The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วัฒนธรรมภาคกลาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nantika1503, 2022-02-15 22:37:29

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วัฒนธรรมภาคกลาง

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์วัฒนธรรมภาคกลาง

ห น้ า | ก

คำนำ

ประเพณีไทยอันดีงามที่สืบทอดต่อกันมานั้นล้วนแตกต่างกันไปตามความเชื่อ
ความผูกผันของผู้คนต่อพุทธศาสนาและการดำรงชีวิตที่ประสานกับฤดูกาลและ
ธรรมชาติอย่างชาญฉลาดของชาวบ้าน ในแต่ละท้องถิ่นทั่วแผ่นดินไทย เช่น
ภาคเหนือประเพณีบวชลูกแก้วของคนใต้หรือชาวไทยใหญ่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ภาคอีสานประเพณีบุญบั้งไฟของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อารยธรรมไทยยังนำ
มาซึ่งการท่องเที่ยว เป็นที่รู้จักและประทับใจแก่ชาติอื่น นับเป็นมรดกอันล้ำค่าที่เรา
คนไทยควรอนุรักษ์และสืบสานให้ยิ่งใหญ่ตลอดไป คณะผู้จัดทำได้ยกตัวอย่าง
วัฒนธรรมและประเพณีของภาคกลางมาให้นักเรียน นักศึกษาได้ทำการศึกษา

ผู้จัดทำหวังว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน
นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด
ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย





คณะผู้จัดทำ
กุมภาพันธ์ 2565

สารบัญ ห น้ า | ข

คำ นำ ห น้ า
ส า ร บั ญ
ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า ก
ป ร ะ เ พ ณี ภ า ค ก ล า ง ข
อ า ห า ร พื้ น บ้ า น ภ า ค ก ล า ง 1
วั ฒ น ธ ร ร ม ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ที่ อ ยู่ อ า ศั ย 3
เ ค รื่ อ ง ด น ต รี พื้ บ้ า น ภ า ค ก ล า ง 13
ก า ร แ ต่ ง ก า ย 19
เ อ ก ส า ร อ้ า ง อิ ง 23
ค ณ ะ ผู้ จั ด ทำ 27
29
30

ห น้ า | 0 1

ห น้ า | 0 2

ภาคกลาง ดินแดนแห่งความหลากหลายทางประเพณี และวัฒนธรรมที่มี
ความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าภาคอื่นของไทย เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์
มนต์ขลัง ชวนให้น่าขึ้นไปสัมผัสความงดงามเหล่านี้ยิ่งนักภาคกลางมีทั้งสิ้น
22 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กำแพงเพชร ชัยนาท นครนายก นครปฐม
นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์
ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย
สุพรรณบุรี อ่างทอง และอุทัยธานี

ห น้ า | 0 1

ห น้ า | 0 3

ห น้ า | 0 4

ประเพณีท้องถิ่น คำว่า “ท้องถิ่น” หมายถึง พื้นที่และขอบเขตที่ชุมชน
หมู่บ้าน เมือง มีการปะทะสรรค์กันทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
จนปรากฏรูปแบบทางวัฒนธรรมที่เหมือนกัน และแตกต่างกันไปจากชุมชน
หมู่บ้าน และเมือง ในท้องถิ่นอื่น ดังนั้นวัฒนธรรมและประเพณีของท้องถิ่น
แต่ละแห่งอาจมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามสภาพทาภูมิศาสตร์
ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม

ห น้ า | 0 5

การตักบาตรเทโวเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ตักบาตรเทโว หรือ
เรียกว่า การตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งคำว่า "เทโว” ย่อมาจาก "เทโวโรหณะ”
แปลว่า การเสด็จจากเทวโลก การตักบาตรเทโวจึงเป็นการระลึกถึงวันที่พระพุ ทธองค์
เสด็จกลับจากการโปรดพระพุ ทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศลเนื่องในวัน
ออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็จะมีการจดพิ ธีการตักบาตรเทโวนี้

ตักบาตรเทโว หรือตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นวันที่พระพุ ทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ในเวลาเช้าวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 หลังจากที่พระองค์ทรงจำพรรษาที่นั้น
เป็นเวลา 3 เดือน

ความสำคัญของวันเทโวโรหณะ เป็นวันที่มีการทำบุญตักบาตรที่พิ เศษ
วันหนึ่ง กล่าวคือ ในพรรษาหนึ่งพระพุ ทธเจ้าได้เสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
แสดงพระอภิธรรมโปรด พระมารดา และทรงจำพรรษาที่นั้น พอออกพรรษาก็
เสด็จลงจากเทวโลกนั้นมายังโลกมนุษย์ โดยเสด็จลงที่เมืองสังกัสส์ ใกล้เมือง
พาราณสี ชาวบ้านชาวเมืองทราบข่าวก็พากันไปทำบุญตักบาตรพระพุ ทธองค์
ที่นั้น และเป็นการรับเสด็จพระพุ ทธองค์ด้วย กล่าวกันว่า ในวันนี้ได้เกิดเหตุ
อัศจรรย์ คือ เทวดา มนุษย์ และสัตว์นรก ต่างมองเห็นซึ่งกันและกัน จึงเรียก
วันนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "วันพระเจ้าเปิดโลก” คือ เปิดให้เห็น กันทั้ง 3 โลกนั้นเอง

