อารยธรรมกรีก และโรมัน

แบ่งตาม เมโสโปเตเมยี เมโสโปเตเมยี แบ่งตาม
ช่วงเวลา อยี ปิ ต์ อยี ปิ ต์ ซีกโลก
ลาดับ อนิ เดีย กรีก (ตะวันตก
จนี โรมัน ตะวนั ออก)
กรีก อนิ เดยี
โรมัน
จนี





ปัจจัยทส่ี ่งเสริมใหเ้ กดิ อารยธรรมกรีก

ภมู ศิ ำสตร์ • เป็นตำแหน่งท่รี ำยลอ้ มดว้ ยอำรยธรรมสำคญั ต่ำง
ชนกลมุ่ ตำ่ ง • ขอ้ จำกดั เรอ่ื งภเู ขำ ขอ้ ดอี ยตู่ ดิ ทะเลจงึ เกิดกำรเดนิ เรอื

• มีกำรอพยพสลบั สบั เปล่ียนมำปกครองดินแดนกรกี
• เกิดควำมเจรญิ รุง่ เรอื งและเรยี นรูจ้ ำกอำรยธรรมอ่ืน

กำรปกครอง • มีกำรปกครองแบบนครรฐั จงึ เกิดควำมหลำกหลำย
• นครรฐั สปำรต์ ำ(ทหำรนิยม) นครรฐั เอเธนส์
(ประชำธิปไตย)





ยุคมโิ นน หรือ ไมนวน

ยุคหรือ ยุคไมซนิ ี นิยมแบง่ แค่ 2
ช่วงอารยธรรม ช่วงนี้ เรยี กวำ่
ยุคเฮเลน
ในกรีก หรือ เฮลเลนิก กรกี โบรำณ

ยุคเฮลเลนิสตกิ และ กรกี

มกี ารใช้อกั ษรทเ่ี รียกวา่ ลเี นียร์ เอ
การขุดสารวจทต่ี ง้ั ของวังคนอสซุส ทาให้
ทราบว่า ชาวครตี นั มคี วามสามารถในเชงิ
สถาปัตยกรรมและวศิ วกรรมสงู

• เกิดขึ้นที่เกาะครีต ชาวครีตัน
มบี ทบาทสาคัญในการเดินเรือ
และคา้ ขายกับดนิ แดนต่างๆ

• ต่อมาพวกไมซินีรุกรานและ
ยึ ด ค ร อ ง เ ก า ะ ค รี ต ท า ใ ห้
อ า ร ย ธ ร ร ม มิ โ น น ไ ด้ รั บ ก า ร
เผยแพร่ตอ่ ไปโดยพวกไมซนิ ี

พวกไมซนิ ีเป็ นชนเผ่าอนิ โด-ยูโรเปี ยน รับอารยธรรมมิโนนเป็ นของตวั เอง
อาศัยอยเู่ ป็ นชุมชน โดยแตล่ ะชุมชนเป็ นอสิ ระจากกนั และมปี ้อมปราการเป็ นศูนยก์ ลาง

มีความชานาญในการเดนิ เรือ และมีความสามารถดา้ นการรบ
ขยายอทิ ธิพลไปท่วั ดนิ แดนฝ่ังตะวันออกของทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียน และเข้ายดึ เมอื งทรอยค่แู ขง่

ในสงครามโทรจันไดส้ าเร็จ

มา้ ไม้ สงครามกรุงทรอย

เฮรา
ซสุ

โพไซดอน

รรมกรีกยุค
แรกๆ





นอกจากนี้ การเฉลมิ ฉลองเทพซุส
ทจี่ ดั ขึน้ ทุก 4 ปี

กเ็ ป็ นต้นกาเนิดของกฬี าโอลมิ ปิ กในปัจจุบนั

ศลิ ปวฒั นธรรมกรีกได้รับการเผยแพร่ท่วั ไป ทเี่ หน็ เป็ นรูปธรรมชัดเจนได้แก่
รูปแบบสถาปัตยกรรมทสี่ ร้างดว้ ยหนิ อ่อน หลังคาหน้าจ่วั มเี สาเรียงราย ตกแต่ง

