เอกสารประกอบการอบรม การทำ เชือกถักตะกรุดข้อมือ อาจารย์ทัศน์วรรณ รักใคร่ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์
Kru.Thasawan 1 ต้นก ำเนิดของเชือกจำกสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ควำมเก่ำแก่ของงำนประดิษฐ์ ต้นก ำเนิดของเชือกจำกสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ควำมเก่ำแก่ของงำนประดิษฐ์เชือกนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ ของมนุษย์อย่ำงหนึ่งที่มีควำมเก่ำแก่ และมีกำรใช้มำเป็นระยะเวลำอันยำวนำน โดยมีบทบำทและถูกใช้งำนใน อำรยธรรมต่ำงๆ ดังปรำกฏในหลักฐำนของอำรยธรรม ในยุคหินเมื่อ 10,000 ปี มำแล้วซึ่งได้มีกำรใช้เชือกท ำเป็น ตำข่ำยส ำหรับจับสัตว์น้ ำ ใช้ส ำหรับปีนเก็บน้ ำผึ้ง ใช้ในงำนก่อสร้ำง โดยเชือกที่ผลิตขึ้นมำมีลักษณะที่สั้นและ เกิดจำกกำรใช้มือบิดเป็นเกลียวหรือถักให้เป็นเปีย โดยใช้เส้นใยจำก ป่ำนมะนิลำ ป่ำนชนิดต่ำงๆ ไหมปำปิรุส ใน กำรผลิตเชือกสมัยต่อมำเชือกได้ถูกพัฒนำกำรให้มีควำมยำวมำกขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ส ำหรับกำรลำกจูง รัดสิ่งของ ในระหว่ำงกำรขนส่งสิ่งต่ำงๆ หรือแม้กระทั่งกำรปีนเขำ ในปี ค.ศ. 1950 -1960 ได้มีกำรค้นพบเส้นใย ไนลอน และเส้นใยสังเครำะห์อื่นๆ ดังนั้นจึงมีกำรประยุกต์น ำเอำเส้นใยไนลอน และเส้นใยอื่น ๆ มำประยุกต์ใช้ ส ำหรับผลิตเชือกเรื่อยมำ แต่อย่ำงไรก็ตำมเส้นใยธรรมชำติก็ยังคงมีกำรใช้ผลิตเชือกอยู่ด้วยเช่นกันแต่ปริมำณกำร ใช้งำนน้อยกว่ำเส้นใยสังเครำะห์ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมนุษย์รู้จักกำรประดิษฐ์สิ่งของจำกวัสดุเหลือใช้ในรูปแบบที่หลำกหลำยที่มี ควำมส ำคัญเป็นอย่ำงมำก ซึ่งก็เป็นภูมิปัญญำไทยในกำรแปรสภำพของขยะ และสิ่งเหลือใช้ให้ออกมำเป็นรูปแบบ ต่ำงๆโดยกำรน ำเอำขยะหรือสิ่งเหลือใช้มำประดิษฐ์สิ่งต่ำงๆอย่ำงเช่น ดอกไม้ แจกัน ม่ำนหน้ำต่ำงประตู สำมำรถ น ำไปใช้ประโยชน์และสำมำรถท ำเป็นอำชีพเสริมได้ ดังนั้นกำรประดิษฐ์สิ่งของจำกเศษวัสดุที่ย่อยสลำยยำกจำกขยะประเภทพลำสติก จึงเป็นวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยลดปริมำณขยะและน ำของเหลือใช้นี้มำใช้หรือดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยน ำมำประดิษฐ์เป็น ของประดับตกแต่ง ซึ่งก็คือดอกไม้ประดิษฐ์ชนิดต่ำงๆ เพื่อเป็นกำรสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจ และสร้ำงจิตส ำนึกที่ดี ต่อกำรรักษำสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นกำรน ำเศษสิ่งของเหลือใช้มำประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนกำรทิ้งให้ สูญเปล่ำ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมในชุมชน และช่วยลดกำรเกิดภำวะโลกร้อนพวกเรำจึงช่วยกันคิดค้น ประดิษฐ์ ดอกไม้จำกเชือกฟำงเพื่อช่วยลดปริมำณขยะที่ย่อยสลำยยำกให้ลดลงและลดปริมำณกำรผลิตสิ่งที่เป็น เหตุของกำรเกิดภำวะโลกร้อนขึ้น และแสดงให้เห็นว่ำวัสดุเหลือใช้ เศษวัสดุ และขยะ อย่ำงเชือกฟำงที่หลำยคน อำจมองไม่เห็นประโยชน์นอกจำกกำรใช้ผูกมัดสิ่งของยังมีคุณค่ำสำมำรถน ำมำใช้ท ำประโยชน์ได้อีกมำกมำย ถ้ำเรำคิดค้นสร้ำงสรรค์ชิ้นงำนต่ำงๆ ให้สวยงำมและคงคุณค่ำไว้ได้และที่ส ำคัญเพื่อเป็นกำรช่วยลดภำวะโลกร้อน ได้อีกด้วย
Kru.Thasawan 2 ชนิดของเชือก เชือกคือสิ่งที่ท ำด้วยด้ำยหรือป่ำนปอเป็นต้น มักฟั่นหรือตีเกลียว ส ำหรับผูกหรือมัดเชือก เป็นกลุ่ม ของ เส้นด้ำย, ชั้น, เส้นใย หรือเส้นที่บิดหรือ ถัก รวมกันเป็นรูปแบบที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น เชือกมีควำม ต้ำนทำนแรงดึง และสำมำรถใช้ส ำหรับลำกและยก เชือกหนำและแข็งแรงกว่ำสำยที่สร้ำงขึ้นในท ำนอง เดียวกัน สตริงและ เกลียว 1. เชือกป่ำน ท ำจำกต้นเฮมม์ สีเหลือง เส้นใยหยำบ แข็งผูกง่ำยไม่เหมำะส ำหรับงำนเกี่ยวกับน้ ำ นิยม ชุบน้ ำมันจึงเรียกว่ำ เชือกน้ ำมันเมื่อชุบน้ ำแล้วก ำลังงำนจะน้อยลงกว่ำเดิม 2. เชือกกำบมะพร้ำว ท ำจำกกำบมะพร้ำว มีน้ ำหนักเบำลอยน้ ำได้เหมำะหรับใช้ในน้ ำ ไม่อมน้ ำ นิยม ใช้โยงเรือก ำลังงำนน้อยกว่ำเชือกมนิลำที่มีขนำดเท่ำกัน 3. เชือกมนิลำ ท ำจำกต้นมนิลำมีมำกในประเทศฟิลิปปินส์ สีค่อนข้ำงขำวอ่อนตัวดี มีก ำลังมำกกว่ำ เชือกป่ำน นิยมใช้เป็นเชือกรอก ท ำฐำนผจญภัยและในกำรบุกเบิกถ้ำใช้ในที่แห้งจะทนดี แต่ถ้ำเปียกน้ ำบ่อย ๆ จะขำดง่ำย
Kru.Thasawan 3 4. เชือกปอ เป็นเชือกท ำจำกปอกระเจำในประเทศไทย เหมำะส ำหรับใช้งำนชั่วครำวบนบกเช่นขัน ชะเนำะ นั่งร้ำนเป็นต้น ต้องเก็บรักษำให้ดี ระวังทิ้งไว้มอด และปลวกกัดกินท ำให้ขำดง่ำย 5. เชือกด้ำย เป็นเชือกที่ท ำจำกด้ำยดิบ มีสีขำวสะอำด อ่อนนิ่ม ขดม้วนง่ำย ไม่มีมอด หรือปลวกอำศัย ใช้ท ำแห หรือใช้งำนในร่มไม่ถูกแดด 6. เชือกไนลอน เป็นเชือกที่ท ำจำกสำรสังเครำะห์ มีควำมทนทำนและเหนียวมำกมีควำมยืดหยุ่น มำกกว่ำเชือกชนิดอื่น ๆ ผูกยำกเพรำะคลำยตัวง่ำย ถ้ำดึงมำกเชือกยืดได้ เหมำะใช้งำนในน้ ำ ห้ำมอยู่ใกล้ควำมร้อน หรือใกล้ไฟ
Kru.Thasawan 4 7. เชือกลวดหรือลวดสลิง ลักษณะคล้ำยเชือก แต่ท ำจำกเหล็กกล้ำเคลือบสังกะสีควั่นเป็นเกลียวมีน้ ำ หนังและก ำลังมำก มีรำคำแพงและเกิดสนิมได้ง่ำย เหมำะส ำหรับยึดเกำะโครงสร้ำงสูงเช่น ใช้ยึดท ำฐำนผจญภัย ถำวร ยึดเสำโทรทัศน์หรือหอคอย เป็นต้น มีหลำยขนำดให้เลือก
