แผนการจดั การเรยี นรู้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3
รายวิชา ภาษาไทยพ้นื ฐาน รหสั วิชา ท23101
สาระท่ี 4 หลักการใชภ้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ภาษาดีสรา้ งสรรค์
เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง ครูผสู้ อน นางสาวดาราวรรณ ธนันฐิตวิ ัชร์
**************************************************************************************************
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้
ม.3/1 จาแนกและใช้คาภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย
2. วตั ถุประสงคข์ องการจัดกิจกรรม
2.1 เพ่ือใหน้ กั เรียนรูแ้ ละเขา้ ใจคาศัพท์ทีย่ มื มาจากภาษาต่างประเทศทปี่ รากฏอยูใ่ นผลติ ภัณฑ์จากข้าว
(K)
2.2 เพ่ือให้นกั เรียนมที กั ษะในการแยกคาศพั ทท์ ยี่ ืมมาจากภาษาตา่ งประเทศ (P)
2.3 เพอื่ ให้นกั เรียนมีเจตคติทดี่ ตี ่อการเรยี นและมีความรับผดิ ชอบในการทางาน (A)
3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์จากข้าว มีการปรากฏคายืมภาษาต่างประเทศมากมาย ซึ่งชนทุกชาตมิ ี
การรับเอาภาษาอื่นมาใช้ในภาษาของตน เพราะธรรมชาติของมนษุ ย์ย่อมมีการติดต่อสัมพนั ธก์ ันในด้านต่าง ๆ
เช่น ด้านการเมือง การปกครอง การค้าขาย ศาสนา วัฒนธรรม การศึกษา เป็นต้น คนไทยก็ได้นา
ภาษาตา่ งประเทศมาใช้ในภาษาไทยจานวนมากซ่งึ มพี ัฒนาการตามลาดับ เชน่ ภาษาเขมร ภาษาองั กฤษ ภาษา
ฝรัง่ เศส ภาษาจนี ภาษาญป่ี ุ่น บาลี สนั สกฤต เป็นตน้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
คาที่มาจากภาษาต่างประเทศ
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร : ใช้ภาษาในการถา่ ยถอดความคดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเรอ่ื งคา
ภาษาต่างประเทศในภาษาไทยท่ีปรากฎในกระบวนการสร้างผลติ ภัณฑ์จากข้างอยา่ งถูกตอ้ ง
5.2 ความสามารถในการคดิ : รู้จักวิเคราะห์ เพ่อื นาไปสกู่ ารสรา้ งองคค์ วามรู้
6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
6.1 ใฝ่เรยี นรู้ : กระตือรือร้น มีสว่ นร่วมในการศกึ ษาเรยี นรู้
6.2 อยู่อย่างพอเพียง : ใช้ชีวติ โดยทางสายกลาง พอดี พอมี พอกิน
6.3 มุง่ มน่ั ในการทางาน : อดทนทางาน สาเร็จตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
7. กจิ กรรมการเรียนรู้ (ทาอะไร)
ขนั้ นา เวลา 10 นาที
7.1 ครูถามนักเรียนเพ่ือทบทวนความรู้จากชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ คาถามว่า “จากการที่นักเรียนเคย
เรียนเรื่องการนาคาภาษาต่างประเทศมาใช้ภาษาไทย นักเรียนจาได้ไหม ไหนลองมาทบทวนกันว่ามีภาษา
อะไรบ้าง” (ภูมิคุ้ม:กนั คร)ู (ความรู้:นกั เรยี น)
7.2 ครชู ้แี จงวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ ใหน้ กั เรยี นทราบ (ความร้:ู นักเรียน/ภมู คิ ้มุ กัน:ครู)
7.3 ครูให้นักเรียนดูรูปภาพกระบวนการผลิตและสร้างผลิตภัณฑ์จากข้าว เพ่ือให้นักเรียนได้เห็น
กระบวนการผลติ และสร้างผลติ ภณั ฑ์จากข้าว ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ สบู่ แชมพู ขนม เป็นต้น (ความรู้:
นักเรียน)
7.4 ครูพูดคุยกับนักเรียนว่า “รูปภาพดังกล่าวเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑจ์ ากข้าวให้เป็นท่ีตอ้ งการ
ของการตลอด โดยยงั มผี ลติ ภัณฑจ์ ากขา้ วทีน่ ่าสนใจอกี มากมาย เชน่ อาหารแปรรูป แป้ง โลชนั่ เปน็ ต้น”
Q1 ครใู หน้ ักเรียนมองดูผลติ ภณั ฑ์จากข้าวฐานการเรียนรู้ภมู ิปัญญาจากข้าว ครูถามนักเรยี นวา่
“มคี าศัพทอ์ ะไรบ้าง ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั กระบวนการผลติ และสร้างผลติ ภัณฑจ์ ากข้าว” (ภูมิคมุ้ กนั :ครู)
A1 แนวตอบ ผลิตภัณฑ์ การคิวซี การตรวจสอบคณุ ภาพ ปริมาณ บรรจุ ซนี แพก็ เก็จ กล่อง
อุปกรณ์ บิ๊กเกอร์ กา๊ ซหงุ ตม้ สาร เคมี บารโ์ ค้ท เป็นตน้
Q2 ครถู ามนักเรยี นว่า “กอ่ นนักเรยี นจะผลิตผลติ ภณั ฑ์จากข้าว ได้แก่ แชมพแู ละ สบู่ นักเรยี นคิด
วา่ ควรเตรยี มตวั อยา่ งไรบา้ ง” (ภูมิคมุ้ กนั :ครู/ภูมคิ ุ้มกนั :นักเรยี น)
A2 เตรยี มชดุ เตรียมอุปกรณ์ เชน่ บีกเกอร์ แก๊ส เทอรโ์ มมิเตอร์ กลเี ซอรนี อญั ชนั เป็นตน้
ข้นั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 35 นาที
7.5 ครูให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน (พอประมาณ:คร)ู คละนกั เรียนเกง่ ปานกลาง
และอ่อน (คุณธรรม และมีภูมคิ มุ้ กนั :คร)ู ศกึ ษาเรื่อง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ไดแ้ ก่ ภาษาเขมร
ภาษาองั กฤษ ภาษาฝร่งั เศส ภาษาจีน ภาษาญี่ปนุ่ บาลี สันสกฤต จากใบความรู้ อย่างมงุ่ มนั่ ตัง้ ใจ (คุณธรรม:
นักเรยี น)
7.6 ครูใหส้ มาชกิ ในแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาใบความรู้เร่อื ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย โดย
ประเดน็ ศึกษา ได้แก่ ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรัง่ เศส ภาษาจนี ภาษาญ่ีปนุ่ บาลี สนั สกฤต (สังคม :
นกั เรียน / ภูมคิ ้มุ กัน:คร)ู
7.7 ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มรว่ มกันคิดคาศัพท์ ที่เกย่ี วขอ้ งกับกระบวนการผลติ และสร้างผลิตภณั ฑ์
จากข้าวให้มากที่สุด ลงในใบกจิ กรรม คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลิตและสร้างสรรค์
ผลติ ภัณฑจ์ ากข้าว (สงั คม:นกั เรยี น)
7.8 ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ แยกคาศพั ท์ที่นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ช่วยกนั คิด ว่า เหมาะท่ีจะเป็นคาภาษา
ใด ลงในใบงาน โดยครูชว่ ยอธบิ าย ให้เข้าใจมากข้ึน (สงั คม:นกั เรยี น / ภมู ิคมุ้ กนั :ครู)
Q3 ครูถามนกั เรยี นวา่ “คาวา่ บรรจุภัณฑ์ ประกอบดว้ ยคาภาษาตา่ งประเทศก่ีภาษา” (ความรู้:
นักเรียน / ภมู คิ มุ้ กนั :ครู)
A3 แนวตอบ ได้แก่ มี 2 ภาษา “บรรจุ เป็นภาษาเขมร ภัณฑ์ เป็นภาษาบลสี นั สฤต”
7.9 ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับขั้คาภาษาต่างประเทศ และเพมิ่ เตมิ คาไทยแท้ ใหน้ ักเรยี นมคี วาม
เขา้ ใจและเห็นความแตกตา่ งได้มากขนึ้ (มีเหตุผล และภมู คิ ุ้มกัน:ครู)
7.10 ครูยกตัวอย่าง คาว่า “สบู่” และ “แชมพู” บนกระดาน มาให้นักเรียนสังเกตลักษณะความ
แตกตา่ ง
Q4 ครูถามนักเรียนว่า “คาว่า “สบู่” และ “แชมพู” ทั้ง 2 คาน้ี แตกต่างกันอย่างไร (นักเรียน:
ความรู้/ ครู:ภูมิค้มุ กัน)
A4 “สบ”ู่ เปน็ คาภาษาโปรตเุ กส และ “แชมพู” เป็นคาภาษาองั กฤษ
7.11 ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการแยกคาภาษาต่างประเทศ หนา้ ชนั้ เรยี น โดยครู
เสนอแนะและอธิบายเพิม่ เติม (นักเรียน:สงั คม)
Q5 นกั เรยี นคดิ ว่า ทุกวันนมี้ ีอิทธพิ ลของคาภาษาตา่ งประเทศเข้ามาในประเทศไทย เพราะเหตใุ ด”
(นักเรียน:ความร)ู้
A5 แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ เช่น มาในด้าน การค้า การตลาด
เทคโนโลยี)
Q6 นกั เรยี นจะมีวธิ ีการอนุรกั ษภ์ าษาไทยอยา่ งไร (นกั เรียน:วฒั นธรรรม)
A6 แนวตอบ ใช้คาให้ถกู ต้อง เชน่ เขยี นถูก อา่ นถกู ออกเสียงชดั เจน เป็นต้น
ข้ันสรปุ เวลา 15 นาที
7.12 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้ เรอ่ื ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลติ
และสรา้ งสรรค์ผลติ ภัณฑ์จากขา้ ว
7.13 ครูตรวจสอบความรู้ จากใบกจิ กรรมของนกั เรยี น (ความรู้:นักเรยี น / ภมู คิ ุ้มกนั :ครู)
7.14 นกั เรยี นช่วยกนั เกบ็ อุปกรณก์ ารเรยี น และช่วยทาความสะอาด (คณุ ธรรม สิง่ แวดล้อม:
นักเรยี น)
