3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (decorate, watch videos)
Nouns (streamers, magician, hide-and-seek)
Grammar: Linkers (and, but, or)
2) Language Skills
Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ
Writing: เขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครวั ,
เขียนอเี มลเชิญเพื่อนมางานวนั เกิด
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
ครูพูดคุยกบั นกั เรียนเกี่ยวกบั งานวนั เกิดโดยการถามคาถาม เช่น
When is your birthday?
What did your parents give you?
Have you ever gone to friend’s birthday party?
What did you give your friend?
Is there a birthday cake/balloons?
494
ข้นั Presentation
1. ครูแสดงบตั รคาศพั ท์เกี่ยวกบั งานเล้ยี ง ไดแ้ ก่ streamer (สายรุ้งสาหรับประดบั ตกแต่ง), magician,
hide-and-seek (การเล่นซ่อนหา), decorate (ตกแต่ง), watch video, snack (ของวา่ ง, ของขบเค้ียว),
balloon, cake, drink (เคร่ืองด่ืม) พร้อมท้งั ออกเสียงคาศพั ท์ ให้นกั เรียนออกเสียงตามคาละ 2 คร้ัง
2. ครูสลบั บตั รคา และแสดงให้นกั เรียนดแู ละออกเสียงคาศพั ทด์ ว้ ยตนเอง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั
บอกความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ครูวาดภาพงา่ ย ๆ บนกระดาน หรือแสดงท่าทางใหด้ ู
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 89 Ex. 1a นกั เรียนอ่านคาศพั ทท์ ่ีกาหนดใหพ้ ร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายว่าคาเหลา่ น้ี
อยใู่ นอเี มลท่นี กั เรียนเห็น จากน้นั เดาวา่ อเี มลน้ีน่าจะเกี่ยวกบั อะไร ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน
I think the email is about a special celebration.
2. หนังสือเรยี น หน้า 89 Ex. 1b ใหน้ กั เรียนอ่านอีเมล เพ่ือหาอีเมลน้ีเกี่ยวกบั เร่ืองอะไร
It’s about a birthday party.
ข้นั Production
1. หนงั สือเรยี น หน้า 89 Ex. 3 ให้นกั เรียนสมมตวิ า่ เป็นวนั เกิดของตนเอง แลว้ ตอบคาถามท่กี าหนดให้
ครูอาจจะใหน้ กั เรียนช่วยกนั ถามคาถาม โดยครูตอบคาถามเป็นตวั อยา่ ง เมอื่ นกั เรียนตอบคาถาม
เสร็จแลว้ ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียน 3-4 คน
1 At home with friends.
2 I’m going to have a party. I’m going to decorate the house, bake a cake, play
games and dance to music. I’m going to have a birthday cake, pizza,
sandwiches, and other party food and drinks.
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 59 Exs. 1, 3 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น
495
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั งานเล้ยี ง โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 3 ทมี ใหท้ กุ ทีมยนื เขา้ แถวตอนลึกหันหนา้
ไปทางกระดาน จากน้นั ครูให้คนสุดทา้ ยของแถวดกู ระดาษคาศพั ท์ เช่น คาว่า d_ _ _ r _ _ e
(decorate) แลว้ เขียนตวั อกั ษรท่ปี รากฏในกระดาษทลี ะตวั บนหลงั ของคนที่อยขู่ า้ งหนา้ ให้เขียนไป
เรื่อย ๆ เมื่อถึงคนท่ยี ืนหนา้ กระดาน ให้เดาวา่ คือคาศพั ทค์ าใดและเขยี นบนกระดาน ทมี ใดเขียน
คาศพั ทถ์ ูกตอ้ งจะไดค้ าละ 1 คะแนน แลว้ เร่ิมเล่นเกมใหมโ่ ดยให้คนที่อยหู่ นา้ กระดานมายืนตอ่
ทา้ ยแถว สุดทา้ ยทมี ทีม่ ีคะแนนมากทส่ี ุดจะเป็นผชู้ นะ
ข้นั Pre-writing
1. ครูนาเสนอคาที่ใชเ้ ช่ือมประโยค ไดแ้ ก่ and, but, or โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน และขดี
เสน้ ใต้ and, but, or
1) I like apples and oranges.
2) I can speak English but can’t speak Spanish.
3) He wants to watch TV or listen to music.
ครูถามว่าประโยคใดเชื่อมขอ้ มลู ทขี่ ดั แยง้ กนั (ประโยคที่ 2) ประโยคใดเช่ือมขอ้ มลู ทค่ี ลา้ ยกนั หรือ
เป็นลกั ษณะเดียวกนั (ประโยคที่ 1) ประโยคใดเป็นการให้เลอื กอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง (ประโยคที่ 3)
จากน้นั ครูอธิบายการใชค้ าเช่ือม and, but, or ดงั น้ี
- and ใชเ้ ชื่อมขอ้ มูลท่ีคลา้ ยกนั หรือเป็นลกั ษณะเดียวกนั
- but ใชเ้ ชื่อมขอ้ มลู ทข่ี ดั แยง้ กนั
- or ใชเ้ ชื่อมสิ่งที่เป็นทางเลอื ก
2. นกั เรียนอ่าน Study Skills หนงั สือเรียน หนา้ 89 เพอ่ื ทบทวนการใชค้ าเชื่อม จากน้นั ช่วยกนั
ยกตวั อยา่ งประโยคเพม่ิ เตมิ เช่น Anna gets up at six o’clock. She can play the violin.
3. หนงั สือเรยี น หน้า 89 Ex. 2 ให้นกั เรียนอา่ นประโยคที่กาหนดให้ และเตมิ and, or, but ลงในช่องว่าง
ให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และใหน้ กั เรียนท่เี หลือตรวจความถูกตอ้ ง
1 and 3 but 5 but
2 but 4 or 6 or
496
4. ใหน้ กั เรียนเขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครัวโดยใชค้ าเชื่อม and, but, or
มาคาละ 3 ประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคที่แตง่ คนละ 1 ประโยค
5. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 89 Ex. 4 ว่า นกั เรียนจะไดใ้ ชค้ าตอบจาก Ex. 3 เขียนอเี มล
เชิญเพอ่ื นมางานวนั เกิดของตนเอง โดยเขียนตามโครงร่างทก่ี าหนดให้ ความยาว 60-80 คา
6. นกั เรียนดูโครงร่างการเขียนอีเมลใน Ex. 4 แลว้ บอกวา่ มกี ่ียอ่ หนา้ (3 ยอ่ หนา้ ) ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ระบุ
วา่ แต่ละยอ่ หนา้ ตอ้ งเขยี นอะไร
ยอ่ หนา้ ท่ี 1 เชิญเพอ่ื นมางานวนั เกิด โดยบอกว่าจะจดั งานเมือ่ ไร จดั ทีไ่ หน
ยอ่ หนา้ ที่ 2 บอกเกี่ยวกบั กิจกรรม เกม อาหารท่จี ะมใี นงาน
ยอ่ หนา้ ที่ 3 ถามเพือ่ นว่าจะมาร่วมงานวนั เกิดไดห้ รือไม่
ข้นั Writing
หนังสือเรยี น หน้า 89 Ex. 4 นกั เรียนเขยี นอีเมลเชิญเพื่อนมางานวนั เกิดของตนเองตามโครงร่างที่
กาหนดให้ ความยาว 60-80 คา ครูแนะนาให้นกั เรียนดูอเี มลใน Ex. 1 เป็นตน้ แบบได้
Hi Lin,
It’s my birthday this weekend! I’m having a birthday party at my house on
Saturday from 2 pm - 6 pm. Can you come? I really hope so.
My parents are going to decorate the house with balloons and streamers. We are
going to play games there will be a DJ to play lots of music. There will be lots
of great food and a big cake.
It will be a lot of fun. Let me know if you can make it.