ห น้ า | 0 6

ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าว เป็นประเพณีท้องถิ่นของ ตำบลเขา
สามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ ซึ่งทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น และชาวตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี หลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อเป็นการขอขมา
และขอบคุณแม่โพสพ หรือเทพีแห่งข้าว และยังมีความเชื่อกันว่าจะ
ทำให้ชาวนาได้ผลผลิตข้าวอุดมสมบูรณ์ตลอดไป โดยทุกหมู่บ้านจะ
ตกแต่งขบวนรถอย่างสวยงาม พร้อมขบวนเซิ้ง นางรำ เพื่อมา
ประกวดกัน โดยอัญเชิญรูปหล่อแม่โพสพมาไว้ตรงกลางประรำพิธี
เพื่อประกอบพิธีสงฆ์ พิธีบายศรี ซึ่งการทำบายศรีสู่ขวัญข้าวจะทำ
ก่อน นำข้าวเปลือกเก็บใส่ยุ้ง หรือเปิดยุ้ง หรือนำข้าวเปลือกไปสีเป็น
ข้าวสารเพื่อหุงรับประทาน หรือซื้อขายกัน โดยชาวนาจะนำข้าวที่
นวดแล้วมากองรวมกัน หรือนำรวงข้าวมาถักทอเป็นรูปต่างๆ
ประดับกองข้าวต่อหน้ารูปปั้ นพระแม่โพสพ โดยหมอขวัญ หลังจาก
นั้นก็เป็นการละเล่นพื้นบ้านและร่วมรับประทาน อาหารร่วมกัน
ถือว่าเป็นเพื่ออนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมในท้องถิ่น
ให้คงอยู่สืบไป

ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าว คือก่อนที่จะนำข้าวที่นวด
แล้วไปเก็บที่ยุ้งฉาง จะมีการทำบุญนิมนต์พระสงฆ์มา
สวดเพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคล โดยอัญเชิญรูปหล่อ
แม่โพสพมาไว้ตรงกลางประรำพิธี เพื่อประกอบพิธีสงฆ์
พิธีบายศรี โดยหมอขวัญ หลังจากนั้นก็เป็นการละเล่น
พื้นบ้านและร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน และจัดทำขึ้น
เพื่อเป็นการบูชาพระแม่โพสพที่หล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติ
และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวนาผู้ปลูกข้าว ซึ่งจะ
กระทำในช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงขึ้น 3 ค่ำเดือน 3
ของทุกปี

วัตถุประสงค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของเกษตรกรผู้
ประกอบอาชีพทำนา ในตำบลเขาสามสิบ รวมถึงเป็นการ
อนุรักษ์และส่งเสริมขนบธรรมเนียม ประเพณีบายศรีสู่
ขวัญข้าวตำบลเขาสามสิบ

ห น้ า | 0 7

“กำฟ้า” เป็นประเพณีของชาวไทยพวน
ในจังหวัดต่างๆ ที่มีชาวพวนอาศัยอยู่ได้
ยึ ด ถื อ ป ฏิ บั ติ ต่ อ กั น ม า ตั้ ง แ ต่ ค รั้ ง โ บ ร า ณ
“กำ” ในภาษาไทยพวน หมายถึง การนับถือ
และสักการะบูชา ดังนั้น กำฟ้า จึงหมายถึง
ประเพณีนับถือ สักการะบูชาฟ้า เนื่องจาก
ช า ว พ ว น เ ป็ น ก ลุ่ ม ช น ที่ ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ ท า ง ก า ร
เกษตร โดยเฉพาะการทำนา ในสมัยดั้งเดิม
ก า ร ทำ น า ต้ อ ง อ า ศั ย น้ำ ฝ น จ า ก ธ ร ร ม ช า ติ
ช า ว น า ใ น ส มั ย นั้ น จึ ง มี ก า ร เ ก ร ง ก ลั ว ฟ้า ม า ก
ไม่กล้าที่จะทำอะไรให้ฟ้าพิ โรธ ถ้าฟ้าพิ โรธย่อม
หมายถึง ความแห้งแล้ง อดยาก หรือฟ้าอาจ
ผ่าคนตาย ประชาชนกลัวจะได้รับความทุกข์
ยากอันเป็นภัยจากฟ้า จึงมีการเซ่นสรวง
สั ก ก า ร ะ บู ช า ผี ฟ้า

ทั้งนี้ เพื่ อเป็นการเอาใจ มิให้ฟ้าพิ โรธ หรืออีกนัย
หนึ่ง ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมนั้น
รู้สึกสำนึกในบุญคุณของผีฟ้าที่ได้ให้น้ำฝน อันหมายถึง
ความชุ่มชื้น ความอุดมสมบูรณ์ มีชีวิตของคน สัตว์
และพื ชพรรณต่างๆ จึงได้เกิดประเพณีกำฟ้าขึ้น เพื่ อ
เป็นการประจบผีฟ้าไม่ให้พิ โรธ และเป็นการแสดงความ
ขอบคุณต่อเทพยาดาแห่งท้องฟ้าหรือผีฟ้า ดังกล่าวมา
แ ล้ ว

สำหรับในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 จะเป็นวันกำฟ้า ซึ่ง
เป็นวันสำคัญที่สุด ชาวบ้านจะตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ อเตรียม
อ า ห า ร ค า ว ห ว า น ไ ป ถ ว า ย พ ร ะ แ ล ะ ร่ ว ม กั น ใ ส่ บ า ต ร
ข้าวหลามข้าวจี่ ตอนบ่ายจนถึงกลางคืนจะมีการละเล่น
พื้ นบ้าน เช่น เตะหม่าเบี้ย ต่อไก่ ไม้อื่อคร่อมเส้า ช่วงชัย
มอญซ่อนผ้า และในช่วงเวลากำฟ้านั้น คนเฒ่าคนแก่ใน
ครอบครัวจะคอยฟังเสียงฟ้าร้อง ซึ่งเป็นการพยากรณ์
เ กี่ ย ว กั บ ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ แ ล ะ ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ ข อ ง ค น ใ น
ห มู่ บ้ า น

ห น้ า | 0 8

เมื่อถึงฤดูน้ำหลากเดือนสิบสอง วิถีซีวิตไทยริมสองฟากฝั่ ง
แม่น้ำ ลำคลองต่างเฝ้ารอคอยคืนวันจันทร์เต็มดวง หรือที่เรียกกันว่า
คืนเดือนเพ็ญ เพราะแสงนวลของดวงจันทร์จะส่องประกายลงมาบน
ผิวน้ำอันใสสะอาด สร้างบรรยากาศสวยงามสดชื่นเยือกเย็น กลายมา
เป็นประเพณีลอบกระทงบูชาขอขมาพระแม่คงคา บ้างเป็นการสะเดาะ
เคราะห์ตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์

จังหวัดสุโขทัย ถือเป็นต้นกำเนิดของประเพณีลอยกระทง
เนื่องจากมีการจัดงานประเพณีสืบทอดติดต่อกันมาหลายสิบปี
จนกลายเป็นประเพณีระดับประเทศ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย
เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกในชื่อ “งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่น
ไฟ จังหวัดสุโขทัย”

ในทุกปีจังหวัดสุโขทัยได้จัดงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่น
ไฟ แบบโบราณ ขึ้นบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เอกลักษณ์
ประเพณีนี้เป็นที่เลื่องลือโดยมีทั้งกระทงทรงพุ่ มข้าวบิณฑ์งานฝีมืออัน
วิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดโบราณ
หรือ ตลาดแลกเบี้ย การจำลองบรรยากาศการซื้อขายแบบโบราณ ให้
นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรม ด้วยการแลหอยเบี้ยแทน
เงินสด เพื่อใช้ซื้อขายอาหารพื้นเมือง และการแสดงแสงสี เสียง สัมผัส
เรื่องราว ประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลก

กิจกรรมในภาคกลางวันจะมีขบวนแห่นางนพมาศ และการออกร้าน
การจัดนิทรรศการต่างๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะมีการประดับไฟจุดเที่ยน
ตามโบราณสถานต่างๆ ซึ่งมีความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของงาน
ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย การจัดประกวด
กระทง การประกวดโคมชักโคมแขวน พนมหมาก พนมดอกไม้ การ
แสดงแสงเสียงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัย ณ บริเวณวัด
มหาธาตุ ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์ และ มหรสพต่างๆ ที่บ่งบอกถึง
ความละเอียดอ่อนของความเป็นไทยอีกมากมายน่าเดินทางไปสัมผัส
เที่ยวชม โดยกำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน
12

ห น้ า | 0 9

ประเพณีโยนบัว เป็นงานประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาซึ่งจัดขึ้นเป็น
ประจำทุกปีเป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่มากเป็น ที่รู้จักของคนทั่วไปและนักท่อง
เที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี วันจัดงานตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน
11 คือก่อน ออกพรรษา 1 วัน ที่จัดก่อนวันออกพรรษาเพราะวันออกพรรษาจะ
เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทำบุญกัน แต่วันงานประเพณีโยนบัว จะเป็น วันที่ทุกคน
สนุกสนานรื่นเริงเปรียบเหมือนการเฉลิมฉลองก่อนเทศกาลออกพรรษา

เมื่อถึงวันงานประเพณี ประชาชนทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่
และทั้งหญิงชายทุกหมู่บ้าน รวมไปถึงนักท่อง เที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจะพา
กันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาชมงานแต่สำหรับคนที่เข้าร่วมงานคือเข้าร่วมขบวนแห่เรือ
ด้วยก็จะแต่ง การชุดไทยสวยงาม งานจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเว้า เริ่มจากพิธีแห่ขบวน
เรือ ล่องมาตามคลองบางพลีซึ่งจะตั้งต้นจากวัดบางพลีใหญ่ ล่องมา จนถึงที่ว่าการ
อำเภอ บางพลี เรือลำแรกที่เป็นหัวขบวนจะเป็นเรือพระโดยอัญเชิญหลวงพ่อโต
ประดิษฐาน มาในเรือ และมี ฝีพายแจวเรือล่องมาอย่างช้า ๆเพื่อให้ประชาชนที่ยืน
อยู่ตลอดสองฝั่ งคลองได้โยนดอกบัวที่เตรียมมาลงในเรือพระและคนที่อยู่ในเรือก็จะ
คอยรับเอาดอกบัวรวบรวมไปวางไว้หน้าตักหลวงพ่อโต เปรียบเสมือนกับการนำ
เอาดอกไม้มากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปนั่นเอง

ห น้ า | 1 0

เป็นงานประเพณีประจำจังหวัดชลบุรี เป็นหนึ่งใน
ประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรีที่มีการจัด
มากว่า 100 ปีแล้ว ประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีที่จัดขึ้น
เป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน11 หรือก่อนออก
พรรษา 1 วัน เพื่อเป็นการทำขวัญควายและให้ควายได้พัก
ผ่อนหลังจากการทำนามายาวนาน นอกจากนี้ประเพณีวิ่ง
ควายยังเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อควายที่เป็น
สัตว์มีบุญคุณต่อชาวนาและคนไทยอีกทั้งยังเพื่อให้ชาวบ้าน
ได้มีโอกาสพักผ่อนมาพบปะสังสรรค์กันในงานวิ่งควาย

ก็จะนำผลผลิตของตนบรรทุกเกวียนมาขายให้ชาวบ้าน
ร้านตลาดไปพร้อมๆ กัน ต่างคนก็จูงควายเข้าเที่ยวตลาด
จนกลายมาเป็นการแข่งขันวิ่งควายกันขึ้น และจากการที่
ชาวไร่ชาวนาต่างก็พากันตกแต่งประดับประดาควายของตน
อย่างสวยงามนี่เอง ทำให้เกิดการประกวดประชันความ
สวยงามของควายกันขึ้น พร้อมๆ ไปกับการแข่งขันวิ่ง
ควาย

ห น้ า | 1 1

ป ร ะ เ พ ณี ก า ร แ ห่ ผ ้ า ห่ ม อ ง ค์ พ ร ะ ป ฐ ม เ จ ดี ย์ ไ ด้ จั ด ขึ้ น เ ป็ น กิ จ ก ร ร ม ส่ ว น
หนึ่งของงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 4
จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ถ ว า ย ผ้ า ห่ ม อ ง ค์ พ ร ะ ป ฐ ม เ จ ดี ย์ นั้ น ค ง จ ะ เ นื่ อ ง จ า ก ค ว า ม
เชื่อของชาวพุทธที่ว่า การถวายสิ่งของเครื่องใช้แก่พระภิกษุสงฆ์จะได้บุญ
กุ ศ ล เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง ก า ร บู ช า พ ร ะ รั ต น ต รั ย โ ด ย เ ฉ พ า ะ ก า ร ถ ว า ย ผ้ า
กาสาวพัสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องนุ่งห่มนั้นจะได้บุญกุศลมากพุทธศาสนิกชนจึง
นิยมถวายดังกล่าว รวมทั้งนำไปห่มพระธาตุเจดีย์ หรือเจดีย์ที่บรรจุอัฐิ
ของพระภิกษุที่เคารพนับถือ หรืออัฐิบรรพบุรุษของตน โดยเชื่อว่าผ้าที่
ถวายนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อพระสงฆ์ใช้นุ่งห่มแล้ว บรรพบุรุษผู้
ล่วงลับยังมีโอกาสได้รับบุญกุศลนั้นด้วย การถวายผ้าห่มองค์พระปฐม
เจดีย์ในสมัยแรก ๆ คงยังไม่มีการจัดขบวนแห่และจัดผ้าห่มขนาดยาวมาก
ๆ ขึ้นไปห่ม เป็นการนำผ้ากาสาวพัสตร์ขนาดที่พระสงฆ์ทั่วไปใช้ขึ้น ที่ต่าง
คนต่างนำมาตามศรัทธา ต่อมาก็จะเปลี่ยนไปเป็นการนำผ้าที่มีผู้ร่วมทำบุญ
มาต่อกันเป็นผืนยาวพอที่จะพันรอบองค์พระปฐมเจดีย์ตอนบนได้ แล้วนำ
ขึ้นไปห่มทีเดียว ซึ่งจะต้องใช้ผ้ายาวประมาณ 80-100 เมตร ทางวัดจึง
บอกบุญยังผู้มีจิตศรัทธาในรูปของการจัดขบวนแห่ โดยให้ผู้ร่วมขบวน
แต่งกายสวยงาม เช่น ชุดไทย ชุดนางฟ้า เพื่อเรียกร้องความสนใจ และ
เ ป็ น ก า ร รื่ น เ ริง ส นุ ก ส น า น ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ด้ ว ย

ห น้ า | 1 2

ประเพณีตรุษจีน เป็นประเพณีเกี่ยวกับการไหว้เจ้า
ไหว้บรรพบุรุษ ของคนไทยเชื้อสายจีนค่ะ โดยในจังหวัด
นครสวรรค์นั้น นอกจากการไหว้ตามประเพณีแล้ว ที่นี่
ยังมีกิจกรรม และประเพณีหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่ง การแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ เป็นประเพณี
วัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดนครสวรรค์ซึ่งปฏิบัติสืบ
เนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นงานประเพณีที่สร้าง
ชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครสวรรค์ อย่างมากเลยทีเดียว

สำหรับรูปแบบของงานนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป
ตามยุคตามสมัย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและ
ครอบครัวของชาวตลาดปากน้ำโพ

ห น้ า | 1 3

ห น้ า | 1 4

น้ำพริกกะปิ เป็นน้ำพริกซึ่งนิยม
รับประทานกันในประเทศไทย เป็นอาหาร
ประเภท น้ำพริก อย่างหนึ่งที่มีส่วน
ประกอบหลัก คือ กะปิ โดยใช้กะปิเผาไฟ
โขลกกับเครื่องปรุงต่างๆใน ครก น้ำ
พริกกะปิเมื่อทำเสร็จแล้วจะมีสีน้ำตาลอม
ม่วง โรยหน้าด้วยมะเขือพวงและพริก
น้ำพริกกะปิจะรับประทานคู่กับ ปลาทู
ทอดหรือไข่ทอด ชะอม

ข้าวคลุกกะปิ เป็นอาหารไทยภาคกลาง
ที่นำข้าวมาคลุกกับกะปิ โดยใช้ข้าวก้นหม้อ
หรือข้าวค้างคืน นิยมใช้ข้าวเสาไห้หรือข้าว
หอมมะลิเก่าโดยหุงใช้น้ำน้อย สมัยโบราณจะ
ห่อกะปิด้วยใบตอง แล้วนำไปปิ้ งไฟให้มีกลิ่น
หอมก่อนนำมาคลุกกับข้าว การคลุกข้าวกับ
กะปิจะนำลงไปผัดในกระทะให้หอมแล้วจึงคลุก
กับข้าว จากนั้นตกแต่งด้วยเครื่องเคียง

ห น้ า | 1 5

ต้มยำกุ้ง เป็นอาหารไทยภาคกลาง
ประเภทต้มยำ ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานไปทุก
ภาคในประเทศไทย เป็นอาหารที่รับประทาน
กับข้าวและ มีรสเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลักผสม
เค็มและหวานเล็กน้อย แบ่งออกเป็น 2
ประเภท คือ ต้มยำน้ำใส และ ต้มยำน้ำข้น

แกงมัสมั่น เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้
รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทยมุสลิม
เรียกแกงชนิดนี้ว่า ซาละหมั่น แกงมัสมั่นแบบ
มุสลิมไทยออกรสหวานในขณะที่ตำรับดั้งเดิม
ของชาวมุสลิมออกรสเค็มมัน แบบไทย น้ำ
พริกแกงมี พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอม
กระเทียม ลูกผักชี ยี่หร่า ดอกจันทน์ กานพลู
ปรุงรสให้หวานนำ เค็มและอมเปรี้ยว เป็นแกง
มีน้ำมากเพื่อรับประทานกับข้าว

ห น้ า | 1 6

ผัดไทยคืออาหารไทยมีเอกลักษณ์
แสดงถึงความเป็นไทยสมชื่อ นอกจากจะ
เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทยแล้ว
ยังเป็นหนึ่งในเมนูที่ดังไปไกลทั่วโลกที่ชาว
ต่างชาติพากันติดอกติดใจในรสชาติ และ
หากได้รู้ที่มาที่ไปก็จะยิ่งภาคภูมิใจในความ
เป็นไทยยิ่งขึ้นไปอีก โดยมีส่วนประกอบใช้
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กผัดกับเครื่องปรุงมีน้ำ
มะขามเปียก เต้าหู้เหลือง หัวไช้โป๊ กุ้งแห้ง
หรือกุ้งสด ใบกุยช่าย ถั่วงอก เป็นต้น

ห่อหมก เป็นอาหารคาวที่มีชื่อเสียงของ
ไทยมาช้านาน และเป็นเมนู ที่นิยมบริโภค
เพราะมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน โดยใน
ห่อหมกประกอบด้วย โปรตีนจากปลา ไขมัน
จากกะทิ คาร์โบไฮเดรตจากผัก แถมยังมี
รสชาติอร่อยถูกปากคนไทย ในอดีตชาวบ้าน
นิยมปรุงห่อหมกรับประทานภายในครัวเรือน
บางครั้งก็ใช้เป็นอาหารสำหรับรับรองแขก
หรือเป็นอาหารสำหรับจัดเลี้ยงในงานต่างๆ

ห น้ า | 1 7

เป็น ขนมหวานไทย ยอดนิยม และจะได้รับ
ความนิยมมากเป็นพิเศษใน ฤดูร้อน ทำจาก
ข้าวเหนียว เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงูมูนกับหัว
กะทิ เกลือป่น และน้ำตาลทรายขาว แล้วกิน
กับเนื้อมะม่วงสุก ที่นิยมคือ มะม่วงอกร่อง
และ มะม่วงน้ำดอกไม้ อาจราดกะทิ และโรย
ถั่วบางชนิด แล้วแต่ชอบใจ

ขนมหม้อแกง หรือ ขนมกุมภมาศ คือ
ขนมที่ใช้ไข่ แป้ง และกะทิเป็นส่วนประกอบ
สำคัญ นำผสมกันในถาดตามสัดส่วน แล้วจึง
นำไปอบจนหน้าของขนมหม้อแกงมีสีน้ำตาล
ทอง น่ารับประทาน ปัจจุบันมีการทำเผือก
เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว มาผสม และแต่ง
หน้าขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงมี
รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น

ห น้ า | 1 8

ลูกชุบ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งทำ
ด้วยถั่วเขียวบดกวนปั้ นเป็นรูปร่าง
ต่าง ๆ ระบายสี แล้วนำไปชุบวุ้นให้
สวยงาม สีที่ใช้ทำลูกชุบนั้นนอกจาก
ระบายลงบนถั่วเขียวกวนที่ปั้ นแล้ว ยัง
ใส่สีลงในถั่วกวนโดยตรงได้อีก เช่น สี
เหลือง สำหรับขนมที่จะปั้ นเป็นผล
มะปรางใช้ฟักทองนึ่งแล้วยีละเอียด
ผสมในถั่วกวน

แกงบวดฟักทอง เป็นขนมไทย
พื้นบ้านของชาวไทย ที่บ่งบอกถึง
ความเป็นไทย คนส่วนมากโดยเฉพาะ
ชาวอีสานจะรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจาก
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม
ปลูกผักผลไม้ไว้รับประทานเอง อีกทั้ง
ห่างไกลตลาด จึงนำอาหารที่มีอยู่ใน
ท้องถิ่น

ห น้ า | 1 9

"บ้านทรงไทย" นับว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ที่ได้คิดสร้างที่อยู่อาศัย
ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และประโยชน์ใช้สอย คือ เป็นเรือนยกพื้นสูง

เพื่อป้องกันน้ำท่วมตัวเรือน เพราะในปลายฤดู ฝนจะมีน้ำป่าไหลหลากจากทางเหนือ
มาท่วมพื้นที่ลุ่มในภาคกลาง หากมีลมพายุก็สามารถพัดผ่านใต้ถุน เรือนไปได้ ใต้ถุนเรือน

สามารถใช้เป็นสถานที่ทอผ้า ตำข้าว เก็บของ
ส่วนหลังคาที่สูงและลาดชันก็เหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว และมีฝนตกชุกของ
ภาคกลาง เพราะทำให้อากาศร้อนจากภายนอกถ่ายเทมา ยังห้องได้ช้า และทำให้ฝนไหล
ลงอย่างรวดเร็ว รอบตัวเรือนมีชายคายื่นยาว เพื่อป้องกันกันฝนสาด และ แสงแดด การ

สร้างบ้านยังคำนึงเรื่องทิศทางของการระบายลม และระบายความร้อน

ห น้ า | 2 0

เรือนเครื่องสับ คือประเภทหนึ่งของ
เรือนที่อยู่อาศัยของคนไทย ที่เรียกว่า
เรือนไทย คู่กันกับ เรือนเครื่องผูก ตาม
ความหมายของ ราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง
"เป็นเรือนที่มีลักษณะคุมเข้าด้วยกันด้วยวิธี
เข้าปากไม้"

เรือนเครื่องผูก หรือ บางท่านเรียกว่า เรือน
ชนบท เพราะส่วนใหญ่จะพบในชนบท หรือผู้มีรายได้
น้อย ค่าใช้จ่ายในการสร้างเรือนต่ำใช้วัสดุพื้นถิ่นหรือ
ที่หาได้ง่าย ราคาถูกเป็นเรือนพักอาศัย โครงสร้าง
หลักเป็นไม้ไผ่ หรือไม้จริงไม่แปรรูป หรือแปรรูปอย่าง
ง่ายๆ โครงหลังคาไม้ไผ่ วัสดุมุงเป็นใบไม้ชนิดต่างๆ
เช่น หญ้าคา ใบจาก ใบแฝก ฯลฯ พื้นเป็นฟากไม้ไผ่
ไม้กระดาน หรือไม้ไผ่เป็นลำ การผูกจะผูกด้วยตอก
สําหรับจุดที่ต้องการความแข็งแรงจะใช้ตอกหวายซึ่ง
เหนียว ทนทาน และใช้ตอกไม้ไผ่สำหรับส่วนอื่นๆ

ห น้ า | 2 1

เป็นเรือนของผู้มีฐานะ เจ้าของตั้งใจสร้างขึ้นให้มี
ขนาดใหญ่โตหรูหรา เห็นได้ชัดเจนจากการวางผัง เรือน
หมู่นี้ประกอบด้วย
๑. เรือนนอน เป็นเรือนประธาน มี ๓ ช่วงเสา
๒. เรือนสำหรับลูก มีขนาดเท่ากัน หรือย่อมลงมา
๓. เรือนขวาง มีลักษณะเป็นเรือนโปร่ง มี ๓ ช่วงเสา
สำหรับเป็นที่พักผ่อน
๔. เรือนครัว ตั้งอยู่ทางด้านหลัง มีขนาด เล็ก ๒ ช่วงเสา
๕. หอนก คหบดีผู้มีฐานะมักจะมีงาน อดิเรกคือ เลี้ยงนก
ไว้ดูเล่น และฟังเสียงร้อง

เป็นเรือนที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นร้านค้าขาย
รวมทั้งกินอยู่หลับนอนแบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วน
หน้าเปิดเป็นร้านค้าส่วนหลังเป็นที่อยู่อาศัย
มีห้องโถง ห้องนอน เรือนครัว และที่รับ
ประทานอาหาร ส่วนการอาบน้ำนั้น อาบที่คลอง
หรือ แม่น้ำ

ห น้ า | 2 2

เรือนค้าริมทาง เรือนร้านค้าริมทาง เป็นเรือนที่สร้าง
ขึ้น เพื่อประโยชน์ทางการค้า และใช้พักอาศัยไปในตัว มีจุด
มุ่งหมายเช่นเดียวกับเรือนร้านค้าริมน้ำ การขนส่งใช้
เกวียนเป็นพาหนะ เรือนดังกล่าว มีลักษณะต่างๆ กัน
ดังนี้

เป็นเรือนหลังเดียวมีระเบียงกว้างเกือบเท่าเรือนนอน
ลดระดับพื้นระเบียงลงมา สูงจากระดับดินไม่เกิน ๑ เมตร
ใช้พื้นที่ระเบียงเป็นที่วางสินค้า อาจมีฝาหน้าถังหรือฝาเฟี้ ยม
หรือบางครั้งเปิดโล่ง

เป็นเรือนสองหลังแฝด ด้านจั่วทำระเบียงลดระดับเป็น
ร้านค้าเหมือนลักษณะที่ ๑

เรือนตำหนัก ป็นเรือนสำหรับเชื้อพระวงศ์ หรือ
เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ มีขนาดใหญ่ หลายช่วงเสา ลักษณะ
คล้ายกุฏิสงฆ์ ซึ่งนำมารวม กันจำนวน ๖ - ๙ ห้อง
ฝาลูกปะกน มีสัดส่วนใหญ่โตกว่าเรือนธรรมดา ลบมุม
ลูกตั้งลูกนอน ด้านหน้าเป็นระเบียง มุมสุดหัวท้ายของ
ระเบียง กั้นเป็นห้องน้ำ ห้องส้วม และห้องเก็บของ
ระเบียงนี้ เรียกว่า พะไล ถ้าเจ้าของเรือนเป็นเชื้อพระ
วงศ์ จะมีช่อฟ้า ใบระกา ประดับปลายหลังคา ด้านหน้า
จั่ว เช่น ตำหนักแดง (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์
สถานแห่งชาติ) ตำหนักเขียว ตำหนัก ปลายเนิน
เป็นต้น

ห น้ า | 2 3

ห น้ า | 2 4

ซอสามสาย : เป็นซอ ที่มีรูปร่าง
งดงามที่สุด ซึ่งมีใช้ในวงดนตรีไทย
มาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย (พ.1350)
แล้ว ซอสามสายขึ้นเสียง ระหว่าง
สายเป็นคู่สี่ใช้บรรเลงในพระราชพิธี
อันเนื่องด้วยองค์พระมหากษัตริย์
ภายหลังจึงบรรเลงประสมเป็น
วงมโหรี

ปี่ : เป็นเครื่องเป่าที่มีลิ้น ทำด้วยใบตาล
เป็นเครื่องกำเนิดเสียง เป็นประเภทลิ้นคู่
(หรือ 4 ลิ้น) เช่นเดียวกับ โอโบ (Oboe) มี
หลายชนิดคือ ปี่ นอก ปี่ ใน ปี่ กลาง ปี่ มอญ
ปี่ ไทยที่เด่นที่สุด คือ ปี่ ในตระกูลปี่ ใน ซึ่งมีรู
ปิดเปิดบังคับลม เพียง 6 รู แต่สามารถ
บรรเลงได้ถึง 22 เสียง และสามารถเป่า
เลียนเสียงคนพู ดได้ชัดเจนอีกด้วย

ห น้ า | 2 5

ระนาดเอก คือ ระนาดที่มีระดับ
เสียงแกร่งกว่าระนาดทุ้ม ลูกระนาด
มี ๒๑ ลูก รางระนาดมีรูปคล้าย
เปลญวณ มีแผ่นไม้ปิดหัวท้าย เรียก
ว่า โขน มีฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมรอง
ตรงส่วนโค้งตรงกลาง ใช้ไม้แข็งตี
เมื่อต้องการเสียงแกร่งกร้าว และใช้
ไม้นวมตีเมื่อต้องการเสียงนุ่มนวล.

