แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า ก คำนำ โรงเรียนทับกุงประชานุกูล ได้จัดทำแผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) เพื่อ ใช้ในการบริหารจัดการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานและ ขับเคลื่อนการบริหารจัดการศึกษา โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์หลักในการ ให้บริการ กลยุทธ์ ตัวชี้วัด และค่าเป้าหมายการดำเนินงาน ในระยะ 5 ปีที่มีสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี(พ.ศ.2561 – 2580) ยุทธศาสตร์แผนพัฒนาการศึกษา 20 ปี (พ.ศ.2561 – 2580) จุดเน้นนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการและยุทธศาสตร์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนใช้เป็นเครื่องมือใน การประสานงาน บูรณาการการทำงานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังใช้เป็นกรอบแนวทางในการ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล สูงสุดต่อการพัฒนาการศึกษา โรงเรียนทับกุงประชานุกูล ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือในการจัดทำ แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล จนสำเร็จลุล่วงไป ด้วยดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารฉบับนี้ จะเป็นแนวทางให้สถานศึกษาได้ใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จและเป็นที่น่าชื่นชมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป โรงเรียนทับกุงประชานุกูล เมษายน 2566
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ส่วนที่ 1 บทนำ - กฎหมาย แผน นโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้อง 2 - ข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล 2 - แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและส่งผลต่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน 7 - แนวโน้มเด็กและเยาวชนในอนาคต 13 - พระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา 15 - ผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สำคัญ 16 - สรุปประเด็นสำคัญที่พบจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม 19 ส่วนที่ 2 สาระสำคัญของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566-2570) ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล - วิสัยทัศน์ 27 - พันธกิจ 27 - เป้าประสงค์ 27 - กลยุทธ์ 27 ส่วนที่ 3 กํารขับเคลื่อนแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติ - แนวทางการบริหารแผนสู่การปฏิบัติ 33 - เงื่อนไขความสำเร็จ 33 ภาคผนวก - ภาคผนวก ก กฎหมาย ระเบียบ แผนที่เกี่ยวข้อง - ภาคผนวก ข แผนผังความเชื่อมโยงแผน 3 ระดับของประเทศ สู่แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) - ภาคผนวก ค รูปภาพประกอบการประชุมดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566-2570) - ภาคผนวก ง สำเนาคำสั่งที่เกี่ยวข้อง
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 1 ส่วนที่ 1 บทนำ การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการศึกษาที่จัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษาและเป็นรากฐาน การศึกษาของคนไทย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจเกี่ยวกับ การจัดและการส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 กำหนดให้สำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.2546 กำหนดบทบาท หน้าที่ไว้ดังนี้ 1) จัดทำนโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้องกับ นโยบาย มาตรฐานการศึกษา แผนการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานและความต้องการของท้องถิ่น 2) วิเคราะห์การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไปของสถานศึกษา และหน่วยงานในเขตพื้นที่ การศึกษา และแจ้งจัดสรรงบประมาณที่ได้รับให้หน่วยงานข้างต้นรับทราบและกำกับ ตรวจสอบ ติดตามการ ใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าว 3) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา 4) กำกับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และในเขตพื้นที่การศึกษา 5) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และรวบรวมข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา 6) ประสานการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล เพื่อส่งเสริมสนับสนุน การจัดและพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา 7) จัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา และประเมินผลสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา 8) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาของสถานศึกษาของเอกชน องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น รวมทั้งบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันอื่นที่ จัดรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา 9) ดำเนินการและประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา 10) ประสาน ส่งเสริมการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ และคณะทำงานด้านการศึกษา 11) ประสานการปฏิบัติราชการทั่วไปกับองค์กร หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ในฐานะสำนักงานผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการในเขตพื้นที่การศึกษา 12) ปฏิบัติหน้าที่อื่นเกี่ยวกับกิจการภายในเขตพื้นที่การศึกษาที่มิได้ระบุให้เป็นหน้าที่ของผู้ใด โดยเฉพาะ หรือปฏิบัติงานอื่นตามที่มอบหมาย ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 สอดคล้องกับทิศทางของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 2 ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนการศึกษาแห่งชาติ 20 ปี และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจและสังคม เพื่อประเทศไทยจะได้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และเพื่อให้สถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัดของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 นำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 - 2570) ของสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ไปใช้เป็นกรอบและแนวทางในการดำเนินงานต่อไป กฎหมาย แผน นโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้อง แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีกฎหมาย แผน นโยบายสำคัญ ที่เกี่ยวข้อง แสดงดังในภาพต่อไปนี้ ภาพ 1 กฎหมาย ยุทธศาสตร์ แผนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล สถานที่ตั้ง ชื่อโรงเรียน ทับกุงประชานุกูล ตั้งอยู่ 418 หมู่ 3 ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี รหัสไปรษณีย์ 41340 โทรศัพท์ - e-mail [email protected] website…https://data.bopp-obec.info/web/ home .php?School ID=1041680745 สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 เปิดสอน ตั้งแต่ระดับอนุบาลปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีเขตพื้นที่บริการ 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านทับกุงหมู่ 1
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 3 หมู่ 3 และหมู่ 11 บ้านคำดินดำหมู่ที่ 8 มีระยะทางจากโรงเรียนถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ประมาณ 35 กิโลเมตร และจากโรงเรียนถึงจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 40 กิโลเมตร ข้อมูลด้านอาคารสถานที่ 1. อาคารเรียนจำนวน 5 หลัง ประกอบด้วย 1.1 อาคารแบบป.1 พิเศษ จำนวน 1 หลัง 1.2 อาคารแบบ แบบ.สปช104/26 จำนวน 1 หลัง 1.3 อาคารแบบ สปช. 105 / 26 จำนวน 1 หลัง 1.4 อาคารแบบ สปช. 105/29 จำนวน 1 หลัง 1.5 อาคารแบบปอพิเศษ จำนวน 1 หลัง 2. อาคารอเนกประสงค์ จำนวน 2 หลัง ประกอบด้วย 2.1 แบบ สปช. 202/26 จำนวน 1 หลัง 2.2 แบบ สปช. 206/26 จำนวน 1 หลัง 3. บ้านพักครู จำนวน 4 หลัง ประกอบด้วย 3.1 แบบองค์การ จำนวน 1 หลัง 3.2 แบบกรมสามัญ จำนวน 1 หลัง 3.3 แบบ สปช. 301/26 จำนวน 1 หลัง 3.4 อาคารสำนักงาน อบต.เดิม จำนวน 1 หลัง 4. ห้องส้วม จำนวน 4 หลัง 22 ที่ 5. สนามกีฬา 4 สนาม ประกอบด้วย 5.1 สนามฟุตบอล จำนวน 1 สนาม 5.2 สนามบอลเลย์บอล จำนวน 3 สนาม 5.3 สนามตะกร้อ จำนวน 1 สนาม 5.4 ลามกีฬาอเนกประสงค์ จำนวน 1 สนาม 6. โรงอาหาร จำนวน 1 หลัง 7. ห้องสมุดได้รับการบริจาค จำนวน 1 หลัง 8. ห้องส่งเสียงตามสาย จำนวน 1 หลัง 9. ศาลาอำนวยการ จำนวน 1 หลัง 10. อาคารเรียนศูนย์เด็กเล็กทับกุง (เดิม) จำนวน 1 หลัง
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 4 เขตพื้นที่บริการ เขตบริการ ประกอบด้วยพื้นที่ 4 หมู่บ้าน คือ บ้านทับกุง หมู่ที่ 1 บ้านทับกุง หมู่ที่ 3 บ้านทับกุง หมู่ที่ 11 และบ้านคำดินดำ หมู่ที่ 8 อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ที่ตั้งสำนักงานอำนวยการ อยู่ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ (แบบ สปช.104/26) บ้านทับกุง หมู่ที่ 3 ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี รหัสไปรษณีย์ 41340 หมายเลขโทรศัพท์ 081-260-5396 อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับบ้านโนนเชียงค้ำ ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ทิศใต้ ติดต่อกับบ้านท่ายม ตำบลแสงสว่าง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับบ้านคำหว้าทอง ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับเทือกเขาภูพานน้อยและภูฝอยลม ลักษณะภูมิประเทศ สภาพส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มประมาณ 70 % ที่เหลืออีกประมาณ 30 % เป็นที่ราบสูงและพื้นที่ป่า สงวนแห่งชาติ ที่ดินมีสภาพเป็นดินร่วนปนทราย มีลำห้วยไหลผ่านหลายสาย เช่น ห้วยน้ำฆ้อง ห้วยถ้ำผึ้ง ห้วยขี้เหล็ก และห้วยวังแซว มีพื้นที่ทั้งหมด 18 ตารางกิโลเมตร มีประชากรรวมประมาณ 4,418 คน แผนที่เขตบริการโรงเรียนทับกุงประชานุกูล
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 5 ระยะทางจากโรงเรียนทับกุง ประชานุกูล ถึง ที่ว่าการอำเภอหนองแสง 1 กิโลเมตร ถึงสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาอุดรธานี เขต 2 32 กิโลเมตร และถึงตัวเมืองอุดรธานี 40 กิโลเมตร การคมนาคม ภายในเขตพื้นที่บริการทางการศึกษา สามารถเดินทางติดต่อกันได้สะดวกทุกฤดูกาล มีถนนลาดยาง ถนนคอนกรีต และถนนลูกรัง เชื่อมติดต่อกันทุกหมู่บ้าน สภาพเศรษฐกิจ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง ยางพารา เลี้ยง สัตว์และจะมีประชากรบางส่วนเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ประชากรมีรายได้เฉลี่ย ประมาณ 30,000 บาท/คน/ปี ศาสนาและวัฒนธรรมประเพณี ประชากรกว่าร้อยละ 99 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 1 นับถือศาสนาคริสต์และอิสลาม มีนิสัยรักสงบ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา มีการทำบุญตามประเพณีพื้นบ้านอีสาน ใช้ภาษาท้องถิ่นและภาษากลางในการสื่อสาร ผู้ปกครองส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 6 โครงสร้างการบริหารและจัดการศึกษา แผนงานวิชาการ แผนงานงบประมาณ แผนงานบุคลากร แผนงานบริหารทั่วไป -การพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา - การพัฒนากระบวน การเรียนรู้ - การวัดผล ประเมินผล และ เทียบ โอนผลการเรียน - การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษา - การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และ เทคโน โลยีทางการศึกษา - การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ - การนิเทศการศึกษา - การแนะแนวการศึกษา - การพัฒนาระบบการประกัน คุณภาพภายในสถานศึกษา - การส่งเสริมความรู้ด้าน วิชาการ แก่ชุมชน - การประสานความร่วมมือใน การ พัฒนาวิชาการกบัสถาน ศึกษาอื่น - การส่งเสริมและสนับสนุนงาน วิชาการแก่บุคคล ครอบครัว - การจัดทำและเสนอขอ งบประมาณ - การจัดสรรงบประมาณ - การตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผล และรายงาน ผลการใช้เงินและผลการ ดำเนินงาน - การระดมทรัพยากรและ การลงทุนเพื่อการศึกษา - การบริหารการเงิน - การบริหารบัญชี - การบริหารพัสดุและ สินทรัพย์ - การวางแผนอัตรากำลัง และ กำหนดตำแหน่ง - การสรรหาและการบรรจุ แต่งตั้ง - การเสริมสร้างประสิทธิ ภาพในการปฏิบัติราชการ - วินัยและการรักษาวินัย - การออกจากราชการ - การดำเนินงานธุรการ - การพัฒนาระบบและ เครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ - การประสานและพัฒนา เครือข่ายการศึกษา - การจัดระบบการบริหารและ พัฒนาองค์กร - งานเทคโนโลยีสารสนเทศ - การจัดสถานที่และ สภาพแวดล้อม - การจัดทำสำมะโนผู้เรียน - การรับนักเรียน - การระดมทรัพยากร - ส่งเสริมกิจการนักเรียน - การประชาสัมพันธ์ - การส่งเสริม สนับสนุน และ ประสานงานการศึกษาของ บุคคล ชุมชน องค์กร หน่วยงาน และสถาบัน สังคม อื่นที่จัด การศึกษา ผู้อ ำนวยกำรโรงเรียน คณะกรรมกำรสถำนศึกษา รองผู้อ ำนวยกำร ครูและบุคลำกรฯ
