The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นิสิตชั้นปีที่ 3-4
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563
โดย
อาจารย์สุภิศรา บุญช่วย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by songkhla0059, 2020-06-23 11:13:26

วิชา ศึกษาอิสระทางพระพุทธศาสนา

นิสิตชั้นปีที่ 3-4
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563
โดย
อาจารย์สุภิศรา บุญช่วย

~ 200 ~

ระเบียบวธิ ีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

บทที 5 สรุปและข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการวจิ ยั
5.2 ขอ้ เสนอแนะ

บรรณานุกรม
ประวตั ผิ ู้วจิ ัย

บรรณานุกรม ( ชวั คราว )
1. ภาษาไทย- บาลี :

ก. ข้อมลู ปฐมภูมิ
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิ ฎกภาษาบาลี. ฉบับมหาจุฬาเตปิ ฏกํ 2500.

กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2500.
_________. พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร :

โรงพิมพม์ หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2539.
ข. ข้อมูลทุติยภูมิ
(1) หนังสือ :
คณาจารยแ์ ห่งโรงพมิ พเ์ ลียงเชียง. นวโกวาท ฉบับมาตรฐาน. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลียงเชียง, 2539.
คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . มนุษย์กับสังคม . กรุงเทพฯ : นวสาส์น

การพมิ พ,์ 2551.
ฉนั ทนา อุตสาหลกั ษณ์. พุทธปัญญาค่มู ือการสร้างปัญญา . กรุงเทพมหานคร : ม.ป.ท., 2545.
ฐานวฑุ โฒภิกขุ. มงคลชีวติ ฉบับธรรมทายาท. หนงั สืออนสุ รณง์ านฌาปนกิจคุณแม่ อาเตยี ง แช่จวิ .

กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์สันตธิ รรมวทิ ยา, 2533.

~ 201 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

ประเสริฐ บญุ ตา. พาหุงฯ การเผชิญภัยของพระพุทธเจ้า. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พก์ รุงเทพ ฯ,

2547.

พระธรรมปิ ฏก ( ป.อ. ปยตุ ฺโต ). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ : ฉบับประมวลธรรม, กรุงเทพมหานคร

: โรงพมิ พ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2546.
------------------- . พุทธธรรม . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ,2543.
------------------- . ธรรมนุญชีวติ . พิมพ์ครังที 11 . กรุงเพทฯ : มลู นิธิพุทธธรรม, 2545.
พระเมธีวราภรณ์ . เบญจศีลเบญจธรรมอดุ มชวี ติ ของมนุษย์ . กรุงเทพมหานคร : สาํ นกั พมิ พต์ น้ บุญ,

2553.
พระมหาสมชาย ฐานวฑุ ฺโฌ. มงคลชีวติ ฉบับ “ทางก้าวหน้า”. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.ท., 2553.
พระครูศรีนิคมพทิ กั ษ.์ เทคนิคการกําหนดวปิ ัสสนากรรมฐาน มหัศจรรย์ แห่งปัญญา สิกขา กาํ หนด.

พิมพค์ รังที 1. กรุงเทพมหานครฯ : ทพิ ยอ์ ภิญญามเี ดยี , 2553.
พระเทพปริยตั ิโมล.ี หลักการพัฒนาตน. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ ลียงเชยี ง, ม.ป.ป.
ราชบณั ฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร :

นามมีบุค๊ พลบั ลเิ คชนั , 2546.
ราชบณั ฑติ ยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน.

พมิ พค์ รังที 3 . กรุงเทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2548.

เสฐียรพงษ์ วรรณปก . คาถาพาหุง : คาถาแห่งชัยชนะอันยิงใหญ่ของพระพุทธองค.์ กรุงเทพมหานคร :

อรุณการพมิ พ์ , 2541.

สาํ นกั งานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ. พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง.
กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ นติงแอนดพ์ บั ลิชชิง, 2550.

(2) วทิ ยานิพนธ์ :

พระมหาอาํ นวย อานนฺโท. วทิ ยานิพนธ์เรืองการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาท. บัณฑติ
วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, 2542.

~ 202 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

นางสาวหิมพรรณ รักแต่งาม . วทิ ยานิพนธ์เรือง การศึกษาวเิ คราะห์การตคี วามหลกั ธรรมทาง
พระพทุ ธศาสนาของติช นทั ฮนั ห์ . วทิ ยานิพนธ์พุทธศาตรมหาบัณฑติ .
บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2550.

(3) นิตยสาร และ สือออนไลน์ :

ดง ชา้ วขา้ ม . ธรรมะแบบชาวบ้าน . ธรรมจกั ษุ. ( ปี ที 93 ฉบบั ที 12 , กนั ยายน 2552 Vol.93
No.12 September 2009 ) . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหามกุฏราชวทิ ยาลยั ,
2552.

วทิ ยาทาน. หลักสัทธรรม 3, อา้ งใน http://www.firodosia.com/showdetail.asp?boardid=3285

สืบคน้ วนั ที 11 สิงหาคม 2554.

สมหวงั วทิ ปัญญานนท.์ พทุ ธวธิ ีชนะมารในการบริหาร,.www.bodmgt.com

สืบคน้ วนั ที 21 กนั ยายน 2554.

อนันดา. หลักอทิ ธบิ าท 4 หลักปฏบิ ัตธิ รรมเพือการพ้นทุกข,์ อา้ งใน

http://www.oknation.net/blog/plang/2011/03/26/entry-1

วนั เสาร์ที 26 มีนาคม 2554.

~ 203 ~

ระเบียบวิธีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา
รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

เรืองที 2 วเิ คราะห์หลกั ธรรมสู่สันติวธิ ีตามพุทธศาสนาเถรวาท
เรือง

บทที 1 บทนํา

1.1 ความเป็ นมาและความสําคัญของปัญหา

ประวตั ิศาสตร์มนุษยชาติไม่เคยวา่ งเวน้ จากความรุนแรง ไม่วา่ ระในดบั บุคคลหรือระดบั สังคม
เพราะมนุษย์ไม่ได้ถือกําเนิดมาเหมือนกันและมีความแตกต่างกัน อนั เป็ นผลมาจากพันธุกรรมหรื อ
สภาพแวดลอ้ มทางสังคมและวฒั นธรรม13 สังคมในยุคโลกาภิวตั น์นนั เป็ นสังคมทีมีความซับซ้อนสูง
นอกจากนนั ยงั เป็นสังคมทีหลากหลายไปดว้ ยค่านิยม ทศั นคติ ภาษา ศาสนา ความตอ้ งการผลประโยชน์
และกลุ่มชาติพนั ธ์ ทีพยายามจะดาํ รงและรักษาความเป็ นอตั ลกั ษณ์ของกลุ่มตวั เองเอาไว้ ผลของความ
หลากหลายในมิติต่างๆ ดงั กล่าว ได้ทาํ ใหบ้ ุคคล กลุ่มบุคคล และรัฐต่างๆ ตอ้ งเผชิญหน้ากบั ความขดั แยง้
และนาํ ไปสู่ความรุนแรง การอาฆาตพยาบาท การทะเลาะววิ าท การทาํ ร้ายร่างกาย และการทาํ สงคราม
ประหารซึงกนั และกนั เป็นวธิ ีทีมนุษยใ์ ชแ้ ก้ไขปัญหาความขดั แยง้ ทีเกิดขนึ ความรุนแรงโดยทวั ไปเป็นสิงที
รับรูก้ นั ในรูปของความไม่เป็นปกติ ไม่สงบสุข มีการเบยี ดเบียนทาํ ร้ายซึงกนั และกนั ทงั ทางตรงและทางออ้ ม
ซึงเป็นสิ งทีไม่พึงประสงค์ เพราะก่อใหเ้ กิดความไม่มนั คงปลอดภยั ต่อชีวิตและทรัพยส์ ินของผูค้ นทีอยู่
ร่วมกนั

ในสังคมไทยปัจจบุ นั ไม่มีปัญหาใดยงิ ใหญแ่ ละรุนแรงเท่าปัญหาความขดั แยง้ ทางความคิดเห็น
กนั ทงั ในดา้ นสงั คม การเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจ ซึงส่งผลให้เกิดความแตกแยกเป็ นฝักฝ่ ายอยา่ ง
ชดั เจน และก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบสุข ของสังคมเกือบจะทุกดา้ น เป็ นอุปสรรคสําคญั ต่อการ
ปกครองบา้ นเมือง รวมทงั เป็นสาเหตุหนึงทีทาํ ใหเ้ กิดวกิ ฤตทางเศรษฐกิจอยใู่ นปัจจุบนั และผลกระทบจาก
ความรุนแรงกข็ นึ อยู่กบั ประเภท ระดบั ของความรุนแรงเช่น ผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกิจ จากปัญหาความ
รุนแรงทางตรงทีเป็นการเบยี ดเบียนทาํ ร้ายกนั ระหวา่ งบุคคล คือ รัฐตอ้ งเสียงงบประมาณค่าใช้จ่ายในการ

13 ชยั วฒั น์ สถาอานนั ท,์ สันตทิ ฤษฎ/ี วถิ วี ัฒนธรรม, (กรุงเทพฯ : เรือนแกว้ การพิมพ.์ 2539), หนา้ 36.

