ออยักงจเำเไบม่บเคทีย่เลคืมยทำ
1
หน่วยที่ 1
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหนั งสือ
อิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
2
หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book)
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ย่อมาจากคำว่า Electronic Book หมายถึง หนังสือที่
สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็ นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์
โดยปกติมักจะเป็ นแฟ้ มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์ และออนไลน์
วิวัฒนาการของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
แนวความคิดเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นภายหลัง ปี ค.ศ. 1940
โดยปรากฏในนวนิ ยายวิทยาศาสตร์ต่อมาได้มีการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยสแกนหนังสือจัดเก็บข้อมูล เป็ นแฟ้ มภาพตัวหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ และนำแฟ้ มภาพตัวหนังสือมาผ่านกระบวนการแปลงภาพ
เป็ นข้อความด้วยการทำ OCR (Optical Character Recognition) โดยใช้
โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อแปลงภาพตัวหนังสือให้เป็ นข้อความที่สามารถ
แก้ไขเพิ่มเติมได้การถ่ายทอดข้อมูลจะถ่ายทอดผ่านทางแป้ นพิมพ์ และ
ประมวลผลออกมาเป็ นตัวหนังสือ และข้อความด้วยคอมพิวเตอร์ ดังนั้น
หน้ากระดาษจึงเปลี่ยนรูปแบบไปเป็ นแฟ้ มข้อมูลแทนทั้งยังมีความสะดวก
ต่อการเผยแพร่และจัดพิมพ์เป็ นเอกสาร (Documents printing) ทำให้รูป
แบบ ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยุคแรก ๆ มีลักษณะเป็ นเอกสารประเภท
ไฟล์ .doc .txt .rtf และ .pdf เมื่อมีการพัฒนาภาษา HTML (Hypertext Markup
Language) ข้อมูลต่าง ๆ จึงถูกออกแบบ และตกแต่งในรูปของเว็บไซต์ โดย
ปรากฏในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ซึ่งเรียกว่า “web page” ผู้อ่านสามารถเปิ ด
ดูเอกสารเหล่านั้นได้ด้วยเว็บเบราว์เซอร์ (Web browser)ซึ่งเป็ นโปรแกรม
ประยุกต์ที่สามารถแสดงผลข้อความภาพ และการปฏิสัมพันธ์ผ่านระบบ
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้น
บริษัท ไมโครซอฟท์ ได้ผลิตเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้คำแนะนำในรูป
แบบ HTML Help ขึ้นมา มีรูปแบบของไฟล์เป็ น .CHM โดยมีตัวอ่าน คือ
Microsoft Reader และหลังจากนั้นมีบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์
จำนวนมาก ได้พัฒนาโปรแกรมจนกระทั่งสามารถผลิตเอกสาร
อิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็ นลักษณะเหมือนกับหนังสือทั่วไป กล่าวคือ
สามารถแทรกข้อความ แทรกภาพ จัดหน้าหนังสือได้ตามความต้องการของ
ผู้ผลิต
3
ประเภทของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็ น 10 ประเภท ดังนี้ คือ
1. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือแบบตำรา (Textbook)
มีรูปแบบหนังสือปกติที่พบเห็นทั่วไป เป็ นการแปลงหนังสือจากสภาพสิ่ง
พิมพ์ปกติ เป็ นสัญญาณดิจิตอล เพิ่มศักยภาพเดิมการนำเสนอ การ
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ด้วยศักยภาพของ
คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน เช่น การเปิ ดหน้าหนังสือ การสืบค้น การคัดเลือก
เป็ นต้น
2. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเสียงอ่าน
เมื่อเปิ ดหนังสือ จะมีเสียงคำอ่าน หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้เหมาะ
สำหรับหนังสือเด็กเริ่มเรียน หรือหนังสือฝึ กออกเสียง หรือ ฝึ กพูด (Talking
Book ) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้เป็ นการเน้นคุณลักษณะด้านการนำ
เสนอเนื้อหาที่เป็ นตัวอักษร และเสียงเป็ นคุณลักษณะหลัก นิยมใช้กับกลุ่มผู้
อ่านที่มีระดับลักษณะทางภาษาโดยเฉพาะด้านการฟั งหรือการอ่านค่อนข้าง
ต่ำ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเรียนภาษาของเด็กๆ หรือผู้ที่กำลังฝึ กภาษาที่
สอง หรือฝึ กภาษาใหม่ เป็ นต้น
3. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพนิ่ง หรืออัลบั้มภาพ (static
Picture Book)
เป็ นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีคุณลักษณะหลักเน้นจัดเก็บข้อมูล และนำ
เสนอข้อมูลในรูปแบบภาพนิ่ง(static picture) หรืออัลบั้มภาพเป็ นหลัก เสริม
ด้วยการนำศักยภาพของคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำเสนอ เช่น การเลือก
ภาพที่ต้องการ การขยายหรือย่อขนาดของภาพของคอมพิวเตอร์ การขยาย
หรือย่อขนาดของภาพหรือตัวอักษร การสำเนาหรือการถ่ายโอนภาพ การ
แต่งเติมภาพ การเลือกเฉพาะส่วนของภาพ (cropping) หรือเพิ่มข้อมูล เชื่อม
