หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
ประวัติความเป็นมา
อําเภอสามชุกตามหลักฐานเดิมมีชื่อว่า “อําเภอนาง
บวช” เพราะระยะแรกเริ่มนั้นได้ตั้งที่ว่าการอําเภอใน
ท้องที่ตําบลนางบวชจังหวัดสุพรรณบุรี และได้รับ
การยกฐานะเป็ นอําเภอ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗ โดยมีขุน
พรมสุภา (บุญรอด) เป็ นนายอําเภอ สมัยนั้นใช้ บ้าน
พักนายอําเภอเป็ นสถานที่ราชการ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.
๒๔๔๐ หมื่นยกพลพ่ายเป็ นนายอําเภอ ได้ก่อสร้าง
ที่ว่าการอําเภอขึ้นครั้นถึง ปี พ.ศ. ๒๔๕๗ กระทรวง
มหาดไทยได้ประกาศยกฐานะอําเภอทาง ฝ่ ายเหนือ
ของจังหวัดสุพรรณบุรี ในบริเวณหมู่บ้านเขาพระ
ตั้งชื่อว่า“อําเภอเดิมบาง”หลวงประจันต์ราษฎร์
(ใหม่ บุญยบุตร) เป็ น นายอําเภอนางบวชสมัยนั้น
จึงย้ายที่ว่าการอําเภอนางบวชมาตั้งอยู่บริเวณ
หมู่บ้านสามเพ็ง ตําบลสามชุก
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่ออําเภอใหม่เพื่อให้
สอดคล้องกับชื่อตําบล จึงมีการเปลี่ยนชื่อจากอําเภอเดิมบาง
เป็น“อําเภอสามชุก”มาจนถึงปัจจุบันนี้และมีนายอําเภอ
เปลี่ยนแปลงและ โยกย้ายมาแล้ว รวม ๕๑ คน ปัจจุบันมีนาย
วิสูตร กรมพิศาล ปลัดอําเภออาวุโส รักษาราชการแทนนา
ยอําเภออําเภอสามชุกในสมัยที่การคมนาคมไม่สะดวกเหมือน
ปัจจุบัน การเดินทางติดต่อกันต้องอาศัยการสัญจรทางนํ้า
เป็นหลัก แม่นํ้า สําคัญที่เป็นทางสัญจรก็คือ แม่นํ้าท่าจีน
สําหรับทางบกต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะบรรทุกของเป็นส่วน
ใหญ่สมัยนั้นบ้านสามชุกอยู่ในทําเลที่เหมาะเป็นศูนย์กลางการ
ติดต่อของจังหวัดทางทิศเหนือ ผู้ที่เดินทางจากตัวเมืองไปยัง
อําเภออื่นๆ ที่ห่างออกไป ต้องหยุดพักที่ สามชุกเพราะได้เวลา
คํ่าพอดี นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่พวกกะเหรี่ยงนําของจาก
ป่าบรรทุกเกวียนมาขายและแลกเปลี่ยนกับพ่ อค้าทางเรือ
และซื้อของ ที่จําเป็ นกลับไปด้วย
ข้อมูลพื้นฐานและสถานการณ์ทั่วไป
ของชุมชนท้องถิ่น
ข้อมูลพื้นฐานสภาพทั่วไป ที่ตั้งและอาณาเขตเทศบาล ตําบล
สามชุก ตั้งอยู่ทางตอน เหนือของจั งหวัดสุพรรณบุรี อยู่ห่าง
จากที่ว่าการอําเภอเมืองสุพรรณบุรี ตามเส้นทางหลวงแผ่น
ดินหมายเลข 340 ระยะทาง ประมาณ 38.6 กิโลเมตร มีพื้นที่
ประมาณ 33 ตารางกิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อตําบลกระเสียว และตําบลนางบวช อําเภอเดิม
บางนางวชทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอแสวงหา จังหวัด
อ่างทองและอำเภอศรีประจันต์ ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอ
ศรีประจันต์และอำเภอดอนเจดีย์ ทิศตะวันตก ติดต่อกับ
อำเภอหนองหญ้าไซ
ความรู้ไปทั่วเกี่ยวกับวิถีชีวิตในท้องถิ่น
สมัยก่อนประชาชนมีวิถีชีวิตตามลํานํ้า ซึ่งเป็นเส้นทางสําคัญและรวดเร็ว
ที่สุดในการทําการค้า และด้วยที่ว่าในอําเภอเมืองสามชุก มีธนาคารฝิ่น
