T สงครามกรุงทรอย
R ศตวรรษที่ 13 หรือ 12 ก่อนคริสตกาล
O โดย นางสาวชนิกานต์ สุขพรสวรรค์
J
A
N
W
A
R
ประวัติศาสตร์สากล
ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สงครามกรุงทรอย เป็นสงครามระหว่างชาวอะคีอันส์(ชาวกรีก)
กับชาวกรุงทรอย หลังปารีสแห่งทรอย ชิงพระนางเฮเลนมาจาก
พระสวามี คือพระเจ้าเมเนเลอัสแห่งสปาร์ตา สงครามดังกล่าวเป็น
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในเทพปกรณัมกรีกและมีการบอกเล่า
ผ่านงานวรรณกรรมกรีกหลายชิ้นที่โดดเด่นที่สุด คือ อีเลียดและ
โอดิสซีย์ของโฮเมอร์ มหากาพย์อีเลียดเล่าเรื่องการล้อมกรุงทรอยปี
สุดท้าย ส่วนโอดิสซีย์อธิบายการเดินทางกลับบ้านของ โอดิสเซียส
ชาวกรีกโบราณคาดว่าสงครามกรุงทรอยเป็นเหตุการณ์
ประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 หรือ 12 ก่อนคริสกาล
และเชื่อว่ากรุงทรอยตั้งอยู่ที่ประเทศตุรกีในปัจจุบัน ใกล้กับช่องแคบ
ดาร์ดาเนลส์ ทั้งนักวิชาการจำนวนมากยังเชื่อว่านิยายดังกล่าวมี
แก่นความจริงทางประวัติศาสตร์ โดยสงครามกรุงทรอยมาจาก
ความขัดแย้งในประวัติศาสตร์ ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับหลักฐาน
ทางโบราณคดีอย่างแน่ชัด
จุดเริ่มต้นของสงคราม
จุดเริ่มต้นของสงครามนั้นเริ่มขึ้นเมื่อเพเลอุส(กษัตริย์แห่งเมอมิดอนส์)
และเธทิส(เทพีแห่งทะเล) ได้จัดงานอภิเษกสมรสขึ้นแต่ทั้งคู่กลับไม่ได้เชิญ
อีริส(เทพีแห่งความขัดแย้ง) พระธิดาของเทพสูงสุด ซุส มาร่วมงานด้วย
เพราะทั้งคู่เกรงว่านางจะทำให้งานมงคลนี้ต้องวุ่นวายได้ กระนั้นเมื่อข่าวนี้
รู้ไปถึงหูของ เทพีอีริส เธอจึงรีบไปร่วมงานของทั้งคู่ทันทีด้วยความ
อาฆาตแค้น
เมื่อไปถึงงานเทพีอีริสจึงเริ่มแผนสร้างความแตกแยกขึ้น
ด้วยการโยนแอปเปิ้ ลทองคำลงบนโต๊ะ พร้อมกับกล่าวว่าลูกแอปเปิ้ ล
ทองคำนี้จะเป็นของผู้ที่งดงามที่สุดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เทพีเฮรา(มเหสีของ
เทพซุส) เอเธนา(เทพีแห่งปัญญา)และอโฟรไดท์(เทพีแห่งความรัก) ซึ่ง
ต่างคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่เลอโฉมที่สุดจึงแย่งกันเป็นเจ้าของแอปเปิล
ทองคำลูกนั้น พร้อมกับให้เทพซุสมาเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งเทพซุสรู้ดีว่าการ
ตัดสินของเขานั้นอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองได้ จึงโยนไปให้
เจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอย เป็นผู้ตัดสินแทน
ปารีสนั้นไม่ทราบถึงชาติกำเนิดของตน เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างเด็ก
