อาเซียน BY RATTANATIGORN CHOOAIN
สารบับั บับั ญ จุจุ จุจุ ดเริ่ริ่ ริ่ริ่ มต้ต้ ต้ต้ น กักั กักั มพูพู พูพู ชา ไทย บรูไน เวีวี วี ย วี ยดนาม มาเลเซีซี ซี ย ซี ย เมีมี มีมี ยนมา ฟิฟิฟิฟิ ลิลิ ลิลิปปิปิปิปิ นส์ส์ส์ส์ สิสิ สิสิ งคโปร์ร์ ร์ร์ ลาว อิอิ อิอิ นโดนีนี นีนี เซีซี ซี ย ซี ย ติติ ติติ มอ-เลสเต 1 2-3 4-5 6-7 8-9 11-12 13-15 16-17 18-19 20-21 22-23 24-25
1 อาเซียนมีจุดเริ่ม ริ่ ต้นจากสมาคมอาสา ซึ่งก่อตั้ง ขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ได้มีการลงนามใน ปฏิญญากรุงเทพฯ อาเซียน ได้ถือกำ เนิดขึ้นโดยมีรัฐสมาชิกเริ่ม ริ่ ต้น 5 ประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือใน การเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การ พัฒนาสังคม วัฒนธรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก และการธำ รงรักษาสันติภาพและความมั่นคงใน ภูมิภาค และเปิดโอกาสให้คลายข้อพิพาท ระหว่างประเทศสมาชิกอย่างสันติ[13] หลังจาก พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา อาเซียนมีรัฐสมาชิกเพิ่ม ขึ้นจนมี 10 ประเทศในปัจจุบัน กฎบัตรอาเซียน ได้มีการลงนามเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งทำ ให้อาเซียนมีสถานะคล้ายกับสหภาพยุโรป มากยิ่งขึ้น เขตการค้าเสรีอ รี าเซียนได้เริ่ม ริ่ประกาศใช้ตั้งแต่ ต้นปี พ.ศ. 2553 และกำ ลังก้าวสู่ความเป็น ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะประกอบด้วยสามด้าน คือ ประชาคมอาเซียนด้านการเมืองและความ มั่นคง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558[14] จุดเริ่มต้น
กักั กักั มพูพู พูพู ชา กัมพูชา (เขมร: កម្ពុជា, กมฺพุชา) ชื่ออย่าง เป็นทางการว่า ว่ ราชอาณาจักรกัมพูชา (เขมร: ព្រះ រាជាណាចក្រ កម្ពុជា, พฺระรา ชาณาจกฺรกมฺพุชา) เป็นประเทศตั้งอยู่ใน ส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชีย ตะวัน วั ออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 181,035 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวัน วั ตก ติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับ ประเทศไทยและลาว ทิศตะวัน วั ออกและ ทิศใต้ติดกับเวีย วี ดนามและทิศตะวัน วั ตก เฉียงใต้ติดอ่าวไทย ด้วยประชากรกว่า ว่ 15 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากร มากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนา พุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำ ชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือมากกว่า ว่ 97% [8] ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาว เวีย วี ดนาม ชาวจีน ชาวจามและชาวเขากว่า ว่ 30 เผ่า[9] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการ เมือง เศรษฐกิจ และวัฒ วั นธรรม
3 ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มี พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มาจากการเลือกตั้งโดยราชสภา เพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหา เสนาบดีเดโช ฮุน เซน ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำ ที่ดำ รงตำ แหน่งนานที่สุดใน เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่าว่ 25 ปี ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ริย์ อันเป็นจุดเริ่มริ่ต้นของจักรวรรดิขะแมร์ อำ นาจและความมั่งคังมหาศาลของ จักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ริย์ ครองราชสมบัติสืบต่อกันมานั้นได้มี อิทธิพลในเอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้เป็นเวลากว่าว่ 600 ปี กัมพูชาถูกปกครอง เป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมใน กลางคริสริต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2496 สงคราม เวีย วี ดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำ ให้เขมรแดงขึ้นสู่อำ นาจ ซึ่งยึดกรุง พนมเปญได้ใน พ.ศ. 2518 ก่อนจะผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขต อิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชากระทั่ง พ.ศ. 2536 ภาย หลังสนธิสัญญาสันติภาพปารีสรี พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นการยุติสงครามกับ เวีย วี ดนามอย่างเป็นทางการ กัมพูชาถูกควบคุมโดยสหประชาชาติในช่วงสั้น ๆ (พ.ศ. 2535-2536) หลังจากหลายปีแห่งการโดดเดี่ยว ชาติซึ่งเสียหาย จากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปี เดียวกันนั้นเอง ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามี ความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศ กัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย โดยมีอัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.0% เป็นเวลานาน 10 ปี ภาคสิ่งทอ เกษตรกรรม ก่อสร้าง เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งได้นำ ไปสู่การลงทุนจากต่างชาติ และการค้าระหว่าว่งประเทศ[10] ใน พ.