และสถานที่ราชการ จึงทําให้เป็นแหล่งติดต่อการค้าที่สําคัญ ความรู้และ
ภูมิปัญญา ในอดีตจะมีหมอยาพื้นถิ่นรักษาอาการป่วย ปัจจุบันเหลืออยู่
ไม่มาก ซึ่งจะรักษาเพียงบางโรค เช่นการเป่าเพื่อรักษาโรคงูสวัด
การกวาดคอ ส่วนการรักษาแบบเดิมจะมีอยู่ในแค่ตํารา และดนตรีไทย
ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้อยู่จนปัจจุบัน
ประเพณีประจําท้องถิ่น
เทศกาลกินฟรี คณะกรรมการตลาดร้อยปีสามชุกจัดงาน "อร่อยดีที่สามชุก
กินฟรีทั้งตลาด ปราศจากแอลกอฮอล์ พบกับบุฟเฟ่ต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ณ บริเวณตลาดร้อยปีสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เพียงวันเดียว
เท่านั้น ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น กิจกรรมลดแรกแจกแถม ตั้งแต่เวลา
12.00-13.00 น. ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและมีของฝากจาก
ชาวตลาดสามชุกติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย และในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 17.00 น.
เป็นต้นไป เริ่มเปิดให้กินฟรีทั้งตลาด จะมีพ่ อค้า แม่ค้าในตลาดร้อยปีสามชุกทั้ง
ตลาดนำอาหารมาเลี้ยงนักท่องเที่ยวกว่า 200 รายการ เพื่อเป็นการเลี้ยง
ขอบคุณนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนตลาดร้อยปีสามชุก ซึ่งงานนี้นับเป็นงาน
งานสำคัญของชาวสามชุกเพราะมีที่นี่เพียงที่เดียวและเป็นการทำให้สามชุก
เ ป็ น ที่ รู้ จั ก ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น กั บ ส า ม ชุ ก ม า ก เ พ ร า ะ นั ก ท่ อ ง เ ที่ ย ว ต่ า ง ม า เ ที่ ย ว ช ม กั น
เ นื อ ง แ น่ น แ ล ะ เ ป็ น ง า น ที่ มี เ พี ย ง ห นึ่ ง เ ดี ย ว ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
การแสดงและการละเล่นประจําท้องถิ่น
เพลงอีแซว เป็นเพลงพื้นบ้านประจำท้องถิ่นของสุพรรณบุรี มีต้นกำเนิด
และแพร่หลายในเขตจังหวัดสุพรรณบุรีและใกล้เคียง เพลงอีแซวมีความ
เป็นมาที่ยาวนาน มากกว่า 100 ปี โดยในช่วงแรกๆนั้นมีลักษณะเป็นเพลง
ปฏิพากย์ ( เพลงโต้ตอบ ) ที่หนุ่มสาวใช้ร้องยั่วเย้า เกี้ยวพาราสีกันอย่าง
ง่ายๆ สั้นๆ กระทั่งเมื่อ 60-70 ปีที่ผ่านมามีการดัดแปลงทำนองและลักษณะ
การร้องรับของลูกคู่ โดยมีบุคคลสำคัญที่ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนาน
แม่เพลงอีแซ คือแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ เป็นต้น
แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ
อาหารประจําท้องถิ่น
สาลี่สุพรรณ แต่เดิมนั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดขึ้น
มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก่อนเป็นขนมที่ใช้กินคู่กับน้ำแข็งไส หรือไอศกรีม
กะทิสด หรือไม่ก็กินเล่นเวลาไปเที่ยวดูหนังกลางแปลง ตามวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน
แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสมัยหลัง จนกลายเป็นขนมขึ้นชื่อลือชาของเมือง