เลี้ยงแกะบนภูเขาไอด้า เนื่องจากมีคำทำนายว่าเด็กคนนี้จะนำความล่ม
สลายมาสู่กรุงทรอย วันหนึ่งหลังจากปารีสชำระกายด้วยน้ำพุบนเขาไอด้า
เสร็จ เทพธิดาทั้งสามก็ปรากฏตัวให้เขาเห็นด้วยสรีระอันเปลือยเปล่าถึง
กระนั้นปารีสก็ยังไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้ เหล่าเทวีจึงต้องใช้วิธีติด
สินบน โดยเอเธนาเสนอจะทำให้ปารีสเป็นผู้มีปัญญาหยั่งรู้ และมีทักษะใน
การศึกสงครามเหนือกว่าวีรบุรุษนักรบคนใดๆ เฮราเสนออำนาจทางการ
เมืองและสิทธิปกครองทั้งเอเชียและยุโรปให้ ส่วนเทพธิดาแอโฟรไดทีเสนอ
ให้ความรักของสตรีที่งามที่สุดในโลกแก่ปารีส ปารีสตกลงมอบแอปเปิ้ ล
ทองคำให้แก่แอโฟรไดที หลังจากนั้นปารีสก็ออกผจญภัยจนกลับมาสู่กรุง
ทรอย และได้เป็นเจ้าชายแห่งกรุงทรอย
ความรู้เพิ่มเติม
ภาพวาด The Judgement of Paris โดยคุณ Peter Paul Rubens ปี ค.ศ. 1636
เทพีอะธีนา หรือ อาเธน่า (Athena)
เป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส ได้รับ
สมญานามว่าเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิด
มาจากส่วนหัวของ ซุส ประมุขแห่งเหล่าทวย
เทพ นอกจากนี้ยังได้รับสมญานามเป็น เทพี
แห่งสงคราม เทพีแห่งงานหัตถกรรม (โดย
เฉพาะงานทอผ้า ปั้ นหม้อ และงานไม้)
ความรู้เพิ่มเติม
อโฟรไดท์ เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ความ-
ปรารถนา และความงามของกรีก ส่วนของศักดิ์
สิทธิประจำตัวของอโฟรไดท์ คือ ต้นเมอร์เติล นก
พิราบ นกกระจอก และ หงส์ โดยเทพีอโฟรไดท์
เทียบได้กับเทพีวีนัส ในตำนานเทพเจ้าโรมัน เทพี
อโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส(Venus) เป็น
เทวีแห่งความรักและความงาม สามารถสะกดเทพ
และ มนุษย์ทั้งปวงให้ลุ่มหลง โดยอาจทำให้สติ
ปัญญาของผู้ฉลาดตกอยู่ในความโฉดเขลา
เทพีเฮราเป็นมเหสีและเชษฐภคินี (พี่สาว)
ของซสุ ในพระเจ้าโอลิมปัสของเทพปกรณัมและ
ศาสนากรีก เป็นธิดาของโครนัสและเรีย หน้าที่
หลักของพระนางคือเป็นเทพเจ้าแห่งสตรีและการ
สมรส ภาคโรมันคือ จูโน พิจารณาว่าวัว สิงโต
และนกยูงเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประจำพระองค์ เฮรา
เป็นที่รู้จักจากธรรมชาติอิจฉาและพยาบาทของ
พระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อชายาองค์อื่นๆของ
ซูส และบุตรที่เกิดจากชายาเหล่านั้น ไม่ว่าพวก
นางเป็นเทพเจ้าหรือมนุษย์ก็ตาม
ภาพวาด The Love of Helen and Paris หลังจากเจ้าชายปารีส
โดยคุณ Jacques-Louis David ปี ค.ศ. ได้ตัดสินให้เทพีอโฟรไดท์
1788 เป็นผู้ที่คู่ควร เทพีอโฟร
