The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มาเข้าใจกันซักที Mindset คืออะไร?

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cstd, 2021-07-26 00:26:41

Mindset

มาเข้าใจกันซักที Mindset คืออะไร?

Keywords: Mindset

Mindset |I

คำนำ

สวัสดีครับ ผมคิดว่าคงจะมีหลายๆ คน สงสัยเหมือนผม ว่า
คำว่า “Mindset” ที่มีแต่คนพูดถึงกันตอนนี้ จริงๆ แล้ว มันคือ
อะไรกันแน่ บางคนบอกว่าถ้าเปลี่ยนแล้ว เราจะกลายเป็นคนที่
ประสบแตค่ วามสำเรจ็ และรำ่ รวยขึน้ มนั จะจริงหรือเปล่า?

วันนี้ผมจึงขออนุญาตเป็นตัวแทนทุกท่าน ในการค้นคว้าหา
คำตอบมาให้อ่านกันแบบง่ายๆ กับหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้ เพื่อที่จะ
ได้ขยายความเขา้ ใจเกย่ี วกับคำว่า “Mindset” ใหม้ ากขน้ึ

แต่ยังไงก็ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า เนื้อหาของหนังสือ
อาจจะไม่ถูกต้องตรงตามหลักทางวิชาการนะครับ แต่ก็น่าจะพอ
อธิบายได้ชัดเจนขึ้นประมาณหนึ่ง ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่
สนใจครบั

Phows

Kindlestartup.com

P h o w s..

M i n d s e t | II

สารบญั

Mindset อะไร? 1
Mindset สำคญั อยา่ งไร 9
การพฒั นา Mindset 14

P h o w s..

Mindset |1

Mindset อะไร?

อย่างที่ได้เกริ่นไปในคำนำนะครับ ว่าช่วงนี้เราจะเห็นคน
ชอบพูดถึงเรื่อง Mindset กันบ่อยๆ และเมื่อสังเกตดูแล้วจะมีการ
นำมาใช้กันหลากหลายบริบท เหมือนพูดตามๆ กันมา ซึ่งผมอ่านดู
แล้วค่อนข้างจะสับสนและไม่ชัดเจน จึงสงสัยและเริ่มเปิด
Dictionary ข้นึ มาดูคำวา่ “Mindset” ซงึ่ ก็ไดค้ ำแปลมาว่า “ความ
เชื่อที่ส่งผลต่อพฤติกรรม” มีคำเหมือนคือ Attitude และ Belief
ความหมายนี้ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกันนะ แต่ก็ยังไม่เคลียร์พอสำหรับ
ผมในตอนน้ีเสยี แลว้

ผมจึงค้นต่อไปใน Wikipedia ซึ่งผลที่ได้เป็นภาษาอังกฤษ
ที่ค่อนข้างอ่านยาก เห็นแล้วก็ขอข้ามไปก่อนละกัน แล้วก็ค้นๆๆๆ

P h o w s..

Mindset |2

ต่อไปเรื่อยๆ จนคิดว่าไม่ไหวแล้ว สรุปรวมๆ แล้วการให้ความหมาย
ของคำนี้ค่อนข้างจะกระจัดกระจาย และยากต่อการเข้าใจได้
โดยเรว็

ในฐานะที่ร่ำเรียนทาง Psychology มา และพอมีความ
รู้อยู่บ้าง ผมจึงคิดว่าคงต้องจัดการค้นคว้าและสรุปความหมายของ
คำว่า “Mindset” ฉบับเข้าใจได้เร็วๆ เอาเองซะแล้ว และถือ
โอกาสทำเป็นหนังสือ eBook เอาไว้แจกด้วย เผื่อมีคนสนใจ
อยากจะรู้เหมือนผม (ผมต้องขอออกตัวก่อน ว่าเขียนแบบนั่งคิดเอาเองเชิง

Concept ไม่ได้ต้งั ใจเอาใช้อา้ งอิงเชงิ วชิ าการนะครบั )

ผมขอเริ่มจากว่า “Mindset” นั้น ได้เกิดขึ้นมาพร้อมๆ
กับตัวเรา เป็น Individual (ลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน) ที่เกิด
มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของเราครับ ซึ่งจะส่งผล
ให้เราตัดสินใจ และมีพฤติกรรมต่อเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป
ในแต่ละคน เช่น ถ้าคนเคยโดนหมากัดตอนเด็กๆ โตมาอาจมี
Mindset ที่กลัวหมา กับอีกคนที่ตอนเด็กๆ ที่บ้านรักหมามาก โตมา
กับหมาน่ารักๆ เต็มบ้าน สองคนนี้เวลาเจอหมาก็จะมี Mindset ที่
แตกต่างกัน เป็นต้น

P h o w s..