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 7 องค์กร หน่วยงานและสถาบัน อื่น ที่จัดการศึกษา - งานประสานราชการกับเขต พื้นที่การศึกษาและหน่วยงาน อื่น - การจัดระบบการควบคุม ภายในหน่วยงาน - งานบริการสาธารณะ - งานอื่นๆที่ไม่ได้ระบุไว้
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 6 ตารางที่ 7 ข้อมูลด้านการศึกษา ข้อมูลนักเรียน ปัจจุบันโรงเรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนนักเรียน(ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 65) ดังนี้ 1) จำนวนนักเรียนในเขตพื้นที่บริการทั้งหมด 388 คน 2) จำนวนนักเรียนจำแนกตามระดับชั้นที่เปิดสอน ระดับชั้น จำนวน ห้องเรียน จำนวนเด็ก/ผู้เรียน ปกติ(คน) จำนวนเด็ก/ผู้เรียนที่มี ความต้องการพิเศษ (คน) รวม ชาย หญิง ชาย หญิง อนุบาล 1 1 6 4 - - 10 อนุบาล 2 1 11 9 - - 20 อนุบาล 3 1 12 19 - - 31 รวม 3 29 32 - - 61 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 1 15 13 - - 28 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 1 13 21 - - 34 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 1 16 15 - - 31 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 1 21 14 - - 35 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2 19 24 - - 43 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 1 16 20 - - 36 รวม 7 100 107 - - 207 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2 16 21 - - 37 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2 28 21 - - 49 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2 23 22 - - 45 รวม 6 67 64 - - 131 รวมทั้งสิ้น 17 196 203 - - 399 3) มีนักเรียนที่มีความบกพร่องเรียนร่วม 196 คน 4) มีนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ 53 คน 5) มีนักเรียนปัญญาเลิศ 21 คน 6) มีนักเรียนต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 6 คน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 7 7) จำนวนนักเรียนต่อห้อง ( เฉลี่ย ) 23 คน 8) อัตราส่วนครูต่อนักเรียน 14 คน 9) จำนวนนักเรียนที่ลาออกกลางคัน ( ปีปัจจุบัน) ไม่มี แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและส่งผลต่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร สถานการณ์โครงสร้างประชากรในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 มีสัดส่วนผู้สูงอายุเกินร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศและจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ โดยมีสัดส่วนผู้สูงอายุ มากกว่าร้อยละ 20 ในปี พ.ศ. 2566 และคาดว่าจะมีสัดส่วนร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2576 ตามผลการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย ในข้อสมมุติภาวะเจริญพันธุ์ระดับปานกลาง (Medium Fertility Assumption) ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คาดประมาณประชากร ของประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป) ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2566 - 2570 มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี รายละเอียดตามตารางดังต่อไปนี้ ตาราง 1 : การคาดประมาณประชากรของประเทศไทย (จำแนกกลุ่มอายุ) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 - 2570 ปี พ.ศ. กลุ่มอายุ 2566 2567 2568 2569 2570 จำนวน (พันคน) ร้อย ละ จำนวน (พันคน) ร้อย ละ จำนวน (พันคน) ร้อย ละ จำนวน (พันคน) ร้อย ละ จำนวน (พันคน) ร้อย ละ 0 - 59 ปี 53,421 79.83 53,001 79.09 52,554 78.33 52,081 77.56 51,578 76.78 60 ปีขึ้นไป 13,500 20.17 14,013 20.91 14,535 21.67 15,066 22.44 15,598 23.22 รวม 66,921 100 67,014 100 67,089 100 67,147 100 67,176 100 หมายเหตุคำนวณร้อยละจากรายงานการคาดประมาณประชากรชองประเทศไทย พ.ศ. 2553 -2583 (ฉบับปรับปรุง), สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2562 ซึ่งภาวะประชากรสูงอายุในประเทศไทยดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการที่คนไทยมีอายุยืนมากขึ้น ประกอบกับการลดลงของภาวะเจริญพันธุ์หรือการเกิดน้อยลง ส่งผลให้ประชากรวัยเด็กหรือประชากรวัยเรียน มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง การเป็นสังคมสูงวัยส่งผลให้อัตราการพึ่งพิงสูงขึ้น กล่าวคือ วัยแรงงานต้องแบกรับ ภาระการดูแลผู้สูงวัยเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การพัฒนาประเทศให้มีความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องเตรียมกำลังคนให้มีสมรรถนะเพื่อสร้างผลิตภาพ (Productivity) ที่สูงขึ้น การจัดการศึกษา จึงต้องวางแผนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีทักษะและสมรรถนะสูง และปรับหลักสูตรการเรียน การสอนให้บูรณาการกับการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยเพียงพอ ต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 8 ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและดิจิทัลอย่างรวดเร็ว (Digital Disruption) เป็นการเปลี่ยนแปลง สังคมไปสู่สังคมดิจิทัลส่งผลต่อการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีแนวโน้มที่การจัดการศึกษาจะเปลี่ยนไป โดยการเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา ซึ่งสถานศึกษาต้องปรับตัวให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เพื่อสร้าง ความสัมพันธ์กับสังคมและองค์กรภายนอก รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่ทันต่อ การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสามารถตอบสนองต่อความต้องการ ของผู้เรียนรายบุคคล โดยการนำเทคโนโลยีและสื่อต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับการเรียนการสอน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน ทั้งนี้ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีจะทำให้เข้าสู่สังคมดิจิทัลที่มีการ เสริมบทเรียนโดยสร้างสถานการณ์จำลอง ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) และโลกเสมือนจริง (Metaverse) ดังนั้น การจัดการศึกษาของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายการพัฒนา การ วางแผน และการสร้างทักษะพื้นฐานที่จำเป็นของทรัพยากรมนุษย์ที่จะศึกษาต่อในระดับต่าง ๆ หรือเข้าสู่ ตลาดแรงงาน หรือต้องปรับหลักสูตรและวิธีการจัดการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่น มีความหลากหลาย เพื่อ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลในปัจจุบันและ อนาคต การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยประชากรวัยเรียน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประชากร Generation Z หรือ Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2539 - 2553) ที่ดำเนิน ชีวิตประจำวันพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะทำให้สามารถเข้าถึงสื่อสังคม ออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้รูปแบบใหม่ เช่น ระบบการเรียนรู้แบบเคลื่อนที่ ผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Learning) การเรียนรู้ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่มีเนื้อหากระชับและตรงประเด็น (Micro-Learning) การเรียนผ่านสื่อวีดีทัศน์ (Video-Based Learning) และการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยเกม (Gamification) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง มากขึ้น จึงมีช่องทาง ในการแสวงหาความรู้ที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาจากสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตของ ประชาชนอายุ 6 ปีขึ้นไปของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 - 2563 จะเห็นได้ว่า อัตราการเข้าถึงและการใช้ อินเทอร์เน็ตของประเทศไทยมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 5 ปี รายละเอียดดังภาพต่อไปนี้ ภาพ 2 : สถิติการใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 - 2563 47.5% 52.9% 56.8% 60.8% 66.7% 77.8% 0 20 40 60 80 100 2559 2560 2561 (Q1) 2561 (Q4) 2562 2563 สถิติการใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 - 2563
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 9 ที่มา : สรุปผลที่สำคัญ สำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2563 ของสำนักงาน สถิติแห่งชาติ, 2564, นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยียังทำให้การเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในระบบห้องเรียน แบบเดิมเท่านั้น เพราะ ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งในการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้มีมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนสำคัญในการเริ่มต้น การใช้ระบบการเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะ Massive Open Online Course หรือ MOOC เป็นบริการ บทเรียนออนไลน์แบบเปิดที่ให้บริการฟรีเป็นส่วนใหญ่ โดยในประเทศไทยมีโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (Thailand Cyber University : TCU) เป็นผู้เริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม Thai MOOC ในปี พ.ศ. 2556 ทำให้เป็น แหล่งเรียนรู้แบบตลาดวิชาออนไลน์ที่ได้สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำมาช่วยพัฒนาหลักสูตร และมุ่งเน้นการเรียนการ สอนสำหรับกลุ่มคนขนาดใหญ่แบบเสรีในการเลือกเรียนรายวิชาต่าง ๆ โดยสามารถรองรับผู้เรียนได้จำนวน มาก และสามารถเรียนรู้ระยะทางไกลผ่านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเนื้อหายังเป็นเนื้อหาแบบเปิดที่ไม่ว่า บุคคลใดก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ โดยความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 598 แห่ง ที่มีรายวิชากว่า 631 รายวิชา จำแนกเป็นหมวดหมู่ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2565) ได้ดังนี้ 1) การศึกษาและการฝึกอบรม จำนวน 75 รายวิชา 2) อาหารและโภชนาการ จำนวน 9 รายวิชา 3) คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จำนวน 16 รายวิชา 4) คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 รายวิชา 5) ทักษะชีวิตและการพัฒนา ตนเอง จำนวน 64 รายวิชา 6) ธุรกิจและการบริหารจัดการ จำนวน 120 รายวิชา 7) ภาษาและการสื่อสาร จำนวน 42 รายวิชา 8) วิศวกรรมและสถาปัตยกรรม จำนวน 22 รายวิชา 9) ศิลปวัฒนธรรมและศาสนา จำนวน 30 รายวิชา 10) สังคม การเมืองการปกครอง จำนวน 28 รายวิชา 11) สุขภาพและการแพทย์ จำนวน 55 รายวิชา 12) เกษตรและสิ่งแวดล้อม จำนวน 27 รายวิชา 13) อื่น ๆ จำนวน 23 รายวิชา โดยมีอัตราการลงเรียนรายวิชาธุรกิจมากที่สุด ที่ร้อยละ 20.4 รายวิชาเทคโนโลยีเป็นอันดับที่สอง ร้อยละ 19.3 และรายวิชาสังคมศาสตร์เป็นอันดับที่ 3 ร้อยละ 11.4 รายละเอียดดังภาพต่อไปนี้
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 10 ภาพ 3 : แสดงจำนวนอัตราการลงเรียนหลักสูตร MOOC ในประเทศไทย ที่มา : The Report by class central อ้างถึงใน Lifelong Learning Focus ของสถาบันอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), 2564 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้ สังคม วัฒนธรรม สหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้คาดการณ์ว่าโลกจะเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Age Society) ในปี พ.ศ. 2593 ส่วนประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 และคาดว่า จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Complete aged Society) ภายในปี พ.ศ. 2566 ทำให้มีสัดส่วน ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำลังแรงงานในตลาดแรงงานลดลงจนส่งผลให้เกิดการพึ่งพา แรงงานข้ามชาติมากขึ้น นำไปสู่การเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งภายในและระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้รูปแบบ ของสังคมไทยปรับเปลี่ยนไปสู่สังคมพหุวัฒนธรรม (Multicultural Society) นอกจากนั้น อัตราการเกิดที่ ลดลงของประชากรไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชากร Generation Y หรือ Gen Y ที่มีสุขภาพดีและอยู่ในวัยที่ เหมาะสมต่อการสร้างครอบครัวมีอัตราการให้กำเนิดลดลง เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดที่มีความต้องการ จะเป็นครอบครัวเดี่ยว โดยการใช้ชีวิตคนเดียว ด้วยการมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้นและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ อีกทั้ง การที่คนในสังคมมีพฤติกรรมเสพติดสมาร์ทโฟน ทำให้ขาดความกระตือรือร้นและเอาใจใส่ ต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และการเกิดความสับสนในตัวเอง ที่มีทั้งตัวตนที่แท้จริง กับตัวตนเสมือน ในโลกออนไลน์ เกิดเป็นสังคมก้มหน้า (Social Ignorance) ดังนั้น การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงต้องวางแผนในการรองรับผลกระทบจากประชากรวัยเรียนที่ลดลง รวมถึงการวางพื้นฐานในการพัฒนา การศึกษา เทคโนโลยี ธุรกิจ สังคมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สาธารณสุข อัตราการลงเรียนหลักสูตร MOOC (แบ่งตามรายวิชา)