ไดท์จึงเสกให้ราชินีเฮเลน
ตกหลุมรักเจ้าชายปารีส
เป็นรางวัล ปัญหาคือ
ราชินีเฮเลนเป็นถึงมเหสี
ของกษัตริย์เมเนลอสผู้
ปกครองแห่งรัฐสปาร์ตา
การกระทำดังกล่าวของเจ้า
ชายปารีส สร้างความร้าว
ฉานให้ระหว่างสปาร์ตากับ
กรุงทรอยของกษัตริย์ไพร
อัม พระราชบิดาของเจ้า
ชายปารีส
ผลคือกษัตริย์เมเนลอสโน้มน้าวให้กษัตริย์อกาเมมนอนแห่งไมซีนี
พี่ชายของกษัตริย์เมเนลอสให้ไปจัดการกรุงทรอยและชิงตัวราชินี
เฮเลนกลับมา แต่สำหรับกษัตริย์อกาเมมนอนเรื่องชิงตัวเป็นเรื่อง
รองแต่การครองและแผ่ขยายอาณานิคมเป็นเรื่องหลัก
สรรพกําลังของแต่ละฝ่ายและหัวใจหลัก
ของการต่อสู้ในสงครามกรุงทรอย
สัมพันธมิตรของกองกำลังกรีก (โดยโฮเมอร์ มักเรียกเรียกว่า ชาว
เอเคียน) นำโดยกษัตริย์อกาเมมนอนแห่งไมซีนี ส่วนในหมู่เมืองหรือ
ประเทศที่เข้าร่วมได้แก่ Boiotia, Phocia, Euboea, Athens, Argos,
Corinth, Arcadia, Sparta, Kephalonia, Crete, Rhodes,
Magnesia และ Cyclades ซึ่งไม่สามารถสรุปจำนวนของผู้คนใน
กองทัพได้แน่ชัด แต่ทางโฮเมอร์ เขียนระบุไว้กว้างๆว่า
‘หลายหมื่นนาย’ หรือระบุไว้ในเชิงกวีว่า หลามล้นเทียมทัดฉัตรพฤกษ์
ผนึกบุหงาผลิไสวในวสันต์ ท่ามกลางกองกำลังนักรบกรีก มียอดนักรบที่
ชื่อเสียงและฝีมือโจษจันอยู่หลายราย พวกเขามีบิดาหรือมารดาที่เป็นเทพ
ในขณะที่คนทั่วไปมีบิดามารดาเป็นเพียงมนุษย์ ด้วยเหตุดังกล่าวจึง
เป็นการสร้างความเชื่อมโยงทางวงศ์วานระหว่างเทพและมนุษย์ ซึ่งผู้ใน
ส่วนสำคัญของสงครามครั้งนี้ ได้แก่ อลิคลีส, โอดิสเซียส, อาแจ็กซ์,
ไดโอมิดิส, ปาโตรโกลส, แอนติโลคัส, เมเนสเทียส และอิโดมีเนียส
นอกจากนั้น กองทัพของฝั่ งกรีก ยังได้ความช่วยเหลือจากเหล่า
เทพเจ้าแห่งโอลิมปัสบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรืออ้อม ได้แก่ อา
เธนา, โพไซดอน, เฮรา, ฮิฟีสตัส, เฮอร์, และเธทิส ซึ่งเหล่าเทพก็มีทหาร
คนโปรดของตน โดยให้ความช่วยเหลือพวกเขาในหลายๆครั้ง ไม่ว่าจะ
ช่วยเบี่ยงเบนอาวุธของศัตรู หรือพาหลบหนีไปยังที่ปลอดภัยเมื่อคนโปรด
ของพวกเขาเกิดการเพลี่ยงพล้ำ
ภาพการรบพุ่งในสงครามกรุง Troy
ซึ่งทางฝั่ งกองทัพโทรจัน ก็มีนักรบที่เป็นมนุษย์ครึ่งเทพเช่นกัน
อย่างเฮกเตอร์(บุตรของกษัตริย์ไพรอัม), อีเนียส, ซาร์เพดอน, กลาวคัส,
ฟอร์ซี่ส์, โพลดามาส และรีซัสรวมไปถึงก็ยังได้ความช่วยเหลือจากเหล่า
เทพเจ้าแห่งโอลิมปัสบางส่วนได้แก่ อะพอลโล, อโฟรไดท์, แอรีส และลีโต
ส่วนรูปแบบการต่อสู้ส่วนใหญ่ในสงครามกรุงทรอย จะเป็นการโอบ
ล้อมโจมตีที่ยืดเยื้อและตัวเมืองสามารถต้านทานผู้บุกรุกได้เป็นเวลานาน