Mindset |3

สังเกตว่า Mindset นี่จะเป็นเรื่องของความคิดนะครับ ที่
ส่งผลให้เรามีพฤติกรรมเป็นแบบโน้นแบบนี้ และเราจะไม่รู้ตัว
เนื่องจากว่ามันอยู่ในจิตใต้สำนึก (จิตส่วนนี้เราควบคุมไม่ได้ ไม่รับรู้
ถึงการมีอยู่) แต่ว่าทรงอิทธิพลมาก เช่น ถ้าคุณมี Mindset ว่าคุณ
เป็นผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วคุณเป็นผู้ชาย จะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะ
เบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งในกรณีนี้ชีวิตของคุณจะแตกต่างกันอย่าง
สิ้นเชิง นี่แหละครับอิทธิพลของ Mindset เขาก็เลยบอกกันไงครับ
ว่าถ้าปรับ Mindset ได้ชีวิตก็เปลี่ยน เราจะเก่งขึ้นได้ ร่ำรวยขึ้นได้
ประสบความสำเร็จได้ มีความสุขได้ ฯลฯ

“It is your mind that creates this world.” Buddha

คำคล้ายกันที่มีมาให้ใน Dictionary เช่น Belief นี่น่าจะมี
น้ำหนักน้อยกว่า เช่น เราเชื่อในข่าว หรือเชื่อในเรื่องที่บอกเล่ากัน
ต่อๆ มา ทำนองนี้ มันจะไม่หนักแน่นเท่า และเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
กวา่ มากๆ

P h o w s..

Mindset |4
แต่ว่ามันจะมีคำที่เกี่ยวข้องกันจริงๆ ที่ใช้กันอยู่เยอะและ
ทำให้สับสนอีก 2 คำ ก็คือคำว่า “Perspective” ที่แปลว่ามุมมอง
(ใกล้กับคำว่าทัศนคติ Attitude) และคำว่า “Paradigm” ที่แปล
กันว่า “กระบวนทัศน์” ตัวแรกไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะเจอ
ในหน้าหนงั สอื พิมพ์ภาษาองั กฤษอยู่บ่อยๆ
ทีนี้ตัวที่สอง ก็คือ “Paradigm” ผมขอให้ความหมายว่า
เป็นกรอบหรือ Framework ของเราต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น เรื่อง
ของฟิสิกส์ ถ้าเรามีความเชื่อตามทฤษฏีที่เราได้เรียนมา เวลาเราจะ
ทำอะไร หรือมองอะไร เราก็จะนึกถึงกรอบของทฤษฏีทางฟิสิกส์นั้น
เสมอ อย่างมองลูกบอลกลิ้งลงจากเนิน เราก็จะคิดว่าเพราะมันกลม
และกลิง้ ลงตามความลาดเอยี ง เปน็ ต้น

P h o w s..

Mindset |5
ตัวอย่างนี้มีเรื่องสนุกที่เล่าต่อกันมาว่า “ไอน์สไตน์ได้
บรรยายเรื่อง Paradigm Shift โดยถามนักศึกษาว่า มีช่างซ่อม

หลังคาสองคนปีนจากปล่องควันลงมา คนหนึ่งตัวเปื้อนเขม่าหมด
อีกคนไม่เปื้อนเลย เพราะอะไร? ซึ่งไม่มีใครตอบถูก แล้วเขาก็เฉลย
ว่า คำถามผิด! เพื่อเป็นการแสดงตัวอย่างของการคิดอะไรใหม่ๆ ที่
หลุดกรอบเดิมว่ายากแค่ไหน” (ขอเล่าสั้นๆ นะครับ และถ้า
รายละเอยี ดของเรอื่ งผดิ กข็ ออภยั ด้วยครบั )

P h o w s..