7.1 ครูประเมนิ ผลระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จากการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทางานกลุม่ และการสงั เกตคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
8. ส่ือ / อปุ กรณ์
8.1 สอื่ การเรยี นรู้ :
1) ใบความร้เู ร่อื ง คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
2) ใบกจิ กรรม คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลิตและสรา้ งสรรค์
ผลติ ภัณฑ์จากข้าว
3) รปู ภาพกระบวนการผลติ และสรา้ งสรรค์ผลติ ภัณฑจ์ ากขา้ ว
8.2 แหล่งเรียนรู้ :
1) ฐานการเรยี นรู้ภูมปิ ัญญาจากขา้ ว
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน ใบกิจกรรม คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลิตและสร้างสรรค์
ผลติ ภัณฑ์จากขา้ ว
9.1
10. การวัดและประเมินผล
การวดั ผลประเมินผล วธิ ีวดั /เครื่องมือ เครอ่ื งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ การตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม คา นักเรยี นตอบคาถามได้
ภาษาตา่ งประเทศใน ถกู ต้องร้อยละ 80 ขึ้น
1. รแู้ ละเข้าใจคาศพั ทท์ ี่ยืม คาภาษาตา่ งประเทศ ภาษาไทยใน ไป
กระบวนการผลติ และ
มาจากภาษาตา่ งประเทศที่ ในภาษาไทยใน สร้างสรรคผ์ ลิตภัณฑ์
จากขา้ ว
ปรากฏอยใู่ นผลติ ภัณฑ์จาก กระบวนการผลติ และ
ขา้ ว สรา้ งสรรค์ผลิตภัณฑ์
2. ทักษะในการแยกคาศัพท์ จากขา้ ว
ท่ยี มื มาจาก
ภาษาต่างประเทศ
3. นกั เรียนมีเจตคตทิ ี่ดตี ่อ
การเรยี นและมคี วาม
รับผดิ ชอบในการทางาน (A)
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น การสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินสมรรถนะ นกั เรยี นไดผ้ ลการ
1. ความสามารถในการ ของนกั เรยี น นกั เรยี น ประเมนิ ระดบั ดีข้ึนไป
สอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ การสังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน นักเรียนไดผ้ ลการ
คุณลกั ษณะอันพงึ ประเมินระดับดขี ้ึนไป
1. ใฝ่เรียนรู้ ของนกั เรียน ประสงค์
2. อยู่อย่างพอเพียง
3. มุ่งม่นั ในการทางาน
แผนบรู ณาการ
แนวทางการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1. ผสู้ อนนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ความรทู้ ่ีครู 1. รู้คาภาษาตา่ งประเทศต่าง ๆ
จาเป็นต้องมี 2. รู้กระบวนการผลิตและสรา้ งสรรค์ผลติ ภัณฑ์จากข้าว
คณุ ธรรม 1. มีเมตตากรุณา
ของครู 2. มคี วามยตุ ิธรรม
หลกั พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี มู ิคุ้มกนั ในตัวทีด่ ี
ประเด็น
ครจู ัดกระบวนการ จัดการเรยี นร้ไู ด้ตาม การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ได้
เวลา เรียนรู้ใหเ้ หมาะสม กระบวนการครบถ้วนตามท่ี ครบตามจุดประสงค์
เพยี งพอกับเวลาท่ี
วางแผนไว้ และเวลาทีก่ าหนดไว้
กาหนดไว้
ครมู ีการวเิ คราะห์ ครเู ลือกเรื่องทีส่ อนให้ จดั ทาแผนการเรียนรู้
เนอื้ หา หลกั สตู รเนื้อหา จดั กิจกรรม นักเรียนแต่ละช้นั เพือ่ ให้เห็น ให้ถูกตอ้ งครอบคลมุ ตาม
ไดส้ อดคลอ้ ง ความสาคัญและ จุดประสงค์
กับผลการเรยี นร้แู ละ ตระหนักถงึ คุณค่า
บรบิ ทของโรงเรียน
ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ัติ นกั เรียนได้ปฏบิ ัติกิจกรรม จดั การเรยี นร้ใู หถ้ กู ตอ้ ง
อย่างทั่วถงึ ตามความสามารถ ครอบคลุมตามจุดประสงค์
การจัดกิจกรรม กิจกรรมได้เหมาะสมกบั วัย
และเกดิ การเรยี นรูด้ ว้ ย บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์
ตนเอง
ครูใชส้ อื่ ของจรงิ ทมี่ ีอยู่ ใช้ส่ือและอุปกรณไ์ ด้ 1. ครูวางแผนการใชส้ ่ือ และ
สอ่ื เหมาะสมกับการเรียนรู้ ประหยดั คมุ้ คา่ ตรงตาม การเก็บอย่างเปน็ ระบบ
ของนกั เรียน
ออกแบบการจดั การเรียนรู้ 2. ใช้สอ่ื /อุปกรณอ์ ย่าง
ชานาญ
แหลง่ เรยี นรู้ กาหนดแหล่งเรยี นรไู้ ด้ ต้องใหผ้ ูเ้ รียนใชแ้ หล่ง เตรยี มวธิ ปี อ้ งกนั และ
เรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งค้มุ ค่า แกป้ ัญหาจากการปฏิบัติ
เหมาะสมกับเน้อื หา กจิ กรรมในแหล่งเรยี นรู้
กจิ กรรม งบ เวลา และวยั
ผูเ้ รียน
มีการออกแบบการวัด มีการออกแบบเคร่ืองมอื วดั วางแผนวดั และประเมิน
การประเมินผล และประเมนิ ผลให้สอดคล้อง และประเมินผลท่ีวดั ได้ตวั ชี้วัด ผลผู้เรยี นได้อย่างมคี ณุ ภาพ
กบั ตัวชีว้ ดั และเหมาะสมกบั ท่ีตอ้ งการวัด และตรงตามเปา้ หมายที่ตอ้ ง
เวลา และวยั ของผูเ้ รยี น การวดั
สอดคล้องกบั สมดุล 4 มติ ิ วฒั นธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม
วตั ถุ สังคม - สง่ เสริม อนุรกั ษ์ ภูมิ - ใหน้ กั เรยี น เก็บวสั ดุ
- การผลิตสอ่ื ดว้ ยตนเอง - มกี ารแลกเปลยี่ น ใน ปญั ญาจากข้าว อุปกรณ์หลังจากใช้เสร็จ
- ใช้ส่อื จากแหล่งเรยี นรู้ กลมุ่ PLC
2. ผลทเ่ี กดิ ข้ึนกับผู้เรยี นสอดคลอ้ งกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากการจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้
2.1 ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลักคดิ และฝกึ ปฏบิ ตั ติ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดงั นี้
ความรู้ก่อนท่ี 1. ร้จู กั คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
นกั เรียนได้เรียนรู้ 2. รูส้ ถานท่ี ทต่ี อ้ งเรยี น
คณุ ธรรม 1. มีความรบั ผิดชอบ
ของนกั เรียน 2. มวี ินัย
3. มคี วามขยนั
ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมิคุ้มกนั ในตัวทดี่ ี
1. คดั เลอื กเพือ่ นนกั เรียนในการ 1. คาที่ประกอบด้วย ฑ 1. กอ่ นลงมือปทาใบกจิ กรรมควร
นาเสนองานให้เหมาะสมตามศักยภาพ สว่ นมากจะเป็นคาสันสกฤต ศึกษาใบงานให้ละเอียด
2. ทาภาระงานให้เหมาะสมกับเวลาท่ี 2. คาทม่ี าจากภาษาอังกฤษ มัก 2. วางแผนการทางานกลมุ่ อย่าง
ครมู อบหมาบย เป็นคาทเี่ ก่ียวข้องกบั เทคโนโลยี เป็นระบบ
3. การเรียนเรอื่ งคา
ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ทาใหเ้ ราเหน็ ววิ ัฒนาการของการ
ภาษา
2.2 ผู้เรยี นไดเ้ รียนร้กู ารใช้ชีวติ ทส่ี มดุลและพรอ้ มรบั การเปล่ียนแปลง 4 มติ ติ ามหลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดังน้ี
ดา้ น ด้านวัตถ/ุ เศรษฐกิจ ดา้ นสังคม วฒั นธรรม ส่งิ แวดล้อม
องค์ประกอบ
คดิ คาศัพท์ให้เตม็ 1. การทางานกล่มุ การศึกษาภูมปิ ญั ญา การเก็บกวาด
ความรู้ พ้นื ทก่ี ระดาษทคี่ รูให้ 2. การชว่ ยเหลือกัน จากข้าวซง่ึ เปน็ แหลง่ หอ้ งเรียนหลงั เลิก
(K) มา ในการคดิ คาศพั ท์ ขา้ วทม่ี ชี อ่ื เสียงของ เรียน
3. การแสดงความ ตาบล
ดา้ น ดา้ นวัตถุ/เศรษฐกจิ คิดเหน็ ภายในกล่มุ สง่ิ แวดล้อม
องค์ประกอบ วัฒนธรรม
ดา้ นสังคม เก็บรปู ภาพการผลิต
ทักษะ การเรียนเรือ่ งขา้ ว และสรา้ งผลติ ภัณฑ์
(P) แยกคาศพั ท์ให้ แบง่ ปนั ความรู้ เปน้ การสืบสานภูมิ จากขา้ วอยา่ ง
ปญั ญาทอ้ งถน่ิ ระมดั ระวงั
ครบถ้วนลงใน อุปกรณก์ ารเรียน
กระดาษ และชว่ ยเหลอื เพ่อื น
คา่ นยิ ม - 1. มเี จตคตทิ ่ีดีตอ่ - -
(A) การเรยี นและมีความ
รับผดิ ชอบในการ
ทางาน
2. เห็นความสาคัญ
ของการมจี ติ
สาธารณะ
เอ้ือเฟ้อื เผอ่ื แผ่
บนั ทกึ ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปญั หา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
แนวทางในการแกไ้ ขและพัฒนา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ..............................................ครผู ู้สอน
(นางสาวดาราวรรณ ธนนั ฐติ วิ ัชร์)
ความเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย
ความคิดเห็นของหวั หนา้ กล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
ลงชอื่ .....................................................