สุพรรณบุรีในเวลาต่อมา ขนมสาลี่ในอดีตทำจากแป้งสาลี ผสมไข่ไก่ น้ำตาล ตีส่วนผสม
จนฟู เทใส่ถาดขนม แล้วนำไปนึ่งจนสุก แต่ก่อนมีแต่รส (กลิ่น) นมแมวอย่างเดียว
แต่ปัจจุบันปรับปรุงรสชาติให้หลากหลายขึ้น เช่น ใบเตย กาแฟ ส้ม วานิลา ฯลฯ...” จาก
วัตถุดิบและขั้นตอนการทำขนมสาลี่ สันนิษฐานว่าน่าจะปรับปรุงมาจาก “ขนมปุยฝ้าย”
ซึ่งมีเนื้อสัมผัสคล้าย ๆ กัน คนเคยกินขนมสาลี่สมัยก่อน มักจะบอกเหมือนกันว่า รสชาติ
ของขนมสาลี่กับปุยฝ้ายนั้นคล้ายกันมาก แต่เนื้อสัมผัสของขนมปุยฝ้ายจะนุ่มลิ้น อร่อย
กว่าขนมสาลี่ พบว่า เดี๋ยวนี้ขนมสาลี่ได้ปรับปรุงแป้งที่นำมาทำขนม โดยเปลี่ยนจากแป้ง
สาลี มาเป็นแป้งเค้ก (คือแป้งสาลีอ่อน มีความละเอียด ร่วนกว่าแป้งสาลีปกติ) เนื้อขนม
จึงนุ่มลิ้นมากๆ และรสชาติแทบไม่ต่างจากขนมปุยฝ้ายเลย ต่างเพียงแค่รูปลักษณ์
เท่านั้น คือ “ปุยฝ้ายต้องนึ่งในถ้วยขนมจนหน้าแตก แต่ขนมสาลี่หน้าต้องไม่แตก”
เท่านั้นเอง
ภูมิปัญญาประจําท้องถิ่น
ภูมิปัญญาประจำถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี มีหัตถกรรมพื้นบ้าน สินค้าพื้นเมือง
และของที่ระลึกที่เป็นของฝากที่ขึ้นชื่อ เช่น เครื่องจักสาน ประเภทไม้ไผ่และ
หวายโดยเฉพาะลายดอกพิกุล ลายดอกลั่นทม และหนามทุเรียนสุพรรณเป็น
ลายที่มีความสวยงามและประณีต มีที่อำเภอสองพี่น้อง อำเภออู่ทอง อำเภอ
เดิมบางนางบวช อำเภอสามชุก เครื่องทองเหลือง มีที่อำเภอดอนเจดีย์ เครื่อง
เบญจรงค์ มีที่อำเภอเมือง ผลิตภัณฑ์จากผักตบชวาและการทอผ้า มีที่อำเภอ
เมือง อำเภออู่ทอง อำเภอสองพี่น้อง นอกจากนี้ยังมีอาหาร ขนม ของฝาก
ได้แก่ ขนมสาลี่สุพรรณเนื้อเบานุ่ม รสชาติกลมกล่อม และขนมไทยอื่น ๆ แห้ว
กระป๋อง หน่อไม้กระป๋อง เห็ดโคน เป็ดย่างน้ำผึ้ง ปลาม้า ไก่อบฟาง ปลาแดด
เดียว เนื้อแดดเดียว มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดและสถานที่ท่องเที่ยว
ต่าง ๆ แบ่งเป็นแต่ละ อำเภอ
จุดเด่น อัตลักษณ์ เอกลักษณ์
ศักยภาพของท้องถิ่นด้านต่าง ๆ
ตลาดสามชุก เป็นตลาดเก่าแก่และชุมชนเก่าแก่ได้รับการประกาศให้เป็น
ตลาด 100 ปี ในเชิงอนุรักษ์ อยู่ริมฝั่ งแม่น้ำท่าจีน ในพื้นที่ตำบลสามชุก
อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ตลาดสามชุกเป็นชุมชนของคนไทย
เชื้อสายจีน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขายและอยู่อาศัยกันในร้านค้าห้อง
แถวไม้ ซึ่งปัจจุบันมีความเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี ในอดีตมีโรงสีและเป็น
แ ห ล่ ง ค้ า ข้า ว ที่ สำ คั ญ ซึ่ ง มี ก า ร เ ก็ บ ภ า ษี ไ ด้ ม า ก แ ล ะ น า ย อ า ก ร ค น แ ร ก
คื อ ขุ น จำ น ง จี น า รั ก ษ์ ซึ่ ง ถื อ ไ ด้ ว่ า เ ป็ น เ จ้ า ข อ ง ต ล า ด ค น แ ร ก บ้ า น ข อ ง
ขุ น จำ น ง ฯ ปั จ จุ บั น ก ล า ย ม า เ ป็ น พิพิธ ภั ณ ฑ์ มี ชี วิ ต ข อ ง ชุ ม ช น จุ ด เ ด่ น อั ต
ลั ก ษ ณ์ ที่ สำ คั ญ คื อ ค ว า ม เ ก่ า แ ก่ ค ล า ส สิ ค ซึ่ ง ไ ม่ มี ที่ ไ ห น เ ห มื อ น นั บ ว่ า
