทคัดย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่ม ตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนกระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) วิชาภาษาไทยเรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยเรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 20 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ที่มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87/87.8 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 คำสำคัญ : การอ่านจับใจความสำคัญ, กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) * ผู้ประสานงาน : พินิจนันท์ ซุยกระเดื่อง ผู้ประสานงาน อีเมล์:[email protected]
2 บทนำ ภาษาไทยถือเป็นเครื่องมือในการใช้สื่อสารทั้งในรูปแบบของวัจนภาษาหรืออวัจนภาษา ทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ของชาติและสมบัติทางวัฒนธรรม อันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้าง บุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล เพื่อให้เกิด ความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจการ การงาน และการดำรงชีวิตร่วมกัน ของคนในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุขและเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ เพิ่มพูน ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ การวิจารณ์และการสร้างสรรค์ให้ทันต่อสังคม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของสังคม รวมไปถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการต่างๆ เทคโนโลยี ตลอดจนการนำไปใช้ ในการพัฒนาตนเอง อาชีพ ให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ดังที่ กอบกาญจน์ วงศ์วิสิทธิ์ (2551 : 87-90) กล่าวถึงความสำคัญของการอ่านว่าเป็นทักษะ การรับสารที่มีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้เกิดขึ้นได้ และนอกจากนั้นการอ่าน ยังมีความสำคัญหลายประการ สรุปได้ว่า ภาษาไทยเป็นทักษะที่จะต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิด ความชำนาญในการใช้ภาษาทั้งในด้านการสื่อสาร การเรียนรู้ การใช้ภาษาที่ถูกต้องอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตจริง เช่น การอ่านต้องวิเคราะห์ประเด็นสำคัญต่างๆ ฉะนั้น การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง อธิบาย ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยของคำ ประโยค ข้อความ สำนวนโวหาร จากเรื่องที่อ่าน เข้าใจ คำแนะนำ คำอธิบายในคู่มือต่างๆ แยกแยะข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริง จับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่าน และนำความรู้ความคิดจากเรื่องที่อ่านไปตัดสินใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต มีมารยาท และมีนิสัย รักการอ่านและเห็นคุณค่าสิ่งที่อ่าน (หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551, 37-40) โดยการอ่านจับใจความสำคัญหรือการอ่านเพื่อนำความรู้ที่ได้มาสรุปความถือเป็นกระบวน การอ่านที่สำคัญในการนำความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ อีกทั้งยังเป็น กระบวนการอ่านที่สามารถทำให้ผู้เรียนต่อยอดด้านการศึกษาในรายวิชาอื่นๆ ทั้งยังนำไปสู่การเสริมสร้าง ความรู้ที่แปลกใหม่ การอ่านจับใจความสำคัญจึงเป็นทักษะที่ผู้เรียนควรมี เพื่อให้เกิดการพัฒนา อย่างต่อเนื่องในด้านการอ่าน ในปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 ทางโรงเรียนสามพร้าววิทยามีการคัดกรองการอ่านการเขียน ม.1-6 ปี พ.ศ.2566 โดยแบ่งผลการคัดกรองเพื่อการพัฒนาเป็น 4 ระดับ คือ ระดับดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรุง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 มีการใช้เครื่องมือคัดกรอง “ความสามารถในการอ่าน
