ปhtที tี่p2:4//ฉwบwับwท.l่ีe1d2.3goเด.tือhนเมษายน - มิถุนายน 2563
คณะท่ปี รกึ ษา ขบอ.คกุย.
อธบิ ดกี รมบังคับคดี
รองอธบิ ดีกรมบงั คบั คดี
หวั หนา้ ผู้ตรวจราชการกรม
ผู้อำ� นวยการกองบงั คบั คดีลม้ ละลาย 4
ผอู้ �ำนวยการสำ� นกั งานบังคบั คดแี พ่งกรุงเทพมหานคร 2, 4 และ 6
ผู้เช่ยี วชาญเฉพาะดา้ นการบังคบั คดลี ม้ ละลาย
ผูเ้ ช่ยี วชาญเฉพาะด้านการบังคบั คดีแพ่ง
ผ้เู ชยี่ วชาญเฉพาะดา้ นบัญชเี งินในคดี
บรรณาธิการบรหิ าร
เลขานุการกรม
ผู้ชว่ ยบรรณาธิการบรหิ าร
นางรงุ่ นที ไชยสง่าศิลป์
กองบรรณาธิการ
ผู้อ�ำนวยการศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร
ผูอ้ ำ� นวยการกองพฒั นาระบบการบงั คบั คดแี ละประเมินราคาทรพั ย์
นายธรา เทยี นประธีป
นางศรัณยา สุขประพฤติ
นางสาวชลธร มวี งศอ์ ุโฆษ
นางสาวตุลธร ทรงศริ ิ
นางสาวอทิตยา ทองบุญ
นายธรี ภทั ร์ ชยั เฉลิมปรีชา
นางสุภาพรรณ ปุยสาลี
นายเนตินยั หมวดเมอื ง
นายวรดลุ จรรยามั่น สวัสดีครับ...พบกันอักเช่นเคยกับวารสารกรมบังคับคดี
นางสาวอรวรรณ พดั ชา
นางสาวชตุ กิ าญจน์ กวยรักษา วารสารทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยเนือ้ หาดา้ นการบังคบั คดี ทง้ั การบงั คบั คดแี พ่ง
นางสาวจิรา ช่วยเกิด และคดลี ้มละลาย อกี ทัง้ สาระนา่ ร้ทู น่ี า่ สนใจอีกมากมาย ซึง่ ฉบับนี้
นางอลิศา ธัยชวานนท์ เป็นฉบับท่ี 123 เดอื นเมษายน – มถิ ุนายน 2563 เปน็ ชว่ งเวลาดี ๆ
นายณฐั วฒุ ิ แปน้ นอ้ ย และถือเป็นช่วงเดือนเร่ิมต้นแห่งความอุดมสมบูรณ์อันชุ่มฉ�่ำไปด้วย
เจ้าหนา้ ท่ีฝ่ายศลิ ป์ สายฝน
นายสถาพร ชน่ื อารมณ์
เจา้ หนา้ ที่ฝา่ ยภาพ
นายธนกฤต พรประดิษฐ์
เจ้าหนา้ ทฝ่ี ่ายประสานงานพิสจู น์อักษร ฉบับนี้ มสี าระดี ๆ ทีน่ ่าสนใจมากมายที่มานำ� เสนอท่านสมาชิก
นางร่งุ นภา ลอยหา วารสารกรมบงั คบั คดี เริ่มด้วย คอลัมน์ รอบรูด้ า้ นการบงั คบั คดี
นางสาวพวงเพชร ฉอุ่มผล ซงึ่ ประกอบด้วย เรอ่ื ง ลกู หน้ีขอรับคา่ เล้ียงชีพในคดีลม้ ละลาย ทา่ นถาม –
นางสาวบัวทพิ ย์ มรี าคา เราตอบในเรอื่ งของ การอายัดทรพั ยส์ นิ คอลมั น์ นานา...นา่ รู้ นำ� ท่าน
นางสาววลิ าสินี กนษิ ฐานพุ งศ์ ผูอ้ า่ นไปรจู้ ักกบั บทความ “วง่ิ แลว้ ไดอ้ ะไร (มากกวา่ ท่คี ิด)” และ
นางสาวถฐิ าณยี ์ อนนั ตว์ รเดชกลุ
บทความในวารสารน้ีเปน็ ส่วนหนึ่ง คอลัมน์อืน่ ๆ ท่นี า่ สนใจ... อย่าลืมตดิ ตามกันครับ....
ของการเผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์
มิใช่เป็นความคดิ เห็นของกรมบังคับคดี สุดท้ายนี้ บ.ก. ขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทีต่ ิดตามอา่ นวารสาร
กรมบงั คบั คดี หากท่านมีข้อคิดเห็น หรอื ขอ้ เสนอแนะประการใด
บคุ ลากรกรมบังคบั คดี โปรดแจ้งกองบรรณาธกิ าร เพือ่ จะไดน้ �ำมาเปน็ แนวทางปรบั ปรุงวารสาร
สนใจส่งบทความลงวารสารกรมบังคับคดี กรมบงั คบั คดี ตอ่ ไปครบั ...
สามารถติดตอ่ ไดท้ ี่ กลุ่มประชาสัมพนั ธ์
ส�ำนกั งานเลขานุการกรม 1
189/1 ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขนุ นนท์
เขตบางกอกน้อย กรงุ เทพฯ 10700 กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม
โทร. 0 2881 4999 ต่อ 1161, 1164
โทรสาร 0 2433 0801
ส า ร บั ญ
บ.ก.ขอคยุ 1
สารบญั
รอบรู้ดา้ นการบังคับคดี 3
เโรด่ือยงนลากูงภหานรดขี้ ีอเหรมับือคนา่ ตเลรายี้ ชงู ชภีพู่พใันนธศ์ครดี ีลม้ ละลาย
นิตกิ รชำ� นาญการพเิ ศษ
กองบงั คับคดีลม้ ละลาย 5
รอบรวั้ บายเย็น 13
โดย...ทีมข่าว PR
ท่านถาม - เราตอบ 24
โเรด่อืยง...วสาาสรนะานาป่ รักู้เกกาีย่โรวกบั อายดั ทรพั ยส์ ิน
ผูเ้ ชย่ี วชาญเฉพาะดา้ นการบังคับคดแี พง่
HR กับการพฒั นาองคก์ ร 28
เร่ือง การบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาคของ
กรมบังคับคดี : ศึกษากรณีปั ญหาการปฏบิ ตั ริ าชการ
ของสำ� นักงานบงั คบั คดจี งั หวัด สาขา
โดย...ยทุ ธพชิ ัย จำ� ปาเทศ
ผอู้ �ำนวยการส�ำนักงานบงั คับคดจี งั หวดั หนองบัวลำ� ภู
พลายกระซิบ 41
44
โดย...พลายบานเย็น
นานานา่ รู้
เโรด่อืยง...PวRงิ่ แteลaว้ mไดอ้ ะไร (มากกวา่ ทคี่ ิด)
2
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
รอบรู้
ด้านการบังคับคดี
โดย นางภารดี เหมือนตราชู ภพู่ ันธศ์ รี
นติ กิ รชำ� นาญการพเิ ศษ
ลูกหนขี้ อรบั ค่าเลีย้ งชีพ
ในคดลี ม้ ละลาย
บทนำ�
เม่อื ศาลมีค�ำสงั่ พิทกั ษท์ รพั ยล์ กู หนี้ บรรดาอำ� นาจในการจดั การทรัพย์สินของลกู หนี้ย่อมตกแก่
เจา้ พนักงานพิทักษท์ รัพย์แตเ่ พียงผู้เดียว โดยมาตรา 22 (2) แห่งพระราชบัญญตั ลิ ม้ ละลาย พุทธศักราช 2483
กำ� หนดว่า เม่อื ศาลสงั่ พทิ กั ษท์ รัพยข์ องลกู หนแ้ี ลว้ เจ้าพนักงานพทิ กั ษ์ทรพั ยแ์ ตผ่ ้เู ดยี วมีอ�ำนาจ เก็บรวบรวม
และรบั เงิน หรือทรพั ย์สินซึง่ จะตกได้แกล่ กู หนี้ หรือซ่ึงลูกหน้ีมสี ิทธไิ ด้รับจากผู้อ่ืน ซง่ึ ในการปฏิบัติงาน
ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์น้ัน เม่อื ไดร้ บั คำ� สั่งพิทกั ษ์ทรัพย์ลกู หนี้จากศาลลม้ ละลายกลางแลว้ เจา้ หน้าท่ี
จะลงสารบบขอ้ มูลคำ� สัง่ ศาลและลูกหนี้
ข้อมูลดงั กล่าวจะส่งผ่านไปยงั หน่วยงานทางทะเบยี นทีไ่ ด้ท�ำความตกลงรว่ มกนั กับกรมบังคับคดี
(MOU) ในการรบั -สง่ ขอ้ มลู คำ� สง่ั พทิ กั ษท์ รพั ย์ของลูกหน้ี เช่น บริษทั หลกั ทรพั ยจ์ ัดการกองทุน (31แห่ง)
ธนาคารกรุงไทย จำ� กดั (มหาชน) กองทุนบำ� เหน็จบ�ำนาญข้าราชการ (กบข.) เปน็ ต้น หนว่ ยงานทางทะเบียน
เหลา่ นัน้ กจ็ ะทราบข้อมลู ของลูกหน้ี เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้เกิดกรณที ี่ลกู หนไ้ี ปท�ำนติ กิ รรมใดๆ เก่ียวกบั ทรพั ยส์ นิ
ตามมาตรา 24 แหง่ พระราชบญั ญัตลิ ม้ ละลาย พทุ ธศกั ราช 2483 หลงั จากเจา้ หน้าท่ีลงสารบบขอ้ มลู ลูกหน้ี
และค�ำสงั่ พิทกั ษท์ รัพยแ์ ลว้ จะดำ� เนนิ การประกาศค�ำสง่ั พิทกั ษ์ทรัพยเ์ ผยแพร่ในราชกิจจานเุ บกษา พรอ้ มกับ
ทำ� หนังสือแจ้งอายดั บญั ชีเงินฝากและหลกั ทรพั ยไ์ ปยงั ธนาคาร จำ� นวน 23 แห่ง เพือ่ ใหธ้ นาคารตรวจสอบ
และปฏิบตั ิตามมาตรา 24/1 แห่งพระราชบญั ญตั ลิ ม้ ละลาย พทุ ธศักราช 2483 ก�ำหนดว่า บุคคลผูเ้ ปน็ หนี้
ลูกหน้ีหรือมีทรัพย์สินของลูกหน้ีอยู่ในความครอบครองซ่ึงได้รับค�ำสั่งจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ให้แจ้งขอ้ มลู เก่ยี วกับหน้ี หรือทรพั ยส์ ินของลูกหน้ี มีหน้าทต่ี ้องแจ้งข้อมูลดงั กลา่ วใหแ้ กเ่ จ้าพนกั งานพทิ กั ษท์ รัพย์
ภายในหน่งึ เดือนนับแตว่ นั ที่ได้รบั ทราบค�ำส่ังของเจ้าพนักงานพทิ ักษ์ทรพั ย์
3
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ในส่วนของลูกหนจี้ ะมหี นา้ ทต่ี ้องมาให้การสอบสวนกิจการและทรัพยส์ ินของตนเอง ลกู หนี้สามารถ
ให้การสอบสวนตอ่ เจา้ พนักงานพทิ ักษท์ รัพย์ ณ กรมบังคับคดี และสำ� นักงานบงั คบั คดีส่วนภมู ิภาคทวั่ ประเทศ
แมว้ ่าลูกหน้ีจะไม่ไดม้ ภี มู ลิ ำ� เนาอยู่ทจ่ี ังหวดั กต็ าม เจา้ พนักงานพิทกั ษ์ทรัพย์ท่ีสำ� นกั งานบังคบั คดนี นั้ ก็สามารถ
ดำ� เนินการสอบสวนได้
เมือ่ เจ้าพนักงานพทิ กั ษ์ทรัพยท์ ราบว่า ลกู หนี้มที รัพย์สนิ หรอื สทิ ธเิ รยี กรอ้ งตา่ งๆ เช่น เงินเดอื น
เงนิ บ�ำนาญ เงนิ กองทนุ สำ� รองเล้ียงชีพ เงินฝากธนาคาร เจา้ พนักงานพทิ กั ษ์ทรัพยจ์ ะแจ้งอายดั ไปยัง
ผู้ครอบครองทรพั ย์สนิ หรอื ลูกหน้แี หง่ สทิ ธเิ รียกร้องใหส้ ่งทรัพย์สนิ ของลกู หนเ้ี ขา้ กองทรพั ย์สิน ซงึ่ ในกรณีท่ี
เจา้ พนักงานพิทักษ์ทรัพยอ์ ายดั รายได้ของลกู หนี้ หากลูกหนีป้ ระสงค์จะขอรบั คา่ เลย้ี งชพี จากเงินรายไดท้ ี่
เจา้ พนักงานพทิ กั ษท์ รพั ยไ์ ด้อายัดไว้ กต็ อ้ งยื่นค�ำขอค่าเลี้ยงชีพตอ่ เจา้ พนกั งานพทิ ักษท์ รัพย์ เจ้าพนักงาน
พทิ กั ษ์ทรัพยก์ ็จะต้องพิจารณาวา่ เงินประเภทใดบา้ งทล่ี ูกหน้ีมีสิทธไิ ดร้ บั คา่ เล้ียงชพี แต่หากลูกหนีไ้ มไ่ ดย้ ืน่
ขอรบั คา่ เลี้ยงชพี เจ้าพนกั งานพทิ กั ษท์ รพั ยก์ ็ไมอ่ าจก�ำหนดให้ได้
ข้อกฎหมายและคำ� ส่ังกรมบงั คบั คดีท่เี กย่ี วข้อง
ในทางการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษท์ รพั ย์ เมอ่ื พบวา่ ลกู หนีม้ สี ทิ ธเิ รียกรอ้ งหรอื ประกอบ
อาชีพและมีรายได้ เจ้าพนักงานพิทกั ษท์ รพั ยจ์ ะด�ำเนนิ การอายัดเงินต่าง ๆ ทีล่ ูกหนม้ี สี ิทธไิ ด้รบั รวมถงึ เงนิ เดอื น
ของลกู หนไ้ี ปยงั บรษิ ัทนายจา้ งกรณีลกู หนปี้ ระกอบอาชพี รบั จา้ ง หรือต้นสงั กดั กรณลี ูกหน้ีประกอบ
อาชีพรับราชการ ตามมาตรา 22 มาตรา 67 (1) และมาตรา 121 แห่งพระราชบญั ญัติล้มละลาย
พทุ ธศักราช 2483 ในการแจ้งอายัดเงนิ เดือนของลกู หนใี้ นคดีลม้ ละลายนัน้ แตกตา่ งจากการอายัดเงินเดอื น
4
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ในการบังคับคดีแพ่งท่ีอายัดได้เฉพาะจ�ำนวนท่ีกฎหมายก�ำหนดให้อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ตามมาตรา 302 แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความแพ่ง ซงึ่ กำ� หนดใหอ้ ายัดได้ในเงนิ เดือนสว่ นทีเ่ กิน
สองหมื่นบาท หรือตามจ�ำนวนที่เจ้าพนักงานบงั คับคดกี ำ� หนดเท่านัน้ และเงนิ เดอื นของข้าราชการจะ
ไม่อยู่ในความรับผดิ ของการบงั คับคดแี พง่ แตเ่ น่อื งจากคดีลม้ ละลายเปน็ การรวบรวมทรพั ย์สินของลูกหนี้
ทง้ั หมด ตามมาตรา 22 แหง่ พระราชบญั ญัตลิ ้มละลาย พุทธศักราช 2483 ในการรวบรวมทรพั ย์สิน
ประเภทเงนิ เดือน เจา้ พนักงานพิทกั ษ์ทรัพยจ์ ึงตอ้ งด�ำเนินการอายัดเงนิ เดอื นทง้ั หมดของลกู หนี้ และเป็น
หน้าทขี่ องลกู หนท้ี ่ปี ระสงค์จะขอรับเงนิ เป็นค่าเลีย้ งชพี โดยในมาตรา 67 แหง่ พระราชบัญญตั ิลม้ ละลาย
พทุ ธศกั ราช 2483 ก�ำหนดวา่ เมื่อศาลส่ังพิทกั ษท์ รัพย์ของลูกหน้ี หรือพิพากษาใหล้ กู หนล้ี ม้ ละลายแล้ว
และยงั ไมไ่ ดส้ ่ังปลดจากการลม้ ละลาย (1) ลกู หนจ้ี ะต้องขอใหเ้ จา้ พนกั งานพทิ กั ษท์ รัพย์กำ� หนดจำ� นวนเงิน
เพอ่ื ใชจ้ า่ ยเลย้ี งชีพตนเอง และครอบครัวตามสมควรแกฐ่ านานรุ ูป โดยเจ้าพนักงานพิทกั ษท์ รพั ยเ์ ป็น
ผู้อนุญาตให้ลกู หนจ้ี า่ ยเงนิ จากเงนิ ท่ีลกู หน้ีไดม้ าระหวา่ งลม้ ละลาย และลูกหนี้จะตอ้ งสง่ เงนิ หรือทรัพย์สิน
ที่เหลือน้ันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก�ำหนดพร้อมด้วยบัญชี
รับจา่ ย และใน (2) ก�ำหนดวา่ ทกุ ครง้ั ที่ลกู หน้มี ีสิทธจิ ะไดร้ บั ทรัพย์สนิ อย่างใดลกู หน้ีจะตอ้ งรายงานเปน็ หนังสอื
ใหเ้ จา้ พนักงานพทิ กั ษท์ รัพย์ทราบ โดยแสดงรายละเอียดเทา่ ท่ีสามารถจะท�ำไดภ้ ายในเวลาอันสมควร และ
ไมว่ า่ กรณีใด ลกู หนี้จะต้องแสดงบัญชีรบั จา่ ยเสนอตอ่ เจา้ พนักงานพทิ กั ษ์ทรพั ยท์ ุกระยะ
หกเดอื น และพระราชบญั ญตั ิลม้ ละลาย พุทธศักราช 2483
ได้ก�ำหนดไวโ้ ดยเฉพาะในมาตรา 121 ก�ำหนดว่า
ถ้าลกู หน้ี เปน็ ข้าราชการเมื่อศาลได้มคี �ำส่ังพทิ กั ษท์ รัพย์
แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิรับเงินเดือน
บำ� นาญ บ�ำเหนจ็ เบย้ี หวดั หรอื เงินในท�ำนองเดยี วกันน้ี
ของลูกหนี้จากเจ้าหน้าท่ีเพื่อรวบรวมแบ่งให้แก่
เจ้าหนี้ได้ แต่เจา้ พนักงานพิทกั ษท์ รัพยจ์ ะต้องจ่ายคา่
เลีย้ งชพี ลกู หน้ี และครอบครัวตามสมควรแกฐ่ านานุรปู
ส่วนในวรรคสองก�ำหนดว่าบทบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับ
ในกรณีท่ีลูกหนี้มีสิทธิได้รับเงินจากบุคคลหรือ
องคก์ ารอ่นื ที่มใิ ช่รฐั บาลดว้ ย
ในสว่ นของการปฏบิ ัติงานของเจ้าพนักงาน
พทิ กั ษ์ทรพั ย์ เพ่ือให้การปฏบิ ัติงานการจ่ายคา่ เล้ียงชพี
ให้แก่ลกู หนีเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และเป็นไป
5
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
ในแนวทางเดยี วกัน กรมบงั คับคดไี ด้มีค�ำสงั่ เกีย่ วกบั เร่ืองดังกล่าวไวใ้ นคำ� สง่ั กรมบังคับคดีท่ี 714/2561
ลงวนั ท่ี 16 ตลุ าคม 2561 เรอ่ื ง การกำ� หนดค่าเล้ียงชีพของลูกหนี้ในคดลี ้มละลาย ผเู้ ขยี นขอจ�ำแนก
ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยได้ดงั นี้
1. การกำ� หนดจำ� นวนคา่ เลย้ี งชีพจากเงินเดือนค่าจา้ ง หรือ รายได้อ่ืนที่มลี ักษณะจ่ายเพอื่ ตอบแทน
การทำ� งานเปน็ รายเดอื นของลูกหนี้ (ก�ำหนดไว้ในข้อ 2 วรรคแรกและวรรคสอง ของค�ำส่งั กรมบงั คบั คดที ่ี
714/2561 ลงวนั ท่ี 16 ตลุ าคม 2561)
กรณที ่ีลูกหนม้ี ีรายได้ประจ�ำ ได้แก่ เงินเดอื น ค่าจ้าง หรือรายไดอ้ ื่นท่มี ลี กั ษณะจา่ ยเพื่อตอบแทน