เ ป็ น ส ถ า น ที่ ที่ ค ง วิ ถี แ ห่ ง ยุ ค ส มั ย ก่ อ น ไ ด้ อ ย่ า ง ดี เ ยี่ ย ม จึ ง ส่ ง ผ ล ดี ใ น
ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ คื อ ช า ว บ้ า น ใ น พื้น ที่ มี อ า ชี พ มี ร า ย ไ ด้ จ า ก ก า ร ท่ อ เ ที่ ย ว
แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
ประจําท้องถิ่น
เ รื อ น ไ ท ย ส า ค ร ( ส า ม ชุ ก ) ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ชิ ง อ นุ รั ก ษ์ แ บ บ วิ ธี
ชี วิ ต เ ก่ า แ ก่ ข อ ง ช า ว ส า ม ชุ ก ห ล า ย ท่ า น อ า จ จ ะ ไ ด้ ดู ห นั ง ห รื อ
ล ะ ค ร ไ ท ย ที่ มี ฉ า ก บ้ า น เ รื อ น ไ ท ย แ น่ น อ น ห ล า ย ท่ า น ค ง ไ ม่ ท ร า บ
ว่ า คื อ บ้ า น เ รื อ น ไ ท ย ส า ค ร นั่ น เ อ ง ทั้ ง ล ะ ค ร ที วี ห นั ง ดั ง ต่ า ง ๆ
ม า ใ ช้ ส ถ า น ที่ แ ห่ ง นี่ ถ่ า ย ทำ กั น ทั้ ง นั้ น ปั จ จุ บั น บ้ า น เ รื อ ไ ท ย ส า ค ร
เ ป็ น ที่ นิ ย ม ข อ ง นั ก ท่ อ ง เ ที่ ย ว ม า เ ที่ ย ว ช ม กั น เ นื อ ง จ า ก อ ยู่ ใ น
อ . ส า ม ชุ ก แ ล ะ ใ ก ล้ ต ล า ด ส า ม ชุ ก ท า ง เ รื อ น ไ ท ย มี บ ริ ก า ร ล่ อ ง เ รื อ
ช ม แ ม่ น้ำ ท่ า จี น แ ล ะ ช ม บ้ า น ที่ ส ว ย ง า ม เ ป็ น บ้ า น ที่ ส ะ ท้ อ น วิ ถี ค ว า ม
เ ป็ น ไ ท ย อ ย่ า ง ชั ด เ จ น ทั้ ง เ รื่ อ ง ใ ช้ โ บ ร า ณ สิ่ ง ข อ ง ค ล า ส สิ ค ซึ่ ง ห า
ช ม ไ ด้ ย า ก ใ น ปั จ จุ บั น
โครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ
โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำห้วยด้วนและอาคารประกอบ อันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ รับโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ตำบล
นางบวชไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามหนังสือสำนักราช
เลขาธิการ ได้มีหนังสือที่ รล ๐๐๐๕.๒ / ๒๐๘๔๕ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๒ ตามที่ นายขจิตคุณ ขันทองราษฎร หมู่ที่ ๙ ตำบลนางบวช อำเภอ
เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี และคณะ ขอพระราชทานโครงการ
ก่อสร้างอาคารอัดน้ำกลางคลองบริเวณปลายคลองกระเสียวด้วน และ
ปรับปรุงคันกั้นน้ำบริเวณคลองหญ้าแดงฝั่ งตะวันออก
การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงศาสตร์พระราชา
ในจังหวัดสุพรรณบุรี
น า เ ฮี ย ใ ช้ ห รื อ ศู น ย์ เ รี ย น รู้ วิ ถี ชี วิ ต แ ล ะ จิ ต วิ ญ ญ า ณ ช า ว น า ไ ท ย ถื อ เ ป็ น อี ก ห นึ่ ง
ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ที่ ย ว สำ คั ญ ใ น จั ง ห วั ด สุ พ ร ร ณ บุ รี ที่ ร ว บ ร ว ม เ รื่ อ ง ร า ว ที่ น่ า ส น ใ จ
แ ล ะ อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ใ ห ม่ ๆ ใ น วิ ถี ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร ที่ ท ร ง คุ ณ ค่ า ใ ห้ ไ ด้ ศึ ก ษ า แ ล ะ เ รี ย น รู้