ศ. 2548 มีการพบแหล่งน้ำ มันและ แก๊สธรรมชาติใต้น่านน้ำ อาณาเขตของกัมพูชา การขุดเจาะเชิงพาณิชย์เริ่มริ่ขึ้นใน พ.ศ. 2556 รายได้จากน้ำ มันสามารถมีผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่าง มาก[11] กัมพูชาเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 รวมถึง ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค การประชุมสุดยอดเอเชีย ตะวัน วั ออก องค์การการค้าโลก ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และ องค์การ ระหว่าว่งประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ตามรายงานของ องค์การระหว่าว่งประเทศหลายแห่ง ปัญหาหลักของประเทศคือความ ยากจน[12] การทุจริตริ[13] การขาดเสรีภ รี าพทางการเมือง อัตราการพัฒนา มนุษย์ต่ำ และความอดอยากสูง
4 ไทย พบหลักฐานการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในอาณาเขต ประเทศไทยปัจจุบันตั้งแต่ 20,000 ปีก่อน คริสริ ตกาล ชาวไทเริ่ม ริ่ อพยพเข้าสู่บริเ ริ วณนี้ในคริสริ ต์ ศตวรรษที่ 11 แล้วเข้ามาตั้งแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่ สำ คัญได้แก่ อาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านนา และอาณาจักรอยุธยา นักประวัติศาสตร์มักถือว่า อาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่ม ริ่ ต้นของประวัติศาสตร์ ไทย ต่อมาอาณาจักรอยุธยาค่อย ๆ เรือ รื งอำ นาจมาก ขึ้นจนเป็นมหาอำ นาจในภูมิภาคในปลายคริสริ ต์ ศตวรรษที่ 14 แทนจักรวรรดิเขมร อาณาจักรอยุธยา สามารถผนวกสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนได้ การ ติดต่อกับชาติตะวันตกเริ่ม ริ่ ด้วยผู้แทนทางทูตชาว โปรตุเกสในปี 2054 การสงครามกับพม่านำ ไปสู่การ เสียกรุงในปี 2112 แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพในเวลา 15 ปี อาณาจักร รุ่งเรือ รื งอย่างมากในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช แต่หลังจากนั้นค่อย ๆ เสื่อมอำ นาจโดยมี สาเหตุส่วนหนึ่งจากการผลัดแผ่นดินที่มีการนอง เลือดหลายรัชกาล จนสุดท้ายกรุงศรีอ รี ยุธยาถูก ทำ ลายสิ้นเชิงในปี 2310 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงรวบรวมแผ่นดินที่แตกออกเป็นก๊กต่าง ๆ และ สถาปนาอาณาจักรธนบุรีที่ รีที่ มีอายุ 15 ปี ความวุ่นวาย ในช่วงปลายอาณาจักรนำ ไปสู่การสำ เร็จโทษ พระองค์โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราชปฐมราชวงศ์จักรีแ รี ห่งกรุงรัตนโกสินทร์
5 ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อาณาจักรสามารถรับมือกับภัยคุกคาม จากชาติใกล้เคียง แต่หลังรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เป็นต้นมา ชาติตะวันตกเริ่ม ริ่ มีอิทธิพลในภูมิภาคเป็น อย่างมาก นำ ไปสู่การเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาไม่เป็นธรรม หลายฉบับเริ่ม ริ่ จากสนธิสัญญาเบาว์ริง ริ กระนั้น สยามไม่ตกเป็น อาณานิคมของตะวันตกชาติใด มีการปรับให้สยามทันสมัยและ รวมอำ นาจปกครองในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว สยามเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ หนึ่งในปี 2460 ในปี 2475 เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการ ปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ริย์ ทรงเป็น ประมุขโดยไม่เสียเลือดเนื้อ คณะราษฎรมีบทบาทนำ ทาง การเมือง และในพุทธทศวรรษ 2480 นายกรัฐมนตรี จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ดำ เนินนโยบายชาตินิยมเข้มข้น ระหว่าง สงครามโลกครั้งที่สอง ไทยเข้ากับฝ่ายอักษะ แต่ฝ่าย สัมพันธมิตรส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการประกาศสงคราม[11] ในช่วง สงครามเย็นประเทศไทยเป็นพันธมิตรกับสหรัฐซึ่งสนับสนุน รัฐบาลทหาร รัฐประหารที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นหัวหน้า คณะในปี 2500 นำ ประเทศเข้าสู่ยุคเผด็จการทหารอย่าง เบ็ดเสร็จ รัฐบาลฟื้นฟูพระราชอำ นาจและดำ เนินนโยบายต่อต้าน คอมมิวนิสต์ในภูมิภาค ผลของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ทำ ให้ เกิดประชาธิปไตยระบบรัฐสภาช่วงสั้น ๆ[12] แต่หลังจาก เหตุการณ์ 6 ตุลา และรัฐประหารปี 2519 ทำ ให้ประเทศไทย กลับเข้าสู่เผด็จการทหารและ "ประชาธิปไตยครึ่ง รึ่ใบ" ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีจ รี ากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2531[13] หลังพุทธทศวรรษ 2540 มีวิก วิ ฤตการเมืองระหว่าง ฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีทั รีทั กษิณ ชินวัตรมา จนปัจจุบัน รวมทั้งเกิดรัฐประหารสองครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดใน ปี 2557 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ 20 ประกาศใช้ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560