การทำ� งานเปน็ รายเดือน ใหเ้ จา้ พนกั งานพิทักษท์ รัพย์ตรวจสอบรายไดแ้ ละรายจ่ายของลูกหน้ีและก�ำหนด
คา่ เลยี้ งชีพจากรายไดด้ งั กลา่ ว จนถงึ วนั ปลดจากการลม้ ละลายโดยค�ำนงึ ถึงฐานานุรปู สภาวะเศรษฐกจิ
ทัง้ นี้ ใหก้ ำ� หนดค่าเลย้ี งชพี ไมน่ อ้ ยกวา่ อัตราเงินท่ไี มอ่ ยูใ่ นความรบั ผิดแหง่ การบังคบั คดี คอื ไมน่ ้อยกว่า
สองหมืน่ บาท ในการก�ำหนดคา่ เล้ยี งชพี เจ้าพนักงานพทิ ักษท์ รัพยไ์ มค่ วรกำ� หนดค่าเลย้ี งชีพสูงกวา่ ร้อยละ
70 ของรายได้ประจำ� เวน้ แตก่ รณีทเ่ี จา้ พนกั งานพทิ กั ษ์ทรพั ยเ์ ห็นว่ามเี หตจุ ำ� เป็นที่จะกำ� หนดคา่ เลี้ยงชพี
เกนิ กวา่ จ�ำนวนดงั กล่าวกใ็ ห้เสนอความเห็น เพ่ือให้ผ้อู �ำนวยการกองอนุญาตตามแต่กรณี อย่างไรกต็ าม
เจา้ พนกั งานพทิ กั ษ์ทรพั ยจ์ ะกำ� หนดค่าเลีย้ งชพี ให้เกนิ กวา่ ทลี่ ูกหนี้ยืน่ คำ� ร้องขอคา่ เลย้ี งชพี ไมไ่ ด้ แมว้ า่ ลูกหนี้
จะขอค่าเลย้ี งชีพจำ� นวนท่ีตำ่� กว่าสองหมื่น เจา้ พนักงานพิทักษท์ รพั ยก์ จ็ ะตอ้ งก�ำหนดใหไ้ มเ่ กนิ ขอตามท่ี
ลกู หนย้ี น่ื คำ� ร้องมา ผ้เู ขยี นสรปุ หลกั เกณฑ์ทจ่ี ำ� ง่ายคอื ไมค่ วรเกนิ ร้อยละ 70 แตไ่ มต่ ำ่� กว่าสองหมืน่ บาท
และไม่เกินท่ลี ูกหนขี้ อ
˹ÕéʹÔ
6
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
2. การก�ำหนดจำ� นวนค่าเลีย้ งชพี ส�ำหรบั B
เงินท่ีมีลกั ษณะการใหค้ า่ ตอบแทน
เป็นคร้งั คราว (ก�ำหนดไวใ้ นข้อ 2 วรรคสาม
ของคำ� ส่ังกรมบงั คับคดีที่ 714/2561
ลงวนั ท่ี 16 ตลุ าคม 2561)
กรณีกำ� หนดค่าเล้ียงชพี ให้ลูกหนจ้ี ากรายได้
ตามวรรคหนึง่ โดยลกู หนมี้ รี ายได้ประจ�ำในอัตรา
เงินทไ่ี ม่อยู่ในความรบั ผิดแหง่ การบงั คบั คดี แตล่ ูกหน้ี
มรี ายไดอ้ ่ืนดว้ ย เชน่ เงนิ เบยี้ ขยัน คา่ ลว่ งเวลา ค่านายหน้า
หรือรายไดอ้ ื่น ที่มีลักษณะจา่ ยเพอ่ื ตอบแทนการท�ำงานเป็นครัง้ คราว
คอื ไมใ่ ช่มลี กั ษณะมรี ายไดป้ ระจำ� ทุกเดอื น ให้เจ้าพนกั งานพทิ ักษ์ทรพั ย์
ก�ำหนดคา่ เลย้ี งชีพใหล้ กู หนี้จากรายไดอ้ ืน่ ดว้ ย ในอตั ราไม่เกินร้อยละ 50 โดยเม่ือรวมค่า
เล้ยี งชีพตามวรรคหน่งึ แล้ว ไมเ่ กนิ อตั ราเงนิ ท่ีไมอ่ ยู่ในความรบั ผิดแหง่ การบงั คับคดี
การกำ� หนดคา่ เลี้ยงชพี จ�ำนวนเงนิ ดังกลา่ วน้ี ผเู้ ขยี นขอสรุปหลักในการพจิ ารณาอยา่ งง่ายคือ 1.ลกู หนี้
ได้รบั ค่าเลยี้ งชีพเกินกวา่ สองหมนื่ หรอื ไม่ หากเกิน ไม่ต้องพิจารณาเงนิ ประเภทน้ใี ห้ 2.ก�ำหนดใหจ้ ำ� นวน
เงินค่าเลย้ี งชีพจากรายไดค้ รัง้ คราวน้ไี มเ่ กนิ กว่าร้อยละ 50 แต่รวมกบั คา่ เลย้ี งชพี จากเงนิ เดือนแลว้ ไม่เกนิ
สองหม่ืนบาท
3. กรณีลกู หนีไ้ ดร้ บั เงินเปน็ คราวๆ (กำ� หนดไวใ้ นข้อ 2 วรรคสี่
ของคำ� สงั่ กรมบังคบั คดีท่ี 714/2561 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2561)
เงนิ ทีม่ ีลักษณะจ่ายเป็นคราว ๆ ได้แก่ เงินโบนัส เงินปนั ผล
เงินเฉล่ียคืนหรือเงินได้อ่ืนใดที่มีลักษณะเดียวกับเงินประเภทดังกล่าว
เป็นเงนิ ตามมาตรา 109 แห่งพระราชบญั ญัตลิ ้มละลายพุทธศักราช 2483
ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้
โดยไม่ต้องพจิ ารณาในเรอื่ งคา่ เลย้ี งชีพ ผเู้ ขยี นขอใหข้ ้อสงั เกตว่ากรณี
รบั เงินเป็นคราว ๆ ตามขอ้ นี้ แตกตา่ งจากข้อ 2 คือ แมว้ า่ ลกู หนี้
จะได้ค่าเลี้ยงชีพไม่ถึงสองหมื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่อาจ
ก�ำหนดคา่ เลย้ี งชพี จากเงินประเภทน้ไี ดเ้ ลย และแตกตา่ งจาก
การบังคับคดีแพ่งที่มีการก�ำหนดไว้ในแนวปฏิบัติการอายัดทรัพย์สิน
ลงวันที่ 1 กันยายน 2560 ทีส่ ามารถกำ� หนดใหแ้ ก่ลูกหน้ีรอ้ ยละ 50
7
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
4. กรณีลูกหนไ้ี ดร้ บั เงินรายไดภ้ ายหลังพิทกั ษท์ รัพย์ไปก่อนนี้แลว้ (ก�ำหนดไว้
ในขอ้ 3 ของคำ� สง่ั กรมบงั คบั คดีท่ี 714/2561 ลงวันที่ 16 ตลุ าคม 2561)
ในกรณที ล่ี ูกหนี้มายื่นขอคา่ เลีย้ งชีพ หากเจ้าพนกั งานพิทกั ษ์ทรัพย์
ตรวจสอบพบว่าลูกหนี้ได้รับเงินรายได้ประจ�ำไปก่อนหน้าท่ีจะมา
ยื่นค�ำขอ (รายได้หลงั วันพทิ กั ษ์ทรัพย)์ ใหเ้ จ้าพนกั งานพทิ ักษ์ทรัพย์
น�ำเงินที่ลูกหนี้รับไปมาค�ำนวณและหักออกจากค่าเลี้ยงชีพ
ทีล่ ูกหนพี้ งึ จะได้รับคนื เข้ากองทรัพยส์ นิ ในคราวเดยี ว หากไม่
Bสามารถหกั คนื ได้ในคราวเดียว ใหก้ �ำหนดระยะเวลาหกั เงินคนื
ตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากค่าเลี้ยงชพี ท่ีเจ้าพนกั งานพทิ กั ษ์ทรพั ยก์ �ำหนดให้ และจ�ำนวนเงนิ
ท่ีลูกหน้จี ะต้องคืนเขา้ กองทรัพยส์ ินดว้ ย ส�ำหรับลูกหน้ที ่ีเปน็ ขา้ ราชการการคำ� นวณระยะ เวลาหกั คนื
ใหค้ ำ� นงึ ถงึ ระยะเวลาที่ลกู หนอี้ าจถูกพิพากษาให้ลม้ ละลาย โดยเมื่อหกั เงนิ ทล่ี ูกหนรี้ ับไปแลว้ คงเหลือจำ� นวน
เทา่ ใดให้จ่ายเพยี งน้นั ในข้อนผี้ ู้เขียนมีข้อสังเกตว่า 1.ให้เจา้ พนกั งานพิทักษท์ รัพยก์ �ำหนดจำ� นวนเงิน
คา่ เลยี้ งชพี ตามอตั ราเงนิ รายไดท้ ล่ี กู หนไี้ ด้รับ (ตามข้อ 1 และ 2) 2.หากกรณีเจา้ พนักงานพิทักษ์ทรพั ย์
กำ� หนดคา่ เลี้ยงชพี ใหแ้ ก่ลกู หนี้เตม็ จำ� นวนทีล่ กู หน้ีได้รบั แมล้ ูกหน้ีจะไดร้ ับไปก่อนท่เี จา้ พนักงานพิทกั ษ์ทรัพย์
จะมีค�ำส่งั ก็ไม่เปน็ เหตใุ หล้ กู หนตี้ ้องนำ� ส่งเงนิ เข้ากองทรพั ย์สินแต่อยา่ งใด 3.กรณเี จ้าพนกั งานพทิ ักษ์ทรัพย์
ก�ำหนดค่าเล้ียงชีพให้แก่ลูกหน้ีและก�ำหนดให้น�ำเงินรายได้บางส่วนเข้ากองทรัพย์สินเพ่ือน�ำมาแบ่งช�ำระ
ใหแ้ ก่เจ้าหน้ี แตห่ ลงั วนั พทิ ักษ์ทรัพยล์ ูกหน้ไี ด้นำ� เงินเดือนไปใชเ้ ตม็ จ�ำนวนหรอื ถูกหกั เงนิ ไปชำ� ระหนีก้ ่อน
ตามสัญญาทเี่ คยใหไ้ ว้กบั ต้นสังกัดและเจ้าหนี้ ท�ำใหไ้ ดร้ บั เงินรายได้เพยี งบางส่วนซงึ่ ไม่เท่ากบั จ�ำนวน
ทเ่ี จา้ พนักงานพทิ กั ษท์ รพั ย์กำ� หนดให้ หรือไมไ่ ดร้ ับรายไดย้ อ่ มถอื วา่ ลูกหนไี้ ดน้ �ำเงินจ�ำนวนดงั กลา่ วไปใช้
ตามกิจการของลูกหน้ีแม้ว่าต้นสังกัดเป็นผู้หักจ่ายเจ้าหนี้แต่การหักจ่ายนั้นเกิดจากสัญญา
ท่ลี ูกหน้ีไดอ้ นุญาตให้ไว้ จึงยงั เปน็ หนา้ ท่ีของลกู หนี้ทจ่ี ะตอ้ งน�ำเงินจำ� นวนที่เจ้าพนักงาน
พิทักษ์ทรัพย์ก�ำหนดให้เข้ากองทรัพย์สินกลับคืนเข้าสู่กองทรัพย์สินด้วยโดยคราวเดียว
หรอื กำ� หนดระยะเวลาหักคืนแลว้ แต่กรณี โดยเจา้ พนักงานพิทกั ษท์ รพั ย์
ก็ยังคงมีหน้าท่ีจะต้องเรียกจากเจ้าหน้ีท่ีได้รับช�ำระหน้ีหลังพิทักษ์ทรัพย์
คืนเขา้ กองทรัพยส์ นิ เพราะเปน็ การ ท�ำนติ ิกรรมเก่ียวกับทรพั ย์สิน
ของลูกหนที้ ่ีขดั กบั มาตรา 24 แห่งพระราชบญั ญัติล้มละลาย
พทุ ธศักราช 2483 ผลของการทำ� นติ กิ รรมนั้นยอ่ มตกเป็นโมฆะ
ท้งั นผ้ี ู้เขยี นเห็นว่า หากเจา้ พนกั งานพิทกั ษ์ทรพั ย์ได้รับเงินคืน
บรรดาเจา้ หนี้แล้ว ลูกหน้ียอ่ มได้รบั ประโยชน์ ในการลด
จ�ำนวนเงนิ หรอื ไดร้ ับเงินคืน ท่ีถูกหักคนื เขา้ กองทรพั ยส์ นิ
ตามสดั ส่วนเท่ากับจำ� นวนทไ่ี ด้รับเงินคืนจากเจ้าหน้ี
หากลูกหนี้ได้ร้องขอ
8
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยุติธรรม
5. กรณลี ูกหนขี้ อรบั ค่าเล้ียงชีพจากเงินรายได้ทีเ่ ขา้ กองทรพั ย์สนิ มาก่อนวนั ย่ืนคำ� ร้องขอคา่ เลีย้ งชพี
(กำ� หนดไวใ้ นขอ้ 4 ของค�ำส่งั กรมบังคบั คดที ี่ 714/2561 ลงวันท่ี 16 ตลุ าคม 2561)
กรณีเจ้าพนกั งานพทิ กั ษ์ทรัพย์รวบรวมรายได้ประจ�ำ ไดแ้ ก่ เงนิ เดอื น คา่ จา้ ง หรือรายได้อน่ื ท่ีมลี กั ษณะ
จา่ ยเพอ่ื ตอบแทนการท�ำงานเปน็ รายเดือนไวแ้ ล้วโดยลกู หนม้ี ิได้มาขอค่าเลย้ี งชพี ต่อมาลกู หนี้มาขอให้
เจ้าพนกั งานพิทกั ษท์ รัพย์กำ� หนดค่าเล้ียงชพี และขอรับค่าเล้ยี งชพี ยอ้ นหลัง ใหเ้ จ้าพนักงานพทิ ักษท์ รพั ย์
กำ� หนดคา่ เลย้ี งชพี ตามขอ้ 2.ในคำ� สง่ั กรมฯ และพจิ ารณาจา่ ยค่าเลี้ยงชพี จากจ�ำนวนเงินดังกลา่ วไมเ่ กิน
ร้อยละ 50 ของเงนิ ท่กี �ำหนดเปน็ คา่ เลี้ยงชพี ยอ้ นหลงั ไมเ่ กนิ 6 เดือน หากลูกหน้ขี อคา่ เลยี้ งชพี ยอ้ นหลงั
เกินกว่า 6 เดอื นต้องแสดงพยานหลักฐานเหตุผลความจ�ำเปน็ ในการด�ำรงชพี ในช่วงเวลาท่ผี ่านมาเพื่อประกอบ
การพิจารณาดว้ ย
ผ้เู ขียนเหน็ ว่าหลกั ในการจำ� อย่างง่ายคือ ให้ไดย้ อ้ นหลงั ไมเ่ กนิ หกเดือนในอัตราไม่เกินร้อยละ 50
ของค่าเลยี้ งชีพท่ีเจา้ พนักงานพทิ ักษท์ รัพย์ก�ำหนด (ไมใ่ ช่รอ้ ยละ 50 ของเงนิ เดือน) กรณีเกินหกเดอื นตอ้ งมี
หลกั ฐานแหง่ ความจำ� เป็นของลกู หนี้
6. กรณลี กู หน้เี งนิ ตอบแทนการออกจากงาน (กำ� หนดไว้ในข้อ 5 และขอ้ 6 ของค�ำส่ังกรมบังคบั คดีที่
714/2561 ลงวนั ที่ 16 ตลุ าคม 2561)
กรณที ล่ี ูกหน้ีได้รบั เงินทีม่ ีลกั ษณะจ่ายคราวเดยี ว ได้แกเ่ งนิ ตอบแทนการออกจากงาน เงนิ บ�ำเหนจ็
หรอื เงนิ ได้อื่นใดท่มี ลี กั ษณะเดียวกบั เงนิ ประเภทดงั กล่าว ใหเ้ จ้าพนกั งานพิทกั ษท์ รพั ย์พิจารณากำ� หนด
ค่าเลยี้ งชพี โดยถอื ตามหลักเกณฑ์ข้อ 2 ในคำ� สัง่ กรมฯ มากำ� หนดเป็นเงินทีล่ ูกหนต้ี ้องใชใ้ นการด�ำรงชีพ
9
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุติธรรม
แต่ละเดือนและใหห้ กั จ่ายเงนิ ดงั กล่าวแก่ลูกหน้เี ปน็ รายเดอื น นบั แต่วนั ทล่ี กู หน้ีมสี ิทธิไดร้ ับเงนิ นน้ั จนถงึ
วันท่ีลูกหนี้ได้รับการปลดจากล้มละลายและกรณีท่ีลูกหนี้ออกจากงานเป็นเหตุให้ไม่ได้รับเงินรายได้เป็น
รายเดือนตามข้อ 2 (ในค�ำส่ังกรมบังคับคดี) อกี แต่ได้รบั เงนิ ทมี่ ลี ักษณะจ่ายคราวเดยี วตามข้อ 5 (ในคำ� ส่งั
กรมบังคับคด)ี แทน ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ พิจารณาก�ำหนดคา่ เลย้ี งใหม่ตามแนวทางในคำ� สง่ั นี้
ผเู้ ขียนขอใหข้ ้อสงั เกตว่า เงินประเภทนี้ต้องเปน็ เงินทีไ่ ดต้ อบแทนจากการออกจากงานเท่าน้ัน เชน่
บ�ำเหนจ็ เงินชดเชย เปน็ ต้น จึงใชก้ �ำหนดค่าเล้ียงชพี จากเงินจ�ำนวนดังกล่าวให้ได้ โดยใชห้ ลักการงา่ ยๆ
คอื ก�ำหนดตามสมควรแก่ฐานานุรปู เศรษฐกิจ สงั คม ไมค่ วรก�ำหนดเกินร้อยละ 70 ของเงนิ ก้อนนน้ั สว่ นท่ี
เหลือเอาเขา้ กองทรัพย์สินและส่วนทีก่ �ำหนดใหร้ ้อยละ 70 น้ันใหแ้ บ่งเฉล่ียแต่ละเดือนไม่ต�่ำกว่าสองหมื่นบาท
และไมเ่ กินกวา่ ท่จี �ำเลยร้องขอในแต่ละเดือนจนกว่าจะหมดกอ้ น
10
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
7. กรณีบรษิ ัทนายจ้างยนิ ยอมหกั เงินส่วนทเ่ี หลอื จากการกำ� หนดเป็นคา่ เลี้ยงชีพเข้ากองทรพั ย์สิน
ของลกู หน้ี (กำ� หนดไว้ในขอ้ 7 ของคำ� สั่งกรมบังคับคดีท่ี 714/2561 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2561)
เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก�ำหนดค่าเลี้ยงชีพแก่ลูกหนี้และครอบครัวแล้วให้แจ้งผู้มีหน้าท่ี
จา่ ยเงนิ แกล่ ูกหนี้ทราบ และใหส้ ง่ เงนิ เฉพาะส่วนทเ่ี หลือจากที่ได้ก�ำหนดให้เป็นคา่ เลยี้ งชพี แลว้ ใหแ้ ก่
เจ้าพนกั งานพทิ กั ษท์ รพั ย์เพ่อื รวบรวมเข้ากองทรพั ยส์ นิ ของลกู หนี้ตอ่ ไป
ผเู้ ขยี นมขี ้อสงั เกตวา่ กรณลี ูกหนเ้ี ปน็ ข้าราชการ หรือข้าราชการช�ำนาญ ต้นสังกัดและกรมบัญชกี ลาง
จะไมค่ ำ� นวณเงินส่วนทีเ่ หลือดงั กลา่ วให้ แตจ่ ะสง่ เงินรายไดม้ าทัง้ หมด จึงไม่อาจกระท�ำไดต้ ามคำ� ส่ังขอ้ น้ี
แตห่ ากเป็นบรษิ ัทนายจ้าง หากลกู หน้ไี ด้ประสานกบั ทางบรษิ ัทฯ และบริษัทฯ ไดย้ ินยอมใหด้ ำ� เนนิ การ
ดงั กลา่ วแล้ว เจา้ พนักงานพทิ กั ษ์ทรพั ยก์ ส็ ามารถดำ� เนินการแจ้งบริษัทฯ ให้น�ำส่งเงินเฉพาะส่วนทเ่ี หลือได้
ทั้งน้ีเจ้าพนกั งานพทิ ักษ์ทรพั ย์ ยงั คงมีหนา้ ทต่ี อ้ งลงนดั ติดตามเงนิ ที่บริษัทฯ นำ� สง่ แตล่ ะเดือนเสมอื นการ
ก�ำหนดจา่ ยคา่ เล้ียงชพี เพราะหากไม่ลงนัดติดตามจะทำ� ให้หลงลืม และตดิ ตามเงินเข้ากองทรพั ยส์ นิ ย้อนหลงั
ได้ยาก เม่อื ถึงเวลาแบ่งทรัพยส์ ินนกั บญั ชีมกั จะพบกับปัญหาการนำ� สง่ เงินเช่นนี้เสมอทีไ่ มค่ รบตามเดือน
ท่ีลูกหนม้ี สี ทิ ธไิ ดร้ บั ผูเ้ ขียนจงึ เหน็ วา่ ควรใช้วิธีการอายัดเงนิ เข้ามาในคดีทงั้ หมดและสั่งจ่ายค่าเลี้ยงชพี ให้แก่
ลกู หนีจ้ ะเปน็ การสะดวกและผลดีตอ่ ลูกหน้แี ละกองทรัพยส์ ิน
8. กรณลี กู หนี้เป็นข้าราชการและศาลมีค�ำพพิ ากษาใหล้ ม้ ละลาย ส่งผลกระทบตอ่ คณุ สมบัตกิ าร
เปน็ ขา้ ราชการ ตามพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 สง่ ผลใหข้ าดคุณสมบัติเปน็ เหตุ
ให้ออกจากราชการและไม่ได้รบั เงนิ รายได้ โดยมีผลยอ้ นหลงั ไปถงึ วนั ทศ่ี าลมีค�ำพิพากษาให้ล้มละลาย
(ก�ำหนดไวใ้ นขอ้ 8 วรรคส่ี ของคำ� สง่ั กรมบงั คบั คดที ่ี 714/2561 ลงวนั ที่ 16 ตุลาคม 2561)