(นางบุญทวี กาวิระชัย)
ตาแหน่ง หวั หน้ากลุ่มบริหารงานวชิ าการ
ความคดิ เห็นของรองผ้อู านวยการสถานศกึ ษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.....................................................
(นายนพดล ธรรมใจอดุ )
ตาแหนง่ รองผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา
ความคิดเหน็ ของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
ลงชือ่ .....................................................
(นางวิลาวัลย์ สมฤทธ์ิ)
ตาแหน่ง ผู้อานวยการสถานศึกษา
ใบความรู้
เรื่อง คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย
คาภาษาฝรงั่ เศสในภาษาไทย
____________________________________________
1. ทมี่ าของคาภาษาฝร่งั เศส
1.1ความสมั พันธท์ างศาสนา บาทหลวงชาวฝรง่ั เศสได้เข้ามาใน พ.ศ. 2205 โดยลอมแบรต์ เดอ ลา
มอตต์ (Lambert De la mothe) สังฆราชแห่งเบริทในคณะสอนศาสนาโรมันคาทอลิกของฝร่ังเศส และมี
นกั สอนศาสนาเข้ามาเรื่อย ๆ ได้ตั้งโรงเรยี นสอนวชิ าแผนใหม่ของชาวยุโรปขึน้ ในกรงุ ศรอี ยุธยาเปิดโรงพยาบาล
รักษาคนป่วยโดยไม่คิดมูลค่า ขอจัดต้ังวัดท่ีช่ือ วัดนักบุญโยเซฟ มีการดาเนินการเผยแพร่คริสต์ศาสนา ทาให้
ภาษาฝรง่ั เศสเรมิ่ เข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทย
1.2 ความสัมพนั ธท์ างการทูต พระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 ทรงแต่งตงั้ เชอวาเลยี เดอ โดมองต์ (Monsieur
Le Chevalier De Chaumont) เปน็ ราชทตู เพอ่ื ทาสญั ญาทางการคา้ และเผยแพร่ศาสนา สมเด็จพระนารายณ์
มหาราชได้ทรงแต่งต้งั คณะทูตเดินทางไปยงั ฝร่งั เศสใน พ.ศ. 2228 โดยมี ออกพระวสิ ุทธสนุ ทร (พระ
ยาโกษาธิบดี (ปาน)) ได้เดินทางไปฝรัง่ เศส และเมื่อคณะทูตไทยเดินทางกลับ ได้มีคณะทูตฝรั่งเศส ชุดที่ 2 นา
โดยราชทูต เดอ ลา ลูแบร์ (De La Loubere) เขา้ มากรุงศรีอยธุ ยาอกี ด้วย
1.3 ความสัมพนั ธ์ทางการค้า ฝรั่งเศสเหน็ ว่าประเทศไทยเหมาะทีจ่ ะเป็นศูนยก์ ลางการค้าขาย บริษทั
อินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสจึงขอตั้งคลังสินค้าที่อยุธยา ความสัมพันธ์ทางการค้าขายระหวา่ งฝร่ังเศสกับไทย
ดาเนินได้ด้วยดี มีสินค้าของฝร่ังเศสเข้ามาในประเทศไทยอย่างหลากหลาย มีการนาคาทับศัพท์เข้ามาใช้ใน
ภาษาไทยมาก
1.4 ความสมั พนั ธ์ด้านการศึกษาและวิชาการต่าง ๆ ในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช บาทหลวง ท่ี
เข้ามาอยใู่ นกรุงศรอี ยุธยามกี ารตงั้ โรงเรียนให้บุตรข้าราชการศึกษาตามแบบตะวันตก บาทหลวงฝรัง่ เศสไดร้ ิเริ่ม
การสอนฝร่ังเศส ซึ่งเป็นรากฐานของโรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล ต่อมาในสมัยพระ- บาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไทยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการต่าง ๆ มีการต้ังโรงเรียนกฎหมาย และมี
อาจารยช์ าวฝรั่งเศสมาสอน ทาใหภ้ าษาฝรั่งเศสมใี ชใ้ นภาษาไทยกนั อย่างแพรห่ ลาย
1.5 ความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพยายามที่จะปรับปรุง
ขนบธรรมเนยี มของไทยให้ยิง่ ข้ึน ความนิยมวฒั นธรรมฝรงั่ เศสยังคงปรากฏมาจนถงึ ปัจจุบนั โดยเฉพาะคาศัพท์
ทางวัฒนธรรม การแต่งกาย อาหาร เคร่ืองสาอาง เคร่ืองใช้ต่าง ๆ ท่แี พรห่ ลายอยู่ในชวี ติ ประจาวนั ของคนไทย
2. ลกั ษณะภาษาฝร่งั เศส
ภาษาฝรง่ั เศสเปน็ ภาษาท่ีมีวิภตั ตปิ ัจจยั มีการเปลีย่ นแปลงไปตาม ดังน้ี
เพศ เพศในภาษาฝรั่งเศสจะแบ่งออกเปน็ เพศชาย (masculin) และเพศหญงิ (feminin)
พจน์ พจนแ์ บง่ ออกเป็นเอกพจน์และพหูพจน์
ภาษาฝร่ังเศสจะคล้ายคลึงกับภาษาไทยประโยคจะประกอบด้วย ภาคประธานและภาคแสดง
เรยี งประโยคดว้ ยประธาน กรยิ า และกรรม แต่มีลกั ษณะที่แตกต่าง คือ เรยี งวางส่วนขยายนาม คาคุณศัพท์จะ
วางไว้หนา้ หรือหลังคานาม
3. คาภาษาฝรั่งเศสในภาษาไทย
3.1 หมวดเครอ่ื งมือและเคร่ืองใช้
ปาร์เกต์ ความหมาย ไม้อัดพ้ืน
รจู ความหมาย สที าปากแก้ม
ชฟี อง ความหมาย ผ้าเนอ้ื นม่ิ บางเบา
หนังสอื เล่มเล็ก ๆ
โบชวั ร์ ความหมาย ขอห่วงถกั
โคเชต์ ความหมาย เบยี ร์
เล้ียงอาหาร
3.2 หมวดอาหารและเครือ่ งด่มื ขนมปงั ครึง่ วงกลม
เหล้าชนิดหนึง่
เบียร์ ความหมาย เนยเทยี ม
ซอสชนดิ หนึ่ง
บฟุ เฟ่ต์ ความหมาย เหลา้ ชนดิ หนง่ึ ผสมดว้ ยเมล็ดผลไม้
ซง่ึ มีกลนิ่ ฉนุ
ครัวซอ็ ง ความหมาย
จานวนพัน
แชมเปญ ความหมาย หนว่ ยน้าหนักชนิดหนง่ึ
มาตราวัดความยาว
มาการีน ความหมาย มาตราตวงจานวนหน่งึ
มายองเนส ความหมาย กฬี ากลางแจ้งชนดิ หน่งึ เล่นโดยการโยน
ลูกเหล็กกลม ๆ
อาหนี ความหมาย การเต้นระบาปลายเท้า
3.3 หมวดมาตราวัด ความหมาย หลังคารปู วงกลมควา่
ความหมาย สถานการพนันขนาดใหญ่
กิโล ความหมาย สถานบรกิ ารขายชา กาแฟ เครอ่ื งด่มื
กรมั ความหมาย ภตั ตาคาร
เมตร ห้องเสรมิ สวย
ลติ ร ความหมาย สถานพยาบาล
3.4 หมวดกฬี า
พนกั งานดูแลผลประโยชน์ของรัฐบาล
เปตอง คนขับรถยนต์
นักบวชในคริสต์ศาสนา
บัลเลต่ ์ ความหมาย นายเรอื
3.5 หมวดอาคารสถานท่ี
ความหมาย สานกั ชีในครสิ ต์ศาสนา
โดม ความหมาย ตัว๋ บัตร
ความหมาย เขาคิว
กาสโิ น ความหมาย
คาเฟ่ ความหมาย
ความหมาย
เรสเตอรองต์
ซาลอน ความหมาย