3 และการเขียน” (ฉบับนักเรียน) เพื่อสำรวจและคัดกรองนักเรียนทุกระดับชั้นในทักษะทางภาษาไทย ผลการคัดกรองการอ่านการเขียนม.1-3 ปี 2566 ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีนีกเรียนที่ได้รับ การคัดกรองจำนวน 116 คน ด้านทักษะการอ่าน อยู่ในระดับ ดีมาก 3 คน อยู่ในระดับ ดี 12 คน อยู่ในระดับพอใช้ 74 คน และอยู่ในระดับ ปรับปรุง 116 คน อีกทั้งด้านทักษะการเขียน อยู่ในระดับดีมาก 0 คน อยู่ในระดับ ดี 4 คน อยู่ในระดับ พอใช้ 71 คน และอยู่ในระดับปรับปรุง 41 คน ด้วยปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงเล็งเห็นปัญหาที่นักเรียนต้องได้รับการแก้ไขและได้รับการฝึกฝน ทักษะทางภาษาในทุกด้าน ทั้งด้านการอ่าน การเขียนเพื่อนำไปสู่การฟัง พูดและดู พร้อมทั้งหลักการ ใช้ภาษาไทย และวรรณคดีและวรรณกรรมในการเรียนการสอนภาษาไทย โดยผู้วิจัยได้นำปัญหา การอ่านจับใจความสำคัญที่ถือเรื่องสำคัญสามารถเกิดกระบวนการเรียนรู้ได้ครบทั้ง 5 สาระ ของภาษาไทย โดยนำกระบวนการจัดการเรียนรู้ 8 ขั้นตอนหรือ SQ6R เพื่อให้นักเรียน ได้เกิดการเรียนรู้ผ่านการอ่านที่ละเอียดมีการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ จากความเป็นมาและปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงมีความสนใจและต้องการที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ที่เกิดขึ้นโดยใช้การจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมของชั้นเรียนและการจัดการเรียนการสอน เพื่อกระตุ้นแนวคิดทางด้านการพัฒนาในรายวิชา ภาษาไทยในเรื่องการอ่านจับใจความสำคัญให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวน การเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 2 ห้อง รวม 75 คน ประกอบด้วย ชั้น ม.2/1 และ ม.2/2
4 1.2 กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้อง จำนวนนักเรียน 40 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 2.1 ตัวแปรต้น คือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) วิชาภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ 2.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ 2.2.2 ความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้นำเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1. เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนกระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) วิชาภาษาไทยเรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 แผนการจัดการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ละ 1 ชั่วโมง รวม 5 ชั่วโมง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 2.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยเรื่อง การอ่าน จับใจความสำคัญ ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 20 ข้อ 2.2 แบบประเมินทักษะการอ่านจับใจความเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า 3 ระดับ โดยใช้เกณฑ์การประเมิน (Rubric Score) ประเมินทักษะการอ่านจับใจความที่ใช้วัดในครั้งนี้ 4 ทักษะ จำนวน 1 ฉบับ วิธีดำเนินการวิจัย 1. ศึกษาหลักสูตร วิเคราะห์หลักสูตร กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และสาระการเรียน รู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) เกี่ยวกับการอ่านจับใจความสำคัญ
5 2. ศึกษาวิธีสร้างและเขียนแบบทดสอบประเภทเลือกตอบจากหนังสือการวัดผลการศึกษา ของ สมนึก ภัททิยธนี(2549 : 202-232) 3. ติดต่อประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนเพื่อขอความร่วมมือในการศึกษาและทดลอง ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ 4. เลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 5. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ และประเมินความสอดคล้อง เชิงเนื้อหา (IOC) 6. สร้างและหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์คัดเลือกคุณภาพ มีค่า IOC ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 7. นำไปใช้ในการจัดกรรมการเรียนรู้โดยการชี้แจงกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรม การเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง 8. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนภาษาไทย เพื่อนำคะแนนมาวิเคราะห์เป็นคะแนนก่อนเรียน 9. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้วิจัยและผู้ช่วยนักวิจัยเป็นผู้ออกแบบ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เอง ใช้เวลา 5 ชั่วโมงโดยผู้วิจัยดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญและแผนการจัดการเรียนรู้ ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 5 ชุด/แผน รวม 5 ชั่วโมง โดยระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครูผู้สอนและผู้ช่วยผู้วิจัยจะทำการสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะการอ่านจับใจความของนักเรียนไปด้วย 10. เมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในการทำทดสอบหลังเรียน (Post-test) กับนักเรียน กลุ่มเดิมในแต่ละโรงเรียน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย แบบประเมินทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ ซึ่งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย เป็นเอกสารทั้งสองฉบับ เป็นชุดเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน และแบบประเมินทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ หลังการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ 11. หาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญ E1 /E2 12. นำคะแนนจากการตรวจแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบประเมินทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีทางสถิติเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน
6 13. นำแบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้มาวิเคราะห์ ข้อมูลโดยวิธีทางสถิติ สรุปผล จากการวิจัย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา สรุปผลได้ ดังนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 87/87.8 2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.5 อภิปรายผล ในการวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา ผู้วิจัย สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 80/80 เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ระหว่างทางด้วยการทำแบบฝึกทักษะ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87/87.8 แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของนักเรียนที่เรียน เรื่อง การอ่าน จับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ด้วยการทำแบบฝึกทักษะ มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 นั้น เนื่องมาจากเหตุผล ดังต่อไปนี้ 1.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการ เรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตาม แนวคิดของกระทรวงศึกษาธิการ (2545: 93) ที่ว่าแผนการจัดการเรียนรู้ก็คือแผนการสอน แต่เป็นแผนที่ เน้นให้นักเรียนได้พัฒนาการเรียนของตนเอง ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย มีครูคอยแนะน ำหรือ
7 จัดแนวทางการเรียนรู้แก่นักเรียน แผนการจัดการเรียนรู้ควรจัดกิจกรรมให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจารณ์ข้อมูล และสังเคราะห์เป็นความรู้ของตนเอง ทั้งนี้ยังเป็นแผนที่กำหนดส่วนประกอบของการจัดการเรียนรู้ไว้อย่างครบถ้วน ตามที่ กรมวิชาการ (2545: 158) กำหนด คือ 1) มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 2) สาระสำคัญ 3) จุดประสงค์การเรียนรู้ 4) สาระการเรียนรู้ (เนื้อหา) 5) กิจกรรม/กระบวนการจัดการเรียนรู้ 6) สื่อการสอน/แหล่ง การเรียนรู้ และ 7) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ นอกจากนี้แผนการจัดการ เรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นตามหลักการ และขั้นตอนการสร้างอย่างมีระบบและวิธีการที่เหมาะสม กล่าวคือ ผู้วิจัยศึกษาหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คู่มือครู และเนื้อหา ตลอดจนศึกษากระบวนการเรียนรู้หรือ เทคนิคการสอน 8 ขั้นตอน (SQ6R) อีกทั้งยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำไป ทดลองใช้ จึงส่งผลให้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นได้มีประสิทธิภาพอยู่ที่ 80/80 1.2 การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค SQ6R เป็นการนำเทคนิค SQ6R มาจัดเป็นลำดับขั้นตอน แผนการสอนการอ่านจับใจความสำคัญ โดยผู้อ่านได้ฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ ผู้อ่านจะต้องอ่าน อย่างพินิจพิเคราะห์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจของผู้แต่ง และการเชื่อมโยงความคิด จากสิ่งหนึ่งไปสู่ อีกสิ่งหนึ่ง Williams (2005 : 89-90) ได้เสนอวิธีการสอนอ่านแบบ SQ6R ว่ามีขั้นตอนการสอนอ่าน 8 ขั้นตอน ดังนี้1. ขั้นสำรวจ (Survey) โดยผู้สอนนั้นจะให้ผู้เรียนสำรวจเรื่องราวที่อ่านอย่างคร่าวๆ 2. ขั้นตั้งคำถาม (Question) ในขั้นนี้จะกระตุ้นให้ผู้เรียนนั้น มีความอยากรู้อยากเห็นคำถามนั้นจะช่วย