การพฒั นาการจดั การเรียนรดู้ ้วย นวัตกรรมการเรยี นกาารสอน “เรกจโิ อ เอมเี ลยี ”
การจดั การเรียนการสอนแบบเรกจิโอ เอมีเลยี
การจัดการศึกษาตามแนวคิดเรกจิโอ เอมิเลีย เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
สาหรับเด็กปฐมวัย ที่พัฒนามาจากความเชอ่ื วา่ การเรยี นการสอนนัน้ ไม่ใชก่ ารถา่ ยโอนขอ้ มูลความรู้จากผู้สอน
ไปสู่ผู้เรียน การสอนในเด็กปฐมวัย จึงไม่ใช่การมองว่าเด็กเป็นแกว้ ท่ีว่างเปล่า ที่ครูจะเทน้าตามความต้องการ
ของครูลงไปสู่เด็ก นักการศึกษาที่เรกจิโอ เอมีเลีย เปรียบเทียบการเรียนรู้ของเด็ก และการสอนของครู เป็น
การผสมผสาน ของวัตถุจากแก้วทั้งสองใบรวมกัน การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เด็กได้
เรียนรู้ในสิ่งท่ีตนสนใจเรียนรู้ ภายใต้การจัดส่ิงแวดล้อมและกิจกรรมท่ีเหมาะสม กับพัฒนาการของเด็ก
แตล่ ะคน
ปรชั ญาของ เรกจโิ อ เอมเิ ลีย
มองว่าเด็กแต่ละคนเต็มไปด้วยพลังและความสามารถต้ังแต่แรกเกิด และมุ่งหวังที่จะเป็นคนเก่งและ
คนดี เดก็ มีวถิ ีของการเรยี นรูเ้ ป็นไปตามระยะ ของพฒั นาการในแตล่ ะวยั เด็กมคี วามสามารถที่จะแสดงออกใน
ทศิ ทางเพ่อื ทีจ่ ะสัมพนั ธแ์ ละสื่อสารกับผู้อน่ื รวมถงึ สง่ิ ตา่ งๆ รอบตัว
หลกั สตู ร
ไม่มีการกาหนดเน้ือหาแน่นอนชัดเจน วิธีปฏิบัติคือแต่ละโรงเรียนใน Reggio Emilia จะรวบรวม
รายช่ือหัวข้อโครงการท่ีคาดว่าจะสัมพันธ์กับความสนใจของเด็ก โครงการท่ีเตรียมอยู่ในมือครูนั้นจะมีท้ัง
โครงการระยะสั้น และโครงการระยะยาว แต่ถ้าเด็กสนใจในเรื่องท่ีอยู่นอกเหนอื รายการหัวข้อที่ครูกาหนดไว้
ล่วงหน้า กจิ กรรม โครงการ ในหอ้ งเรยี นกจ็ ะปรับเปลีย่ นไปตามความสนใจของเดก็ สภาพการจัดกจิ กรรมและ
ประสบการณ์ จะลน่ื ไหลไปตามสภาวการณ์ที่สนองความสนใจของเด็กในขณะนน้ั เชน่ หัวข้อโครงการ "สงิ่ ปลูก
สร้าง" (building) เม่ือเสร็จส้ินโครงการ อาจปรากฏช้ินงานของเด็กเป็นกระท่อม เสาสูง บ้านเช่าแบบห้องชดุ
หรืออนื่ ๆ ตามจินตนาการและการสรา้ งสรรคจ์ ากเดก็
วิธีการจดั การเรยี นการสอน
การเรียนการสอนแบบเรกจิโอเอมีเลยี เป็นการสอนทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สาคญั หรือการสอนที่เนน้ เด็กเป็น
ฐาน โดยเดก็ เองเป็นคนคิดหัวขอ้ โครงการทตี่ ้องการเรยี นด้วยตวั เอง โดยมีขัน้ ตอนของการจดั การเรยี นการสอน
ดังน้ี
1. ขั้นเตรียม ถงึ แมว้ ่าเดก็ จะมีบทบาทในการเป็นผู้เลือก แตก่ ารเตรยี มสว่ นหน่ึงนั้น เป็นของครู ส่ิงที่
ครูเตรียมได้แก่ เตรียมส่ือและอปุ กรณ์สร้างสรรค์สาหรบั งานศิลปะเด็ก จัดเตรียมหัวขอ้ โครงการ ท่ีคาดว่าเด็ก
จะสนใจท้งั ระยะสั้น ระยะยาว สาหรบั ใหเ้ ดก็ เลือกหรือไมม่ ีความเหน็ ว่าจะเรยี นอะไร
2. ข้ันดาเนินการ ครูนาประเด็นให้เด็กคิดหัวข้อท่ีสนใจด้วยการนาเสนอปัญหาท่ีเด็กคิดแก้ไข ถาม
แล้วให้แนวทางซ่ึงจะนาไปสู่การกาหนดหัวข้อเรื่องที่จะเรียน โดยครูอาจใช้วิธีสังเกตความสนใจของเด็กและ
นามาแนะนาหัวข้อใหก้ ับเดก็ เมื่อเหน็ ว่าสาคญั หวั ขอ้ ทเี่ รียนอาจเปน็ ความสนใจของครู และความต้องการทาง