คลินกิ ความหมาย
ความหมาย
3.6 บคุ คล ความหมาย
กงสลุ
ความหมาย
โชเฟอร์ ความหมาย
บาทหลวง ความหมาย
กปิตนั
3.7 อ่นื ๆ
คอนแวนต์
คปู อง
ควิ
คาภาษาญป่ี ุน่ ในภาษาไทย
____________________________________________
1. ทีม่ าของคาภาษาญ่ีป่นุ
ญ่ีปุ่นและไทยเริ่มติดต่อกันอย่างเป็นทางการในสมัยสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ โดยในปี พ.ศ.2419
โชกุนอเิ ยยาสุไดม้ สี าสน์ มาถวายสมเดจ็ พระเอกาทศรถพรอ้ มดว้ ยดาบญปี่ นุ่ 10 เลม่ และเกราะ 3 สารบั ญปี่ ุ่น
ทลู ขอปืนใหญ่กับไม้หอมของทางอยุธยาแลกเปลี่ยน หลงั จากนัน้ ไม่นานทางญ่ปี ุ่นกป็ ระกาศให้สาเภาไทยไปทา
การค้าขายยังประเทศญี่ปนุ่ ไดโ้ ดยเสรี จนกระท้ังถึงสมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 ญี่ปนุ่ เข้ามาปกครองไทยอยู่ระยะ
หนึ่ง หลังจากสงครามเป็นต้นมา ไทยก็มี การค้าขายกับญี่ปุ่นมาโดยตลอด ความสัมพันธ์กันเป็นเวลานานเป็น
เหตุใหภ้ าษาญป่ี ุ่นจานวนหนึง่ ใช้ในภาษาไทย
2. คาภาษาญป่ี ุ่นในภาษาไทย
3.1 หมวดอาหารและเครื่องดื่ม
สุกีย้ าก้ี ความหมาย ชื่ออาหารชนดิ หน่ึง
ซาบะ ความหมาย ช่อื ปลาทะเล
วาซาบิ ความหมาย เคร่อื งปรุงทามาจากลาต้นของพชื
ชนิดหนึ่ง
โมจิ ความหมาย อาหารชนดิ หนึง่ ทามาจากขา้ วเหนียว
ตดั เปน็ ก้อน
ซูชิ ความหมาย อาหารจาพวกขา้ วปน้ั
เท็มปุระ ความหมาย อาหารทท่ี ามาจากของทะเล และผักที่
นาไปชุบแปง้ ทปี่ รุงแบบญปี่ ุน่ แลว้ นาไป
ทอด
ยากิโซบะ ความหมาย อาหารจาพวกเส้นทนี่ ามาผดั หรือทอด
ซาชมิ ิ ความหมาย อาหารทน่ี าเนือ้ ดบิ จากสตั ว์ มาหน่ั หรอื
แล่สด ๆ แลว้ รบั ประทานควบคู่กบั
เครอ่ื งปรงุ ญีป่ ุ่น
สาเกะ, สาเก ความหมาย สรุ ากลน่ั จากขา้ ว ประมาณ 11-14 ดีกรี
3.2 หมวดกฬี า
ยูโด ความหมาย ศิลปะการต่อสูป้ ้องกันตัวแบบหน่ึง
โยชวิ ารา ความหมาย ศิลปะการต่อสปู้ ้องกันตัวแบบหนึ่ง
คาราเต้ ความหมาย ศลิ ปะการตอ่ สู้ดว้ ยสันหรือน้ิวมอื
ซูโม ความหมาย มวยปลา้
ยวิ ยิตสู ความหมาย วชิ ายืดหยนุ่ ปอ้ งกนั ตัวอีกแบบหนึง่
เคน็ โด้ ความหมาย ศิลปะการตอ่ สดู้ ว้ ยไม้
3.3 อืน่ ๆ
กิโมโน ความหมาย ชดุ ประจาชาติญปี่ ุ่น
ซามไู ร ความหมาย ทหารมอื อาชพี ใชด้ าบเปน็ อาวธุ
เอกชิ า ความหมาย หญงิ ตอ้ นรบั หญิงให้บริการ
สนึ ามิ ความหมาย คลน่ื ทเ่ี คล่ือนตัวในมหาสมุทรดว้ ย
ความเรว็ สงู มาก
คาราโอเกะ ความหมาย อุปกรณใ์ หค้ วามบนั เทิงรูปแบบหน่งึ
ปิยาม่า ความหมาย เสอื้ นอน เสือ้ คลมุ แบบญีป่ ุ่น
โตเกยี ว ความหมาย
ยะดะมะ ความหมาย ช่ือเมอื งหลวง
ฮาราคิรี ความหมาย ชอ่ื คน
การฆา่ ตัวตายดว้ ยวธิ กี ารควา้ น
ฮาริ ฮาริ ความหมาย ทอ้ งตัวเอง
โยโกฮะมะ ความหมาย การฆา่ ตัวตายดว้ ยวิธกี ารควา้ น
คันจิ ความหมาย ทอ้ งตวั เอง
คามคิ าเซ่ ความหมาย ช่อื เมือง
อเิ คดะ ความหมาย
ปิน่ โต ความหมาย อกั ษรญี่ปนุ่
กามะลอ ความหมาย ทหารหน่วยกลา้ ตายของญ่ปี นุ่
หักขะม้า ความหมาย
ช่ือคน
ภาชนะใส่อาหาร
การลงรักแบบญ่ีปนุ่
การนงุ่ คลา้ ยผ้าขาวมา้
คาภาษาจีนในภาษาไทย
____________________________________________
1. ท่ีมาของคาภาษาจีน
ประเทศไทยมคี วามสัมพันธก์ บั ประเทศจีนมาช้านาน นบั ว่าเปน็ เรือ่ งความสมั พนั ธท์ างเช้ือชาติ ซง่ึ มีมา
ตั้งแต่สมยั สุโขทัย สาเหตทุ ี่ภาษาจนี เข้ามาปะปนในภาษาไทยคอื การสืบเชื้อสายและการค้าขาย เพราะมีคนจีน
เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจานวนมาก มีความผูกพันในด้านการแต่งงานการค้าขาย คนไทยจึงรับ
ภาษาจีนมาไวใ้ ช้ในภาษาไทยจานวนมาก
2. ลกั ษณะคาภาษาจนี
ภาษาจนี สว่ นใหญท่ ปี่ รากฏในภาษาไทยมักจะเป็นชอ่ื อาหาร รองลงมาก็เปน็ ชอื่ ทใี่ ช้ในการค้า ภาษาจีน
เป็นภาษาคาโดดเช่นเดียวกับภาษาไทย คือ คาส่วนมากมักเป็นคาพยางค์เดียว การเรียงลาดับในประโยคมัก
ข้ึนต้นด้วยประธานตามด้วยกริยาและกรรม มีลักษณะนาม มีเสียงวรรณยุกต์ คาคาเดียวมีหลายความหมาย
และมีการใช้คาซ้าเหมือนกัน ต่างกันแต่วิธีขยายคา หรือข้อความ โดยวิธีการยืมภาษาจีน ได้แก่ การทับศัพท์
การใช้คาไทยแปลความหมาย การใช้คาไทยประสมหรอื ซอ้ นกับคาจีน การสร้างคาใหม่ การกลายความหมาย
การกลายเสียง เปน็ ต้น
3. คาภาษาจนี ในภาษาไทย
3.1 หมวดอาหาร
กงไฉ่ ความหมาย ผกั กาดเคม็ ชนิดหนง่ึ
เกี๊ยว ความหมาย อาหารอยา่ งหน่ึงของจีนคกู่ บั บะหม่ี
กนุ เชียง ความหมาย ไส้กรอกจนี
กุยช่าย ความหมาย ผักชนดิ หน่งึ คลา้ ยต้นหอมหรอื กระเทยี ม
ใบแบน ๆ มีกล่ินหอมฉุน
ก๋วยเตย๋ี ว ความหมาย ของกนิ ชนิดหน่ึงคูก่ ับเกี้ยมอี๋
เกาเหลา ความหมาย แกงอยา่ งจดื
กวยจับ๊ ความหมาย ของกินชนดิ หน่งึ ทาดว้ ยแปง้ ทีใ่ ช้ทาเส้น
เกาลัด ความหมาย ก๋วยเต๋ยี ว
ขน้ึ ฉา่ ย ความหมาย เมลด็ ไมช้ นดิ หนึง่ ในจาพวกตน้ กอ่
เจียว ความหมาย ผักจีนชนิดหน่ึงมีรสฉนุ
เจ ความหมาย ทอดด้วยนา้ มนั
โจก๊ ความหมาย อาหารจาพวกผักล้วนไมม่ ขี องคาว
จนั อับ ความหมาย ชือ่ อาหารชนิดหนึ่ง เป็นข้าวตม้ เละ ๆ
ขนมหวานอยา่ งแห้งของจนี หลายอยา่ ง
เฉาก๊วย ความหมาย รวมกนั
ซาว ความหมาย ช่ือขนมทท่ี าจากพันธไุ์ ม้ชนิดหน่งึ
เต้าหู้ ความหมาย เอามอื คนส่ิงของให้ท่วั เม่อื เวลาล้างนา้
เต้าหู้ยี้ ความหมาย ถั่วที่ไมเ่ ป็นแป้ง
เตา้ ฮวย ความหมาย อาหารเค็มอยา่ งหน่ึงของจีน