โยงภายใน (Linking information) เช่น เชื่อมข้อมูลอธิบายเพิ่มเติม เชื่อม
ข้อมูลเสียงประกอบ เป็ นต้น
4
4. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือภาพเคลื่อนไหว (Moving Picture
Book)
เป็ นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพวีดีทัศน์
(Video Clips) หรือภาพยนตร์สั้น ๆ (Films Clips) ผนวกกับข้อมูลสนเทศที่
อยู่ในรูปตัวหนังสือ (Text Information) ผู้อ่านสามารถเลือกชมศึกษาข้อมูล
ได้ ส่วนใหญ่นิยมนำเสนอข้อมูลเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ หรือเหตุการณ์
สำคัญ เช่น ภาพเหตุการณ์สงครามโลก ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของบุคคล
สำคัญๆ ของโลกในโอกาสต่างๆ ภาพเหตุการณ์ความสำเร็จหรือสูญเสียของ
โลก เป็ นต้น
5. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อประสม (Multimedia Book)
เป็ นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นเสนอข้อมูลเนื้อหาสาระ ในลักษณะแบบสื่อ
ประสมระหว่างสื่อภาพ (Visual Media) เป็ นทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
กับสื่อประเภทเสียง (Audio Media)ในลักษณะต่าง ๆ ผนวกกับศักยภาพของ
คอมพิวเตอร์อื่นเช่นเดียวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
6. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือสื่อหลากหลาย (Polymedia book)
เป็ นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
แบบสื่ อประสมแต่มีความหลากหลายในคุณลักษณะด้านความเชื่ อมโยง
ระหว่างข้อมูลภายในเล่มที่บันทึกในลักษณะต่าง ๆ เช่น ตัวหนังสือภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี และอื่นๆ เป็ นต้น
7. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือเชื่อมโยง ( Hypermedia Book)
เป็ นหนังสือที่มีคุณลักษณะสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาสาระภายในเล่ม
(Internal Information Linking) ซึ่งผู้อ่านสามารถคลิกเพื่อเชื่อมไปสู่เนื้อหา
สาระที่ออกแบบเชื่อมโยงกันภายใน การเชื่อมโยงเช่นนี้มีคุณลักษณะเช่น
เดียวกับบทเรียนโปรแกรมแบบแตกกิ่ง ( Branching Programmed
Instruction) นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับแหล่งเอกสารภายนอก
(External or Information Sources) เมื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
8. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสืออัจฉริยะ (Intelligent Electronic Book)
เป็ นหนังสือประสม แต่มีการใช้โปรแกรมชั้นสูงที่สามารถมีปฏิกิริยา หรือ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านเสมือนหนังสือมีสติปั ญญา (อัจฉริยะ) ในการไตร่ตรอง
หรือคาดคะเนในการโต้ตอบหรือปฏิกิริยากับผู้อ่าน
5
9. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบสื่อหนังสือทางไกล (Telemedia Electronic
Book)
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มีคุณลักษณะหลักต่างๆ คล้ายกับ
Hypermedia Electronic Books แต่เน้นการเชื่อมโยงกับแหล่งข้อมูลภายนอก
ผ่านระบบเครือข่าย (Online Information Sourcess) ทั้งที่เป็ นเครือข่ายเปิ ด
และเครือข่ายเฉพาะสมาชิกของเครือข่าย
10. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนังสือไซเบอร์สเปซ (Cyberspace book)
หนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ประเภทนี้มีลักษณะเหมือนกับหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์
หลายๆ แบบที่กล่าวมาแล้วผสมกัน สามารถเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลทั้งจาก
แหล่งภายในและภายนอกสามารถนำเสนอข้อมูลในระบบสื่ อที่หลากหลาย
สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านได้หลากหลาย
โครงสร้างทั่วไปของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์
ลักษณะโครงสร้างของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์จะมีความคล้ายคลึงกับ
หนังสือทั่วไปที่พิมพ์ด้วยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็
คือ กระบวนการผลิต รูปแบบ และวิธีการอ่านหนังสือลักษณะโครงสร้าง
ของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์จะมีความคล้ายคลึงกับหนั งสือทั่วไปที่พิมพ์ด้วย
กระดาษ หากจะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือกระบวนการผลิต รูป
แบบ และวิธีการอ่านหนังสือ
สรุปโครงสร้างทั่วไปของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ประกอบด้วย
1. หน้าปก (Front Cover)
หมายถึง ปกด้านหน้าของหนังสือซึ่งจะอยู่ส่วนแรก เป็ นตัวบ่งบอกว่า
หนังสือเล่มนี้ชื่ออะไร ใครเป็ นผู้แต่ง
2. คำนำ (Introduction)
หมายถึง คำบอกกล่าวของผู้เขียนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ
ข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ ของหนังสือเล่มนั้น
3. สารบัญ (Contents) หมายถึง ตัวบ่งบอกหัวเรื่องสำคัญที่อยู่ภายในเล่มว่า
ประกอบด้วยอะไรบ้าง อยู่ที่หน้าใดของหนังสือ สามารถเชื่อมโยงไปสู่หน้า
ต่างๆ ภายในเล่มได้
4. สาระของหนังสือแต่ละหน้า (Pages Contents) หมายถึง ส่วนประกอบ
สำคัญในแต่ละหน้า ที่ปรากฏภายในเล่ม ประกอบด้วย
6
4.1 หน้าหนังสือ (Page Number)
4.2 ข้อความ (Texts)
4.3 ภาพประกอบ (Graphics) .jpg, .gif, .bmp, .png, .tiff
– เสียง (Sounds) .mp3, .wav, .midi
– ภาพเคลื่อนไหว (Video Clips, flash) .mpeg, .wav, .avi
– จุดเชื่อมโยง (Links)
5. อ้างอิง (Reference)
หมายถึง แหล่งข้อมูลที่ใช้นำมาอ้างอิง อาจเป็ นเอกสาร ตำรา หรือ เว็บไซต์
6. ดัชนี (Index)
หมายถึง การระบุคำสำคัญหรือคำหลักต่างๆ ที่อยู่ภายในเล่ม โดยเรียงลำดับ
ตัวอักษรให้สะดวกต่อการค้นหา พร้อมระบุเลขหน้าและจุดเชื่อมโยง
7. ปกหลัง (Back Cover)
หมายถึง ปกด้านหลังของหนังสือ ซึ่งอยู่ส่วนท้ายเล่ม
ประโยชน์ของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ e-Book
สำหรับผู้อ่าน
1. ขั้นตอนง่ายในการอ่าน และค้นหาหนังสือ
2. ไม่เปลืองเนื้อที่ในการเก็บหนังสือ
3. อ่านหนังสือได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
สำหรับห้องสมุด
1. สะดวกในการให้บริการหนังสือ
2. ไม่ต้องใช้สถานที่มากในการจัดเก็บหนังสือ และไม่เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
3. ลดงานที่เกิดจากการซ่อม จัดเก็บ และการจัดเรียงหนังสือ
4. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมาดูแลและซ่อมแซมหนังสือ
5. มีรายงานแสดงการเข้ามาอ่านหนังสือ
7
สำหรับสำนั กพิมพ์และผู้เขียน
1. ลดขั้นตอนในการจัดทำหนังสือ
2. ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการจัดพิมพ์หนังสือ
3. ลดค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ
4. เพิ่มช่องทางในการจำหน่ายหนังสือ
5. เพิ่มช่องทางในการประชาสัมพันธ์ตรงถึงผู้อ่าน
ข้อดีและข้อเสียของหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์
ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีดังต่อไปนี้
1. อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ ได้ตลอดเวลา เนื่ องจากพกไปได้ตลอดและได้จำนวน
มาก
2. ประหยัดการตัดไม้ทำลายป่ า เพราะไม่ต้องตัดไม้มาทำกระดาษ
3. เก็บรักษาได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ ประหยัดค่าเก็บรักษา
4. ค้นหาข้อความได้ ยกเว้นว่าอยู่ในลักษณะของภาพ
5. ใช้พื้นที่น้อยในการจัดเก็บ (cd 1 แผ่นสามารถเก็บ e-Book ได้ประมาณ
500 เล่ม)
6. อ่านได้ในที่มืด หรือแสงน้อย
7. ทำสำเนาได้ง่าย
8. จำหน่ายได้ในราคาถูกกว่าในรูปแบบหนังสือ
9. อ่านได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพราะไม่ยับหรือเสียหายเหมือนกระดาษ
10. สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทาง แค่คลิกเดียวก็สามารถเลือกอ่านหนังสือ
ที่ต้องการได้ทันที
11. เป็ นส่วนหนึ่งในการรักษาธรรมชาติ โดยลดการใช้กระดาษกับ True e-
Book
ข้อเสียของ e-Book มีดังต่อไปนี้
1. ต้องอาศัยพลังงานในการอ่านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็ นไฟฟ้ าหรือ
แบตเตอรี่
2. เสียสุขภาพสายตา จากการได้รับแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
3. ขาดความรู้สึก หรืออรรถรส หรือความคลาสสิค
4. อาจเกิดปั ญหากับการลง hardware หรือ software ใหม่หรือแทนที่อันเก่า
5. ต้องมีการดูแลไฟล์ให้ดี ไม่ให้เสียหรือสูญหาย
6. การอ่านอาจเกิดอันตรายต่อสายตา
7. เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่าย
8. ไม่เหมาะกับบาง format เช่น รูปวาด รูปถ่าย แผนที่ใหญ่ เป็ นต้น
8
ความแตกต่างของหนังสือ E-book กับหนังสือทั่วไป
9
โปรแกรมที่ใช้สร้างหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์
โปรแกรมสำหรับสร้างหนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์มีหลายแบบหลายประเภท
ความยากง่ายซับซ้อนในการใช้งานก็ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของ
หนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ที่ต้องการสร้างทั้งโปรแกรมสร้างหนั งสือ
อิเล็กทรอนิกส์แบบ pdf และโปรแกรมสำหรับสร้าง e-book แบบ ePub หรือ
Filp เช่น แนวโปรแกรมที่ใช้สร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไม่ว่าจะเป็ น
Microsoft Word Microsoft Power Point และอื่นๆ
โปรแกรม desktop author
เป็ นโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมซึ่ง
สามารถพิมพ์ข้อความใส่รูปภาพภาพเคลื่อนไหวไฟล์ swf วีดีโอและยัง
สามารถนำเข้าไฟล์ PDF ได้
โปรแกรม Flip Album