ส ร้ า ง ขึ้ น จ า ก ค ว า ม จ ง รั ก ภั ก ดี แ ล ะ สำ นึ ก ใ น คุ ณ ง า ม ค ว า ม ดี ข อ ง พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์
ที่ ท ร ง ง า น อ ย่ า ง ห นั ก เ พื่ อ ป ร ะ ช า ช น ค น ไ ท ย ก่ อ ตั้ ง โ ด ย คุ ณ นิ ทั ศ น์ เ จ ริ ญ ธ ร ร ม
รั ก ษ า ที่ มี อ า ชี พ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ช า ว น า แ ล ะ ข้ า ว ใ ช้ ชี วิ ต ภ า ย ใ ต้ ป รั ช ญ า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ
เ พี ย ง โ ด ย มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ห ลั ก เ พื่ อ ผ ลิ ต เ ม ล็ ด พั น ธุ์ ข้ า ว คุ ณ ภ า พ ดี ใ ห้ เ พี ย ง พ อ ต่ อ
ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง เ ก ษ ต ร ก ร พ ร้ อ ม เ ล็ ง เ ห็ น ค ว า ม สำ คั ญ ข อ ง ก า ร ใ ห้ ค ว า ม รู้ แ ล ะ
ก า ร ทำ น า อ ย่ า ง ถู ก วิ ธี ซึ่ ง จ ะ มี ป ร ะ โ ย ช น์ แ ก่ ส่ ว น ร ว ม แ ล ะ ส ม า ชิ ก ข อ ง ส ม า ค ม
ที่ ก ร ะ จ า ย อ ยู่ ทั่ ว ทุ ก ภู มิ ภ า ค ใ ห้ บุ ค ค ล ทั่ ว ไ ป ที่ เ ห็ น ค ว า ม สำ คั ญ ข อ ง ข้ า ว แ ล ะ ช า ว น า
อี ก ทั้ ง ยั ง เ ป็ น ส ถ า น ที่ ศึ ก ษ า เ รี ย น รู้ แ ล ะ แ ห ล่ ง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ใ ห้ ผู้ ส น ใ จ ไ ด้ เ ข้ า ช ม
ซึ่ ง แ ต่ ล ะ โ ซ น จ ะ มี เ จ้ า ห น้ า ที่ ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ค อ ย ใ ห้ คำ แ น ะ นำ แ ล ะ ค ว า ม รู้ เ กี่ ย ว กั บ
โ ซ น ต่ า ง ๆ อี ก ด้ ว ย ไ ฮ ไ ล ท์ ใ น ก า ร เ ข้ า ช ม ภ า ย ใ น ศู น ย์ เ รี ย น รู้ คื อ ก า ร ช ม แ ป ล ง
น า ส ว ย ที่ ป ลู ก ใ ห้ เ ป็ น รู ป ร่ า ง ต่ า ง ๆ อ า ทิ แ ผ น ที่ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ห รื อ ก า ร ป ลู ก ข้ า ว
สี เ ขี ย ว ส ลั บ กั บ ต้ น ข้ า ว สี ดำ ด้ ว ย ก า ร แ ป ล ง เ ป็ น อั ก ษ ร รู ป ร่ า ง ต่ า ง ๆ อี ก ด้ ว ย
ผลกระทบเชิงลบที่ชุมชนท้องถิ่น
ได้รับจากการแพร่ระบาด
ของเชื้อโควิด 19
ด้วยมาตรการการควนคุมโรคที่ทุกประเทศใช้อยู่ขณะนี้ ตั้งแต่การลดการเดินทางการเข้าออกพื้นที่
การปิดสนามบิน การใช้มาตรการ Social distancing มีการปิดสถานที่ ปิดสถานการค้า และกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจ ปิดเมือง ฯลฯ ย่อมมีผลกระทบ ไปถึงการชะงักงันของเศรษฐกิจการค้า การทํางานผลิต
และ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โรงแรม ร้านอาหาร รวมไปถึงการผลิตในภาค
อุตสาหกรรม ขณะเดียวกันทุกคนมีความกังวล และต้องดูแลปกป้องตัวเองมีการกักตัว อยู่กับบ้าน
หลายคนไม่สามารถมาทํางานหาเลี้ยงชีพแบบปกติได้ ธุรกิจจํานวนมากต้องหยุดกิจการ หรือทําได้ไม่
เต็ม ประสิทธิภาพ จนทําให้ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา ผู้ขาด