เพิ่มความเข้าใจในการอ่านมากยิ่งขึ้น 3. ขั้นอ่าน (Read) เป็นขั้นตอนของการอ่านบทความหรือข้อความ นั้นๆ ซ้ำอย่างละเอียด 4. ขั้นบันทึก (Record) ในขั้นนี้จะให้ผู้เรียนจดบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากขั้น การอ่านนั้นโดยมุ่งจดบันทึกในส่วนที่สำคัญและจำเป็น 5. ขั้นจดจำหรืออ่านออกเสียง (Recite) เพื่อให้ ผู้เรียนนั้นได้ทำความเข้าใจในคำตอบและเนื้อเรื่อง 6. ขั้นทบทวน (Review) ผู้เรียนจะได้ทบทวนเรื่อง ที่อ่านมาทั้งหมด 7. ขั้นสะท้อน (Reflect) ในขั้นนี้ผู้เรียนจะขยายความในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้โดย พิจารณาว่าคำถาม และ 8. ขั้นสร้างใหม่ (Reshape) ผู้เรียนมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลจากบทอ่าน ที่ได้อ่าน เมื่อนำกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหรือกระบวนการเรียนรู้ (SQ6R) มาใช้ ในการจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหรือ กระบวนการเรียนรู้ (SQ6R) เป็นวิธีการสอนที่ช่วยฝึกทักษะการคิดให้นักเรียน ฝึกให้นักเรียนรู้จักคิด
8 วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้นักเรียนกล้าแสดงความคิดเห็นและมีความกระตือรือร้น ในการเรียน จึงส่งผลให้การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคหรือกระบวนการเรียนรู้ (SQ6R) นั้น เป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 87.8 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 1.3 การอ่านจับใจความสำคัญเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้เป็นวิธีการอ่าน เพื่อเก็บแนวคิดที่ต้องการ ทั้งยังเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้ผู้อ่านประสบความสำเร็จ จากการอ่านในการบรรลุประสงค์ที่ตนเองตั้งไว้ โดยผู้อ่านได้รับรู้ว่าเรื่องราวที่อ่านนั้นกล่าวถึงใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และเป็นทักษะพื้นฐานของการแสวงหาความรู้ โดยผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดของ สุปราณี พัดทอง (2546 : 65) ที่ได้กล่าวถึง การอ่านจับใจความสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้นของการอ่าน หนังสือที่ผู้อ่านจำเป็นต้องมี เพื่อให้รับสารที่ผู้เขียนมุ่งสื่อให้ได้รวดเร็วและถูกต้องตรงประเด็น จากความสำคัญของการอ่านจับใจความสำคัญสรุป ได้ว่า การอ่านจับใจความสำคัญเป็นทักษะเบื้องต้น ของการอ่านหนังสือที่ผู้อ่านจำเป็นต้องมี เพื่อให้เข้าถึงแก่นเรื่อง 1.4 แบบฝึกทักษะ เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริม และพัฒนาทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยถวัลย์ มาศจรัส (2546: 18) นิยามว่า แบบฝึกทักษะ หมายถึง กิจกรรม พัฒนาทักษะเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมมีความหลากหลาย และปริมาณเพียงพอ ที่สามารถตรวจสอบและพัฒนาทักษะกระบวนการคิดกระบวนการเรียนรู้สามารถนาผู้เรียนไปสู่การสรุป ความคิดรวบยอด และหลักการสำคัญของสาระการเรียนรู้ รวมทั้งทำให้ผู้เรียนสามารถตรวจสอบ ความเข้าใจในบทเรียนด้วยตนเองได้ ดังนั้น แบบฝึกทักษะจึงเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่สำคัญ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือวิจัย ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทาให้เกิดประสิทธิภาพ ตามที่กำหนดไว้ 80/80 นั่นเอง 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภาษาไทย ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้หรือเทคนิค 8 ขั้นตอน (SQ6R) พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนเรียน เฉลี่ยเท่ากับ 11.5 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 58.5 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.3 และมีคะแนน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 17.6 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 87.8 โดยมี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.96 แสดงถึงให้เห็นว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและมีคะแนนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไม่น้อยกว่า