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 11 ทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะและสมรรถนะสูง เพิ่มเติมทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม และการส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านการพัฒนาการศึกษา เพื่อลดอัตราการพึ่งพิง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และเป็น กลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศเป็นสัดส่วนสูง ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลต่อตลาดแรงงานและตลาดการศึกษา เนื่องจากการกำหนดลักษณะของแรงงานที่ ต้องการ อาทิเศรษฐกิจใหม่ จะแข่งขันกันด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น การศึกษาต้องพัฒนาคนให้มีทักษะ ที่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ที่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ การเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า และเงินลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ต้องลดการกีดกันการแข่งขันเท่านั้น ยังต้องแข่งขันกันด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งต้องอาศัยแรงงานที่มีฝีมือ มีทักษะความสามารถที่หลากหลาย เช่น ความรู้ด้านเทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ การบริหาร ฯลฯ ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จะพัฒนาคนให้มีความรู้ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ ที่จะเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต สู่การมีงานทำในสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในปี 2565 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7 - 3.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของการบริโภค จากภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออกสินค้าจะขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หนี้สินครัวเรือนจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงตามความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังคงมีความรุนแรง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว จึงทำให้รายได้ครัวเรือนยังไม่กลับสู่ภาวะปกติส่งผลให้ผู้บริโภคมีความกังวลและชะลอการก่อหนี้ อย่างไรก็ตาม หนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีผลกระทบมาจาก ภาระค่าครองชีพที่อาจกดดันให้ครัวเรือนมีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้ม ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต สิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น พื้นที่น้ำแข็งในทะเล อาร์คติกลดลงในระดับต่ำสุด และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมีความเข้มข้นสูงขึ้น เกิดภัยพิบัติ ทางธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก เช่น การเกิดคลื่นความร้อน อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย ภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมลพิษทางน้ำที่เพิ่มขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่า สัตว์ป่า
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 12 และความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ ของมนุษย์ทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยประเทศต่าง ๆ ได้ใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุม การเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนออกจากบ้านน้อยลง และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ชะลอตัว ทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง ในขณะที่การใช้วัสดุที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเพิ่มขึ้น รวมถึงขยะมูล ฝอยติดเชื้อมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้งนี้ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย มีทิศทางการพัฒนาไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยการดำเนินงานตามอนุสัญญาและข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง ประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีมาตรการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมด้านการเงินการคลัง รวมถึงการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่นำไปบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คิดเป็นร้อยละ 2.19 ของงบประมาณทั้งหมด สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ปรากฏขึ้นมากมาย สำหรับประเทศไทยมีการ เกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่อยู่เป็นระยะ ๆ เช่น โรคซาร์ส (SARS) ในปี พ.ศ. 2546 โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza) ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2551 โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ชนิด เอ H1N1 และปัจจุบัน คือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) และโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ซึ่งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน โดยทำให้เกิดการปรับตัวในการดำเนินชีวิตในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้แก่ การเว้นระยะห่าง ทางสังคม (Social Distancing) การลดความเสี่ยงจากการชุมนุม หรืออยู่ในสถานที่สาธารณะกับผู้อื่น เป็นจำนวนมาก การปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from Home) การสวมใส่หน้ากากอนามัย การใช้แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดอย่างเป็นประจำ การออกกำลังกายและการทำประกันสุขภาพ จะมีแนวโน้มมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ การประชุมทางไกลผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ การทำงานจากที่พักอาศัยและการซื้อ-ขายสินค้าในรูปแบบ ออนไลน์ รวมถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบออนไลน์ สำหรับในด้านการศึกษามีการปรับรูปแบบ การเรียนการสอนเป็นแบบเรียนออนไลน์ การสอนทางไกล การใช้เทคโนโลยีในการเรียน การสอน การเกิดความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาช่องทางการเรียน รู้แบบใหม่ สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาในช่วงเวลาวิกฤต นอกจากนี้ สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำส่งผลกระทบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งเป็นสถานที่มีนักเรียนอยู่รวมกัน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 13 เป็นจำนวนมาก ถ้าหากมีระบบการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพจะทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในกลุ่มนักเรียน ฉะนั้น หากมีการระบาดในกลุ่ม นักเรียนขึ้น จะมีผลกระทบในสังคมหรือผู้ใกล้ชิด เช่น ครู ผู้ปกครอง รวมถึงผู้สูงอายุที่สามารถติดเชื้อจาก กลุ่มนักเรียนได้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาวะด้านสาธารณสุขให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเติบโต เป็นทรัพยากรของชาติในอนาคต จึงต้องจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ภายใต้แนวคิด “ล้มแล้วลุกไว” (Resilience) ได้แก่ 1) การพร้อมรับ (Cope) การปรับตัว (Adapt) และการเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน (Transform) เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ จากการเปลี่ยนแปลงในสภาวการณ์ด้านต่าง ๆ ข้างต้น นอกจากจะส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ยังส่งผลถึงการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อการพัฒนาการจัดการศึกษาด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งศึกษา ปรับเปลี่ยน และพัฒนารูปแบบ แนวทางและมาตรการในการจัดการศึกษาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แนวโน้มเด็กและเยาวชนในอนาคต สังคมโลกในศตวรรษที่ 21 มีความแตกต่างจากในอดีตมาก มีการเคลื่อนย้ายผู้คน สื่อเทคโนโลยี และทรัพยากรต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็วและสะดวก มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครองระหว่างภูมิภาค ประเทศ สังคมและชุมชน มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงของความรู้ และข้อมูลข่าวสารตลอดเวลาอย่างเป็นพลวัต แนวโน้มเด็กและเยาวชนในอนาคตจึงควรมีทักษะ และคุณลักษณะ ดังนี้ ทักษะที่จำเป็นของประชากรในศตวรรษที่ 21 ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ทักษะสำคัญที่เด็กและเยาวชนควรมี คือ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3Rs และ 8Cs ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้ - 3Rs ได้แก่ อ่านออก (Reading) เขียนได้ (W)Riting และคิดเลขเป็น (A)Rithemetics - 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ( Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ ( Cross-cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills) และมีความเมตตากรุณา มีคุณธรรมและระเบียบวินัย (Compassion)
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 14 ทักษะทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กและเยาวชนในยุคการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างมาก ซึ่งมีความแตกต่างจากการเรียนรู้ในอดีต เพื่อส่งผลให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีคุณภาพ มากยิ่งขึ้น คุณลักษณะ ค่านิยมร่วม ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education , DOE Thailand) โดยมีค่านิยมร่วม ได้แก่ ความเพียรอันบริสุทธิ์ ความพอเพียง วิถีประชาธิปไตย ความเท่าเทียมเสมอภาค มีคุณธรรมที่เป็นลักษณะนิสัยและคุณธรรมพื้นฐานที่เป็นความดีงาม และ 3 คุณลักษณะที่คาดหวัง หลังสำเร็จการศึกษาแต่ละระดับ ได้แก่ 1) ผู้เรียนรู้ เป็นผู้มีความเพียร ใฝ่เรียนรู้ และมีทักษะการเรียนรู้ตลอด ชีวิตเพื่อก้าวทันโลกยุคดิจิทัลและโลกในอนาคต และมีสมรรถนะ (Competency) ที่เกิดจากความรู้ ความรอบรู้ด้านต่าง ๆ มีสุนทรียะ รักษ์และประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิต เพื่อสร้างงานหรือ สัมมาอาชีพ บนพื้นฐานของความพอเพียง ความมั่นคงในชีวิต และคุณภาพชีวิตที่ดีต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม 2) ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ 21 ความฉลาดดิจิทัล (Digital Intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณาการข้ามศาสตร์ และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี หรือสังคม เพิ่มโอกาสและมูลค่าให้กับตนเอง และสังคม 3) พลเมืองที่เข้มแข็ง เป็นผู้มีความรักชาติรักท้องถิ่น รู้ถูกผิด มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บนหลักการประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและประชาคมโลกอย่างสันติ และได้จำแนกผลลัพธ์ ที่พึงประสงค์ตามระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ดังนี้ ตาราง 2 : ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา (คุณลักษณะของคนไทย 4.0) คุณลักษณะ ปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้เรียนรู้ มี พัฒนาการ รอบด้าน และ สมดุล สนใจ เรียนรู้ และ รักและรับผิดชอบต่อการ เรียนรู้ ชอบการอ่าน มี ความรู้พื้นฐาน ทักษะและ สมรรถนะทางภ าษา การคำนวณ มีเหตุผล มี นิสัยและสุขภาพที่ดี มี สุนทรียภาพในความงาม รอบตัว รู้จักตนเองและผู้อื่น มี เป้าหมายและทักษะการ เรียนรู้ บริหารจัดการตนเอง เป็น มีทักษะชีวิตเพื่อสร้าง ส ุ ขภาวะ และสร้างงาน ที่เหมาะสมกับช่วงวัย ชี้นำการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีทักษะการเรียนรู้ตลอด ชีวิตมีความรอบรู้ และรู้ทัน การเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนา สุขภาวะ คุณภาพชีวิตและ อาชีพ