6 บรูไน (มลายู: Brunei) หรือ รื เนอการาบรูไนดา รุสซาลาม[13] (Negara Brunei Darussalam, ยาวี: วี ,نڬارا بروني دارالسالم แปลว่า ประเทศบรูไนนครรัฐแห่งสันติภาพ) เป็นรัฐเอกราชบนเกาะบอร์เนียวในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชายฝั่งทางด้านเหนือ จรดทะเลจีนใต้ พรมแดนทางบกที่เหลือจาก นั้นถูกล้อมรอบด้วยรัฐซาราวักของมาเลเซีย ตะวันออก บรูไนเป็นประเทศเดียวที่มีพื้นที่ ทั้งหมดอยู่บนเกาะบอร์เนียว ส่วนพื้นที่ที่เหลือ ของเกาะถูกแบ่งเป็นของประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ประเทศบรูไนมีประชากร ประมาณ 423,196[14] คนใน พ.ศ. 2560[15] บรูไน
7 ประเทศบรูไนเจริญ ริ ถึงขีดสุดในสมัยสุลต่านโบลเกียห์ที่ ปกครองจักรวรรดิบรูไนช่วง พ.ศ. 2028 - 2071 โดย กล่าวกันว่าสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะ บอร์เนียวได้ อาทิพื้นที่ในปัจจุบันของรัฐซาราวัก รัฐซาบ ะฮ์ กลุ่มเกาะซูลูทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ บอร์เนียว มะนิลาและหมู่เกาะที่อยู่ทางตะวันตกเฉียง เหนือของเกาะบอร์เนียว ต่อมาใน พ.ศ. 2064 เฟอร์ดิน านด์ มาเจลลันมาพบกับบรูไน และใน พ.ศ. 2121 บรูไน ต่อสู้กับสเปนในสงครามกัสติเลียน ในช่วงศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่ม ริ่ เสื่อมอำ นาจ สุลต่านยอมยกซาราวัก (กูชิง) ให้เจมส์ บรูก และแต่ง ตั้งให้เป็นรายาแห่งซาราวัก จากนั้นซาราวักก็ตกเป็น ของบริษั ริษั ทบริษั ริษั ทเอ็นบีซีซีของอังกฤษ ใน พ.ศ. 2431 บรูไนได้กลายเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษและได้รับ มอบหมายให้เป็นพลเมืองอังกฤษในฐานะผู้บริห ริ าร อาณานิคมใน พ.ศ. 2449 หลังจากนั้นในช่วง สงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองบรูไน พ.ศ. 2502 มีการเขียนกฎหมายสูงสุดฉบับใหม่ขึ้น และ ใน พ.ศ. 2505 การประท้วงขนาดเล็กที่ต่อต้านระบอบ กษัตริย์ ริย์สิ้นสุดลงด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ[16] บรูไนเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำ มันเป็นสินค้าหลัก (ปริม ริ าณการผลิตน้ำ มันประมาณ 180,000 บาร์เรล/ วัน)[17]
8 ดินแดนของเวีย วี ดนามเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ตั้งแต่ยุคหินเก่า ผู้คนเข้ามาตั้งรกรากและรวมตัว กันเป็นรัฐต่าง ๆ บริเ ริ วณดินดอนสามเหลี่ยมปาก แม่น้ำ แดงซึ่งเป็นที่ตั้งของภูมิภาคทางเหนือของ เวีย วี ดนามในปัจจุบัน ดินแดนส่วนใหญ่เคยเป็นส่วน หนึ่งของจักรวรรดิจีนกว่า ว่ พันปี ตั้งแต่ 111 ปีก่อน คริสริ ต์ศักราชถึง ค.ศ. 939 ราชวงศ์ฮั่นผนวกดิน แดนตอนเหนือและตอนกลางเข้าด้วยกัน รัฐแรก เริ่ม ริ่ ของเวีย วี ดนามก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 939 ภายหลังเวีย วี ดนามชนะจีน (มองโกล) ในยุทธนาวี แม่น้ำ บักดั่ง เวีย วี ดนามและจักรพรรดิเวีย วี ดนามก็ เจริญ ริ รุ่งเรือ รื งและเริ่ม ริ่ แผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปใน เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้ ราชวงศ์เหงียนถือเป็น ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองดินแดนนี้ จนกระทั่งตก เป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และภายหลังการปฏิวัติ วัติ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 กองทัพประชาชนในนาม เหวีย วี ตมิญ นำ โดย โฮจิมินห์ มีบทบาทในการนำ เวีย วี ดนามปลดแอกจาก ฝรั่งเศส[11] เวีวี วี ย วี ยดนาม
เวีย วี ดนามต้องเผชิญกับสงครามที่ยืดเยื้อในช่วง คริสริ ต์ศตวรรษที่ 20 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ สอง ฝรั่งเศสกลับมาเถลิงอำ นาจอีกครั้งในสงคราม อินโดจีนครั้งที่หนึ่ง ซึ่งจบลงด้วยชัยของเวีย วี ดนามใน ปี 2497 กระนั้น สงครามเวีย วี ดนามได้ปะทุขึ้นไม่นาน หลังจากนั้น โดยประเทศเวีย วี ดนามถูกแยกเป็นสอง ส่วนคือ เวีย วี ดนามเหนือ (สาธารณรัฐประชาธิปไตย เวีย วี ดนาม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวีย วี ต และจีน และ เวีย วี ดนามใต้ (สาธารณรัฐเวีย วี ดนาม) ซึ่ง ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ การยึดกรุงไซ่ง่อนโดย เวีย วี ดนามเหนือนำ ไปสู่การสิ้นสุดของสงคราม[12] กรุงไซ่ง่อนได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโฮจิมินห์ ใน ขณะที่ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวีย วี ดนามเหนือ ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเวีย วี ดนามหลังจากการ รวมประเทศในปี 2519 ซึ่งดินแดนทั้งหมดได้รวมกัน กลายเป็นรัฐสังคมนิยมในชื่อ "สาธารณรัฐ สังคมนิยมเวีย วี ดนาม"พรรคคอมมิวนิสต์มีบทบาท นำ ทางการเมือง สิ่งนี้นำ ไปสู่การวิจ วิ ารณ์จาก นานาชาติรวมถึงการคว่ำ บาตรจากโลกตะวันตก สงครามกัมพูชา–เวีย วี ดนาม และ สงครามจีน– เวีย วี ดนาม ทำ ให้ประเทศเสื่อมโทรมมากขึ้น ก่อนที่ นโยบายโด๋ยเม้ยในปี 2529 โดยพรรคคอมมิวนิสต์ จะช่วยให้เศรษฐกิจประเทศเริ่ม ริ่ฟื้นตัว โดยยึดรูป แบบตามการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้เวีย วี ดนาม กลายสภาพเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่สำ คัญใน ภูมิภาค และเริ่ม ริ่ เข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและ การเมืองในเวทีโลกมากขึ้น 9