ตามลักษณะหวั เสา

ลกั ษณะเรยี บง่ำย โคนเสำ หินบนหวั เสำมีลกั ษณะ นำควำมงำมของ
ใหญ่ ตอนบนเรยี บและ มว้ นยอ้ ยลงมำสองขำ้ ง ธรรมชำติมำตกแตง่

บำนออก ใหค้ วำมหรูหรำ



โซเครตสี เพลโต อริสโตเตลิ
ไดร้ ับยกยอ่ งว่า ไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็ นบดิ าแหง่
ไดร้ ับยกย่องว่าเป็ น
เป็ นบรมครู บดิ าแหง่ ปรัชญา ศาสตรส์ มัยใหม่
นักคดิ ตงั้ คาถาม เป็ นทงั้ นักปรัชญาการเมอื ง
มากกวา่ การจดจา สมัยใหม่
แนวคดิ ทางการเมอื ง และดา้ นวทิ ยาศาสตร์
ระบบความยุตธิ รรม

อารยธรรมเฮเลนิสตกิ



สรุป ความเจริญรุ่งเรื่องของอารยธรรมกรีก

ศลิ ปกรรม • มีผลงำนเอกลกั ษณท์ ่โี ดดเดด็ ทง้ั ในเชงิ สถำปัตยกรรม
ประตมิ ำกรรม จิตรกรรม และศิลปะกำรแสดง
ปรัชญา
• เกิดนกั ปรชั ญำแขนงตำ่ ง มำกมำยท่ีนำมำสรู่ ำกฐำนใน
การศึกษา ปัจจบุ นั โดยเฉพำะดำ้ นกำรปกครอง
วิทยาการต่างๆ
• บม่ เพำะเรอ่ื งกำรเรยี นรูท้ ง้ั ดำ้ นกำรคิด สติปัญญำ
อำรมณ์ และรำ่ งกำยในทกุ ดำ้ น

• เป็นตน้ กำเนิดและพฒั นำศำสตรต์ ำ่ ง เชน่
ประวตั ศิ ำสตร์ คณิตศำสตร์ วิทยำศำสตร์ แพทย์ เป็นตน้





ปัจจัยทสี่ ่งเสริมใหเ้ กดิ อารยธรรมโรมนั

ภมู ศิ าสตร์ การปกครอง

• ทำเลท่ีตง้ั เหมำะกบั กำรตดิ ตอ่ กบั • มีกำรปกครองแบบสำธำรณรฐั ในชว่ งแรก
อำณำจกั รอ่นื • ตอ่ มำเปล่ียนกำรปกครองแบบจกั รวรรดิ

• ดนิ แดนอดุ มสมบรู ณ์ อำกำศอบอนุ่ รวมอำนำจทำใหป้ กครองมำอยำ่ ง
ยำวนำน

ยุคหรือ สมยั กษัตริย์ เป็นช่วงแรกก่อน
ช่วงอารยธรรม ยุคสาธารณรัฐ เป็นโรมนั ท่ี
ยุคจกั รวรรดิ์ ย่งิ ใหญ่ กลมุ่
ในโรมัน แรกคอื
พวกอิทรสั กนั
ยดึ ตามรูปแบบ
การปกครอง แบง่ เป็น 2 ฝ่ำย
1.พำทรเิ ชียน
2.เพลเบียน

สมัยสาธารณรัฐ

• ในระยะแรกโรมปกครองในระบอบกษัตริย์ ต่อมาพวกพาทรีเชียนได้ล้มระบอบกษัตริยแ์ ละจัดตั้ง
ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐขึน้

• กองทัพโรมันทาสงครามพิวนิกกับฟิ นีเชีย 3ครั้ง ขยายอานาจเข้าครอบครองดินแดนต่างๆ ผูกขาด
การค้า จนมฐี านะม่ังค่งั ร่ารวย

• มกี ารร่างกฎหมายลายลักษณอ์ ักษรเป็ นครั้งแรก เรียกว่า ซ่ึงเป็ นพืน้ ฐานของ

กฎหมายโรมนั ในสมัยต่อมา
• มสี ภาซเี นท รวมอานาจ มตี วั แทนจากทกุ ชนชั้น

กฎหมำย 12 โตะ๊

โตะ๊ ท่ี 1 - 3 = วิธีพิจำรณำคดี กำรบงั คบั คดี
โตะ๊ ท่ี 4 = ครอบครวั
โต๊ะท่ี 5 - 7 = มรดกและทรพั ยส์ นิ
โต๊ะท่ี 8 = บทลงโทษเก่ียวกบั อำชญำกรรม(อำญำ)
โตะ๊ ท่ี 9 = อำนำจของรฐั มหำชน
โตะ๊ ท่ี 10 = ศำสนำ
โตะ๊ ท่ี 11-12 = กฎหมำยเพ่มิ เติม

• เกิดการแย่งชิงอานาจระหว่างชนชั้นปกครอง

กับนายทหาร โดยออคตาเวียนสามารถปราบ

มารค์ แอนโทนีลงได้ ทาให้เขากลายเป็ นผู้มี
อานาจสงู สุดในโรม
• ออคตาเวียนได้รับสมญานามออกัสตัส สภา

โรมันยกย่องให้เขาเป็ นจักรพรรดิ หรือซีซาร์

องคแ์ รกของจักรวรรดิ โรมันเจริญสูงสุดและ
มอี ทิ ธพิ ลไปท่วั ยุโรป

ในสมยั จกั รพรรดคิ อนสแตนตินทรงสรำ้ ง
กรุงคอนสแตนติโนเปิล เรยี กวำ่ จกั รวรรดิ
ไบแซนไทน์ แบง่ เป็นโรมนั ตะวนั ตกและตะวนั ออก
รุง่ เร่อื งสมดุ สมยั จกั รพรรดิจสั ตเิ นียน เกิดกฎหมำย
จสั ตเิ นียน
ปลำยสมยั โรมนั เผชิญกบั ปัญหำภำยใน
โรมนั ตะวนั ตกถกู อนำรยชนเขำ้ ปลน้ สะดม
จกั รพรรดถิ กู ขบั ออกจำกบลั ลงั ก์
ถือเป็นกำรสนิ้ สดุ จกั รวรรดโิ รมนั ตะวนั ตก และ
ประวตั ิศำสตรส์ มยั โบรำณ
สว่ นจกั รวรรดโิ รมนั ตะวนั ออกยงั มจี กั รพรรดิปกครอง
ตอ่ มำจนถกู พวกเติรก์ รุกรำน และถกู รวมเขำ้ เป็น
สว่ นหน่งึ ของจกั รวรรดิออตโตมนั

สนิ้ สุดอารยธรรมโรมัน!!!

มรดกทางวัฒนธรรม

• ชาวโรมันเรียนรู้งานศลิ ปวัฒนธรรมต่างๆ จากกรีก และดัดแปลงใหส้ อดคล้องกับความต้องการของตน
• ประสบความสาเร็จในการสร้างส่ิงก่อสร้างเพอื่ สนองความต้องการของรัฐและประชาชน เช่น โคลอส

เซียม สถานทอี่ าบนา้ สาธารณะ สะพานส่งนา้ เป็ นต้น



สรุป ความเจริญรุ่งเรื่องของอารยธรรมโรมนั

การปกครอง • มกี ำรปกครองแบบสว่ นกลำง ตวั แทนจำกทกุ ชนชนั้ มสี ภำ
ซีเนทรวมอำนำจ

• มีกฎหมำยท่ีมคี วำมเสมอภำค

เศรษฐกจิ • สง่ เสรมิ ทงั้ เกษตรกรรม อตุ สำหกรรม และกำรคำ้ เพรำะมี
ควำมไดเ้ ปรยี บทำงภมู ิศำสตร์

• เป็นเมอื งท่ำกำรคำ้ ท่ีสำคญั

วทิ ยาการอนื่ ๆ • มีควำมเจรญิ ดำ้ นตำ่ ง เช่น ภำษำละตนิ สนบั สนนุ
กำรศกึ ษำ อทิ ธิพลวรรณกรรมจำกกรกี