วชิ าชีพท่เี ห็นวา่ เด็กต้องเรยี น ความสนใจร่วมกันระหวา่ งครกู บั เด็กหรอื บางหัวขอ้ อาจนามาจากความสนใจของ
ผูป้ กครองหรือชมุ ชน
3. ข้ันสอน เม่ือมีหัวข้อโครงการแล้ว ครูตั้งคาถามที่จะนาไปสู่การดาเนินงานตามขั้นตอนการเรยี นรู้
อนั ได้แก่
- ข้ันวางแผนงาน ให้เด็กหาคาตอบว่า อยากรู้อะไรบ้าง จะใช้เครื่องมืออะไรในการส่ือความคิด และ
จะดาเนินการอย่างไร ระหว่างนี้ครูต้องบันทึกความเห็นของเด็ก แนวทางการดาเนินการของเด็กแล้วนาไป
วิเคราะหร์ ่วมกัน
- ขัน้ ดาเนินการ เด็กออกหาคาตอบตามแผนการทีก่ าหนด ครูบนั ทึกความกา้ วหน้าของเด็กโดย จัดทา
สารนิทัศน์จากผลงานของเด็กล้วนนามาเสนอเป็นงานเชิงศิลปะแสดง เช่น ภาพถ่ายที่เกี่ยวข้อง ภาพวาดของ
เดก็ สง่ิ ประดิษฐ์ สง่ิ กอ่ สรา้ ง ภาพปนั้ วสั ดุที่เด็กเก็บมาศกึ ษากส็ ามารถนามาแสดงเป็นผลงานได้ ซึง่ ในขน้ั น้ีตอ้ ง
ส่งเสริมให้เด็กสังเกต ใช้กระบวนการคิด สร้างสรรค์แล้วส่ืองานออกมาตามระดับความสามารถของเด็กเพื่อ
เสนอให้ผอู้ ่นื ทราบ
- ข้ันสรุป นาเสนอเป็นนิทรรศการให้ดูไว้เพ่ือให้เห็นการการทากิจกรรมของเด็กและความก้าวหน้า
ของเดก็
4. ขั้นการประเมินผล จากการคิดค้นอย่างอิสระของเด็ก ในหัวข้อหรือโครงการที่เด็กสนใจ เด็กจะ
ซมึ ซบั สิง่ ท่ีเดก็ เรียนรู้จากความคิดของตนเอง และเสนอออกมาเปน็ งานศิลปะ แกป้ ัญหาและเพ่มิ สาระจากการ
โต้ตอบปัญหาอภิปรายกับครู ไปสู่การปรับผลงานศิลปะ และบันทึกซ้าอีกครง้ั จากการได้เห็นของจริงว่า เป็น
สิง่ ของ ธรรมชาติ และชมุ ชนและปรับความรู้อีกคร้ัง ผลงานศิลปะทกุ ชนิ้ ของเดก็ เป็นภาพสะท้อนการเรียนรู้ท่ี
ลุ่มลึกและประทบั ในจิตใจ งานท่ีครสู ามารถนามาประเมนิ ได้แก่ การแสดงออกทางความคิดดว้ ยงานศิลปะของ
เด็ก ผลการเรียนรจู้ ากการคน้ หาคาตอบของเด็ก ผลงานของเดก็
การจัดส่ิงแวดล้อม
สงิ่ แวดล้อม เปน็ สว่ นหนึ่งทยี่ ่งิ ใหญ่สาหรับการมองเห็นของเด็กและเกดิ ความรสู้ ึกต่อห้องเรียนเรียกได้
วา่ สงิ่ แวดลอ้ มในโรงเรยี นเป็นครูคนที่สามของเดก็ สถานทีใ่ นโรงเรียนเรกจิโอเอมิเลียตอ้ งสวยงาม ครูตอ้ งจัด
บรรยากาศของห้องเรยี นให้เหมาะกับการเรียน ส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ ต้องเหมาะกบั การเรยี น ส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ
จึงต้องสามารถใช้งานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ยวั่ ยุ เชญิ ชวนใหเ้ ด็กได้คน้ พบสิง่ ต่าง ๆ และสามารถแก้ปญั หา มี
สถานที่ท่ีให้เด็กได้ทากิจกรรมกลุ่มเล็กบ่อย ๆ เพ่ือฝึกการทางานร่วมกันรวมท้ังต้องมีพ้ืนท่ีให้เด็กแสดงผลงาน
และสะสมผลงานของเด็ก จงึ กล่าวได้วา่ การจัดสภาพแวดล้อมภาพนอกห้องเรียนและภายในห้องเรยี นทส่ี ะทอ้ น
ถงึ ความพถิ พี ิถันของการออกแบบที่เออ้ื อานวยต่อการเรยี นรู้ของเด็กอย่างสนกุ สนาน มุมกจิ กรรมแตล่ ะมุมโต๊ะ
ทจี่ ัดวางวสั ดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ลว้ นทา้ ทายและเชญิ ชวนให้เด็กเข้าไปค้นหาเรยี นรู้ ทากจิ กรรมตามความสนใจของ