10 ปัจจุบันเวีย วี ดนามเป็นประเทศกำ ลังพัฒนา โดยได้ รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตรา การเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในคริสริ ต์ศตวรรษ ที่ 21 และหากวัด วั ตามผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ประเทศ คาดว่า ว่ ศักยภาพทางเศรษฐกิจของ เวีย วี ดนามจะทัดเทียมกับประเทศพัฒนาแล้วภายใน ปี 2593 อย่างไรก็ดี ประชากรจำ นวนมากยัง ประสบกับความยากจน และเวีย วี ดนามยังเผชิญ ความโดดเดี่ยวทางการเมือง ปัญหาสำ คัญได้แก่ การทุจริต ริ ทางการเมือง รวมถึงการให้เสรีภ รี าพสื่อ และสิทธิมนุษยชนในระดับต่ำ ใน พ.ศ. 2543 ได้มี การสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่าง ๆ เวีย วี ดนามเป็นสมาชิกขององค์การระหว่า ว่ ง ประเทศหลายแห่ง เช่น สมาคมประชาชาติแห่ง เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้, ความร่วมมือทาง เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก, ข้อตกลงความ ครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการ ค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก, ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่าย ใด, องค์การระหว่า ว่ งประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ ภาษาฝรั่งเศส และ องค์การการค้าโลกและยังเคย มีบทบาทในคณะมนตรีค รี วามมั่นคงแห่ง สหประชาชาติ
11 มาเลเซียมีต้นกำ เนิดมาจากอาณาจักรมลายูหลาย อาณาจักรที่ปรากฏในพื้นที่ แต่ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา อาณาจักรเหล่านั้นก็ทยอยขึ้นตรงต่อ จักรวรรดิบริเ ริ ตน โดยอาณานิคมกลุ่มแรกของบริเ ริ ตน มีชื่อเรีย รี กรวมกันว่านิคมช่องแคบ ส่วนอาณาจักรมลายูที่ เหลือกลายเป็นรัฐในอารักขาของบริเ ริ ตนในเวลาต่อมา ดินแดนทั้งหมดในมาเลเซียตะวัน วั ตกรวมตัวกันเป็นครั้ง แรกในฐานะสหภาพมาลายาในปี พ.ศ. 2489 มาลายาถูก ปรับโครงสร้างเป็นสหพันธรัฐมาลายาในปี พ.ศ. 2491 และได้รับเอกราชเมื่อวัน วั ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 มาลายารวมกับบอร์เนียวเหนือ ซาราวัก และสิงคโปร์เป็น มาเลเซียเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2506 แต่ไม่ถึงสอง ปีถัดมา คือในปี พ.ศ. 2508 สิงคโปร์ก็ถูกขับออกจาก สหพันธ์[13] มาเลเซียเป็นประเทศพหุชาติพันธุ์และพหุวัฒ วั นธรรมซึ่งมี บทบาทอย่างมากในด้านการเมือง ประมาณครึ่ง รึ่ หนึ่ง ของประชากรทั้งหมดมีเชื้อสายมลายู โดยมีชนกลุ่มน้อย กลุ่มสำ คัญคือ ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ชาวมาเลเซียเชื้อ สายอินเดีย และชนพื้นเมืองดั้งเดิมกลุ่มต่าง ๆ รัฐธรรมนูญประกาศให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำ ชาติ แต่ก็ยังให้เสรีภ รี าพในการนับถือศาสนาแก่ผู้ที่ไม่ใช่ ชาวมุสลิม ระบบรัฐบาลมีรูปแบบคล้ายคลึงกับระบบรัฐ สภาเวสต์มินสเตอร์ ระบบกฎหมายมีพื้นฐานอยู่บนระบบ คอมมอนลอว์ประมุขแห่งรัฐเป็นพระมหากษัตริย์ ริย์ หรือ รื ที่ เรีย รี กว่ายังดีเปอร์ตวนอากง ทรงได้รับเลือกจากบรรดา เจ้าผู้ครองรัฐในมาเลเซียตะวัน วั ตก 9 รัฐ โดยทรงดำ รง ตำ แหน่งคราวละ 5 ปี ส่วนหัวหน้ารัฐบาลคือนายก รัฐมนตรี มาเลเซีซี ซี ย ซี ย
นับตั้งแต่ได้รับเอกราช มาเลเซียเป็น ประเทศที่มีประวัติ วัติ ทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ประเทศหนึ่งในเอเชีย โดยมีค่าผลิตภัณฑ์ มวลรวมในประเทศเติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปีเป็นเวลาเกือบ 50 ปี[14] ระบบ เศรษฐกิจแต่เดิมได้รับการขับเคลื่อนด้วย ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ แต่ก็กำ ลัง ขยายตัวในภาควิท วิ ยาศาสตร์ การท่อง เที่ยว การพาณิชย์ และการท่องเที่ยวเชิง สุขภาพ ทุกวัน วั นี้ มาเลเซียเป็นประเทศ อุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้ระบบเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็น อันดับ 3 ในเอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้ (รองจากอินโดนีเซียและไทย) เป็น สมาชิกจัดตั้งสมาคมประชาชาติแห่ง เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้ การ ประชุมสุดยอดเอเชียตะวัน วั ออกและ องค์การความร่วมมืออิสลาม และเป็น สมาชิกของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เอเชีย-แปซิฟิกเครือ รื จักรภพแห่งชาติ และขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด 12