Ann
ข้นั Post-writing
1. นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้
เครื่องหมายวรรคตอน คาเช่ือม ยอ่ หนา้ และปรับแกง้ านเขียนใหเ้ รียบร้อย เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก
นกั เรียน 2-3 คน ออกมาอา่ นให้เพอ่ื นฟังทห่ี นา้ ช้นั แลว้ นกั เรียนรวบรวมผลงานส่งครูตรวจ
2. นกั เรียนทา Self-Check 7 ในหนงั สือเรียน หนา้ 119
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 59 Exs. 2, 4 ใหน้ ักเรียนทาเป็นการบา้ น
497
7. การวัดและการประเมนิ ผล
วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
-
ตรวจการตอบคาถามเก่ียวกบั วนั เกิด สมดุ นกั เรียน -
ของตนเอง ระดบั คุณภาพ พอใช้
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ตรวจการเขียนประโยคเก่ียวกบั สมดุ นกั เรียน
ตนเองและสมาชิกในครอบครวั โดย
ใชค้ าเช่ือม and, but, or
ประเมินการเขยี นอีเมลเชิญเพ่อื นมา แบบประเมินการเขยี น
งานวนั เกิด
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ
ในการทางาน อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1
3) บตั รคาศพั ทท์ ่เี กี่ยวกบั งานเล้ยี ง
498
7 ASEAN corner 7
1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ตอบคาถามจากการอ่านได้
- พูดอภปิ รายเกี่ยวกบั การกินอาหารฟาสตฟ์ ้ดู และอาหารทอ้ งถน่ิ ได้
- เขียนวธิ ีทาอาหารได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึก และความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
กิจกรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/
เหตกุ ารณท์ ี่อยใู่ นความสนใจของสงั คม
499
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้เกี่ยวกบั อาหารและส่วนผสมของอาหารในแต่ละประเทศ จะช่วยให้สามารถเลือก
รับประทานไดอ้ ยา่ งเหมาะสมเมื่อตอ้ งไปเยอื นประเทศตา่ ง ๆ
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (stir, fry, boil, grill, stir-fry, pour, add, peel, chop, cut, slice, wrap)
Nouns (mint, sweet basil, cabbage, lettuce, yard-long bean, herb,
ingredient, flavor)
Adjective (healthy)
Functions: Talking about fast food and local food
Fast food has a lot of fat.
Local food has vegetables and herbs.
2) Language Skills
Speaking: พูดสนทนาเก่ียวกบั การกินอาหารฟาสตฟ์ ้ดู และอาหารทอ้ งถ่ิน
Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียนวิธีทาอาหาร
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการใชค้ ดิ
3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน
500
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
1. ครูถามนกั เรียนวา่ What is your favourite Thai food?
2. ครูถามขอ้ มูลเก่ียวกบั อาหารอาเซียน โดยถามว่า Can you tell me about food of ASEAN countries?
Have you ever eaten Vietnamese food?
ข้นั Pre-reading
1. ใหน้ กั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 90 แลว้ เดาว่าบทอา่ นเรื่องน้ีน่าจะเกี่ยวกบั อะไร
2. หนงั สือเรยี น หน้า 90 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นคาศพั ท์ 1-5 ตามครูพร้อมกนั แลว้ เดาความหมายดว้ ยการ
จบั ค่คู าศพั ทก์ บั ภาพ a-e เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
1c 2d 3b 4e 5a
3. ครูนาเสนอคาศพั ทท์ ่ใี ชใ้ นการทาอาหารโดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดานทลี ะคา ไดแ้ ก่ stir (คน), fry
(ทอด), boil (ตม้ ), grill (ยา่ ง), stir-fry (ผดั ), pour (เท, ริน), add (เติม, เพิม่ ), peel (ปอกเปลือก), chop
(สบั ), cut (ห่ัน), slice (ซอย) พร้อมท้งั ออกเสียงคาศพั ท์ ให้นกั เรียนออกเสียงตาม 2 คร้งั จากน้นั ครู
พดู คาศพั ทแ์ ละทาท่าทางประกอบหรือวาดภาพง่าย ๆ บนกระดาน ให้นกั เรียนเดาความหมาย
4. ครูนาเสนอคาศพั ทค์ าอ่นื ๆ ไดแ้ ก่ herb, ingredient, healthy, flavor, wrap โดยเขยี นคาศพั ทบ์ น
กระดาน และใหน้ กั เรียนแข่งกนั เปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม
herb (n) = a plant whose leaves, flowers or seeds are used to flavor food, in
medicines or for their pleasant smell (สมุนไพร)
ingredient (n) = one of the things from which the foods are cooked (ส่วนผสม)
healthy (adj) = having good health and not likely to become ill/sick (สุขภาพดี)
flavor (n) = how food or drink tastes (รสชาติ)
wrap (v) = to cover something completely in paper or other material (ห่อ)
ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 90 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถามทใี่ ห้มา ครูตรวจสอบว่าทกุ คนเขา้ ใจคาถาม แลว้ ให้
นกั เรียนอา่ นบทอ่านเพ่อื หาเน้ือเร่ืองส่วนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาถาม เม่อื พบแลว้ ให้อา่ นประโยคหรือ
ขอ้ ความทค่ี าถามน้นั พาดพิงไปถงึ เมอื่ เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามท่ีให้มา
501
1 Asian food is delicious and healthy.
2 They are good for health and add flavor.
3 Some ingredients of Vietnamese spring rolls are shrimps, lettuce, basil, mint
and coriander.
4 Some ingredients of Thai larb are minced pork, fresh and dried chillies, spring
onions, red onions, toasted rice and herbs.
ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 90 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาถามพร้อมกนั ถา้ มคี าถามขอ้ ใดทนี่ กั เรียนไม่เขา้ ใจ ใหค้ รู
ช่วยอธิบาย จากน้นั ให้นกั เรียนจบั ค่กู นั อภิปรายคาถามเหล่าน้ี หรือครูอาจให้นกั เรียนอภปิ รายเป็น
กลุ่ม
A: We should eat less fast food because it is more expensive.
B: We should eat local food because it is cheaper.
A: Fast food has a lot of fat.
B: Local food has vegetables and herbs.
A: Fast food doesn’t suit old age.
B: All ages can eat local food.
2. หนังสือเรยี น หน้า 90 Ex. 4 ให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 3-4 คน ให้แต่ละกลมุ่ เลอื กอาหารไทย
1 อยา่ งท่ชี อบและมผี กั สมนุ ไพรเป็นส่วนผสม แลว้ เขยี นวิธีทาอาหารชนิดน้นั โดยบอกส่วนผสม
และวธิ ีทา พร้อมท้งั ตกแต่งดว้ ยภาพให้สวยงาม เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 กลมุ่ โดยเลอื ก
อาหารไมซ่ ้ากนั ออกมานาเสนอท่ีหนา้ ช้นั
ครูอาจจะแนะนาเวบ็ ไซตท์ ีน่ าเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาหารใหน้ กั เรียน
ใชป้ ระกอบการทางาน เช่น
http://amazingthaifood.tourismthailand.org/tha/treasures/glossary.html
502
Minced pork with holy basil
Ingredients black soy sauce
minced pork oyster sauce
holy basil seasoning sauce
red chilli peppers: chopped finely sugar
garlic: chopped finely water
oil
fish sauce
Method
1 Heat oil in pan. Add garlic and red chilli peppers to stir-fry.
2 Add minced pork into pan. Stir-fry to cook. Break it up into crumbs.
3 Add black soy sauce and stir to infuse sauces into pork.
4 Add fish sauce, sugar, oyster sauce, seasoning sauce and a little water. Stir and
mix well.