กรณีอายดั เงนิ เดือนหรอื เงินรายได้อ่ืนใดของลกู หนีท้ ่ีเปน็ ขา้ ราชการ เมอ่ื ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้
ล้มละลายแล้วใหเ้ จา้ พนกั งานพิทักษท์ รพั ยร์ ะงบั การจา่ ยเงนิ คา่ เลยี้ งชีพให้แก่ลูกหน้ี และระงบั การแบง่ เงนิ
ที่ได้รับจากต้นสังกัดของลูกหนี้ภายหลังจากวันที่ศาลมีค�ำพิพากษาให้ลูกหน้ีล้มละลายไว้จนกว่าจะได้
สอบถามและไดร้ ับแจ้งจากต้นสังกัดของลูกหน้ี ว่าไมม่ ีเหตุขดั ขอ้ งในการแบ่งเงนิ ดังกล่าว ผู้เขยี นมีขอ้ สังเกต
กรณีท่ีลูกหน้ีเป็นข้าราชการจะต้องตรวจสอบก่อนการจ่ายเงินทุกครั้งว่าถูกศาลพิพากษาใหล้ ้มละลาย
11
กรมบังคับคดี กระทรวงยุตธิ รรม
หรือไม่ หากมีกรณศี าลพิพากษาลกู หนลี้ ้มละลายแล้ว เจา้ พนกั งานพิทักษ์ทรพั ยจ์ ะต้องสอบถามต้นสังกดั
วา่ มีเหตุขดั ข้องในการจา่ ยเงนิ ค่าเลี้ยงชพี และแบ่งให้แกเ่ จ้าหน้หี รือไม่ ทง้ั นผ้ี ้เู ขียนมขี ้อสังเกตว่าควรก�ำหนด
วันให้ต้นสังกัดตอบกลับให้ชัดเจนและระบุให้ชัดเจนว่าหากไม่ตอบกลับมาภายในก�ำหนดจะถือว่าไม่มีเหตุ
ขัดขอ้ งในการจา่ ยเงนิ ดงั กลา่ ว เพื่อให้การปฏิบัติงานบงั คับคดลี ม้ ละลายเกย่ี วกับการจ่ายคา่ เลยี้ งชีพใหแ้ ก่
ลกู หนีเ้ ปน็ ไปอยา่ งชดั เจนและรวดเรว็
ในสว่ นเงินประเภทอ่นื ที่กรมบังคับคดีก�ำหนดแนวทาง การพิจารณาใหม้ สี ทิ ธิไดร้ บั ค่าเลย้ี งชพี เช่นกัน
ได้แก่ เงินเบย้ี ยงั ชีพผูส้ งู อายุ เงินชว่ ยเหลอื เยยี วยาและชดเชย ผู้ได้รับผลกระทบจาก Corid - 19 เป็นตน้
ขอ้ สังเกต
ในชว่ งเวลาที่ผเู้ ขียนปฏบิ ัตหิ น้าท่ีกองบังคบั คดลี ้มละลาย มเี งินประเภททล่ี กู หนีม้ ักจะขอคา่ เล้ียงชีพ
คอื เงินกบข. และเงินกองทุนส�ำรองเลีย้ งชพี ซงึ่ เงนิ ประเภทนีเ้ ป็นเงนิ สะสมมิใชเ่ งินตอบแทนจากการทำ� งาน
หรือเงินตอบแทนจากการออกจากงาน หากพิจารณาจาก
ค� ำ ส่ั ง ก ร ม บั ง คั บ ค ดี จ ะ เ ห็ น ไ ด ้ ว ่ า เ งิ น ป ร ะ เ ภ ท นี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถก�ำหนดให้เป็น
ค่าเลี้ยงชีพได้ แตห่ ากพิจารณาจากพระราชบญั ญตั ิ
ลม้ ละลาย พทุ ธศกั ราช 2483 มาตรา 67 จะเห็นไดว้ า่
เงินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจ่ายเป็นค่าเลี้ยงชีพ
ต้องเปน็ เงนิ ท่ไี ด้มาระหวา่ งการลม้ ละลาย ฉะนั้น
หากเงนิ กบข. หรือเงนิ กองทุนสำ� รองเล้ียงชพี ลกู หนี้
ได้มาระหวา่ งลม้ ละลาย กน็ า่ จะสามารถจ่ายค่าเลี้ยงชพี ได้
แต่ค�ำสั่งกรมบังคับคดีมิได้ก�ำหนดให้เงินประเภทนี้
เปน็ คา่ เล้ียงชพี แก่ลูกหน้ี ทำ� ใหเ้ จ้าพนกั งานพิทกั ษ์ทรพั ย์
ไม่อาจก�ำหนดค่าเล้ียงชีพให้แก่ลูกหนี้จากเงินประเภทนี้ได้
ผูเ้ ขียนมีความเห็นวา่ กรมบังคบั คดี ควรแก้ไขคำ� ส่ัง
กรมบังคับคดีเปิดช่องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ก�ำหนดค่าเล้ียงชีพจากเงินประเภทน้ีแต่อาจก�ำหนดเง่ือนไข
เพมิ่ เตมิ กอ่ นท่ีจะจ่ายค่าเลยี้ งชีพ เชน่
1. ลูกหนีต้ ้องไม่มรี ายไดอ้ ื่นอกี เชน่ มรี ายไดจ้ ากคา่ เล้ยี งชีพ
จากเงินประเภทอ่ืนท่ีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก�ำหนดให้
อย่แู ลว้
2. ตอ้ งเขา้ ท่ีประชุมเจ้าหนีล้ งมติเหน็ ชอบ
12
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุติธรรม
บรอาบนรเยวั้ น็ กรมบงั คบั คดจี ดั ประชุมพิจารณาแนวทางการขบั เคลอื่ น
เพือ่ ยกระดับกรมบงั คบั คดีไปส่รู ะบบราชการ 4.0 ประจำ� ปี พ.ศ. 2563
โดย... ทมี ขา่ ว PR
วนั ท่ี 13 เมษายน 2563 นางอรัญญา ทองนำ้� ตะโก อธิบดกี รมบังคับคดี พร้อมด้วยนางทศั นีย์ เปาอินทร์
รองอธบิ ดีกรมบงั คบั คดี คณะผบู้ รหิ ารและเจา้ หน้าที่ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง เข้ารว่ มประชุมพจิ ารณาแนวทางการขับเคลื่อน
เพอ่ื ยกระดบั กรมบงั คับคดีไปสู่ระบบราชการ 4.0 ประจ�ำปี พ.ศ. 2563 ณ หอ้ งประชมุ ชัน้ 9 อาคาร
กรมบังคบั คดี การประชมุ ดังกล่าวฯ ได้รบั เกียรตจิ าก ดร.สายพิรณุ เพ่มิ พูล และนาวาเอก ดร.อิสรา ร�ำไพกลุ
ท่ปี รกึ ษาโครงการฯ ร่วมใหค้ วามรูแ้ ละก�ำหนดแนวทางในการด�ำเนินการขับเคลื่อนเพ่อื ยกระดบั กรมบังคบั คดี
ไปส่รู ะบบราชการการ 4.0 ใหเ้ ปน็ ไปตามเป้าหมายท่กี ำ� หนด รวมทง้ั บคุ ลากรท่เี กย่ี วขอ้ งไดม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจ
เกีย่ วกับการพัฒนาองค์กรตามเกณฑ์ PMQA 4.0
กรมบังคบั คดีจัดประชมุ คณะท�ำงานศกึ ษาประเด็น
ส�ำคัญ ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบยี บ คำ� สั่ง และ
แนวปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั การบงั คับคดีแพง่ คร้ังท่ี 10/2563
วันที่ 21 เมษายน 2563 นายเสกสรร สขุ แสง รองอธิบดี
กรมบงั คบั คดี เป็นประธานการประชุมคณะทำ� งานศกึ ษาประเดน็
ส�ำคัญ ปรับปรงุ กฎหมาย กฎ ระเบยี บ คำ� ส่ัง และแนวปฏิบตั ิเก่ยี วกับ
การบังคบั คดแี พ่ง คร้ังที่ 10/2563 โดยมคี ณะผู้บริหาร และเจา้ หน้าท่ี
กรมบังคับคดี เขา้ รว่ มประชุม ณ หอ้ งประชมุ คชสาร 2 ชั้น 3 อาคาร
กรมบังคบั คดี
13
กรมบังคับคดี กระทรวงยุตธิ รรม
การประชุมในครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือพิจารณา
รา่ งคำ� สง่ั กรมบงั คับคดี เรือ่ งการปฏบิ ตั ิงานในระบบรบั -
ส่งอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Filing) และ To-Do-List ระบบ
งานบังคับคดีแพ่ง เพ่ือรองรบั การปฏบิ ตั งิ านของเจ้าพนักงาน
บงั คบั คดี ในการนำ� ระบบรับ-ส่งอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Filing)
มาใช้กบั กระบวนการบงั คับคดีแพง่ โดยจะเรมิ่ เปดิ ใช้งาน
ต้ังแตว่ นั ท่ี 1 พฤษภาคม 2563 เปน็ ตน้ ไป
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงยุติธรรมเปน็ ประธาน
ในพธิ ีมอบเกียรตบิ ัตรและเข็มเชิดชูเกียรตแิ ก่
ข้าราชการพลเรอื นดีเดน่ ประจำ� ปี พ.ศ. 2562
วนั ท่ี 30 เมษายน 2563 นายสมศกั ด์ิ เทพสุทิน รฐั มนตรวี า่ การ
กระทรวงยุตธิ รรม เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชดิ ชเู กยี รติ
แกข่ ้าราชการพลเรอื นดีเดน่ ประจำ� ปี พ.ศ. 2562 ซึ่งมีศาสตราจารยพ์ ิเศษ
วศิ ษิ ฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม พรอ้ มด้วยคณะผ้บู รหิ าร
กระทรวงยุตธิ รรม รวมถงึ กรมบังคับคดี โดยนางอรัญญา ทองน้ำ� ตะโก
อธิบดกี รมบงั คบั คดี เขา้ ร่วมในพิธดี ังกล่าว ซึ่งกรมบังคบั คดีมผี ู้รับเกียรตบิ ัตร
และเข็มเชดิ ชเู กียรติ จ�ำนวน 2 คน ได้แก่ นายอนุชติ เสยี งใหญ่ ผู้ตรวจ
ราชการกรม กรมบงั คับคดี และนายธรี ภทั ร์ ชยั เฉลิมปรชี า นิติกรชำ� นาญการพิเศษ
กองพัฒนาระบบการบังคบั คดีและประเมินราคาทรัพย์ ณ ห้องรับรอง
กระทรวงยตุ ธิ รรม ชน้ั 2 อาคารราชบุรดี เิ รกฤทธิ์ ศูนยร์ าชการเฉลิมพระเกียรติฯ
กรงุ เทพมหานคร
14
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบงั คับคดีจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เน่อื งในโอกาส
วันฉัตรมงคล พุทธศักราช 2563
วนั ที่ 1 พฤษภาคม 2563 กรมบังคบั คดจี ัดพธิ ี
ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั เน่ืองใน
โอกาสวันฉตั รมงคล พุทธศักราช 2563 โดยมี นางอรัญญา
ทองน้ำ� ตะโก เปน็ ประธานในพิธเี ปดิ กรวยกระทงดอกไม้
ธปู เทียนแพ และกล่าวคำ� ถวายพระพรชัยมงคล พรอ้ มลงนาม
ถวายพระพรชัยมงคล หนา้ พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาท
สมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมี นางทศั นีย์ เปาอนิ ทร์ รองอธบิ ดี
กรมบงั คบั คดี นางเสกสรร สุขแสง รองอธบิ ดีกรมบังคบั คดี
นางสาวปนัดดา สินธุวิสทุ ธ์ รองอธิบดกี รมบงั คับคดแี ละ
คณะผู้บริหารกรมบงั คบั คดี เขา้ ร่วม ณ บรเิ วณห้องโถง ช้นั 2
อาคารกรมบงั คบั คดี
กรมบังคับคดปี ระชุมคณะผบู้ ริหารกรมบังคบั คดี
(แบ่งตามเขตตรวจราชการกรมบงั คบั คด)ี คร้ังที่ 2/2563
ผา่ นทางระบบ VDO Conference
วนั ท่ี 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2563 นางอรญั ญา ทองนำ้� ตะโก
อธบิ ดีกรมบงั คับคดี เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรมบังคับคดี
(แบ่งตามเขตตรวจราชการกรมบังคับคด)ี พร้อมมอบนโยบายการดำ� เนินงาน
ผา่ นทางระบบ VDO Conference ณ หอ้ งประชมุ คชสาร 1 และหอ้ งประชุม
คชสาร 2 อาคารกรมบังคบั คดี พรอ้ มคณะผูบ้ รหิ าร ผตู้ รวจราชการกรม และ
ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนักงานบังคบั คดจี ังหวดั ในเขตตรวจราชการกรมบังคบั คดี
ที่ 1 - 10,15 และ 17 เข้าร่วมประชุม
การประชมุ คร้งั นี้ มีวัตถุประสงค์เพือ่ ก�ำกบั และตดิ ตามผลการ
ด�ำเนนิ งานในรอบไตรมาสที่ 1 - 2 (ตุลาคม 2562 - มนี าคม 2563) และ
กำ� หนดแผนการดำ� เนนิ งานในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 เพ่อื ให้
การดำ� เนินงานเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพต่อไป
15
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
กรมบังคับคดมี อบเคร่ืองคอมพิวเตอร์ใหก้ ับส�ำนักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา
วนั ท่ี 1 พฤษภาคม 2563 นางอรญั ญา ทองน้ำ� ตะโก อธบิ ดกี รมบังคบั คดี พร้อมด้วย นางทศั นีย์ เปาอนิ ทร์
รองอธิบดกี รมบงั คับคดี และคณะผู้บริหารกรมบังคบั คดี มอบเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ไ่ี ม่มีความจำ� เป็นต้องใช้งาน
ในราชการแล้วยงั คงใชง้ านได้ตามปกตใิ หก้ ับสำ� นักงานเลขาธิการวฒุ ิสภา จำ� นวน 200 เคร่อื ง เพ่อื สนบั สนุนนกั เรียน
ในโรงเรียนโครงการกองทนุ การศกึ ษาได้ใช้ศกึ ษาหาขอ้ มูลทางอนิ เตอร์เนต็ โดยมีนายพงศ์กิตต์ อรุณภกั ดสี กลุ
ที่ปรกึ ษาด้านการเมืองการปกครอง สำ� นักงานเลขาธิการวุฒิสภา เปน็ ผรู้ บั มอบ ณ หอ้ งขายทอดตลาด อาคารอสตี พิ รรษ
กรมบงั คบั คดี
16
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
กรมบังคบั คดีจดั โครงการใหค้ วามรเู้ ก่ยี วกับ
กฎหมายข้อมูลข่าวสารแกบ่ ุคลากร
วันท่ี 15 พฤษภาคม 2563 นางอรัญญา ทองนำ้� ตะโก
อธิบดีกรมบงั คบั คดี เป็นประธานในพิธเี ปิดโครงการให้ความรู้
เกย่ี วกับกฎหมายขอ้ มลู ข่าวสารแกบ่ คุ ลากร โดยมนี างภคั พิชา
จันทรศริ ิ ผูอ้ ำ� นวยการส่วนนโยบายและวิเคราะหส์ ำ� นกั งาน
คณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ ส�ำนักงานปลดั
ส�ำนักนายกรฐั มนตรี เป็นวิทยากรบรรยาย ในหัวข้อ
“การปฏบิ ัตติ าม พ.ร.บ. ขอ้ มูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540” ซึง่ มีนางทัศนีย์ เปาอนิ ทร์ รองอธบิ ดกี รมบังคับคดี
นางสาวปนัดดา สนิ ธุวสิ ทุ ธ์ รองอธิบดีกรมบังคบั คดี พรอ้ มคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าทกี่ รมบังคับคดี เขา้ ร่วมโครงการ
ณ ห้องประชุมช้นั 9 อาคารกรมบังคับคดี การประชุมในคร้งั น้ี มวี ัตถุประสงค์เพ่อื เสรมิ สร้างความรคู้ วามเข้าใจ
เกย่ี วกับพระราชบัญญตั ขิ อ้ มูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 ซ่ึงเปน็ กฎหมาย ทสี่ ง่ เสริมสิทธกิ ารรับรแู้ ละการเขา้ ถงึ ขอ้ มูล
ขา่ วสารทางราชการของประชาชน และมีสว่ นสำ� คญั ในการผลกั ดนั ใหม้ กี ารเปดิ เผยการตรวจสอบข้อมูลขา่ วสาร
สนับสนนุ ให้ประชาชนมีโอกาสไดร้ บั รู้ และเข้าถงึ ข้อมลู ข่าวสารทางราชการได้อยา่ งกวา้ งขวาง ถูกตอ้ ง เป็นธรรม
และรวดเร็ว
กรมบงั คบั คดี ร่วมปลูกตน้ ไม้
เนอ่ื งในวนั ตน้ ไม้ประจ�ำปีของชาติ
วันท่ี 21 พฤษภาคม 2563 นางอรญั ญา ทองนำ�้ ตะโก อธิบดีกรมบังคบั คดี พร้อมด้วยนางทศั นีย์ เปาอนิ ทร์
รองอธิบดกี รมบังคบั คดี นายเสกสรร สุขแสง รองอธบิ ดกี รมบงั คับคดี นางสาวปนดั ดา สนิ ธุวสิ ทุ ธ์ รองอธบิ ดี
กรมบงั คับคดี และคณะผบู้ รหิ าร ตลอดจนเจ้าหน้าทีก่ รมบงั คบั คดี ร่วมปลูกตน้ ไม้จำ� นวน 100 ต้น ในโอกาส
วนั ตน้ ไมป้ ระจ�ำปขี องชาติ ตามโครงการปลกู ต้นไม้และปลูกป่าเฉลมิ พระเกียรติเน่อื งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษก ภายใตช้ ่อื “รวมใจไทย ปลกู ต้นไม้ เพ่ือแผน่ ดิน” เพ่อื ปลูกจติ สำ� นึกให้กบั เจ้าหนา้ ที่ ได้เหน็ ความ
ส�ำคญั ของการอนรุ กั ษแ์ ละฟืน้ ฟทู รัพยากรปา่ ไม้ เพ่มิ พ้นื ท่ีสเี ขียว เพอ่ื ช่วยปอ้ งกนั และลดผลกระทบทเี่ กิดจากการ
เปล่ียนแปลงทางสภาพภมู ิอากาศ และลดมลภาวะจากฝนุ่ ละออง ณ บริเวณกรมบงั คับคดี
17
