The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aiya.passarapengsuk, 2022-02-07 22:38:52

How to be a diplomat

How

To Be

ADiplomat

。。。How to be

type something......

section Index
page

My Timeline 3
What's in the book 4
My profile 5
My story 6
All about diplomat 9
political science 10
epilogue 12

My Way 3

To Be Diplomat

01 kindergarten-primary

ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้น
ประถมศึกษา ศึกษาที่โรงเรียนเดชอนุสรณ์ ช่วง

ประถมศึกษาเรียนโปรแกรมแบบ IEP(Intensive English Program)

02 junior high school

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นได้เข้ามาศึกษาที่

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร

03 high school

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายศึกษาที่โรงเรียน
สาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากรแผนการเรียนอังกฤษ-จีน

04 university (future)

ในระดับอุดมศึกษาได้วางแผนไว้ว่าถ้าหากสอบติดอยากศึกษาที่คณะ
รัฐศาสตร์ IR (nternational Relations)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

4

What's in the book?

การจัดทำ E-Book หรือ Electronic Book เรื่อง
Way to be diplomat เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้จัด
ทำตั้งแต่เรียนในระดับชั้นอนุบาลถึงแผนที่จะเกิดขึ้น
ในอนาคต ในเนื้อหามีการพูดถึงเรื่องราวตั้งแต่ต้น
ว่าเพราะเหตุใดผู้เขียนจึงวางแผนในอนาคตไว้ว่า
อยากเป็นนักการทูต อาชีพนักการทูตทำงานยังไง
ต้องเรียนจบคณะอะไร อีกทั้งยังรวบรวมว่าการ
เรียนในคณะรัฐศาสตร์เรียนกี่ปี ต้องเรียนอะไรบ้าง

จบมาแล้วสามารถทำงานอะไรได้บ้าง

My Proflie 5

Name/Surname : Passara Pengsuk
Nickname : Pang
Birthday : 20 October 2005
Educational record
kindergarten-primary : Dejanusorn
junior high school - high school :
The demonstration school of Silpakorn University

CONTACT id: 904943 Pang

pang.psra

Passara Pengsuk

099-2186006

My Story 6

ตอนเด็กในระดับชั้นอนุบาลถึงระดับชั้นประถมศึกษาฉันได้ศึกษาที่โรงเรียนเดชอนุสรณ์
เป็นโรงเรียนแถวบ้านซึ่งเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากแต่โรงเรียนนั้นมีกิจกรรมมากมายให้ทำ
ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันหลายๆอย่างและการเรียนรู้พื้นฐาน โดยเฉพาะในวิชาภาษา
อังกฤษที่โรงเรียนมีการจัดให้ครูต่างชาติมาสอนฉันได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษสัปดาห์ละหลายๆ
คาบรวมไปถึงวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ซึ่งเรียนเป็นทั้งวิชาภาษาอังกฤษและภาษาไทย
อีกด้วย การที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ไม่ได้ส่งผลที่จะทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง แต่ฉันคิด
ว่าเป็นการส่งเสริมทักษะภาษาอังกฤษของฉัน ในตอนที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา
นั้นฉันเป็นเด็กกิจกรรมฉันได้มีส่วนร่วมหลายอย่างมากในกิจกรรมโรงเรียน เท่าที่ฉันจำได้ในตอน
อนุบาลวิชาที่ชอบที่สุดถ้าพูดถึงวิชาหลักคือวิชาภาษาอังกฤษ พอเริ่มขึ้นในระดับชั้นประถมฉันก็
ยังคงชอบภาษาอังกฤษอยู่แต่มีวิชาโปรดเพิ่มมาคือวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ฉันจำได้
ว่าการเรียนทั้งสองวิชานี้ในตอนนั้นถือเป็นความท้าทายอย่างนึง เพราะมีการสอบหลายๆครั้งและ
ฉันก็จะเลือกที่จะเตรียมพร้อมเพราะอยากได้คะแนนเยอะๆ จะกลายเป็นว่าชอบสองวิชานี้ แต่ตอน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีช่วงนึงที่ฉันรู้สึกว่าไม่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์เพราะฉันทำการบ้านผิด
ตลอดเนื่องจากช่วงนั้นขาดเรียนบ่อยทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง ครูคณิตศาสตร์เคยเรียกฉันไปต่อว่าหน้า
ห้องทำให้รู้สึกว่าฉันมีอคติต่อคณิตศาสตร์มากๆ แต่พอถึงช่วงการสอบกลางภาคในตอนนั้นฉันก็
ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเองเหมือนกันฉันกลับไปทบทวนอ่านอย่างดีและตั้งใจทำข้อสอบมาก
ทำให้การสอบในครั้งนั้นฉันได้คะแนนเต็ม ฉันก็ยังคงกลับมาชอบคณิตศาสตร์เหมือนเดิมมาเรื่อยๆ
จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ฉันก็ยังคงทำคะแนนได้ดี ถือว่าเป็นวิชาโปรดเลยทีเดียวฉันเป็นคนที่
ถือว่าชอบแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามในห้อง พูดมาถึงชั้นประถมศึกษาตอนปลายแล้ววิชา
ที่ยังคงชอบอยู่ไม่เคยเปลี่ยนก็คงเป็นวิชาภาษาอังกฤษ ในตอนประถมเชื่อว่าทุกโรงเรียนจะมีการ
ให้นักนักเรียนทำอยู่แล้วและกับคำถามที่ว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร" เอาจริงๆถ้าถามถึงตอนนั้นก็
คงจะนึกถึงอาชีพที่วาดฝันไว้หลายๆอย่างหนึ่งในนั้นที่ฉันตอบไปก็มีแพทย์ด้วยซึ่งถ้าถามคำถาม
นั้นในตอนนี้ก็คงจะไม่มีตัวเลือกอาชีพแพทย์เป็นหนึ่งในคำตอบนั้น คือในตอนนั้นจะมีให้เลือกอาชีพ
สามอันดับซึ่งในการเลือกของฉันเท่าที่จำได้ฉันแทบจะไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตเลยด้วย
ซ้ำ สามอันดับอาชีพที่ฉันเลือกเท่าที่จำได้และสามอันดับนี้จะสลับกันไปมาก็คือ อันดับหนึ่งนักการ
ทูต อันดับสองเภสัชกร อันดับสามแพทย์ ซึ่ง ณ ตอนนั้น ฉันไม่ได้คิดถึงว่าโตมาจะเป็นไปได้ไหม
ด้วยซ้ำแต่ฉันเลือกที่จะตอบตามความชอบหรือเเรงบันดาลใจรอบๆตัว