Kru.Thasawan 5 มำครำเม่ มำครำเม่ (Macramé) ภำษำกรีกโบรำณ หมำยถึง กำรมัดหรือถักเชือกให้เกิดลวดลำย มำครำเม่ จึงกลำยเป็นงำนศิลปะเกี่ยวกับกำรถักเชือกเส้นยำวที่ได้รับควำมนิยมไปทั่วโลก โดยอำศัยแพทเทิร์นพื้นฐำน ง่ำย ๆ สำมำรถเลือกใช้วัสดุได้หลำยชนิด ไม่ว่ำจะเป็น เชือกร่ม เชือกหนัง เชือกเทียน เส้นพลำสติก ไหมญี่ปุ่น และยังประยุกต์ลวดลำยให้ทันสมัยและสำมำรถต่อยอดเป็นงำนครำฟต์ได้มำกมำย อย่ำงแช่น กระเป๋ำสะพำย ปลอกหมอน ม่ำน โคมไฟ ที่แขวนกระถำงต้นไม้ มำครำเม่ (Macramé) คือ รูปแบบกำรมัดหรือถักเชือกให้เกิดลวดลำยต่ำง ๆ โดยเรื่องรำวของ Macramé นั้นสำมำรถย้อนกลับไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 13 ค ำว่ำ Macramé สันนิษฐำนว่ำมำจำกค ำว่ำ Migramah ในภำษำอำหรับ ซึ่งมีควำมหมำยถึง พู่ หรือกำรถักลำยขอบ ส่วนในภำษำกรีกจะอ่ำนว่ำ มำครำเม่ (Macramé) ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันอย่ำงแพร่หลำยในปัจจุบัน ในอดีตมำครำเม่ใช้น ำมำประดับตกแต่งบนตัวอูฐ และม้ำในทะเลทรำยทำงตอนเหนือของแอฟริกำ รวมทั้งน ำมำประดับตกแต่งงำนประติมำกรรมต่ำง ๆ ของชำว บำบิโลน และชำวแอสซีเรีย ต่อมำมำครำเม่ได้รับกำรน ำมำเผยแพร่ต่อยังทวีปยุโรปผ่ำนสงครำม และกำรล่ำ อำณำนิคมของพวกแขกมัวร์ จนกระทั่งเป็นที่นิยมสูงสุดในหมู่ชำวอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 ส่วนในไทยนั้น มำครำเม่เป็นที่รู้จักกันมำตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ ได้รับกำรสืบทอด และพัฒนำลวดลำยกันอย่ำงแพร่หลำย จนถึงปัจจุบัน มำครำเม่ ก็คืองำนถัก กำรถักมำครำเม่เกิดจำกกำรมัดเงื่อนเป็นลวดลำยต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จนได้ รูปทรงตำมต้องกำร ซึ่งสำมำรถถักให้เป็นลวดลำยอะไรก็ได้ตำมที่เรำต้องกำร มำครำเม่ มีกำรพัฒนำและ คิดค้นลำยใหม่ๆ ขึ้นมำตลอดเวลำ จึงสำมำรถน ำมำประยุกต์ใช้กับอะไร ๆ ได้หลำยอย่ำงไม่ว่ำจะเป็น ของประดับตกแต่ง เช่น ที่แขวนกระถำงดอกไม้ โคมไฟ ผ้ำรองจำนรองแก้ว กระเป๋ำสะพำย พวงกุญแจ รวมถึงชุดเดรส และ ผ้ำคลุมไหล่ ถักเป็นชำยเสื้อผ้ำ ชำยผ้ำขนหนูชำยผ้ำคลุมโต๊ะเก้ำอี้หรือจะน ำมำถักเป็น เครื่องประดับขนำดเล็ก อย่ำงเช่นสร้อย ข้อมือ ต่ำงหู กระเป๋ำ นอกจำกนี้ยังสำมำรถใช้กำรถักเมครำเม่ มำสร้ำงสรรค์ม่ำนขนำดใหญ่ส ำหรับกั้นพื้นที่ และกรองแสง พร้อมกับใช้เป็นงำนศิลปะตกแต่งบ้ำนได้ในตัวด้วย กำรถักลวดลำยนั้นเรำสำมำรถก ำหนดให้มีควำมถี่ห่ำงแตกต่ำงกันตำมประโยชน์ใช้สอยซึ่งต้องกำร ควำมทึบโปร่งต่ำงกัน อย่ำงกำรมัดแบบตัวหนอนแนวตั้ง (Vertical Half Hitch Cording) นั้นจะท ำให้เกิด