เพราะป้อมปราการของเมืองมีความแข็งแกร่งยิ่งยวด โดยแท้จริงแล้ว
ตามตำนานเทพเจ้ากรีก กำแพงของกรุงทรอย ถูกสร้างโดยเทพเจ้าโพไซ
ดอน และอะพอลโล ซึ่งรายหลังถูกซุส บังคับให้ไปรับใช้ฝั่ งกรุงทรอย
เป็นเวลาหนึ่งปี เป็นบทลงโทษจากการกระทำที่ขาดความเคารพของเขา
มีการต่อสู้ภายนอกตัวเมืองมีการใช้รถม้าอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะ
เป็นการสู้ด้วยใช้หอก ดาบ และเครื่องป้องกันอย่างโล่ เกราะ
ซึ่งสงครามเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดินของกรุงทรอยเป็นเวลาสิบปี แต่การ
ต่อสู้ที่สำคัญจะอยู่ในช่วงปีสุดท้ายของสงคราม โดยมีช่วงเวลาที่น่าจดจำ
อย่างการต่อสู้ระหว่างปารีส ปะทะ เมเนลอส, เฮกเตอร์ ปะทะ อาแจ็กซ์
และ เฮกเตอร์ ปะทะ อคิลลีส
สงครามระหว่างกรีกและทรอยนั้นต้องใช้เวลาสู้รบกันยาวนานกว่า 10
ปีด้วยกัน เนื่องจากเมืองทรอยนั้นมีกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งยากที่ผู้ใดจะ
ทำลายได้ ด้วยเหตุนี้ ในช่วง 9 ปีแรกของสงครามกองทัพกรีกจึงต้อง
ไปโจมตีทำลายเมืองบริวารทั้งหลายของทรอยให้สิ้น เนื่องจากเมืองเหล่า
นี้คอยส่งอาหารและอาวุธต่างๆให้กับกรุงทรอย
กลยุทธ์รุกฆาต ม้าไม้เมืองทรอย
ในช่วงท้ายของสงคราม หลังจากมีการบาดเจ็บ ล้มตายไปทั้งทหาร
และแม่ทัพใหญ่ ทั้งการตายของอคิลลีสจากการถูกเจ้าชายปารีส
ยิงส้นเท้าด้วยธนูอาบยาพิษ (เพราะตอนเด็กแม่ของเขาไม่ได้เอาเท้าจุ่มน้ำ
ในแม่น้ำสติกซ์เพื่อรับพลัง จึงกลายเป็นจุดอ่อนเดียวของอคิลลีส
ผู้แกร่งกล้า), การตายอย่างไร้ศักดิ์ศรีของเฮกเตอร์ที่โดนอคิลลิสฆ่าแล้ว
จับเอาศพลากไปกับรถม้า รวมถึงการฆ่าตัวตายของอาแจ็กซ์เนื่องจากสติ
แตกเพราะเสียใจที่ไม่ได้รับรางวัลซึ่งเป็นเกราะนักรบสุดงามงดที่เคยเป็น
ของอคิลลีส ท้ายสุดเกราะได้กลายเป็นของโอดิสเซียสแทน
ภาพวาด The Death of Achilles โดยคุณ Peter Paul Rubens
แม้จะทำลายเมืองบริวารจนหมดสิ้นแล้วก็ตาม กองทัพกรีกก็ยังไม่
สามารถบุกเข้าไปในเมืองทรอยได้ จนทำให้เหล่านักรบกรีกเริ่มถอดใจ
แต่ในยามที่สำคัญเช่นนี้ โอดิสเซียนแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องของกรีกก็คิด
อุบายหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งเขาสั่งให้สร้างม้าไม้ขนาดมโหฬารขึ้นมา และทำให้
ด้านในของม้าไม้นี้กลวงเพื่อที่จะได้นำทหารของกรีกเข้าไปหลบอยู่ด้านใน
เมื่อการสร้างม้าไม้เสร็จสิ้นแล้ว โอดิสเซียนและกษัตริย์เมเนลอสพร้อม
ทหารแห่งกรีกจึงเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในม้าไม้ที่สร้างขึ้น ก่อนจะสั่งให้