My Story 7

พอขึ้นมามัธยมหลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากรแล้วจุดมุ่ง
หมายที่ฉันได้ตั้งไว้ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ก็คือการที่จะได้เกรดดีๆเพราะว่าฉันอยากเข้าม.4 แผนการ
เรียนวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์แต่พอได้เข้ามาเรียนจริงๆตอนช่วงเเรกต้นเทอมมีการทดลอง
ต่างๆมากมาย ฉันชอบชีวะมากในตอนนั้น ในส่วนของคณืตศาสตร์ฉันรู้สึกเฉยๆมาก ไม่ได้ชอบ
แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบ ถือว่าเรียนได้แบบปกติ หลังจากที่ผ่านเทอมหนึ่งมาได้เกรดฉันไม่ได้ดีมาก
ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ พอมาเทอมสองเกรดดีขึ้น หลังจากที่ขึ้นม.2 ฉันเริ่มรู้สึกว่าการเรียนเลข
เป็นอุปสรรคกับฉันมาก วิทย์ก็เช่นกัน ณ ตอนนั้นมันทำให้ฉันเริ่มลังเลเเล้วว่า สรุปฉันจะเลือก
แผนการเรียนอะไรกันแน่ฉันชอบวิทย์คณิตจริงๆหรอ ฉันถนัดจริงๆหรอ แต่ฉันก็ยังไม่ได้คำ
ตอบกับตัวเอง ในตอน ม.2 มีวิชาเรียนพวกกฏหมายแล้วก็พวกประวัติศาสตร์ ฉันรู้สึกว่าเวลา
เรียนสองคาบนี้ทีไรฉันมีความสุขทุกทีสามารถจดจ่อกับมันได้นานๆโดยไม่เบื่อเลยสักนิด แต่
กลับกันเวลาถึงคาบวิทยาศาสคร์และคณิตศาสตร์ทีไร ฉันชอบมองนาฬิกาอยู่บ่อยๆ ว่าเมื่อไหร่
จะหมดคาบซักที เมื่อไหร่ที่จะได้พัก นอกจากนี้ช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่มีข่าวพวกการเมือง ฉันรู้สึก
ว่าฉันสามารถอ่านมันได้หรือติดตามข่าวสารเหล่านั้นได้โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับเลย มันเป็น
ความสนใจอย่างหนึ่งของฉัน พอขึ้น ม.3 ถึงตอนที่เลือกแผนการเรียน ณ ตอนนั้นฉันไม่ลังเลเลย
ว่าจะเขียนแผนการเรียนอะไรไป ฉันเลือกที่จะเลือกแผนการเรียนวิทย์คณิต แต่พอมานั่งคิดดูดีๆ
ว่าต้องอยู่กับมันสามปีเลยนะจะไหวรึป่าว ฉันนั่งคิดจนถึงวันสุดท้ายที่สามารถเปลี่ยนแผนการ
เรียนได้ ฉันได้ไปเปลี่ยนเป็นแผนการเรียนภาษาจีน ตอนนั้นหลังจากที่ได้แผนการเรียนศิลป์
ภาษาจีนแล้วฉันรู้สึกเฉยๆมากไมได้ดีใจอะไรขนาดนั้น เลยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรอ แต่หลัง
จากที่ได้เข้ามาเรียนจริงๆแล้วฉันคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว
ฉันนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าถ้าวันนั้นไม่ไปเปลี่ยนแผนการเรียน
ทุกวันนี้จะเป็นยังไง.......