5 Add holy basil. Stir quickly. Switch off heat.
7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สมดุ นกั เรียน ร้อยละ 60
วิธีการวดั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน
สงั เกตการพูดอภิปรายเก่ียวกบั การกิน แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
อาหารฟาสตฟ์ ้ดู และอาหารทอ้ งถน่ิ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ประเมนิ การเขียนวธิ ีทาอาหาร อนั พึงประสงค์
สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และการรกั
ความเป็ นไทย
503
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
3) พจนานุกรมออนไลน์
504
8 O-NET practice & Fun time 7
1 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ท่เี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
- เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาท่เี รียนมาแลว้ ได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พูด/เขยี นสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาได้
อยา่ งเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
505
Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7
2) Language Skills
Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขยี น quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาท่เี รียนมาแลว้
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
- มงุ่ มนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ให้นกั เรียนเล่นเกม Beginning with ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาหาร โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม
แลว้ ครูอธิบายว่าให้แต่ละทมี ช่วยกนั คิดและบอกคาศพั ทช์ ื่ออาหารที่ข้นึ ตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรที่ครูบอก
เช่น
T: Can you tell me the food beginning with l? Team A
Team A S1: Lamb
T: Can you tell me the food beginning with p? Team B
Team B S1: Pizza
ข้นั Presentation
1. ให้นกั เรียนบอกไวยากรณท์ ี่เรียนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 แลว้ ครูเขยี นบนกระดานในรูปของ
mind map จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างและหลกั การใช้
506
countable/ much/many/
uncouuntable a lot of/
nouns a little/a few
linkers ไวยากรณ์ a/an -
(and, but, หน่วยการ some/any
or) เรียนรู้ที่ 7
must/mustn’t will -
- have to/don’t begoing to
have to
2. ครูเขียนตาราง 9 ช่อง บนกระดาน และเขยี นคาบอกปริมาณ ไดแ้ ก่ much, many, a lot of, a few,
a little ลงไปช่องละ 1 คา ให้ครูเขียนคาซ้าได้ จากน้นั แบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี ให้แข่งกนั เลน่ เกม
Noughts and Crosses โดยผลดั กนั แต่งประโยคจากคาบอกปริมาณในตาราง ทมี ใดแต่งประโยค
ถกู ตอ้ งจะไดท้ าสญั ลกั ษณ์ X หรือ O ในตาราง ทีมที่ทาสัญลกั ษณเ์ รียงตอ่ กนั ในแนวต้งั แนวนอน
หรือแนวทแยงไดก้ ่อนจะเป็นผชู้ นะ
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 92 Ex. 1 นกั เรียนอ่านคาใบท้ ใ่ี หม้ า แลว้ เติมคาศพั ทล์ งในตารางอกั ษรไขวเ้ พ่อื หา
คาศพั ทท์ ี่ซ่อนอยู่ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาศพั ท์ พร้อมท้งั สะกดคา
1 sugar 4 bread 7 cereal 10 snack
8 chips
2 pasta 5 water 9 cheese
3 banana 6 rice
a popular snack: sandwiches
2. หนงั สือเรียน หน้า 92 Ex. 2 นกั เรียนทา quiz โดยหา้ มเปิ ดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนเปรียบเทียบ
คาตอบกบั เพื่อน จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ
507
1T 2F 3T 4F 5T 6F
3. หนังสือเรียน หน้า 92 GAME ให้นกั เรียนเลน่ เกม Hangman โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 ทีม แลว้ ครู
นึกคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาหารหรือเคร่ืองดื่ม 1 คา และเขียนอกั ษรตวั แรกของคาศพั ทบ์ นกระดาน โดยขีด
เสน้ เทา่ จานวนตวั อกั ษรเหลือของคาศพั ท์ เช่นคาว่า cereal c __ __ __ __ __ จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะทมี
ผลดั กนั ทายตวั อกั ษรตวั ต่อไปที่มใี นคาศพั ท์ ถา้ ทายถูกครูเขยี นอกั ษรตวั น้นั บนกระดาน แตถ่ า้ ทายผิด
ใหค้ รูวาด 1 ส่วนของ Hangman ทมี ใดทายคาศพั ทถ์ ูกตอ้ งกอ่ นท่ี Hangman จะถกู แขวนคอจะได้
1 คะแนน สุดทา้ ยทมี ทไ่ี ดค้ ะแนนมากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะ
Team A S1: a
T: Sorry! (วาด 1 ส่วนของ Hangman)
Team B S1: e
T: Correct! (เขยี น e ลงในคาศพั ท)์
4. หนงั สือเรียน หน้า 56 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นคาทกี่ าหนดให้ แลว้ ครูบอกว่าคาเหลา่ น้ีปรากฎอยใู่ น
เน้ือเพลง ให้นกั เรียนเดาวา่ เพลงน้ีน่าจะเกี่ยวขอ้ งกบั อะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพลง
และดเู น้ือเพลงตามไปดว้ ยเพื่อตรวจคาตอบ
The song is about family celebrations.
5. หนังสือเรยี น หน้า 56 Ex. 5 ครูถามนกั เรียนวา่ Why does the singer enjoy family celebrations?
ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ
The singer feels happy to spend time with family at festive times.
จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขียนตอบคาถามดงั กล่าวดว้ ยความรู้สึกของตนเอง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอก
ความรู้สึกของตนเองใหเ้ พื่อนฟัง
508
I think it’s great to celebrate an event with my family members.
It’s a good opportunity to spend time with each other.
6. หนังสือเรยี น หน้า 91 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ
Ex. 1 1 c 2 b 3 c
Ex. 2 1 b 2 d 3 c 4 c 5 d
ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 92 Ex. 3 นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกกระดาษใหค้ ู่ละ 1 แผ่น ให้แต่ละคู่คดิ
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เก่ียวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 เช่น Blinis symbolise the moon. (F)
ครูให้นกั เรียนเปิ ดดูเน้ือหาได้ และใหน้ กั เรียนเขียนคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมื่อทุกคคู่ ิดคาถาม
เสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั ค่อู นื่
1 People eat fried brain sandwiches in Cambodia. (F)
2 Puffer fish are poisonous. (T)
3 You mustn’t leave food outside the fridge for more than two hours. (T)
4 Saint Patrick is from Russia. (F)
5 St Patrick’s Day is in May. (F)
6 A-ping is poisonous. (F)
509
7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
- ร้อยละ 60
วธิ กี ารวดั
ตรวจการเขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหา แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 อนั พึงประสงค์
สงั เกตความมุ่งมน่ั ในการทางาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1
510
8 Masters of Arts
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 14 ชั่วโมง
1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ
อ่าน
ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ ัมพนั ธก์ บั ส่ือทไ่ี ม่ใช่ความเรียง (non-text
information) ทอี่ ่าน
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวิตประจาวนั
ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขียนเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟังหรืออา่ น
อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
กิจกรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม
ใกลต้ วั
511
ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/
เหตุการณ์ท่ีอยใู่ นความสนใจของสังคม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม
ของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองทเ่ี กิดข้นึ ในห้องเรียนและ
สถานศึกษา
2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจ บอกรายละเอยี ด และสรุปเร่ืองที่
อ่านและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาสิ่งท่ีเรียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขยี นสื่อสาร แสดงความคดิ เห็น
แลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง ภาพยนตร์ เหตุการณ์ในอดีต ดนตรีไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม และ
สามารถคน้ ควา้ ขอ้ มลู เพม่ิ เติม รวมถงึ มคี วามรู้เก่ียวกบั สัญลกั ษณอ์ าเซียน ตลอดจนมีความเขา้ ใจใน
มารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
512
3 สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Mythical creatures (hippogriff, cyclops, dragon, unicorn, phoenix)
Parts of animals (thick mane, single eye, horn, long tail, sharp claws,
beak, big wings, sharp teeth, long feathers)
Types of films (action, animated cartoon, comedy, historical, horror,
musical, adventure, romance, detective, western, science-fiction, fantasy)
Adjectives desclibing films (boring, interesting, sad, funny, frightening,
exciting)
Musical instruments (piano, harp, drum, accordion, acoustic guitar,
violin, cello, electric guitar, bass guitar, saxophone, synthesiser,
harmonica, flute)
Types of music (rock, jazz, classical, ethnic, folk, heavy metal, disco, pop)
Sentences (How are you today, Sam?, Much better, thanks., I don’t
believe it., It’s a pity you couldn’t make it., No, she wasn’t. She was ill.,
Matt’s costume was fantastic., What was he?)
Verbs (burst, heal, bite, breathe, fight, join the army, dress, realise,
appear, perform, represent, tie)
Nouns (horse, huge snake, giant, eagle, mythology, mythical creature,
forest, tear, monster, volcano, medicine, ashes, wound, fire, warrior,
sword, emperor, gift, soldier, ballad, statue, hometown, stone tablet, the
flu, band, entertainer, juggler, fire eater, association, symbol, emblem,
stalk, courage, progress, purity, success, wealth, unity, solidarity, aim,
diet, crop)
Adjectives (weird, intelligent, poisonous, ancient, brave, excellent,
perfect, awful, upset, fantastic, delicious, amazing, terrible, great,
disappointing, peaceful, stable)
Grammar: was/were
had
could
513
Functions: Agreeing/Disagreeing
Do you like animated cartoon films?
Yes, I love them.
So do I.
Talking about films
‘Cowboys’ was on TV last night.
Really? What was it like?
It was very interesting.
Talking about the past
Were you at the cinema last Monday?
Yes, I was.
Talking about things people had/didn’t have in the past
Did you have a dog at the age of five?
Yes, I did.
Talking about past abilities
Could you read at the age of seven?
Yes, I could.
Describing a past event
How was your weekend?
It was great. I was at the beach.
Talking about the symbol of ASEAN
How many colours are there in the ASEAN symbol?
There are four colours – blue, white, red, yellow.