เด็กได้ตลอดเวลา
บทบาทของครู
ครูเป็นผู้มีบทบาทย่างมาก ในการกระตุ้นให้เด็กเรียนรู้ด้วยการกระทาและสื่อให้ครูทราบด้วยงาน
ศลิ ปะ บทบาทของครดู าเนินการมดี ังน้ี
1. ครูเป็นผู้อานวยการการเรียนรู้ให้แก่เด็ก กระตุ้นให้เด็กส่ือความคิดออกมาเป็นงานศิลปะ พร้อม
สนบั สนุนให้จดั สิ่งแวดล้อมเปน็ งานศิลปะจากผลงานของเด็ก
2. ครูคือผสู้ ร้างบรรยากาศของการเรียน
3. ครูเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทาตามแนวคิดของเด็กด้วยความเช่ือท่ีว่าเด็กมีศักยภาพและความสามารถ
สูงพอที่จะแสดงออกด้วยการกระทาดว้ ยตัวเอง
4. ครคู ือผ้ใู ชศ้ ักยภาพความสามารถของครูในการประสานการคน้ หาประสบการณข์ องเด็ก
5. ครเู ปน็ ผูป้ ระเมินความคิดเหน็ เด็ก ติดตาม ตงั้ สมมตุ ิฐานว่าตอ่ ไปเด็กจะพบอะไร จะเกิดการเรียนรู้
อะไร พร้อมสนับสนุนให้เด็กบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เก็บข้อมูลเด็กและเก็บผลงานเด็กเพ่ือจัดสารนิทัศน์
การประเมนิ เดก็
6. ครูเป็นผู้จัดการเวลาและโอกาสให้เด็กในการจัดผลงาน และพร้อมท่ีนาผลงานเด็กมาเสนอเชิง
ศลิ ปะ
การนาไปใช้
ข้อจากัด ท่ีเป็นข้อสังเกตของการสอนแบบ เรกจิโอ เอมีเลีย คือ ใช้เวลาในการเรียนแต่ละเรื่องนาน
ทาให้มีโอกาสเรียนได้น้อยเร่ือง ขอบเขตของการเรียนรู้แคบ สาระการเรียนรู้ได้มีเฉพาะเร่ืองที่เรียนเท่าน้ัน
ดังนั้นเพอื่ ใหเ้ ด็กพัฒนาครอบคลมุ ทุกด้านครูควรบูรณาการความรทู้ างคณิตศาสตร์ การเขยี น อ่าน ในระหว่าง
กระบวนการจดั กจิ กรรมในโครงการดว้ ย
ข้อดี ของการเรยี นการสอนแบบ เรกจโิ อ เอมเิ ลีย คือ การจัดกลุ่มเด็กเปน็ กลุ่มเล็ก จะชว่ ยเด็กในการ
เรียนรู้สังคมเพิ่มขึ้น มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สังเกตการณ์ทางานร่วมกัน เกิดการยอมรับ สร้างความ
อดทน ทาให้เกิดพัฒนาการด้านสงั คม นอกจากน้กี ารใชง้ านศิลปะเป็นสอื่ กลางในการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด
ของเด็กออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว ยังช่วยขยายความคดิ ของเด็กใหก้ ว้างออกไปด้วย ทาให้เดก็ รู้สกั การสังเกตส่ิง
ต่าง ๆ ในแง่มิติสัมพันธ์ ฝึกสายตา การมอง การใช้กล้ามเน้ือ สร้างความรักความชอบในงานศิลปะให้กับเดก็
(กุลยา, 2545)
เปน็ การใช้วธิ รี ะบบในการปรับปรุงและคิดค้นพัฒนาวธิ ีสอนแบบใหมๆ่ ทส่ี ามารถตอบสนองการเรียน
รายบคุ คล การสอนแบบผู้เรียนเปน็ ศูนยก์ ลาง การเรยี นแบบมสี ว่ นรว่ ม การเรียนร้แู บบแก้ปัญหา การพฒั นาวธิ ี
สอนจาเป็นต้องอาศัยวิธีการและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจัดการและสนับสนุนการเรียนการสอน ตัวอย่าง
นวัตกรรมท่ีใช้ในการเรียนการสอน ได้แก่ การสอนแบบศูนย์การเรียน การใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ การ
สอนแบบเรยี นรรู้ ่วมกนั และการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอร์เน็ต การวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ฯลฯ