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 15 คุณลักษณะ ปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย ผู้ร่วม สร้างสรรค์ นวัตกรรม กำกับ ตัวเองให้ ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ เหมาะสม ตามช่วง วัยได้ สำเร็จ รับผิดชอบในการทำงาน ร่วมกับผู้อื่น มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะทาง เทคโนโลยีดิจิทัล การคิด สร้างสรรค์ ภาษาอังกฤษ การสื่อสาร และความรู้ ด้านต่าง ๆ มีทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร รอบรู้ทาง ข้อมูลสารสนเทศ และดิจิทัล เพ ื ่ อแก ้ ป ั ญหาก า ร คิ ด วิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์นำ ความคิดสู่การสร้างผลงาน สามารถแก้ปัญหา สื่อสารเชิง บวก ทักษะข้ามวัฒนธรรม ทักษะการสะท้อนการคิด การวิพากษ์ เพื่อสร้าง นวัตกรรม และสามารถเป็น ผู้ประกอบการได้ พลเมืองที่ เข้มแข็ง แยกแยะผิดถูก ปฏิบัติตน ตามสิทธิและหน้าที่ของ ตน โดยไม่ละเมิดสิทธิของ ผู้อื่น เป็นสมาชิกที่ดีของ กลุ่ม มีจิตอาสา รัก ท้องถิ่นและประเทศ เชื่อมั่นในความถูกต้อง ยุติธรรม มีจิตประชาธิปไตย มี สำนึกและภาคภูมิใจในความ เป็นไทยและพลเมืองอาเซียน เชื่อมั่นในความเท่าเทียม เป็นธรรม มีจิตอาสา กล้า หาญทางจริยธรรมและเป็น พลเมืองที่กระตือรือร้น ร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืน พระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน ดังนี้ 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีความรู้ความเข้าใจที่มีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัวและชุมชนของตน 2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-มีคุณธรรม รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด-ชอบ/ชั่ว-ดี ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบที่ดีงาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว และช่วยกันสร้าง คนดีให้แก่บ้านเมือง 3. มีงานทำ - มีอาชีพ การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัว หรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชน รักงาน สู้งาน ทำจนงานสำเร็จ การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียน ทำงานเป็น และมีงานทำในที่สุด และต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตรมีอาชีพ มีงานทำ จนสามารถเลี้ยงตัวเอง และครอบครัว 4. เป็นพลเมืองดี
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 16 การเป็นพลเมืองดี เป็นหน้าที่ของทุกคน ครอบครัว-สถานศึกษาและสถานประกอบการต้องส่งเสริม ให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดี คือ “เห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ” เช่น งานอาสาสมัคร งานบำเพ็ญประโยชน์ งานสาธารณกุศลให้ทำด้วยความมีน้ำใจ และความเอื้ออาทร ผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่สำคัญ ผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ผ่านมา สรุปได้เป็น 4 ด้าน คือ ด้านความปลอดภัย ด้านโอกาส ด้านคุณภาพ และด้านประสิทธิภาพ รายละเอียดดังนี้ ด้านความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ระบุจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติภัยในโรงเรียน 7 จุดเสี่ยงได้แก่ สนามเด็กเล่น สนามกีฬา สระน้ำ/บ่อน้ำ อาคารเรียน ประตู/รั้วโรงเรียน ลานจอดรถ ถนนหน้าโรงเรียน นอกจากนี้ จากข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชนบ่อยครั้ง พบว่ามีเด็กนักเรียน และบุคลากร ถูกละเมิด เด็กนักเรียนถูกรังแก รวมถึงภัยอื่น ๆ เช่น ภัยยาเสพติด จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่หน่วยงาน ที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องคำนึงถึงการพัฒนาความปลอดภัยเพื่อให้บุคลากรและนักเรียนมีสวัสดิภาพ และสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ด้านโอกาส ประชากรวัยเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีโอกาสได้รับการศึกษาสูงขึ้นในระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา จากร้อยละ 89.0 เป็นร้อยละ 91.6 เมื่อพิจารณาจำนวนนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใน ระบบ เปรียบเทียบกับจำนวนประชากรวัยเรียน พบว่าร้อยละของนักเรียนต่อประชากรวัยเรียนระดับก่อน ประถมศึกษาสูงขึ้น จากร้อยละ 74.9 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 78.7 ในปี 2563 และมัธยมศึกษาตอนปลาย สูงขึ้นมาก จากร้อยละ 63.8 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 80.6 ในปี 2563 นอกจากนี้ระดับประถมศึกษามีร้อยละ ของนักเรียนสูงกว่าประชากรวัยเรียนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีข้อสังเกตสำหรับร้อยละของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นในปี 2563 ลดลงจากปี 2558 แสดงเป็นภาพได้ดังนี้ ตาราง 3 : จำนวนนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในระบบเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรวัยเรียน ระดับการศึกษา 2548 2553 2558 2563 ก่อนประถมศึกษา 74.9 76.0 73.8 78.7 ประถมศึกษา** 104.2 104.3 102.4 101.2 มัธยมศึกษาตอนต้น 95.4 98.0 98.7 95.3 มัธยมศึกษาตอนปลาย 63.8 71.7 78.4 80.6 รวมระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 89.0 90.5 91.0 91.6
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 17 ที่มา : ประมวลจากตารางที่ 1.1 จำนวนร้อยละของนักเรียน นิสิต นักศึกษาในระบบโรงเรียนต่อประชากรใน วัยเรียน จำแนกตามระดับการศึกษา ปีการศึกษา 2545-2563 สืบค้นเมื่อ 10 สิงหาคม 2565 จาก https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3508 ผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) ในกิจกรรมปฏิรูปที่ 1 การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย มีความท้าทายจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เกิดสภาวะความยากจนเฉียบพลัน ส่งผล ให้เด็กและเยาวชนจำนวนหนึ่งมีความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษายิ่งขึ้น จึงควรมีการพิจารณาปรับ กิจกรรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมุ่งเน้นมาตรการป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบ ซึ่งตรงกับความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมายเฉพาะยิ่งขึ้น ด้านคุณภาพ คุณภาพของคนไทยยังเป็นอุปสรรคต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งเรื่องพัฒนาการและสติปัญญา การมีทักษะความรู้ความสามารถไม่เพียงพอที่ส่งผลต่อผลิตภาพ กลุ่มเด็กอายุ 3- 5 ปีส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานศึกษาที่ยังมีปัญหาด้านคุณภาพและมาตรฐาน กลุ่มเด็กวัยเรียน ของไทยส่วนใหญ่ มี IQ ที่ต่ำกว่าค่ากลางมาตรฐานสากล ขณะที่ EQ มีคะแนนเฉลี่ยที่ต่ำกว่าระดับปกติ ผลการทดสอบ O-NET ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนใหญ่ได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ประจำปี พ.ศ. 2564 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) และ วิทยาศาสตร์ ตามลำดับ โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 49.54 , 35.85 , 35.46 , 33.68 ตามลำดับ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ วิทยาศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) และคณิตศาสตร์ ตามลำดับ โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 52.13 , 31.67 , 30.79 , 24.75 ตามลำดับ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ (อังกฤษ) และ คณิตศาสตร์ตามลำดับ โดยมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 47.74 , 37.45 , 29.04 , 25.83 , 21.83 ตามลำดับ รายละเอียดดังนี้
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 18 ตาราง 4 :ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2564 ระดับสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ รวม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 49.54 35.85 33.68 N/A 35.46 38.63 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 52.13 24.75 31.67 N/A 30.79 34.84 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 47.74 21.83 29.04 37.45 25.83 32.38 ที่มา : สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตัวชี้วัดด้านการศึกษาจากดัชนีของสถาบันเพื่อพัฒนาการจัดการนานาชาติ ในปี พ.ศ. 2565 ดัชนีของสถาบันเพื่อพัฒนาการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ได้จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยจาก 63 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยมีอันดับลดลงเป็นอันดับที่ 33 จากเดิมอันดับที่ 28 ซึ่งตัวชี้วัด ด้านการศึกษา เป็นหนึ่งหมวดสำคัญในปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานมี 19 ตัวชี้วัด แหล่งข้อมูลมากจาก ทั้งการสำรวจและข้อมูลที่เป็นสถิติหรือทุติยภูมิ ซึ่งตัวชี้วัดด้านการศึกษาดีขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 3 อันดับ โดยพบว่าตัวชี้วัดด้านที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีอันดับสูงที่สุดคือ อัตราส่วนนักเรียน ต่อครู 1 คนที่สอนระดับประถมศึกษา โดยมีตัวชี้วัดด้านการศึกษาที่ยังต้องให้ความสนใจ ทั้งงบประมาณ ด้านการศึกษาอัตราการเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ (TOEFL) อัตราส่วน นักเรียนต่อครูที่สอนระดับมัธยมศึกษา ผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 12 การพัฒนาการเรียนรู้ ซึ่งมีประเด็นท้าทาย ได้แก่ ทรัพยากรของโรงเรียนโดยเฉพาะในพื้นที่ ห่างไกล สมรรถนะและคุณภาพของครูผู้สอน ทักษะการจัดการเรียนการสอนผ่านสื่อดิจิทัล ความพร้อม ของอุปกรณ์การเรียน ที่ขาดแคลนอุปกรณ์สื่อสารหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ การขาดความเข้าใจถึงความหลากหลายของพหุปัญญาของเด็กแต่ละคนที่ต่างกัน การขาดการจัดเก็บข้อมูล และตัวชี้วัดที่สะท้อนผลลัพธ์ที่เหมาะสมและชัดเจน นอกจากนี้ ผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) ในกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ ฐานสมรรถนะ เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้สถานศึกษาต้องปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ บางกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดเวลา เกิดข้อจำกัดในการถ่ายทอดองค์ความรู้การจัดการ เรียนรู้สู่การเรียนรู้สมรรถนะ และการประเมินพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จึงควรเร่งดำเนินการ
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 19 สร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถใช้เครื่องมือการเรียนรู้ทางออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัย การจัดให้มีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่หลากหลาย และมีแผนเร่งดำเนินกิจกรรมที่ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้านประสิทธิภาพ การบริหารจัดการศึกษา ยังไม่มีระบบข้อมูลสารสนเทศที่ทันสมัย ยังรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลางมาก เกินไป ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนไม่เพียงพอ มีปัญหาประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ที่แม้จะ มีสัดส่วนรายจ่ายด้านการศึกษาสูง แต่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับต่ำ สรุปประเด็นสำคัญที่พบจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (SWOT Analysis) สรุปจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล ได้ดังนี้ 1.การวิเคราะห์ภาพของโรงเรียน โรงเรียนทับกุงประชานุกูลได้นำข้อมูลจากรายงานประจำปีของสถานศึกษา (SAR) ข้อเสนอแนะใน รายงานของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) มาดำเนินการวางแผนพัฒนา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะปรากฏในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และแผนปฏิบัติการประจำปี เพื่อพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ซึ่งผลการวิเคราะห์สถานภาพของสถานศึกษา ณ ปัจจุบันพอสรุปได้ดังนี้ 2.ขั้นตอนการประเมินสภาพของโรงเรียน การประเมินสถานภาพของโรงเรียนทับกุงประชานุกูลได้อาศัยหลักการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริหาร คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ ร่วมกัน เสนอแนะ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้ 1.ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาความสำคัญของทุกประเด็นในแต่ละปัจจัย (2S4M/STEP) เพื่อ พิจารณาว่า แต่ละประเด็นมีผลกระทบกับโรงเรียนมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาประเด็นต่างๆ ร่วมกันก่อนที่จะประเมินระดับความรุนแรงของผลกระทบที่มีต่อโรงเรียน 2.ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละคนให้คะแนนผลกระทบทั้งที่เป็นโอกาส อุปสรรค สภาพแวดล้อมภายนอก และที่เป็นจุดแข็ง และจุดอ่อน สำหรับสภาพแวดล้อมภายใน โดยถ้ามีผลกระทบมากที่สุดให้คะแนนเต็ม 5 คะแนน และถ้ามีผลกระทบน้อยให้คะแนนเท่ากับ 1 ตามเกณฑ์ดังนี้ คะแนน 1 หมายถึง ประเด็นตัวชี้วัดมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรียนน้อยที่สุด คะแนน 2 หมายถึง ประเด็นตัวชี้วัดมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรียนน้อย คะแนน 3 หมายถึง ประเด็นตัวชี้วัดมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรียนปานกลาง คะแนน 4 หมายถึง ประเด็นตัวชี้วัดมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรียนมาก คะแนน 5 หมายถึง ประเด็นตัวชี้วัดมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงเรียนมากที่สุด
