PRESENTATION
The abbasid Dynasty
เป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์ที่สามของศาสนาอิสลาม ที่มีเมืองหลวงที่
แบกแดด หลังจากที่โค่นราชวงศ์อุมัยยะฮ์ออกจากบริเวณต่าง ๆ
ยกเว้นอัล-อันดะลุส (Al-Andalus) ซึ่งคือบริเวณประเทศสเปนในปัจจุบัน
รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะห์ก่อตั้งโดยผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากอับบาส อิบน์
อับดุลมุฏฏอลิบ ลุงคนเล็กของมุฮัมมัด โดยก่อตั้งขึ้นในฮาร์รานในปี ค.ศ.
750 และย้ายเมืองหลวงจากฮาร์รานไปแบกแดดในปี ค.ศ. 762
รัฐเคาะลีฟะฮ์นี้รุ่งเรืองอยู่ราวสองร้อยปีแต่ก็มาเสื่อมโทรมลงเมื่อ
อำนาจของตุรกีแข็งแกร่งขึ้น ภายใน 150 ปีทีแผ่ขยายอำนาจไปทั่วเปอร์
เชีย รัฐเคาะลี-ฟะฮ์อับบาซียะห์ก็สูญเสียอำนาจให้แก่จักรวรรดิมองโกล
ในปี ค.ศ. 1258
ประวัติความเป็นมา
ในสมัยของเคาะลีฟะฮมัรวานที่ 2 (Marwan II) ได้เกิดกบฏขึ้นเป็นที่รู้จักกันในนาม “ ขบวนการปฏิวัติอับบาซียะฮ
” การก่อกบฏดังกล่าวนี้ได้เริ่มจากครอบครัวของฮาชิมผู้ซึ่งไม่พอใจกับการปกครองของนบี อุมัยยะฮ กลุ่มกบฏดัง
กล่าวก่อตัวขึ้นครั้งแรกที่คูรอซาน (Khurasan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเปอร์เซีย ( อิหร่านในปัจจุบัน ) ต่อ
มาก็ลามไปยังเมืองต่าง ๆ ในเขตปกครองของบนี อุมัยยะฮ หัวหน้าผู้สถาปนาขบวนการปฏิวัติคือ อะลี อิบนุ อับดุล-
ลอฮ อิบนุ อับบาซ อิบนุ อับดุลมุฏเฏาะลิบ (Ali Ibnu Abd Allah Ibnu Abbas Ibnu Abdulmuttalib) ต่อมาเมื่อท่านเสีย
ชีวิตบุตรของท่านมุฮัมหมัด อิบนุ อะลี (Muhammad Ibnu Ali) ได้สานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว มุฮัมหมัด อิบนุ อะลีได้
ร่วมมือกับอบู ฮาชิม อิบนุ มุฮัมหมัด อิบนุ อะลี อัล หะนะฟียยะฮ (Abu Hashim Ibnu Muhammad Ibnu Ali al
Hanafiyyah) ผู้เป็นอิหม่ามของพวกชีอะฮ เมื่ออบู ฮาชิมเสียชีวิตมุฮัมหมัด อิบนุ อะลี ก็กลายเป็นผู้นำกลุ่มอับบาซียะฮ
หรือบางครั้งก็เรียกว่า ฮะชิมิยะฮ กลุ่มกบฏนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่คูรอซาน
ประวัติความเป็นมา(ต่อ)
ในตอนแรกกลุ่มกบฏดังกล่าวได้ปฏิบัติการอย่างลับ ๆ ต่อมาก็เริ่มปฏิบัติการอย่างเปิดเผย กลุ่ม
ปฏิวัติอับบาซียะฮนี้ประกอบด้วย 3 พวกใหญ่ ๆ คือ พวกที่มาจากครอบครัวของอับบาซ พวกชีอะฮ
ที่นำโดยอบู ซะลามะฮ (Abu Salamah) และพวกคูรอซานียยะฮที่นำโดยอบู มุสลิม (Khurasaniyyah)
เมื่อกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดเริ่มเข้มแข็ง พวกเขาก็เริ่มสรรหาผู้นำที่จะแต่งตั้งให้เป็นเคาะลีฟะฮของ
พวกตน กลุ่มชีอะฮที่นำโดยอบู ซะลามะฮได้เสนอให้ผู้นำของตนเป็นเคาะลีฟะฮ ในขณะที่กลุ่มคูรอซา
นียยะฮและกลุ่มครอบครัวของอับบาซได้เสนอให้อบู อับบาซเป็นเคาะลีฟะฮ อบู ซะลามะฮไม่พอใจกับ
กับการแต่งตั้งอบู อับบาซให้เป็นเคาะลีฟะฮ ต่อมาอบู ซะลามะฮถูกจับและถูกลงโทษประหารชีวิตโดย
เคาะลีฟะฮอบู อัล อับบาซ
ประวัติความเป็นมา(ต่อ)
ในปี ค . ศ . 750 ได้เกิดสงครามเครือญาตระหว่าง
กองกำลังของอับบาซียะฮกับกองทัพอันเกรียงไกร
ของอุมัยยะฮ แต่กองกำลังของอับบาซียะฮกลับมีชัย
เหนือกองทัพอุมัยยะฮในปีดังกล่าวราชวงศ์อุมัยยะฮ
แห่งดามัสกัสก็เป็นอันต้องล้มสลาย อย่างไรก็ตามการ
ปกครองของนบี อุมัยยะฮไม่ได้ยุติเพียงเท่านี้ แต่ได้ถือ
กำเนิดอีกครั้งในประเทศสเปน
ยุคที่หนึ่ง
เป็นช่วงสมัยการปกครองที่เคาะ การปกครองของราชวงศ์ เป็นสมัยการปกครองของเคาะลี
ลีฟะฮแห่งอับบาซียะฮมีอำนาจจริง อับบาซียะฮ ฟะฮอับบาซียะฮ แต่อำนาจการปก
เริ่มแรกการสถาปนาราชวงศ์อับบา ครองจริงๆไม่ได้อยู่ในกำมือของ
สียะฮ์ในปี ฮ . ศ . 132 / ค . ศ . 750 สามารถแบ่งออกเป็น 2 ยุค เคาะลีฟะฮแห่งอับบาซียะฮ
จนถึงปี ฮ . ศ . 232 / ค . ศ . 847
ซึ่งรวมระยะเวลาการปกครอง ตั้งแต่ปี ฮ . ศ . 232 / ค . ศ .