Mindset |6

เรามาสรุปอีกที ว่าทั้ง 3 คำ มันอาจจะจัดเรียงตัวอยู่กัน
แบบนคี้ รบั เริม่ จาก “Mindset” จะเป็นตัวกำหนดพฤตกิ รรมซง่ึ จะ
อยู่ในสมองส่วนลึกๆ ของเรา เมื่อมีเรื่องอะไรซักเรื่องหนึ่ง ผ่านเข้า
มา เราก็จะมองโดยใช้มุมมอง หรือ “Perspective” ของเรา และ
เราก็จะทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นๆ ตาม “Paradigm” ที่เรามี แต่ก็
จะตอบสนองพฤติกรรมตาม Mindset อีกที ประมาณนี้ครับ (ผิด
ถกู ไมแ่ น่ใจ หาอา้ งอิงไมท่ นั ครับ)

มาถึงเรื่องที่สำคัญครับ ก็คือผู้รู้เขาบอกว่า และผมก็เชื่อว่า
Mindset ของเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาได้ คุณจะเป็น
Winners หรอื Losers กไ็ ด้ ข้นึ อยกู่ ับ Mindset ของคณุ ครับ

โดยวิธีการง่ายๆ ในการปรับ Mindset ผมคิดเร็วๆ ก็ว่า
น่าจะใช้กรอบของทฤษฏีพฤติกรรมนิยมมาเป็นแนวทาง คือการใช้
สภาพแวดล้อมมาเป็นตัวช่วย เช่น การจัดบ้าน จัดที่ทำงาน การจัด
ตารางเวลาใหม่ การอ่านหนังสือ การคบเพื่อน การเข้าสังคม ฯลฯ

P h o w s..

Mindset |7

คือปรับปรุงสภาพแวดล้อมของเราให้เอื้อต่อสิ่งที่เราอยากจะเป็น ก็
เหมือนแอบหลอกตัวเองหรือสะกดจิตตัวเองนั่นแหละ ให้คิดว่าเรา
เปน็ แบบนน้ั แบบนีอ้ ยา่ งทเ่ี ราตอ้ งการจะเปน็

การปรับพฤติกรรมหรือการปรับความคิดนั้น ขั้นแรกเราจะ
เกิดสภาวะชั่วคราวขึ้นมา (จริงๆ อันนี้ง่าย บางทีแค่คำเพียงหนึ่ง
ประโยคก็ช่วยให้เราปรับความคิดของเราไดแ้ ล้ว) และเมื่อเราเริ่มทำ
พฤติกรรมต่างๆ แล้วมันส่งผลลัพธ์ที่เราพอใจให้ เราก็จะเกิด
แรงจูงใจให้ทำอีก พอทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นสภาวะถาวรขึ้นมา
ครับ วิธีงา่ ยๆ กค็ ือให้เร่ิมจากเรื่องที่ง่ายๆ ครบั

ปรับ Mindset นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยาก คิดดูว่าจิตแพทย์เขา
ยังแก้ไขพฤติกรรมของคนที่จิตไม่ปกติได้เลย ทำไมจะไม่มีวิธีการที่
จะทำให้คนปกติหนึ่งคน เปลี่ยนความคิดจนเป็นคนที่ทำอะไรก็
สำเร็จไปทั้งหมดไมไ่ ด้ ใชห่ รือเปล่าครับ

P h o w s..

Mindset |8
“No one can go back and Change a bad beginning,
but anyone can start now and create a successful

ending”

P h o w s..

Mindset |9

Mindset สำคัญอย่างไร

อย่างที่บอกไปว่า “Mindset” ที่ดีนั้น สามารถจะช่วยให้
เราประสบความสำเร็จได้แน่นอน ซึ่งเขาได้แบ่งคนตาม Mindset
ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือพวก “Fixed Mindset” กับพวก
“Growth Mindset”

“Fixed Mindset” ก็คือพวกคนที่มีความคิด ที่ว่าความ
เก่ง ความฉลาดนั้นติดตัวมาแต่กำเนิด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คนพวกนี้
จะชอบทำงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก หลีกหนี
อุปสรรคเสมอ เป็นคนทำอะไรก็จะล้มเลิกได้ง่าย โทษคนอื่น และ
คิดว่าจะต้องทำแต่งานที่ตัวเองถนัดเท่านั้น ชอบแสดงออกว่าตัวเอง
เป็นคนฉลาด ทั้งยังมีการป้องกันตนเองสูง ถ้าถูกวิจารณ์จะมองว่า
เป็นการโจมตีทันที อีกทั้งยังมองว่าความสำเร็จคนอื่นเป็นสิ่งคุกคาม

P h o w s..