แท่ ความหมาย ชอ่ื ขนมทที่ าด้วยถว่ั เป็นเต้าหูข้ าวเละ ๆ
บะฉ่อ ความหมาย เน้ือปลากระพรนุ หมกั เกลือ
แกงจดื ชนดิ หน่งึ ใส่เน้ือหมสู ับเปน็ ชิ้น
ป๊วยกัก้ ความหมาย เลก็ ๆ
เปาะเปี๊ย ความหมาย เครื่องเทศอยา่ งหนึ่ง
พะโล้ ความหมาย อาหารจีนอย่างหน่งึ
มว้ ย ความหมาย อาหารจนี อยา่ งหนึง่
หมี่สวั้ ความหมาย ข้าวตม้
เย็นตาโฟ ความหมาย เสน้ หมขี่ นาดเลก็
โอยวั ะ ความหมาย อาหารจีนอยา่ งหนงึ่
โอเล้ยี ง ความหมาย กาแฟร้อนไม่ใสน่ ม
3.2 หมวดธุรกิจ กาแฟเยน็ ไม่ใส่นม
กงสี ความหมาย
กงั ฉิน ความหมาย ของกลาง กองกลาง ทีใ่ ช่ร่วมกัน
เก๊ ความหมาย ทรยศ คดโกง
จบั กงั ความหมาย เทยี ม ปลอม
เจ้าสัว ความหมาย ใช้เรียกคนทางานกลุ ี
เจา๊ ความหมาย เศรษฐชี าวจนี
ฉวย ความหมาย เลกิ กันไป หนี
เซ้ง ความหมาย คว้าจับหรอื หยบิ เอาโดยเร็ว
เซ็งลี้ ความหมาย รับชว่ งโดยเสียงเงนิ ให้เพอ่ื ถือกรรมสิทธ์ิ
เซียน ความหมาย คา้ ขายในทางเกง็ กาไร
ตั้วโผ ความหมาย ผู้วิเศษ
ตั๋ว ความหมาย หวั หน้าละครง้วิ
เตี๊ยม ความหมาย บัตรแสดงสทิ ธิของผใู้ ช้
ไตก๊ ง ความหมาย ท่พี กั คนเดนิ ทาง
แป๊ะเจี๊ยะ ความหมาย นายทา้ ยเรือสาเภา
เงนิ กินเปลา่
เปียหวย ความหมาย เล่นแชร์
ความหมาย บญั ชหี รอื บนั ทึก
โพย ความหมาย เครือ่ งหมายสาหรับการค้า
ยี่หอ้ ความหมาย คาเรยี กลูกเศรษฐคี นจีน คนทม่ี ีเงนิ
ความหมาย ยอม
เส่ีย ความหมาย สว่ นท่ลี งทนุ เท่ากันในการคา้
หยวน ความหมาย การพนนั อยา่ งหนง่ึ
หุน้ ความหมาย ผักคลา้ ยใบโหรา
หวย ความหมาย ชอ่ื เรยี กไม้เนอ้ื อ่อน
3.3 หมวดการเกษตร ความหมาย ต้นไมช้ นดิ หน่ึงของเมอื งหนาว
ความหมาย ช่ือต้นไมล้ ้าตน้ มหี นาม
กดู ความหมาย ชื่อต้นไม้ มใี บเปน็ จกั ๆ มีขน
ฉาฉา ความหมาย ต้นไม้ชนดิ หนงึ่ ใชใ้ บอมคลา้ ยหมาก
ความหมาย ชื่อถ่ัวชนดิ หนึง่
ทอ้ ความหมาย ชือ่ ต้นไมช้ นดิ หนงึ่ ผลกลมสแี ดง
โปย้ เซียน ความหมาย แมลงชนดิ หน่งึ มีแสง
พดุ ตาน ความหมาย ปลาไน
ความหมาย ดอกไม้
เมีย่ ง
ลนั เตา ความหมาย การทาบุญให้แก่ผ้ตู าย
ความหมาย นักปราชญท์ ม่ี อื ชื่อเสยี งของจีน
ลิน้ จี่ ความหมาย ดวงชะตาไมต่ ้องกัน
หิ่งหอ้ ย ความหมาย สงั เวย
หลฮี ้อื ความหมาย ใบทานายโชคชะตาตามศาลเจา้
ความหมาย ช่ือลัทธิศาสนาหน่ึงของจนี
ฮวย ความหมาย พระเจดีย์แบบจนี
3.4 หมวดศาสนา ความหมาย ผู้ดูแลรักษาศาลเจ้า
ความหมาย ท่ฝี ังศพของชาวจีน
กงเตก๊
ขงจื้อ ความหมาย แผ่นยาจนี สาหรับปิดฝี
ชง ความหมาย กระดกู ที่หมุ้ มันสมอง
ความหมาย หมอ้ ดินเลก็ ๆ
เซน่ ความหมาย หมอ ครู
เซยี มซี ความหมาย คนเปน็ โรคเร้อื น
ความหมาย ขนาน (ยา)
เต๋า ความหมาย หมอจนี ชีพจรตรวจโรค
ถะ ความหมาย นา้ เลอื ดเสยี กลายเปน็ สขี าว
เฮยี กง ความหมาย ยารักษาโรค
ฮวงซุ้ย
3.5 หมวดการแพทย์
กอเอีย๊ ะ
กะโหลก
จบั เจ๋ียว
จีนแส
ไทกอ
เทียบ
แมะ
หนอง
หยกู
3.6 หมวดเครอื ญาติ
กง๋ ความหมาย พอ่ ของพอ่ หรอื พ่อของแม่
เจ๊ ความหมาย พสี่ าว
เจ๊ก ความหมาย อา นอ้ งของพอ่
ตี๋ ความหมาย เด็กผู้ชายลกู คนจีน
เตย่ี ความหมาย พอ่
ซิ้ม ความหมาย ผูห้ ญิงจีน อาสะใภ้ หรอื ภรรยาของน้อง
สามี
3.7 เคร่อื งมือเคร่ืองใช้ ความหมาย
กะโล่ ความหมาย ภาชนะสานของโบราณทารกั
กั้นหย่นั ความหมาย มดี ปลายแหลม 2 คม
เขง่ ความหมาย ภาชนะสานจาพวกตะกร้า
แจกัน ความหมาย ภาชนะทีป่ ักดอกไม้
แจว ความหมาย เครื่องพยุ้ นา้ ใหเ้ รือแล่น
ตู้ ความหมาย เคร่อื งใชป้ ระจาเรอื นไวเ้ กบ็ ของ
โต๊ะ ความหมาย สง่ิ ที่ทาด้วยไม้
เตง็ ความหมาย เครอื่ งชัง่ นา้ หนักแบบมลี ูกตมุ้
ปงั ตอ ความหมาย ชื่อมดี ชนดิ หน่งึ ใบใหญ่
โป๊ะ ความหมาย เคร่ืองดักปลา
ผวย ความหมาย ผ้าห่ม
หยวนโล้ ความหมาย หม่อตะกวั่ ใสแ่ กง
หลัว ตะกรา้ ใหญ่รปู สูง ๆ ชนิดหนึ่ง
ความหมาย
3.8 อน่ื ๆ ความหมาย พวก หมู่ เหล่า
ก๊ก ความหมาย โค้ง
ก่ง ความหมาย ทอง
กมิ ความหมาย สัตวน์ ิยายจีน
กเิ ลน ความหมาย ผเี ปรต คือ คนอดอยาก
ก๊ยุ ความหมาย กะ คาด กาหนด
เกง็ ความหมาย นง่ั
จอ๋ ความหมาย สบั ฟนั
จวก ความหมาย เล็ก
จ๋ิว ความหมาย ละครอย่างหนงึ่ ของจนี
งิ้ว ความหมาย ชอ่ื เรอื จับปลาชนดิ หน่งึ
ตังเก ความหมาย ชอื่ พายุ
ไต่ฝุ่น ประหยัด
เขยี ม
คาภาษาเขมรในภาษาไทย
____________________________________________
1. ท่ีมาของคาภาษาจนี
ภาษาเขมรเข้ามาสู่ภาษาไทยเพราะ มีความสัมพันธ์ทางด้านการปกครองและถิ่นฐานที่อยู่ แต่เดิม
ดินแดนสวุ รรณภมู ินี้ เปน็ ทอี่ ยขู่ องพวกมอญ ละวา้ และเขมร เมือ่ ไทยอพยพมาสดู่ นิ แดนสวุ รรณภมู แิ หง่ นจ้ี ึงต้อง
อยู่ในความปกครองของขอมหรอื เขมร ทาให้ต้องรับภาษาและวัฒนธรรม ของขอมาใช้ด้วย เพราะเห็นว่าขอม
หรอื เขมรเจรญิ กวา่ จึงรบั ภาษาเขมรมาใชใ้ นรปู แบบคาราชาศพั ท์ และคาที่ใช้ในการประพันธ์
2. ลักษณะคาภาษาเขมร
2.1 คาเขมรสว่ นมากมักใช้เป็นคาราชาศพั ท์ เช่น เสวย เขนย โปรด ตรัส เสดจ็ ดาเนิน ถวาย ผนวช
2.2 คาเขมรทใ่ี ช้ในคาสามัญทวั่ ไป เช่น กระบอื กระบาล โตนด โขมด จมูก
2.3 คาเขมรบางคาเป็นคาโดดคล้ายกบั ภาษาไทย จนเราเองลืมไป คิดว่าเปน็ คาไทยแตม่ ีท่ีสังเกตได้
ว่าเป็นคาเขมร เพราะตอ้ งแปลความหมายกอ่ น จงึ จะเข้าใจ เชน่ แข-ดวงจนั ทร์ บาย-ขา้ ว เมิล-มอง
3. หลกั เกณฑ์การจาแนกคาภาษาเขมร
3.1 มักสะกดด้วยพยัญชนะ จ ญ ร ล ส เช่น เผด็จ เสด็จ โสรจสรง เสร็จ เจริญ ตรวจ ผจญ เมิล
เผชิญ ตระการ สราญ ระเมียร รุหาญ กานัล กานล ควาญ ทูล กาธร การาล กังวล จาร กังวล กบาล จัญไร
บาเพญ็ ประมวล สรรเสริญ อญั ขยม อญั เชิญ ตรสั มลทนิ
3.2 เปน็ ศพั ทพ์ ยางค์เดียว ทีต่ อ้ งแปลความหมาย เช่น แข เพ็ญ เสรจ็ ศอ เรียม ทรวง เนา สระ จอง
เสาะ กาจ เลอ เฌอ สรร สรวง ขาล ดล ได ศก เมิล จาร ทูล เลิศ ตรง ควร จง เพลิง อวย แมก แสะ มาศ
ทอ(ด่า) โปรด สบ โดย เทา กัน(โกน)
3.3 เป็นศพั ท์ทใี่ ชพ้ ยัญชนะควบกลา้ อักษรนา เช่น สนาม ไผท ขนง ผอบ สนกุ ไถง แถง เขนย ผกา
เสด็จ พนม ขนม แสดง สบง สไบ ชไม เฉนยี น พเยีย ขมัง ถนน เขมา่ ขจี ขยอก แสวง เสนง่ ฉบับ เฉลยี ง สดับ
โขมด ฉลอง สดา โฉนด เฉวียน เฉลา ตระโมจ โปรด ตระโมบ เพลิง ประนม กระยา ประดุจ ผลาญ ทรวง
ขลาด ไพเราะ โขลน ขมอง ฉนา ฉนวน เสนียด ขลัง ไพร ไพล เขลา ฉะเชิงเทรา เพราะ เพรง เพลง ไพเราะ
เลบง สรวม สงบ สงวน เสงี่ยม ผทม สนม ปรัก ปราศ ตรุษ
3.4 มกั แผลงคาได้ เชน่
(1) แผลง ข เปน็ กระ เช่น
ขจาย-กระจาย ขจอก-กระจอก ขดาน-กระดาน
ขทง-กระทง ขโดง-กระโดง แขส- กระแส
ขจดั -กระจัด เขทย-กระเทย ขมอ่ ม-กระหม่อม
(2) แผลง ผ เป็น ประ-บรร เชน่
ผจง-ประจง, บรรจง ผทม-ประทม, บรรทม เผชิญ-ประเชญิ
ผกาย-ประกาย ผอบ-ประอบ ผจาน-ประจาน
ผทับ-ประทับ ผจบ-ประจบ, บรรจบ ผชมุ -ประชุม
ผสาน-ประสาน, บรรสาน เผดียง-ประเดียง ผสบ-ประสบ
ผสม-ประสม, บรรสม ลาญ-ผลาญ, ประลาญ เผดมิ -ประเดมิ
(3) แผลง เป็น บงั บา บัน เช่น
เผอญิ -บงั เอญิ บวง-บาบวง เหิน-บันเหิน
ควร-บงั ควร เพ็ญ-บาเพญ็ เดนิ -บันเดนิ
คม-บงั คม ปราบ-บาราบ ลอื -บนั ลอื
เกดิ -บงั เกดิ เปรอ-บาเรอ โดย-บันโดย
คบั -บังคบั บัด-บาบดั ดาล-บนั ดาล
(4) แผลง เป็น ๐ และแทรกพยัญชนะ เชน่ จง-จานง
อวย-อานวย
เกดา-กาเดา ขลัง-กาลัง ถกล-ดากล
ขจร-กาจร
ต-ิ ตาหนิ แหง-กาแหง เสวย-สังเวย
ฉนั -จังหัน
เถกงิ -ดาเกิง ชาญ-ชานาญ ทลู -ทานูล
เสร็จ-สาเรจ็
อาจ-อานาจ เถลงิ -ดาเลิง
พกั -พานกั สรวล-สารวล
ทลาย-ทาลาย ถวาย-ตังวาย
ตรสั -ดารสั ตร-ิ ดาริ
กราบ-การาบ เทยี บ-ทาเนยี บ
คาภาษาองั กฤษในภาษาไทย
____________________________________________
1. ทม่ี าของคาภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษเข้ามาปะปนกับภาษาไทย โดยอังกฤษได้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี มาค้าขาย เผยแพร่
วิทยาการความรู้การศึกษา เทคโนโลยีต่าง ๆ เผยแพร่ศาสนา รวมถึงการเข้ามาแสวงหาอาณานิคมเพ่ือขยาย
อาณาเขตของตน
2. หลักเกณฑก์ ารจาแนกคาภาษาอังกฤษ
การใช้คาภาษาองั กฤษในภาษาไทย มหี ลักเกณฑก์ ารใช้คา ดงั น้ี
2.1 ลากเข้าความ เป็นวิธีการของคนสมัยก่อน ที่ยังไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษนัก จึงลากเสียงและ
ความหมายเข้าหาเสยี งที่ตนคนุ้ เคย เชน่
Europe อีหรอบ Madam, Madame แหมม่
Jesus เยซู Court Shoes คัตชู
Coffee กาแฟ Uniform ยูในฟอร์ม
Lemonade นา้ มะเน็ด Croton โกสน
Bradley ปลัดเล Royal patent ราชปะแตน
Station สะเตแทน่ Foot path ฟตุ บาท
Condenser ก้นเด่น Government กัดฟนั มัน
Phosphorus ฝาศภุ เรศ Commercial กมั มาจล
2.2 การเปลยี่ นเสยี งและคาใหส้ ะดวกในการออกเสียงภาษาไทย เช่น
English อังกฤษ Boat เรือบด
France ฝรั่งเศส Goal โก
Statistic สถติ ิ Pipe ไป๊บ
Jug เหยอื ก Boy บ๋อย
Sign เซ็น Glue กาว
Gas แก๊ส Pipe แป๊บ
Pound ปอนด์
2.3 การทบั ศพั ทภ์ าษาองั กฤษดว้ ยภาษาไทย เช่น
Shirt เชต้ิ Taxi แท็กซ่ี
Bonus โบนัส Beer เบยี ร์
Gang แก๊ง Zip ซิป
Quota โควตา Suit สูท
Lipstick ลปิ สติก Pump ป๊มั
Team ทีม Battery แบตเตอร่ี
Ice cream ไอศกรีม Bow โบ
Soup ซปุ Download ดาวน์โหลด
2.4 การบัญญตั ศิ ัพท์ขน้ึ มาใช้ในวงการต่าง ๆ เชน่
Experience ประสบการณ์ Engineer วศิ วกร
Vision วสิ ยั ทัศน์ Liberty เสรภี าพ
Reform ปฏริ ูป Report รายงาน
Revolution ปฏิวตั ิ Television โทรทัศน์
Architect สถาปนกิ Club สโมสร
Environment สิ่งแวดล้อม Biology ชีววิทยา
Culture วฒั นธรรม Democracy ประชาธิปไตย
Activity กจิ กรรม Seminar สมั มนา
Telegraph โทรเลข Philosophy ปรัชญา
Organization องคก์ าร Attitude ทศั นคติ
Guidance แนะแนว Test ทดสอบ
Skill ทักษะ Abstract นามธรรม, บทคดั ยอ่
Thesis วิทยานพิ นธ์ Pharmacist เภสชั กร
Natural ธรรมชาติ Electric ไฟฟ้า
Factor ตวั ประกอบ Symbol สัญลกั ษณ์
Behavior พฤตกิ รรม Speech สนุ ทรพจน์
Reference อ้างองิ Satellite ดาวเทียม
Dean คณบดี Policy นโยบาย
2.5 การตัดคา หมายความว่า คาภาษาองั กฤษมีหลายพยางค์ ไทยนามาใช้โดยการตดั บางพยางค์ออก
ทาให้คาสน้ั ลงแต่ยังไดค้ วามหมายเดิม เชน่
Football บอล Number เบอร์
Double เบ้ลิ Kilometre กโิ ล
Basketball บาส Microphone ไมค์
Psychology ไซโค Public House ผับ
Motorcycle มอเตอรไ์ ซค์ Tutor ตวิ
คาภาษาบาลีในภาษาไทย
____________________________________________
1. ท่มี าของคาภาษาบาลี
ภาษาบาลีเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ภาษาบาลีเป็นภาษาสาหรับ