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 20 3.หาคะแนนเฉลี่ยของปัจจัยแต่ละด้าน โดยแยกปัจจัยที่เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน สำหรับปัจจัย แวดล้อมภายใน และโอกาสหรืออุปสรรค สำหรับปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก 4.สรุปผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอกของโรงเรียน การวิเคราะห์องค์กร SWOT Analysis ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล 1.การวิเคราะห์ปัจจัยภายใน (Internal Environment) 1.1 ด้านโครงสร้างงานและนโยบาย (S1) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.โครงสร้างการบริหารงานของโรงเรียนมี ความชัดเจน เอื้อต่อการปฏิบัติงาน 2.มีการกระจายอำนาจแบ่งงานตามความถนัด ทำให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน 3.มีความสัมพันธ์และวัฒนธรรมองค์กรที่ดี 1.การปฏิบัติงานบางเรื่องขาดความต่อเนื่อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของหน่วย เหนือ 2.การดำเนินงานตามนโยบายซึ่งมีมากทำให้ เกิดผลกระทบต่อการเรียนการสอน 1.2 ด้านการใช้บริการและผลผลิต (S2) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.โรงเรียนมีความพร้อมในการให้บริการ ทางการศึกษาแก่ประชากรวัยเรียนในพื้นที่บริการ ได้ทุกคน 2.โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้อง หลักสูตรการศึกษาชาติ บริบทและตามความต้องการ ของท้องถิ่น 3.นักเรียนได้รับการดูแลจากระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียนที่เข้มแข็ง 4.คุณภาพของผู้เรียนด้านคุณธรรม จริยธรรมและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ส่งผลต่อพฤติกรรมของ นักเรียนด้านการเรียนและความประพฤตินักเรียน มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น 5.การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้เรียน 1.นักเรียนบางส่วนมีปัญหาด้านครอบครัว มีผลกระทบต่อนักเรียนในด้านจิตใจและด้าน การเรียน 2.ขั้นตอนการปฏิบัติงานตามระเบียบของทาง ราชการ ทำให้การบริการและอำนวย ความ สะดวกแก่ประชาชน ยังไม่มีประสิทธิภาพ เท่าที่ควร
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 21 1.3 ด้านบุคลากร (M1) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความมุ่งมั่น มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองส่งผล ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 2.มีจำนวนครูเพียงพอกับจำนวนนักเรียน และการบริหารจัดการ 3.ครูมีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการพัฒนา ตนเอง นำความรู้ที่ได้มาใช้ในการจัดการเรียน การสอน 1.บุคลากรบางส่วนยังขาดความเชี่ยวชาญ ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ 1.4 ด้านการเงิน (M2) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากชุมชนในการระดม ทรัพยากรทางการศึกษาเป็นอย่างดี 2.การบริหารงบประมาณของโรงเรียน ดำเนินไป ตามแผนปฏิบัติการ อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ 1.งบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลยังไม่ เพียงพอต่อการบริหารจัดการและการจัดสรร งบประมาณจากต้นสังกัดบางครั้งล่าช้า ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการดำเนินการ 1.5 ด้านวัสดุ/อุปกรณ์ (M3) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.โรงเรียนใช้อาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ ในการจัดการเรียนการสอนและบริการชุมชน อย่างคุ้มค่า 2.โรงเรียนนำสื่อ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ใน การจัดการศึกษาเพิ่มขึ้น 1.วัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และสื่อเทคโนโลยี การศึกษาบางรายการชำรุด ขาดการบำรุงรักษา อย่างต่อเนื่อง 2.อุปกรณ์ระบบเสียงตามสายเสื่อมสภาพ ส่งผลต่อการประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน 1.6 ด้านบริหารจัดการ (M4) จุดแข็ง จุดอ่อน 1.โรงเรียนได้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี ใช้เครื่องมือในการปฏิบัติงาน 2.มีการนิเทศ กำกับ ติดตามการจัดการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง 3.ผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการ โรงเรียนให้บรรลุภารกิจ 4.เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ 1.การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศไม่เป็นระบบและ เป็นปัจจุบันทำให้ขาดความคล่องตัว ในการปฏิบัติงาน 2.โรงเรียนขาดการรายงาน/ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงาน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 22 2.ผลการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก (External Environment) 2.1 ด้านสังคมและวัฒนธรรม (S) โอกาส อุปสรรค 1.ชุมชนมีความเข้มแข็ง ยินดีให้การสนับสนุนภารกิจ ของโรงเรียน 2.คนในชุมชนมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถนำมา เป็นจุดเด่นของโรงเรียนได้ 3.คนในชุมชนร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรม การดำรงชีวิตในท้องถิ่น ซึ่งสามารถให้เป็น แหล่งเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกในด้านต่างๆ ให้กับ นักเรียนได้ 1.คนในชุมชนมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ 2.การเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมบริโภคนิยมตามยุค โลกาภิวัฒน์ ส่งผลให้เด็กนักเรียนและเยาวชน มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ 3.การย้ายถิ่นของผู้ปกครองทำให้นักเรียน เรียนไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนต่ำ 2.2 ด้านเทคโนโลยี (T) โอกาส อุปสรรค 1.ชุมชนเข้าถึงเทคโนโลยีได้สะดวกมากขึ้น ส่งผลดี ส่งผลดีต่อการประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน 2.มีการบริการและเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น เอื้อต่อ การเรียนรู้ตนเองที่หลากหลายมากขึ้น 1.มีการใช้เทคโนโลยีในทางลบ เช่น เล่นเกม ดูโทรทัศน์มากเกินไป 2.3 ด้านเศรษฐกิจ(E) โอกาส อุปสรรค 1.คนในชุมชนส่วนใหญ่มีอาชีพและที่ดินทำกินเป็น กรรมสิทธิ์ของตนเอง 1.เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในช่วงชะลอ ตัวส่งผลกระทบต่อชุมชนและโรงเรียน 2.ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้รายได้ ของผู้ปกครองลดลง 2.4 ด้านการเมืองและกฎหมาย (P) โอกาส อุปสรรค 1.นโยบายเรียนฟรีจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีส่วน เพิ่มโอกาสทางการศึกษา 2.นโยบายการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีส่วนให้ สถานศึกษาได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วน จากท้องถิ่น 1.นโยบายด้านการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ส่งผลต่อเนื่องในการบริหารจัดการศึกษา
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 23 ตาราง 1 ตารางกำหนดน้ำหนักประเด็นตัวชี้วัดตามสภาพแวดล้อมภายใน รายการปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน น้ำหนัก S1 ด้านโครงสร้างและนโยบาย 0.10 S2 ด้านการให้บริการและผลผลิต 0.15 M1 ด้านบุคลากร 0.29 M2 ด้านการเงิน 0.21 M3 ด้านวัสดุ/อุปกรณ์ 0.12 M4 ด้านบริหารจัดการ 0.13 น้ำหนักรวม 1 ตาราง 2 การกำหนดน้ำหนักประเด็นตัวชี้วัดสภาพแวดล้อมภายนอก รายการปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก น้ำหนัก S ด้านสังคมและวัฒนธรรม 0.22 T ด้านเทคโนโลยี 0.29 E ด้านเศรษฐกิจ 0.31 P ด้านการเมืองและกฎหมาย 0.18 น้ำหนักรวม 1 ตารางกำหนดน้ำหนักประเด็นตัวชี้วัดของสภาพแวดล้อมภายใน ตาราง 3 ปัจจัยด้านโครงสร้างและนโยบาย (S1 : Structure) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก S1.1 โครงสร้างการบริหารงานโรงเรียนมีความชัดเจน เอื้อต่อการปฏิบัติงาน S1.2 การปฏิบัติงานบางเรื่องขาดความต่อเนื่อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลง นโยบายของหน่วยเหนือ S1.3 มีการกระจายอำนาจแบ่งงานตามความถนัดทำให้เกิดความคล่องตัว ในการปฏิบัติงาน S1.4 มีความสัมพันธ์และวัฒนธรรมองค์กรที่ดี S1.5 การดำเนินงานตามนโยบายซึ่งมีมากทำให้เกิดผลกระทบต่อการเรียน การสอน 4.80 -3.21 4.80 2.35 -1.70 น้ำหนักรวม 7.04
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 24 ตาราง 4 ด้านผลผลิตของการบริการ (S2 : Service/Product) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก S2.1 โรงเรียนมีความพร้อมในการให้บริการทางการศึกษาแก่ประชากร ในวัยเรียนในพื้นที่บริการทุกคน S2.2 โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้องหลักสูตรการศึกษาชาติ บริบทและตามความต้องการของท้องถิ่น S2.3 นักเรียนได้รับการดูแลจากระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็ง S2.4 คุณภาพผู้เรียนด้านคุณธรรมจริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ส่งผลต่อพฤติกรรมของนักเรียนด้านการเรียนและความประพฤตินักเรียน มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น S2.5 การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สุขภาพอนามัยและ ความปลอดภัยของผู้เรียน S2.6 นักเรียนบางส่วนมีปัญหาด้านครอบครัวมีผลกระทบต่อนักเรียน ในด้านจิตใจและด้านการเรียน S2.7 ขั้นตอนการปฏิบัติงานตามระเบียบของทางราชการ ทำให้การบริการ และอำนวย ความสะดวกแก่ประชาชน ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร 4.90 5.00 4.95 4.80 4.85 -2.25 -2.15 น้ำหนักรวม 15.10 ตาราง 5 ปัจจัยด้านบุคลากร (M1 : Man) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก M1.1 ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความมุ่งมั่น มีความกระตือรือร้น ในการพัฒนาตนเองส่งผล ต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนM1.2 บุคคลกร บางส่วนยังขาดความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ M1.3 มีจำนวนของครูเพียงพอกับจำนวนนักเรียนและการบริหารจัดการ M1.4 ครูมีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองนำความรู้ที่ได้มา ใช้ในการจัดการเรียนการสอน 4.90 -1.29 4.85 4.78 น้ำหนักรวม 13.24 ตาราง 6 ปัจจัยด้านการเงิน (M2 : Money) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก M2.1 โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากชุมชนในการระดมทรัพยากร ทางการศึกษาเป็นอย่างดี M2.2 การบริหารงบประมาณของโรงเรียน ดำเนินไปตามแผนปฏิบัติการ ประจำปี อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ 4.90 4.87
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 25 M2.3 งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลไม่เพียงพอต่อการบริหาร จัดการและการจัดสรรงบประมาณจากต้นสังกัดบางครั้งล่าช้า ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการดำเนินการ -1.57 น้ำหนักรวม 8.20 ตาราง 7 ปัจจัยด้านวัสดุ / อุปกรณ์ (M3 : Materials) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก M3.1 โรงเรียนใช้อาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน และบริการชุมชนอย่างคุ้มค่า M3.2 วัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และสื่อเทคโนโลยีการศึกษาบางรายการชำรุด ขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง M3.3 โรงเรียนนำสื่อ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ในการจัดการศึกษา เพิ่มขึ้น M3.4 อุปกรณ์ระบบเสียงตามสายเสื่อมสภาพ ส่งผลต่อการประชาสัมพันธ์ ของโรงเรียน 4.85 4.38 -1.14 -1.29 น้ำหนักรวม 6.80 ตาราง 8 ปัจจัยด้านการบริหารจัดการ (M4 : Management) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก M4.1 โรงเรียนได้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี ใช้เป็นเครื่องมือ ในการปฏิบัติงาน M4.2 มีการนิเทศ กำกับ ติดตามการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง M4.3 การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศไม่เป็นระบบและเป็นปัจจุบันทำให้ ขาดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน M4.4 โรงเรียนขาดการรายงาน/ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ผลงาน M4.5 ผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการโรงเรียนให้บรรลุภารกิจ M4.6 เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ 5.00 5.00 -1.15 -1.45 4.85 4.80 น้ำหนักรวม 17.05. ตารางกำหนดน้ำหนักประเด็นตัวชี้วัดของสภาพแวดล้อมภายนอก ตาราง 9 ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม (Social) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก S1 การเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมบริโภคนิยมตามยุคโลกาภิวัฒน์ ส่งผลให้เด็ก นักเรียนและเยาวชน มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ S2 ชุมชนมีความเข้มแข็ง ยินดีให้การสนับสนุนภาพกิจของโรงเรียน 4.58 4.85