M i n d s e t | 10

ตัวเอง จะต้องสร้างเรื่องขึ้นมาให้คนนั้นดูไม่ดี ซึ่งดูๆ ไปก็เหมือน
คำอธิบายของคนท่มี องโลกในแง่ลบนะครบั

คนอีกประเภทก็คือพวก “Growth Mindset” ก็จะ
ตรงกันข้ามกัน คือเชื่อว่าคนสามารถเรียนรู้ได้เสมอถึงแม้ว่าจะเป็น
เรื่องยากๆ และเป็นคนที่ยอมรับได้ว่าตัวเองไม่รู้ หรือว่าโง่ เวลา
ทำงานก็จะทุ่มเทสุดความสามารถ แต่ข้อเสียคือมักจะเลี่ยงงานที่
ง่ายๆ หรืองานที่เคยทำมาแล้ว มองอุปสรรคต่างๆ ว่าเป็นโอกาสใน
การเรียนรู้ และเข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้ความพยายามและเวลาใน
การทำ ชอบคำวิจารณ์เพื่อนำไปปรับปรุง มองความสำเร็จคนอื่น
ด้วยความชื่นชมและใช้เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งก็เหมือนกับคนที่คิดแง่
บวกอกี นัน่ แหละ

“Stay away from negative people. They have a
problem for every solution.”

P h o w s..

M i n d s e t | 11

ทีนี้มาดูทางสมองกันสักหน่อย เขาว่าสมองเราก็เหมือน
กล้ามเนื้อที่เวลาเราฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้มันแข็งแรงและ
ทำงานได้ดีขึ้นไม่ต่างจากออกกำลังกาย โดยได้มีการพิสูจน์กับคนที่
ทำงานเดิมๆ อยู่เป็นประจำ เช่น คนขับรถแท็กซี่ พบว่าจะมี
บางส่วนของสมองที่ใช้สำหรับการรับรู้ด้านการมองใหญ่กว่าคนปกติ
ทัว่ ไป เป็นตน้

วิธีการพัฒนาของสมองคนเราก็คือมันจะเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ
เข้าด้วยกัน ยิ่งเชื่อมได้มากแค่ไหนก็จะทำให้เรายิ่งฉลาดมากขึ้น
เท่านั้น ฉะนั้นถ้าเราเป็นคนที่มี Mindset ที่ดี สมองมันก็จะ
เชื่อมโยงประสบการณ์ต่างๆ ในทางที่เป็นบวก ก็จะทำให้การพัฒนา
ทั้งด้านความคิด ปัญญา การตอบสนองต่อปัญหา ในแนวบวก
เชน่ เดียวกัน ทำให้เรามีประสิทธิภาพมากข้นึ

“Whether you think you can, or think you can’t,
you’re right.” – Henry Ford

P h o w s..

M i n d s e t | 12

เมื่ออ่านไปอ่านมาก็นึกถึงทฤษฎีอีกเรื่องหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ละ
ครับ เขามีการศึกษาว่าคนที่ทำอะไรไม่สำเร็จบ่อยครั้งจะกลายเป็น
คนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จไปตลอด ตรงกันข้ามกับคนที่ทำอะไรสำเร็จ
เขากจ็ ะทำสำเร็จอยอู่ ยา่ งน้ัน เขาอธบิ ายว่าอย่างนคี้ รบั

คนไม่สำเร็จนะ จะมีความเชื่อว่าเขาทำไม่ได้ตั้งแต่ต้นอยู่
แล้ว (เพราะอะไรเดี๋ยวรู้ครับ) และพอเชื่อว่าทำไม่ได้แล้ว เขาก็จะ
ไม่ได้ลงแรงกับมันอย่างเต็มที่ แล้วก็ล้มเลิกง่ายๆ สุดท้ายก็บอกว่า
“นี่ไง ว่าแล้วว่ามันต้องไม่สำเร็จ” ยิ่งพอใจไปซะอีกที่ตัวเองคิดถูก
แล้วพอไม่สำเร็จแบบนี้ เรื่องใหม่มาก็จะมีแนวโน้มที่จะไม่สำเร็จ
เหมือนกัน เพราะเขาจะคิดลึกๆ ว่าเขาทำไม่ได้หรอก สุดท้ายเขาจะ
อยู่ในวังวนแหง่ ความไม่สำเร็จต่อไปเร่อื ยๆ