พระพุทธศาสนาฝา่ ยหินยาน พระภกิ ษสุ งฆจ์ าตอ้ งเรยี นภาษาบาลี เพอ่ื ประโยชนแ์ กก่ ารเขา้ ใจธรรมะ ภาษาบาลี
มีอิทธิพลต่อภาษาไทยมากพอควร โดยภาษาบาลีเป็นภาษาท่ีมีวิภัตติปัจจัย คือ เป็นภาษาที่มีคาเดิมเป็นธาตุ
เม่ือจะใช้คาใดตอ้ งนาธาตไุ ปประกอบกับปัจจัย และวภิ ตั ติ เพ่อื เป็นเครื่องหมายให้ พจน์ ลงิ ค์ บุรษุ กาล มาลา
วาจก
2. หลกั เกณฑ์การจาแนกคาภาษาบาลี ภาษาบาลีมีหลักเกณฑ์การสังเกตคา ดังน้ี
2.1 ใชส้ ระ อะ อา อิ อี อุ อู โอ เช่น สาระ อสิ ี อุตุ โมลี
2.2 ใช้ ส เช่น สาสนา สิสสะ สนั ติ วสิ าสะ สาลา สริ ิ สุกกะ สูญ
2.3 ใช้ ฬ เช่น จุฬา กฬี า ครุฬ
2.4 ใชพ้ ยัญชนะเรียงพยางค์ เชน่ กิรยิ า สามี ฐาน ถาวร ปทมุ เปม
2.5 ใชพ้ ยัญชนะสะกดและตวั ตามตัวเดยี วกนั เช่น ธมั ม กมั ม มัคค วัณณ
2.6 มหี ลกั ตวั สะกดตัวตาม ซึ่งหลกั ตัวตามตัวสะกดสาหรับสงั เกตคาที่มาจากภาษาบาลี มดี งั น้ี
พยญั ชนะวรรค แถวที่ 1 แถวที่ 2 แถวท่ี 3 แถวที่ 4 แถวท่ี 5
ง
วรรค กะ กัณฑชะ ก ข คฆ ญ
ณ
วรรค จะ ตาลุชะ จ ฉ ชฌ น
ม
วรรค ฏะ มุทธชะ ฏ ฐ ฑฒ
ภิกขุ
วรรค ตะ ทันตชะ ต ถ ทธ อกั ขร
มจั จุ
วรรค ปะ โอษฐชะ ป ผ พภ วัจจะ
มจั ฉริยะ
เศษวรรค ย ร ล ว (ศ ษ) ส ห ฬ ๐ อฏิ ฐิ
ยุตติ
1) พยัญชนะแถวท่ี 1 เป็นตัวสะกด ตามดว้ ยพยญั ชนะแถวที่ 1,2 เชน่ สตั ถา
วัตถะ
อกุ กาบาต สักกะ สักการะ จกั กะ ตักกะ อปุ ปล
ภกิ ขา จกั ขุ รกุ ขะ ทกุ ข์ กกั ขฬะ วคั คะ
วัชชะ
ยักข์ สิกขา ปัจจบุ นั สจั จะ ปัจจัย วุฑฒิ
นิททา
โสรัจจะ นัจจะ นิจจะ อุจจาระ ปัจเจก สทุ ธิ
มัจฉา ปุจฉา อิจฉา อัจฉรา ปจั ฉมิ
มิจฉา กัจฉปะ วัฎฎะ ทฏิ ฐิ อัฎฐ
อฏิ ฐ์ สตั ตะ อัตตา รัตตะ มิตตะ
เมตตา เมตติ วัตตะ วติ ถาร โสตถิ
อตั ถ์ หตั ถ์ อิตถี หัตถี วัตถุ
วตั ถี กัป สิปปะ สัปปุรสิ สปั ปะ
2) พยญั ชนะแถวที่ 3 เปน็ ตัวสะกด ตามดว้ ยพยัญชนะแถวที่ 3,4 เชน่
อัคคะ อัคคี มัคคะ สคั คะ มคิ คะ
พยคั ฆ์ อุคโฆส วิชชา เวชช วชิ ชุ
อปุ ัชฌาย์ มัชฌิม สัชฌุ อัชฌาสัย เลฑฑุ
อัฑฒ วัฑฒน สทั ทะ รุทท สมทุ ท
สิทธิ ลัทธิ พทุ ธ ยุทธ อิทธิ
สทั ธา มุทธา ยุทธ ทัพพะ ทัพพี ทิพพะ
นพิ พาน คัพภ์ ทัพภ์
3) พยัญชนะแถวที่ 5 เป็นตวั สะกด ตามด้วยพยญั ชนะแถว 1-5 ในวรรคเดยี วกัน เช่น
สังกร อังกรู สงั ข์ สังขาร สังข์ อังคาร
สงฆ์ ชงฆ์ องค์ สัญญา กญั ญา กญุ ชร
สัญจร ปัญจะ บุญญ ปญั ญ ปัญญา ธัญญะ
กณุ ฑล มณฑล สณั ฐาน กัณฐ์ กณุ ฐ์ เกณฑ์
ภัณฑ์ มัณฑนะ มณฑป สันติ สนั ธาน สันถาร
สนทนา นันท์ ภินท์ ภมุ มะ คมั ภรี ์ กมุ ภีล์
กมั พล กัมปนาท สมั ผัส สมภาร สมโพธิ
4) ตัว ย ตามดว้ ย ย, ล ตามดว้ ย ล, ส ตามด้วย ส เช่น
อยั ยกา อัยยกิ า อยุ ยาน เวยยากรณ์ เวเนยย บัลลังก์
บัลลงั ก์ จุลละ กลั ละ วลั ลภ มัลละ วลั ลิ
ถุลละ สัลละ อสิ สระ(อสิ ระ) อิสสริยะ(อสิ ริยะ) อัสสะ
อิสสาร มัสสุ อสั สาสะ ปสั สาสะ ปัสสาวะ พสั สะ
หสั สะ อสิ สะ อสิ สา รัสสะ อสั สุ สสั สุ
คาภาษาสันสกฤตในภาษาไทย
____________________________________________
1. ท่ีมาของคาภาษาสนั สกฤต
ภาษาสันสกฤต เป็นภาษาที่ยกย่องกันว่าเป็นภาษาสูงและสาคัญมาก เพราะเป็นภาษาที่จารึกคัมภีร์
พระเวทอนั เป็นคัมภีร์ศักด์ิสิทธ์ของพวกพราหมณ์ ทั้งเป็นภาษาท่ีใช้ประจาในพระพุทธศาสนาลัทธมิ หายานอกี
ด้วย เหตุท่ภี าษาสันสกฤตเข้ามาปะปนอยใู่ นภาษาไทยอยา่ งมากมาย เป็นเหตผุ ลทส่ี ืบเนื่องมาทางประวตั ิศาสตร์
และวฒั นธรรม คอื ในพุทธศตวรรษท่ี 16 ไดม้ ชี าวอินเดยี เดินทางมาค้าขายอยู่ตามดินแดนแถบแหลมอินโดจีน
เมื่อไปถึงก็ได้นาลัทธศิ าสนาของตน คือ ศาสนาพราหมณ์ไปเผยแพรด่ ้วย ฉะนั้นภาษาสันสกฤตจงึ เข้ามาปะปน
มากมาย
2. หลักเกณฑ์การจาแนกคาภาษาสันสกฤต ภาษาสันสกฤตมีหลักเกณฑก์ ารสังเกตคา ดังนี้
2.1 ใชส้ ระอะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ และเพมิ่ ฤ ฤา ฦ ฦา ไอ เช่น
ฤษี ฤาษี ฤดู กฤษณ์ ไมตรี
ไพศาล เมาลี เปาราณ ฤทธ์ิ ศฤงคาร
ตฤณ ไอศวรรย์ พฤฒิ พฤกษ์ กฤตกิ า
คฤหัสถ์ ไวทย
2.2 ใช้ ศ ษ เชน่
ศาสนา ศิษย์ ศานติ พิศวาส ศาลา
ศีล ศรี ษะ ศุกร์ ศนู ย์ เกษียร
จกั ษุ ปกั ษ์ ศกึ ษา เกษยี ณ กษีร
เจษฎา นเิ ทศ ยักษ์ ราษฎร ไวศย
ศรัทธา ศักดา ศิระ ศภุ างค์ ไศล
ศก ศจี ศรณั ยู ศุภมสั ดุ เศรณี
เศวตร โศลก ครฑุ ไพฑูรย์
2.3 ใช้ ฑ เช่น สถาวร ปัทมะ
ประชา ปรกติ
จุฑา กรีฑา บฑี า อัคร ประณาม
เนตร นิเคราะห์
จณั ฑาล นาฑกิ า
สวรรค์ สรรพ
2.4 ใชอ้ ักษรควบกลา้ พยญั ชนะประสม เช่น กรรณ ขรรค์
บรรพต
กริยา สวามี สถาน
เปรม ปรียะ ประถม
ภทั ร ปรีติ จิตร
บริบรู ณ์ บริวาร ยนตร์
2.5 ใชต้ ัว รร เช่น กรรม มรรค
ธรรม
วรรค ตรรก
วรรณ บรรพ บรรพชา
จรรยา
ใบกิจกรรม
เรื่อง คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลิตและสร้างสรรคผ์ ลิตภณั ฑ์จากขา้ ว
คาชแี้ จง นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันคดิ คาศพั ท์ เกยี่ วกบั กระบวนการผลติ และสร้างสรรค์ผลิตภณั ฑ์จากขา้ ว
ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด จากน้ันชว่ ยกนั แยกภาษาใหถ้ ูกตอ้ ง
ภาษาเขมร
ภาษาอังกฤษ
ภาษาฝรั่งเศส
ภาษาจนี
ภาษาญป่ี ุ่น
ภาษบาลี สนั สกฤต
ภาษาโปรตุเกส
ภาษาไทยแท้
ภาษาอนื่ ๆ
ชอื่ กลมุ่ .......................................................................