รายได้ในรูปแบบ คนไทยไม่ทิ้งกัน แต่ก็ยังเกิดความเครียดและปัญหาทางสุขภาพจิตตามมา การค้าและ
การลงทุนเกิดผลกระทบค่อนข้างรุนแรง แม้แต่เศรษฐกิจโลกก็กําลังเข้าสู่ วิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมีที่มาจาก
โควิด 19 เป็นสําคัญผลกระทบทางลบจากการแพร่กระจายของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 จึงเกิดปัญหาอย่าง
มาก โดยเฉพาะคนยากจนที่ต้องทํางานหาเลี้ยงชีพเป็นวันๆ ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องตกงาน สูญเสียรายได้
ซํ้าร้าย คนยากจนเหล่านี้ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางด้านสาธารณสุ ขได้เท่ากับคนที่มีฐานะ การร่วม
แรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรค จึงต้องช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้
การดําเนินการและวิธีการลดผลกระทบ
ที่สมาชิกในชุมชนได้รับจากการ
แพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
1.รักษาระยะห่างทางสังคม (social distancing หรือการลดการพบปะกับผู้คน)
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสแตะต้องพื้นผิวต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ส่วนรวม
3.หลีกเลี่ยงการชุมนุม
4.หลีกเลี่ยงการพบปะติดต่อผู้อื่น ล้างมือเป็นประจํา
5.ป้องปากเมื่อไอหรือจาม
6.วัดอุณหภูมิหรือคอยสังเกตอาการเริ่มแรกอื่น ๆ ของการติดเชื้อ (ไอ จาม นํ้ามูกไหล เจ็บคอ)
7.แยกตัวเองออกจากผู้อื่นทันทีที่เริ่มมีอาการ
8.หากอาการรุนแรงขึ้น โปรดหาวิธีที่ปลอดภัยในการเดินทางไปยังสถานพยาบาลตามคําแนะนํา
ของรัฐบาล หลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โปรดสวมหน้ากากอนามัย
9.ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ควรจัดหาข้าวของเครื่องใช้ที่จําเป็นให้สมาชิกในชุมชนของคุณด้วยวิธี
ที่ไม่จําเป็นต้องมีการพบปะติดต่อ เช่น ให้คนส่งของวางไว้ที่หน้าประตู
10.ร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย ชุมชนปลอดภัย พู ดคุยเรื่องความปลอดภัยกับ
ครอบครัวหรือเพื่อน พู ดคุยเรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย ติดตามว่าใครปฏิบัติตาม
แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยแล้วบ้าง กําหนดนโยบายที่ใช้ร่วมกัน
11.ติดตามและพู ดคุยกันถึงความจําเป็น ความกังวล และโอกาสต่าง ๆ ที่คนในกลุ่มพบ
12.วิเคราะห์ข่ าวลือต่างๆ และไม่เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด
แนวทางและวิธีการป้องกันจากการ
แพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19
1.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้สูงอายุโดยไม่จําเป็น หรือหากจําเป็นต้องดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย
ติดเตียงอย่างใกล้ชิด ผู้ดูแลต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
2.หมั่นสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ หากมีไข้หรืออาการทางเดินหายใจ ควรแยกตัวจากผู้อื่น