Pronunciation: strong & weak forms
John was at school yesterday.
Was the film good?
2) Language Skills
Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พูดแสดงความเห็นดว้ ยและไมเ่ ห็นดว้ ยเก่ียวกบั ประเภทของภาพยนตร์ที่
ชอบและไม่ชอบ, พดู สนทนาเก่ียวกบั ภาพยนตร์, พูดขอและให้ขอ้ มลู
เกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ในอดีต, พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ส่ิงของทผี่ อู้ น่ื ม/ี
514
Reading: ไมม่ ีและสิ่งทต่ี นเองสามารถทาไดเ้ ม่อื ในอดีต, พูดสนทนาตามสถานการณ์
Writing: ทกี่ าหนด, พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั เรื่องดนตรี, พดู นาเสนอประเภท
ของดนตรีท่ีช่ืนชอบ, พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั งานรื่นเริง/เทศกาลทเ่ี คย
เขา้ ร่วม, พูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั สัญลกั ษณอ์ าเซียน
อา่ นเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ, อา่ นออกเสียงบทสนทนา
เขียนนาเสนอเกี่ยวกบั สตั วใ์ นตานานและสัตวใ์ นตานานของไทย, เขียน
บรรยายเก่ียวกบั ส่ิงท่ตี นเองมี/ไมม่ ีและสิ่งท่ที าได/้ ไมไ่ ดเ้ มื่อในอดีต, เขียน
สรุปเร่ืองท่อี ่าน, เขยี นสรุปประวตั ิของวรี สตรีไทย, แตง่ บทสนทนาตาม
สถานการณท์ ี่กาหนด, เขียนขอ้ ความส้ัน ๆ เกี่ยวกบั ตนเองหรือเพื่อน, เขียน
อเี มลเลา่ เกี่ยวกบั งานรื่นเริง/เทศกาลท่ีไดเ้ ขา้ ร่วม, เขียนเก่ียวกบั สัญลกั ษณ์
ประจาชาตไิ ทยหรือประเทศสมาชิกอาเซียน
4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมน่ั ในการทางาน
6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
1) คน้ ควา้ เกี่ยวกบั สัตวใ์ นตานานของไทยและเขยี นนาเสนอ
2) คน้ ควา้ เกี่ยวกบั สตั วใ์ นตานานและเขยี นนาเสนอ
3) เขียนบรรยายเกี่ยวกบั สิ่งทต่ี นเองมี/ไม่มีและสิ่งทีท่ าได/้ ไม่ไดเ้ มอื่ ในอดีต
4) เขยี นสรุปประวตั ิของวีรสตรีไทย
5) อา่ นออกเสียงบทสนทนา
6) แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กาหนด
7) พดู สนทนาตามสถานการณท์ ก่ี าหนด
8) ชิ้นงาน ‘Picture Dictionary’
9) คน้ ควา้ ประเภทของดนตรีทชี่ ื่นชอบและพูดนาเสนอ
515
10) เขียนอีเมลเล่าเกี่ยวกบั งานร่ืนเริง/เทศกาลที่ไดเ้ ขา้ ร่วม
11) คน้ ควา้ เกี่ยวกบั สญั ลกั ษณ์ประจาชาตไิ ทยหรือประเทศสมาชิกอาเซียน และเขียนนาเสนอ
7 การวดั และการประเมนิ ผล
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน
7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมนิ หลงั เรียน
7.4 การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
516
1 Reading 8a & Vocabulary 8a
2 ช่ัวโมง
จุดประสงค์การเรยี นรู้
- ตอบคาถามจากการอา่ นได้
- พูดแสดงความเห็นดว้ ยและไมเ่ ห็นดว้ ยเกี่ยวกบั ประเภทของภาพยนตร์ท่ีชอบและไมช่ อบได้
- พดู สนทนาเกี่ยวกบั ภาพยนตร์ได้
- คน้ ควา้ เก่ียวกบั สัตวใ์ นตานานและเขยี นนาเสนอได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวิตประจาวนั
ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขยี นเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองทีฟ่ ังหรืออ่าน
อยา่ งเหมาะสม
ต 1.2 ม. 1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
กิจกรรมต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
517
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ท่ีไดจ้ ากการวิเคราะหเ์ ร่ือง/
เหตกุ ารณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม
ของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อนื่ และเป็น
พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้-
อ่นื จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและ
สถานศกึ ษา
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์เกี่ยวกบั สัตวใ์ นตานาน ส่วนตา่ ง ๆ ของสัตว์ ประเภทของภาพยนตร์ adjectives
และ สานวนภาษาในการแสดงความเห็นดว้ ยและไม่เห็นดว้ ย จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของ
เรื่องทอ่ี ่าน สามารถนาคาศพั ทแ์ ละสานวนที่เรียนไปใชพ้ ดู สื่อสาร แสดงความเห็นดว้ ยและไม่เห็นดว้ ย
เก่ียวกบั ภาพยนตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รวมถงึ สามารถคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ และเขยี นใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั
สัตวใ์ นตานานได้
518
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Mythical creatures (hippogriff, cyclops, dragon, unicorn, phoenix)
Parts of animals (thick mane, single eye, horn, long tail, sharp claws,
beak, big wings, sharp teeth, long feathers)
Types of films (action, animated cartoon, comedy, historical, horror,
musical, adventure, romance, detective, western, science-fiction, fantasy)
Adjectives desclibing films (boring, interesting, sad, funny, frightening,
exciting)
Verbs (burst, heal, bite, breathe)
Nouns (horse, huge snake, giant, eagle, mythology, mythical creature,
forest, tear, monster, volcano, medicine, ashes, wound, fire)
Adjectives (weird, intelligent, poisonous)
Functions: Agreeing/Disagreeing
Do you like animated cartoon films?
Yes, I love them.
So do I.
Talking about films
‘Cowboys’ was on TV last night.
Really? What was it like?
It was very interesting.
2) Language Skills
Speaking: พูดแสดงความเห็นดว้ ยและไมเ่ ห็นดว้ ยเก่ียวกบั ประเภทของภาพยนตร์ที่
ชอบและไม่ชอบ, พูดสนทนาเก่ียวกบั ภาพยนตร์
Reading: อา่ นเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ
Writing: เขียนนาเสนอเก่ียวกบั สัตวใ์ นตานานและสตั วใ์ นตานานของไทย
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
2) ความสามารถในการคิด
519
5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
ข้นั Warm up
1. นกั เรียนอา่ นช่ือหน่วยการเรียนรู้ (Masters of Arts) ในหนงั สือเรียน หนา้ 93 และเดาความหมาย
master (n) = a person very skilled in an art, science etc. (ผเู้ ชี่ยวชาญ)
2. Find the page numbers for หน้า 93 นกั เรียนอา่ นคาท่กี าหนด แลว้ ครูอธิบายคาวา่ author
author (n) = the writer of a book, article, play etc. (นกั เขยี น, ผปู้ ระพนั ธ์)
จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาวา่ ภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาเหล่าน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมอ่ื หาพบแลว้ ครู
ถามคาถามเพื่อดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน
musical instruments (p. 100)
Do you play a musical instrument? If so, which one?
If not, would you like to play one? Why (not)?
a famous author (p. 94)
Can you give the name of famous authors?
Who is your favourite author?
a Victorian kitchen (p. 97)
How different is this kitchen to your kitchen?
What do you think it was like to cook in this kitchen?
an email (p. 101)
How often do you send emails to your friends?
Do you like sending emails? Why (not)?