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 26 S3 การย้ายถิ่นของผู้ปกครองทำให้นักเรียนเรียนไม่ต่อเนื่องส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนต่ำ S4 คนในชุมชนมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สมารถนำมาเป็นจุดเด่นของโรงเรียนได้ S5 คนในชุมชนร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ซึ่งสามารถใช้เป็น แหล่งเรียนรู้และสร้างจิตสำนึกด้านต่างๆ ให้กับนักเรียนได้ -1.20 -1.28 -1.25 น้ำหนักรวม 5.97 ตาราง 10 ปัจจัยด้านเทคโนโลยี (Technology) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก T1 มีการใช้เทคโนโลยีในทางลบ เช่น เล่นเกม ดูโทรทัศน์มากเกินไป T2 ชุมชนเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ส่งผลดีต่อการประชาสัมพันธ์ ของโรงเรียน T3 มีการบริการและเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น เอื้อต่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย มากขึ้น -1.43 4.45 4.47 น้ำหนักรวม 7.49 ตาราง 11 ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ (Economic) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก E1 เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในช่วงชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อชุมชน และสถานศึกษา E2 ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้รายได้ของผู้ปกครองลดลง E3 ชุมชนมีอาชีพและที่ดินทำกินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง -1.29 -1.29 4.48 น้ำหนักรวม 1.90 ตาราง 12 ปัจจัยด้านการเมืองและกฎหมาย (Politics) ประเด็นตัวชี้วัด น้ำหนัก P1 นโยบายด้านการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ส่งผลต่อความต่อเนื่องใน การบริหารจัดการศึกษา P2 นโยบายเรียนฟรีจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีส่วนเพิ่มโอกาสทาง การศึกษา P3 นโยบายกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น มีส่วนให้สถานศึกษาได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากท้องถิ่น 4.90 4.85 -2.25 น้ำหนักรวม 7.50
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 27 3.สภาพของโรงเรียน ผลจากการวิเคราะห์สถานภาพแวดล้อมของโรงเรียนทับกุงประชานุกูลอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัด ปราจีนบุรี ดำเนินการโดยการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการไปดำเนินการวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความ ต้องการของโรงเรียน ผลการวิเคราะห์แบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ 3.1 ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน 3.2 ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก 3.3 การประเมินสถานภาพของโรงเรียนวัดหนองโพรง 3.1 ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ตารางแสดงค่าน้ำหนักคะแนนเฉลี่ยปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน (2S4M) ปัจจัยภายใน น้ำหนัก ค่าคะแนนเฉลี่ย น้ำหนัก คะแนนเฉลี่ย สรุป จุดแข็ง จุดอ่อน จุดแข็ง จุดอ่อน 1.ด้านโครงสร้างและนโยบาย(S1) 0.10 3.98 -2.45 0.06 -0.04 0.08 2.ด้านผลผลิตและบริการ(S2) 0.15 4.80 -2.20 0.12 -0.05 0.15 3.ด้านบุคลากร(M1) 0.29 4.84 -1.29 0.23 -0.06 0.47 4.ด้านการเงิน(M2) 0.21 4.88 -1.57 0.17 -0.05 0.25 5.ด้านวัสดุ/อุปกรณ์(M3) 0.12 4.61 -1.2 0.09 -0.02 0.12 6.ด้านการบริหารจัดการ(M4) 0.13 4.91 -1.30 0.10 -0.02 0.25 รวม 1.00 2.04 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในของโรงเรียน คณะทำงานได้ดำเนินการพิจารณาจากจุดแข็งและ จุดอ่อน ซึ่งได้จากการอบรมเชิงปฏิบัติงานโดยมีปัจจัยที่ใช้ในการวิเคราะห์ 6 ปัจจัย 3.1.1 ปัจจัยด้านโครงสร้างและนโยบาย พบว่า โครงสร้างการบริหารงานของโรงเรียน มีความชัดเจน เอื้อต่อการปฏิบัติงาน มีการกระจายอำนาจ แบ่งงานตามความถนัด ทำให้เกิดความคล่องตัว ในการปฏิบัติงาน และมีความสัมพันธ์และวัฒนธรรมขององค์กรที่ดี แต่ก็มีประเด็นที่เป็นจุดอ่อน คือ การ ปฏิบัติงานบางเรื่องขาดความต่อเนื่อง เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายของหน่วยเหนือ และการดำเนินงานตาม นโยบาย ซึ่งมีมาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนการสอนจึงสามารถสรุปได้ว่า เป็นปัจจัยที่เป็นจุดแข็ง เนื่องจากโรงเรียนมีการจัดการองค์กรโครงสร้างและมีนโยบายการบริหารงานที่ดี 3.1.2 ปัจจัยด้านการให้บริการและผลผลิต พบว่า โรงเรียนมีความพร้อมในการให้บริการ ทางการศึกษาแก่ประชากรในวัยเรียนในเขตพื้นที่บริการได้ทุกคน มีการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมที่ สอดคล้องกับความต้องการ นักเรียนได้รับการดูแลจากระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็ง คุณภาพผู้เรียน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 28 ด้านคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ส่งผลต่อพฤติกรรมของนักเรียนด้านการเรียนและ ความประพฤตินักเรียนมีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น และการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ สุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้เรียน แต่มีจุดอ่อนอยู่บ้างคือนักเรียนบางส่วนมีปัญหาทางด้าน ครอบครัว มีผลกระทบต่อนักเรียนในด้านจิตใจและด้านการเรียน พร้อมทั้งแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนไม่ เพียงพอ เช่น ห้องสมุด ซึ่งจัดว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน แต่โดยรวม สามารถสรุปได้ว่าด้านการให้บริการและผลผลิตเป็นจุดแข็งของโรงเรียนวัดหนองโพรง 3.1.3 ปัจจัยด้านบุคลากร พบว่า บุคลากรมีความเข้มแข็ง ทุ่มเทการทำงานให้กับทุกภารกิจ ของโรงเรียนมีจำนวนครูเพียงพอกับจำนวนนักเรียนและการบริหารจัดการ ครูมีความตื่นตัวกระตือรือร้นใน การพัฒนาตนเอง นำความรู้ที่มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน แต่ก็พบว่าบุคลากร บางส่วนยังขาดความ เชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ แต่ปัจจัยด้านบุคลากรก็ถือว่าเป็นจุดแข็งที่มี ความสำคัญของโรงเรียน 3.1.4 ปัจจัยด้านการเงินจากการวิเคราะห์ สรุปได้ว่า โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากชุมชน ในการระดมทรัพยากรทางการศึกษาเป็นอย่างดี การบริหารงบประมาณของโรงเรียน ดำเนินไปตาม แผนปฏิบัติการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้แต่ก็พบว่าโรงเรียนมีจุดอ่อนในเรื่องของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จากรัฐบาลไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ 3.1.5 ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณ์ จากการวิเคราะห์ สรุปได้ว่า โรงเรียนใช้อาคารสถานที่และ วัสดุอุปกรณ์ในการจัดการเรียนการสอน และบริการชุมชนอย่างคุ้มค่า โรงเรียนมีวัสดุอุปกรณ์ชำรุด เสื่อมสภาพในเรื่องอุปกรณ์ระบบเสียงตามสาย ส่งผลกระทบต่อการประชาสัมพันธ์งานโรงเรียน 3.1.6 ปัจจัยด้านการบริหารจัดการ จากการวิเคราะห์สรุปได้ว่า โรงเรียนได้จัดทำ แผนปฏิบัติการประจำปี ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน มีการนิเทศ กำกับ ติดตาม การจัดการเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง สรุปผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในตามปัจจัยทั้ง 6 ประเด็น ดังกล่าวข้างต้นสรุปในภาพรวมได้ว่า ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่เป็นจุดแข็งของโรงเรียนที่เอื้อต่อการพัฒนาโดยการให้บริการด้านการศึกษา ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูลมีการจัดระบบโครงสร้างและนโยบาย ด้านผลผลิต ด้านบุคลากร ด้านการเงิน วัสดุอุปกรณ์ และด้านการบริหารจัดการเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาแต่ประสบปัญหาในประเด็นที่ว่า งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลยังไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ ทำให้โรงเรียนพัฒนาได้ไม่บรรลุ ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้เท่าที่ควร
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 29 3.2 ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก ตารางสรุปผลการวิเคราะห์การประเมินสถานภาพขององค์กร ปัจจัยภายนอก น้ำหนัก ค่าคะแนนเฉลี่ย น้ำหนัก คะแนนเฉลี่ย สรุป โอกาส อุปสรรค โอกาส อุปสรรค 1.ด้านสังคมและวัฒนธรรม (S) 0.22 3.02 -0.43 0.67 -0.29 0.38 2.ด้านเทคโนโลยี (T) 0.29 2.95 -0.48 0.86 -0.41 0.45 3.ด้านเศรษฐกิจ (E) 0.31 1.57 -0.86 0.49 -0.42 0.07 4.ด้านการเมืองและกฎหมาย (P) 0.18 3.10 -0.57 0.56 -0.32 0.24 รวม 1.00 1.14 คณะทำงานได้ดำเนินการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล โดยจำแนกปัจจัยในการวิเคราะห์ 4 ปัจจัย คือ 3.2.1 ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากคนในชุมชนมีความเข้มแข็ง ยินดีให้การ สนับสนุนภารกิจของโรงเรียน และมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความรู้ความสามารถ และมีความพร้อมในการ ถ่ายทอดให้กับนักเรียน ส่งผลให้โรงเรียนพัฒนาเป็นจุดเด่นของโรงเรียนได้ และคนในชุมชนร่วมกันอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้แล้วสร้างจิตสำนึกในด้านต่างๆ ให้กับนักเรียน แต่ยังมี ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อโรงเรียน คือสถานที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ผลกระทบต่อจำนวน นักเรียนในโรงเรียนและปัญหาการย้ายถิ่นฐานของผู้ปกครอง ทำให้นักเรียนเรียนไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยด้านสังคมและ วัฒนธรรมเอื้อต่อการพัฒนาของโรงเรียนวัดหนองโพรง 3.2.2 ปัจจัยด้านเทคโนโลยี จากการวิเคราะห์สรุปได้ว่า เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาและ การให้บริการทางการศึกษาของโรงเรียน เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐให้การส่งเสริมสนับสนุนด้านความพร้อม ของโรงเรียน ชุมชนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นผลดีต่อการจัดการศึกษาของบุตรหลาน และการติดต่อ ประสานงานกับโรงเรียน ทำให้การเรียนรู้ ติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆที่ทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ แม้ว่า จะมีการนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งผู้ปกครองบางส่วนยังขาดความรู้ ด้านเทคโนโลยีที่ ทันสมัย แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น 3.2.3 ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ จากการวิเคราะห์สรุปได้ว่า ปัจจัยที่ยังคงเอื้อต่อการพัฒนาและ การให้บริการทางการศึกษาของโรงเรียน เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐในด้าน งบประมาณ และชุมชน มีความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีรายได้พอเลี้ยงตัว
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 30 3.2.4 ปัจจัยด้านการเมืองและกฎหมาย เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาทางด้านการศึกษา ของโรงเรียน แม้ว่า การปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีบ่อยๆ ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งการประสาน ราชการและความซ้ำซ้อนในการจัดทำระบบข้อมูล เพื่อสนองนโยบายของหลายๆ หน่วยงาน ที่กระทบต่อ เวลาเรียน ระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ทำให้ครูเกิดความตื่นตัวในการพัฒนาตนเองและพัฒนางาน เพื่อ ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ การเมืองท้องถิ่นส่งผลกระทบต่อบทบาท การมีส่วนร่วมของคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการให้ความร่วมมือ สนับสนุนกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน แต่มีผลต่อการพัฒนา การศึกษาของโรงเรียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สรุปผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกตามปัจจัยทั้ง 4 ประเด็นดังกล่าว ข้างต้นสรุปในภาพรวมได้ ว่าปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการพัฒนาและการให้บริการทางการศึกษาของโรงเรียนวัดหนอง โรง โรงเรียนมีสภาพสังคมวัฒนธรรมที่ดีงาม แข็งแกร่งมีการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น มีแหล่งเรียนรู้และแหล่ง วัฒนธรรม ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ให้การส่งเสริมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและงบประมาณ และเนื่องจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ส่งผลให้การจัดการศึกษาของ โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน อย่างเป็นระบบชัดเจนและต่อเนื่อง 3.3 การประเมินสถานภาพของโรงเรียน ตารางสรุปการวิเคราะห์ประเมินสถานภาพองค์กร สภาพแวดล้อมภายใน สภาพแวดล้อมภายนอก ปัจจัย สรุปน้ำหนัก คะแนน ปัจจัย สรุปน้ำหนัก คะแนน 1.ด้านโครงสร้างและนโยบาย (S1) 0.08 1.ด้านสังคมและวัฒนธรรม (S) 0.38 2.ด้านผลผลิตและบริการ(S2) 0.15 2.ด้านเทคโนโลยี (T) 0.45 3.ด้านบุคลากร(M1) 0.47 3.ด้านเศรษฐกิจ (E) 0.07 4.ด้านการเงิน(M2) 0.25 4.ด้านการเมืองและกฎหมาย (P) 0.24 5.ด้านวัสดุ/อุปกรณ์(M3) 0.12 6.ด้านการบริหารจัดการ(M4) 0.25 3.4 สรุปผลการประเมินสถานภาพของโรงเรียน ผล การประเมินสถานภาพของโรงเรียน จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในของโรงเรียนทับกุง ประชานุกูลดังกล่าวข้างต้น สามารถประเมินสถานภาพของโรงเรียนได้อยู่ในลักษณะ “เอื้อและแข็ง (STAR)”กล่าวคือ โรงเรียนมีโอกาสที่จะพัฒนาภารกิจในการจัดการศึกษาและให้บริการทางการศึกษากับชุมชน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 31 หรือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ตรงตามความรู้ความสามารถ ของตนเอง และมีการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ ก่อให้เกิดการปฏิบัติหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ การบริหาร การจัดการที่เป็นระบบชัดเจนและมีคุณภาพ ด้านผลผลิตและการให้บริการที่ดีมีชื่อเสียงเป็นจุดแข็ง ในการ พัฒนาภายใต้การส่งเสริมสนับสนุน จากปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้าน เทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมืองและกฎหมาย ซึ่งมีระเบียบพระราชบัญญัติที่เอื้อต่อการดำเนินการ จากกฎหมาย ยุทธศาสตร์ แผน แนวโน้มสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เปลี่ยนไป หน่วยงานที่จัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องพัฒนาตนเองให้อย่างน้อย ที่สุดตอบสนองต่อแนวโน้มสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อหล่อหลอมเด็กและเยาวชน ได้รับโอกาสทางการศึกษา ขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพ มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นเพียงพอจะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ ที่จะต้องสามารถสร้างผลิตภาพสูงต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต และเพื่อให้การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเป้าหมายที่เป็นเอกภาพ โรงเรียนทับกุงประชานุกูล ซึ่งมีภารกิจในการจัดทำแผนพัฒนา จึงเห็นควรจัดทำ สาระสำคัญของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของสำโรงเรียนทับกุงประชานุกูล พ.ศ.2566 - 2570 ซึ่งจะ นำเสนอในส่วนต่อไป