อารยธรรมช่วงต้นของพม่ามีนครรัฐปยูที่พูดภาษา ตระกูลทิเบต-พม่าในพม่าตอนบน และราชอาณาจักร มอญในพม่าตอนล่าง ในคริสริ ต์ศตวรรษที่ 9 ชาวพม่า ได้เข้าครอบครองบริเ ริ วณลุ่มแม่น้ำ อิรวดีตอนบน และ สถาปนาราชอาณาจักรพุกามในช่วงคริสริ ต์ทศวรรษ 1050 ภาษาและวัฒ วั นธรรมพม่าพร้อมด้วยศาสนา พุทธนิกายเถรวาทค่อย ๆ ครอบงำ ในประเทศ อาณาจักรพุกามล่มสลายเพราะการบุกครองของ มองโกลและรัฐหลายรัฐกำ เนิดขึ้น ในคริสริ ต์ศตวรรษ ที่ 16 ราชวงศ์ตองอูสร้างเอกภาพอีกครั้ง และเป็น จักรวรรรดิใหญ่สุดในประวัติ วัติศาสตร์เอเชียตะวัน วั ออก เฉียงใต้ในช่วงสั้น ๆ[14] ต่อมา ในต้นศตวรรษที่ 19 ราชวงศ์โก้นบองได้ปกครองพื้นที่พม่าและควบคุม มณีปุร ปุ ะและอัสสัมในช่วงสั้น ๆ ด้วย บริติ ริติ ชพิชิตพม่า หลังสงครามอังกฤษ-พม่าทั้งสามครั้งในคริสริ ต์ ศตวรรษที่ 19 และประเทศกลายเป็นอาณานิคม บริติ ริติ ช ก่อนจะได้รับเอกราชในปี 2491 โดยในช่วง ช่วงแรกมีการปกครองแบบชาติประชาธิปไตย และ หลังรัฐประหารใน พ.ศ. 2505 พม่าอยู่ภายใต้การ ปกครองแบบเผด็จการทหาร[15] เมีมี มีมี ยนมา 13
พม่าต้องเผชิญกับการต่อสู้ชาติพันธุ์ที่รุนแรงมาตั้งแต่ ทศวรรษ 1980 นำ ไปสู่สงครามกลางเมืองที่ยังดำ เนิน อยู่ยาวนานที่สุดสงครามหนึ่งของโลก สหประชาชาติ และอีกหลายองค์การรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในประเทศอย่างต่อเนื่อง[16][17][18] ในปี 2554 มีการ ยุบคณะทหารผู้ยึดอำ นาจการปกครองอย่างเป็นทางการ หลังการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2553 และมีการตั้งรัฐบาล ในนามพลเรือ รื น แต่อดีตผู้นำ ทหารยังมีอำ นาจภายใน ประเทศโดยผู้นำ พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังเป็นอดีต นายทหารระดับสูง กองทัพพม่าดำ เนินการสละการ ควบคุมรัฐบาล รวมถึงการปล่อยตัวอองซานซูจีและ นักโทษทางการเมือง มีการปรับปรุงสิทธิมนุษยชนและ ความสัมพันธ์ระหว่า ว่ งประเทศ จนนำ ไปสู่การผ่อนปรน การลงโทษทางการค้าและเศรษฐกิจอื่น ๆ[19][20] ทว่า ว่ ยังมีการวิจ วิ ารณ์การปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยโรฮีนจาของ รัฐบาลและการสนองต่อการปะทะกันทางศาสนา[21] [22][23] และแม้จะอยู่ภายใต้การบริห ริ ารโดยรัฐบาล พลเรือ รื นอีกครั้งระหว่า ว่ งปี 2559–2563 แต่ก็เกิดการ รัฐประหารอีกครั้งในปี 2564[24] 14
พม่าเป็นสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่ง เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปี 2540 และยังเป็นสมาชิกการประชุมสุดยอดเอเชีย ตะวัน วั ออก, ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และบิ มสเทค แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกของเครือ รื จักรภพ แห่งประชาชาติ แม้จะเคยเป็นประเทศ อาณานิคมของสหราชอาณาจักร ประเทศ พม่าอุดมด้วยหยก อัญมณี น้ำ มัน แก๊ส ธรรมชาติ และทรัพยากรแร่อื่น ๆ ทั้งยังขึ้น ชื่อในด้านพลังงานทดแทน และมีศักยภาพ ด้านพลังงานแสงอาทิตย์สูงสุดในบรรดากลุ่ม ประเทศลุ่มแม่น้ำ โขง[25] ในปี 2556 จีดีพี (ราคาตลาด) อยู่ที่ 56,700 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ และจีดีพี (อำ นาจซื้อ) อยู่ที่ 221,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[26] พม่าเป็นหนึ่งใน ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำ ทางเศรษฐกิจและ สังคมมากที่สุดในโลก[27][28] เนื่องจาก ภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ถูกผู้สนับสนุนอดีต รัฐบาลทหารควบคุม[29][30] พม่ายังมี ระดับการพัฒนามนุษย์ต่ำ โดยอยู่อันดับที่ 147 จาก 189 ประเทศจากดัชนีการพัฒนา มนุษย์ในปี 2563[31] 15
ฟิฟิฟิฟิ ลิลิ ลิลิปปิปิปิปิ นส์ส์ส์ส์ ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในแถบวงแหวนแห่งไฟและใกล้กับ เส้นศูนย์สูตร ทำ ให้มีแนวโน้มสูงที่จะประสบภัยจากแผ่น ดินไหวและไต้ฝุ่น ฝุ่ แต่ก็ทำ ให้มีทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่ อุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยิ่ง เช่นกัน ฟิลิปปินส์มีเนื้อที่ประมาณ 300,000 ตาราง กิโลเมตร (115,831 ตารางไมล์)[10] และมีประชากร ประมาณ 100 ล้านคน[11][12]นับเป็นประเทศที่มี ประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ในเอเชีย และเป็น ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก นอกจากนี้ ณ ปี พ.ศ. 2556 ยังมีชาวฟิลิปปินส์อีก ประมาณ 10 ล้านคนอาศัยอยู่ในต่างประเทศ[13] รวม แล้วถือเป็นกลุ่มคนพลัดถิ่นที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒ วั นธรรมปรากฏให้ เห็นตลอดทั้งหมู่เกาะ ในยุคก่อนประวัติ วัติศาสตร์ มนุษย์ กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในหมู่เกาะแห่งนี้คือกลุ่มชนนิ กรีโรี ต ตามมาด้วยกลุ่มชนออสโตรนีเซียนที่อพยพเข้ามา อย่างต่อเนื่อง[14] มีการติดต่อแลกเปลี่ยนกับชาวจีน มลายู อินเดีย และอาหรับ จากนั้นก็เกิดนครรัฐทางทะเล ขึ้นมาหลายแห่งภายใต้การปกครองของดาตู ลากัน ราชา หรือ รืสุลต่าน 16
ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 25 (ปีท้าย ๆ ของคริสริ ต์ศตวรรษที่ 19) ความพยายามต่อต้านการปกครองของสเปนได้ปะทุขึ้น เป็นการปฏิวัติ วัติฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 ได้รับการ สถาปนาขึ้นแต่ก็ดำ รงอยู่ได้ไม่นาน เพราะสเปนได้ยกฟิลิปปินส์ ให้แก่สหรัฐอเมริก ริ าหลังจากแพ้สงครามสเปน-สหรัฐอเมริก ริ า ความไม่ลงรอยกันระหว่าว่งรัฐบาลปฏิวัติ วัติ กับสหรัฐอเมริก ริ าก่อให้ เกิดสงครามฟิลิปปินส์-สหรัฐอเมริก ริ าอันนองเลือด โดยกองทัพ สหรัฐเป็นฝ่ายมีชัย[17] นอกเหนือจากช่วงที่ถูกญี่ปุ่น ปุ่ ยึดครอง แล้ว สหรัฐอเมริก ริ าสามารถรักษาอำ นาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะนี้ ไว้ไว้ ด้จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฟิลิปปินส์ได้รับการ รับรองว่าว่เป็นประเทศเอกราช ตั้งแต่นั้นมา ฟิลิปปินส์ก็ประสบ ความวุ่นวุ่ วายทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการล้มล้างผู้เผด็จการโดยการปฏิวัติ วัติ ที่ปราศจาก ความรุนแรง[18] ฟิลิปปินส์เป็นสมาชิกจัดตั้งองค์การสหประชาชาติองค์การการ ค้าโลก สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้ การ ประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก และการ ประชุมสุดยอดเอเชียตะวัน วั ออกนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ สำ นักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย[19] ปัจจุบัน ประเทศนี้ได้รับการพิจารณาว่าว่เป็นตลาดเกิดใหม่ (emerging market) และเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่[20] ซึ่งมีระบบ เศรษฐกิจที่กำ ลังเปลี่ยนผ่านจากระบบที่พึ่งพิงภาคเกษตรกรรม เป็นระบบที่พึ่งพิงภาคบริก ริ ารและภาคการผลิตมากขึ้น[21] 17
หมู่เกาะมีการตั้งถิ่นฐานในคริสริ ต์ศตวรรษที่ 2 และต่อมาเป็นของ จักรวรรดิท้องถิ่นต่าง ๆ สิงคโปร์สมัยใหม่ก่อตั้งใน ค.ศ. 1819 โดยเซอร์สแตมฟอร์ด รัฟเฟิลส์ (Stamford Raffles) เป็น สถานีการค้าของบริษั ริษั ทอินเดียตะวัน วั ออกโดยการอนุญาตจากรัฐ สุลต่านยะโฮร์ อังกฤษได้อธิปไตยเหนือเกาะใน ค.ศ. 1824 และ สิงคโปร์กลายเป็นหนึ่งในนิคมช่องแคบอังกฤษใน ค.ศ. 1826 หลังถูกญี่ปุ่น ปุ่ ยึดครองระหว่าว่งสงครามโลกครั้งที่สอง สิงคโปร์ได้ รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรใน ค.ศ. 1963 และเข้าร่วมกับ อดีตดินแดนของอังกฤษอื่นเพื่อตั้งประเทศมาเลเซีย แต่ถูกขับ อีกสองปีต่อมาผ่านพระราชบัญญัติโดยเอกฉันท์ นับแต่นั้น ประเทศสิงคโปร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนได้รับการรับรองว่าว่เป็น หนึ่งในสี่เสือแห่งเอเชีย ประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางพาณิชย์สำ คัญของโลกแห่งหนึ่ง โดยเป็นศูนย์กลางการเงินใหญ่สุดเป็นอันดับสี่และเป็นหนึ่งในห้า ท่าที่วุ่นวุ่ วายที่สุด เศรษฐกิจซึ่งเป็นโลกาภิวัฒ วั น์และมีความหลาก หลายอาศัยการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิต ซึ่งคิด เป็นประมาณ 30% ของจีดีพีของสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2556 ในแง่ ความเท่าเทียมกันของอำ นาจซื้อ ประเทศสิงคโปร์มีรายได้ต่อ หัวสูงสุดเป็นอันดับสามของโลกแต่มีความเหลื่อมล้ำ ของรายได้ รุนแรงที่สุดในหมู่ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศสิงคโปร์ได้รับการ จัดอันดับสูงในแง่การศึกษา สาธารณสุขและความสามารถการ แข่งขันทางเศรษฐกิจ เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 มี ประชากรอาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์เกือบ 5.5 ล้านคน ซึ่งกว่าว่ 2 ล้านคนมีสัญชาติต่างชาติ แม้สิงคโปร์จะมีความหลากหลาย แต่เชื้อชาติเอเชียมีมากที่สุด 75% ของประชากรเป็นชาวจีน โดย มีชนกลุ่มน้อยที่สำ คัญ เช่น ชาวมลายู ชาวอินเดียและชาวยูเรเชีย มีภาษาราชการสี่ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู ภาษาจีน กลาง และภาษาทมิฬ และประเทศสนับสนุนพหุวัฒ วั นธรรมนิยม ผ่านนโยบายทางการต่าง ๆ อีกด้วย สิสิ สิสิ งคโปร์ร์ ร์ร์ 18
ประเทศสิงคโปร์เป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภา รัฐ เดี่ยว และใช้ระบบหลายพรรคการเมือง โดยมีการ ปกครองสภาเดี่ยวระบบเวสต์มินสเตอร์ พรรคกิจ ประชาชนชนะการเลือกตั้งทุกครั้งนับแต่เริ่ม ริ่ การ ปกครองตนเองในปี พ.ศ. 2502 ภาวะครอบงำ ของ พรรคกิจประชาชน ประกอบกับระดับเสรีภ รี าพสื่อต่ำ และการปราบปรามเสรีภ รี าพพลเมืองและสิทธิ การเมืองนำ ให้ประเทศสิงคโปร์ถูกจัดเป็น ประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ (flawed democracy) ประเทศสิงคโปร์เป็นหนึ่งในห้าสมาชิกผู้ก่อตั้ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวัน วั ออกเฉียง ใต้(อาเซียน) ยังเป็นที่ตั้งของสำ นักเลขาธิการ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) และสมาชิกการประชุมสุดยอดเอเชียตะวัน วั ออก ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและเครือ รื จักรภพแห่ง ประชาชาติ การพัฒนาอย่างรวดเร็วของประเทศ สิงคโปร์นำ ให้มันมีอิทธิพลอย่างสำ คัญในกิจการ โลก นำ ให้นักวิเ วิ คราะห์บางส่วนระบุว่า ว่ เป็นอำ นาจ ปานกลาง (middle power) 19