520
ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 93 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพสัตวใ์ นตานาน แลว้ ครูถามวา่ Do you know these
creatures? จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทแ์ ละออกเสียงตามพร้อมกนั 2 คร้งั แลว้ ครูให้
นกั เรียนช่วยกนั นึกและบอกช่ือสตั วใ์ นตานานเหล่าน้ีเป็นภาษาไทย
ยนู ิคอร์น (unicorn) มลี กั ษณะคลา้ ยมา้ มเี ขาเกลียวแหลมยาวและใหญ่ออกมาจาก
หนา้ ผาก ในสมยั กลางและฟ้ื นฟูศิลปวิทยามีการอธิบายว่ายนู ิคอร์นเป็นสญั ลกั ษณ์
แห่งความบริสุทธ์ิและสง่างาม เช่ือกนั วา่ เขาของยนู ิคอร์นมีอานาจเปลยี่ นน้าพษิ
ให้ดื่มได้ และรกั ษาอาการเจ็บป่ วย
ฮิปโปกริฟฟ์ (hippogriff) เป็นสัตวค์ ร่ึงกริฟฟินคร่ึงมา้ (กริฟฟินเป็นสตั วล์ กู ผสม
ระหว่างอนิ ทรีกบั สิงโต ) มหี ัวเป็นอินทรี ตวั เป็นมา้ มปี ี ก ขา และเล็บเหมอื นอนิ ทรี
โดยธรรมชาติกริฟฟินและมา้ เป็นศตั รูกนั ฮิปโปกริฟฟ์ ซ่ึงเป็นลูกผสมระหวา่ งสตั ว์
ท้งั สองจึงเป็นสัญลกั ษณ์ของการทาสิ่งที่เป็นไปไม่ไดใ้ ห้เป็นไปได้
ไซคลอปส์ (Cyclops) คืออสูรยกั ษต์ าเดียวในตานานเทพปกรณมั ของกรีก มหี นา้ ตา
ดุร้ายน่ากลวั ถอื กาเนิดจากอูรานอส เทพแห่งทอ้ งฟ้า และไกอา พระแม่ธรณี เป็ น
ผูส้ ร้างสายฟ้าใหแ้ ก่ซุส มหาเทพ สร้างตรีศลู ใหโ้ พไซดอน จา้ วแห่งมหาสมทุ ร และ
สร้างหมวกแห่งความมืดใหฮ้ าเดส จา้ วแห่งยมโลก
ฟีนิกซ์ (phoenix) มีลกั ษณะเหมอื นนก ประกายขนเป็นสีแดงถึงเหลอื งทองสวยงาม
มีเสียงร้องไพเราะ มีนิสยั ออ่ นโยน น้าตาของฟี นิกซม์ ีพลงั ในการรักษาบาดแผลและ
ชุบชีวติ ได้ ฟีนิกซเ์ ป็นสญั ลกั ษณ์แห่งความเป็นอมตะ มชี ีวิตนิรนั ดร์ เพราะเมื่อสิ้น
อายขุ ยั ฟีนิกซจ์ ะแผดเผาตนเองกลายเป็นเถา้ ถา่ น แลว้ จะถือกาเนิดข้นึ ใหม่จาก
เถา้ ถา่ นน้นั
2. หนังสือเรยี น หน้า 93 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของสตั ว์ โดยครูช้ี
ส่วนตา่ ง ๆ ของสัตวใ์ นภาพให้นกั เรียนดูตามไปดว้ ย จากน้นั ครูเปิ ด CD อกี คร้งั ใหน้ กั เรียนฟังและ
ออกเสียงตาม พร้อมท้งั ช้ีภาพ แลว้ ให้นกั เรียนพูดส่วนต่างๆ ของสัตวเ์ ป็นภาษาไทย
3. หนงั สือเรยี น หน้า 93 Ex. 3 ครูถามนกั เรียนวา่ Which of the beasts look like a horse/a huge snake/a
giant/a bird/a horse and an eagle? ให้นกั เรียนดภู าพและตอบครู
521
A unicorn looks like a horse.
A dragon looks like a huge snake.
A Cyclops looks like a giant.
A phoenix looks like a bird.
A hippogriff looks like a horse and an eagle.
4. หนงั สือเรียน หน้า 93 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนอา่ นตวั อยา่ งพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพดู บรรยาย
ลกั ษณะสัตวใ์ นภาพ
A phoenix looks like a bird. It has got a beak, a long tail, wings and long feathers.
A hippogriff looks like a horse and an eagle. It has got a beak, sharp claws, a long
tail, big wings and long feathers.
A Cyclops looks like a giant. It has got a single eye.
A dragon looks like a huge snake. It has got a long tail, big wings and sharp teeth.
มงั กร (dragon) เป็นสัตวใ์ นตานานทม่ี ีอยทู่ ้งั ในวฒั นธรรมตะวนั ตกและวฒั นธรรมจีน
มงั กรของจีนมรี ูปร่างลกั ษณะคลา้ ยงู ไม่มปี ีก แต่บนิ ได้ ส่วนมงั กรของตะวนั ตกมีขา
มปี ี ก และพน่ ไฟได้
ในตานานของตะวนั ตกมงั กรเป็นสตั วอ์ นั ตรายและน่าสะพรึงกลวั สาหรบั มนุษย์
จึงเป็นศตั รูของเหล่าวรี บรุ ุษ ส่วนในตานานของจีนมงั กรเป็นสัตวม์ งคลและมสี ถานะ
เป็ นเทพเจา้
ทมี่ า: http://student.st.ac.th/38351/dragon.html
5. หนังสือเรยี น หน้า 94 Ex. 1 ให้นกั เรียนดภู าพและบอกชื่อสตั วเ์ หลา่ น้ี แลว้ ครูถามว่า Which of the
creatures is half human and half horse? Which of the creatures has got a human head? Which of
the creatures has got three heads? Which of the creatures has got a long tail and a sharp beak?
522
The centaur is half human and half horse and it has got a human head.
The chimera has got three heads.
The phoenix has got a long tail and a
6. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 94 ตามครู แลว้ ช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ ครูช่วยอธิบายหรือใหน้ กั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม เช่น
weird (adj) = very strange and unusual, unexpected or not natural (แปลก)
mythology (n) = a popular belief that is probably not true
creature (n) = a living thing, real or imaginary (ส่ิงมีชีวิต)
tear (n) = a drop of liquid that comes out of your eye when you cry (น้าตา)
burst (n) = to break open or in piecessuddenly (ระเบดิ )
ashes (n) = the grey or black powder that is left after something has burnt
(เถา้ ถา่ น)
heal (n) = to make orbecome healthy (รกั ษา)
wound (n) = an injury to part of the body (บาดแผล)
7. หนงั สือเรียน หน้า 94 Ex. 2 ให้นกั เรียนอา่ นช่ือเร่ืองของบทอ่านและบทนาในกรอบสีแหลืองช่อง
แรก แลว้ ครูถามวา่ Who’s Harry Potter? How are these creatures related to him? ใหน้ กั เรียนลอง
เดาคาตอบ จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ยเพอ่ื ตรวจว่าเดาคาตอบ
ถูกตอ้ งหรือไม่
Harry Potter is a character in a series of books by J.K. Rowling. The
mythical creatures in the pictures are related to Harry Potter because they
are in the books about him.
523
ข้นั Reading
หนงั สือเรียน หน้า 95 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยคท่กี าหนดให้ และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั ในประโยค
จากน้นั อ่านบทอ่านเพ่ือมองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาท่มี ีความหมายตรงกนั ขา้ ม
(opposite) หรือกล่มุ คา/วลี ทมี่ ีความหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ทีข่ ีดเสน้ ใตไ้ ว้ เมื่อพบ
แลว้ อา่ นใหเ้ ขา้ ใจแลว้ ตอบว่าประโยคถกู หรือผิด
1 F (Centaurs had one head.)
2 F (Only in the Harry Potter books)
3T
4 F (Phoenixes were beautiful birds.)
5T
6 F (Chimeras had three heads from 3 different animals.)
7T
8T
ข้นั Post-reading
1. หนงั สือเรยี น หน้า 95 Ex. 4 นกั เรียนทางานค่กู บั เพอ่ื นช่วยกนั หาสิ่งท่ีเหมอื นกนั และแตกต่างกนั
ระหว่างสตั วใ์ นหนงั สือ Harry Potter กบั สัตวใ์ นตานาน แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพดู ให้เพอื่ นฟัง
Centaurs in mythology were wild dangerous beasts.
Centaurs in the Harry Potter books were intelligent and could see the future.
Both types of centaurs lived in the forest and both had one special centaur who
was a teacher.
Phoenixes in mythology and the phoenixes in the Harry Potter books were not
different at all. They could both heal with their tears and burst into flames and be
born again from the ashes.
Chimeras in mythology and the chimeras in the Harry Potter books were both
dangerous.
524
2. หนงั สือเรยี น หน้า 95 Ex. 5 นกั เรียนเลอื กสตั ว์ 1 ชนิดจากบทอา่ น และเขยี นประโยคให้ขอ้ มลู ผิด
เก่ียวกบั สตั วท์ ่ีเลือก 2-3 ประโยค จากน้นั อา่ นให้เพื่อนขา้ ง ๆ ฟัง เพอื่ แกไ้ ขจดุ ที่ผดิ ให้ถกู ตอ้ ง ครูเดิน
สังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คน อ่านประโยคให้เพ่อื นในช้นั ฟัง เพอ่ื ช่วยกนั บอก
จดุ ผิด พร้อมท้งั แกไ้ ขให้ถกู ตอ้ ง
Centaurs were half human half bird. (half human half horse)
Centaurs lived by the sea. (in the mountains and forests)
Phoenixes were golden birds with a red tail. (red or purple birds with golden tail)
Phoenixes were from Greece. (Egypt)
Chimeras had three heads from three different animals: a lion, a dog and a snake.