9 ร้อยละ 80 ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87/87.8 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ผลการวิจัยครั้งนี้ได้สอดคล้องกับงานวิจัยของ จุฑารัตน์ เกตุปาน และ ธันยาลักษณ์ สังขลักษณ์ (2564 : 85-86) ที่ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความด้วยแบบฝึกทักษะ ร่วมกับ เทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ ด้วยแบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึก ทักษะ ร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า 1) การสร้างและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาทักษะ การอ่านจับใจความ ด้วยแบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.15/86.44 2) ความสามารถในการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R หลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) นักเรียนพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วย แบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, S.D. = 0.68) จากผลการอภิปรายในข้างต้นผู้วิจัยสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่า การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับช่วงวัยของนักเรียน และเป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เป็นระบบ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ แนวคิดของเรื่องที่ได้อ่านอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจแนวคิดอย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยกระบวนการจัดการ เรียนรู้ทุกขั้นตอนช่วยกระตุ้นความสนใจให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ใหม่ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น และได้สรุปความรู้รวบยอดเป็นความคิดและสานวนภาษาของตนเอง เมื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้แล้วพบว่า นักเรียนสามารถอ่านงานเขียนชนิดต่างๆ แล้วรู้จัก การตั้งคำถามที่น่าสนใจ รู้จักการคิดวิเคราะห์เพื่อหา คำตอบ รู้จักการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล แสดงความคิดเห็นในประเด็นสำคัญได้ พร้อมทั้งยัง
10 สามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ใหม่ในการจดจำหรือบันทึกได้ตลอดจนสามารถสรุปใจความสำคัญ จากงานเขียน ชนิดต่างๆ ได้ด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความ สำคัญได้เป็นอย่างดี ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ 1. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสามพร้าววิทยา ค่อนข้างใช้ระยะเวลานานในแต่ละชั่วโมงการสอน อีกทั้งยัง มีปัจจัยอื่นๆ เช่น กิจกรรมทางโรงเรียนที่ต้องนำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ดังนั้น ผู้ที่จะนำไปใช้ ควรวางแผนการใช้เวลาในแต่ละขั้นตอนให้เหมาะสม 2. แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นทั้ง 5 เรื่อง จากบทอ่านแต่ละ ประเภทนี้เหมาะสมกับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ดังนั้น หากนำไปใช้ในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนในระดับ ที่แตกต่างกันสามารถปรับปรุงเนื้อหาให้มีความยากง่ายได้ตามความเหมาะสม ของความสามารถของนักเรียนแต่ละบุคคล ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป 1. ควรจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความ สำคัญ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) สำหรับนักเรียนในระดับชั้นอื่น ๆ ที่ระดับชั้นเดียวกัน หรือสูงกว่าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เนื่องจากในแต่ละขั้นตอนค่อนข้างละเอียดและต้องใช้เวลา ในการทำกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในสาระการเรียนรู้และมีทักษะ ในการอ่านจับใจความสำคัญที่ดียิ่งขึ้น 2. ควรศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน (SQ6R) กับกระบวนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ อื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ใดเหมาะสมกับนักเรียนมากที่สุด