ตรงข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมีความเชื่อว่า
ยังไงๆ เขาก็ต้องทำมันได้แน่นอน ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ขอให้เขาได้
ทุ่มเทและพยายามกับมันละก็รับรองว่าสำเร็จแน่นอน คิดแบบนี้
เขาก็จะไม่ท้อแท้หรือล้มเลิกง่ายๆ มีอุปสรรคเข้ามาเขาก็แก้ไขไป
จะไม่มีจุดที่ว่ามันทำไม่ได้แล้วนะเกิดขึ้น แบบนี้สุดท้ายเขาก็สำเร็จ
แน่นอนครับ แล้วพวกนี้พอสำเร็จไปเรื่องหนึ่งเขาก็จะมั่นใจมากขึ้น

P h o w s..

M i n d s e t | 13
เมื่อทำเรื่องใหม่ๆ ก็จะสำเร็จอีกเหมือนกัน สุดท้ายเขาก็จะอยู่ในวัง
วนของความสำเรจ็ ไปเรอ่ื ยๆ

เห็นหรือเปล่าครับ ว่าความสำเร็จมันง่ายนิดเดียวเอง และ
เริม่ ต้นด้วยความคิด หรอื Mindset แนๆ่

“When you truly want success, you’ll never give up
on it. No matter how bad the situation may get.”

P h o w s..

M i n d s e t | 14

การพัฒนา Mindset

วิธีการพัฒนา “Mindset” นั้นมีหลากหลายวิธีมากๆ ครับ
โดยทั่วไปก็คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับตัวเรา และฝึกฝน
พฤติกรรมตัวเองด้วยการให้รางวัลและลงโทษ รวมถึงใช้เทคนิคการ
สรา้ งนสิ ัยมาร่วมด้วย เปน็ ตน้

วิธีที่ผมว่าเข้าท่าและพูดกันบ่อยๆ ก็คือพยายามเอาตัวเอง
ไปอยใู่ นกล่มุ คนทีม่ ี Mindset ทด่ี ีกอ่ น ทฤษฎนี ้ีอธบิ ายไดง้ ่ายๆ ครับ
ว่ามนุษย์หรือสัตว์นั้นจะทำการเลียนแบบพฤติกรรมเพื่อเข้าสังคม
อยู่แล้ว ด้วยเทคนิคนี้เราก็หากลุ่มที่เราอยากจะเป็นแบบเขา แล้วก็
พยายามเข้ากลุ่มให้ได้ สมองมันก็จะทำการปรับทุกอย่างให้เอง คน
กลุ่มที่มี Mindset ดีๆ หาไม่ยากครับ ไปตามงานสัมมนาหรืองาน
อบรมพัฒนาความรู้ต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีคนกลุ่มนี้อยู่ครับ เพราะ
เปน็ นสิ ยั ของพวกนี้ ท่ีเขาต้องการและกระหายความรอู้ ยู่ตลอดเวลา

P h o w s..

M i n d s e t | 15

นอกจากจะเข้ากลุ่ม ไปอยู่กับคนที่มี Mindset ที่ดีแล้ว เรา
เองก็ต้องหาหนังสืออ่านเพิ่มเยอะๆ ไม่อย่างนั้นก็จะคุยกับเขาไม่รู้
เรื่อง เพราะพวกนี้จะอ่านหนังสือเยอะมากกันทุกคน ช่วงแรกให้
เน้นพวกหนังสือด้านการพัฒนาตัวเองก็ดีครับ พยายามค้นหาและ
ศึกษาชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ มองไปถึงความคิดของเขา
ไม่ใช่แค่อ่านเรื่องราวนะครับ หาคนที่เราอยากเป็นอย่างเขาให้เจอ
แล้วเลียนแบบเลยครับ เอาตั้งแต่การแต่งตัว บุคลิก ท่าทาง การพูด
ฯลฯ เท่าที่เรารู้ (ซึ่งก็คงต้องหาคนที่เราสามารถรู้รายละเอียดเขาได้
เยอะหน่อย) เอาแบบว่าสะกดจิตตัวเองไปเลย ว่าเราเป็นคนนั้น
จริงๆ เวลาจะทำอะไรก็คิดเลยว่าถ้าเป็นคนนั้น เขาจะทำอย่างไร
เรยี กว่าโคลนนิง่ เลยครบั

“The difference between who you are and who you
want to be… is what you do.”