เผาค่ายทิ้งและให้ทหารแสร้งทำเป็นยกกองทัพเรือกลับไปแถมยังทิ้งทหาร
ชื่อ ซินอน เอาไว้ที่เมืองทรอยเพื่อหลอกล่อให้ชาวทรอยหลงเชื่อ
เมื่อชาวทรอยเห็นกองทัพกรีกถอนทัพไปจนหมดสิ้นแล้ว จึงพากัน
ออกมาดูม้าไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่าน โดยซินอนได้หลอกชาวทรอยว่า เขานั้น
ถูกกองทัพกรีกทิ้งเอาไว้ให้หลงทางอยู่เพียงคนเดียว ส่วนม้าไม้นี้เป็น
เครื่องหมายแห่งชัยชนะ และเป็นการขอบคุณเทพีอาเธนาที่คอยช่วยเหลือ
ซึ่งม้าไม้ตัวนี้จะนำพาโชคลาภให้กับเมืองทรอยในกาลต่อไป
ชาวทรอยนั้นต่างหลงเชื่อในคำพูดของซินอน และได้ลากม้าไม้ยักษ์นี้
เข้าไปภายในเมือง พร้อมกับเฉลิมฉลองในชัยชนะกันอย่างยิ่งใหญ่ จนใน
คืนพระจันทร์เต็มดวงคืนนั้นเอง เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนชาวทรอยล้วน
เมามายจากการร่ำสุรานารีในการฉลองแทบทั้งเมือง ซินอนที่รอคอยเวลา
นี้จึงได้ไปเปิดให้บรรดาทหารของกรีกออกมาจากม้าไม้ ก่อนจะไปเปิด
ประตูเมือง ให้กองทัพกรีกที่ยกทัพกลับมาเมืองทรอย พากันกรีธาทัพเข้า
มา กองทัพกรีกจุดไฟเผาเมืองและสังหารชาวทรอยโดยเฉพาะผู้ชายไปเป็น
จำนวนมาก และเมื่อสงครามจบลง กรีกได้แบ่งบรรดาผู้หญิงชาวทรอย
ให้กับทหารและพันธมิตรต่างๆ นำไปเป็นทาสราชินีเฮเลน ถูกชิงตัวกลับไป
ยังเมืองอาร์โกส ส่วนนักรบของฝั่ งโทรจัน มีแค่อีเนียสผู้เดียวที่รอดชีวิต
และหนีไปยังอิตาลี และนั่นก็คือวาระสุดท้ายของเมืองทรอยที่เคยยิ่งใหญ่
"การเผากรุงทรอย" (1759/62) โดย Johann Georg Trautmann
เกร็ดความรู้
สงครามเมืองทรอยเป็นเรื่องที่ถูกบันทึกเอาไว้ในมหากาพย์เรื่อง
“อีเลียด” (Iliad) ของมหากวีนาม“โฮเมอร์” (ซึ่งเขาเป็นผู้ประพันธ์มหา
กาพย์อีกเรื่องคือโอดิสซีย์(Odyssey) สำหรับคุณผู้อ่านที่สงสัยว่า ม้าไม้
ยักษ์แห่งทรอยนั้นมีจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถตอบฟันธงลงไปได้
100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าไม่มีหลักฐานใดที่สามารถชี้ชัดได้
แต่ถ้าจะถามว่าเมืองทรอยนั้นมีจริงหรือเปล่า ตอบได้ชัดเลยว่ามีอยู่
จริง เพราะว่ามีการขุดค้นพบซากเมืองที่เชื่อกันว่าจะเป็นเมืองทรอย
บริเวณที่ชื่อ ฮิซาร์ลิก ในเมืองชานักกาเล ทางตะวันตกของประเทศตุรกี
ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 1,250 ปีก่อนคริสตกาล โดยเราสามารถเห็นซาก
กำแพงและหอคอยของเมืองทรอยได้ และปัจจุบันก็มีการสร้างม้าไม้
จำลองขนาดยักษ์ขึ้นบริเวณซากเมืองทรอยอีกด้วย
วิดีโอเรียนรู้เพิ่มเติม
คำถามทบทวน
1. สงครามกรุงทรอยถูกบอกเล่าผ่านงานวรรณกรรมกรีกเรื่องใด?