เป็ นโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมเป็ นอย่าง
มาก ซึ่งสามารถพิมพ์ข้อความ ใส่รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว
โปรแกรม Flash Album Deluxe เป็ นซอฟต์แวร์ในโปรแกรมสำหรับการสร้าง
อัลบั้ม ภาพดิจิตอลที่มีเครื่องมือต่างๆ ที่สามารถสร้างได้อย่างรวดเร็ว มี
อัลบั้มที่สวยงามโดยไม่ต้องใช้ เวลามากเกินไป สามารถเลือกรูปแบบไฟล์ที่
หลากหลาย เช่น ไฟล์ swf ไฟล์ html และปฏิบัติการอัลบั้มออกมาวาง
สามารถใช้ร่วมกันในเว็บไซต์ที่บันทึกในคอมพิวเตอร์ของคุณหรือใช้เป็ น
โปรแกรมรักษาหน้ าจอ
โปรแกรม Flip pdf Professional เป็ นโปรแกรมสำหรับสร้างหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมเป็ นอย่างมาก ซึ่งสามารถพิมพ์ข้อความ ใส่
รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหวไฟล์ swf วีดีโอและยังสามารถนำเข้าไฟล์ PDF ได้
ทั้งยังสามารถสร้างไฟล์หนั งสืออิเล็กทรอนิ กส์ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะ
เป็ นรูปแบบเว็บเพจ html การทำแผ่นซีดีที่เปิ ดอัตโนมัติ (Autorun CD)
10
โปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ที่ต้องติดตั้ง มิฉะนั้นแล้วจะ
เปิ ดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1. โปรแกรมชุด FlipAlbum ตัวอ่านคือ FilpViewer
2. โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL Reader
3. โปรแกรมชุด Flip Flash Album ตัวอ่านคือ Flash Player
11
หน่วยที่ 2
หลักการออกแบบหนั งสือ
อิเล็กทรอนิ กส์
12
หน่วยที่ 2 หลักการออกแบบหนังสือ
อิเล็กทรอนิ กส์
หลักการออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การนำองค์ประกอบ
ต่างๆ มาจัดหรือรวบรวมเข้าด้วยกันอย่างมีระบบไม่ว่าจะเป็ นตัวอักษร ภาพ
หรือพื้นที่ว่างเพื่อออกแบบสิ่งพิมพ์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เป็ นไปตาม
วัตถุประสงค์ ที่ต้องการ ก่อนการออกแบบมีการวางแผน ดังนี้
1. ศึกษา และทำความเข้าใจหนังสือ
ก่อนที่จะทำการออกแบบ นักออกแบบจะต้องพยายามหาข้อมูลจากผู้เขียน
หรือสำนั กพิมพ์เกี่ยวกับ
– วัตถุประสงค์ในการเขียนหรือจัดทำหนังสือ
– ลักษณะของผู้อ่านที่เป็ นกลุ่มเป้ าหมายใด คนกลุ่มนี้มีพฤติกรรม และ
ความชอบไม่ชอบอย่างไร
– ผู้เขียนมีความคิดหลัก หรือแนวคิดเบื้องหลังของหนังสืออย่างไรรวมทั้ง
เป็ นหนังสือประเภทใดและควรจะมีบุคลิกภาพแบบไหน
2. หลักความสมดุล (Balance)
หมายถึง การกำหนดและการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นตัว
อักษร ภาพ หรือพื้นที่ว่างให้มีน้ำหนัก และขนาดในสัดส่วนที่เท่าๆ กันหรือ
กันเคียงกันทั้ง 2 ข้าง
3. ความมีเอกภพ (Unity)
หมายถึง การจัดองค์ประกอบให้มีการรวมตัวเป็ นหนึ่งเดียวกัน โดยไม่
แตกแยกกระจัดกระจาย สะเปะสะปะ ซึ่งถ้างานออกแบบขาดความเป็ น
เอกภาพจะทำให้ชิ้นงานไม่น่ าสนใจ
4. การเน้นจุดความสนใจ (Emphasis)
หมายถึง การสร้างจุดสนใจให้เกิดขึ้นในงานออกแบบ โดยการกำหนด
บริเวณใดบริเวณหนึ่งในชิ้นงานที่่เหมาะสม ให้มีลักษณะพิเศษกว่าบริเวณ
อื่น เพื่อให้ดึงดูดความสนใจแก่ผู้อ่าน
5. ความเรียบง่าย (Simplicity)
หมายถึง การวางองค์ประกอบในการจัดภาพควรเน้นที่มีความเรียบง่าย ไม่
รกรุงรังเพราะแม้ว่าผู้ออกแบบจะสามารถออกแบบงานหรูหรา แต่หากไม่
สามารถสื่ อความหมายได้ตามที่ต้องการก็สูญเปล่า
6. สี (Color)
หมายถึง สีเป็ นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการผลิตงานกราฟิ กทุกประเภท
13
เทคนิคการเลือกใช้สี สำหรับการออกแบบ Presentation
สี คือ ส่วนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในงานออกแบบ เพราะสีจะกำหนดความ
รู้สึกและสร้างอารมณ์ของผู้รับชม ไม่ว่าจะเป็ นสีโทนเดียว (monochromatic),
สดใส (bright), สดชื่น (cool), อบอุ่น (warm), หรือการเติมเต็มเฉดสีที่หลาก
หลายให้ทำหน้ าที่ที่แตกต่างกันในหนึ่ งชิ้นงานออกแบบ
14
1. ตัวหนังสือ
การใช้ตัวหนังสือให้เข้ากับ Backgraound เพื่อความแตกต่างของสีให้ผู้ชม
สามารถอ่านข้อความได้ง่ายขึ้น
– ถ้าตัวหนังสือเป็ นสีอ่อน ควรเลือก Backgraound สีเข้ม
– ถ้า Backgraound เป็ นสีอ่อน ควรเลือกให้ตัวหนังสือเป็ นสีเข้ม
ตัวอย่าง ตัวอย่าง
2. ใช้สีเพียง 3-4 สีก็พอ
การเลือกใช้สีเพียงแค่ 3-4 สีก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชมสนใจที่จะอ่าน
และมองสไลด์ที่คุณออกแบบมา เพราะการเลือกใช้ที่เยอะมักจะทำให้ผู้ชม
สับสนว่าคุณต้องการจะสื่ อสารอะไร
3. ใช้ทฤษฎีสี 60-30-10
เลือกใช้สีโดยนำทฤษฎี 60-30-10 โดยการแบ่งการออกแบบสไลด์เป็ น
หน่ วยแบบเปอร์เซ็นต์
60% แรก คือ การใช้สีพื้นของสไลด์
30% สำหรับสีที่ 2 ที่ใช้ในสไลด์
10% สุดท้าย คือ การนำสีไปใช้ในการเน้นหรือไฮไลท์ส่วนที่สำคัญของสไลด์