(lion, goat, snake)
Chimeras could breathe ice. (fire)
3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มคน้ ควา้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ หรือหนงั สืออา้ งอิง
เกี่ยวกบั สัตวใ์ นตานานของไทยมากลมุ่ ละ 1 ชนิด แลว้ เขยี นสรุปขอ้ มูล เช่น สถานทอ่ี ยู่ ลกั ษณะ
พร้อมกบั วาดภาพหรือติดภาพประกอบ
4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 60 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up
ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทีม แลว้ พูดลกั ษณะของสตั วใ์ นตานาน 1 ชนิด ใหน้ กั เรียนฟัง ใหแ้ ตล่ ะ
ทีมผลดั กนั ทายว่าคือสัตวอ์ ะไร เช่น
T: It has got big wing. What is it?
Team A S1: It’s a dragon.
T: No. It has got sharp claws. What is it?
Team B S1: It’s a hippogriff.
T: That’s correct.
525
ข้นั Presentation
1. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ประเภทของภาพยนตร์ในหนงั สือเรียน หนา้ 95 Ex. 6 ถา้ คาใดอา่ น
ไม่ไดใ้ หค้ รูอา่ นนา แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ครูช่วยอธิบายหรือยกตวั อยา่ ง
ภาพยนตร์ เช่น Frozen is an animated cartoon. Fast and Furious is an action film. Star Wars is a
science-fiction film.
action (ภาพยนตร์แอ็คชน่ั , ต่อสู)้ adventure (ภาพยนตร์ผจญภยั )
animated cartoon (ภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชน่ั ) romance (ภาพยนตร์รกั )
comedy (ภาพยนตร์ตลก) detective (ภาพยนตร์สืบสวน)
historical (ภาพยนตร์อิงประวิตศิ าสตร์) western (ภาพยนตร์คาวบอย)
horror (ภาพยนตร์เขยา่ ขวญั ) science-fiction (ภาพยนตร์แนววทิ ยาศาสตร์)
musical (ภาพยนตร์เพลง) fantasy (ภาพยนตร์เหนือจริง, แฟนตาซี)
ครูบอกนกั เรียนว่า คาว่า science-fiction สามารถเรียกแบบยอ่ วา่ sci-fi (ไซ-ไฟ)
2. ครูนาเสนอสานวนแสดงความเห็นดว้ ยกบั ส่ิงท่ีผูอ้ ่ืนพูด ดว้ ยการสุ่มถามนกั เรียน 1 คน เกี่ยวกบั
ประเภทของภาพยนตร์ท่ีชอบ เช่น
T: Do you like horror films?
S1: No.
T: Neither do I. Do you like romance films?
S1: Yes, I like them.
T: So do I.
ครูเขียนบทสนทนาระหว่างครูกบั นกั เรียนบนกระดาน โดยขดี เส้นใตส้ านวน So do I. และ Neither
do I. บนกระดาน แลว้ อธิบายว่าเราใช้ So do I. เพอ่ื แสดงความเห็นดว้ ยกบั ส่ิงท่ีผอู้ นื่ พูด และใช้
Neither do I. เพื่อแสดงความเห็นดว้ ยกบั สิ่งที่เป็นปฏิเสธซ่ึงผอู้ ่ืนพูด หรือจะใชว้ ่า Me neither. (ฉันก็
ไมด่ ว้ ยเหมือนกนั ) กไ็ ด้
3. ครูบอกนกั เรียนว่า ถา้ เราไม่เห็นดว้ ยกบั ส่ิงที่ผอู้ ื่นพูด สามารถตอบว่า (Really?) I don’t. เช่น
A: I like tea without sugar.
B: I don’t.
และตอบว่า (Really?) I do. ถา้ ไม่เห็นดว้ ยกบั สิ่งทเี่ ป็นปฏเิ สธซ่ึงผอู้ นื่ พดู เช่น
A: I don’t like chocolate.
B: I do.
526
4. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ให้พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั ประเภทของภาพยนตร์ท่ชี อบ เช่น
S1: Do you like fantasy films?
S2: Yes.
S1: So do I. Do you like fantasy films?
S2: I don’t like fantasy films.
S1: I do.
5. นกั เรียนอ่านออกเสียง adjectives ในหนงั สือเรียน หนา้ 95 Ex. 8 ไดแ้ ก่ boring (น่าเบอื่ ), interesting
(น่าสนใจ), sad (เศร้า), funny (ตลก), frightening (น่ากลวั ), exciting (น่าต่นื เตน้ ) ตามครู แลว้ อ่าน
ออกเสียงดว้ ยตนเองพร้อมกนั อีกคร้งั จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั เดาความหมายโดยดจู ากภาพ และ
ครูช่วยยกตวั อยา่ งภาพยนตร์ เช่น Adventure films are exciting. Comedy is funny.
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 95 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนจบั คู่ภาพยนตร์กบั ประเภทของภาพยนตร์ให้ถกู ตอ้ ง แลว้ แตง่
ประโยคตามตวั อยา่ ง จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ และสุ่มเรียกนกั เรียนพดู ประโยคทีละคน
2j 4i 6c 8h 10 d 12 f
3b 5e 7k 9a 11 g
‘Cowboys’ is a western (film).
‘Tangled’ is an animated cartoon film.
‘Detective Mallory’ is a detective film.
‘Dracula’ is a horror film.
‘Funny Faces’ is a comedy film.
‘Space Station’ is a science-fiction film.
‘Love Story’ is a romance film.
‘Wonder Woman’ is an action film.
‘Queen Victoria’ is a historical film.
‘The Jungle Book’ is an adventure film.
‘Let’s Dance’ is a musical film.
527
2. หนงั สือเรยี น หน้า 95 Ex. 7 นกั เรียนอ่านบทสนทนาเพื่อทบทวนสานวนทีใ่ ชแ้ สดงความเห็นดว้ ย
และไมเ่ ห็นดว้ ย แลว้ จบั คกู่ นั พูดถามความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ประเภทของภาพยนตร์ท่ีชอบและไม่ชอบ
ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ ให้นกั เรียน 3 คู่ ออกมาพูดสนทนาท่ีหนา้ ช้นั
A: Do you like animated cartoon films?
B: Yes, I love them.
A: So do I. They’re funny.
B: How about historical films?
A: I don’t like them.
B: Neither do I. They’re boring.
A: I don’t like detective films.
B: Really? I do.
A: I like science-fiction films.
B: Really? I don’t.
3. หนงั สือเรยี น หน้า 95 Ex. 8 ใหน้ กั เรียน 1 คน อ่านตวั อยา่ งบทสนทนากบั ครูเพือ่ เป็นตวั อยา่ ง แลว้ ให้
นกั เรียนจบั คกู่ นั พดู สนทนาเก่ียวกบั ภาพยนตร์ใน Ex. 6 โดยใช้ adjectives ที่กาหนดให้ ครูเดิน
สังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ ให้นกั เรียน 2-3 คู่ ยืนข้นึ พูดสนทนาให้เพอื่ นฟัง
A: ‘Cowboys’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very interesting. B: Really? What was it like?
A: ‘Tangled’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very funny. B: Really? What was it like?
A: ‘Detective Mallory’ was on TV last night.
A: It was very interesting.
A: ‘Dracula’ was on TV last night.
A: It was very frightening.
528
A: ‘Funny Faces’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very funny. B: Really? What was it like?
A: ‘Space Station’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very interesting. B: Really? What was it like?
A: ‘Love Story’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very sad. B: Really? What was it like?
A: ‘Wonder Woman’ was on TV last night. B: Really? What was it like?
A: It was very exciting.
A: ‘Queen Victoria’ was on TV last night.
A: It was boring.
A: ‘The Jungle Book’ was on TV last night.
A: It was very exciting.
A: ‘Let’s Dance’ was on TV last night.
A: It was boring.
ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 95 Ex. 9 นกั เรียนทางานคู่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ เก่ียวกบั สัตวใ์ นตานาน
ที่ไม่ซ้ากบั ในหนงั สือเรียน แลว้ เขียนนาเสนอ พร้อมท้งั ตดิ ภาพประกอบ ครูอาจจะมอบหมายให้
นกั เรียนทาเป็นการบา้ น แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู นาเสนอสัตวใ์ นตานานใหเ้ พ่ือนฟัง
ท่ีหนา้ ช้นั
Minotaur
The Minotaur was a creature that was half man and half bull. It was from Crete.
The king of Crete put it in a labyrinth under his palace. Theseus killed it.
Cerberus
Cerberus was a dog with three heads. It was the guard of the gates to the
underworld.
Medusa
Medusa was a female monster. She had snakes for hair and could turn people to
stone by looking at them. Perseus killed her.
529
2. นกั เรียนทา Language Review 8a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 112 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 60-61 Exs. 4-9 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบทดสอบ ร้อยละ 60
วิธกี ารวดั
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ นหรือ แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
การฟัง
ประเมนิ การคน้ ควา้ เกี่ยวกบั สตั วใ์ น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตานานของไทยและเขยี นนาเสนอ
สังเกตการพูดแสดงความเห็นดว้ ยและ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ไมเ่ ห็นดว้ ยเกี่ยวกบั ประเภทของ
ภาพยนตร์ท่ีชอบและไม่ชอบ แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สังเกตการพูดสนทนาเกี่ยวกบั
ภาพยนตร์ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ประเมนิ การคน้ ควา้ เกี่ยวกบั สตั วใ์ น อนั พึงประสงค์
ตานานและเขยี นนาเสนอ
สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มน่ั
ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1
3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เน็ต
530
2 Grammar 8b
2 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เหตกุ ารณใ์ นอดีต
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งของที่ผอู้ ื่นมี/ไมม่ แี ละสิ่งทีต่ นเองสามารถทาไดเ้ มื่อในอดีตได้
- เขยี นบรรยายเกี่ยวกบั สิ่งทตี่ นเองม/ี ไมม่ แี ละส่ิงทที่ าได/้ ไม่ไดเ้ มอื่ ในอดีตได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ
ในชีวิตประจาวนั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม
ใกลต้ วั
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา (was/were, had, could) ช่วยให้สามารถพดู ขอและให้ขอ้ มูลและ
เขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเองและบคุ คลอน่ื ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
531
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Grammar: was/were
had
could
Functions: Talking about the past
Were you at the cinema last Monday?
Yes, I was.
Talking about things people had/didn’t have in the past
Did you have a dog at the age of five?
Yes, I did.
Talking about past abilities
Could you read at the age of seven?
Yes, I could.
Pronunciation: strong & weak forms
John was at school yesterday.
Was the film good?
2) Language Skills
Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เหตุการณ์ในอดีต, พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั
สิ่งของทผี่ อู้ ่ืนมี/ไม่มีและส่ิงท่ตี นเองสามารถทาไดเ้ มือ่ ในอดีต
Writing: เขยี นบรรยายเก่ียวกบั ส่ิงท่ตี นเองมี/ไมม่ ีและส่ิงท่ที าได/้ ไม่ไดเ้ มอื่ ในอดีต
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้
532
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั Warm up
ครูทบทวนการใช้ verb to be (is, am, are) โดยเขียนประโยคบนกระดาน และให้นกั เรียนออกมาเติม
verb to be ให้ถกู ตอ้ ง
1) She ________ is a nurse.
2) I ________ nine years old.
3) Peter and his dad ________ in the kitchen.
4) They ________ in the park.
5) Mark ________ my brother.
6) We ________ students.
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน เช่น
He was at Jack’s house yesterday.
They were at the cinema yesterday evening.
ครูถามนกั เรียนวา่ ประโยคบนกระดานเป็นเหตุการณท์ ่ีเกิดข้ึนในอดีตหรือปัจจุบนั เมอื่ ไดค้ าตอบวา่
อดีต ครูขีดเส้นใต้ was, were และอธิบายวา่ was คือรูปอดีตของ is, am ส่วน were คอื รูปอดีตของ
are ดงั น้นั จึงมีหลกั การใช้เหมอื นกนั is, am, are แต่จะตา่ งกนั ท่ี was, were ใชก้ บั เหตกุ ารณ์ท่ีเกิดข้ึน
ในอดีต เช่น
I am a doctor. ผมเป็นหมอ (เป็นปัจจบุ นั )
I was a doctor. ผม (เคย) เป็นหมอ (เป็นอดีต ตอนน้ีไมไ่ ดเ้ ป็นแลว้ )
ครูย้ากบั นกั เรียนวา่ I ใชก้ บั was เช่น I was in the living room when my mum came back.
2. หนังสือเรียน หน้า 96 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นประโยคในตารางเพือ่ ทบทวนโครงสร้าง was/were แลว้
เตมิ was, wasn’t, were, weren’t ลงในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
1 was 4 Was 7 weren’t
2 were 5 Were 8 were
3 weren’t 6 wasn’t
533
3. ครูอธิบายวา่ การกล่าวถงึ เหตุการณ์ทีเ่ กิดข้ึนในอดีตและจบไปแลว้ เราจะใชก้ ริยาช่องท่ี 2 โดยใช้ did
มาช่วยในการทาเป็นคาถาม และใช้ didn’t/did not ในการทาเป็นปฏิเสธ ในกรณีทป่ี ระโยคน้นั ไม่มี
was/were, had หรือ could เช่น
I went there last week.
Ann visited her grandma last weekend.
Ann didn’t visit her grandma last weekend.
Did Ann visit her grandma last weekend?
ครูช้ีใหน้ กั เรียนสงั เกตว่า เมอื่ นา did มาช่วยในประโยคคาถามและประโยคปฏิเสธแลว้ คากริยาหลกั
จะตอ้ งใชร้ ูป base form
4. ครูเขียนประโยคบนกระดานตามน้ี
1) Jane was at the park last Monday.
2) Was the party great?
ครูอา่ นออกเสียงประโยคให้นกั เรียนฟัง โดยออกเสียง was ในประโยคที่ 1 แบบ weak form และ
ออกเสียงออกเสียง was ในประโยคที่ 2 แบบ strong form เพือ่ ใหน้ กั เรียนสงั เกตวา่ was ในประโยค
ใดที่ลงเสียงหนกั (ประโยคที่ 2)
ตอ่ มาครูออกเสียง verb to be แบบ strong form และ weak form ตามตารางดา้ นล่างให้นกั เรียนฟัง
แลว้ อธิบายว่า จะออกเสียง verb to be แบบ strong form เมื่อข้ึนตน้ ประโยคโดยใชเ้ ป็นคาแสดง
คาถาม
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 96 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านประโยค และเติม was หรือ were ลงในช่องว่างให้
ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค
534
1 was 3 was 5 was
2 were 4 were
2. หนงั สือเรยี น หน้า 96 Ex. 3 ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้ wasn’t หรือ weren’t ร่วมกบั คาที่
กาหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค และใหน้ กั เรียนทเี่ หลือช่วยกนั ตรวจวา่ เพอื่ น
แต่งประโยคถกู ตอ้ งหรือไม่
2 They weren’t in Rome last month.
3 Mary wasn’t at the party.
4 I wasn’t at the gym yesterday.
5 You weren’t at Jane’s house.
3. หนังสือเรยี น หน้า 96 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนเติม was หรือ were ลงในประโยคคาถาม แลว้ ตอบคาถาม
โดยดูขอ้ มลู จากตาราง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยใหน้ กั เรียนคนหน่ึงอา่ นคาถาม และอกี คนหน่ึง
อา่ นคาตอบ
2 Were, Yes, they were. 5 Were, Yes, they were.
3 Was, No, he wasn’t. 6 Was, No, he wasn’t.
4 Was, Yes, she was. 7 Were, Yes, they were.
4. หนงั สือเรียน หน้า 96 Ex. 5 ให้นกั เรียน 1 คู่ อ่านตวั อยา่ งคาถามและคาตอบให้เพ่อื นฟัง จากน้นั ให้
นกั เรียนจบั คู่ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั เหตกุ ารณใ์ นอดีตโดยใชว้ ลที ่ีกาหนดให้ ครูเดินสงั เกต
รอบ ๆ ช้นั เรียนเพื่อคอยช่วยเหลือนกั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบที่
หนา้ ช้นั
535
A: Were you at the cinema last Monday?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at the gym last Saturday morning?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at the theatre two days ago?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at the zoo yesterday morning?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at the beach last Monday?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at the library last Saturday morning?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at home two days ago?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
A: Were you at school yesterday morning?