P h o w s..

M i n d s e t | 16

การปรับพฤติกรรมด้วยการให้รางวัลตัวเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
ในการสร้างนิสัยที่ดี โดยให้รางวัลตัวเองเมื่อเราทำสำเร็จตาม
เป้าหมาย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ซึ่งเราก็ควรจะเริ่มจากเล็กๆ ก่อน
เช่น ตั้งเป้าหมายว่าจะอ่านหนังสือให้จบสักหนึ่งเล่ม หรือหนึ่งบทก็
ได้ ก็ให้รางวัลเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบหนึ่งอย่าง เพื่อให้สมองจดจำและ
เรียนรู้ที่จะทำซ้ำอีก อันนี้เราอาจจะไม่รู้ตัวแต่มันจะจำลงสมองส่วน
ลึกเอาไว้แล้ว และตรงกันข้ามกันก็ต้องกำหนดบทลงโทษตัวเอง
เอาไว้ด้วย ว่าถ้าทำไม่ได้จะลงโทษยังไงเพื่อที่จะได้ไม่ทำอีก
เปรยี บเทยี บกเ็ หมือนกับการฝกึ หมา-แมว น่ันแหละครับ

“Be better than you were yesterday.”

เรื่องสำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องจำไว้ ก็คืออย่าโทษคน
อื่นเด็ดขาด เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาครับ มันเป็นได้แค่
ข้ออ้างเพื่อจะหนีความรับผิดชอบของคุณเท่านั้นเอง จงตั้งใจทำงาน
ในข้อจำกัดที่มีอยใู่ ห้ดีทสี่ ุดครับ

P h o w s..

M i n d s e t | 17

เทคนิคอีกอย่างที่ง่ายและทรงพลังมากๆ ก็คือการมองทุก
อย่างในแง่ดี ซึ่งอาจจะยากสำหรับบางคนก็ได้ แต่คุณลองคิดดูว่า
ถ้าคุณใส่อะไรดีๆ ลงไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม สิ่งที่ออกมามันก็
น่าจะดีเหมือนกันใช่หรือเปล่าครับ แต่ถ้าคุณคิดแต่ด้านลบ มองเห็น
แต่ปัญหา สิ่งที่ตามมามันก็น่าจะแย่เหมือนกันนะ หลักนี้ง่ายๆ แบบ
นีแ้ หละครับ

มาลองสมมุติกันดู ว่ามีงานอยู่หนึ่งงาน ถ้าคุณมองมันด้วย
ทัศคติที่เป็นลบ ตั้งแง่กับมันก่อน อันนี้ต้องมีปัญหา อันนั้นก็ปัญหา
ปัญหามันก็จะมากมาย เหนื่อยครับ ที่จะทำให้สำเร็จ ที่สำคัญคงทำ
ให้มันสนุกยากด้วย แต่กลับกันถ้าคุณมองถึงด้านดีหรือด้านบวก
คุณจะเห็นโอกาสมากมายจากงานนี้ ปัญหาต่างๆ มันเล็กไปหมด
คณุ กจ็ ะทำงานน้แี บบสบายๆ ไม่พออาจจะสนุกกับมันอกี

คุณคิดว่าสองคนจากเรื่องด้านบน ใครจะทำงานชิ้นนั้นได้
ดีกว่ากันครับ แล้วใครจะมีความสุขมากกว่ากัน คือไม่ว่าเราจะ
ทำงานอะไรก็แล้วแต่มันก็ต้องเจอปัญหาหรืออุปสรรคอยู่แล้วละ
ครับ นอกจากว่าคุณจะไม่ทำอะไรเลยนั่นแหละ ดังนั้นให้มองแต่แง่
บวกไวจ้ ะมผี ลลัพธท์ ี่ดีกวา่ แน่นอนครบั

P h o w s..