วิธีนี้จะช่วยให้ Balance สีให้เข้ากัน และเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน
60% 30% 10%
15
สี และจิตวิทยา
สีฟ้ า
ให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด
รอบคอบสง่างาม มีศักดิ์ศรี สูงศักดิ์ เป็ นระเบียบถ่อมตน สามารถลดความ
ตื่นเต้น และช่วยทำให้มีสมาธิ แต่ถ้ามีสีน้ำเงินเข้มเกินไป ก็จะทำให้รู้สึกซึม
เศร้าได้
สีเขียว
เป็ นสีในวรรณะเย็น จะสร้างความรู้สึกเย็นสบาย ใช้เป็ นสีที่ช่วยผ่อนคลาย
ความเครียดได้ให้ความรู้สึก สงบ เงียบ ร่มรื่น ร่มเย็น การพักผ่อน การผ่อน
คลาย ธรรมชาติ ความปลอดภัยปกติ ความสุข ความสุขุม เยือกเย็น
สีเหลือง
เป็ นสีแห่งความเบิกบาน เร้าอารมณ์ และเรียกร้องความสนใจ ให้ความรู้สึก
แจ่มใสความสดใส ความร่าเริง ความเบิกบานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด
ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อำนาจบารมี ให้ลองสังเกตดูว่า วันที่
ท้องฟ้ ามืดครึ้มปราศจากแสงแดด เราจะรู้สึกหงอยเหงา หดหู่ แต่พอมี
แสงแดด ท้องฟ้ าสว่าง มีสีเหลือง เราจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้
สีแดง
เป็ นสีที่สร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นสมอง สีแดงปานกลางแสดงถึงความ
มีสุขภาพดีความมีชีวิต ความรัก ความสำคัญ ความอุดมสมบูรณ์ ความ
มั่งคั่ง สีแดงจัดมีความหมายแฝงด้านกามารมณ์ นอกจากนี้สีแดงยังสร้าง
ความรู้สึกรุนแรง ให้ความรู้สึกร้อน กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น
เร้าใจ มีพลัง มันจะใช้กันกรณีที่เกี่ยวกับความตื่นเต้น หรืออันตราย
สีม่วง
ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำนาจ มีพลังแฝงอยู่
ความรักความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์ เป็ นสีที่
ปลอบโยน และช่วยลดความเครียดแต่เดิมสีม่วงได้มาจากสัตว์มี
กระดอง,เปลือก ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อว่า Purpura จึงได้ชื่อภาษา
อังกฤษว่า Purple
16
สีส้ม
ให้ความรู้สึก ร้อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึก
คะนองการปลดปล่อย ความเปรี้ยว การระวังเป็ นสีที่เร้าความรู้สึก ปรกติ
ควรใช้แต่น้อยเมื่อเทียบกับสีอื่น สังเกตว่าคนที่อยู่ในห้องสีส้มจะอยู่ได้ไม่
นาน
สีน้ำตาล
ให้ความรู้สึกอบอุ่น ได้พักผ่อน แต่ควรใช้ร่วมกับสีส้ม เหลือง หรือสีทอง
เพราะถ้าใช้สีน้ำตาลเพียงสีเดียว อาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ได้
สีเทา
ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความ
สงบความเงียบ สุภาพ สุขุม ถ่อมตน สีนี้มีข้อดีคือทำให้เย็น แต่สร้างความ
สร้างความรู้สึกหม่นหมองได้ ควรใช้ร่วมกับสีที่มีชีวิต โทนสว่างอย่างน้อยห
นึ่ งสี
สีขาว
ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิ ดเผย การเกิด
ความรัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความศรัทธา ความดีงาม
การออกแบบปก และเนื้อหา
ปกหน้ า
ปกหน้าของหนังสือเป็ นหน้าที่สำคัญ โดยหน้าปกจะต้องทำหน้าที่ดึงดูด
ความสนใจของงผู้พบเห็นให้อยากหยิบขึ้นมาดูจากชั้นหนังสือ ในขณะ
เดียวกันปกหน้าหนังสือจะต้องทำหน้าที่สื่อสารให้เห็น ลักษณะของเนื้อเรื่อง
ภายในหนั งสือ
ตัวอย่างออกเเบบหน้าปก
17
1 .ชื่อหนังสือหรือชื่อเรื่อง
เป็ นองค์ประกอบในส่วนของตัวอักษรที่จะต้องได้รับการออกแบบให้โดด
เด่นกว่าตัวอักษรอื่นๆ ขนาดของตัวอักษรที่ใช้เป็ นตัวหนังสือมักมีขนาด
ใหญ่ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นได้ชัดเจน
– รูปแบบของตัวอักษร จะต้องสะท้อนบุคลิกภาพของหนังสือว่าเนื้อเรื่องมี
ลักษณะเป็ นประเภทใด เช่น ใช้ตัวอักษรที่มีรูปแบบโค้งมนและมีหางลาก
ยาวๆ เป็ นต้น
– ตำแหน่งของชื่อหนังสือ อาจจะอยู่ที่ใดในปกหน้าก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ นิยม
วางไว้ในส่วนบนของหน้า เพราะเป็ นตำแหน่งที่ผู้พบเห็นจะมองก่อนส่วน
อื่ นๆ
2. ชื่อผู้แต่งหรือชื่อผู้แปล
เป็ นองค์ประกอบในส่วนของตัวอักษรที่มีความสำคัญรองลงมาจากชื่อ
หนังสือ และขนาดของตัวอักษรควรมีขนาดเล็กกว่า ชื่อหนังสือหรือชื่อเรื่อง
อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้แย่งกันเด่น ส่วนรูปแบบตัวอักษรมักใช้ตาม
ลักษณะบุคลิกภาพของหนั งสือ
3. ภาพประกอบหน้าปก
ปกหนังสือแทบทุกเล่มจะมีภาพประกอบ บางภาพก็บ่งบอกถึงเนื้อหาได้ดี
บางภาพก็ทิ้งปริศนาไว้ให้ครุ่นคิด หรือบางภาพก็ดูจะไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อหา
ข้างในเลย แต่นั่ นก็เป็ นเสน่ห์ของหนังสือที่ดึงดูดใจให้ผู้อ่านหยิบขึ้นมาอ่าน
ได้เช่นกัน
4. ข้อความประกอบหน้าปก
อาจมีในหนังสือบางเล่มเพื่อเพิ่มรายละเอียดที่สำคัญเพิ่มเติม เช่น หนังสือ