Who am I?

How 8

To Be

ADiplomat

。。。How to be

type something......

All about diplomat 9

Who is a diplomat ?

เป็นบุคคลที่รัฐแต่งตั้งให้ดำเนินกิจการทางการทูตกับรัฐอื่นหรือองค์การระหว่างประเทศ
หน้าที่หลักของนักการทูต คือ การเป็นผู้แทนเจรจาและปกป้องผลประโยชน์ ตลอดจน
ปกป้องประเทศนั้น ๆ เช่นเดียวกับการสนับสนุนข้อมูลและความสัมพันธ์ฉันมิตร

Where do diplomat work ?

กระทรวงต่างประเทศ
กระทรงพาณิชย์
กระทรวงการคลัง
กองทัพบก
กองทัพอากาศ

Way to be a diplomat.

STEP 1 ศึกษาให้จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแผนการเรียนใดก็ได้

STEP 2 ในระดับมหาลัยคณะที่ตรงสายที่สุดคือ
STEP 3 คณะรัฐศาสตร์สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สอบบรรจุนักการทูต

คณะรัฐศาสตร์ IR 10
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Faculty of Political Science

(International Relations)

TCAS gat

quota

– โครงการจุฬาชนบท/ปอเนาะ จำนวนรับ 18
คน เกณฑ์การรับ GAT 100% (ขั้นต่ำ 50%)

– โครงการผู้มีความสามารถดีเด่นระดับชาติ
ทางด้านกีฬา จำนวนรับ 8 คน เกณฑ์การรับ
GAT 100% (ขั้นต่ำ 35%)

admission

100%

รอบที่ 3 (แอดมิชชั่น)

ใช้คะแนน GAT 1 และ PAT 7 (77-83) 30%

ไม่มีการสอบสัมภาษณ์ในการคัดเลือก pat

ไม่ใช้คะแนน ONET และ GPAX ภาควิชาความสัมพันธ์ gat

ระหว่างประเทศ เกณฑ์การรับ GAT 70% PAT 7 (77-

83) 30% 70%

คณะรัฐศาสตร์ IR 11
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 11

4 ปีเรียนอะไรบ้าง

01 1st year student
เรียนวิชาพื้นฐาน
เหมือนกันทุกสาขา ความรู้เบื้องต้นทางความสัมพันธ์

ระหว่างประเทศความรู้เบื้องต้นทางรัฐศาสตร์ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ

กฎหมายทั่วไป


02 2nd year student
เริ่มเรียนวิชาปรัชญ
าเบื้องต้น ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

องค์การระหว่างประเทศ วรรณกรรมทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

03 3rd year student
เรียนกฎหมายระห
ว่างประเทศเบื้องต้น การศึกษาความมั่นคงระหว่าง

ประเทศ นโยบายต่างประเทศ เศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ

04 4th year students
ฝึกสหกิจในหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องหรืองานอื่นที่เทียบเท่า เรียนวิชาเอกเลือก

เช่น วิชาภูมิรัฐศาสตร์ วิชาการเมืองและการปกคองของจีน ญี่ปุ่น ฯลฯ

การวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศ

12

epilogue

"ท้ายที่สุดแล้วความชอบของคนเราสามารถ
เปลี่ยนไปได้ตามการเวลาตามสิ่งแวดล้อม
ณ ตอนนั้นขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นเราจดจ่อกับ
สิ่งใด เราชื่นชอบสิ่งใดอยู่ แต่ฉันเชื่อว่าท้ายที่สุด
แล้วการตัดสินใจของตัวเราเองและการเลือกเส้น
ทางของเราให้กับตัวเองดีที่สุด"

Presentation
by

Passara Pengsuk M.4/5 No.8


Click to View FlipBook Version