Kru.Thasawan 6 ระนำบทึบ ส่วนกำรมัดแบบแบน (Square Knot) เรำสำมำรถก ำหนดควำมถี่ของลำยได้อย่ำงอิสระเพื่อให้ได้ ควำมโปร่งของฉำกตำมที่ต้องกำร หำกใช้เชือกเส้นเล็ก ลวดลำยจะมีควำมละเอียดมำกดูพลิ้วไหวและอ่อนหวำน ในขณะที่เชือกเส้นใหญ่ จะท ำให้ปมใหญ่ขึ้นท ำให้ดูดิบ เท่ และโมเดิร์นกว่ำ เมครำเม่ [Macrame']เป็นศิลปะที่เกิดจำกกำรถักเชือกสำมำรถน ำมำประยุกต์ท ำงำนประดิษฐ์ได้ หลำกหลำยเช่น เปล กระเป๋ำ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ เข็มขัด เป็นต้น กำรเลือกเชือกส ำหรับงำนเมครำเม่ ควรเลือกให้เหมำะกับชิ้นงำนถ้ำงำนต้องกำรควำมเหนียวแน่น คงทน เช่น เข็มขัด ควรเลือก เชือกร่ม เชือกหนัง ถ้ำต้องกำรควำมนุ่มขึ้นมำหน่อย อำจเลือกใช้เชือกฟอก ก็ได้ ท ำสร้อยคอ อำจใช้เชือกเทียน เชือกพลำสติกใส SoftGlass แต่ถ้ำต้องกำรควำมนุ่มนวล อย่ำงเช่น ถักสร้อยข้อมือ อำจใช้ไหมญี่ปุ่น หรือไหมพรมที่ท ำจำกฝ้ำย ลำยพื้นฐำนของกำรถักเชือกเมครำเม่ มีดังนี้ Square knot หรือบำงที่เรียกลำย Boots เป็นลำยพื้นฐำนที่สำมำรถพัฒนำ ไปเป็นลำยอื่น ๆ ได้มำกมำย ที่เรียกลำยนี้ว่ำบูท นั้น อำจเกิดจำกลำยนี้เมื่อท ำเสร็จออกมำแล้วเหมือนเรำผูกเชือกรองเท้ำบูท รูป Square kno
Kru.Thasawan 7 Half square knot Spiral knot เป็นลำยที่เกิดจำกกำรท ำลำย Half square knot ซ้ ำๆไปเรื่อย ๆ ซึ่งลำยจะบิดเกลียวไปเอง โดยอัตโนมัติ
Kru.Thasawan 8 larks head knot Half hitch sinnet
Kru.Thasawan 9 Wrap knot เป็นกำรพันเชือกให้รวมกันอย่ำงสวยงำม ใช้ในกำรเริ่มต้น หรือจบชิ้นงำน เปียสำม
Kru.Thasawan 10 ปียสี่แบบที่ 1 และเปียหก เปียสี่ แบบที่ 2
Kru.Thasawan 11 เปียห้ำ แบบที่ 1 เปียห้ำ แบบที่ 2
Kru.Thasawan 12 ertical double half hitch Diagonal double half hitch ตัวอย่ำงชิ้นงำนที่เกิดจำกลำย Vertical double half hitch และ Diagonal Double half hitch
Kru.Thasawan 13 Crown knot ภำพตัวอย่ำง Crown sinnet เกิดจำกกำรมัดปมแบบ Crown ภำพเชือกเส้นซ้ำยมือเป็นกำรถักแบบธรรมดำ ส่วนเชือกเส้นขวำมือ เป็นกำรถักแบบ Reverse ภำพงำนที่เกิดจำกกำรถักเชือกเมครำเม่ พวงกุญแจ จำกกำรถักแบบ Spiral
Kru.Thasawan 14 ภำพพวงกุญแจ จำกกำรถักแบบ Crown ภำพสร้อยข้อมือ จำกกำรถักแบบ Square มีกำรร้อยแซมลูกปัดในชิ้นงำน
Kru.Thasawan 15 ตัวอย่ำงหนังสือ
Kru.Thasawan 16
Kru.Thasawan 17
Kru.Thasawan 18
Kru.Thasawan 19
Kru.Thasawan 20
Kru.Thasawan 21
Kru.Thasawan 22
Kru.Thasawan 23 ตัวอย่ำงหนังสือ"กำรถักอักษร". หนังสือมำครำเม่
Kru.Thasawan 24
Kru.Thasawan 25
Kru.Thasawan 26
Kru.Thasawan 27
Kru.Thasawan 28
Kru.Thasawan 29
Kru.Thasawan 30
Kru.Thasawan 31
Kru.Thasawan 32
Kru.Thasawan 33
Kru.Thasawan 34
Kru.Thasawan 35
Kru.Thasawan 36
Kru.Thasawan 37
Kru.Thasawan 38
Kru.Thasawan 39
Kru.Thasawan 40
Kru.Thasawan 41
Kru.Thasawan 42
Kru.Thasawan 43
Kru.Thasawan 44
Kru.Thasawan 45
Kru.Thasawan 46
Kru.Thasawan 47
Kru.Thasawan 48
Kru.Thasawan 49