ในชุดนี้มีหลายเล่มข้อความเหล่านี้ควรได้รับการออกแบบให้มีความสำคัญ
รองจากชื่อหนังสือ และชื่อผู้แต่งหรือผู้แปลทั้งในด้านขนาด รูปแบบ ส่วน
ตำแหน่งก็มักวางอยู่เหนือชื่อหนังสือ เช่น มุมขวาบน
5. ตราสัญลักษณ์ของสำนักพิมพ์ (ถ้ามี)
อาจจะอยู่ในหน้าปกหรือในส่วนอื่นๆ เช่น สันหนังสือ โดยมักไม่ให้มีขนาด
ใหญ่มากนัก และวางอยู่ในตำแหน่งที่แยกออกจากองค์ประกอบอื่นๆ อย่าง
ชัดเจน
18
ปกหลัง
เป็ นหน้าที่อาจเว้นว่างไว้หรือใส่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนหนังสือ เช่น ประวัติ
หรือผลงานในอดีต ซึ่งอาจจะมีไว้ในปกด้านในก็ได้
ตัวอย่างออกเเบบปกหลัง
การออกแบบหน้ าเนื้อหา
ตัวอย่างออกเเบบเนื้อหา
1. หัวข้อของเนื้อหา
ควรมีความโดดเด่น สวยงามกว่าข้อความของเนื้อหา เพื่อให้เกิดความน่า
สนใจซึ่งสามารถตกแต่งให้โดดเด่นได้ ดังนี้
– โดดเด่นขนาด คือ ต้องมีขนาดใหญ่กว่าเนื้อหาทั่วไป
– เด่นด้วยสี คือ ควรเป็ นสีที่สวยงามโดดเด่นจากพื้นหลัง
– เนื้อหาเด่นด้วยตำแหน่ง คือไม่จำเป็ นต้องอยู่ต้องกลางหน้ากระดาษหรือ
ด้านบนเสมอไปสามารถวางไว้ในตำแหน่ งที่เยื้องไปด้านใดด้านหนึ่ งได้
19
2. การสร้างหน้าเนื้อหานั้น ๆ ควรมีทั้งรูปและข้อความ
ไม่ควรมีแต่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้หน้านั้นขาดความน่า
สนใจไม่น่าอ่าน ควรมีรูปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเพื่อช่วยในการอธิบาย
ข้อความ อีกทั้งยังทำให้เกิดความสวยงาม
3. ไม่ควรวางตำแหน่งข้อความให้ชิดขอบเกินไป
ไม่ว่าจะเป็ นขอบด้านบน ชิดขอบด้านล่างชิดด้านซ้าย หรือชิดด้านขวา
4. หากต้องการเน้นเนื้อหาที่เป็ นข้อความ
ควรหลีกเลี่ยงการนำรูปภาพมาเป็ นพื้นหลังให้กับข้อความ เนื่ องจากจะทำให้
ตัวหนังสือไม่ชัดเจน หากต้องการนำรูปภาพนั้นเป็ นพื้นหลัง ควรเพิ่มรูปร่าง
ให้เป็ นกรอบข้อความ และเพิ่มค่าความโปร่งใส จะทำให้ได้ทั้งรูปภาพพื้น
หลังและได้ตัวเนื้อหาที่ชัดเจน สวยงาม
5. ควรจัดวางตำแหน่งของข้อความที่หลากหลายในแต่ละหน้า
เพื่ อไม่ให้เกิดความจำเจขณะอ่าน
ตัวอย่างการจัดวางตำเเหน่งข้อความหลาหหลาย
20
หน่วยที่ 3
จริยธรรมและคุณธรรมในการใช้
คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ ต
21
หน่วยที่ 3 จริยธรรมและคุณธรรมในการใช้
คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ ต
คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีและความถูกต้องซึ่งบุคคลควร
ยึดมั่นไว้เป็ นหลักการในการปฏิบัติตนจนเป็ นนิสัยความประพฤติดีงาม เพื่อ
ประโยชน์แก่ตนและสังคม ซึ่งมีพื้นฐานมาจากหลักศีลธรรมทางศาสนา ค่า
นิยมทางวัฒนธรรม ประเพณี หลักกฎหมาย จรรยาบรรณวิชาชีพ การรู้จัก
ไตร่ตรอง
ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ และอาจกล่าวได้ว่าคุณธรรม คือ จริยธรรมที่นำมา
ปฏิบัติจนเป็ นนิสัย เช่น การเป็ นคนซื่อสัตย์ เสียสละ และ มีความรับผิด
ชอบ
จริยธรรม หมายถึง หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็ นแนวทาง
ปฏิบัติ หรือควบคุม
การใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาจริยธรรมเกี่ยวกับ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
และคอมพิวเตอร์แล้ว สามารถสรุปได้ 4 ประเด็น ได้แก่
1 ความเป็ นส่วนตัว (Information Privacy)
หมายถึง สิทธิที่จะอยู่ตามลำพังและเป็ นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุม
ข้อมูลของตนเอง
ในการเปิ ดเผยให้กับผู้อื่น การละเมิดความเป็ นส่วนตัวที่เป็ นข้อหน้าสังเกต
ดังนี้
– การเข้าไปดูข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการบันทึกข้อมูลใน
เครื่ องคอมพิวเตอร์
รวมทั้งการบันทึก-แลกเปลี่ยนข้อมูลที่บุคคลเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์และ
กลุ่มข่าวสาร
– การใช้เทคโนโลยีในการติดตามความเคลื่อนไหวหรือพฤติกรรมของ
บุคคล เช่น บริษัทใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจจับหรือเฝ้ าดูการปฏิบัติงาน/
การใช้บริการของพนั กงาน
– การใช้ข้อมูลของลูกค้าจากแหล่งต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยาย
ตลาด
– การรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขบัตรเครดิต และ
ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อนำไปสร้างฐานข้อมูลประวัติลูกค้าใหม่ขึ้นมาแล้วนำ
ไปขายให้กับบริษัทอื่ น
22
2 ความถูกต้อง (Information Accuracy)
ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูล
คุณลักษณะที่สำคัญ
คือ ความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูลจะน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่
กับความถูกต้องในการบันทึกข้อมูลด้วย ดังนั้น การพิจารณาให้ความสำคัญ