ลาว ลาวเป็นประเทศที่มีประวัติ วัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่คริสริ ต์ ศตวรรษที่ 14 โดยเคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดใน เอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้[10] เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่ง อยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาค จึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้า ทางบกและร่ำ รวยทางเศรษฐกิจและวัฒ วั นธรรม[11] หลังจาก ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งภายในอาณาจักรล้านช้างได้แยก ออกเป็นสามส่วนได้แก่ หลวงพระบาง, เวีย วี งจันทน์ และจำ ปา ศักดิ์[12]ก่อนจะตกเป็นประเทศราชของสยามในปี ค.ศ. 1778 ยาวนานนับศตวรรษจนเกิดวิก วิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 ใน ค.ศ. 1893 ทำ ให้ดินแดนลาวทั้งหมดได้ตกอยู่ภายใต้การปกครอง ของฝรั่งเศสและได้รวมตัวกันเป็นประเทศลาวใน ค.ศ. 1949[13] หลังจากการยึดครองของญี่ปุ่น ปุ่ แต่ถูกฝรั่งเศสยึด ครองอีกครั้งกระทั่งได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1953[14] ราช อาณาจักรลาวได้กำ เนิดขึ้นโดยปกครองแบบราชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญภายใต้การปกครองของสมเด็จพระเจ้าศรีสรี ว่าว่ง วงศ์ ต่อมาลาวได้เผชิญกับสงครามกลางเมืองระหว่าว่งฝ่าย คอมมิวนิสต์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวีย วี ต ต่อสู้กับ รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ ริย์ และได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริก ริ า ภายใต้การปกครอง ของราชอาณาจักรลาวทำ ให้ลาวต้องเข้าไปเป็นพันธมิตรกับ สหรัฐ มีการก่อรัฐประหารและการปกครองภายใต้ระบอบ เผด็จการทหารอยู่หลายครั้งเช่น การรัฐประหารของภูมี หน่อ สวรรค์และกองแล วีร วี ะสาน การที่ราชอาณาจักรลาวเข้าไป พัวพันกับยาเสพติดของซีไอเอและการเพิ่มอำ นาจทางการ เมืองให้กับกลุ่มทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ ริย์ จนขัดกับ หลักการประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ ริย์ อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอย่างร้าย แรง ในวัน วั ที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 ขบวนการนักศึกษา 21 องค์กรที่ไม่พอใจการปกครองของราชอาณาจักรลาวได้จัด ชุมนุมในเวีย วี งจันทน์เพื่อเรีย รี กร้องให้ล้มเลิกสถาบันกษัตริย์ ริย์ 20
หลังสงครามเวีย วี ดนามยุติลงใน ค.ศ. 1975 เหล่าขบวนการ นักศึกษา 21 องค์กรได้หันไปร่วมมือกับ"ปะเทดลาว" ขบวนการปฏิวัติ วัติ ของฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่ได้ครองอำ นาจอย่าง เบ็ดเสร็จและสงครามกลางเมืองได้ยุติลง ประกอบกับ กระแสเรีย รี กร้องของเหล่าประชาชนและนักศึกษาได้มีการลง มติล้มเลิกระบอบกษัตริย์ ริย์ อย่างถาวร สมเด็จพระเจ้าศรีสรี ว่าว่ง วัฒ วั นาในฐานะพระมหากษัตริย์ ริย์ องค์สุดท้ายถูกเชิญเข้าค่าย กักกันในเวีย วี งไซ และสวรรคตอย่างเป็นปริศริ นา มีการเปลี่ยน ระบอบการปกครองมาเป็นระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และสถาปนาประเทศเป็น "สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว" ซึ่งในช่วงแรกลาวต้องพึ่งพาความช่วยเหลือ ทางเศรษฐกิจจากสหภาพโซเวีย วี ตจนกระทั่งล่มสลายใน ค.ศ. 1991[15] ประเทศลาวมีส่วนร่วมในข้อตกลงการค้าเอเชียแปซิฟิกการ ประชุมสุดยอดอาเซียน การประชุมเอเชียตะวัน วั ออกและ สมัครเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ก่อน จะได้รับการตอบรับใน ค.ศ. 2013 ลาวเป็นประเทศที่สามารถ ผลิตไฟฟ้าได้เอง[16] มีการสร้างเขื่อนโดยผลิตจากพลังงาน น้ำ และส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านเช่น ไทย, จีน และ เวีย วี ดนาม ในด้านเทคโนโลยีนั้น ลาวได้เปิดให้บริก ริ าร 4 จี เป็น ประเทศที่ 2 ของอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ มาตั้งแต่ ค.ศ. 2012 ลาวยังเป็นประเทศที่เป็นจุดเชื่อมต่อของการคมนาคม โดยรถไฟไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านจากการมีทางรถไฟสาย สำ คัญ 4 แห่ง ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดใช้ทางรถไฟสาย เวีย วี งจันทน์–บ่อเต็น ใน ค.ศ. 2021[17] ลาวยังถือเป็น ประเทศที่มีอัตราการเจริญ ริ เติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดชาติ หนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้และเอเชีย แปซิฟิค[18] โดยมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ประเทศ (จีดีพี) เฉลี่ย 7.4% นับตั้งแต่ ค.ศ. 2009 เป็นต้น มา[19] 21