ระนาดทุ้ม เป็น เครื่องดนตรี ที่สร้าง
ขึ้นมาในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่ง
เกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นการสร้างเลียนแบบ
ระนาดเอก ใช้ไม้ชนิดเดียวกันกับระนาดเอก
ลูกระนาดทุ้มมีจำนวน 17 ลูก ลูกต้นยาว
ประมาณ 42 ซม กว้าง 6 ซม และลดหลั่น
ลงมาจนถึงลูกยอด ที่มีขนาดยาว 34 ซม
กว้าง 5 ซม รางระนาดทุ้มนั้นประดิษฐ์ให้มี
รูปร่างคล้ายหีบไม้ แต่เว้าตรงกลางให้โค้ง
โขนปิดหัวท้ายเพื่อ

ห น้ า | 2 6

ซอด้วง เป็นซอสองสาย เป็นซอที่มีเสียง
แหลมเล็กที่สุดในเวลาเข้าประสมวง จะทำหน้าที่
เป็นผู้นำวง โดยบรรเลงทำนองหลักด้วย
ทำนองหวานบ้าง เก็บบ้าง หรือเร็วบ้าง ตาม
ความเหมาะสมที่มีอยู่ในเพลงคันทวนซอด้วง
ยาวประมาณ 72 ซม คันชักยาวประมาณ 68
ซม ใช้ขนหางม้าประมาณ 120 – 150 เส้น
กะโหลกของ ซอด้วงนั้น แต่เดิมใช้กระบอกไม้ไผ่
มาทำ ปากกระบอกของซอด้วงกว้างประมาณ
7 ซม ตัวกระบอกยาวประมาณ 13 ซม กะโหลก
ของซอด้วงนี้ ในปัจจุบันใช้ไม้จริง หรือ งาช้าง
ทำก็ได้

ซออู้ เป็น ซอ สองสาย ตัวกะโหลกทำ
ด้วย กะลามะพร้าว โดยตัดปาดกะลาออก
เสียด้านหนึ่ง และใช้หนังลูก วัว ขึงขึ้นหน้าซอ
กว้างประมาณ 13 – 14 ซม. เจาะกะโหลกให้
ทะลุตรงกลาง เพื่อใส่คันทวนที่ทำด้วยไม้จริง
ผ่านกะโหลกลงไป ออกทะลุรูตอนล่างใกล้
กะโหลก คันทวนซออู้นี้ ยาวประมาณ 79 ซม.
ใช้สายซอสองสายผูกปลายทวนใต้กะโหลก
แล้วพาดผ่านหน้าซอ ขึ้นไปผูกไว้กับ ลูกบิด
สองอัน

ห น้ า | 2 7

ห น้ า | 2 8

ในปัจจุบันการแต่งกายของแต่ละภาคได้รับความกลมกลืนกันไปหมด เนื่องมา
จากถูกครอบคลุมสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่น จึงทำให้การแต่งกายมีความคล้ายคลึงกันไป
หมด จนแยกแยะไม่ค่อยออกว่าบุคคลไหนอาศัยอยู่ในภาคใด แต่หากย้อนกลับถึง
การแต่งกายในชีวิตประจำวันทั่วไป ผู้ชายจะนุ่งกางเกงครึ่งน่อง สวมเสื้อแขนสั้น
คาดผ้าขาวม้า ส่วนผู้หญิง จะนุ่งซิ่นยาว สวมเสื้อแขนสั้นหรือยาว

แต่หากเป็นชุดไทย สมัยก่อนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ผู้ชายจะ
นิยมสวมใส่โจงกระเบนสวมเสื้อสีขาว ติดกระดุม 5 เม็ด ที่เรียกว่า "ราชประแตน"
ไว้ผมสั้นข้าง ๆ ตัดเกรียนถึงหนังศีรษะข้างบนหวีแสกกลาง ส่วนผู้หญิงจะนิยมสวม
ใส่ผ้าซิ่นยาวครึ่งแข้ง ห่มสไบเฉียงตามสมัยอยุธยา ทรงผมเกล้าเป็นมวย และสวม
ใส่เครื่องประดับเพื่อความสวยงาม

ห น้ า | 2 9

เอกสารอ้างอิง

ประวัติความเป็นมา https://thailandbysai.wordpress.com/
ประเพณีพื้นบ้านภาคกลาง https://karnjanataa1204.wordpress.com/category
https://sites.google.com/site/praphenithiykib5543/
อาหารพื้นบ้านภาคกลาง https://www.sanook.com/campus/1403643/
http://www.thaifoodheritage.com/recipe_list/3
วัฒนธรรมที่อยู่อาศัย https://sites.google.com/site/khnmthiyass
เครื่องดนตรีพื้นบ้าน https://sites.google.com/site/wathnthrrmthiy123/
การแต่งกายภาคกลาง https://travel.kapook.com/view47566.html?
https://travel.kapook.com/view47566.html?

ห น้ า | 3 0

คณะผู้จัดทำ

นางสาวนันทิกา การร้อย เลขที่ 17
ปวช.3/1 คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

นางสาวพัชรา เซี่ยงป๋อง เลขที่ 25
ปวช.3/1 คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

นางสาวพิชชา เจริญผล เลขที่ 26
ปวช.3/1 คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี


Click to View FlipBook Version