กับบุคคลที่จะเป็ นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลที่จัดเก็บและเผย
แพร่ย่อมมีความสำคัญ
3 ความเป็ นเจ้าของ (Information Property)
ในสังคมของเทคโนโลยีสารสนเทศมักจะกล่าวถึงการละเมิดลิขสิทธิ์
ซอฟต์แวร์ เมื่อเราซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีการจดลิขสิทธิ์ นั่ น
หมายความว่าเราจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการใช้ซอฟต์แวร์นั้น ซึ่งลิขสิทธิ์ในการใช้
จะแตกต่างกันไปในแต่ละสินค้าและบริษัท บางโปรแกรมอนุญาตให้ติดตั้ง
ได้เพียงเครื่องเดียว ในขณะที่บางโปรแกรมอนุญาตให้ใช้ได้หลายเครื่อง
ตราบใดที่เรายังเป็ นบุคคลที่มีสิทธิในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมา
การคัดลอกโปรแกรมให้กับบุคคลอื่น เป็ นการกระทำที่ต้องพิจารณาให้
รอบคอบก่อนว่าท่านมีสิทธิในโปรแกรมนั้นในระดับใด
4 การเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility)
คือ การป้ องกันการเข้าไปดำเนินการกับข้อมูลของผู้ใช้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
และเป็ นการรักษาความลับของข้อมูล ตัวอย่างสิทธิในการใช้งานระบบเช่น
การบันทึก การแก้ไข/ปรับปรุง และการลบ เป็ นต้น ดังนั้น ในการพัฒนา
ระบบคอมพิวเตอร์จึงได้มีการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้า
ถึงข้อมูลของผู้ใช้ และการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม
นั้น ถือว่าเป็ นการผิดจริยธรรมเช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว ในการ
ใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายร่วมกัน หากผู้ใช้ร่วมใจกันปฏิบัติตาม
ระเบียบและข้อบังคับของแต่ละหน่วยงานอย่างเคร่งครัดแล้ว การผิด
จริยธรรมตามประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นก็คงจะไม่เกิดขึ้น
23
จรรยาบรรณผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ควรยึดถือไว้
เป็ นสิ่งที่ทำให้สังคมอินเตอร์เน็ตเป็ นระเบียบเกิดความรับผิดชอบต่อสังคม
1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายหรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ต้องไม่สอดแนมหรือแก้ไขเปิ ดดูในแฟ้ มของผู้อื่น
4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็ นเท็จ
6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7. ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8. ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็ นของตน
9. ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันติดตามมาจากการกระทำ
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกามารยาท
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และการโจรกรรมทรัพย์สิน
ทางปั ญญา 6 ประเภท
1. การเงิน – อาชญากรรมที่ขัดขวางความสามารถขององค์กรธุรกิจในการ
ทำธุรกรรม
อี-คอมเมิร์ซ (หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)
2. การละเมิดลิขสิทธิ์ – การคัดลอกผลงานที่มีลิขสิทธิ์ ในปั จจุบัน
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและ
อินเทอร์เน็ตถูกใช้เป็ นสื่อในการก่ออาชญากรรม ที่เรียกว่าการโจรกรรมทาง
ออนไลน์ หมายรวมถึง การละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้
อินเทอร์เน็ ตเพื่ อจำหน่ ายหรือเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ลิขสิทธิ์
3. การเจาะระบบ – การให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์
หรือเครือข่ายโดยไม่ได้
รับอนุญาต และในบางกรณีอาจหมายถึงการใช้สิทธิการเข้าถึงนี้โดยไม่ได้รับ
อนุญาต นอกจากนี้การเจาะระบบยังอาจรองรับอาชญากรรมทาง
คอมพิวเตอร์ในรูปแบบอื่นๆ (เช่น การปลอมแปลง การก่อการร้าย ฯลฯ)
4. การก่อการร้ายทางคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างความหวาดกลัว การก่อการ
ร้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-terrorism) จะเกี่ยวข้องกับการเจาระบบ
คอมพิวเตอร์เพื่ อก่อเหตุรุนแรงต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน
24
5. ภาพอนาจารทางออนไลน์ การเผยแพร่ภาพลามกอนาจารในรูปแบบใดๆ
ถือเป็ นการกระทำ
ที่ขัดต่อกฎหมาย
6. ภายในโรงเรียน – ถึงแม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเป็ นแหล่งทรัพยากรสำหรับ
การศึกษาและสันทนาการ แต่เยาวชนจำเป็ นต้องได้รับทราบเกี่ยวกับวิธีการ
ใช้งานอย่างปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ โดยนักเรียน
ควรได้มีความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมาย สิทธิของตนเอง และวิธีที่
เหมาะสมในการป้ องกันการใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่ผิด
พ.ร.บ.ว่าด้วยกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.
2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2 มีสาระสำคัญจำ
ง่ายๆ ดังนี้
1.การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็ นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูล
นั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็ นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3.ส่ง Email ขายของ ถือเป็ นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4.กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็ นเรื่องเกี่ยวกับ
สถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิด มาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5.กด Share ถือเป็ นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจ
เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6.พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่
เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเองสามารถแจ้งไปยังหน่ วยงานที่รับผิดชอบได้
หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น
ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หาก
พบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ
เพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
7.สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิ ดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด
พ.ร.บ.คอมฯ เมื่อลบออกจากพื้นที่ ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็ นผู้พ้นผิด
8.ไม่โพสต์สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้
9.การโพสเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิ ดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็ นการเชิดชู
ชื่นชม อย่างให้เกียรติ
25
10.การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อ
เสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชังญาติ สามารถฟ้ องร้องได้ตามกฎหมาย
11.การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัด
ต่อ ผู้ถูกกล่าวหาเอาผิดผู้โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน
200,000 บาท
12.ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13.ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้
ในเชิงพาณิชย์ หารายได้
26
หน่วยที่ 4
ใช้โปรแกรมใดในการสร้างเอกสาร
27
หน่วยที่ 4 ใช้โปรแกรมใดในการสร้างเอกสาร
โปรแกรม Google Docs (บริการออนไลน์)
เป็ นบริการโปรแกรมทำเอกสารจาก Google ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ไม่แพ้
กับโปรแกรม Microsoft Word เลย ตัวมันทำงานอยู่ในรูปแบบของการ
ประมวลผลบนคลาวด์ (Cloud Computing) ซึ่งให้คุณได้สามารถใช้งาน
ออนไลน์ ได้อย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน เว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) โดยคุณ
สามารถที่จะเข้าถึงโปรแกรม Google Docs ได้จากทุกที่ ที่มีอินเทอร์เน็ตเข้า
ถึง โดยมันจะเก็บไฟล์งานต่างๆ ของเราไว้ให้บน Google Drive บริการพื้นที่
เก็บไฟล์ออนไลน์ หรือบนคลาวด์ (Cloud Storage) บริการคู่หูของ Gmail
จาก Google นั่ นเองนั่ นเองด้วยความที่มันอยู่บนคลาวด์ ทำให้การทำงาน
ร่วมกับผู้อื่นแบบเรียลไทม์ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม งานนี้คงไม่ต้องแนะนำ
เยอะ เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะใช้งานกันอยู่แล้ว
โปรแกรม Canva
Canva เป็ นโปรแกรมสำเร็จรูปที่อยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ที่จะช่วยผู้ใช้ใน
เรื่องของการดีไซน์งานต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่สไลด์พรีเซนเทชั่นอย่างเดียว แต่จะ
ช่วยเหลือทุกงาน Artwork เท่าที่จะเป็ นไปได้ ผู้ใช้งานไม่จำเป็ นจะต้องมี
ความรู้ศิลปะเลยก็สามารถใช้ Canva ได้ บวกกับเทรนโลกในตอนนี้ที่การใช้
ภาษาอังกฤษบนพรีเซนเทชั่นกำลังเป็ นที่นิยม Canva ที่มี template ทั้งหมด
เป็ นภาษาอังกฤษเลยยิ่งตอบโจทย์มากขึ้นไปอีก
28
หน่วยที่ 5
สร้าง e-book ด้วย anyflip
29
หน่วยที่ 5 สร้าง e-book ด้วย anyflip
ข้าเว็บไซต์ www.anyflip.com แล้วคลิกที่ Sign Up เพื่อสมัครสมาชิก หรือ
เข้าสู่ระบบได้ทันทีหากมีบัญชีแล้ว หรือสามารถเลือกเข้าสู่ระบบผ่าน Google
หรือ Facebook ก็ได้
เมื่อทำการเข้าสู่ระบบได้เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกที่ ADD NEW BOOK เพื่อ
สร้างหนั งสือใหม่
30
ให้ผู้อ่านทำการกรอกข้อมูลหนังสือ ได้แก่ Title ชื่อหนังสือของเรา
Description รายละเอียดคร่าว ๆของหนังสือ Keywords คำสำคัญ Category
หมวดหมู่หนังสือ จากนั้นทำการคลิกปุ่ม UPLOAD YOUR PDF เพื่อเลือกไฟล์
PDF ทำการอัพโหลดเข้าสู่ระบบ
เมื่อไฟล์ทำการอัพโหลดไฟล์สำเร็จแล้วจะปรากฎ เล่มหนังสือ E-Book ดัง
ภาพ ให้ทำการคลิกที่ Save and Close ได้
เมื่อเพิ่มหนังสือเรียบร้อยแล้ว สามารถคลิกดูชั้นหนังสือที่สร้างสำเร็จแล้ว
โดยการคลิกที่ Link หรือ แชร์ชั้นหนังสือผ่าน qr code ได้เลย
จัดทำโดย
นายพฤษภา เกิดรอด
เลขที่12
ปวส 1 ออกแบบนิเทศศิลป์