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 27 ส่วนที่ 2 สาระสำคัญของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566-2570) ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล วิสัยทัศน์ “ความรู้นำหน้า กีฬาเป็นเลิศ ชูเชิดคุณธรรม สร้างคนคุณภาพสู่สังคม” อัตลักษณ์ของโรงเรียน “ดนตรี กีฬา ภาษา อาชีพ” พันธกิจ 1. ส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง และมีคุณภาพ 2. ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา 3. เสริมสร้างให้ผู้เรียนทุกคนมีจิตสำนึก มีคุณธรรม จริยธรรม 4. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เป้าประสงค์ 1. ผู้เรียนทุกคนมีความรู้พื้นฐานจำเป็นตามหลักสูตร อ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นตามหลักสูตร มี ความสามารถทางดนตรี ภาษา การเกษตร มีทักษะงานอาชีพและนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ได้ 2. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาวอลเลย์บอล กีฬายิงปืนสากล กีฬากอล์ฟ และกีฬาตะกร้อสู่ ความเป็นเลิศ 3. ผู้เรียนมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม จิตสาธารณะ วิจารณญาณ มีมารยาทพื้นฐาน คุณธรรมและจริยธรรม 4. ครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงานเพื่อจัดการศึกษาให้นักเรียนมีความรู้และ ทักษะที่สามารถนำไปประกอบอาชีพ และหาเลี้ยงชีพ พึงพาตนเองได้ กลยุทธ์สถานศึกษา กลยุทธ์ที่ 1 ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีความปลอดภัยจากภัยทุกรูปแบบ กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรวัยเรียนทุกคน กลยุทธ์ที่ 3 ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 กลยุทธ์ที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 28 กลยุทธ์และตัวชี้วัด ที่ กลยุทธ์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ หน่วย นับ ค่าเป้าหมาย ผู้รับผิดชอบ ปี 2566 ปี 2567 ปี 2568 ปี 2569 ปี 2570 กลยุทธ์ที่ 1 จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ส่งเสริมความรู้พื้นฐานจำเป็นต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน 1 ร้อยละของผู้เรียนที่มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะเพื่อ รับมือกับภัยคุกคามรูปแบบ ใหม่ทุกรูปแบบและทุก ประเภท ร้อยละ 80 83 86 89 91 งานบริหารงานวิชาการ 2 ร้อยละของผู้เรียนที่มีความ ปลอดภัยต่อการล่วงละเมิด ทางเพศ การคุกคามทางเพศ ตามาตรการ MOE Safety center ร้อยละ 100 100 100 100 100 งานบริหารงานวิชาการ - กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ 3 ร้อยละของผู้เรียนที่ได้รับการ คุ้มครองทางกฎหมาย ด้าน ความปลอดภัย ด้านร่างกาย ด้านทรัพย์สิน ด้านอารมณ์ ร้อยละ 100 100 100 100 100 กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา - กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย - กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาให้กับประชากรวัยเรียนทุกคน 1 อัตราการเข้าเรียนสุทธิระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น สังกัด สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ร้อยละ 80 85 90 93 95 งานบริหารทั่วไป งานบริหารงานวิชาการ 2 ร้อยละของเด็กออกกลางคัน เด็กตกหล่น กลับเข้าสู่ระบบ การศึกษาหรือได้รับการศึกษา ด้วยรูปแบบที่เหมาะสม 3 จำนวนของผู้เรียนที่เป็นผู้ พิการ ผู้ด้อยโอกาส ได้รับ การศึกษาที่เหมาะสม ตามความจำเป็นและ ศักยภาพ คน 80 85 90 93 95 งานบริหารงานวิชาการ 4 จำนวนของผู้เรียนที่เป็นผู้มี ความสามารถพิเศษได้รับ ได้รับการส่งเสริมศักยภาพ ที่เหมาะสม คน 100 100 100 100 100 งานบริหารงานวิชาการ
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 29 ที่ กลยุทธ์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ หน่วย นับ ค่าเป้าหมาย ผู้รับผิดชอบ ปี 2566 ปี 2567 ปี 2568 ปี 2569 ปี 2570 5 ร้อยละของผู้เรียนที่มีการนำ ข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในการ รับและให้บริการการศึกษา รวมถึงส่งต่อผู้เรียนระดับ ปฐมวัยและการศึกษาขั้น พื้นฐาน ร้อยละ 80 85 90 95 100 งานบริหารทั่วไป งานบริหารงานวิชาการ กลยุทธ์ที่ 3 ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 1 ร้อยละของผู้เรียนได้รับการ พัฒนาให้มีสมรรถนะและ ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21 ร้อยละ 80 85 87 90 95 งานบริหารงานวิชาการ 2 ร้อยละของนักเรียน ที่ได้รับ การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม พหุปัญญาของผู้เรียน โดยใช้ เครื่องมือคัดกรอง/สำรวจ แวว/วัดความสามารถความ ถนัดของผู้เรียน ร้อยละ 60 70 80 90 100 งานบริหารทั่วไป งานบริหารงานวิชาการ 3 ร้อยละของครูผู้สอนจัดการ เรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และมีระบบการวัด และประเมินผลเพื่อ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็น รายบุคคล (Personalized Learning) ร้อยละ 80 85 90 95 100 งานบริหารงานบุคคล งานบริหารงานวิชาการ 4 ร้อยละของผู้เรียนปฐมวัยใน สังกัดมีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ร้อยละ 87 90 92 95 95 งานบริหารงานวิชาการ - ครูผู้สอนระดับปฐมวัย 5 ร้อยละของผู้เรียนชั้นป.1-3 อ่านออกเขียนได้ ป.4-6 อ่าน คล่องเขียนคล่อง และม.1-3 สื่อสารได้ตามแนวทางของ PISA ร้อยละ 65 70 75 80 85 งานบริหารงานวิชาการ -กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 30 ที่ กลยุทธ์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ หน่วย นับ ค่าเป้าหมาย ผู้รับผิดชอบ ปี 2566 ปี 2567 ปี 2568 ปี 2569 ปี 2570 กลยุทธ์ที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา 1 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล ได้ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับ ชุมชน/หน่วยงาน/องค์กร/ บุคคลภายนอก ในการบริหาร จัดการและให้บริการ ทางศึกษา ร้อยละ 100 100 100 100 100 งานบริหารทั่วไป 2 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มี การพัฒนาบริหารจัดการใน ภารกิจงาน ด้านความ ปลอดภัย ด้านโอกาส ด้านคุณภาพและด้าน ประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล ร้อยละ 95 100 100 100 100 ทุกกลุ่มงาน 3 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มี การพัฒนาบริหารจัดการใน ภาระงานของสถานศึกษา (4 งาน งานวิชาการ งานบุคคล งานบริหารทั่วไป งาน งบประมาณ) ด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล ร้อยละ 100 100 100 100 100 ทุกกลุ่มงาน 4 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มี ผลการประกันคุณภาพภายใน ระดับดีเลิศขึ้นไป ร้อยละ 80 85 90 95 100 ทุกกลุ่มงาน 5 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มี การบริหารจัดการและการใช้ ทรัพยากรร่วมกันได้สำเร็จ ตามเป้าหมาย ร้อยละ 80 85 90 95 100 ทุกกลุ่มงาน 6 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพ การบริหารจัดการศึกษาที่ เหมาะสมตามบริบท ร้อยละ 80 85 90 95 100 ทุกกลุ่มงาน 7 โรงเรียนทับกุงประชานุกูล มี ระบบการบริหารจัดการศึกษา ที่มีประสิทธิภาพ(ระดับดีมาก ขึ้นไปทุกการประเมิน) ร้อยละ 80 85 90 95 100 ทุกกลุ่มงาน
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 31 “9 จุดเน้น ก้าวสู่ความเป็นเลิศ” จุดเน้นที่ 1 การน้อมนำพระบรมราโชบายฯ และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดเน้นที่ 2 การจัดการศึกษาปฐมวัย จุดเน้นที่ 3 การอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น เพิ่มผลสัมฤทธิ์ จุดเน้นที่ 4 6 มิติคุณภาพสู่การปฏิบัติ จุดเน้นที่5 ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน จุดเน้นที่ 6 โรงเรียนสะอาดมีบรรยากาศการเรียนรู้ จุดเน้นที่ 7 ระบบประกันคุณภาพการศึกษา จุดเน้นที่ 8 เขตสุจริต โรงเรียนสุจริต จุดเน้นที่ 9 การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาสู่ความเป็นมืออาชีพ
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 32
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 33 ส่วนที่ 3 การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติ แนวทางการบริหารแผนสู่การปฏิบัติ แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการจัดทำแผน ของสถานศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตอบสนองความเปลี่ยนแปลงโดยมีเป้าหมายในปี พ.ศ.2570 โดยเชื่อมโยงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561 – 2580 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา (ฉบับ ปรับปรุง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2579 และเพื่อให้การบริหารแผนสู่การปฏิบัติได้อย่าง มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดที่สอดคล้องกับเป้าหมายการให้บริการทางการศึกษา และ การพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนทับกุงประชานุกูล จึงกำหนดแนวทางในการ บริหารแผนสู่การปฏิบัติ ดังนี้ 1. สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากรในโรงเรียนความเป็นมา และความเชื่อมโยง ของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของโรงเรียนทับกุงประชานุกูล กับ นโยบายและแผนที่สำคัญอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. เน้นย้ำให้บุคลากรในโรงเรียนให้ความสำคัญในการพิจารณาแผนพัฒนาการศึกษาขั้น พื้นฐาน (พ.ศ. 2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล เพื่อใช้เป็นกรอบในการกำหนดนโยบาย แผน และกรอบแนวทางในการดำเนินงานของสถานศึกษา 3. บูรณาการแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 แผนปฏิบัติราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 ของ หน่วยงาน เพื่อนำไปสู่ การกำหนดมาตรการและโครงการที่เป็นรูปธรรม สำหรับการดำเนินงานใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 4. กำกับ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการปฏิบัติงาน เงื่อนไขความสำเร็จ ดังนี้ 1. ความต่อเนื่องด้านนโยบายทุกระดับ 2. สถานศึกษาในสังกัดมีแผนและกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนา การศึกษา ชั้นพื้นฐานดังกล่าว โดยมีการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ผู้รับผิดชอบ และกำหนดเวลาที่ เหมาะสม 3. การได้รับการสนับสนุนทรัพยากรด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และ บริหารจัดการอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมภารกิจ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพใน การสนับสนุนทรัพยากรดังกล่าว
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 34 4. การดำเนินการของสถานศึกษา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้หน่วยงาน องค์กร และผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียโดยผู้บริหารสถานศึกษาต้องให้ความสำคัญในการบริหารจัดการการติดตาม การ ประเมินผล โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานและการทำงานแบบมีส่วนร่วมที่เอื้อต่อการพัฒนาความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ การปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 5. การสร้างและประสานเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่าง เป็นระบบทั้งภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน องค์กรอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแผน และขับเคลื่อนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีผู้รับผิดชอบการสร้างและประสานเครือข่ายความ ร่วมมือที่ชัดเจน