~ 204 ~

ระเบียบวิธีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

แกไ้ ขปัญหาความรุนแรง ทาํ ใหเ้ สียโอกาสในการนาํ งบประมาณพฒั นาดา้ นอืน เพอื ความสุขและความเจริญ
ของสังคม และเกิดผลกระทบในดา้ นสงั คมตามมา คอื การมีพฤติกรรมความเสือมเสียศีลธรรม กระทบต่อ
สิทธิมนุษยชน มีความผิดต่อกฎหมายบา้ นเมือง ผลกระทบด้านสาธารณสุข คือ ความเจ็บป่ วยทางด้าน
ร่างกายจนนาํ ไปสู่การรักษา เกิดความพิการทางกาย ก่อเกิดความเจบ็ ป่ วยทางจิต และผลกระทบดา้ นความ
มนั คง คือการทาํ ร้ายกนั ถึงแก่ชีวติ เกิดเป็ นคดีความ และกระทบต่อความเป็ นอยู่ของสังคมโดยรวม จาก
ความรุนแรงตา่ งๆ ทเี กิดขึนในสังคมไดม้ ีผูพ้ ยายามเสนอ วธิ ีจดั การปัญหาความรุนแรง มหาตมะ คานธี มี
ความเห็นวา่ การใช้ปฏิบตั ิการไร้ความรุนแรงหรืออหิงสาเป็นเครืองมือในการผลกั ดนั กระบวนการในสังคม
จะเห็นวาอหิงสานนั เป็ นหลกั การสําคญั ทีเป็ นแนวคิดเพือปฏิบตั ิการโดยไร้ความรุนแรงอันเป็ นการ
แสดงออกทงั ในเชิงบวก กลา่ วคอื ความรักต่อเพือนมนุษย์ ต่อศตั รู และในเชิงลบ คือ การไมท่ าํ ร้ายศตั รูดว้ ย
อาวธุ ในขณะทีสงั คมไทยกาํ ลงั เผชิญกบั สถานการณ์ของความขดั แยง้ ในมติ ิตา่ งๆ นนั ไดม้ ีนกั คดิ นกั วชิ าการ
สายสงั คม จติ วทิ ยา การเมือง และการศาสนาไดอ้ อกมานาํ เสนอทางออกทีน่าสนใจหลายทางเลือกแต่ละ
ประเด็นทีมกั จะมีการนําเสนอและกล่าวถึงอยา่ งมากในสถานการณ์ปัจจุบนั คือ “สันติวธิ ี” ว่าน่าจะเป็ น
ทางเลอื ก และทางออกทีดที ีสุดทางหนึง14

คาํ วา่ “สนั ติวธิ ี” คอื วธิ ีการจดั การกบั ความขดั แยง้ วธิ ีหนึง การใชส้ นั ตวิ ธิ ีมีเหตุผลสาํ คญั ตรงทีวา่
เป็นวธิ ีการทีน่าจะมีการสูญเสียนอ้ ยทีสุด ทงั ระยะสันระยะยาว ทงั รูปธรรมและนามธรรม ผดิ กบั การใชค้ วาม
รุนแรง ซึงทุกฝ่ ายอา้ งวา่ เป็นวธิ ีสุดทา้ ย ซึงบางกรณีสามารถบรรลุผลในระยะสันเป็ นรูปธรรมชดั เจน แต่หาก
ความขัดแย้งดาํ รงอยู่เพียงแต่ถูกกดไว้ โอกาสทีจะเกิดความรุนแรงในระยะยาวย่อมมีอยู่ ส่วนในทาง
นามธรรม เช่น ความเขา้ ใจอนั ดีความสามคั คีปรองดอง นนั ย่อมเกิดขึนไดย้ ากดว้ ยวถิ ีความรุนแรงบางคน
มองสันติวธิ ีในลกั ษณะปฏิสัมพนั ธ์เชิงอาํ นาจ เช่น การใชป้ ฏิบตั ิการไร้ความรุนแรงเพอื ใหร้ ัฐหรือผมู้ ีอาํ นาจ
เปลียนแปลงนโยบาย หรือพฤติกรรมบางคนใชส้ ันตวิ ธิ ี เพราะความเชือวา่ จะให้ผลทียงั ยืนและเป็นไปตาม
หลกั จริยธรรม หรือศาสนธรรม บางคนใช้สันติวธิ ีตามหลกั การบริหารเพือความขดั แยง้ ไปใส่รูปแบบอืนที
จะจดั การไดด้ กี วา่ โดยไมใ่ ชค้ วามรุนแรง ฉะนนั การนาํ เสนอแนวคดิ “สันติวธิ ี”ตามทใี ชใ้ นสงั คมไทยจึงผูก
ยึด หรือยืนอยบู่ นฐานของแนวคิด และการตีความตามแนวพระพทุ ธศาสนาเป็นหลกั จะเห็นวา่ การตีความ
สนั ติวธิ ีของสงั คมไทยนนั จะมุ่งเนน้ ไปที “การจดั การความขดั แยง้ โดยสนั ติวธิ ี” กล่าวคือ สันตวิ ธิ ีตามแนวนี
พยายามตอบปัญหาวา่ เมอื เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งบคุ คลกบั บุคคล บคุ คลกบั กลุ่มบุคคล กลุ่มบุคคลกบั กลุ่ม

14 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. บทความทางวชิ าการ,พทุ ธศาสนาในฐานะเป็ นรากฐานของสันติวิธีใน
สังคมไทยปัจจบุ ัน, มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , วนั ที 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554.

~ 205 ~

ระเบียบวธิ ีวิจัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

บุคคลแลว้ จะจดั การแกไ้ ข หรือแปรเปลียนความขดั แยง้ ใหก้ ลายเป็นบวก หรือสลายความขดั แยง้ อยา่ งไร จงึ
ไม่ก่อใหเ้ กิดความรุนแรงตามมาในทสี ุด

อยา่ งไรกต็ าม เมือวเิ คราะห์จากฐานของพุทธศาสนา พบวา่ แม้ “สันติวธิ ี” จะยนื อยู่บนฐานของ
ความขดั แยง้ ทพี ฒั นาไปสู่ความรุนแรงทงั ในแง่ของสงคราม และความขดั แยง้ ความรุนแรงในสังคม แต่คาํ วา่
“สันติวธิ ี” มิไดห้ มายเพียงแค่ “การไม่ใชค้ วามรุนแรง” เท่านนั แต่มีความหมายทีครอบคลุมไปถงึ มิติอืนๆ
ดว้ ย กล่าวคือ เมอื เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคล หรือกลุม่ บคุ คล คู่กรณีอาจจะเจรจากนั เอง หรือคนกลางได้
ใชส้ นั ติวธิ ีเขา้ ไปจดั การ ความขดั แยง้ การเจรจากนั เอง หรือการใชค้ นกลางนนั มิไดน้ ยั เพยี งแง่มุมทีว่าไม่ใช้
ความรุนแรงในการจดั การเท่านนั แตก่ ารพวั พนั เต็มไปดว้ ย บรรยากาศของความรัก ความสงสาร ความเป็น
ธรรม เช่น ความโปร่งใส ความยุติธรรม ความเทียงธรรม เป็นตน้ การทีมนุษยใ์ นสังคมนันจะตอ้ งอาศยั
ประโยชน์จากสงั คมทีสันติสุข โดยใชส้ ันติวธิ ีทีเกิดขึนในสังคมนนั เป็นพนื ทีในการแสวงหา และพฒั นาตน
ตามแนวของ ไตรสิกขา ซึงไดแ้ ก่ ศีล สมาธิ และปัญญา เพือเข้าถึงสันติทีแทจ้ ริงซึงเป็ น สันติทีซ่อนอยู่
ภายในใจต่อไป

ดว้ ยเหตดุ งั กล่าวขา้ งตน้ ผูว้ จิ ยั ตอ้ งการศึกษาหลกั ธรรมทีมีความสัมพนั ธ์กบั แนวคิดสันติวธิ ี ซึง
การศึกษาใหล้ ึกถึงแนวคดิ สันติวธิ ีในพทุ ธปรัชญาเถรวาท ในประเดน็ ทีเกียวขอ้ งกบั ความหมาย และทฤษฎี
สันติวธิ ีในสงั คมไทย และนาํ หลกั ธรรมทีไดจ้ ากการศึกษาวจิ ยั ครังนีมาเป็ นแนวทางในการหาทางออกใหแ้ ก่
สังคมปัจจุบนั อนึงผู้วจิ ยั มีความเห็นวา่ แนวทางตามหลกั พุทธศาสนา น่าจะนาํ มาซึงวธิ ีทีจะนาํ สันติมาสู่
สังคมและสามารถจดั การลดความขดั แยง้ ในสังคมไทยได้ ผูว้ ิจยั จึงมีความประสงค์ทีจะศึกษาวิเคราะห์
แนวคิดสันติวธิ ีตามหลกั พทุ ธศาสนาเถรวาทต่อไป
1.2 วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย

1.2.1 เพือศึกษาความหมาย แนวคิดทฤษฎีสนั ติวธิ ี และสาเหตุการเกิดความขดั แยง้ ในสงั คมไทย
1.2.2 เพือศึกษาหลกั ธรรมทสี มั พนั ธ์กบั แนวคดิ สนั ตวิ ธิ ีในพระพุทธศาสนาเถรวาท
1.2.3 เพือวเิ คราะห์หลกั ธรรมทสี ัมพนั ธ์กบั แนวคิดสันติวธิ ีเพือลดความขดั แยง้ ในสงั คมไทย
1.3 ปัญหาทีต้องการทราบ

1.3.1 ความหมาย ทฤษฎีสันติวธิ ี และสาเหตกุ ารเกิดความขดั แยง้ ในสงั คมไทยมีอย่างไร
1.3.2 หลกั ธรรมทสี มั พนั ธ์กบั แนวคิดสันตวิ ธิ ีในพระพุทธศาสนาเถรวาทมอี ยา่ งไร
1.3.3 หลกั ธรรมทีสมั พนั ธ์กบั แนวคิดสันติวธิ ีมาลดความขดั แยง้ ในสงั คมไทยมีอยา่ งไร

~ 206 ~

ระเบียบวิธีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

1.4 ขอบเขตของการวิจัย

การวจิ ยั ครังนี มุ่งศึกษาหลกั ธรรมสู่สันติวธิ ีตามพุทธปรัชญาเถรวาท ความหมาย และทฤษฎี
สันติวิธีทีเกิดขึนในสังคมไทย และหลกั ธรรมทีสัมพนั ธ์กบั แนวคิดสันติวิธีมาแก้ไขความขดั แย้งใน
สังคมไทย มีขอบเขตการวจิ ยั ดา้ นเอกสาร ดงั นี

1.4.1 ศึกษาขอ้ มูลเอกสารชนั ปฐมภูมิ คือ พระไตรปิ ฎก ฉบบั ภาษาไทยมหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลยั พ.ศ. 2539

1.4.2 ศึกษาขอ้ มูลเอกสารชนั ทุติยภูมิ คอื อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา อตั โนมตั ิ รวมทงั ตาํ ราเอกสาร
วชิ าการ และงานทีเกียวขอ้ ง
1.5 คําจํากดั ความของศัพท์ทีใช้ในการวจิ ยั

หลักธรรม หมายถึง หลักคําสอนต่างๆ ทีสัมพันธ์กับแนวคิดสันติวิธี ทีปรากฏใน
พระพุทธศาสนา ไดแ้ ก่ ศลี 5 เมตตาธรรม ขนั ติธรรม สาราณียธรรม 6 สังคหวตั ถุ 4 สามคั คธี รรม

สันติวธิ ี หมายถึง วธิ ีการแกไ้ ขความขดั แยง้ ทีเกิดขึนดว้ ยวธิ ีการแห่งสันติ หรือ การไม่ใช้ความ
รุนแรงในการแกไ้ ขปัญหา โดยไม่ไดข้ ยายความไปถึงสนั ติวธิ ีในรูปแบบอืนๆ เช่น การประทอ้ งดว้ ยการอด
อาหาร หรือ การดือแพ่ง เป็นตน้

พุทธสันตวิ ธิ ี หมายถึง วธิ ีหรือขอ้ ปฏิบตั ิตามหลกั คาํ สอนทางพระพทุ ธศาสนา ทีใชเ้ ป็ นเครืองมือ
ในการจดั การความขดั แยง้ โดยไมใ่ ชค้ วามรุนแรง หรือปราศจากความรุนแรงทงั ทางตรงและทางออ้ ม

ความขดั แย้ง หมายถึง การตอ่ สู้กนั หรือการแขง่ ขนั กนั ระหวา่ งความคิด ความเห็น ความสนใจ
หรือผลประโยชน์ มุมมอง รสนิยม คา่ นิยม แนวทาง ความชอบ อาํ นาจ สถานภาพ ทรัพยากร ซึงความขดั แยง้
ในลกั ษณะนีอาจจะเกิดขึนในบคุ คลใดบุคคลหนึง หรือขดั แยง้ กบั บุคคลอืน หรือระหว่างคนใดคนหนึงกบั
กลุ่มใดกลุ่มหนึง หรือหลายๆ กลุ่ม ของบุคคล หรือนิติบคุ คล หรือระหวา่ งกลุ่มบุคคลหลายคนทีอยู่ในกลุ่ม
หนึงกบั อกี กลมุ่ หนึง หรือกบั อีกหลายๆ กลุ่มของบุคคล15
1.6 ทบทวนเอกสารและงานวจิ ัยทเี กียวข้อง

การศึกษาวจิ ยั เรืองนี ศึกษาหลกั ธรรมสู่สันติวธิ ีตามพุทธปรัชญาเถรวาท ผูว้ จิ ยั ไดศ้ ึกษาเอกสาร
และงานวจิ ยั ทีเกียวขอ้ ง ดงั นี

บททบทวนเอกสารทีเกียวข้อง

15 ทพญ.กษิรา เทียนส่องใจ, การศึกษาวิเคราะห์อภัยทานเพือจดั การความยดั แย้งในสังคมไทยในปัจจุบัน,
วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต (บณั ฑิตวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ),2550.

~ 207 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

1.6.1 ศ.นพ.ประเวศ วะสี ไดก้ ล่าวไวใ้ นหนงั สือ”สนั ติวธิ ีกบั สิทธิมนุษยชน” ทีมองวา่ ในขณะที
สังคมมีความสลบั ซบั ซอ้ น เมือเกิดความขดั แยง้ ขึนมามกั จะมแี นวโน้มไปสู่ความรุนแรงไดง้ ่าย สันติวธิ ีจะ
เข้ามามีบทบาทและทาํ หน้าทีในการประสานร่องรอยความขดั แยง้ เหล่านัน เพือให้สังคมไทยได้ปรับ
กระบวนทศั น์ (Paradigm shift) จากวธิ ีเดิมทใี ชอ้ าํ นาจไปแก้ปัญหาสังคมโบราณ ซึงใชไ้ ม่ไดแ้ ลว้ ในสังคม
ปัจจบุ ันไปสู่กระบวนการทางสังคมทีเนน้ การเขา้ มามีส่วนร่มกันคิดร่วมกนั ทาํ เรียกว่า “วธิ ีการอารยะ”
(Civilize) หรือ “ความเป็ นอารยะ” (Civility) กล่าวคือ เป็ นการพฒั นาจากสังคมเดิมไปสู่แนวทางสันติวิธี
สันติวธิ ี คือ การป้องกนั การละเมิดสิทธิมนุษยชนของสภาพการใชค้ วามรุนแรงและสงคราม โดยใหเ้ หตุผล
ว่า ในการสงครามไม่วา่ ในครังโบราณหรือในปัจจุบนั จะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยไม่
สามารถทาํ อะไรไดม้ ากนกั สิทธิมนุษยชนเป็นการเคารพในศกั ดิศรี และคุณค่าความเป็นคนทุกคน ต่อเมือ
มนษุ ยม์ ีจติ สาํ นึกในศีลธรรมขนั พืนฐานนีจึงจะสามารถสร้างการอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติ และยงั ยนื ได1้ 6

1.6.2 รุ่งธรรม ศุจิธรรมารักษ์ ไดก้ ล่าวไวใ้ นงานเขียนเรือง “สันติศึกษากบั สันติภาพ” พบว่า
พระพุทธศาสนาปฏิเสธความรุนแรงทุกชนิดดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นความรุนแรงทางตรงหรือทางออ้ ม
ก็ตาม สงครามก็จดั ไดว้ า่ อยใู่ นประเดน็ ทีวา่ ดว้ ยความรุนแรงดว้ ยเช่นกนั ฉะนนั สันตใิ นพระพทุ ธศาสนาจึงมี
นยั แตกต่างจากคาํ วา่ “สนั ติภาพดว้ ยกาํ ลงั ” หรือ “สงครามเพือรักษาสันติภาพ” อนั เป็ นการปฏิเสธสงคราม
ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็ นการทําสงครามเพืออ้างว่า “กาํ ลงั รับสามารถป้องกันการเกิดสงครามได้” หรือ
“สงครามสามารถกาํ จดั สงครามได”้

1.6.3 พุทธทาสภิกขุ แมจ้ ะไมเ่ ห็นดว้ ยกบั การใหค้ าํ จาํ กดั ความ สันติภาพทีปราศจากสงคราม แต่
ก็ยาํ วา่ สนั ตภิ าพคอื ถอ้ ยคาํ ทตี รงกนั ขา้ มกบั วกิ ฤติการณ์ ซึงคาํ วา่ วกิ ฤติการณ์ หมายถึง มนั ผิดปกติ หรือไม่
สงบ ท่านชีวา่ วตั ถวุ กิ ฤติ ซึงวตั ถุหมายถึงโลก ธรรมชาติ บุคคล และจติ วกิ ฤติ ท่านอปุ มาวา่ สิงเหลา่ นนั ถูกตี
ถูกเผา ถูกมัด และถูกกดให้จมนาํ ดังนนั สันติภาพในความหมายของท่านก็คือ สันติภาพมีอาการไม่
กระทบกระทงั กนั และกนั และสันตภิ าพมีปรากฎการณ์ คือ ทุกคนยิมกันได1้7 ซึงการมองในลกั ษณะนีเป็ น
การชีใหเ้ ห็นวา่ สังคมใด หรือกลุ่มใดก็ตาม ไม่กระทบกระทงั กนั มีความสงบสุข อยรู่ ่วมกนั ด้วยความยิม
แยม้ แจม่ ใส ลกั ษณะเช่นนีก็มีนยั ทสี ่อแสดงใหเ้ หน็ ถึง สันติเชิงสังคม อนั เป็นสันตเิ ชิงโลกิยะ

1.6.4 พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) อีกทา่ นหนึงทีไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การนิยามสันติภาพวา่ สภาพที
ไร้สงคราม คนทวั ไปมกั จะมองวา่ สนั ติภาพหมายถงึ ภาวะไร้สงคราม ไม่มีความขดั แยง้ ไม่มีการรบราฆา่ ฟัน
เบียดเบียนกนั ทรี ุนแรง ซึงถา้ มองใหล้ ึกซึงลงไป สนั ติภาพไม่ใช่เพยี งแค่นี ภาวะขาดสันติมีอยู่ในทีอืน และ

16 ประเวศ วะสี, สันตวิ ธิ ีกบั สิทธิมนุษยชน, (กรุงเทพฯ : สาํ นกั งานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, 2545), คาํ นาํ .
17 พุทธทาสภิกข,ุ สันตดิ ภาพโลก, (ไชยา : ธรรมทานมลู นิธิ, 2531), หนา้ 5-99.

~ 208 ~

ระเบียบวิธีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

ในรูปลกั ษณะอนื ๆ แมว้ า่ จะไม่ไดม้ กี ารรบราฆ่าฟันกนั กต็ าม เช่น สงั คมทีมกี ารแก่งแยง้ กนั ต่างคนตา่ งมุ่งหา
ผลประโยชน์ เอารดั เอาเปรียบข่มเหงกนั ไม่มกี ารช่วยเหลือเกือกูลกนั จึงจดั ไดว้ า่ เป็นสนั ติภาพไม่ได้ เพราะ
ไมม่ ีความสงบและความสุขทแี ทจ้ ริง” ดงั นนั ภาวะขาดสันตภิ าพในโลกนึจึงมหี ลายแบบ18

1.6.5 ไพศาล วงศ์วรสิทธิ กล่าวว่า “สันติวธิ ีคือ วิธีการแกไ้ ขความขดั แยง้ หรือตอบโต้ใน
สถานการณ์หนึงๆ โดยไมใ่ ช้ความรุนแรงต่อคูก่ รณี โดยเฉพาะอยา่ งยิง ทีเป็นการประทษุ ร้ายต่อร่างกายและ
ชีวติ แตถ่ ึงกระนนั ก็พยายามจะอธิบาย “บางสํานกั มองวา่ สนั ติวิธีจะตอ้ งมี ความรักเป็นพลงั ผลกั ดนิ และเป็น
ตวั กาํ กบั เอาไวด้ ว้ ย จงึ เป็นสันติวธิ ีทแี ทจ้ ริง ตามนิยามนี สันตวิ ธิ ีจงึ หมายรวมถึง การเขียน การพูด กาเจรจา
การประชุมตกลงแก้ขอ้ พิพาท กระบวนการทางศาลและกฎหมาย” และ “อย่างไรก็ตามยงั มีสันติวธิ ีอีก
ประเภทหนงึ ทีเป็นพลงั ในการเปลียนแปลง เรียกวา่ เป็ นอุปกรณ์สําคญั ของผูใ้ ฝ่ สันติวธิ ีเลยทีเดียว นันคือ
ปฏิบตั กิ ารไร้ความรุนแรง” 19

บททบทวนงานวจิ ยั ทีเกียวข้อง
1.6.6 ทพญ.กษิรา เทียนส่องใจ ไดศ้ ึกษาวเิ คราะหอ์ ภยั ทานเพือจดั การความขดั แยง้ ในสังคมไทย
ปัจจุบนั พบว่า ปัญหาความขดั แยง้ ทีเกิดขึนมิใช่การขจดั ความขัดแยง้ ให้หมดสิ นไป เพราะเป็ นไปไม่ได้
ในทางปฏิบตั ิ เนืองจากความขดั แยง้ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติทีดาํ รงอยทู่ วั ไป เป็นเรืองธรรมดาและฝักราก
ลึกอยู่ในสังคม ดงั นัน สิ งทีพึงกระทาํ ก็คือ เราจะจดั การความขดั แยง้ ในแต่ละเรืองดว้ ยวิธีอะไร และมี
มาตรการป้องกนั (Prevention) อย่างไรเพอื ให้เกิดสันติภาพอยา่ งแทจ้ ริงและยงั ยนื ดว้ ยเหตุนี จาํ เป็ นอย่างยิง
ทเี ราตอ้ งหาคาํ ตอบใหม่ ทจี ะตอ้ งนาํ มาจดั การความขดั แยง้ ทีกาํ ลงั เกิดขนึ ในสังคมไทย และสงั คมโลก ซึง ณ
ปัจจบุ นั นี คาํ ตอบทีเราคิดวา่ เป็นกุญแจทไี ขไปสู่การหาทางออกร่วมกนั ก็คอื การจดั การความขดั แยง้ เพือให้
เกิดสนั ติภาพดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี20
1.6.7 พระมหาหรรษา ธมมฺ หาโส ไดศ้ ึกษารูปแบบการจดั การความขดั แยง้ โดยพุทธสนั ติวิธี :
ศึกษาวเิ คราะหก์ รณีลมุ่ นาํ แม่ตาชา้ ง จ.เชียงใหม่พบวา่ สันตวิ ธิ ีมีความสําคญั อย่างไร เพราะเหตุไร จึงตอ้ งใช้
สันติวธิ ีเป็นเครืองมือในการจดั การความขดั แยง้ ประเดน็ ทีน่าสนใจก็คือ เราคดิ วา่ มีวธิ ีการ หรือเครืองมือ
จดั การปัญหาอืนๆ อกี หรือไมท่ ีเราคดิ วา่ ดีกวา่ สมบูรณ์กวา่ สันติวธิ ี อนั เป็นวธิ ีการทที าํ ใหท้ ุกคนสามารถพบ

18 พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยตุ ฺโต), การศึกษาเพือสันตภิ าพ, พิมพ์ครังที 2, (กรุงเทพฯ : สหธรรมิก จาํ กดั , 2538.),
หน้า 14.

19 ไพศาล วงศว์ รสิทธิ, สร้างสันติดว้ ยมือเรา : ค่มู ือสันตวิ ิธีสําหรับนักปฏิบัตกิ ารไร้ความรุนแรง, (กรุงเทพฯ :
กลมุ่ ประสานงานศาสนาเพือสงั คม, 2533), หนา้ 26.

20 ทพญ.กษิรา เทียนส่องใจ การศึกษาวเิ คราะห์อภัยทานเพือจัดการความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน,
(วิทยานิพนธพ์ ุทธศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , 2550) หนา้ , 49.

~ 209 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

ทางออก และยอมรับกบั ทางออกของปัญหาดว้ ยกนั ไดท้ ุกฝ่ าย โดยไม่มีฝ่ ายใดฝ่ ายหนึงมองว่า “ขาดความ
เป็นธรรม” หรือ “ขาดความยตุ ิธรรม” ในวธิ ีการจดั การ ฉะนนั เมือสังคมโลกมองวา่ “สันติวธิ ี” “น่าจะ” เป็น
วธิ ีการ หรือแนวทางหนึงทีดที สี ุด (Best Alternative) ในการแสวงหาทางออกร่วมกนั 21

การศึกษาทบทวนเอกสารและงานวจิ ยั ทีเกียวข้องพบว่า ไม่มีผูใ้ ดศึกษาในเรืองหลกั ธรรมที
สัมพนั ธ์กบั แนวคดิ สันตวิ ธิ ีอย่างเป็ นระบบทีชดั เจน ส่วนใหญใ่ นประเดน็ สันติวิธีมีนกั วิชาการไดอ้ ธิบายไว้
มาแลว้ แต่อย่างไรก็ตาม ผูว้ จิ ยั จะนาํ หลกั ธรรมทสี ัมพนั ธ์กบั แนวคิดสันติวิธีเพือลดความความขดั แยง้ ใน
สังคมไทยทีเกิดขึนในปัจจบุ นั และเพอื สร้างองคค์ วามรู้ใหม่ใหก้ บั ผศู้ ึกษาต่อไป
1.7 วธิ ีดาํ เนินการวจิ ัย

การวจิ ยั ในครังนีเป็นการศึกษาทางเอกสาร (Documentary Research) โดยใชเ้ ครืองมือในการเกบ็
รวบรวมขอ้ มลู ทีเกียวขอ้ งจากแหล่งขอ้ มูลต่างๆ ดงั นี

1.7.1 ศึกษาเอกสารชนั ปฐมภูมิ (Primary Source) ไดแ้ ก่ พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลยั พ.ศ. 2539

1.7.2 ศึกษาเอกสารชันทุติยภูมิ (Secondary Sources) ได้แก่ อรรถกถา ตํารา งานวิจัย
วทิ ยานิพนธ์ บทความ และเอกสารจากหนงั สือต่างๆ รวมไปถงึ เวบ็ ไซตท์ ีเกียวขอ้ งกบั เรืองนี

1.7.3 วิเคราะห์ความหมาย ประเภท และทฤษฎีสันติวธิ ีและสาเหตุการเกิดความขดั แยง้ ใน
สงั คมไทย

1.7.4 สรุปผลงานวจิ ยั และขอ้ เสนอแนะ
1.7.5 เสนอผลงานวจิ ยั โดยวธิ ีพรรณนา (Descriptive Analysis)
1.8 ประโยชน์ทคี าดว่าจะได้รับ
1.8.1 ทาํ ใหท้ ราบความหมาย ทฤษฎสี นั ติวธิ ี และสาเหตุการเกิดความขดั แยง้ สังคมไทย
1.8.2 ทาํ ใหท้ ราบหลกั ธรรมทสี มั พนั ธ์กบั แนวคดิ สนั ติวธิ ีในพทุ ธศาสนาเถรวาท
1.8.3 ทาํ ใหท้ ราบหลกั ธรรมทสี มั พนั ธ์กบั แนวคดิ สันตวิ ธิ ีเพือลดความขดั แยง้ ในสงั คมไทย

21 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส รูปแบบการจัดการความขัดแย้งโดยพุทธสันตวิ ิธี : ศึกษาวเิ คราะห์กรณีลุ่มนํา
แม่ตาช้าง จ.เชียงใหม่ , (วิทยานิพนธพ์ ทุ ธศาสตร์ดษุ ฎบี ณั ฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลยั , 2547) หนา้ , 73.

~ 210 ~

ระเบียบวธิ ีวิจัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

สารบญั (ชัวคราว)

เรือง หน้า.
บทที 1 บทนํา

1.1 ความเป็ นมาและความสาํ คญั ของปัญหา
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั
1.3 ปัญหาทีตอ้ งการทราบ
1.4 ขอบเขตของการวจิ ยั
1.5 คาํ จาํ กดั ความของศพั ทท์ ีใชใ้ นการวจิ ยั
1.6 ทบทวนเอกสารและงานวจิ ยั ทเี กียวขอ้ ง
1.7 วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั
1.8 ประโยชน์ทคี าดวา่ จะไดร้ ับ
บทที 2 ความหมาย แนวคิดทฤษฎสี ันตวิ ธิ ี และสาเหตุการเกิดความขดั แย้งในสังคมไทย
2.1 นิยามความหมาย “สนั ติวธิ ี”
2.2 นิยามความหมาย “สนั ติวธิ ี” ในพระพุทธศาสนา
2.3 แนวคิด และทฤษฎี “สันติวธิ ี”

2.3.1 แนวคิดสนั ติวธิ ีของยีน ชาร์ป (Gene Sharp)
2.3.2 แนวคิดสันติวธิ ีของโยฮนั กลั ป์ ตุง (Johan Galtung)
2.3.3 แนวคิดสนั ติวธิ ีของมหาตมะ คานธี
2.3.4 แนวคิดสันติวธิ ีของพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยตุ ฺโต)
2.4 สาเหตุการเกิดความขดั แยง้ ในสังคมไทยปัจจุบนั
2.4.1 เหตุปัจจยั ทกี ่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ดา้ นขอ้ เทจ็ จริง หรือขอ้ มลู
2.4.2 เหตุปัจจยั ทีก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ดา้ นผลประโยชน์ หรือความตอ้ งการ
2.4.3 เหตุปัจจยั ทกี ่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ดา้ นความสมั พนั ธ์

~ 211 ~

ระเบียบวธิ ีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

2.4.4 เหตุปัจจยั ทีก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ดา้ นโครงสร้าง
2.4.5 เหตุปัจจยั ทีก่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ ดา้ นค่านิยม
2.5 ผลกระทบอนั เกิดจากความขดั แยง้
2.5.1 ผลกระทบของความขดั แยง้ ในเชิงบวก
2.5.2 ผลกระทบของความขดั แยง้ ในเชิงลบ
2.6 สรุป
บทที 3 หลักธรรมทสี ัมพนั ธ์กับแนวคิดสันติวธิ ีในพระพุทธศาสนาเถรวาท
3.1 หลกั ธรรมทสี ัมพนั ธ์กบั แนวคิดสนั ติวธิ ี
3.1.1 ศลี 5
3.1.2 เมตตาธรรม
3.1.3 ขนั ตธิ รรม
3.1.4 สาราณียธรรม 6
3.1.5 สงั คหวตั ถุ 4
3.1.6 สามคั คธี รรม
3.1.7 ไตรสิกขา 3
3.2 สรุป
บทที 4 วเิ คราะห์หลักธรรมทีสัมพนั ธ์กบั แนวคดิ สันตวิ ธิ ีเพือลดความขดั แย้งในสังคมไทย
4.1 ศีล 5 ในบริบทของการสร้างสนั ติมาสู่สังคม
4.2 เมตตาธรรมในบริบทของการสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งบุคคล
4.3 ขนั ติธรรมในบริบทของความอดทน อดกลนั ต่อสิงทเี กิดขึน
4.4 สาราณียธรรม 6 ในบริบทของการสร้างความคิดเหน็ เสมอกนั
4.5 สังคหวตั ถุ 4 ในบริบทของการป้องกนั ความขดั แยง้
4.6 สามคั คธี รรมในบริบทของความพร้อมเพรียงของหมู่คณะ
4.7 ไตรสิกขา 3 ในบริบทของการพฒั นาในดา้ นคุณภาพชีวติ ใหส้ ูงขนึ
4.8 สรุป

~ 212 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

บทที 5
5.1 สรุปผลการวจิ ยั
5.2 ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั

บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ประวัติผู้วจิ ัย

บรรณานุกรม (Bibliography)

1. ภาษาไทย - ภาษาบาลี :

ก. ข้อมลู ปฐมภูมิ
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิ ฎกภาษาบาลี ฉบบั มหาจฬุ าเตปิฎกํ 2500.

กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2535.
_________. พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . กรุงเทพมหานคร :

โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2539.
ข. ข้อมลู ทุตยิ ภูมิ
(1) หนังสือ :
ชยั วฒั น์ สถาอานนั ท,์ สันติทฤษฎ/ี วิถีวัฒนธรรม, กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพมิ พ.์ 2539.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ผศ.ดร. บทความทางวชิ าการ,พุทธศาสนาในฐานะเป็ นรากฐานของ
สันติวธิ ีในสังคมไทยปัจจุบัน, มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ,
วนั ที 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554.
ทพญ.กษิรา เทียนส่องใจ, การศึกษาวเิ คราะห์อภยั ทานเพือจัดการความยัดแย้งในสังคมไทย
ในปัจจุบัน, วทิ ยานพิ นธ์พทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑติ วทิ ยาลยั
มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ,2550.

~ 213 ~

ระเบียบวิธีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

ประเวศ วะสี, สันติวธิ ีกบั สิทธิมนุษยชน, กรุงเทพฯ : สํานกั งานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, 2545.
พทุ ธทาสภิกข,ุ สันติดภาพโลก, ไชยา : ธรรมทานมูลนิธิ, 2531, หนา้ 5-99.
พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยตุ ฺโต), การศึกษาเพือสันติภาพ, พิมพค์ รังที 2, กรุงเทพฯ : สหธรรมกิ

จาํ กดั , 2538.
(2) งานวจิ ัย :
ทพญ.กษิรา เทียนส่องใจ การศึกษาวิเคราะห์อภัยทานเพือจัดการความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน,

(วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราช
วทิ ยาลยั , 2550) หนา้ , 49.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส รูปแบบการจัดการความขดั แย้งโดยพุทธสันตวิ ิธี : ศึกษาวเิ คราะห์กรณีล่มุ นํา
แม่ตาช้าง จ.เชียงใหม่ , (วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตร์ดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2547) หนา้ , 73.

~ 214 ~

ระเบียบวธิ ีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

ภาคผนวก

ตวั อย่างการเขยี นวิจยั ชันเรียน
1. การวิจยั ในชันเรียนคืออะไร

การวจิ ยั ในชนั เรียน ภาษาองั กฤษเรียกว่า Classroom Research คือกระบวนการหาความรู้
หรือวธิ ีการใหม่ ๆ รวมทงั การประดิษฐค์ ิดคน้ สิงใหม่ ๆ เพอื นาํ มาใชใ้ นการเรียนการสอนเพอื
แกป้ ัญหาทีเกิดจากการเรียนการสอนในชนั เรียนของตนเอง หรือเพอื พฒั นาการเรียนรู้ของ
นกั เรียน ผลการวจิ ยั ใชไ้ ดเ้ ฉพาะกลุม่ ทที าํ การศึกษา บางทีเราเรียกวา่ การวจิ ยั เชิงปฏิบตั กิ ารใน
ชนั เรียน (Classroom Action Research) หรือการวิจยั เพอื พฒั นาการเรียนรู้
2. ใครเป็ นผ้ทู าํ วิจยั ในชันเรียน

ผทู้ าํ วจิ ยั ในชนั เรียนคอื ครูผสู้ อน
3. การวิจัยเพือพฒั นาการเรียนรู้มีขนั ตอนอะไรบ้าง

การวจิ ยั เพือพฒั นาการเรียนรู้มีขนั ตอนดงั นี
1. วิเคราะหป์ ัญหา/การพฒั นา
2. วางแผนแกป้ ัญหา/การพฒั นา
3. จดั กิจกรรมแกป้ ัญหา/การพฒั นา
4. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะหข์ อ้ มูล
5. สรุปผลการแกป้ ัญหา/การพฒั นา

4. ครูผ้สู อนจะเรมิ ต้นทําวจิ ยั ในชันเรียนอย่างไร
ครูผสู้ อนจะเริ มตน้ ดว้ ยวธิ ีงา่ ย ๆ คอื สอนไปสังเกตไป ว่าผูเ้ รียนคนไหนมีจุดเด่น จุดดอ้ ย

ตรงไหน แลว้ พยายามบนั ทึกไว้ จากนนั สรุปขอ้ มูลทมี ีอยู่ ซึงจะทาํ ใหท้ ราบวา่ เดก็ ในชนั มีกลุ่ม
เก่งกีคน กลมุ่ อ่อนกีคน ใครบา้ งทีเรียนออ่ น อ่อนในเรืองอะไร เพอื จะไดค้ ดิ หานวตั กรรมที
เหมาะสมเพือช่วยเหลอื กลุ่มออ่ นตอ่ ไป
5. ปัญหาหรือสิงทตี ้องการพฒั นาต้องเป็ นด้านความรู้เท่านันใช่หรือไม่

ไม่ใช่ ปัญหาหรือสิงทีตอ้ งการพฒั นาอาจเป็นดา้ นความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ หรือดา้ น
ความประพฤติ พฤติกรรม หรือบุคลิกภาพทีไม่พึงประสงคข์ องนกั เรียนกไ็ ด้

~ 215 ~

ระเบียบวิธีวิจัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

6. การทาํ วจิ ัยในชันเรียน จะทาํ ให้ครูทงิ ชันเรียน เพราะ ตอ้ งไปคน้ ควา้ เกียวกบั นวตั กรรม
ใช่หรือไม่ - ไม่ใช่ การทาํ วจิ ยั ในชนั เรียนเป็นการวจิ ยั เลก็ ๆ ควบคูไ่ ปกบั การปฏบิ ตั ิงานจริง
มุ่งแกป้ ัญหาหรือพฒั นาผเู้ รียน เป็นสาํ คญั ไม่จาํ เป็นตอ้ งคน้ ควา้ หรืออา้ งอิงแบบวทิ ยานิพนธ์
รูปแบบการหาความรู้อาจไดม้ าจากการพูดคยุ แลกเปลียนเรียนรู้กบั เพอื นครูดว้ ยกนั จากเอกสาร
ตา่ ง ๆ ทีไดร้ ับจากการประชุมอบรม สมั มนา จากรายการ โทรทศั นท์ างการศึกษา จากแหล่ง
เรียนรู้ต่าง ๆ เช่น Internet วทิ ยานิพนธ์ รายงานวจิ ยั ต่าง ๆ ทีมผี ทู้ าํ ไว้
7. รายงานผลการวิจยั ในชันเรียนจะเขยี นเมือไร

เขยี นขนึ เมือครูผูส้ อนเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลและวิเคราะหข์ อ้ มลู เสร็จเรียบร้อยแลว้
ครูผสู้ อนตอ้ งเขียนสรุปผลการวิจยั หากพบว่าผูเ้ รียนไมเ่ กิดการเรียนรู้ และ/หรือมพี ฤติกรรมไม่
พงึ ประสงค์ ครูผสู้ อนอาจตอ้ งทาํ วิจยั ในชนั เรียนซาํ อีกครังหรือหลาย ๆ ครัง จนกวา่ ผเู้ รียนได้
เกิดการเรียนรู้ และ/หรือมพี ฤติกรรมทีพงึ ประสงค์ ตามเจตนารมณ์ตามหลกั สูตรอยา่ งแทจ้ ริง
8. การเขยี นรายงานการวจิ ัยในชันเรียนต้องเขยี นตามระเบยี บวิธวี จิ ยั

คือตอ้ งมีบท ที 1 ถึง บทที 5 ใช่หรือไม่
ไม่จาํ เป็น การเขยี นรายงานการวิจยั ในชนั เรียน ครูสามารถเขียนง่าย ๆ โดยระบุปัญหาที
พบ สาเหตขุ องปัญหา วธิ กี ารแกป้ ัญหา และผลการแกป้ ัญหา อาจมีขอ้ เสนอแนะหรือ ขอ้ สังเกต
ตอ่ ทา้ ย และแนบหลกั ฐานสิงทีได้ ดาํ เนนิ การ เช่น แบบฝึก แบบบนั ทกึ ฯลฯ
9. ทําวจิ ัยแล้วจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
ทาํ วิจยั แลว้ มีประโยชนอ์ ยา่ งแน่นอน ประโยชน์ตอ่ นกั เรียนคือ นกั เรียนแตล่ ะคนจะไดร้ บั
การพฒั นา หรือแกป้ ัญหาอยา่ งถูกวิธี ประโยชนต์ อ่ ครูคือ ครูมีการวางแผนการทาํ งานอยา่ งเป็น
ระบบ ครูผูส้ อนสามารถสรุปเขยี นรายงานการวิจยั ในชนั เรียนเพอื รอรับการประเมินตาม
มาตรฐานวิชาชีพครู และ สามารถรวบรวมเป็นผลงานวิชาการเพอื ขอเลือนระดบั ใหส้ ูงขึน
10. การวิจัยในชันเรียนและการวิจยั ในโรงเรียนต่างกนั อย่างไร
การวิจยั ในชนั เรียน เป็นการวจิ ยั ของครูทีประจาํ อยใู่ นหอ้ งเรียน ซึงสังเกตพบวา่ นกั เรียน
บางคนมีปัญหา และเมือวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาของนกั เรียนบางคนดงั กล่าว ระบไุ ดห้ ลาย
สาเหตุ จึงเลือกสาเหตทุ ีตนสามารถ แกไ้ ขได้ หาวิธีแกไ้ ข (ซึงไมใ่ ช่วธิ ีสอน) ดาํ เนินการแกไ้ ขไป

~ 216 ~

ระเบียบวิธีวิจัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

พร้อม ๆ กบั การสอนนกั เรียนกลุ่มใหญ่ จนปัญหา ดงั กล่าวไดร้ ับการคลีคลาย จงึ เขียนรายงาน
การวิจยั ซึงมคี วามยาว 2-3 หนา้

การวิจยั ในโรงเรียน เป็นการวจิ ยั ของผบู้ ริหารโรงเรียน หรือศึกษานิเทศก์ ซึงสังเกตพบว่า
ครูบางคนมีปัญหา ในงานครู และเมือวิเคราะห์ถึงสาเหตดุ งั กล่าว ก็ระบุไดห้ ลายสาเหตุ จึงเลือก
สาเหตุทีตนสามารถแกไ้ ขได้ หาวิธีการ แกไ้ ข ดาํ เนินการแกไ้ ข ไปพร้อม ๆ กบั การปฏบิ ตั งิ าน
ปกติของตน จนปัญหาดงั กล่าวไดร้ ับการคลีคลาย จึงเขียน รายงานการวิจยั ซึงมีความยาว 2-3
หนา้ เช่นเดียวกนั
11. การวิจัยเพือพฒั นาการเรียนการสอนจะทาํ ได้ทุกกล่มุ สาระหรือไม่

การวิจยั เพอื พฒั นาการเรียนการสอน สามารถทาํ ไดท้ ุกกลุ่มสาระไม่วา่ จะเป็นสาระความรู้
การปฏิบตั ิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนและการพฒั นาคุณธรรม ลกั ษณะของแตล่ ะกลุ่มสาระใช้
กระบวนการเดียวกนั คอื กอ่ นวิจยั ตอ้ งมีการหาปัญหาหรือสิ งทีตอ้ งการพฒั นา หาแนวทางแกไ้ ข
นาํ แนวทางไปดาํ เนินการ สรุปผล การเขยี นรายงาน
12. โดยสรุปการวจิ ัยในชันเรียนจะมีลักษณะอย่างไร

1. ผูว้ ิจยั ยงั คงทาํ งานตามปกติของตน
2. ไม่ตอ้ งสร้างเครืองมือวิจยั
3. ไม่มขี อ้ มูลจาํ นวนมาก
4. ไม่ตอ้ งทบทวนรายงานวจิ ยั ทีเกียวขอ้ ง
5. ขอ้ มูลส่วนใหญม่ าจากการสังเกต การพดู คุย และใชก้ ารวิเคราะหเ์ นือหา
6. ใชเ้ วลาทาํ วิจยั ไมน่ าน ขนึ อยกู่ บั สาเหตุของปัญหาและจาํ นวนบุคคลทีตอ้ งการแกไ้ ข
7. ความยาว 2-3 หนา้ ตอ่ เรือง
8. นกั เรียน/ครู ไดร้ ับการแกไ้ ขหรือพฒั นา
9. ไม่มีการระบุประชากร กลุ่มตวั อยา่ ง การสุ่มตวั อยา่ ง
10. ไม่ตอ้ งใชส้ ถิติสรุปอา้ งอิง และไมม่ ีระดบั นยั สาํ คญั
11. ไม่มีการทดสอบก่อนหลงั
12. ไม่มีกลุ่มทดลอง กลุม่ ควบคุม

~ 217 ~

ระเบียบวิธีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

13. เป็นการวิจยั เชิงคุณลกั ษณะ (Qualitative research มากกว่า Quantitative research)
14. เนน้ การแกไ้ ขทีสาเหตุของปัญหาของนกั เรียน/ครู บางคน บางเรือง
13. ตวั อยา่ งงานวจิ ยั ในชนั เรียน
กรณศี ึกษาที 1 การแก้โจทย์ปัญหาตรีโกณมติ ิ

ครูสุมาลีสอนวชิ าคณิตศาสตร์ชนั ม. 3 เป็นเวลา 3 ปี พบว่าผลสมั ฤทธิวิชา
คณิตศาสตร์ของนกั เรียนส่วนใหญต่ าํ โดยเฉพาะ เรืองโจทย์ ปัญหาตรีโกณมิติ นกั เรียนส่วน
ใหญไ่ ม่สามารถแกโ้ จทยป์ ัญหาได้ จากการสงั เกตนกั เรียนในขณะทีทาํ แบบฝึ กหดั เรืองนี ครู
สุมาลี พบว่า มี นกั เรียนจาํ นวนหนึงอ่านโจทยป์ ัญหาแลว้ ไม่สามารถเขียนเป็นรูปทีโจทย์
กาํ หนดใหไ้ ด้ บางคนเขียนรูปไดแ้ ตไ่ ม่ตรงกบั ทโี จทย์ กาํ หนดให้ และ บางคนสามารถเขียน
รูปไดโ้ ดยดจู ากตวั อยา่ งทีครูสอนและในหนงั สือ แตไ่ ม่สามารถคาํ นวณหาระยะทางทีโจทย์
ตอ้ งการได้ ทงั นี เพราะไม่รู้ความสมั พนั ธข์ องมุมและดา้ น ไม่รู้คา่ ของ Sine, Cos, Tan จากปัญหา
ดงั กล่าว ครูสุมาลีจึงคิดหาวิธีแกไ้ ข โดยเปลียนวธิ ีสอนจากเดิมทีใชก้ ารอธิบายตวั อยา่ ง บน
กระดานดาํ เป็นการพานกั เรียนไปเรียนทีเสาธงของโรงเรียน ผนงั อาคารเรียน ตน้ ไม้ และ แบ่ง
นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม ใหท้ ดลองวดั ระยะทางจากจุดทีนกั เรียนยนื ไปทเี สาธง ผนงั ตกึ เรียน ตน้ ไม้
โดยเปลียนมุมไปเรือย ๆ และ ใหจ้ ดบนั ทึกการวดั ไว้ และนาํ ผลมาอภปิ รายกนั ในห้องเรียน และ
ใหน้ กั เรียนทาํ ชุดฝึกทกั ษะการแกโ้ จทย์ ปัญหาตรีโกณมิติทีเริ มตน้ ตงั แต่ การหาคา่ ของดา้ นและ
มุม จนถึงการแกโ้ จทยป์ ัญหา โดยแบ่งขนั ตอนการแกป้ ัญหาโจทยไ์ วเ้ ป็นลาํ ดบั ขนั อยา่ ง ชดั เจน
จากนนั แบ่งนกั เรียน เป็นกลุ่ม และใหน้ กั เรียนจดั ทาํ โครงงานเกียวกบั การนาํ ความรู้เรืองการแก้
โจทยป์ ัญหาตรีโกณมิติไปใชใ้ นชีวิต ประจาํ วนั หลงั จากนนั ครูสุมาลีทาํ การทดสอบนกั เรียน
โดยใชแ้ บบทดสอบเดิมของปี ทีแลว้ พบว่า นกั เรียนมีผลสมั ฤทธิทางการเรียนดีขึน ผลจาก การ
ใชช้ ุด ฝึ กทกั ษะและโครงงานมาแกป้ ัญหาเรืองการแกโ้ จทยป์ ัญหาตรีโกณมิติของนกั เรียน ทาํ ให้
บรรยากาศในการเรียนคณิตศาสตร์ดีขนึ นกั เรียน กระตอื รือร้นทไี ดไ้ ปเรียน รู้จากสถานทีทีมีอยู่
ในโรงเรียน และสามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาํ วนั ได้

~ 218 ~

ระเบียบวิธีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

กรณศี กึ ษาที 2 การศกึ ษาเดก็ เป็ นรายกรณี ด.ญ. เตย ชันประถมศึกษาปี ที 6 ของ นางสิริมา กลนิ
กุหลาบ อาจารย์ 3 ระดบั 9 โรงเรียนวัดไทรใหญ่

ปัญหาทางพฤตกิ รรมของเตย
1. เตย มุมมองทีครูพบ ผูส้ อนศกึ ษาพฤติกรรมของเตยโดยการสังเกต การบนั ทึก
พฤตกิ รรม การศึกษาจากประวตั ิของเตย การสมั ภาษณ์ แลว้ สรุปสิงทีพบ เป็นหลายหมวดหมู่
เช่น ดา้ นครอบครัว ดา้ นอารมณ์ ดา้ นการเรียน ดา้ นนิสยั ดา้ นความตอ้ งการ ดา้ นร่างกาย ขอ
ยกตวั อยา่ งสิงทีครู สรุปจากการสงั เกต ดา้ นครอบครัว ดา้ นอารมณ์ ดา้ นการเรียน และดา้ นนิสยั
ของเตย ดงั นี

1.1 ดา้ นครอบครัว
[X] อยูก่ บั ยาย ลุงส่งเงินใหเ้ รียนหนงั สือ
[X] พอ่ ฟ้องหยา่ แม่
[X] พอ่ มีภรรยาใหม่
[X] แม่มีสามใี หม่ มลี ูก
[X] เมืออายไุ ด้ 6 ปี แม่เลียงนาํ ไปทิ งไวก้ ลางทุ่งนา
[X] ยายไปรับมาอยดู่ ว้ ย 1.2 ดา้ นอารมณ์ [X] เกลียดพอ่
[X] ใจนอ้ ย เอาแตใ่ จตนเอง
[X] ทา้ รบ ใจร้อน อารมณ์รุนแรง
[X] ควบคุมอารมณไ์ ม่ได้
[X] ไม่ชอบความรุนแรงจากคนอืน 1.3 ดา้ นการเรียน [X] ชอบวิชาสงั คมศึกษา

ไม่ชอบวชิ าคณิตศาสตร์
[X] เรียนรู้ไดด้ ีจากการคน้ ควา้
[X] ทาํ งานกลุ่มไม่ดี ทาํ งานเดียวไดด้ มี าก
[X] สมาธิสัน
[X] ชอบกีฬา
1.4 ดา้ นนิสยั

~ 219 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

[X] ชอบหนีเทียวหา้ งสรรพสินคา้
[X] คบเพอื นผูช้ ายมากกว่าผูห้ ญิง
[X] ไม่มีระเบียบไม่อยใู่ นกตกิ า
[X] ทาํ ตวั หา้ วหาญเหมือนชาย
[X] หยบิ ของผูอ้ ืนโดยพลการ
[X] ช่วยงานอาสาดีมาก ช่วยเพอื นดี
2. สรุปพฤตกิ รรมของเตย เตยมีปัญหาดา้ นพฤตกิ รรม คอื เป็นคนคอ่ นขา้ งกา้ วร้าว ชอบ
ทะเลาะกบั เพอื น ทาํ ร้าย แยง่ ของเพอื นโดยการกระชากจากมือ ไมเ่ ชือฟัง ตอ่ ตา้ น ชอบออกคาํ สัง
ตะโกนเสียงดงั ชอบขโมย
3. สาเหตขุ องปัญหา จากการศกึ ษาประวตั แิ ละพฤตกิ รรมของเตย ครูสรุปวา่ มีสาเหตุมา
จากปัญหาทางบา้ น เพราะถูกทอดทิ งจากพอ่ แม่ และแมเ่ ลียง ตงั แตอ่ ายุ5 ขวบ จนถงึ ปัจจุบนั
ตวั อย่างการบนั ทกึ พฤตกิ รรมของเตยบางตอน
“ตอนเชา้ สังเกตเหน็ เตยใส่เสือผา้ ไมถ่ ูกตอ้ งตามระเบยี บ สอบถามไดค้ วามว่าไฟไหม้
หอ้ งพกั ตาํ รวจยงั ไม่ใหเ้ ขา้ ไปหยบิ สิ งของ จึงไม่มเี สือนกั เรียนใส”่ โดย ครูสิริมา ครูประจาํ ชนั
“หนูเกลียดผชู้ ายทงั โลก พอ่ ทาํ ใหแ้ มเ่ จบ็ หนเู กลียดพอ่ ” เตย
“หนูเกลียดวชิ าเลข ครูไมเ่ ขา้ ใจเดก็ ครูกร็ ู้ ครูคนอืนหนูยอมหมดแลว้ แตค่ รูเลข หนูรับ
ไม่ได้ เขาน่าจะรู้หนูมปี ัญหา รอ้ งไหไ้ ป รําพนั ไป” ครูสิริมากบั เตย
4. ครูแกป้ ัญหาโดยการปรบั พฤติกรรมของเตย โดยใช้เทคนิค
4.1 การหยดุ ยงั เมือเตยมีพฤติกรรมกา้ วร้าว ขวา้ งกล่องดินสอในหอ้ ง ครูจอ้ งมอง
นิง ๆ เมือเตยสงบลง ครูบอกวา่ อยา่ งนีจะน่ารักกว่ามาก
4.2 การแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งเกินกวา่ ทีทาํ ผิด ครูใชว้ ิธีปรบั พฤตกิ รรม 2 วิธี คือ

(1) ใหเ้ กบ็ ของใหเ้ รียบร้อยหลงั จากทีเตยมีอารมณ์ดขี ึนแลว้ เพราะเตยมี
อารมณ์รุนแรงมาก ถา้ สังขณะเกิดเหตุจะมีปฏิกิริยา ตอบโตร้ ุนแรงกว่าเดิมมาก

(2) ใหจ้ ดั หอ้ งเรียนใหเ้ รียบร้อย เป็นการลงโทษใหท้ าํ งานเพิมขึน

~ 220 ~

ระเบียบวิธีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

4.3 การทาํ สัญญากบั เตย เมือเหตกุ ารณส์ งบลง ครูขอพบเป็นการส่วนตวั ถาม
สาเหตุของการกระทาํ ที รุนแรงขวา้ งปาสิ งของ จากนนั ขอสัญญาจะไม่ทาํ อีก

4.4 ใหค้ วามเป็นกนั เอง ความรกั ความอบอุ่น ดแู ล เอาใจใส่ โอบไหล่ พูดคุยดว้ ย
เตยยอมเรียกครูประจาํ ชนั ว่าแม่ เขา้ มากอด ครูถือโอกาสอบรม ปลูกฝังความเป็นคนดี มีสติ การ
ใชเ้ หตผุ ล

ตวั อยา่ งการบนั ทกึ พฤติกรรมของเตย โดยครูประจาํ ชนั
“ วนั นีเตยมากอด ซบอยู่ ถามวา่ แม่ไปไหนเมือวานไม่พบเลย เดก็ เปลียนทีท่า
อ่อนโยนลง” ครูสิริมา ครูประจาํ ชนั ป.6/1
5. ผลของการปรบั พฤตกิ รรม
เตยมีความกา้ วร้าวลดลง มีเพือนมากขึน รับผดิ ชอบงานดีขนึ ระดบั หนึง ตงั ใจทาํ งานให้
สาํ เร็จแตม่ ีขอ้ แมว้ า่ ตอ้ งเป็นหวั หนา้ กลุ่ม ชอบทาํ งานกบั ผเู้ รียนชายมากกวา่ ผเู้ รียนหญิง โดยให้
เหตผุ ลกบั ครูวา่ เพอื นผชู้ ายไม่เรืองมาก แตพ่ ฤตกิ รรมของเตยทีดีขึนไม่คงทน นาน ๆ ครัง จะ
กา้ วร้าวอกี ถา้ มีเหตกุ ารณ์กระทบั ใจ หอ้ งเรียนสงบขึนกวา่ เดิมจนสิ นปี การศึกษา
6. พฤตกิ รรมของเตยหลงั จากปรับพฤตกิ รรม และเรียนจบชนั ประถมศึกษาปี ที 6
[X] เลิกเกลยี ดผชู้ าย
[X] เล่นกีฬา
[X] ยมิ แยม้ แจม่ ใส
[X] ไม่ยอมใคร
[X] ปกป้องเพอื น
[X] พบกระเป๋ าสตางคน์ าํ ไปมอบใหค้ รู

~ 221 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

บรรณานุกรม

1. อุทุมพร ทองอุไทย (2544) รวมบทคดั ยอ่ รายงานการวิชยั ในชนั เรียน/โรงเรียน คณะ
ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั

2. สุวมิ ล วอ่ งวาณิช (2544) การวิจยั ปฏิบตั กิ ารในชนั เรียน
3. Thomas A. Angelo (1991) Classroom Research: Early Lessons from Success.
4. พจนานุกรมฉบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525. กรุงเทพมหานคร : บริษทั อกั ษรเจริญ
ทศั น์ อจท.จาํ กดั .
5. สุชาติ ประสิทธิรัฐสินธุ์. ระเบยี บวิธีการวิจยั ทางสงั คมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร :
สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์. 2538.
6. Sekaran, Uma. Research Methods for Business (2nd). New York: John Wiley &
Son, Inc. 1992.
7. Gay, L. R. and P. C. Diehl. Research Methods for Business and Management. New
York: Macmillan Publishing Company. 1992.
8. เทียนฉาย กีระนนั ทน์ . สังคมศาสตร์วิจยั . กรุงเทพมหานคร : คณะเศรษฐศาสตร์
จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . 2537.
9.เทียนฉาย กีระนนั ทน.์ (2547). สังคมศาสตร์วิจยั . (พมิ พค์ รังที 2 ). กรุงเทพฯ:
โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
10.ธวชั ชยั วรพงศธร. (2538). หลกั การวจิ ยั ทางสาธารณสุขศาสตร์. (พิมพค์ รังที 2).
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
11.นิยม ปุราคาํ . (2517). ทฤษฎีของการสาํ รวจสถิตจิ ากตวั อยา่ งและการประยกุ ต.์
กรุงเทพฯ: ศ.ส. การพิมพ.์
12.บุญเสริม วีสกุล. (2517). สถิตติ อนที 1 : วธิ ีเกบ็ และประมวลผลขอ้ มูล. กรุงเทพฯ:
ไทยวฒั นาพานิช.
13.พจน์ สะเพยี รชยั . (2516). หลกั เบืองตน้ สาํ หรับการวิจยั ทางการศึกษา เล่ม 1.
กรุงเทพฯ: วทิ ยาลยั วิชาการศึกษาประสานมิตร

~ 222 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

14. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2538). วิธีการวิจยั ทางพฤตกิ รรมศาสตร์และสงั คมศาสตร์. (พมิ พ์
ครังที 6 ). กรุงเทพฯ:

15. ภิรมย์ กมลรัตนกุล.(2547).หลกั การวิจยั ทางการแพทย.์ ใ (ระบบออนไลน)์ .
แหล่งทีมา: http://cai.md.chula.ac.th/cgi-
in/sign/post.pl?department=preven&subject=research: โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . (25
พฤศจิกายน 2547)

16. สุชาติ ประสิทธิรฐั สินธุ.์ (2538). ระเบียบวิธีการวิจยั ทางสังคมศาสตร์. (พมิ พค์ รังที
9). กรุงเทพฯ: สถาบนั บณั ฑิตพฒั นบริหารศาสตร์.
http://cai.md.chula.ac.th/cgiin/sign/post.pl?department=preven&subject=research:
Ackoff, R. L. (1953). The design of social research. Chicago: The University of
Chicago Press.
Babbie, E. (1986). The practice of social research. (4th ed.). Belmont, CA: Wadsworth
Publishing.
Baker, T. L. (1994). Doing social research (2nd ed.). Singapore: McGraw-Hill, Inc.
Blalock, H. M. (1972). Social statistics. (2nd ed.). Tokyo: Tosho Printing Co., Ltd.
Hoinville, G., & Jowell, R. (1978). Survey research practice. London:

Heinemann Educational Books Ltd.
Moser, C.A., & Kalton, G. (1997). Survey methods in social investigation.

(2nd ed.). London: Heinemann Educational Books Ltd.
Alreck, Pamela L., and Robert B. Settle. The Survey Research Handbook;
Guidelines andStrategies for Conducting a Survey. Burr Ridge: Irwin, 1995.
Babbie, Earl. The Practice of Social Research. 4th. ed. Belmont: Wadsworth, 1986.
Baker, Therese L. Doing Social Research. 2nd. ed. New York: McGraw-Hill, 1994.
Blalock, Jr., Hubert M. An Introduction to Social Research. Englewood Cliffs, N.J.:
Prentice-Hall, 1970.

~ 223 ~

ระเบียบวธิ ีวจิ ัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

Blalock, Jr., Hubert M. ed. Sociological Theory and Research; A Critical
Approach. New York:The Free Press, 1980.

Goode, William J., and Paul K. Hatt. Methods in Social Research. Singapore:
McGraw-Hill,1981.

Leedy, Paul D. Practical Research; Planning and Design. New York: Macmillan,
1974.

Monette, Duane R., Thomas J. Sullivan, and Cornell R. DeJong. Applied Social
Research; Toolfor the Human Services. 3rd. ed. Fort Worth: Harcourt Brace, 1994.

Sellitz, Wrightsman, and Cook. Research Methods in Social Relations. 3rd. ed. New
York: Holt,Rinehart and Winston, 1976.

อ้างองิ
^ ราชบณั ฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน, พมิ พค์ รังที 3, ราชบณั ฑิตยสถาน, 2548, หนา้ 130
^ อาํ นาจหนา้ ที กรมการศาสนา. กรมการศาสนา. เรียกขอ้ มูลวนั ที 3 ก.พ. พ.ศ. 2554
^ ระเบียบสาํ นกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วา่ ดว้ ยการจดั ทาํ ทะเบียนวดั ใน
พระพุทธศาสนา พ.ศ. 2552. สาํ นกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ. เรียกขอ้ มูลวนั ที 3 ก.พ. พ.ศ.
2554
^ พระไตรปิฎก เล่มที 25 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 17 ขทุ ทกนิกาย ขทุ ทกปาฐะ-ธรรม
บท-อุทาน-อิตวิ ุตตกะ-สุตตนิบาต คาถาธรรมบท อตั ตวรรคที 12. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ.
[ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[1]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52
^ พระไตรปิฎก เล่มที 17 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 9 สังยตุ ตนิกาย ขนั ธวารวรรค อตั ตทีป
วรรคที 5 อตั ตทปี สูตร. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[2]>. เขา้ ถึงเมือ
9-6-52

~ 224 ~

ระเบียบวิธีวิจยั ทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

^ พระไตรปิฎก เล่มที 19 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 11 สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เจล
สูตร (วา่ ดว้ ยการมีธรรมเป็นเกาะเป็นทีพึง). พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้
จาก <[3]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 20 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 12 องั คุตตรนิกาย เอก-ทุก-ตกิ นิบาต
ทุกนิบาต องั คุตตรนิกาย ปฐมปัณณาสก์. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก
<[4]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 7 พระวินยั ปิ ฎก เลม่ ที 7 จุลวรรค ภาค 2 ปัญจสตกิ ขนั ธกะ (เรือง
พระมหากสั สปเถระ สงั คายนาปรารภคาํ ของพระสุภทั ทวุฑฒบรรพชิต). พระไตรปิ ฎกฉบบั
สยามรัฐ. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก <[5]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 7 พระวินยั ปิ ฎก เลม่ ที 7 จุลวรรค ภาค 2 เรืองพระสัมภูตสาณวาสี
เถระ. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก <[6]>. เขา้ ถงึ เมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 7 พระวินยั ปิ ฎก เลม่ ที 7 จุลวรรค ภาค 2 สัตตสตกิ ขนั ธกะ ที 12
(ถามและแกว้ ตั ถุ 10 ประการ). พระไตรปิฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก <[7]>.
เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ Major Religions Ranked by Size (องั กฤษ)
^ U.S. State Department's International Religious Freedom Report 2004.
http://www.state.gov/g/drl/rls/irf/2004/ Accessed 20 September 2008. (องั กฤษ)
^ Garfinkel, Perry. "Buddha Rising," National Geographic Dec. 2005: 88–109.
^ CIA - The World Factbook (องั กฤษ)
^ ราชบณั ฑิตยสถาน, 2550, หน้า 110
^ พระไตรปิฎก เล่มที 10 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 2 ทฆี นิกาย มหาวรรค มหาปทานสูตร.
พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[8]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52
^ พระไตรปิฎก เล่มที 9 พระสุตตนั ตปิ ฎก เลม่ ที 1 ทฆี นิกาย สีลขนั ธวรรค กูฏทันตสูตร.
พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[9]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

~ 225 ~

ระเบียบวิธีวิจัยทางพุทธศาสนาและปรัชญา

รวบรวมและเรียบเรียงโดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรพงษ์ คงสัตย์

^ พระไตรปิฎก เล่มที 32 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 24 ขทุ ทกนิกาย อปทาน ภาค 1
พุทธาปทาน ชือปุพพกรรมปิ โลตทิ ี 10 (390) ว่าดว้ ยบุพจริยาของพระองคเ์ อง. พระไตรปิ ฎก
ฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[10]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เลม่ ที 13 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 5 มชั ฌมิ นิกาย มชั ฌมิ ปัณณาสก์
สคารวสูตร. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[11]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 11 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 3 ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค ปาสาทกิ สูตร .
พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[12]>. เขา้ ถึงเมือ 9-6-52

^ พระไตรปิฎก เล่มที 10 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 2 ทฆี นิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพาน
สูตร . พระไตรปิฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก <[13]>. เขา้ ถึงเมอื 9-6-52

^ อภิชยั โพธิประสิทธิศาสต.์ ศาสนาพุทธมหายาน. พมิ พค์ รังที 4. กทม. มหามกฏุ ราช
วิทยาลยั . 2539. น.41-79.

^ พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากลอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบณั ฑิตยสถาน. พมิ พค์ รังที 2.
กทม. ราชบณั ฑิตยสถาน. 2548. น. 581-582.

^ พระไตรปิฎก เล่มที 15 พระสุตตนั ตปิฎก เล่มที 7 สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค วชิราสูตร
ที 10. พระไตรปิ ฎกฉบบั สยามรัฐ. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก <[14]>. เขา้ ถึงเมือ 6-6-52


Click to View FlipBook Version