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบังคับคดีไดร้ บั รางวลั องคก์ รโปร่งใส ครั้งที่ 9
(NACC Integrity Awards)
วนั ที่ 5 มถิ ุนายน 2563 นางอรัญญา ทองน้ำ� ตะโก อธบิ ดี
กรมบังคบั คดี พรอ้ มดว้ ยนางสาวปนัดดา สนิ ธวุ สิ ทุ ธ์ รองอธบิ ดี
กรมบงั คบั คดี และ นางสาวศุภมาส อยูว่ ฒั นา ผูอ้ �ำนวยการกองบรหิ าร
ทรัพยากรบุคคล เข้ารบั มอบรางวลั องค์กรโปรง่ ใส ครั้งที่ 9 (NACC
Integrity Awards) ประจำ� ปี พ.ศ. 2562 โดยมพี ลตำ� รวจเอก วชั รพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ
ปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และพลเอก บุณยวัจน์ เครอื หงส์ กรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติ ให้เกียรติมอบรางวัล และเกยี รติบตั ร ณ หอ้ งนนทบรุ ี 1 อาคาร 4 สำ� นกั งานคณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ
การขอรบั รางวัลองค์กรโปร่งใสในครั้งน้ี ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ
(ส�ำนักงาน ป.ป.ช.) ไดก้ �ำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาประกอบดว้ ย 4 หมวดไดแ้ ก่ หมวดที่ 1 องค์กรปฏบิ ตั ิ
ภารกิจอย่างมคี วามพร้อมรบั ผิดชอบ หมวดที่ 2 องคก์ รปฏบิ ัติภารกิจตามหลกั นิตธิ รรม หมวดท่ี 3 องคก์ ร
ใหค้ วามส�ำคัญกบั สทิ ธมิ นุษยชน และปฏิบัติตามแนวทางจรยิ ธรรมท่เี ปน็ สากล และหมวดที่ 4 องคก์ รด�ำเนนิ งาน
ด้วยความโปร่งใส มีระบบการจดั ซื้อจัดจ้างท่ีโปรง่ ใสเทีย่ งธรรมต่อต้านการทจุ ริต และการใหห้ รอื รับสนิ บน ซงึ่ มี
หน่วยงาน องคก์ ร หรือ สถาบนั ท้ังภาครฐั ภาครัฐวิสาหกจิ และภาคธุรกิจเอกชน เข้าร่วมขอรับการประเมิน
โดยกรมบงั คบั คดไี ดร้ บั รางวลั ชมเชยองค์กรโปร่งใสต้ังแต่ปี 2559 - 2561 และรางวัลองคก์ รโปรง่ ใส ครง้ั ท่ี 9
กรมบงั คับคดเี ป็นหน่วยงานภาครัฐเพียงหน่วยงานเดยี ว ที่ไดร้ บั รางวัลองค์กรโปร่งใส จาก 1 ใน 7 องคก์ ร ทง้ั น้ี
กรมบังคับคดียังคงมุ่งมั่นด�ำเนินการตามนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
และปฏิบัตหิ น้าท่ดี ว้ ยความซอื่ สัตย์ สจุ ริต แสดงถึงความโปรง่ ใสในการปฏบิ ัตงิ านอยา่ งตอ่ เน่ือง
กรมบงั คับคดจี ัดกจิ กรรมบริจาคโลหติ
เฉลมิ พระเกียรตแิ ด่พระบรมวงศานวุ งศ์ทกุ พระองค์
วนั ท่ี 11 มิถุนายน 2563 กรมบงั คบั คดี จัดกิจกรรมบรจิ าคโลหิต
ภายใตช้ อื่ โครงการ “กรมบงั คบั คดี รวมพลังร่วมใจอาสาบรจิ าคโลหิต
เฉลิมพระเกียรติ แด่พระบรมวงศานวุ งศ์ทุกพระองค์” เพ่ือถวาย
เปน็ ราชสักการะ พระราชกศุ ลและเฉลมิ พระเกียรติ แดพ่ ระบรมวงศานวุ งศท์ กุ พระองค์ รวมทงั้ เป็นการสนบั สนุน
การจดั หาโลหิตของสภากาชาดไทย ด้วยการนำ� โลหติ ท่รี ับบริจาคไปจา่ ยใหก้ ับผู้ป่วยท่วั ประเทศตามโรงพยาบาลตา่ ง ๆ
18
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
โดยไมห่ วงั สงิ่ ตอบแทน โดยมีผบู้ รหิ ารเจา้ หน้าท่ีกรมบงั คับคดแี ละ
ประชาชน ท่วั ไป เข้ารว่ มบรจิ าคโลหิต จำ� นวน 147 คน ณ หอ้ งประชุม
ช้นั 9 อาคารกรมบงั คับคดี ทั้งน้ี จะมกี ำ� หนดจดั กิจกรรมบรจิ าคโลหิต
ครง้ั ต่อไปในวันที่ 3 กันยายน 2563 และ ในวันท่ี 2 ธันวาคม 2563
กรมบังคบั คดี ประชุมตรวจสอบโปรแกรม
ระบบคลังข้อมลู สำ� หรบั ผบู้ ริหารของ
กรมบงั คบั คดี และระบบอินทราเน็ตรูปแบบใหม่
วนั ท่ี 12 มิถุนายน 2563 นางอรญั ญา ทองน�ำ้ ตะโก อธิบดี
กรมบังคบั คดี เป็นประธานการประชุมตรวจสอบโปรแกรมระบบคลงั ขอ้ มลู
ส�ำหรบั ผ้บู รหิ าร (Business Intelligence) ซ่ึงมี นางทศั นีย์ เปาอินทร์
รองอธบิ ดกี รมบังคบั คดี นางสาวอรอุมา เก่งทางดี ผอู้ �ำนวยการศูนย์
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร และเจา้ หน้าท่ีท่ีเกย่ี วขอ้ งเขา้ รว่ ม
ประชมุ ณ หอ้ งรบั รอง ช้นั 2 อาคารกรมบงั คับคดี ในการประชุมครง้ั นี้มีวัตถุประสงค์
เพอ่ื ตรวจสอบผลการพฒั นาระบบอินทราเนต็ รูปแบบใหม่ และการพัฒนาระบบ
คลังข้อมูล ผ้บู ริหารตามโจทย์ท่ผี ู้บริหารให้แนวทางเพื่อวเิ คราะห์ ขอ้ มลู การปฏบิ ัติงาน
ของกรมบังคบั คดี เป็นการเพิม่ ความสามารถในการตัดสนิ ใจอยา่ งรวดเรว็ และ
ชาญฉลาดของผบู้ ริหารในรปู แบบของ Data Visualization ซง่ึ เป็นการใชภ้ าพ
เพื่อแสดงขอ้ มูลในเชงิ ปรมิ าณท่วี ดั ได้ ไมว่ า่ จะเป็นตัวเลข แผนภูมิ กราฟ และอ่ืนๆ
ซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
แบบ Work From Home ในช่วงการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019
19
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบงั คับคดีจดั การฝกึ อบรมระบบยื่น
คำ� ร้องทางอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Filing)
วนั ท่ี 15 มิถนุ ายน 2563 นายสุทธชิ ยั คลอ้ สวสั ด์ิ
ผู้ตรวจราชการกรม กรมบงั คับคดี เป็นประธานในพธิ ี
เปิดการฝึกอบรมระบบย่ืนค�ำร้องทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Filing) โดยมนี างทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดกี รมบงั คับคดี เข้ารว่ มสังเกตการณ์ ผู้เข้าร่วมการอบรม ประกอบดว้ ย
ผู้แทนจากบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย์ สุขมุ วิท จำ� กดั ทรี่ ว่ มเปน็ หน่วยงานน�ำรอ่ งจำ� นวน 45 คน ซงึ่ มีนางสาววณี า
ขวัญปญั ญา หวั หน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำ� นักงานบงั คับคดแี พ่งกรงุ เทพมหานคร 1 เปน็ วิทยากรบรรยาย ในหัวขอ้
“การใช้งานระบบยืน่ คำ� ร้องทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-filing)” ณ หอ้ งอบรมคอมพวิ เตอร์ ช้ัน 3 ศนู ยเ์ ทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่อื การ อาคารอสตี ิพรรษ กรมบังคับคดี การประชมุ ในครงั้ น้ี มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อใหผ้ ูใ้ ชง้ าน
ระบบมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการใชร้ ะบบย่นื คำ� รอ้ งทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Filing) ของกรมบังคับคดี ซง่ึ เปน็
การเพิ่มชอ่ งทาง ในการยืน่ ค�ำร้องและสรา้ งส�ำนวนทเี่ ปน็ แบบไฟลอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic) เพอ่ื ให้ประชาชน
ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลา และคา่ ใชจ้ า่ ยในการบงั คับคดีแพง่
20
กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบังคับคดจี ดั ประชุมเพือ่ เตรยี มการด�ำเนินการในช้นั เจา้ พนกั งานพิทกั ษท์ รัพย์
ในคดฟี ื้นฟูกจิ การของ บริษัท การบินไทย จำ� กัด (มหาชน)
วนั ท่ี 19 มถิ ุนายน 2563 นางอรัญญา ทองน�ำ้ ตะโก อธิบดกี รมบังคับคดี พรอ้ มด้วยนางสาวปนัดดา สนิ ธุวสิ ทุ ธ์
รองอธบิ ดีกรมบงั คบั คดี คณะผู้บรหิ าร เจา้ หน้าท่ีกรมบังคับคดี ประชมุ ร่วมกับ บรษิ ทั การบนิ ไทย จำ� กัด (มหาชน)
โดยนายชตุ ินธร ศรีสทิ ธกิ รรม ผูอ้ ำ� นวยการใหญฝ่ ่ายงานบรกิ ารเทคโนโลยสี ารสนเทศ พร้อมคณะและบรษิ ทั เบเคอร์
แอนด์ แมค็ เคน็ ซ่ี จ�ำกัด โดยนางสาวปะราลี เตชะจงจินตนา พรอ้ มคณะ โดยมปี ระเด็นหารอื รว่ มกนั เพื่อเตรียมการ
ด�ำเนนิ การในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรพั ย์ในคดฟี ื้นฟูกิจการของบรษิ ทั การบนิ ไทย จำ� กัด (มหาชน) ณ หอ้ งประชุม
คชสาร 2 ชน้ั 3 อาคารกรมบงั คบั คดี การประชุมในครง้ั นี้ เป็นการประชุมรว่ มกนั เพื่อใหท้ ราบถึงขน้ั ตอนตา่ ง ๆ
ในการดำ� เนนิ การชนั้ เจา้ พนักงานพทิ ักษ์ทรัพย์ ให้เกดิ ความเขา้ ใจที่ตรงกันเพ่อื วางแนวทางในการปฏบิ ัติรว่ มกัน
ในแตล่ ะขนั้ ตอน ซง่ึ จะกอ่ ให้เกดิ ประโยชนก์ บั บรรดาเจา้ หนี้ และผ้มู ีสว่ นไดเ้ สยี ในการมาติดตอ่ และด�ำเนินการ
กับเจา้ พนักงานพิทกั ษท์ รพั ยต์ อ่ ไป
21
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบงั คับคดี ร่วมกับ บรษิ ัท บรหิ ารสินทรัพย์
กรุงเทพพาณชิ ย์ จำ� กดั มหาชน (BAM) จดั มหกรรม
ขายทอดตลาดทรัพยส์ นิ ขายทรพั ย์สนิ ไดก้ ว่า 89 ลา้ น
วันที่ 26 มิถุนายน 2563 กรมบงั คับคดี รว่ มกบั บรษิ ทั บริหารสนิ ทรพั ย์ กรงุ เทพพาณชิ ย์ จ�ำกดั มหาชน
(BAM) จดั มหกรรมขายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ ในเขตพ้นื ท่กี รงุ เทพมหานครของส�ำนกั งานบังคบั คดีแพง่ กรุงเทพมหานคร 1
2 และ 4 - 6 ณ ห้องขายทอดตลาด อาคารอสตี ิพรรษ กรมบังคับคดี ซึ่งผลการขายขายทอดตลาดทรัพยส์ นิ
ขายไดจ้ �ำนวน 52 รายการ ราคาขายได้เปน็ เงนิ ทัง้ สิ้น จำ� นวน 89,835,000 บาท การขายทอดตลาดทรพั ย์สิน
ในครงั้ นีเ้ พอ่ื เปน็ การเปดิ โอกาสให้ประชาชนไดม้ ที ีอ่ ยอู่ าศัยเป็นของตนเอง และมคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ขี ึน้ นอกจากนี้
ภายในงานได้จดั การขายทอดตลาด ใหเ้ ป็นไปตามมาตรการปอ้ งกันการแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019
เพอื่ ลดความแออดั ดว้ ยการจัดทนี่ ่งั ใหม้ รี ะยะหา่ งไม่นอ้ ยกวา่ 1 - 2 เมตร มีการลงทะเบยี นเข้าออกผ่านทาง
ระบบไทยชนะ ตรวจวดั อณุ หภมู ิร่างกาย สวมหน้ากากอนามัย และล้างมอื ดว้ ยเจลแอลกอฮอลท์ กุ คร้ัง
22
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุติธรรม
กรมบงั คับคดขี ายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ ผ่าน
ระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (e - Offering Auction)
ขายทรัพย์สนิ ได้กว่า 39 ล้านบาท
วนั ที่ 28 มิถุนายน 2563 กรมบังคบั คดี ขายทอดตลาด
ทรพั ยส์ นิ ผา่ นระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (e - Offering Auction)
โดยมสี ำ� นักงานบังคับคดีแพ่งกรงุ เทพมหานคร 1 เป็นศูนยก์ ลาง
(Center) สำ� นักงานบงั คับคดีจังหวดั นนทบรุ ี ชลบุรี นครราชสมี า ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณโุ ลก นครปฐม สรุ าษฎร์ธานี
และสงขลา เป็นส�ำนักงานเครอื ข่ายเพื่อเสนอราคา (Node) ซ่ึงมี นายเสกสรร สุขแสง รองอธบิ ดีกรมบังคับคดี
ร่วมดูแลการปฏิบตั ิหนา้ ทข่ี องเจา้ หน้าทก่ี รมบงั คบั คดี ณ ห้องขายทอดตลาด อาคารอสตี พิ รรษ กรมบงั คับคดี
กรงุ เทพมหานคร ซึง่ ผลการขายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ ขายได้ จำ� นวน 19 รายการ เป็นเงินท้งั สนิ้ จำ� นวน 39,250,000 บาท
การขายทอดตลาดทรัพย์สินผา่ นระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (e - Offering Auction) ในคร้ังน้ี มีวตั ถปุ ระสงค์ เพื่ออำ� นวย
ความสะดวกประชาชนใหส้ ามารถเขา้ ถึงบริการของรัฐไดอ้ ย่างสะดวก รวดเรว็ ชว่ ยลดภาระ คา่ ใช้จ่ายให้แกป่ ระชาชน
ในพน้ื ที่ จงั หวัดนนทบรุ ี ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เชยี งใหม่ พิษณุโลก นครปฐม สรุ าษฎรธ์ านี และสงขลา
ทไ่ี มต่ อ้ งเดินทางมาซ้ือทรพั ย์ในเขตพนื้ ทกี่ รงุ เทพมหานคร ณ กรมบังคับคดี สามารถเสนอราคาเพอื่ ซือ้ ทรัพย์
จากการขายทอดตลาดผ่านระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ไดโ้ ดยลงทะเบียนจองเครอ่ื งอปุ กรณ์ และรับทราบเง่ือนไข
ก่อนวนั ขายทอดตลาดในแตล่ ะนัด สว่ นกลาง ณ สำ� นักงานบงั คบั คดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 1 และส่วนภูมภิ าค
ณ สำ� นกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั นนทบรุ ี ชลบรุ ี นครราชสมี า ขอนแก่น เชยี งใหม่ พิษณโุ ลก นครปฐม สรุ าษฎรธ์ านี และ
สงขลา นอกจากน้ี การขายทอดตลาดทรัพยส์ ินผา่ นระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ยังเป็นการสง่ เสริมการนำ� ระบบอิเล็กทรอนิกส์
มาใชใ้ นการด�ำเนนิ งาน เพ่ือลดความแออัดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019
23
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ทเร่าานตถอาบม สาระนก่าับรอู้ เกายยี่ ดัว
ทรัพยส์ ิน
โดย วาสนา ปักกาโร
ผูเ้ ชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นการบังคบั คดีแพง่
ท่านถาม เราตอบฉบับน้ีผู้เขียนน�ำข้อมูลมาจากเว็บไซต์กรมบังคับคดีมีค�ำถามที่น่าสนใจที่
ประชาชนสอบถามเขา้ มาและเจ้าหน้าทกี่ รมบงั คบั คดีเป็นผตู้ อบคำ� ถาม น่าสนใจขนาดไหนไปดู
กนั เลยคะ่
ข้อ 1. ลูกหนเ้ี ปน็ หนีบ้ ตั รเครดติ และสนิ เชอ่ื บคุ คล รวมกนั หลายแสนบาท ตอ่ มาโดนฟอ้ งคดแี ละศาลมี
ค�ำพิพากษาใหล้ ูกหนชี้ �ำระหน้ี อยากทราบขนั้ ตอนการถูกอายดั เงินเดอื น และลูกหนีส้ ามารถจะ
สง่ เงินเดือนที่ถกู อายัดไดเ้ องหรือไม่