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 8 ประการ
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี ปีการศึกษา 2565
คาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงใน
ช่องว่างทต่ี รงกบั ระดับคะแนน
คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ้าน 321
1. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 ต้งั ใจเรยี น
4.2 เอาใจใสใ่ นการเรียน และมีความเพียรพยายามในการ
เรยี น
4.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ต่าง ๆ
4.4 ศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ ส่ือ
เทคโนโลยตี ่าง ๆ แหลง่ การเรยี นรทู้ ัง้ ภายในและภายนอก
โรงเรียน และเลือกใช้สอ่ื ได้อยา่ งเหมาะสม
4.5 บันทึกความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบบางสิ่งทเ่ี รียนรู้ สรปุ
เป็นองค์ความรู้
4.6 แลกเปลีย่ นความรู้ ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ และนาไปใช้ใน
ชวี ติ ประจาวัน
2. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและส่งิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั
5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ คา่
5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงิน
3. มงุ่ ม่นั ในการ 6.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ ับ
ทางาน มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออปุ สรรคเพอ่ื ให้งานสาเรจ็
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ
พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่าเสมอ ............../.................../................
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางคร้งั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
แบบประเมนิ สมรรถนะผ้เู รยี น 5 ดา้ น
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ ปีการศึกษา 2565
คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แล้วขีด ลงในช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน
สมรรถนะที่ประเมนิ ระดับคะแนน สรุป
3210 ผล
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
1.1 มีความสามารถในการรับ – สง่ สาร
1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความ
เข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม
1.3 ใช้วิธีการส่อื สารทเ่ี หมาะสม
1.4 วิเคราะห์แสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตผุ ล
1.5 เขียนบันทกึ เหตกุ ารณ์ประจาวันแลว้ เล่าให้เพ่ือนฟงั ได้
สรุปผลการประเมนิ
2. ความสามารถในการคิด
2.1 มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
2.2 มีทกั ษะในการคิดนอกกรอบอยา่ งสรา้ งสรรค์
2.3 สามารถคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
2.4 มีความสามารถในการคิดอย่างมีระบบ
2.5 ตดั สินใจแก้ปญั หาเกยี่ วกบั ตนเองได้
สรุปผลการประเมิน
สรุปผลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์รายบุคคล
ดีเยย่ี ม ดี ผ่าน ไม่ผา่ น
ลงชื่อ ................................................................................. ผู้ประเมิน
(นางสาวดาราวรรณ ธนันฐติ วิ ัชร์)
เกณฑ์การใหค้ ะแนนระดับคณุ ภาพ
ดีเยีย่ ม - พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ดี - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน
ผ่าน - พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติบางคร้งั ให้ 1 คะแนน
ไมผ่ ่าน - ไม่เคยปฏิบตั พิ ฤติกรรม ให้ 0 คะแนน
เกณฑก์ ารสรปุ ผล
ดีเยย่ี ม - 9-10 คะแนน
ดี - 7-8 คะแนน
ผ่าน - 5-6 คะแนน
ไม่ผ่าน - 0-4 คะแนน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
ลาดั ชือ่ การแบง่ ความร่วมมอื การแสดง การรับฟัง ความมีนา้ ใจ รวม
หน้าท่ีกนั กนั ทา ความคดิ เหน็ ความคดิ เห็น ช่วยเหลือกนั
บ กลุ่ กิจกรรม 20
ท่ี ม อย่าง 4321 4321 4321 คะแน
เหมาะสม 4321
น
4321
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมิน
............../.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ดีมำก = 4 ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ดี = 3
18 - 20 ดมี ำก
พอใช้ = 2
ปรบั ปรุง = 1 14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ตำ่ กวำ่ 10 ปรบั ปรงุ
หมายเหตุ ครูอำจใชว้ ธิ ีกำรมอบหมำยใหห้ วั หน้ำกลุ่มเปน็ ผ้ปู ระเมิน หรือให้ตวั แทนกลุ่มผลดั กนั ประเมิน
หรือให้มกี ำรประเมินโดยเพอื น โดยตัวนกั เรยี นเอง ตำมควำมเหมำะสมกไ็ ด้
แบบประเมินผลการนาเสนองาน
เรอื่ ง คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทยในกระบวนการผลติ และสร้างสรรค์ผลิตภณั ฑจ์ ากข้าว
รายวิชา ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
ท่ี รายการประเมนิ ผู้ประเมนิ รวม เกณฑก์ ารประเมิน
ตนเอง เพือ่ น ครู
1 เนื้อหา (4 คะแนน) คะแนน 4 : มคี รบทุกข้อ
- เนอ้ื หาครบถ้วนสมบูรณ์ คะแนน 3 : มี 3 ขอ้ ขาด 1 ข้อ
- เน้ือหาถกู ตอ้ ง คะแนน 2 : มี 2 ขอ้ ขาด 2
- เนอื้ หาตอ่ เนอื่ ง ขอ้
- มีการค้นควา้ เพิม่ เติม คะแนน 1 : มี 1 ขอ้ ขาด 3
ข้อ
2 กระบวนการทางาน (2 คะแนน) คะแนน 2 : มีครบทุกข้อ
- มกี ารวางแผนอย่างเป็นระบบ คะแนน 1 : มี ไม่ครบ 4 ข้อ
- การปฏิบัติตามแผน คะแนน 0 : ไมป่ รากฏกระบวน
- ติดตามประเมินผล
- การปรับปรุงพฒั นางาน การทางานทชี่ ัดเจน
3 การนาเสนอ (2 คะแนน ) คะแนน 2 : มีครบทกุ ขอ้
- การใช้สานวนภาษาดถี กู ตอ้ ง คะแนน 1.5 : มี 3 ข้อ ขาด 1
- การสะกดคาและไวยากรณ์ ขอ้
ถูกต้อง คะแนน 1 : มี 2 ข้อ ขาด 2 ขอ้
- รปู แบบน่าสนใจ คะแนน 0.5 : มี 1 ข้อ ขาด 3
- ความสวยงาม ข้อ
คะแนน 2 : มคี รบทุกข้อ
4 คณุ ธรรม (2 คะแนน ) คะแนน 1.5: มี 3 ขอ้ ขาด 1 ข้อ
- ตรงต่อเวลา คะแนน1 : มี 2 ขอ้ ขาด 2 ข้อ
- ซ่ือสตั ย์ คะแนน 0.5 : มี 1 ขอ้ ขาด 3
- ความกระตือรือรน้ ขอ้
- ความมนี า้ ใจ
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
รวม
เฉลย่ี
ลงชอ่ื ผู้ประเมิน…………………………….. ตนเอง
(....................................)
ลงชื่อผปู้ ระเมิน…………………………….. เพอ่ื น
(....................................)
ลงชอ่ื ผ้ปู ระเมิน…………………………….. ครู
(....................................)