ก. อีเลียดและโอดิสซีย์
ข. เอดิปุส เร็กซ์
ค. อิเนียด
ง. เมตามอร์โฟซิส
2.ปารีสได้ตัดสินใจมอบแอปเปิ้ ลทองคำให้กับเทพีองค์ใด?
ก. เทพีเฮรา
ข. เทพีอาเธนา
ค. เทพีอโฟรไดท์
ง. เทพีอาร์เตมิส
3.เมื่อตอนปารีสเกิดถูกคำทำนายว่าอย่างไร?
ก. ถูกทำนายว่าจะนำความรุ่งเรืองมาสู่กรุงทรอย
ข. ทำนายว่าปารีสจะนำความล่มสลายมาสู่กรุงทรอย
ค. ทำนายว่าจะนำความสงบสุขมาให้
ง. ถูกทำนายว่าปารีสจะได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่
4.ชาวกรีกโบราณคาดว่าสงครามกรุงทรอยเป็นเหตุการณ์
ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่เท่าไหร่ก่อนคริสตกาล
ก. ศตวรรษที่8หรือ9ก่อนศริสตกาล
ข. ศตวรรษที่9หรือ10ก่อนศริสตกาล
ค. ศตวรรษที่11ก่อนศริสตกาล
ง. ศตวรรษที่12หรือ13ก่อนศริสตกาล
5.ใครเป็นผู้คิดอุบาย กลยุทธ์ม้าไม้เมืองทรอย
ก. กษัตริย์เมเนลอส
ข. โอดิสเซียส
ค. ซินอน
ง. อคิลลีส
6.สงครามกรุงทรอย ใช้เวลาสู้รบกันเป็นระยะเวลากี่ปี?
ก. 8 ปี
ข. 9 ปี
ค. 10 ปี
ง. 11 ปี
7.ปัจจุบันค้นพบเมืองทรอยอยู่บริเวณใด?
ก. เมืองชานักกาเล ประเทศตุรกี
ข. เมืองปิซา ประเทศอิตาลี
ค. เมืองอัคระ ประเทศอินเดีย
ง. เมืองซามารา ประเทศรัสเซีย
8.สงครามกรุงทรอย เป็นสงครามระหว่างชาวอะไรกับอะไร?
ก. ชาวโรมันกับชาวเคลท์
ข. ชาวแอซแทคกับชาวอัสซีเรียน
ค. ชาวมองโกลกับชาวสปาตัน
ง. ชาวกรีกกับชาวโทรจัน
9.ทำไมสงครามกรุงทรอยจึงยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี
ก. ทหารไม่มีกำลังใจในการรบ
ข. กำแพงของเมืองทรอยทั้งใหญ่และแข็งแรง
ค. ทหารฝ่ายโทรจันมีกำลังเยอะกว่า
ง. ไม่มีการวางแผนในการสู้รบ
10.ผู้ประพันธ์เรื่องสงครามกรุงทรอยคือผู้ใด?
ก. โซโฟคริส
ข. เฮโรโดตุส
ค. ยูรีพีดิส
ง. โฮเมอร์
สามารถสแกน QR code เพื่อทำแบบทดสอบ
บรรณานุกรม
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2550). สงครามกรุงทรอย. [ออนไลน์]. ได้จาก:
https://th.wikipedia.org/wiki/สงครามกรุงทรอย [สืบค้นเมื่อวันที่ 6
พฤศจิกายน 2564]
สงครามเมืองทรอยและกลยุทธ์ม้าไม้บันลือโลก. (2551). [ออนไลน์]. ได้จาก:
http://www.oknation.net/blog/jansa/2008/03/23/entry-6
[สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564]
Tatchapon Ongsakun. (2562). เรื่องราวของ‘สงครามกรุง Troy’กับ
กลยุทธ์ม้าไม้ ใน A Total War Saga: TROY. [ออนไลน์]. ได้จาก:
https://gamerism.co/a-total-war-saga-troy-trojan-war/ [สืบค้น
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564]