ตอบ 1. เมอื่ ศาลออกหมายบังคับคดแี ล้ว เจ้าหนี้ตามคำ� พพิ ากษาสามารถขออายัดเงินเดือนของลกู หนีไ้ ด้
โดยเจา้ พนกั งานบังคบั คดีจะพิจารณาอายัดใหด้ ังน้ี เงนิ เดอื นอายดั ใหต้ ามที่ขอ แต่ทง้ั น้เี งินจะตอ้ ง
มเี งินเดือนคงเหลอื ไวใ้ หล้ ูกหนใ้ี ชส้ อยไมน่ อ้ ยกวา่ 20,000 บาทตอ่ เดือน เงนิ เบยี้ ขยัน ค่าล่วงเวลา
หรอื รายได้อ่ืนทมี่ ีลกั ษณะจ่ายเพอ่ื ตอบแทนการทำ� งานเป็นครัง้ คราว จะอายัดใหต้ ามที่เจา้ หน้ขี อ
แต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 30 ของจำ� นวนท่ีมสี ิทธไิ ด้รับ เงนิ โบนัส อายดั ให้ตามท่ีขอ แต่ไมเ่ กินอตั รา
ร้อยละ 50 ของจ�ำนวนที่มสี ิทธิได้รบั เงินบ�ำเหน็จ คา่ ชดเชย หรอื รายไดอ้ ืน่ ในลักษณะเดยี วกนั
เชน่ เงินตอบแทนกรณอี อกจากงาน อายัดให้ตามท่ขี อ แตท่ งั้ นต้ี อ้ งเหลอื ให้ลกู หน้ี ตามคำ� พพิ ากษา
ไมน่ อ้ ยกวา่ 300,000 บาท
2. เม่ือผู้รับคำ� ส่งั อายัด (นายจา้ ง) ได้รบั ค�ำสั่งอายดั ของเจา้ พนกั งานบงั คบั คดแี ล้ว ตอ้ งน�ำส่งเงิน
อายดั โดยเคร่งครัด เวน้ แต่มเี หตขุ ัดข้องต้องแจง้ ใหเ้ จ้าพนกั งานบังคบั คดีทราบ มิฉะน้ันนายจา้ ง
24
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม
อาจต้องรับผิดช�ำระหนี้เสมือนเป็นลูกหน้ีตามค�ำพิพากษาเท่ากับจ�ำนวนท่ีนายจ้าง
ไมไ่ ดน้ �ำสง่ เงนิ ต่อเจา้ พนักงานบังคบั คดี
3. ในกรณที ่ีลูกหน้ีประสงคจ์ ะนำ� ส่งเงินทเี่ จา้ พนกั งานบังคับคดีไดอ้ ายัดไปด้วยตนเองนนั้
ลกู หนต้ี ้องไปตกลงกับนายจ้างก่อนเพราะนายจ้างมหี น้าทีต่ ้องนำ� ส่งเงนิ การท่ีลูกหน้ี
น�ำสง่ เงนิ จึงเสมือนเปน็ การน�ำส่งเงนิ แทนของนายจ้าง และให้ลูกหนน้ี ำ� ใบเสรจ็ รบั เงิน
ของเจา้ พนกั งานบงั คับคดีไปแจ้งให้นายจา้ งทราบทุกคร้งั ดว้ ย ซึง่ หากลูกหนี้มีเงินเดอื น
ไมเ่ กนิ 20,000 บาท ผูร้ ับอายดั (บริษัทหรอื นายจา้ ง) จะไม่ต้องด�ำเนินการสง่ เงิน
ไปให้ แตต่ อ้ งแจ้งเหตุขดั ขอ้ งไปใหเ้ จา้ พนักงานบงั คับคดีทราบดว้ ย
ข้อ 2. กรณลี กู หน้มี หี ้องชุดใหบ้ ุคคลภายนอกเชา่ เจา้ หนจี้ ะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดอี ายัดเงิน
คา่ เชา่ ไปยังผูเ้ ช่าหอ้ งชดุ ได้หรือไม่
ตอบ เงนิ คา่ เช่าเป็นสทิ ธิเรยี กรอ้ งตามสัญญาท่ลี กู หน้ี (ผ้ใู หเ้ ชา่ ) มีต่อบุคคลภายนอก (ผเู้ ช่า)
เจ้าหน้ีตามค�ำพิพากษาจึงมีสิทธิท่ีจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดสิทธิเรียกร้อง
ดังกลา่ วได้ โดยเจา้ พนักงานบังคบั คดี จะมีหนังสอื แจ้งการอายดั ไปยงั ให้ผู้เช่าตามท่ี
เจ้าหนตี้ ามคำ� พิพากษาแถลงใหน้ �ำส่งเงินคา่ เช่าต่อเจา้ พนักงาน บงั คับคดีต่อไป
25
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ขอ้ 3. กรณีลกู หน้เี ปน็ ขา้ ราชการ และกำ� หนดผูไ้ ด้รบั บำ� เหนจ็ ตกทอดคือภรรยาของลกู หน้ี หากตอ่ มา
ลูกหนี้เสยี ชีวติ เจา้ หน้จี ะสามารถอายดั บ�ำเหน็จตกทอดได้หรือไม่ ในทางกลับกนั หากภรรยาผมู้ ีสทิ ธิ
ไดร้ ับบ�ำเหน็จตกทอดเป็นลกู หน้เี จา้ หนข้ี องภรรยาจะสามารถอายัดบ�ำเหน็จตกทอดได้หรอื ไม่
ตอบ กรณีเงินบ�ำเหน็จตกทอดหรือเงินบ�ำนาญตกทอดเป็นเงินที่มีกฎหมายก�ำหนดยกเว้นไว้ไม่ให้อยู่
ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ตามมาตรา 302 (2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่
ซ่งึ ก�ำหนดว่า เงินบ�ำนาญหรือบ�ำเหน็จ ทหี่ นว่ ยราชการไดจ้ ่ายใหแ้ ก่คสู่ มรสหรือญาตทิ ี่ยังมีชีวิต
ของบคุ คลเหล่านัน้ ไม่อยใู่ นความรับผดิ แห่งการบงั คบั คดี ตามขอ้ เทจ็ จริงทั้งสองกรณีนั้น ไมส่ ามารถ
อายัดเงินดังกล่าวได้
26
กรมบังคับคดี กระทรวงยุตธิ รรม
ข้อ 4. เจ้าหนจี้ ะสามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรพั ยแ์ ละอายดั เงินเดือนไปพร้อม ๆ กันได้
หรอื ไม่
ตอบ การบังคับคดีเปน็ สทิ ธขิ องเจา้ หนต้ี ามค�ำพิพากษา ทีจ่ ะขอใหเ้ จ้าพนักงานบังคับคดดี �ำเนนิ การ
ยดึ ทรัพย์หรอื อายัดเงนิ เดือนอยา่ งใดก่อนกไ็ ด้ หรอื จะด�ำเนินการพรอ้ มกันกไ็ ด้ แตร่ าคาทรพั ย์สิน
ทยี่ ดึ และจำ� นวนเงนิ ท่ีมกี ารอายดั รวมกันแล้วจะตอ้ งไม่เกินหนตี้ ามคำ� พิพากษา
ข้อ 5. การที่เจ้าหนขี้ อใหเ้ จา้ พนักงานบังคับคดอี ายัดเงนิ ค่าจ้าง หมายรวมความถงึ เงนิ ประเภทใดบา้ ง
ตอบ เงนิ ค่าจ้าง หมายความรวมถงึ เงนิ เดือน ค่าจ้าง หรือรายไดอ้ ื่นที่มีลักษณะจา่ ยเพื่อเป็นการ
ตอบแทน การท�ำงานเปน็ รายเดือน เป็นเงนิ ท่ีมอี ตั ราชัดเจนสม�่ำเสมอทุกเดอื นเป็นจ�ำนวนแนน่ อน
โดยไม่คำ� นึงว่าลูกหนจี้ ะน�ำไปใช้จ่ายจรงิ หรอื ไม่ เพยี งแต่เม่ือทำ� งานตามต�ำแหน่งทกี่ ำ� หนดไวก้ ็
จะได้เงินจำ� นวนดังกลา่ ว ทั้งน้ีไมว่ ่าจะเรยี กช่ือว่าเงินอะไรกต็ าม เชน่ ค่าเชา่ บ้าน เงนิ ประจำ�
ต�ำแหนง่ ค่าโทรศัพท์ เปน็ ต้น
27
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุติธรรม
HR กบั การ กภเราูม่อื ริภงบารคิหขาอรงรการชมกบางัรคสบั่วคนดี :
พัฒนาองค์กร รศาึกชษกาากรรขณองปี สญั �ำนหกัากงาานรปบฏังคิบบั ตั คิ ดี
จังหวัด สาขา
โดย ยทุ ธพชิ ัย จำ� ปาเทศ
ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบังคบั คดีจงั หวัดหนองบัวล�ำภู
“ไม่มกี ฎหมาย ไมม่ อี �ำนาจ” เป็นหลกั กฎหมายมหาชนท่หี น่วยงานของรฐั ใช้ในการปฏบิ ตั ิราชการ
ผู้ใชอ้ �ำนาจตามกฎหมาย จงึ ต้องทราบและตระหนักถงึ แหล่งทม่ี าของอำ� นาจ ขอบเขต และขอ้ จ�ำกัด ของการ
ใช้กฎหมาย เพื่อใหก้ ารปฏิบัติราชการดำ� เนินไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล เกดิ ผลสมั ฤทธิ์และคมุ้ ค่า
ในเชิงภารกิจของรัฐ มีการกระจายอ�ำนาจในการตัดสินใจ การลดขัน้ ตอนการปฏบิ ัตงิ าน การให้บรกิ าร
การอ�ำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเรว็ ท่ัวถึง และต่อเนื่อง
ซง่ึ กฎหมายทใี่ ชใ้ นการบริหารราชการแผ่นดนิ และให้อ�ำนาจการปฏิบัติหน้าท่ีราชการของผใู้ ชอ้ �ำนาจนนั้
ยึดหลกั การบรหิ ารราชการแผน่ ดินตามพระราชบญั ญตั ิระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และ
พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
บทความเรอ่ื งน้ี มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื กล่าวถึงการบรหิ ารราชการของกรมบังคับคดีในเชงิ การบรหิ าร
ราชการส่วนภูมิภาค โดยมงุ่ ศึกษาสภาพปญั หาการปฏบิ ัติราชการของส�ำนกั งานบงั คับคดีจังหวัด สาขา
ในกรณีทผี่ ู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานบงั คบั คดีจังหวดั สาขา ไม่สามารถปฏิบัตหิ นา้ ที่ราชการได้ กรณที ่หี น่งึ
เนื่องจากมีภารกิจอืน่ ที่ต้องปฏิบัติ เช่น การเข้ารว่ มการประชมุ การอบรม สัมมนา หรอื ลาพักผ่อน ลาป่วย
ลากิจ ซึ่งเป็นการใชส้ ทิ ธิในฐานะข้าราชการ กรณีทส่ี อง เนื่องจากมีภารกจิ ด้านการอำ� นวยความยตุ ธิ รรม
เชน่ การสรา้ งความรับรู้ หรือการบูรณาการรว่ มกับหน่วยงานอื่นให้แก่ประชาชนในพนื้ ที่ ทง้ั สองกรณีนี้
เปน็ ข้อเทจ็ จริงท่ีเกดิ ข้ึนในขณะที่ผู้เขยี นปฏิบตั หิ น้าที่ในตำ� แหน่งผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งานบังคบั คดจี ังหวัด สาขา
และขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในการบริหารราชการและการน�ำกฎหมายมาปรับใช้ได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อการดำ� เนินงานของสำ� นักงานบังคับคดีจงั หวัด สาขา บรรลุเป้าหมาย และ
ภารกิจการปฏิบัติราชการ เกิดประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลต่อภารกจิ ของรัฐ อีกทงั้ ตอบสนองความต้องการ
“ไม่มกี ฎหมาย ไม่มอี ำ� นาจ”ของประชาชนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
1พระราชบญั ญตั ปิ รับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 มาตรา 32 มาตรา 33.
28
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม
กรมบงั คับคดี
ในเบอ้ื งต้นผูเ้ ขียนขอกลา่ วถึงภารกจิ กรมบังคับคดโี ดยสงั เขปวา่ กรมบงั คับคดเี ปน็ สว่ นราชการ
สงั กดั กระทรวงยุติธรรม ตามพระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มาตรา 32
บัญญัติวา่ กระทรวงยุติธรรม มอี ำ� นาจหนา้ ท่เี กยี่ วกบั การบริหารจัดการกระบวนการยุตธิ รรม เสรมิ สร้าง
และอ�ำนวยความยตุ ธิ รรมในสังคม และราชการอน่ื ตามที่กฎหมายกำ� หนดให้เปน็ อ�ำนาจหน้าท่ขี องกระทรวง
ยราุตชธิ กรารรมหดรงั อืตส่อ่วไปนนราี้ ช...ก. า(5รท) ่สีกังรกมดับกังรคะบั ทครดวี ง1ยุตแธิ ลระรกมารจแดัลระะมเาบตยี รบาร3าช3กบาญัรใญนกัตรวิ มา่ กบรงั ะคทบั รควดงี ยรตุฐั ิธมรนรตมรวี มา่ สี กว่ านร
กระทรวงยุตธิ รรม อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 8 ฉ แหง่ พระราชบญั ญัติระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดิน พ.ศ.2534 ออกกฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการกรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม พ.ศ. 2561 ซึ่ง
ข้อ 2 กำ� หนดให้กรมบงั คับคดมี ภี ารกจิ เกีย่ วกบั การบงั คบั คดแี พง่ คดีล้มละลาย และคดฟี น้ื ฟูกิจการของ
ลูกหนต้ี ามค�ำส่งั ศาล การชำ� ระบญั ชตี ามค�ำส่งั ศาล การวางทรัพย์ การประเมนิ ราคาทรัพย์สิน และการไกล่เกลยี่
ขอ้ พพิ าทชั้นบังคบั คดี และขอ้ 3 ใหแ้ บ่งส่วนราชการกรมบังคับคดเี ปน็ ก. ราชการบริหารส่วนกลาง
และ ข. ราชการส่วนภมู ิภาค กลา่ วคือ สำ� นกั งานบังคบั คดีจังหวดั ซงึ่ ถือเป็นส่วนราชการระดับกองตาม
มาตรา 31 วรรคสอง และมีผูอ้ �ำนวยการสำ� นักงานบังคบั คดีจังหวดั เปน็ หวั หน้าสว่ นราชการและ ผูบ้ ังคับบญั ชา
รบั ผิดชอบการปฏิบัตริ าชการตามมาตรา 33 วรรคสอง นอกจากนี้ การบรหิ ารราชการส่วนภมู ิภาค
ของกรมบงั คับคดี ยงั มสี ำ� นักงานบังคับคดจี งั หวดั สาขา ซ่งึ เปน็ หน่วยงานภายในสงั กดั ส�ำนกั งานบงั คับคดี
จังหวดั โดยอธบิ ดีกรมบังคับคดี อาศยั อำ� นาจตามมาตรา 32
แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
จัดต้ังส�ำนกั งานบังคบั คดจี งั หวดั สาขา ข้ึนตามประกาศของ
กรมบังคบั คดี และออกคำ� สง่ั แตง่ ต้งั ใหน้ ติ กิ รระดบั ปฏิบัติการ
ช�ำนาญการ หรือช�ำนาญการพเิ ศษ ด�ำรงต�ำแหน่งผอู้ �ำนวยการ
สำ� นกั งานบังคบั คดีจงั หวดั สาขา โดยปฏิบตั ิ
29
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
กรมบังคับคดี
ภารกจิ เชน่ เดียวกบั สำ� นกั งานบงั คับคดีจงั หวดั เพยี งแต่ตำ� แหนง่ ดงั กลา่ วมไิ ดเ้ ปน็ หัวหนา้ ส่วนราชการและ
ผูบ้ งั คบั บญั ชา เหมือนผอู้ �ำนวยการสำ� นกั งานบงั คบั คดีจังหวัด โดยมอี �ำนาจหน้าทดี่ �ำเนินการเกยี่ วกบั
การบังคบั คดแี พ่ง คดีล้มละลาย การชำ� ระบญั ชตี ามค�ำสงั่ ศาล การวางทรพั ย์ การประเมินราคาทรัพย์สนิ
การไกลเ่ กล่ยี ขอ้ พพิ าทช้ันบังคับคดี และด�ำเนนิ ภารกิจตามนโยบายผู้บริหารระดับสูง รวมท้งั การอำ� นวย
ความยุตธิ รรมใหแ้ กป่ ระชาชนในพื้นที่ และมีเขตภูมศิ าสตรท์ ตี่ ้องรบั ผิดชอบตามเขตอ�ำนาจศาล ซ่ึงจากสถติ ิ
ในปจั จบุ ันพบว่า ส�ำนักงานบังคับคดจี ังหวัด สาขา บางแห่ง มปี ริมาณงานสำ� นวนและจ�ำนวนบุคลากร
มากกวา่ ส�ำนกั งานบังคบั คดีจังหวดั บางแห่ง (ส�ำนกั งานบงั คับคดจี ังหวัดปทมุ ธานี สาขาธัญบรุ )ี และหลายแหง่
มจี ำ� นวนปรมิ าณงานสำ� นวนมากกว่าส�ำนักงานบังคับคดีจังหวดั บางแหง่ (สำ� นักงานบังคับคดจี งั หวดั ชลบุรี
สาขาพัทยา สำ� นักงานบังคบั คดีจังหวัดนครราชสีมา สาขาสคี ว้ิ สำ� นกั งานบังคับคดจี งั หวัดสกลนคร
สาขาสวา่ งแดนดิน ส�ำนักงานบงั คบั คดีจังหวดั ชยั ภมู ิ สาขาภเู ขยี ว ส�ำนกั งานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่น
สาขาพล ส�ำนักงานบงั คบั คดจี ังหวดั ชมุ พร สาขาหลงั สวน ส�ำนกั งานบงั คบั คดีจงั หวดั สงขลา สาขานาทวี
สำ� นักงานบังคับคดีจงั หวัดนครศรธี รรมราช สาขาท่งุ สง เป็นต้น) ซึง่ จากปริมาณงานทเี่ พมิ่ มากขึน้ แตข่ าดแคลน
บุคลากรทีป่ ฏิบัตหิ นา้ ที่ราชการอย่างเพียงพอ สง่ ผลให้เกิดปัญหาการดำ� เนินงานด้านการให้บรกิ าร และ
อ�ำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ขาดความต่อเนอ่ื งและด�ำเนินการล่าช้า อีกทง้ั ยังมสี ภาพปญั หาในการ
ปรบั ใช้กฎหมายทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการปฏิบัตริ าชการ ซ่งึ ผู้เขียนขอกลา่ วถึงรายละเอียดของปญั หาในล�ำดบั ต่อไป
2กฏกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม พ.ศ.2561 ขอ้ 2 ข้อ 3.