ในครอบครัวทันที และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หรือตรวจ
RT-PCR ที่สถานพยาบาลโดยเร็ว
3.เมื่อสมาชิกในครอบครัวมีความเสี่ยงสูง สามารถตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test
Kit (ATK) ได้หากผลเป็นลบ ให้ตรวจซํ้าในอีก 3-5วัน หรือตรวจซํ้าทันทีเมื่อมีอาการ และควรแยก
ตัวจากสมาชิกอื่น ๆ ในครอบครัวระหว่างรอตรวจซํ้า สมาชิกในครอบครัวควรปฏิบัติตาม
มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดแม้อยู่ภายในบ้าน หรือที่อยู่อาศัย ได้แก่ การเว้น ระยะห่าง 1 -2
เมตร แยกใช้อุปกรณ์ส่วนตัว ล้างมือเป็นประจํา ทําความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่สัมผัสร่วม
กันเป็นประจํา เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันใด โต๊ะอาหาร และงดการรับประทานอาหารร่วมกัน
หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน เพื่อป้องกันการรับและแพร่กระจายเชื้อโรค
โควิด-19 สู่สมาชิกในครอบครัว
การจัดการของชุมชน
เมื่อมีคนในชุมชนติดเชื้อโควิด–19
ในชุมชนเมื่อมีคนได้รับเชื้อจะถูกส่งไปยังสถานที่กักตัวที่จัดเตรียมไว้ โดยมีทีมแพทย์
จากสถานีอนามัยคอยเฝ้าระวังอาการและมีฝ่ายที่เตรียมอาหารสำหรับผู้ที่ต้อง
กักตัว โดยมีการประเมินอาการและทีมแพทย์จัดยาอย่างเหมาะสม ทางออกของ
ชุมชนหลังจากมีผู้ได้รับเชื้อคือ ลดการติดต่อระหว่างคนในครอบครัวกับบุคคล
ภายนอกและจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นและเมื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สร้างพื้นที่ปลอดภัย
เพื่อปกป้องผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกันคือผู้ที่ยังไม่ติดโดยการทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่
แตะต้องผู้อื่นหรือแตะต้องสิ่งที่ผู้อื่นสัมผัสโดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน พื้นที่ปลอดภัย
สามารถช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ด้วยเพราะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการแพร่เชื้อโรคสมาชิกของพื้นที่ปลอดภัยหนึ่งแห่งสามารถ
ร่ ว ม มื อ กั บ บุ ค ค ล ภ า ย น อ ก เ พื่ อ ข ย า ย พื้ น ที่ ป ล อ ด ภั ย ใ ห้ ก ว้ า ง ขึ้ น ห รื อ ส ร้ า ง พื้ น ที่
ปลอดภัยใหม่รับผิดชอบต่อสุขภาพและร่วมรับผิดชอบต่อสุขภาพของผู้คนในละแวก
นั้นด้วยความตระหนักรู้และมีระเบียบวินัย
รายชื่อสมาชิกภายในกลุ่ม
สาขารัฐประศาสนศาสตร์
1. นางสาวนลินี ยิงรัมย์ 008
2.นางสาวเบญจรัตน์ กาลจักร 009
3.นางสาวปิยวรรณ ผดุงชัย 010
4.นางสาวกรรณิการ์ การงานดี 006
5.นางสาว ปิยะพร เชื่อมฉิม 035
6.นางสาว สุกัญญา ยิงรัมย์ 007
7.นางสาว พลอยชมพู เกิดผล 005
8.นายชุติพงศ์ นาคน้อย 002
สาขานาฏศิลป์และการละคร
1.นางสาวกมลลักษณ์ สุรินทร 005
2.นางสาวอัญชลี เมืองนุช 004
3.นางสาวพรชิตา จิตรภักดี 016
4.นางสาวปฏิชญา สินศิริ 019