M i n d s e t | 18

“When you focus on problems,
you will have more problems.
When you focus on possibilities,
you’ll have more opportunities.”

อีกประเด็นหนึ่งได้มีการศึกษาอย่างจริงจังในปัจจุบัน ก็คือ
“ความเพียร” ครับ เขาได้ให้น้ำหนักมากกว่าพรสวรรค์ หรือความ
ฉลาด เสียอีก โดยคนนำเสนอได้ทำการทดลองติดตามดูคนจำนวน
มากที่สำเร็จในงานและสถานการณ์ต่างๆ แล้ว พบว่า คนที่ประสบ
ความสำเร็จจำเป็นจะต้องมีความเพียรเป็นลำดับแรกครับ
คุณสมบัติที่จำเป็นก็คือ ทำงานนั้นอย่างสม่ำเสมอ และทำอย่าง
หนัก จนสำเร็จตามเปา้ หมาย ครับ

P h o w s..

M i n d s e t | 19
ถ้าสนใจการศกึ ษาเรอ่ื งนี้ คลกิ ท่นี ี่เพือ่ ดวู ีดีโอได้ครับ

สุดท้ายแล้ว ทุกวันนี้เรามีข้อมูลเยอะแยะไปหมด มีกูรู
มากมายทั้งแท้ทั้งเทียมมากมาย ผมเองก็อาจจะไม่ได้เรื่องก็ได้ ก็คือ
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก คืออย่าเชื่อสิ่งที่คนอื่นเขาพูดครับ ให้
ลองทำดูเองแล้วเชื่อตัวเองดีที่สุด คุณจะต้องเชื่อมั่นในตัวเองให้
มากๆ อย่าเชื่อเด็ดขาดว่าคุณทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ไม่ได้ ไม่มีอะไรที่คนอื่น
ทำได้ แล้วคุณทำไม่ได้หรอก เขาแค่ทำสิ่งนั้นมาก่อนคุณเท่านั้นเอง
หมั่นบอกตัวเองทุกๆ วัน ว่าคุณเก่ง ซึ่งเป็นเรื่องจริง พร้อมกับการ
แสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ชวี ติ คุณกน็ ่าจะดีข้ึนละครับ

P h o w s..

M i n d s e t | 20
ขออนุญาตจบไว้เท่านี้ก่อน คนที่สนใจก็ลองหาอ่านต่อตาม
Blog ต่างๆ เอานะครับ ซึ่งในปัจจุบันมีเรื่องแนวนี้เยอะมากๆ
หนงั สอื ทแี่ นะนำกน็ ่าจะเป็น “Think and grow rich” กบั “The
law of success” ของคุณ Napoleon Hill ซึ่งมีแปลเป็นไทย
แล้ว ข้อเสียคือค่อนข้างจะเล่มใหญ่หน่อย แต่หนังสือในปจั จบุ นั สว่ น
ใหญ่จะมีพ้ืนฐานมาจากสองเลม่ นี้ดว้ ยกนั ทั้งนัน้ ครับ

ส่วนใครที่ยังไม่อยากอ่านหนังสือเล่มใหญ่ๆ ก็ลองไปดู
YouTube ของโครงการ “New Heart New World” ก่อนก็ได้
เขาเอาคนที่มี Mindset ที่ดีๆ มาพูดแนวคิดของเขาให้เราฟัง ผม
ชอบอยู่หลายๆ คนเลย โดยเฉพาะ “อาจารย์คามิน เลิศชัย
ประเสริฐ” อย่าพลาดกันนะครบั

P h o w s..

M i n d s e t | 21

P h o w s..

M i n d s e t | 22

สุดท้ายอีกซักที ผมรู้ว่าคนที่หยิบหนังสือแบบนี้ขึ้นมาอ่าน
และอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ได้ คุณเป็นคนที่มี “Mindset” แบบ
“Growth” อยู่แล้วละครับ ยังไงเสียคุณก็ต้องประสบความสำเร็จ
ในชวี ิตแนน่ อน โชคดี และขอบคณุ ทีอ่ า่ นมาจนจบครับ

If you can’t fly, then run,
If you can’t run, then walk,
If you can’t walk, then crawl,

But whatever you do,
You have to keep moving forward.

- Martin Luther King Jr.

P h o w s..


Click to View FlipBook Version