30
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
“ปฏิบตั ิราชการแทน”
การบริหารราชการของสำ� นักงานบังคับคดีจงั หวดั และ
สำ� นกั งานบงั คบั คดจี ังหวดั สาขา น้ัน มขี ้อกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ ง คอื
การปฏบิ ัตริ าชการแทน การรกั ษาราชการแทน และการรักษาการ
ในตำ� แหนง่ เมือ่ พิจารณาตามพระราชบญั ญัติระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ
พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทในการปฏบิ ัตริ าชการ ค�ำว่า
“ปฏบิ ตั ริ าชการแทน” บัญญัติอยใู่ นหมวด 5 มาตรา 38
– 40 หมายถงึ การมอบอ�ำนาจในการสง่ั การอนญุ าต
อนุมัติ การปฏบิ ตั ริ าชการหรอื การดำ� เนินการอืน่
ทีผ่ ู้ด�ำรงตำ� แหน่งใดจะพงึ ปฏบิ ัติหรือดำ� เนนิ การ
ตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ หรือค�ำสั่งใด
หรอื มติของคณะรัฐมนตรีในเรอ่ื งใด ให้ผดู้ ำ� รง
ต�ำแหน่งอืน่ ในสว่ นราชการเดยี วกนั หรือ
ส่วนราชการอืน่ หรือผวู้ ่าราชการจงั หวดั
ปฏบิ ัตริ าชการแทนได้ ตามหลกั เกณฑท์ ี่กำ� หนด
ในพระราชกฤษฎกี า เพ่อื อ�ำนวยความสะดวกแก่
ประชาชน ความรวดเรว็ ในการปฏิบตั ิราชการ การกระจาย
ความรับผดิ ชอบตามสภาพของต�ำแหนง่ ผู้รบั มอบอำ� นาจ และ
การมอบอำ� นาจนี้จะตอ้ งทำ� เปน็ หนังสอื โดยผปู้ ฏิบตั ริ าชการแทนจะมอี ำ� นาจ
หนา้ ท่เี ชน่ เดียวกับผซู้ ง่ึ มอบอ�ำนาจหรอื มอบหมาย และการมอบอ�ำนาจจะยงั คงมอี ยู่ตลอดไปจนกวา่ จะมี
การยกเลิกการมอบอำ� นาจนนั้ ดงั น้ัน การปฏบิ ัติราชการแทน จงึ เป็นการมอบอำ� นาจในกรณีทผ่ี ดู้ ำ� รง
ต�ำแหนง่ นน้ั สามารถปฏิบตั หิ น้าท่ไี ด้ แต่มอบอ�ำนาจให้บคุ คลอนื่ ปฏิบตั หิ นา้ ทแ่ี ทนในบางเรื่องเพอื่ ใหเ้ กดิ
ความรวดเร็วสะดวกแกป่ ระชาชน และกระจายความรับผิดชอบ เชน่ เรือ่ งการบรหิ ารงานบุคคลการ
เลือ่ นขนั้ เงินเดือนฯ อธบิ ดีกรมบังคบั คดีอาศัยอ�ำนาจตามมาตรา 32 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40
แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 มอบอ�ำนาจให้ผู้วา่ ราชการจงั หวัดปฏบิ ัติ
ราชการแทน หรอื ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนักงานบงั คับคดจี ังหวดั ออกค�ำส่งั สำ� นักงานเป็นหนงั สือมอบอ�ำนาจให้
หัวหนา้ กลมุ่ งานบงั คบั คดี มีอำ� นาจสัง่ คำ� รอ้ ง ค�ำแถลงทัง้ ปวง ท่ีคู่ความย่นื เขา้ มาในคดี
ยกเวน้ คำ� รอ้ งขอถอนการบงั คบั คดี ของดการบงั คับคดีหรอื ขอขยาย
ระยะเวลาการวางเงนิ คา่ ซือ้ ทรพั ย์ เปน็ ตน้
3พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 หมวด 5 มาตรา 38-40
31
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
ในขณะที่ “การรักษาราชการแทน” ซง่ึ
บัญญัติอยู่ในพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร
ราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 หมวด 6 มาตรา
41 – 50 หมายถงึ กรณีไม่มผี ดู้ �ำรงตำ� แหน่งใด
ห รื อ มี แ ต ่ ไ ม ่ อ า จ ป ฏิ บั ติ ห น ้ า ท่ี ร า ช ก า ร ไ ด ้
กฎหมายก�ำหนดให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งใดต�ำแหน่ง
หนึง่ เขา้ ไปรกั ษาราชการแทน ไดใ้ นต�ำแหน่งนั้น
โดยผู้รักษาราชการแทนมีอ�ำนาจหน้าท่ีเช่นเดียว
กับผซู้ ึ่งตนแทน จงึ ต้องมกี ารแตง่ ตง้ั ผูร้ ักษา
ราชการแทนเพื่อปฏิบัติราชการตามอ�ำนาจ
หนา้ ท่ขี องผูด้ �ำรงต�ำแหนง่ น้ัน เพ่อื ท่จี ะท�ำให้
การบรหิ าร และการปฏบิ ัตหิ นา้ ทรี่ าชการมคี วาม
ต่อเนอ่ื ง ไม่เกดิ ผลเสียหายตอ่ งานราชการ เมือ่ มี
ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งแล้วหรือมาปฏิบัติหน้าท่ีได้แล้ว
การรักษาราชการแทนกจ็ ะส้นิ สุดลง เชน่ ในกรณไี ม่มี
ผดู้ �ำรงตำ� แหนง่ อธบิ ดี หรอื มีแตไ่ ม่อาจปฏิบัติราชการได้
ให้รองอธิบดี เปน็ ผูร้ ักษาราชการแทน ถา้ มีรองอธิบดี หลายคน ใหป้ ลัดกระทรวง
แตง่ ต้ังรองอธบิ ดคี นใดคนหนึง่ เป็นผู้รกั ษาราชการแทน หรอื ในกรณีไม่มผี ้ดู ำ� รงตำ� แหน่ง
เลขานุการกรม หรอื หวั หนา้ ส่วนราชการ เชน่ ผู้อำ� นวยการกองบงั คบั คดีล้มละลาย 1
หรอื ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบังคับคดแี พ่งกรุงเทพมหานคร 1 หรือผู้อำ� นวยการสำ� นักงานบังคบั คดี
จงั หวัด สาขา ใหอ้ ธิบดีกรมบงั คับคดีแตง่ ต้งั ข้าราชการ ในกรมบังคับคดคี นหนงึ่ ซงึ่ ดำ� รงตำ� แหนง่ ไม่ต�ำ่ กวา่
หัวหนา้ กองหรอื เทียบเท่า เป็นผู้รกั ษาราชการแทน หรือ จะแต่งตัง้ ข้าราชการอืน่ เปน็ ผรู้ ักษาราชการแทนกไ็ ด้
และผรู้ กั ษาราชการแทนดังกล่าวก็มีอ�ำนาจหนา้ ที่เชน่ เดียวกบั ผู้ซง่ึ ตนแทน
“การรักษาการในต�ำแหน่ง”
สว่ นคำ� วา่ “การรกั ษาการในต�ำแหนง่ ” ปรากฏอย่ใู นมาตรา 68 แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบ
ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึง่ ก�ำหนดกรณีทมี่ ไิ ดบ้ ัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ
แผน่ ดิน ในกรณตี �ำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญวา่ งลงหรือผูด้ �ำรงตำ� แหนง่ ไมส่ ามารถปฏบิ ัติหนา้ ท่ีราชการ
ได้ใหผ้ บู้ ังคับบญั ชาทม่ี อี �ำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 สงั่ ใหข้ า้ ราชการพลเรือนที่เหน็ สมควรรกั ษาการ
ในต�ำแหนง่ ได้ โดยท�ำเป็นค�ำสัง่ ซึ่งผู้รักษาการในตำ� แหนง่ จะมอี �ำนาจหนา้ ทเ่ี ชน่ เดยี วกับผซู้ ่ึงตนแทน ในกรณี
ทม่ี ีกฎหมายอื่น กฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คับ มติคณะรฐั มนตรี มตคิ ณะกรรมการตามกฎหมาย หรอื ค�ำสั่ง
ผู้บังคับบัญชา แต่งต้งั ให้ผูด้ �ำรงต�ำแหน่งนัน้ เป็นกรรมการ หรือมีอำ� นาจหนา้ ทอ่ี ยา่ งใด กใ็ หผ้ ู้รักษาการ
ในต�ำแหนง่ ท�ำหน้าท่ีกรรมการ หรอื มอี ำ� นาจหน้าทอี่ ยา่ งน้นั ระหวา่ งทีร่ ักษาการในต�ำแหน่ง แล้วแต่กรณี
4พระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ.2534 หมวด 6 มาตรา 41-50
32
กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
“การรักษาราชการแทน”
เชน่ ผูด้ �ำรงตำ� แหนง่ ผตู้ รวจราชการ ผเู้ ชยี่ วชาญการบังคบั คดีลม้ ละลาย ผเู้ ช่ียวชาญการบงั คบั คดแี พ่ง
ผูอ้ ำ� นวยการกลมุ่ งานนโยบายและแผน ผอู้ ำ� นวยการกลุม่ งานพัฒนาระบบบรหิ าร ผ้อู ำ� นวยการกล่มุ งาน
การบงั คบั คดี หวั หนา้ ศนู ยไ์ กล่เกลยี่ และผ้อู �ำนวยการส�ำนักงานบังคับคดจี ังหวัด สาขา เป็นต้น เม่อื ผูด้ �ำรง
ตำ� แหน่งนั้นไม่สามารถปฏิบตั หิ นา้ ทรี่ าชการได้ อธบิ ดีกรมบงั คับคดซี ง่ึ เป็นผ้มู อี �ำนาจส่งั บรรจุ มีอ�ำนาจ
ส่ังใหข้ า้ ราชการคนหน่ึงคนใดทเี่ ห็นสมควร รักษาการในตำ� แหนง่ ได้ ซ่ึงกรณีดังกล่าวเปน็ ไปตามมาตรา 68
แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ทง้ั น้ี ต�ำแหน่งดังกลา่ วเป็นต�ำแหน่งในการ
บรหิ ารงาน ไมใ่ ช่ต�ำแหน่งหวั หนา้ สว่ นราชการตามกฎหมายระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ
สรปุ ได้วา่ ในการปฏบิ ัตหิ น้าทรี่ าชการน้ัน มีกฎหมายกำ� หนดให้มกี ารมอบอำ� นาจและการใชอ้ ำ� นาจ
ทแ่ี ตกตา่ งกันแต่ละกรณี ซ่ึงกรณผี ู้บงั คบั บญั ชาอยูป่ ฏิบตั หิ น้าที่หรอื สามารถปฏบิ ัติหนา้ ที่ไดก้ ็สามารถ
มอบอ�ำนาจใหผ้ ู้ใตบ้ ังคับบญั ชาปฏบิ ตั ิหน้าทแ่ี ทนเพ่ือความรวดเร็ว สะดวกแก่ประชาชน โดยการมอบ
อำ� นาจเปน็ หนังสือ ซงึ่ กรณีน้ี คอื “การปฏิบตั ริ าชการแทน” ส�ำหรบั กรณที ่ีไมม่ ีผูด้ ำ� รงตำ� แหนง่ หรือมีแต่ไม่
อาจปฏิบัตหิ น้าท่รี าชการได้ จะเป็น “การรักษาราชการแทน” สว่ นกรณี “การรักษาการในต�ำแหนง่ ”
หมายถึง กรณที ีม่ ีตำ� แหนง่ ว่างลง หรอื ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ไม่สามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ทีร่ าชการได้ และเป็นกรณี
ท่มี ไิ ดบ้ ัญญตั ไิ ว้ในกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ผ้บู ังคบั บญั ชาซ่งึ มอี ำ� นาจสงั่ บรรจุ จะต้อง
มคี �ำสั่งใหข้ า้ ราชการคนหนึง่ คนใดตามที่เห็นสมควรรกั ษาการในตำ� แหน่ง โดยผ้รู ักษาราชการแทน หรือ
ผู้รกั ษาการในตำ� แหนง่ จะมีอำ� นาจหนา้ ท่ีเชน่ เดยี วกบั ผซู้ ่ึงตนแทน และเม่อื มีผูด้ ำ� รงตำ� แหนง่ แลว้ หรือ
ผดู้ �ำรงตำ� แหน่งมาปฏิบัติหน้าท่รี าชการแล้ว การรักษาราชการแทน หรือการรักษาการในต�ำแหน่ง จะส้ินสุดลง
อย่างไรก็ดี ตามทกี่ ล่าวถึงสถานการณป์ ัจจบุ ันของส�ำนักงานบงั คบั คดีจังหวัด สาขา ซ่ึงพบวา่ หลายแห่ง
มปี รมิ าณงานส�ำนวนคดีเพ่มิ มากขน้ึ และบางแห่งมีปริมาณงานสำ� นวนคดมี ากกวา่ ส�ำนกั งานบังคับคดี
จงั หวัดบางแห่ง น้นั นอกจากนี้ ส�ำนกั งานบงั คบั คดจี ังหวดั สาขา ยังประสบปัญหาในการปฏบิ ัติราชการ
และการบริหารงาน ในกรณีที่ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบงั คบั คดจี งั หวดั สาขา ซ่งึ เป็นต�ำแหน่ง
ท่ไี ดร้ ับแตง่ ตงั้ จากอธบิ ดีกรมบังคับคดีไม่สามารถปฏบิ ตั ิหน้าท่ี
ราชการตามภารกจิ ที่กฎหมายก�ำหนด เนอ่ื งจาก
มีภารกิจอน่ื ทีต่ อ้ งปฏบิ ตั ิ กลา่ วคอื กรณที ี่หนึง่
เนอ่ื งจากมภี ารกิจอน่ื ท่ตี อ้ งปฏิบัติ
เช่น การเข้ารว่ มการประชุม
5พระราชบญั ญัตริ ะเบียบราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 68 33
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
การอบรม สมั มนา หรอื ลาพักผ่อน ลาปว่ ย หรือลากจิ ซึ่งเป็นการใชส้ ทิ ธิในฐานะ ขา้ ราชการ แนวปฏบิ ตั ิ
เม่ือเกิดกรณดี งั กลา่ วผ้อู ำ� นวยการส�ำนกั งานบงั คบั คดีจงั หวัด สาขา จะมีหนังสอื ถึงผูอ้ ำ� นวยการสำ� นกั งาน
บงั คับคดีจงั หวัด ซึ่งถอื เปน็ หัวหน้าส่วนราชการและผ้บู ังคบั บัญชาตามกฎหมาย เพอ่ื ขออนญุ าตเดินทาง
หรือขออนุญาตลาฯ และขอให้มคี �ำสง่ั แตง่ ตั้งนติ กิ รปฏิบตั ิการ ช�ำนาญการ หรอื ขา้ ราชการต�ำแหน่งอ่ืน
ทรี่ ับราชการประจ�ำอยู่ที่สำ� นกั งานบังคบั คดีจงั หวดั /สาขานน้ั ปฏบิ ตั หิ น้าทีใ่ นต�ำแหน่งผู้อำ� นวยการส�ำนกั งาน
บงั คับคดีจังหวัด สาขา แทน และกระท�ำเช่นนี้เป็นคร้ังคราว มใิ ชใ่ หส้ ั่งการเป็นหลกั การ ส่วนกรณีทีส่ องท่ี
ผ้อู ำ� นวยการส�ำนักงานบงั คบั คดีจังหวดั สาขา ไม่สามารถปฏบิ ตั ิหน้าที่ราชการได้ เนื่องจากออกพื้นที่ปฏิบัติ
ภารกิจด้านอำ� นวยความยตุ ธิ รรม สร้างความรบั รู้ หรือบูรณาการรว่ มกบั หน่วยงานอนื่ ใหแ้ ก่ประชาชน
ในพน้ื ท่ี ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนักงานบังคับคดจี งั หวดั สาขา ไม่ไดม้ หี นงั สือถงึ ผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานบงั คับคดี
จงั หวดั ขอใหม้ คี ำ� สั่งแตง่ ตง้ั นิตกิ รปฏบิ ัตกิ าร ช�ำนาญการ หรอื ขา้ ราชการต�ำแหนง่ อืน่ ทร่ี บั ราชการประจ�ำ
อยู่ท่สี ำ� นักงานบังคับคดีจงั หวัด/สาขานนั้ ปฏิบตั ิหน้าทใ่ี นต�ำแหนง่ ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานบังคบั คดีจงั หวดั
สาขา แทน อกี ท้งั กรมบังคบั คดีมไิ ด้ก�ำหนดแนวปฏิบตั ิ หรือวิธีการอยา่ งหนึ่งอย่างใดเพือ่ ให้สำ� นกั งาน
บงั คบั คดีจงั หวัด สาขา ถอื ปฏบิ ัติ เมือ่ พจิ ารณาเทยี บเคยี งกับสำ� นักงานบังคบั คดีจังหวดั ซึง่ มขี า้ ราชการ
ตำ� แหน่งนติ กิ รทม่ี ีอาวุโสสูงสุด หากมเี หตุทัง้ สองกรณีดังกลา่ ว อธบิ ดกี รมบังคับคดจี ะออกค�ำสงั่ หรือมอบ
อ�ำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกค�ำสั่งแต่งตั้งข้าราชการต�ำแหน่งนิติกรคนหน่ึงคนใดให้รักษาราชการแทน
ตามมาตรา 41 – 50 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แตอ่ ย่างไรก็ดี
กรณขี องสำ� นกั งานบงั คับคดีจงั หวดั สาขา ไม่อาจดำ� เนินการเชน่ ว่าน้ันได้ จึงเปน็ ปญั หาข้อกฎหมายในการ
34
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
ปฏิบัติหน้าท่ีราชการของส�ำนักงานบังคับคดีจังหวัด
สาขา ซง่ึ ผเู้ ขยี นขอวเิ คราะห์สภาพปัญหาและผลกระทบ
ทเี่ กิดข้ึน พร้อมทั้งขอเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาการ
ปฏบิ ตั ิราชการของสำ� นกั งานบงั คับคดี สาขา ดังน้ี
1. กรณกี ารส่งั การตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บ
บริหารราชการแผ่นดิน เรอื่ งการปฏบิ ัตริ าชการแทน
กลา่ วคอื เปน็ กรณีท่ี ผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานบงั คับคดจี ังหวดั
ส่ังให้ข้าราชการต�ำแหน่งนิติกรท่ีมีอาวุโสสูงสุด
ของส�ำนักงานบงั คับคดีจงั หวดั / สาขา ปฏบิ ตั ริ าชการ
แทนผู้อ�ำนวยการส�ำนกั งานบังคับคดีจงั หวัด สาขาน้นั
ผเู้ ขียนเห็นว่า ไม่เปน็ ไปตามบทบญั ญัติมาตรา 38 - 40
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. 2534 เนอ่ื งจากขอ้ เทจ็ จริงปรากฏวา่ เป็นเร่อื งทผ่ี ้ดู ำ� รงตำ� แหน่งผอู้ �ำนวยการสำ� นกั งานบังคับคดี
จังหวดั สาขาไม่สามารถ ปฏบิ ัติหน้าท่ีราชการได้ และต�ำแหน่งดังกล่าวอธบิ ดกี รมบังคับคดี เป็นผู้ออกค�ำสงั่
แต่งตั้งให้ข้าราชการตำ� แหน่งนติ กิ รคนหนึ่งคนใดทเี่ หน็ สมควร ปฏบิ ตั ิหน้าทีใ่ นตำ� แหนง่ และสั่งให้
ปฏบิ ัตภิ ารกิจเชน่ เดยี วกับส�ำนักงานบังคับคดีจงั หวัด รวมถึงภารกจิ การบรหิ ารงานสำ� นวนคดีดว้ ย (งานสัง่
ค�ำร้อง คำ� ขอ คำ� แถลงในคดที ั้งปวง) ส่วนในเร่อื งการบริหารงานบุคคล และเรอื่ งงานงบประมาณได้กำ� หนด
ใหข้ นึ้ ตรงกบั สำ� นักงานบังคบั คดจี งั หวดั และการจะสั่งใหข้ ้าราชการผู้หนงึ่ ผู้ใด ปฏิบัติราชการแทนแสดงวา่
ผอู้ อกคำ� สง่ั จะตอ้ งมอี ำ� นาจสั่งการใหม้ ีการปฏิบตั ิราชการในเร่อื งน้นั ได้ เม่อื การบรหิ ารงานส�ำนวนคดีเป็นภารกจิ
ของสำ� นักงานบังคบั คดีจงั หวดั สาขา และมใิ ช่กรณที ผี่ ู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบังคับคดีจังหวดั มอี �ำนาจเช่นวา่ นั้น
จึงไมอ่ าจออกค�ำสงั่ มอบหมายใหข้ ้าราชการตำ� แหนง่ นิติกรคนหนึ่งคนใดของส�ำนักงาน บงั คับคดีจังหวัด สาขา
ปฏิบตั ิราชการแทน กรณที ีผ่ ู้อ�ำนวยการส�ำนกั งานบังคบั คดีจังหวัด สาขา ไม่สามารถปฏบิ ัติหน้าท่ีราชการได้
ซงึ่ แตกตา่ งจากเรือ่ งการบริหารงานบคุ คลซึ่งข้ึนตรงตอ่ ส�ำนักงานบงั คับคดีจังหวัด ท่ีผ้อู �ำนวยการส�ำนักงาน
บงั คับคดีจังหวัด สามารถออกค�ำสัง่ มอบหมายใหผ้ ูอ้ �ำนวยการส�ำนกั งานบงั คบั คดี จงั หวัด สาขา มอี ำ� นาจ
อนญุ าตใหข้ ้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง ที่ปฏิบัติหน้าท่ีอยูท่ ี่ส�ำนกั งานบังคบั คดี จงั หวัด สาขา นัน้ ลาพักผอ่ น
ลาป่วย ลากิจ ได้ เป็นต้น
2. กรณีท่สี ่งั การตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ เรือ่ ง การรักษาราชการแทน
ผูเ้ ขียนเหน็ ว่า ไม่อาจน�ำมาปรบั ใชเ้ พ่ือแก้ไขปัญหาตามกรณดี งั กล่าวไดเ้ ช่นกัน เน่ืองจากต�ำแหนง่ ผู้อำ� นวยการ
สำ� นักงานบงั คับคดีจังหวัด สาขา เป็นต�ำแหนง่ ในเชิงการบรหิ าร ไมใ่ ช่ต�ำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ
ตามกฎหมาย ซึ่งตามปญั หาท้ังสองกรณดี งั กล่าวยงั ไม่ถอื วา่ มีผูด้ �ำรงตำ� แหน่งใด หรือมีแต่ไม่อาจปฏบิ ัติ
35
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ราชการได้ ตามมาตรา 47 แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซ่งึ แตกตา่ ง
จากกรณีท่ี ผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานบังคับคดีจังหวัด เม่ือมกี รณีมเี หตุท่ไี มส่ ามารถปฏิบัตหิ น้าทรี่ าชการได้
ตามทีก่ ล่าวถึงข้างต้น อธิบดกี รมบงั คบั คดีจะออกค�ำสั่งหรอื มอบอ�ำนาจใหผ้ ูว้ ่าราชการจังหวดั เพอื่ ออกคำ� ส่ัง
แต่งตงั้ ข้าราชการตำ� แหน่งนติ ิกรคนหนงึ่ คนใดให้รกั ษาราชการแทน ตามมาตรา 41 – 50 แหง่ พระราชบัญญัติ
ระเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 จงึ ไม่เกดิ ปัญหาเชน่ เดียวกับส�ำนกั งานบังคับคดีจังหวัด สาขา
3. กรณผี ้อู �ำนวยการสำ� นกั งานบังคับคดีจังหวดั สาขา ออกคำ� ส่ังส�ำนักงานบงั คบั คดจี งั หวดั
สาขา มอบหมายให้นิติกรปฏิบัติการ / ชำ� นาญการทป่ี ฏิบัติหน้าทอี่ ยู่ท่ีส�ำนกั งานบงั คับคดีจงั หวดั สาขา
ปฏิบตั ิหนา้ ที่ในต�ำแหน่งแทน น้ัน มปี ัญหาว่า ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานบงั คับคดจี งั หวดั สาขา อาศยั อำ� นาจ
ตามกฎหมาย หรือระเบียบข้อใด ในการออกคำ� สง่ั ซ่ึงไมป่ รากฏว่ามีขอ้ กฎหมาย หรอื ระเบยี บ ข้อใด
ใหอ้ �ำนาจผอู้ ำ� นวยการส�ำนักงานบังคบั คดีจังหวดั สาขา ในการสง่ั การเช่นว่านน้ั ได้ เน่อื งจากขอ้ เท็จจรงิ
ปรากฏวา่ เป็นเรือ่ งทผี่ ดู้ ำ� รงตำ� แหน่ง ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบังคบั คดจี งั หวัด สาขา ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิ
หน้าท่รี าชการได้ และต�ำแหน่งดังกล่าวอธบิ ดกี รมบังคับคดี เป็นผ้อู อกค�ำสงั่ แต่งตงั้ ใหข้ า้ ราชการตำ� แหนง่
นติ กิ รคนหน่งึ คนใดทเี่ ห็นสมควร ปฏิบตั ิหนา้ ทใ่ี นตำ� แหน่ง ดงั นั้น ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานบงั คบั คดีจงั หวดั
สาขา จึงไม่อาจออกค�ำสั่งแตง่ ต้งั ใหข้ า้ ราชการต�ำแหนง่ นิตกิ รคนหนึ่งคนใด ปฏบิ ตั ิหน้าทใี่ นตำ� แหนง่ แทน
ตนได้ ซ่งึ แตกต่างจากกรณีผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งานบังคบั คดจี ังหวัด สาขาปฏิบตั หิ นา้ ทีร่ าชการอยู่ตามปกติ
แลว้ มอบอ�ำนาจใหข้ า้ ราชการต�ำแหน่งนติ ิกร มีอำ� นาจส่ังค�ำร้อง คำ� แถลงทั้งปวง ทีค่ ่คู วามยน่ื เข้ามาในคดี
ยกเวน้ ค�ำร้องขอถอนการบงั คับคดี ของดการบงั คับคดี หรอื ขอขยายระยะเวลาการวางเงินคา่ ซอ้ื ทรัพย์
เป็นต้น ซึง่ ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานบงั คบั คดจี ังหวดั สาขา สามารถกระทำ� ได้
36
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
4. กรณกี ารทีผ่ ้อู �ำนวยการส�ำนักงานบังคับคดจี ังหวัด ออกคำ� สงั่ ให้นติ ิกรปฏิบตั ิการ/ชำ� นาญการ
ที่ปฏิบัตหิ นา้ ท่อี ยู่ท่สี �ำนกั งานบงั คับคดีจงั หวดั / สาขา ปฏบิ ตั ิหน้าท่ใี นต�ำแหนง่ ผอู้ �ำนวยการส�ำนักงาน
บังคับคดจี ังหวัด สาขา แทน มีปัญหาว่า ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานบงั คับคดจี งั หวดั อาศัยอำ� นาจตาม
กฎหมาย หรอื ระเบียบข้อใด ในการออกคำ� สัง่ ซง่ึ ไมป่ รากฏวา่ มีขอ้ กฎหมาย หรือระเบยี บ ขอ้ ใด ให้อำ� นาจ
ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานบงั คบั คดีจังหวัด ในการส่ังการเชน่ วา่ นนั้ ได้ เนอื่ งจากขอ้ เท็จจริงปรากฏวา่ อธิบดี
กรมบังคบั คดี เป็นผอู้ อกค�ำสงั่ แตง่ ตัง้ ให้ขา้ ราชการต�ำแหนง่ นิตกิ รคนหน่ึงคนใดท่เี ห็นสมควร ปฏบิ ัติหน้าท่ี
ในต�ำแหนง่ ผ้อู ำ� นวยการสำ� นักงานบังคบั คดีจังหวัด สาขา ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนกั งานบงั คบั คดีจังหวัด จึงไม่
อาจออกคำ� สงั่ แต่งตง้ั ใหน้ ติ ิกรคนหน่ึงคนใด ปฏบิ ตั หิ น้าท่ใี นตำ� แหนง่ แทน ได้ ทั้งนี้ กรณีตามปัญหามี
ผู้เห็นแยง้ วา่ ส�ำนักงานบังคับคดจี งั หวัด สาขา เปน็ หน่วยงานภายในสำ� นักงานบังคับคดจี ังหวัด และ
ถือว่าเปน็ กลมุ่ งานหนึ่งในสำ� นกั งานบงั คบั คดีจังหวัด ผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั มีฐานะเป็น
ผบู้ ังคบั บญั ชา เมือ่ ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนกั งานบังคับคดีจงั หวัด สาขา ไม่สามารถปฏบิ ัตหิ นา้ ดังกล่าวข้างตน้ ได้
ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานบงั คบั คดีจงั หวดั กม็ อี ำ� นาจในการออกค�ำสัง่ ให้ขา้ ราชการคนหน่ึงคนใดปฏิบัติหนา้ ที่
ในต�ำแหนง่ แทนได้ เพราะเปน็ การออกคำ� สงั่ ในฐานะผู้บงั คบั บัญชา เสมือนการมอบอำ� นาจใหห้ วั หน้า
กลมุ่ งานบังคบั คดี หรอื หวั หนา้ กลมุ่ งานการเงินและบัญชี หรือหวั หนา้ กลุม่ บรหิ ารงานทวั่ ไปในสำ� นักงาน
บงั คบั คดีจงั หวัด ใหป้ ฏิบัตริ าชการแทน ซึง่ เปน็ ไปตาม มาตรา 38 - 40 หมวด 5 แห่งพระราชบญั ญัติ
ระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ขา้ งต้น ซ่งึ เรอื่ งนีผ้ เู้ ขยี นมคี วามเห็นต่างวา่ กรณตี ามปัญหา
ดงั กล่าว ผอู้ ำ� นวยการส�ำนกั งานบังคบั คดจี ังหวัดไม่อาจมอบอ�ำนาจใหข้ า้ ราชการต�ำแหน่งนติ ิกร คนหนึ่ง
คนใดปฏบิ ตั หิ น้าท่ใี นต�ำแหน่งแทนได้ เนอ่ื งจากข้อเท็จจริงปรากฏวา่ เปน็ เร่ืองท่ีผ้ดู �ำรงตำ� แหน่งไม่สามารถ
ปฏบิ ตั หิ น้าทรี่ าชการได้ และต�ำแหนง่ ดังกล่าวไม่ได้บัญญตั ไิ ว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบยี บบรหิ ารราชการ
แผน่ ดนิ จึงเปน็ กรณที ีผ่ ูบ้ ังคับบัญชาซ่งึ มีอำ� นาจส่งั บรรจุ ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบญั ญัติระเบียบ
ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซ่ึงหมายถึง อธบิ ดีกรมบังคบั คดี เป็นผ้มู ีอำ� นาจในการสัง่ ให้ข้าราชการ
ต�ำแหนง่ นิติกรรักษาการในต�ำแหน่งน้ันได้ โดยสั่งการใหร้ ักษาการในต�ำแหน่ง เป็นไปตามมาตรา 68 แหง่
พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ซง่ึ มาตรา 68 ดงั กล่าวบัญญัตวิ ่า “ในกรณที ่ี
37
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
“ส่งั ให้”
“ทำ� หนา้ ท”ี่
ผดู้ �ำรงตำ� แหน่งไม่สามารถปฏิบัตหิ นา้ ที่ราชการได้ และเป็นกรณที ีไ่ ม่ไดบ้ ัญญัติไวใ้ นกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
บรหิ ารราชการแผน่ ดิน ใหผ้ ู้บังคับบญั ชาทีม่ ีอำ� นาจสง่ั บรรจตุ ามมาตรา 57 มีอ�ำนาจสง่ั ให้ขา้ ราชการพลเรอื น
ทีเ่ หน็ สมควรรกั ษาการในตำ� แหน่งน้ันได้ ผู้รกั ษาการในต�ำแหนง่ ตามวรรคหนึ่ง ให้มีอำ� นาจหนา้ ที่ตามตำ� แหนง่
ทีร่ ักษาการน้ัน ในกรณีทม่ี กี ฎหมายอ่นื กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั มตคิ ณะรฐั มนตรี มตคิ ณะกรรมการตาม
กฎหมายหรือคำ� ส่ังผูบ้ งั คับบัญชา แตง่ ตัง้ ให้ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งนั้น ๆ เปน็ กรรมการ หรือมอี ำ� นาจหน้าท่ีอย่างใด
กใ็ ห้ผู้รักษาการในต�ำแหน่งท�ำหน้าท่ีกรรมการ หรือมีอ�ำนาจหน้าท่อี ย่างน้นั ระหวา่ งทรี่ กั ษาการในต�ำแหน่ง
แลว้ แต่กรณี” และการสง่ั ให้ข้าราชการรักษาการในต�ำแหนง่ เปน็ การส่ังใหท้ �ำหน้าที่คือใหม้ อี �ำนาจหนา้ ท่ี
และความรับผดิ ชอบในตำ� แหน่งนนั้ แต่ไม่ใช่แต่งตัง้ ใหม้ ีฐานะเป็นผดู้ ำ� รงต�ำแหนง่ น้ัน ทัง้ นี้ มาตรา 68 ใชค้ ำ� วา่
“สงั่ ให”้ ไมไ่ ด้ใชค้ �ำวา่ “แตง่ ต้ัง” ซง่ึ ไม่มีฐานะ “เปน็ ” เพยี งแต่ให้ “ท�ำหน้าที”่ โดยวรรคสอง ให้ผรู้ กั ษาการ
ในต�ำแหน่งท�ำหนา้ ทก่ี รรมการแทนผดู้ �ำรงตำ� แหนง่ นนั้ ด้วย โดยการส่งั ใหข้ ้าราชการรักษาการในตำ� แหนง่
ตามมาตราน้ี ตอ้ งใชค้ ำ� วา่ “รกั ษาการในต�ำแหน่ง” ไมใ่ ช่ “รักษาราชการแทน” ตามคำ� ในกฎหมายวา่ ดว้ ย
ระเบยี บบริหารราชการแผ่นดิน และการสั่งให้ข้าราชการพลเรอื นรกั ษาการในต�ำแหน่งทีผ่ ูด้ ำ� รงต�ำแหนง่
ไม่สามารถปฏบิ ัติหน้าท่รี าชการได้ อาจสัง่ โดยระบุตวั บุคคล หรือระบุตำ� แหน่งที่บุคคลด�ำรงอยกู่ ไ็ ดแ้ ละ
จะสง่ั ไว้ล่วงหนา้ วา่ ถา้ ผดู้ ำ� รงต�ำแหน่งใด ไมส่ ามารถปฏิบตั หิ นา้ ที่ราชการไดเ้ มื่อใด ใหผ้ ทู้ ร่ี ะบไุ วใ้ นคำ� สั่ง
เป็นผรู้ ักษาการในต�ำแหนง่ แทนกไ็ ด้ ทง้ั น้ี ไมเ่ หมอื นกบั การสง่ั ให้รักษาการในต�ำแหน่งตามพระราชบญั ญตั ิ
ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2518 ทบ่ี ัญญตั ไิ วใ้ ห้ส่ังได้เปน็ ครั้งคราวและชั่วคราวเม่อื ผ้ดู �ำรงตำ� แหนง่
ไม่สามารถปฏบิ ตั ิหน้าท่รี าชการได้ โดยไมใ่ หส้ ง่ั ไว้ล่วงหนา้
ดงั นน้ั เพ่ือให้การปฏิบตั ิราชการของสำ� นักงานบงั คบั คดจี ังหวดั สาขา ด�ำเนินการไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
ตามพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 และพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน
พ.ศ. 2551 อีกทั้งเกิดผลสมั ฤทธ์ติ อ่ ภารกจิ ของกรมบงั คบั คดี เกิดประสทิ ธภิ าพ คุ้มค่าในเชิงภารกจิ ของรัฐ
38
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
ลดขนั้ ตอนการปฏิบตั ิงาน กระจายอำ� นาจในการ “ให้มีผู้อำ� นวยการ
ตดั สินใจ อ�ำนวยความสะดวก และตอบสนอง สำ� นักงานบังคับคดี
ความต้องการของประชาชน และเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ ง
กบั กองบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล กรมบงั คับคดี เรื่อง
การจัดกรอบ อตั ราก�ำลงั ของส�ำนักงานบังคับคดี
จังหวัด สาขา ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี 27 มกราคม 2563
จงั หวัด สาขา”ส�ำนักงานบังคบั คดจี ังหวดั สาขา ทุกแหง่ มกี รอบ
อัตราก�ำลังขา้ ราชการ ตำ� แหนง่ นติ กิ ร อยา่ งนอ้ ย
2 คน (รวมผู้อำ� นวยการส�ำนกั งานบังคับคดจี ังหวดั สาขา) ผเู้ ขยี นขอเสนอแนวทางแกไ้ ขปัญหาทง้ั สองกรณี
ทผี่ ู้ด�ำรงตำ� แหน่งผอู้ �ำนวยการส�ำนักงานบังคบั คดีจงั หวดั สาขา ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีราชการไดข้ า้ งตน้
โดยให้อธิบดีซ่งึ เป็นผ้มู ีอำ� นาจส่งั บรรจตุ ามมาตรา 57 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
อาศัยอำ� นาจตามมาตรา 68 แหง่ พระราชบญั ญตั ิดังกลา่ ว ออกคำ� สั่งกรมบังคบั คดี เรอ่ื งการรกั ษาการในตำ� แหนง่
เปน็ หลักการไวว้ า่ “ให้มีผู้อำ� นวยการส�ำนักงานบังคับคดีจังหวดั สาขา ประจ�ำส�ำนกั งานบังคับคดีจังหวดั
สาขา หน่งึ คน เมือ่ ผ้ดู ำ� รงตำ� แหนง่ ผู้อำ� นวยการส�ำนกั งานบงั คับคดีจังหวดั สาขา ไม่สามารถปฏบิ ัติหน้าท่รี าชการได้
ใหข้ ้าราชการต�ำแหน่งนติ ิกรทม่ี ีอาวุโสสงู สุด ในส�ำนักงาน บงั คบั คดจี ังหวดั สาขา เป็นผ้รู กั ษาการในต�ำแหน่งแทน
แตถ่ า้ ข้าราชการตำ� แหนง่ นติ ิกรท่ีมอี าวโุ สสงู สุด ในสำ� นักงานบงั คับคดีจงั หวดั สาขา นัน้ ไมส่ ามารถปฏิบตั ิ
หนา้ ท่ีราชการได้ ใหข้ ้าราชการตำ� แหนง่ นิติกร ท่มี ีอาวโุ สถัดลงมา ตามล�ำดบั ในสำ� นักงานบงั คับคดีจังหวดั
สาขา นั้น เป็นผรู้ กั ษาการในตำ� แหน่งแทน ในกรณีไมม่ ีผ้รู กั ษาการในตำ� แหนง่ ขา้ งตน้ อธบิ ดีกรมบงั คับคดี
จะสง่ั ให้ขา้ ราชการต�ำแหนง่ นิตกิ รทเ่ี หน็ สมควร จะเปน็ ผู้รักษาการในต�ำแหนง่ แทน จนกว่าผดู้ �ำรงตำ� แหนง่
ผูอ้ �ำนวยการส�ำนักงานบังคบั คดีจงั หวดั สาขา กลบั มาปฏิบัติราชการตามเดมิ ท้งั นี้ กรณดี งั กล่าวให้
ผู้อำ� นวยการ สำ� นกั งานบังคบั คดจี งั หวัด สาขา รายงานผู้บังคบั บญั ชา
ตามล�ำดับช้ันทราบตอ่ ไป”
โดยสรปุ จะเห็นไดว้ า่ บทความเรอื่ งน้ี
มุ่งแก้ไขปัญหาการปรับใช้กฎหมายที่
เก่ียวข้องกับการปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้
ถกู ตอ้ ง เป็นไปตามพระราชบญั ญตั ิระเบียบ
บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และ
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2551 และสอดคล้องตามหลกั กฎหมาย
มหาชนวา่ “ไม่มกี ฎหมาย ไม่มี อำ� นาจ” อกี ทัง้
ประสงค์ให้เกิดความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว
ย่ิงขึ้นในการบริหารจัดการ การดำ� เนินงาน
ของส�ำนกั งานบังคับคดีจงั หวัด สาขา ให้สามารถ
ปฏิบัติราชการ ไดอ้ ยา่ งต่อเนือ่ ง เพ่ือนำ� ไปสู่
ภาพลักษณ์ ขององค์กรทีม่ งุ่ สรา้ งความเปน็ เลศิ
6ประวีณ ณ นคร. พระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ.2551
สรปุ สาระสำ� คัญและคำ� อธิบายรายมาตรา. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนกั งาน ก.พ. 2551 หนา้ 100-101
39
กรมบงั คบั คดี กระทรวงยุตธิ รรม
HR Excellence
ในด้านการจัดองค์กร (HR Excellence) ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน เกดิ ผลสัมฤทธิต์ อ่ ภารกจิ
ของกรมบงั คบั คดีการบรหิ าร ส�ำนักงานบงั คบั คดจี งั หวัด สาขา มปี ระสิทธภิ าพ เกดิ ความค้มุ คา่ ในเชงิ ภารกจิ
ของกรมบงั คบั คดี ลดข้ันตอนการมอบหมายการปฏบิ ตั งิ าน เปน็ การกระจายอำ� นาจในการตดั สินใจ อำ� นวย
ความสะดวกให้แก่ประชาชนทม่ี าตดิ ตอ่ ราชการ หรือ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่
ในขณะเดียวกันเป็นการพฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรทจ่ี ะกา้ วข้ึน สู่ต�ำแหน่งท่ีสงู ขนึ้ ใหเ้ ปน็ ขา้ ราชการผูม้ ีฝมี ือ
เปน็ มอื อาชพี และมีสมรรถนะในการปฏบิ ตั ิราชการ เพื่อให้บรรลุถงึ เปา้ หมายและวิสัยทัศนข์ องกรมบงั คับคดี
ทว่ี ่า “บังคบั คดีด้วยความเปน็ ธรรม มงุ่ สู่องค์องค์ชั้นน�ำในระดับสากล บริการประชาชนอย่างมคี ุณภาพ”
สดุ ท้าย ผูเ้ ขียนขอขอบพระคุณพอ่ ทองคณู จ�ำปาเทศ และแมแ่ ล้ จ�ำปาเทศ ผใู้ ห้ก�ำเนิดและส่งเสรมิ
สนับสนนุ ให้ได้เรยี นกฎหมาย และขอบพระคณุ นางสาวสภุ าพ ระหงษ์ ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั งานบงั คับคดี
จังหวดั ล�ำปาง และนางสาวธัญวดี นงิ สานนท์ นิติกรช�ำนาญการ ผปู้ ระสทิ ธปิ ระสาทวชิ ากฎหมายเกย่ี วกบั
การบงั คับคดีแพง่ บงั คบั คดีลม้ ละลาย และการวางทรัพย์ และขอบพระคุณท่านศศิวิมล ธนศานติ
อดีตรองอธบิ ดกี รมบงั คับคดี และนางสาววิณนิ ทร สจุ ริ ตั นวมิ ล ผอู้ ำ� นวยการกองบังคับคดีล้มละลาย 6
ที่เปิดโอกาสให้ผ้เู ขียนเขา้ มารบั ราชการที่กรมบงั คบั คดี และขอบพระคณุ นางสาวศรัณยา เทียนเสรี
นิตกิ รช�ำนาญการพเิ ศษ ส�ำนกั งาน ก.พ. และนายอรรถโกวิท ชาวเหนอื ผู้อำ� นวยการสำ� นักงานบังคับคดี
จงั หวัดปตั ตานี และนายเรวัตร สกลุ ทรพั ยเ์ จรญิ ผู้อำ� นวยการสำ� นกั งานบงั คบั คดีจงั หวดั สพุ รรณบุรที ช่ี ว่ ยอา่ น
และตรวจสอบอีกทั้งให้ค�ำแนะน�ำแก่ผู้เขียนและขอบพระคุณทุกองค์ความรู้ที่ได้จากบทสนทนาที่ไม่อาจ
ระบชุ ื่อไดค้ รบถ้วน อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเขยี นบทความฉบับน้ี
40
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
พ...กลราะซยบิ ...