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 35 ภาคผนวก
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 38 กฎหมาย ระเบียบ แผนที่เกี่ยวข้อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้มีการประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา มีบทบัญญัติไว้ใน มาตรา 54 รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคน ได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคที่หนึ่ง เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการด้วย รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมให้มี การเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนใน การจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษา ดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งอย่างน้อยต้องมี บทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ การดำเนินการและตรวจสอบการดำเนินการ ให้ เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติด้วย การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ ความถนัดของตนและมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในการดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนได้รับการศึกษา ตามวรรคสาม รัฐต้องดำเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา ตามความถนัดของตน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดคำนิยามการศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง การศึกษาระดับก่อนอุดมศึกษา และกำหนดในมาตรา 10 การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาส เสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บ ค่าใช้จ่าย
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 39 การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มี ผู้ดูแลด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสำหรับคนพิการ ให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและให้บุคคล ดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาตา ม หลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กำหนดในกฎกระทรวง การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึง ความสามารถของบุคคลนั้น คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 28/2559 เรื่องให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ได้กำหนดนิยามการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีเป็นการศึกษาตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) (ถ้ามี) ระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.3) หรือเทียบเท่า และให้หมายความรวมถึงการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามกฎกระทรวง ศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีภารกิจเกี่ยวกับ การจัดและการส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ 1) จัดทำข้อเสนอนโยบาย แผนพัฒนาการศึกษา มาตรฐานการจัดการศึกษาและหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) กำหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง และการดำเนินการเกี่ยวกับการสนับสนุนทรัพยากร การจัดตั้ง จัดสร ทรัพยากร และบริหารงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3) พัฒนาระบบการบริหาร และส่งเสริม ประสานงานเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ การนำเทคโนโลยี สารสนเทศไปใช้ในการเรียนการสอน รวมทั้งการส่งเสริมนิเทศ การบริหารและการจัดการศึกษา 4) ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของเขตพื้นที่การศึกษา 5) พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน และกำกับดูแลการจัดการศึกษาขั้น พื้นฐาน การศึกษาเพื่อคนพิการ ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษและประสาน ส่งเสริมการจัด
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 40 การศึกษาขั้นพื้นฐานของเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นของเขตพื้นที่การศึกษา 6) ดำเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 7) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ยุทธศาสตร์ชาติ (20 ปี) พ.ศ. 2561-2580 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้รัฐมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นเป้าหมาย การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้อง และบูรณาการกัน ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดให้ หน่วยงานรัฐทุกหน่วยมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561- 2580 มีวิสัยทัศน์ คือ “ ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยการประเมินผลการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 ประกอบด้วยความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคม ความหลากหลายทางชีวภาพคุณภาพสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และประสิทธิภาพ การบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ การพัฒนาประเทศในช่วงเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วนในรูปแบบ“ ประชารัฐ” ซึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3) ยุทธศาสตร์การ พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4) ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 6) ยุทธศาสตร์ ด้าน การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เป็นแผนที่จัดทำไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะมีผลผูกพันต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น รวมทั้งการจัดทำงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณจะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประเด็นแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 23 ประเด็นประกอบด้วย 1) ความมั่นคง 2) การต่างประเทศ 3) การพัฒนาการ เกษตร 4) อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 5) การท่องเที่ยว 6) การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 41 7) โครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล 8) ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมยุค ใหม่ 9) เขตเศรษฐกิจพิเศษ 10) การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม 11) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วง ชีวิต 12) การพัฒนาการเรียนรู้ 13) การสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี 14) ศักยภาพการกีฬา 15) พลังทาง สังคม 16) เศรษฐกิจฐานราก 17) ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม 18) การเติบโตอย่างยั่งยืน 19) การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ 20) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ 21) การต่อต้านการ ทุจริตและประพฤติมิชอบ 22) กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และ 23) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมซึ่ง กระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายให้เป็นองค์กรเจ้าภาพหลัก ในประเด็นที่ 12 การพัฒนาการเรียนรู้และ เป็นองค์กรเจ้าภาพร่วม ในประเด็นที่ 11 ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (12) ประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้มีเป้าหมายระดับประเด็น 2 เป้าหมาย คือ 1) คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น มีทักษะที่จำเป็นของโลก ศตวรรษที่ 21 สามารถในการแก้ปัญหาปรับตัว สื่อสาร และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต และ 2) คนไทยได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพตามความถนัดและ ความสามารถของพหุปัญญาดีขึ้น มีแผนย่อย 2 แผน ดังนี้ 1. แผนย่อยการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีแนว ทางการพัฒนา โดย 1) ปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้สำหรับศตวรรษที่ 21 2) เปลี่ยนโฉมบทบาท“ ครู” ให้เป็นครูยุคใหม่ 3) เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภท 4) พัฒนาระบบการ เรียนรู้ตลอดชีวิต และ 5) สร้างระบบการศึกษาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการระดับนานาชาติ และมีเป้าหมายให้ คนไทยมีการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีทักษะการเรียนรู้ และมีทักษะที่จำเป็นของโลกศตวรรษที่ 21 สามารถเข้าถึงการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตดีขึ้น 2. แผนย่อยการตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย ซึ่งมีแนวทางการพัฒนา คือ 1) พัฒนาและส่งเสริมพหุปัญญา 2) สร้างเส้นทางอาชีพ สภาพแวดล้อมการทำงาน และระบบสนับสนุนที่ เหมาะสมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ และมีเป้าหมายของแผนย่อย คือ ประเทศไทยมีระบบข้อมูลเพื่อการ ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพตามพหุปัญญา เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและการส่งต่อการพัฒนาให้เต็มตาม ศักยภาพเพิ่มขึ้น แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (11) ประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มีเป้าหมายระดับประเด็น คือ คนไทยทุกช่วงวัยมีคุณภาพเพิ่มขึ้น ได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญาและคุณธรรม จริยธรรม เป็นผู้ที่มีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 รักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิตและมีแผนย่อยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2 แผนย่อย ได้แก่
แผนพัฒนาการศึกษา ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) โรงเรียนทับกุงประชานุกูล หน้า 42 1. แผนย่อยการพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย แนวทางการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ จัดให้มีการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่ดีที่ สมวัยทุกด้าน โดยการพัฒนาหลักสูตรการสอนและปรับปรุงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานที่เน้นการพัฒนาทักษะสำคัญด้านต่าง ๆ อาทิทักษะทางสมอง ทักษะด้านความคิดความจำ ทักษะ การควบคุมอารมณ์ ทักษะการวางแผนและการจัดระบบ ทักษะการรู้จักประเมินตนเอง ควบคู่กับการ ยกระดับบุคลากรในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความพร้อมทั้งทักษะ ความรู้ จริยธรรม และความเป็นมือ อาชีพ เป้าหมายของแผนย่อย คือ เด็กเกิดอย่างมีคุณภาพมีการพัฒนาการสมวัย สามารถเข้าถึงบริการที่มี คุณภาพมากขึ้น 2. แผนย่อยการพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น แนวทางพัฒนา ได้แก่ 1) จัดให้มีการพัฒนาทักษะที่สอดกับ ทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะด้านการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ความสามารถในการแก้ปัญหา ที่ซับซ้อนความคิดสร้างสรรค์การทำงานร่วมกับผู้อื่น 2) จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัดและความสนใจ 3) จัดให้มีการ พัฒนาทักษะในการวางแผนชีวิตและวางแผนการเงิน ตลอดจนทักษะที่เชื่อมต่อกับโลกการทำงาน 4) จัดให้มี พัฒนาทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ การบ่มเพาะการเป็นนักคิด นักนวัตกร และการ เป็นผู้ประกอบการใหม่ รวมทั้งทักษะชีวิตที่สามารถอยู่ร่วมกันและทำงานภายใต้สังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรม 5) ส่งเสริมและสนับสนุนระบบบริการสุขภาพและอนามัยที่เชื่อมต่อกันระหว่างระบบสาธารณสุขกับโรงเรียน หรือสถานศึกษา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ ตลอดจนภูมิคุ้มกันด้านต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตของกลุ่มวัยเรียน/วัยรุ่น เป้าหมายของแผนย่อย คือ วัยเรียน/วัยรุ่น มีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ครบถ้วน รู้จักคิด วิเคราะห์ รักการเรียนรู้ มีสำนึก พลเมือง มีความกล้าหาญทางจริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหาปรับตัว สื่อสาร และทํางานร่วมกับ ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลตลอดชีวิตดีขึ้น แผนการปฏิรูปประเทศ แผนการปฏิรูปประเทศ ได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2561 เพื่อกำหนดกลไก วิธีการ และขั้นตอนการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ โดยการปฏิรูปประเทศต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคีปรองดองมี การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุ กับการพัฒนาด้านจิตใจ สังคมมีความสงบสุข เป็นธรรม และมีโอกาสอันทัดเทียมกันเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนมีความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีการปฏิรูป 13 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเมือง