The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by วชิราภรณ์ สุขมาก, 2019-08-28 03:46:00

หลวงพ่อโหน่ง

หลวงพ่อโหน่ง

วดั ป่ าเลไลยก์วรวหิ าร

จัดทำโดย
วชิรำภรณ์ สุขมำก



คำนำ

หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เรื่อง วดั ป่ าเลไลยกว์ รวหิ าร
จดั ทาข้ึนเพือ่ เดก็ ๆรุ่นหลงั จะไดศ้ ึกษาประวตั ิสถานท่ี
ท่องเท่ียวของวดั ป่ าเลไลยก์ และผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยงิ่
วา่ เดก็ ๆรุ่นหลงั จะนาหนงั สือ E-book เล่มน้ีไปใชใ้ น
การศึกษาเพ่อื ใหเ้ กิดประโยชน์

สารบัญ

หน้าท่ี
บทท่ี1 5-7

บทท่ี2 8-10
บทท่ี3 11-13
บทท่4ี 14-16
บทท่5ี 17-19

บทท่1ี

วดั ป่าเลไลยก์วรวหิ าร เป็นวดั เก่าแก่ ตงั้ อยทู่ ี่ถนน
มาลยั แมน ตาบลรัว้ ใหญ่ อาเภอเมืองสพุ รรณบรุ ี
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี อยทู่ างฝั่งตะวนั ตกของแมน่ า้
สพุ รรณบรุ ีชาวบ้านทว่ั ไปเรียกว่า วดั ป่า ภายในวิหาร
เป็นที่ประดษิ ฐานหลวงพ่อโตปางป่าเลไลยก์เดมิ หลวง
พอ่ โตเป็นพระพทุ ธรูปปางประทานปฐมเทศนา
เช่นเดยี วกบั พระพทุ ธรูปศลิ าขาว หรือหลวงพ่อ
ประทานพร วดั พระปฐมเจดีย์ ตอ่ มาได้มกี ารบรู ณะ
และทาเป็นปางป่าเลไลยก์ ดงั ทีเ่ ป็นอยใู่ นปัจจบุ นั
วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชนั้ ตรีชนิด
วรวิหาร สงั กดั คณะสงฆ์มหานิกาย ตงั้ อยเู่ ลขที่ ๒๔๙
หมทู่ ี่ ๒ ตาบลรัว้ ใหญ่ อาเภอเมืองสพุ รรณบรุ ี จงั หวดั
สพุ รรณบรุ ี

ทางฝ่ังด้านทิศตะวนั ตกของแมน่ า้ สพุ รรณ หรือ แม่
นา้ ทา่ จีน ทกุ ปีจะมีงานเทศกาลสมโภช และ
นมสั การหลวงพอ่ วดั ป่าเลไลยก์ 2 ครัง้ คอื ในวนั ขนึ ้
5-9 ค่า เดือน 5 และเดือน 12

ตานานของวัดป่ าเลไลยก์
ก่อนทจี่ ะเข้าไปภายในบริเวณวดั เพ่ือนมสั การ

หลวงพอ่ โตท่ีวดั นีน้ นั้ เรามาทราบประวตั ิความ
เป็นมาของวดั นีอ้ ย่างคร่าวๆกนั เสียก่อน ตามที่ทา่ น
พระศรีธวชั เมธี (ชนะ เปรียญธรรม ๙ประโยค) ได้
บนั ทกึ ไว้วา่ วดั นีจ้ ะสร้างขนึ ้ เม่ือไรนนั้ ไมป่ รากฏ
หลกั ฐานแนช่ ดั แตจ่ ากการสนั นิษฐานโบราณวตั ถุ
สาคญั ของวดั คือ พระปางปาลไิ ลยกะซงึ่ ชาวบ้าน
ทว่ั ไปเรียกวา่ หลวงพอ่ โต กะประมาณอายอุ ย่าง
ต่าสดุ สร้างก่อนสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานี

(ก่อน พ.ศ. ๑๘๙๓) อย่างสงู สดุ ยคุ ทวารวดตี อนต้น
(พ.ศ. ๑๒๐๐) มีอายจุ นถงึ ทกุ วนั นี ้ระหวา่ ง ๖๕๐ -
๑๓๐๐ ปีสว่ นองค์พระปาเลไลยก์ (หลวงพ่อโต)นนั้
ของเดิมไม่มีวหิ าร สว่ นองค์พระปาเลไลย์ (หลวงพ่อ
โต)นนั้ ของเดมิ ไมม่ ีวหิ าร ทาเป็นพระพทุ ธรูปนงั่ ใน
คฤห ตวั คฤหนนั้ ยงั อยจู่ นทกุ วนั นี ้ถ้าสงั เกตดจู ะเหน็
ได้ ในภายหลงั มีผ้ศู รัทธาสร้างวิหารตอ่ ออกจากคฤห
ยงั สงั เกตเหน็ ที่ตอ่ ได้เหมือนกนั จะตอ่ เม่ือครัง้ ใดไม่
ทราบ

บทท่2ี

ในจดหมายเหตรุ ัชกาลที่ ๔ จ. ศ. ๑๒๒๐ ซง่ึ ตรง
กบั พทุ ธศกั ราช ๒๔๐๑ ทาให้ทราบได้แน่ชดั ว่า วิหาร
พร้อมองค์หลวงพ่อโตได้รับกาบรู ณปฏิสงั ขรณ์ครัง้
ใหญ่ ดงั เนือ้ ความในจดหมายเหตทุ ี่ว่า สารตรา ทา่ น
เจ้าพระยาจกั รี มาถงึ พระยาสพุ รรณ พระปลดั
กรมการ ด้วยบอกเข้าไปแล้วว่า ได้เกณฑ์เลขโยม
สงฆ์เมืองสพุ รรณ ขอแรงขนุ หม่ืนในกรมการ
ผลดั เปลยี่ นกนั ทาวดั พระป่าเลไลยเดือนละ ๔ ผลดั
เป็นคน ๒๐ คน ได้ปลกู ทาร่มพระและก่อปัน้ ตอ่ พระ
กรตงั้ แตพ่ ระองั สะจนถงึ ฝ่าพระหตั ถ์ที่ชารุดแตกพงั
เสร็จแล้ว ยงั แตพ่ ระรัศมี ยงั ไม่มีไม้ขอนสกั จะทา ได้
ลงรักพระปฏิมากร ๒ ครัง้ ยงั แตจ่ ะลงรักนา้ เกลยี ้ ง
ต่อไป

ได้ปลกู ศาลา ๒ หลงั จ้างจีนขดุ สระๆ หนงึ่ ได้รือ้ ผนงั
ด้านเหนือด้านใต้ แตผ่ นงั ด้านหน้ายงั ไมไ่ ด้รือ้ ถ้ารือ้
เสร็จแล้วไปขอเลข ๑๒๐ คน ผลดั เปลีย่ นกนั มาทาวดั
นนั้ ได้ทาหนงั สือบอกขนึ ้ กราบบงั คมทลู แด่
พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทราบใต้ฝ่า
ละอองแล้ว มีพระบรมราชโองการดารัสเหนือเกล้าว่า
วดั พระป่าเลไลยเป็นวดั เก่าโบราณ พระพทุ ธปฏิมากร
ชารุดแตกหกั มาก ได้โปรดให้เจ้าพระยา นิกรบดินทร์ฯ
ออกมาดกู ารสงิ่ ใดชารุด ได้บญั ชาให้พระยาสพุ รรณ
กรมการ เร่งจดั ทาขนึ ้ นนั้ ชอบดีอย่แู ล้ว และพระยา
สพุ รรณ กรมการ บอกขอเลข ขอไม้ยอดพระรัศมี ขอ
ไม้ขอนสกั ไม้เสาใช้สอยเป็นการวดั พระป่าเลไลยนนั้
ก็ให้เจ้าพระยานิกรบดนิ ทร์

เจ้าพระยานิกรบดนิ ทร์ฯ กราบบงั คมทลู พระกรุณา
ยอดพระรัศมีก็ได้ให้แตง่ ตวั ใหม่อย่ทู กุ วนั เสาไม้ก็ได้
ให้ขนุ หมื่นคมุ เงินไปจดั ซอื ้ อยู่ แล้วจะสง่ ไม้ออกไป
ภายหลงั แตเ่ ลขเมืองสพุ รรณนนั้ ให้พระยาสพุ รรณ
กรมการ เกณฑ์ขอแรงผลดั เปลี่ยนกนั มาทาวดั ป่าเล
ไลยก็ตามบอกขอเข้าไปเถิด และการรือ้ - ตอ่ ผนงั กบั
ของส่งิ ใดที่ควรจะต้องทาก็ให้พระยาสพุ รรณ กรมการ
เร่งรัดทาไปพลางๆ สดุ แตอ่ ย่าให้ของค้าง อยา่ ให้คน
วา่ งเปลา่ ได้เป็นอนั ขาดทีเดียว

บทท่3ี

ขนุ ช้างเป็นลกู ของขนุ ศรีวชิ ยั กบั นางเทพทอง เกิดท่ี
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ขนุ ศรีวิชยั เป็นเศรษฐีของเมือง
สพุ รรณบรุ ี รับราชการเป็นนายกรมช้างนอก ขนุ ช้าง
เป็นเพ่ือนเลน่ กบั พลายแก้ว(ขนุ แผน)และนางพมิ พิลา
ไลยมาตงั้ แตเ่ ดก็ แล้วแตแ่ ล้วก็เกิดเรื่องเลวร้ายกบั
ครอบครัวขนุ ช้าง(เชน่ เดียวกบั ครอบครัวพลายแก้ว
และครอบครัวพิมพิลาไลย)เมื่อมีโจรกลมุ่ หนง่ึ บกุ เข้า
มาปล้นเรือน ขนุ ศรีวชิ ยั ได้ถกู โจรฆา่ ตาย โจรก็เอา
ทรัพย์สมบตั ิไปจานวนหนง่ึ เพราะทรัพย์สมบตั ขิ องขนุ
ศรีวชิ ยั มีจานวนมากทาให้พวกโจรขนไปไม่หมด
หลงั จากนนั้ นางเทพทองก็ปกครองดแู ลบ้านแทนสามี
ที่ตายและเลยี ้ งดขู นุ ช้างเป็นอย่างดี

เวลาผา่ นไป ขนุ ช้างก็ได้เติบโตเป็นผ้ใู หญ่และก็ได้
เป็นเศรษฐีดแู ลกิจการแทนแม่ของตน ขนุ ช้างก็มี
ภรรยาหนง่ึ คนช่ือนางแก่นแก้ว แตน่ างนนั่ ก็สนิ ้ ใจไป
ไม่ถึงปี ขนุ ช้างก็จงึ คิดที่จะมีภรรยาคนใหมโ่ ดยคิดจะ
จีบนางพิมพิลาไลย เพ่ือนสมยั เดก็ แตน่ างพิมก็ไม่
เล่นด้วย ตอ่ มาขนุ ช้างก็ได้ไปเข้าร่วมฟังเทศน์
มหาชาตทิ ี่วดั ป่าเลไลย์ โดยมีเณรพลายแก้ว(เพ่ือน
สมยั เดก็ อีกคนหนง่ึ )

โดยเร็ว ซง่ึ นางก็ยื่นเงินมาถงุ หนงึ่ มาให้พลาย
แก้วเป็นคา่ สิดสอด หลงั จากนนั่ เณรพลายแก้ว
ก็สกึ แล้วให้นางทองประศรีมาสขู่ อนางพิมและ
แตง่ งานกนั เม่ือขนุ ช้างทราบข่าวก็โกรธแค้น
พลายแก้วและคิดหาวธิ ีที่จะแยง่ นางพิมไปจาก
พลายแก้วให้ได้ไมว่ า่ จะถกู หรือผิดก็ตามทาง
กรุงศรีอยธุ ยาได้ขา่ ววา่ กองทพั เชียงใหมต่ ไี ด้
เมืองเชียงทอง ซงึ่ เป็นเมืองขนึ ้ ของกรุงศรี
อยธุ ยา สมเดจ็ พระพนั วษาถามหาเชือ้ สายของ
ขนุ ไกร ขนุ ช้างซง่ึ เข้าไปรับราชการอย่จู งึ เลา่
เรื่องราวความเก่งกล้าสามาราถของพลายแก้ว
เพื่อหวงั จะพรากพลายแก้วไปให้หา่ งไกลนาง
พิม สมเด็จพระพนั วษาจงึ ให้ไปตามตวั มาแล้ว
แตง่ ตงั้ ให้เป็นแม่ทพั ไปรบกบั เมืองเชียงใหม่

บทท่4ี

ขนุ ช้างทาอบุ ายนาหม้อใหม่ใสก่ ระดกู ไปให้นางศรี
ประจนั กบั นางวนั ทอง(เปลีย่ นจากนางพิม)ดวู ่าพลาย
แก้วตายแล้วและข่วู า่ นางวนั ทองจะต้องถกู คมุ ตวั ไว้
เป็นม่ายหลวงตามกฎหมาย นางวนั ทองไมเ่ ชื่อ แต่
นางศรีประจนั คิดวา่ จริง ประกอบกบั เห็นวา่ ขนุ ช้าง
เป็นเศรษฐีจงึ บงั คบั ให้นางวนั ทองแตง่ งานกบั ขนุ ช้าง
นางวนั ทองจาต้องตามใจแมแ่ ตน่ างไมย่ อมเข้าหอ
ตอ่ มาเม่ือนางวนั ทองทราบวา่ พลายแก้วยงั ไม่ตาย
เดินทางกลบั มาจากรบศกึ และได้รับยศถาบรรดาศกั ด์ิ
เป็นขนุ แผนแสนสะท้าน แตข่ นุ แผนก็ได้นางลาวทอง
บตุ รสาวของแสนคาแมน นายบ้านแห่งจอมทองกบั
นางศรีเงนิ ยวงมาเป็นภรรยา ทาให้นางวนั ทองโกรธดา่
ทอโต้ตอบกบั นางลาวทองและลืมตวั พดู ก้าวร้าว
ขนุ แผน ทาให้ขนุ แผนโมโหพานางลาวทองไปอยทู่ ี่
กาญจนบรุ ี

ตอ่ มาขนุ ช้างและขนุ แผนเข้าไปรับราชการอบรมใน
วงั และได้มหาดเลก็ เวรทงั้ สองคน วนั หนง่ึ นางทอง
ประศรีให้คนมาสง่ ขา่ ววา่ นางลาวทองป่วยหนกั
ขนุ แผนจงึ ฝากเวรไว้กบั ขนุ ช้างแล้วไปดอู าการของ
นางลาวทอง ตอนเช้าสมเดจ็ พระพนั วษาถามถึง
ขนุ แผน ขนุ ช้างก็ใสร่ ้ายวา่ ขนุ แผนปีนกาแพงวงั หนีไป
หาภรรยา สมเดจ็ พระพนั วษาโกรธจงึ สงั่ ให้นาตวั นาง
ลาวทองมากกั ไว้ในวงั และสงั่ ไม่ให้ขนุ แผนเข้าวงั อีก
ทาให้ขนุ แผนแค้นขนุ ช้างมาก

หลวงพ่อโตวดั ป่าเลไลยก์ เป็นพระพทุ ธคบู่ ้านคเู่ มือง
สพุ รรณมาแตโ่ บราณกาล ตามพงศาวดารเหนือกลา่ ว
วา่ พระเจ้ากาแลโปรดให้บรู ณะวดั ป่าเลไลยก์ เมื่อ
พ.ศ. 1724 แสดงวา่ แสดงวา่ วดั นีไ้ ด้สร้างมาแล้วก่อน
หน้านนั้ องค์พระประดิษฐานอยใู่ นวิหารท่ีสงู ใหญ่
มองเห็นเดน่ แตไ่ กล เป็นพระพทุ ธรูปปนู ปัน้ ปิดทอง
ปางป่าเลไลยก์ขนาด ใหญ่สงู 23 เมตรเศษ สร้างตาม
แบบศลิ ปอ่ทู องรุ่นที่สอง ซง่ึ เป็นศลิ ปะฝีมือสกลุ ชา่ งอู่
ทองแท้ ๆ เดิมทีองค์พระประดิษฐานอยกู่ ลางแจ้ง พระ
หตั ถ์ขวาหกั ชา่ งได้สร้างวหิ ารครอบ โดยให้ผนงั วิหาร
ชิดกบั พระหตั ถ์ขวา สว่ นทางพระหตั ถ์ซ้ายให้มที ่ีวา่ ง
ด้านหลงั องค์พระสร้างชิดกบั ผนงั วิหารทาให้แข็งแรง
นบั เป็นความชาญฉลาดของช่างเป็นอยา่ งยิ่งมีผู้
สนั นิษฐานวา่ เดิมเป็นพระพทุ ธรูปปางปฐมเทศนา
ประทบั นงั่ อย่กู ลางแจ้ง พระกรทงั้ สองข้างหกั หายไป

บทท่5ี

มีผ้สู นั นิษฐานวา่ เดิมเป็นพระพทุ ธรูปปางปฐม
เทศนา ประทบั นงั่ อย่กู ลางแจ้ง พระกรทงั้ สองข้างหกั
หายไป ผ้ทู ่ีมาบรู ณใหม่ได้ทาเป็นปางป่าเลไลยก์
ตามท่ีนิยมกนั ในสมยั หลงั ลกั ษณะประทบั นง่ั ห้อย
พระบาท พระหตั ถ์ซ้ายวางควา่ บนพระชานขุ ้างซ้าย
พระหตั ถ์ขวาวางหงายบนพระชานขุ ้างขวาในทา่ ทรง
รับของถวาย พระวหิ ารท่ีสร้างครอบองค์พระ สร้าง
ในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั
จะเหน็ วา่ ที่หน้าบนั ของพระวหิ าร มีพระราชลญั จกร
ประจาพระองค์ คอื เป็นรูปพระมหามงกฎุ อย่รู ะหวา่ ง
ฉตั รคปู่ รากฏอยปู่ างป่าเลไลยก์พระพทุ ธรูปปางนี ้
อย่ใู นพระอิริยาบถนงั่ บนก้อนศลิ าห้อยพระบาททงั้
สอง ทอดพระบาทน้อย ๆ พระหตั ถ์ซ้ายคว่าวางบน
พระชานุ พระหตั ถ์ขวาหงายวางบนพระชานุ เป็น
กิริยาทรงรับ นิยมเรียกวา่ " พระป่าเลไลยก์ "

พระพทุ ธรูปปาง นี ้นิยมสร้างเป็นพระบชู าสาหรับคน
เกิดวนั พธุ กลางคืน นบั เข้าในเวลาพระราหตู ามพธิ ี
ทกั ษา แม้คนที่มอี ายเุ ข้าในเกณฑ์ดวงชะตาพระราหู
เสวยอายุ ก็นิยมบชู าพระปางนีถ้ ือเป็นพระประจา
เทวดานพเคราะห์พระปางป่าเลไลยก์ นี ้เฉพาะทเ่ี ป็น
พระขนาดใหญ่ ดจู ะหาชมยากเห็นมอี ย่อู งค์หนงึ่ ใน
พระวิหารวดั ป่าเลไลยก์ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี สงู ถงึ ๑๑
วา เป็นพระงามมากองค์หนงึ่ ทงั้ ยงั บริบรู ณ์ดอี ยู่ เป็น
พระสมยั อยธุ ยา

ครัง้ หนง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้าเสดจ็ ประทบั อยทู่ ่ีโฆสติ า
ราม ในเมืองโกสมั พี ทรงพระปรารภถงึ พระภิกษุมาก
รูปด้วยกนั เป็นผ้วู ่ายาก, ววิ าทกนั , ไมอ่ ยใู่ นพระ
โอวาท ประพฤตติ ามใจตวั ด้วยอานาจมานะทฏิ ฐิ ทรง
พร่าสอนด้วยประการตา่ ง ๆ แม้อย่างนนั้ แล้ว พระพวก
นนั้ ก็ไมเ่ อือ้ เฟือ้ ไม่เคารพในพระโอวาท ยงั วิวาทกนั
เป็นฝักเป็นฝ่ายไม่สามคั คกี นั ดกี นั ได้พระ บรมศาสดา
ยงั ได้ทรงแสดงผลดขี องการเคารพเชื่อฟังในพรโอวาท
โดยทรงเลา่ เร่ืองทีฆาวกุ มุ ารประทานเป็นตวั อย่างโดย
พสิ ดารแล้วทรงประทานโสภณ ธรรม คอื ธรรมที่ทาให้
งาม ๒ ประการ คือ ขนั ติ ความอดกลนั้ , และ โสรัจจะ
ความเสงยี่ มเจียมตวั

แหล่งท่มี า

http://watpasuphan.com/2014/ind
ex.php/13215484/48258982
http://www.suphan.biz/Watpalalai.
htm
http://watpasuphan.com/2014/ind
ex.php/13215484/4846121221000
0

ประวัตขิ องผู้ทา

เดก็ หญิงวชิราภรณ์ สขุ มาก
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3

โรงเรียนวดั ทา่ ไชย(ประชานกุ ลู )


Click to View FlipBook Version