โดย...พลายบานเยน็
...สวสั ดคี รบั ...
พบกันอีกแลว้ นะครบั กบั ผมพลายบานเยน็
ฉบบั ประจำ� เดอื นพฤษภาคม ถงึ เดือนมถิ นุ ายน 2563
ถอื ไดว้ า่ เป็นชว่ งเดือนทก่ี ารจดั กิจกรรมดี ๆ
หลายอย่างเลยทเี ดียวครับ
มาเริม่ กันทก่ี ิจกรรมแรกกนั เลย เนอ่ื งในโอกาสวนั ตน้ ไม้ประจำ� ปีของชาติ กรมบงั คบั คดีจงึ ได้จดั
โครงการปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเน่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ภายใต้ชื่อ “รวมใจไทย ปลกู ตน้ ไม้ เพ่อื แผ่นดนิ ” เพอื่ เป็นการปลูกจติ สำ� นกึ ใหก้ บั เจา้ หน้าทไ่ี ด้เหน็ ความส�ำคัญ
ของการอนรุ ักษ์ และฟ้ืนฟูทรัพยากรปา่ ไม้ เพ่มิ พน้ื ทีส่ เี ขียว ช่วยปอ้ งกันและลดผลกระทบทีเ่ กดิ จากการ
เปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และลดมลภาวะจากฝนุ่ ละออง ณ บรเิ วณกรมบังคบั คดี
41
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
ตอ่ กนั ดว้ ยกิจกรรมทีภ่ าคภมู ิใจของเราชาวกรมบังคบั คดี นางอรัญญา ทองนำ้� ตะโก อธิบดกี รมบังคบั คดี
พร้อมดว้ ยนางสาวปนัดดา สินธุวสิ ทุ ธ์ รองอธิบดกี รมบงั คบั คดี และนางสาวศุภมาส อยวู่ ัฒนา ผู้อำ� นวยการ
กองบริหารทรัพยากรบคุ คล เข้ารับมอบรางวัลองคก์ รโปร่งใส ครงั้ ที่ 9 (NACC Integrity Awards) ประจ�ำ
ปี พ.ศ. 2562 โดยมีพลต�ำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจรติ แหง่ ชาติ และพลเอก บุณยวจั น์ เครือหงส์ กรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ
ให้เกยี รติมอบรางวัล และเกียรตบิ ัตร ณ หอ้ งนนทบุรี 1 อาคาร 4 สำ� นกั งานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ
ซึ่งการรบั รางวัลองคก์ รโปรง่ ใสในคร้ังนี้ กรมบังคบั คดไี ดร้ บั รางวัลชมเชยองคก์ รโปร่งใสตงั้ แตป่ ี
2559 - 2561 และรางวลั องคก์ รโปร่งใส ครัง้ ที่ 9 กรมบงั คับคดีเป็นหน่วยงานภาครฐั เพียงหนว่ ยงานเดียว
ท่ีได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใส จาก 1 ใน 7 องค์กร อีกดว้ ยครับ
42
กรมบังคบั คดี กระทรวงยุติธรรม
กจิ กรรมบริจาคโลหติ ภายใต้ชอ่ื โครงการ
“กรมบงั คบั คดี รวมพลงั ร่วมใจอาสาบริจาคโลหิต
เฉลมิ พระเกยี รตแิ ด่พระบรมวงศานวุ งศท์ กุ พระองค์”
ปิดท้ายกนั ดว้ ยอกี หนึ่งกิจกรรมดี ๆ เพอ่ื ส่วน
รวมท่ีกรมบังคบั คดี ได้จดั กจิ กรรมบริจาคโลหิต
ภายใตช้ ื่อโครงการ “กรมบังคับคดี รวมพลงั
รว่ มใจอาสาบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ
แด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์” ถวายเป็น
ราชสักการะ พระราชกศุ ลและเฉลมิ พระเกยี รติ
แด่พระบรมวงศานวุ งศ์ทุกพระองค์ รวมท้งั เป็น
Rh posivtei การสนับสนุนการจัดหาโลหิตของสภากาชาดไทย
ด้วยการน�ำโลหิตที่รับบริจาคไปจ่ายให้กับผู้ป่วย
ทั่วประเทศตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยไมห่ วงั
สงิ่ ตอบแทนเลยครบั
สุดท้ายนี้ก็ขอฝากทา่ นผูอ้ ่านทกุ ท่านตดิ ตาม
กิจกรรมดี ๆ ของเราในวารสารเลม่ ต่อไปด้วย
นะครับ
43
กรมบงั คับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
วงิ่นนาา่ นราู้
โดย... PR team
แล้วได้อะไร
(มากกวา่ ทีค่ ิด)
การวง่ิ คือการออกกำ� ลังกายประเภทหน่ึงท่ีทุกคนสามารถทำ� กนั ได้งา่ ย ๆ และเปน็ ทน่ี ยิ มอยา่ งมาก
ในยคุ สมยั น้ี คงไมม่ ีใครทีไ่ มเ่ ห็นด้วยว่าการวง่ิ น้ันชว่ ยให้สุขภาพของเราดแี ละแขง็ แรงข้นึ ซึ่งการวิ่งนอกจาก
จะได้สขุ ภาพรา่ งกายทีด่ แี ลว้ ก็ยงั ใหอ้ ะไรกับเราอีกมากมาย บางคนอยากลดนำ�้ หนกั เลยใชก้ ารวงิ่ จนสามารถ
เปลี่ยนชวี ติ ไปเลยกม็ ี บางคนจากสุขภาพไม่แข็งแรงแตพ่ อไดเ้ ร่ิมมาวง่ิ จากเดนิ แทบจะไม่ไหว ตอนนี้เปน็
นกั วง่ิ จบฟลู มาราธอนแลว้ กเ็ ยอะ วันนเ้ี ราลองมาดูกันครบั ว่าการวง่ิ จะไดอ้ ะไร (มากกวา่ ทคี่ ดิ ) อกี นะ
ไดค้ วามสุข ความเครียดหายไป..
เคยไหมครบั เมื่อไดอ้ อกไปวิง่ จะรสู้ กึ มีความสุข ผ่อนคลาย
วิ่งเพลนิ ๆ ฟงั เพลงคลอเบา ๆ ยิ่งถ้าเป็นชว่ งเช้าบรรยากาศดี ๆ
ท�ำให้ฟินมากมาย หากใครไม่ไดฟ้ งั เพลงก็ฟังเสียงธรรมชาติ
หรือเสียงนกร้องแทนก็รับรู้ได้ถึงความสุขได้เหมือนกัน
การวิ่งเพือ่ ให้มคี วามสขุ ลดความเครยี ดจ�ำเปน็ จะตอ้ งว่งิ
นานหนอ่ ยนะครบั ว่งิ เหยาะ ๆ ใหไ้ ด้สัก 30 นาทีขน้ึ ไป
ลองดูครบั เพอื่ น ๆ ไดผ้ ลยงั ไงมาบอกกันด้วยเด้อ
44
กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ไดเ้ หง่อื ..
นอกจากความสุขใจแล้วเรายัง
ไดค้ วามสุขกายเพิม่ มาดว้ ยนะครับ
เพราะการว่ิงชว่ ยให้ผวิ ดี ผิวสวยได้
แล้วมันชว่ ยยงั ไงละ่ ? กเ็ ม่ือเราว่ิง
จนท�ำให้มีเหง่ือออกจากร่างกาย
เหง่ือจะท�ำหน้าท่ีชะล้างสิ่งสกปรก
ในรูขมุ ขนออกมานัน่ เอง หลังว่ิง
เสร็จนั่งพักสักช่ัวโมงแล้วค่อยไป
อาบนำ�้ ครบั
ไดส้ มองทีไ่ วขึ้น..
หากใครทที่ �ำงานหนกั จนเครยี ด หรือชว่ งนี้หลง ๆ
ลมื ๆ รสู้ กึ เหมือนสมองช้า ๆ ให้เพ่อื น ๆ ลองออก
ไปว่งิ กันดคู รับ ถ้าอยากให้ผลดีควรวิ่งให้ไดส้ กั
30 นาที หรอื ประมาณ 5,400 ก้าว จะชว่ ยให้
สมองของเพอ่ื น ๆ ท�ำงานไดด้ ขี น้ึ มีการตอบโต้
รวดเร็ว แถมยังลดโอกาสเปน็ อัลไซเมอร์ด้วยนะ
ได้เผาผลาญไขมนั ต่อไปอีก 14 ช่ัวโมง..
เพ่อื น ๆ ร้หู รือไมค่ รบั หากเพือ่ น ๆ วง่ิ 45 นาที
นอกจากจะเกิดการเผาผลาญระหว่างการว่ิงแล้ว
เมื่อหยุดว่ิงร่างกายของเรายังสามารถเผาผลาญไขมัน
ต่อไปไดอ้ ีก 14 ชั่วโมงเลย คดิ เล่น ๆ ก็ประมาณ
190 กโิ ลแคลอรีเลยนะ ดีงามพระรามเก้าเลย
45
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม
ไดข้ อ้ ต่อท่ีแข็งแรงไม่เส่ือมง่าย.. วิ่งแลว้ ได้อะไร
ขอ้ นเี้ พื่อน ๆ นักว่ิงหน้าใหม่อาจจะเหน่ือยหนอ่ ย แตถ่ อื เป็นการฝึกที่ดแี ละคมุ้ ค่าเพราะต้องวงิ่ ใหไ้ ด้
สมำ่� เสมอสัปดาหล์ ะประมาณ 5 วนั และทสี่ �ำคญั จะตอ้ งวิ่งต่อเน่อื งอยา่ งนอ้ ย 1 ชัว่ โมงต่อวนั ครับ จริง ๆ
ก็ไม่นานเกินไปนะถา้ แลกกบั สิ่งท่จี ะไดม้ า สู้ ๆ ครับผม
ลดความดนั โลหิต..
ใครอยากได้สุขภาพท่ีดีข้ึนแนะน�ำให้วิ่งคร้ังละ
50 นาที จะวิ่งทกุ วันหรอื วันเวน้ วันกไ็ ดน้ ะครับ
ถา้ ทำ� ได้ตามน้ใี ชเ้ วลาประมาณ 4 สัปดาห์
ความดันโลหติ จะลดลง อยากจะชวนเพื่อน ๆ
ที่มีปัญหาความดันออกไปวิ่งกันครับเพ่ือ
สขุ ภาพที่ดี
46
กรมบงั คับคดี กระทรวงยุตธิ รรม
สรา้ งกล้ามเนอ้ื ..
คนวยั เลข 3 อยา่ พง่ึ ถอดใจ
มาฟืน้ ฟูกลา้ มเน้ือทล่ี ดลง
ไปกนั เถอะ เพอื่ น ๆ สามารถเรียกมนั คนื มาจากการ
ว่งิ ไดค้ รับ หาเวลาไปวิง่ ทุกวนั หยดุ ก็ยังดี ว่ิงคร้งั ละ
45 นาที แต่ถ้าเพือ่ น ๆ บอกวา่ แถมวนั ธรรมดาอีก
วันสองวันได้ไหม ตอบเลยว่า..จัดไปครบั
ลดคอเลสเตอรอล..
อย่างที่รู้กันดีนะครับว่าการวิ่งคือการลดคอเลสเตอรอล
อยา่ งพวกไขมนั เสยี ได้ดที ่ีสุด และยังเพ่มิ ไขมนั ดีขึ้นในรา่ งกาย
ของเราด้วย ถ้าจะท�ำให้ได้ผลดีแนะนำ� ให้วง่ิ วนั ละ 1 ชว่ั โมง
ทำ� ให้ได้ทุกวนั อาจจะใชเ้ วลานานหน่อย ประมาณ 2 เดอื น
ถงึ จะเห็นผลท่ชี ัดเจน ถา้ อยากลด คอเลสเตอรอล ก็อย่ารอช้า
พรงุ่ น้ี มาเร่มิ กนั เลย
ได้บุคลิกภาพทด่ี ี..
การวิง่ เปล่ยี นชวี ิตใครหลายคนมาไมน่ ้อย อย่างท่ีบอกวา่ จากคนอว้ น ๆ กลายมาเปน็
คนท่ีหนุ่ ดใี หเ้ ห็นกันก็มแี นน่ อนว่าเมื่อเราหมนั่ ออกก�ำลังกายเป็นประจำ� รา่ งกาย
ของเรายอ่ มกระชับ ห่นุ ฟิตเฟริ ์ม จะใสช่ ดุ ไหนก็ดดู ี มีบุคลกิ ภาพท่ีดีข้นึ ร้สู ึกตวั เบา
ท�ำอะไรก็กระฉับกระเฉงมากยิง่ ขึ้นอีกดว้ ย จริง ๆ แล้วสิง่ ท่ีได้จากการวิง่ กย็ งั
มอี กี มากมายนะครับ กข็ ึ้นอยกู่ บั บางคนด้วยอาจจะไดแ้ ตกต่างกนั ออกไป
การวิ่งเปน็ กจิ กรรมทีม่ ปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย แต่ก็ควรทำ� อย่างใจเยน็
ไม่ตอ้ งเรง่ นะครบั โดยเฉพาะนักว่ิงมอื ใหม่อยา่ รบี วง่ิ เร็วตามใคร
ควรก�ำหนดการวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง
หมนั่ ฝกึ ซ้อมบอ่ ย ๆ และทำ� ต่อเนอื่ ง อยา่ งสมำ่� เสมอ เพียงเทา่ นี้
กจ็ ะช่วยใหก้ ารวง่ิ ของเพ่อื น ๆ มีการพัฒนาสามารถว่ิงได้
ตามเปา้ หมายโดยไม่มีอาการบาดเจ็บมารบกวน ไม่วา่ เพอ่ื น ๆ
จะเป็นนักวิ่งหน้าเก่าหรือหน้าใหม่เราก็เริ่มต้นและรักในสิ่ง
เดียวกนั แลว้ เนอะ
47
กรมบังคบั คดี กระทรวงยตุ ธิ รรม
7 สญั ญาณอนั ตราย ควรหยดุ ออกกำ� ลงั กายทนั ที
1. เหนือ่ ยมากผดิ ปกติรับรู้ได้วา่ กำ� ลงั ฝืน
ขีดจำ� กดั ของร่างกายมากเกินไป
2. ใจเต้นรวั ผดิ ปกติ รสู้ กึ ถงึ ใจทเี่ ต้นแรง
และเรว็ มากกว่าการออกก�ำลงั กายครั้งไหนๆ
3. หายใจไมท่ ัว่ ท้อง หายใจขดั เปน็ ชว่ งๆ
4. เวียนศีรษะ หรอื ตาเรม่ิ พรา่ ลาย
5. คลนื่ ไส้ หนา้ มดื
6. เหงอื่ ออกมากเกนิ กว่าปกตแิ ละ/
หรือมอื เทา้ เยน็ เฉยี บ
7. เร่ิมร้สู กึ วา่ กำ� ลังจะไมไ่ ดส้ ติ
หากมีอาการดังกลา่ วเพยี ง 1 อาการ ควรหยดุ ออก
ก�ำลงั กาย แลว้ น่ังพักจนกว่าจะหายเหนื่อย หรือจนกว่า
ร่างกายจะเปน็ ปกติ
เม่อื คนเราออกก�ำลังกาย โดยหวังจะใหร้ ่างกายมี
สขุ ภาพทดี่ ี และแขง็ แรงข้นึ ดังน้นั การออกก�ำลังกายควร
มอบแตป่ ระโยชน์ ไม่ใชโ่ ทษ หากระหว่างออกกำ� ลงั กายมี
อาการทเ่ี ป็นสญั ญาณอนั ตรายต่อร่างกาย ควรรบี หยดุ
ออก กำ� ลังกายทนั ที กอ่ นทร่ี ่างกายจะไม่ไหว
จนเกิดอาการผดิ ปกติ
เครดติ ข้อมูล ว่ิงไหนดี : Wingnaidee
Sanook.com
48
กรมบังคับคดี กระทรวงยตุ ิธรรม