อินโดนีเซียเป็นสาธารณรัฐที่มีรัฐธรรมนูญซึ่งมีสภานิติบัญญัติมาจาก การเลือกตั้ง และมีทั้งสิ้น 34 จังหวัด วั โดย 5 จังหวัด วั มีสถานะพิเศษ กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมาก ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก[16][17] อินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มี พื้นที่ป่าไม้ที่กว้า ว้ งใหญ่และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก[18] และยังเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะมาก ที่สุดในโลก[19] (ประมาณ 17,000 เกาะ) หมู่เกาะทั้งหมดของอินโดนีเซียเป็นดินแดนการค้าหลักในภูมิภาคมา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 เริ่ม ริ่ ต้นตั้งแต่อาณาจักรศรีวิ รี ชั วิชั ยและต่อมาจนถึง อาณาจักรมัชปาหิตซึ่งทำ การค้ากับชาวจีนแผ่นดินใหญ่และพ่อค้า จากอนุทวีปวี อินเดีย ส่งผลให้ประชากรท้องถิ่นค่อย ๆ ซึมซับอิทธิพล จากต่างประเทศตั้งแต่ศตวรรษแรก ๆ และได้มีการแผ่ขยายของ ศาสนาฮินดูและพุทธศาสนาจนเกิดความเจริญ ริ รุ่งเรือ รื ง ต่อมา พ่อค้า นิกายซุนนีและลัทธิศูฟีได้นำ ศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่และได้มี อิทธิพลต่อคนในสังคมจนกลายเป็นศาสนาหลักมาจนถึงปัจจุบัน ใน ขณะที่ศาสนาคริสริ ต์ส่วนใหญ่เข้าสู่สังคมโดยนักสำ รวจชาวยุโรป ชาว ดัตช์ถือเป็นมหาอำ นาจหลักที่ยึดครองดินแดนแห่งนี้ตลอด 350 ปี[20][21] แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับการรุกรานจาก โปรตุเกส อังกฤษ และ ฝรั่งเศสบ้าง แนวความคิดการสร้างชาติและการ ปลดแอกตนเองของชาวอินโดนีเซียในฐานะรัฐชาติได้ปรากฏขึ้นใน ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และจบลงด้วยการประกาศอิสรภาพใน ค.ศ. 1945 ตามด้วยการประกาศรับรองอธิปไตยอย่างเป็นทางการจาก เนเธอร์แลนด์ใน ค.ศ. 1949 ภายหลังจากความขัดแย้งทางการทหาร และการทูตระหว่าว่งสองประเทศ[22] อิอิ อิอิ นโดนีนี นีนี เชีชี ชี ย ชี ย 22
อินโดนีเซียประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์และภาษา พื้นเมืองที่แตกต่างกันหลายร้อยกลุ่ม และยังมี พหุนิยมทางศาสนาในกลุ่มประชากร[23][24] ตามคำ ขวัญ วั ที่ว่า ว่ "Bhinneka Tunggal Ika" [25] ("Unity in Diversity " ซึ่งหมายถึง "เอกภาพท่ามกลางความหลากหลาย")[26] ซึ่ง กำ หนดโดยภาษาประจำ ชาติ เศรษฐกิจของ อินโดนีเซียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 16 ของโลก โดยวัด วั จากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกโดยวัด วั จากภาวะ เสมอภาคของอำ นาจซื้อ (พีพีพี) อินโดนีเซียยัง ถือเป็นหนึ่งในมหาอำ นาจของเอเชียตะวัน วั ออก เฉียงใต้[27] และเป็นมหาอำ นาจระดับกลางของ โลก และยังเป็นสมาชิกขององค์กรพหุภาคีหลาย แห่ง รวมถึงองค์การสหประชาชาติ, องค์การ การค้าโลก, กลุ่ม 20, ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด, สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวัน วั ออกเฉียงใต้, การประชุมสุดยอดเอเชีงยตะวัน วั ออก และ องค์การความร่วมมือกับอิสลาม 23
ติติ ติติ มอ-เลสเต ติมอร์-เลสเต,[8] ตีโมร์-แลชต์[8] (โปรตุเกส: Timor-Leste, ออกเสียง: [tiˈmoɾ ˈlɛʃtɨ]) หรือ รื ติมอร์ตะวัน วั ออก (เตตุน: Timór Lorosa'e)[9] มีชื่อเรีย รี ก อย่างเป็นทางการว่า ว่ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตหรือ รื สาธารณรัฐประชาธิปไตยตีโมร์- แลชต์(โปรตุเกส: República Democrática de Timor-Leste;[10] เตตุน: Repúblika Demokrátika Timór-Leste)[9][11] เป็นประเทศที่ ตั้งอยู่บนเกาะในภูมิภาคเอเชียตะวัน วั ออก เฉียงใต้[12] ประกอบด้วยเกาะติมอร์ด้าน ตะวัน วั ออก เกาะอาเตารู (Atauro) และ เกาะฌากู (Jaco) ที่อยู่ใกล้เคียง และ เทศบาลโอเอกูซี(Oecusse) ซึ่งตั้งอยู่ บนฝั่งตะวัน วั ตกของเกาะติมอร์ ติมอร์ ตะวัน วั ออกถูกล้อมรอบโดยพื้นที่ของ ประเทศอินโดนีเซีย 24
แต่เดิมประเทศติมอร์-เลสเตถูกปกครอง โดยประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้ยึดครอง ติมอร์ตะวัน วั ออกเป็นจังหวัด วั หนึ่งของ ประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) และในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ติมอร์ ตะวัน วั ออกได้แยกตัวเป็นอิสระ และได้รับ เอกราชอย่างเต็มตัวเมื่อวัน วั ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) เมื่อ ประเทศติมอร์ตะวัน วั ออกเข้าร่วมองค์การ สหประชาชาติในปีเดียวกัน ก็ได้ตกลงว่า ว่ จะเรีย รี กประเทศอย่างเป็นทางการว่า ว่ ตี โมร์-แลชต์ ซึ่งเป็นชื่อในภาษาโปรตุเกส มีดอกไม้ประจำ ชาติคือดอกกุหลาบ 25