11 เอกสารอ้างอิง กรมวิชาการ. (2543). การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กรมวิชาการ. (2545). คู่มือพัฒนาสื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. จุไรรัตน์ ลักษณะศิริและบาหยันอิ่มสำราญ. (2547). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ: พี.เพรส. ชลธิรา กลัดอยู่. (2542). จิตวิทยาการอ่าน. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2556). การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน. วารสารศิลปากร ศึกษาศาสตร์. 5, 3: 7-20. ฐะปะนีย์ นาครทรรพ. (2549). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้ พื้นฐานกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1-3. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์. ทิศนา แขมมณี. (2555). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธิดา โมสิกรัตน์ และนภาลัย สุวรรณธาดา. (2544). ภาษาไทย 1. (พิมพ์ครั้งที่10). กรุงเทพฯ: ห้างหุ้น ส่วนจำกัดโรงพิมพ์ชวนพิมพ์. บรรเทา กิตติศักดิ์. (2546). การสอนหนังสือนอกเวลาและหนังสืออ่านประกอบ. เอกสารการสอน ชุด วิชาภาษาไทย หน่วยที่13. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสาหรับการวิจัย เล่ม 1. (พิมพ์ครั้งที่5). กรุงทพฯ : สุวีริยา สาส์น. ประพนธ์ เรืองณรงค์. (2545). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านเชิงวิเคราะห์. กรุงเทพฯ : ประสานมิตร. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น. จุฑารัตน์ เกตุปาน และธันยาลักษณ์ สังขลักษณ์. (2564). การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ ด้วยแบบฝึกทักษะร่วมกับเทคนิคการอ่านแบบ SQ6R สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร. เผชิญ กิจระการ. (2544). การวิเคราะห์ประสิทธิภาพสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา E1/E2. วารสาร การวัดผลการศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 5(11), 44-51.
12 เอกสารอ้างอิง (ต่อ) พนิตนันท์ บุญพามี. (2542). เทคนิคการอ่านเบื้องต้นสำหรับบรรณารักษ์. นครราชสีมา: สถาบันราชภัฏ นครราชสีมา. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่7) กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. พันธุ์ทิพา หลาบเลิศบุญ. (2542). ภาษาไทย 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. มณีรัตน์ สุกโชติรัตน์. (2548). อ่านเป็น : เรียนก่อน- สอนเก่ง. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์. รัญจิตร แก้วจำปา. (2544). ภาษาไทย 1. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา. กมลพรรณ ประเสริฐศิลป์. (2565). การอ่านเพื่อความเข้าใจเทคนิค SQ6R เอกสารจริง โรงเรียน อนุบาลวัดเกาะใหญ่(เลี้ยงล้อมอนุกูล. ศิริวรรณ ตรีเพ็ชร์. (2558). 21st Century Skills และโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนสตรี ศรีสุริโยทัย. สืบค้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2566, จาก https://sites.google.com. สมนึก ภัททิยธนี. (2549). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์. สมนึก ภัททิยธนี. (2558). การวัดผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 10. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. สมบัติ ท้ายเรือคํา. (2553). ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. กาฬสินธุ์ : ประสาน การพิมพ์. สมศักดิ์ คงเที่ยง. (ม.ป.ป.). ความหมายของประสิทธิภาพ. สืบค้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2566, จาก http://www.dsdw2016.dsdw.go.th/doc_pr/ สมหวัง พิธิยานุวัฒน์. (2549). การจัดทำมาตรฐานการวิจัยในหน่วยงานวิจัยภาครัฐ. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์. (2551). “ความรู้พื้นฐานทางการอ่าน” ในเอกสารการสอนชุดวิชา การใช้ภาษาไทย หน่วยที่ 1-8. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นนทบุรี. สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์. (2545). หลักและวิธีการสอนอ่านภาษาไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ : ไทยพัฒนาพาณิชย์.
13 เอกสารอ้างอิง (ต่อ) สุปราณี พัดทอง. (2547). การอ่านจับใจความสำคัญและแสดงความคิดเห็น. ในการใช้ภาษาไทย 1 (พิมพ์ครั้งที่4). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สุมิตร สำแดงสาร. (2501). การพัฒนาชุดการเรียนด้วยตนเองเรื่องการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสิชลคุณาธารวิทยา จังหวัด นครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สำนักบัณฑิตศึกษา. Bloom. (1976). ทฤษฎีการเรียนรู้ตามแนวคิดของบลูม. สืบค้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2566, จาก http://weblogsimple.blogspot.com/2011/08/blog-post_21.html.