B: Yes, I was./No, I wasn’t.
5. หนงั สือเรียน หน้า 96 Ex. 6a ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังประโยคและฝึกออกเสียงตามหลาย ๆ คร้งั
จากน้นั ครูถามว่าประโยคใดออกเสียง was และ were แบบ strong form และประโยคใดออกเสียง
แบบ weak form
John was at school yesterday. (weak)
Was the film good? (strong)
The books were on the floor. (weak)
Were they at the gym? (strong)
6. หนังสือเรียน หน้า 96 Ex. 6b ใหน้ กั เรียนหาตวั อยา่ งประโยคที่ออกเสียง was และ were แบบ weak
form ในหนา้ 96
536
Sam wasn’t at home last Saturday. (weak)
Was Julie at the zoo last Monday? (strong) etc.
ข้นั Production
1. ให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพือ่ นผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ยี วกบั ตาแหน่งทีอ่ ยขู่ องตนเองและสมาชิกใน
ครอบครัวในช่วงเวลาในอดีต เช่น
S1: Where were you at 6:30 in the evening?
S2: I was at the gym. Where was your sister last Sunday afternoon?
S1: She was at the cinema.
ครูเดินสงั เกตการพูดถาม-ตอบของนกั เรียน และตรวจสอบว่านกั เรียนพูดประโยคถูกตอ้ งหรือไม่
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 62 Exs. 1-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm up
ครูทบทวนการใช้ was, were โดยใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุป และครูเขียนบนกระดาน
Past form of the verb to be
I
was He
She
It
We
were You
They
537
ข้นั Presentation
1. ครูเขยี นคาว่า had บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนว่าคาน้ีเป็นรูปอดีตของคากริยาคาใด เม่อื ไดค้ าตอบ
วา่ has, have แลว้ ครูยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน
I had a dog when I was young.
She had long hair when she was young.
We had a mobile phone at the age of 11.
He had a guitar at the age of 12.
ให้นกั เรียนสงั เกตวา่ had ใชไ้ ดก้ บั ประธานเอกพจนแ์ ละพหูพจน์
2. ครูยกตวั อยา่ งประโยคปฏิเสธและคาถามของ had บนกระดาน
Did he have a guitar at the age of 12?
Did you have a dog when you were young?
We didn’t have a mobile phone at the age of 11.
She didn’t have long hair when she was young.
ใหน้ กั เรียนสังเกตประโยคปฏิเสธและคาถาม ครูถามว่าเมือ่ had เป็นกริยาหลกั ของประโยค การทา
เป็นปฏิเสธและคาถามจะใช้ auxiliary verb ตวั ใดมาช่วย (did) ครูช้ีใหน้ กั เรียนดูว่าเมอ่ื ใช้ did แลว้
คากริยาจะเปล่ียนเป็น have ท้งั ประธานเอกพจน์และพหูพจน์
3. หนังสือเรยี น หน้า 97 Ex. 7 นกั เรียนทบทวนความเขา้ ใจ โดยอ่านประโยคในตาราง แลว้ สรุปวธิ ีการ
ทาเป็นรูปปฏิเสธและคาถามของ had
We form the negative form of had with a personal pronoun + didn’t have which is
the same in all persons.
We form the interrogative form of had with did + a personal pronoun + have
which is the same in all persons.
4. ครูเขยี นประโยคท่ใี ช้ could เพอื่ บอกส่ิงท่สี ามารถทาไดใ้ นอดีตบนกระดาน
I could ride a bike when I was six.
ครูขีดเสน้ ใต้ could แลว้ ถามนกั เรียนวา่ could คือรูปอดีตของคากริยาคาใด (can) คากริยาทีต่ ามหลงั
could จะตอ้ งเป็นรูปใด (base form หรือคากริยาช่องที่ 1) จากน้นั ครูอธิบายวา่ เราใช้ could เพื่อบอก
ส่ิงทสี่ ามารถทาไดใ้ นอดีต
538
5. ครูยกตวั อยา่ งประโยคปฏิเสธและคาถามของ could บนกระดาน
Could you swim when you were five?
Could he ride a bike when he was six?
I couldn’t swim when you were five.
He couldn’t ride a bike when he was six.
ครูถามนกั เรียนว่าจะทาใหเ้ ป็นประโยคปฏเิ สธอย่างไร (เตมิ not หลงั could) แลว้ ใหน้ กั เรียนบอก
โครงสร้างประโยคคาถาม (Could + personal pronoun/noun + v 1)
6. หนังสือเรียน หน้า 97 Ex. 10 นกั เรียนอา่ นประโยคในตาราง แลว้ ช่วยกนั อธิบายการตอบคาถาม
แบบส้นั (ตอบรบั Yes, + personal pronoun + could. ตอบปฏิเสธ No, + personal pronoun +
couldn’t.) จากน้นั ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียน เช่น
T: Could you ride a bike when you were six?
S1: No, I couldn’t.
T: Could you ride a bike when you were five?
S2: Yes, I could.
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 97 Ex. 8 ให้นกั เรียนดูภาพหอ้ งครัวสมยั วิคตอเรียในประเทศองั กฤษ แลว้ เตมิ had
หรือ didn’t have ลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ
1 didn’t have 4 had 7 didn’t have
2 didn’t have 5 didn’t have 8 had
3 didn’t have 6 didn’t have
2. หนังสือเรียน หน้า 97 Ex. 9 ให้นกั เรียนจบั ค่กู นั พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ส่ิงท่คี ู่ของตนม/ี ไมม่ ีเมื่อตอน
อายุ 5 ขวบ โดยใชว้ ลที ก่ี าหนดให้ ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน และสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมา
พูดถาม-ตอบท่หี นา้ ช้นั
539
A: Did you have short hair at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a dog at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a guitar at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a DVD player at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a digital camera at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a computer at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a bike at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a skateboard at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have your own room at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
A: Did you have a mobile phone at the age of five?
B: Yes, I did./No, I didn’t.
3. หนงั สือเรียน หน้า 97 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนสงั เกตเคร่ืองหมายทท่ี า้ ยประโยค และเติม could หรือ
couldn’t ลงในประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค
1 couldn’t 3 could 5 could
2 couldn’t 4 couldn’t
540
4. หนงั สือเรยี น หน้า 97 Ex. 12 ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั ส่ิงท่สี ามารถทาไดเ้ มอื่ ตอน
อายุ 7 ขวบ โดยใชว้ ลีทีก่ าหนดให้ ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ ใหน้ ักเรียน 2-3 คู่
ออกมาพดู ถาม-ตอบท่หี นา้ ช้นั
A: Could you read at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you swim at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you ride a bicycle at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you draw at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you cook at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you play football at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you dive at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
A: Could you dance at the age of seven?
B: Yes, I could./No, I couldn’t.
ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 97 Ex. 13 นกั เรียนเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ส่ิงทตี่ นเองม/ี ไมม่ แี ละสิ่งที่ทาได/้ ไมไ่ ด้
เม่ือตอนอายุ 7 ขวบ โดยใชโ้ ครงร่างท่ีกาหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นใหเ้ พอื่ น
ฟัง
541
When I was seven years old, I had a bike and a dog. I don’t have a computer.
I could ride a bike and swim. I couldn’t ride a motorbike. My favourite toy
was racing car toys. My favourite food was pizza and cake. My favourite
things were my bike and my watch.
2. นกั เรียนทา Grammar Bank 8 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 85 Exs. 1-4 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 63 Exs. 6-11 ให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น
7. การวัดและการประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เหตุการณ์ในอดีต
สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สิ่งของทผี่ อู้ นื่ ม/ี ไมม่ เี มอ่ื ในอดีต
สงั เกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
สิ่งทตี่ นเองสามารถทาไดเ้ ม่ือในอดีต
ประเมินการเขยี นบรรยายเก่ียวกบั สิ่งท่ี แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
ตนเองม/ี ไมม่ ีและสิ่งที่ทาได/้ ไมไ่ ดเ้ มือ่
ในอดีต
สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น
อนั พงึ ประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1
3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1
542
3 Skills 8c
2 ช่ัวโมง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- ตอบคาถามและเขยี นสรุปเร่ืองท่ีอ่านได้
- เขยี นแสดงความรู้สึกตอ่ เรื่องที่อา่ นได้
- เขียนสรุปประวตั ิของวีรสตรีไทยได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออ่าน
อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ท่ีไดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/
เหตกุ ารณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน
543