ประมาณหนึ่งศตวรรษ 847 จนถึงพวกมงโกลเข้ามายึด
ครองเมืองแบกแดดหรือการ
สิ้นพระชนม์ของเคาะลีฟะฮ์อับดุล
ลอฮ์ อัลมุอ์ตะซิมบิลลาฮ์ในปี
ฮ . ศ . 656 / ค . ศ . 1258 ซึ่งรวม
ระยะเวลาการปกครองประมาณ
424 ปี
ยุคที่สอง
ยุคที่ 2 แบ่งออกเป็น 4 ช่วง
1. ช่วงชาวเตอร์กเรืองอำนาจ คือระหว่างปี 2. ช่วงพวกบูไวยฮ์เรืองอำนาจ คือ
ฮ . ศ . 232-334 / ค . ศ . 847-946 รวมระยะเวลา ระหว่างปี ฮ . ศ . 334-447 / ค . ศ . 946-
ประมาณ 102 ปี ช่วงดังกล่าวนี้ ชาวเตอร์กมี 1055 รวมระยะเวลา 113 ปี ในช่วงนี้ อำนาจ
บทบาทมากในการกำหนดทิศทางทางการเมือง ทางการเมืองและการปกครองของราชวงศ์
การปกครองและการทหารของราชวงศ์อับบาซี อับบาซียะฮ์ตกอยู่ในมือของพวกบูไวยฮ์ซึ่ง
ยะฮ์ เป็นชีอะฮ์
3. ช่วงเซลจูลเรืองอำนาจ คือระหว่างปี ฮ . ศ . 4. ช่วงสุดท้ายและล่มสลาย คือระหว่างปี ฮ . ศ .
447-530 / ค . ศ . 1055-1136 รวมระยะเวลา 83 ปี 530-656 / ค . ศ . 1136-1258 ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเซลจู
ในช่วงนี้ อำนาจทางการเมืองของราชวงศ์อับบาซี กกำลังเสื่อมโทรม ในขณะเดียวกันมีการเคลื่อนไหวเพื่อ
ยะฮ์ถูกควบคุมโดยพวกเซลจูกซึ่งเป็นสุนนีย์ที่เข้ามา ฟื้นฟูอำนาจของอับบาซียะฮ์ใหม่ แต่ก็ถูกคุกคามโดย
โค่นอำนาจของพวกบูไวยฮ์ซึ่งเป็นชีอะฮ์ อำนาจใหม่แห่งราชวงศ์มองโกลจนล่มสลายไปในที่สุด
ช่วงนี้มีระยะเวลาการปกครองประมาณ 126 ปี
ราชวงศ์อับบาซียะฮ์แห่งแบกแดด
มีเคาะลีฟะฮ์ปกครองรวมทั้งหมด
37 ท่าน ในช่วง 3 ศตวรรษแรก
ของการปกครองของราชวงศ์อับ
บาสียะฮ์ อาณาจักรอิสลามมีความ
เจริญก้าวหน้ามากทั้งในด้าน
การเมือง การปกครอง การศึกษา
สังคมและเศรษฐกิจ จนได้รับขนาน
นามว่าเป็นยุคฟื้นฟูแห่งอิสลาม
สมัยการปกครองของราชวงค์อับบาซียะฮ์ เป็นสมัยของ
การสร้างความเป็นเอกภาพและความรุ่งเรืองสูงสุด มีการ
ขยายอนาเขตการปกครองมากขึ้น คือ ทางทิศตะวันตก
อิสลามเผยแพร่ถึงแอฟริกาเหนือ สเปน ส่วนทางด้านทิศ
ตะวันออกอิสลามเผยแพร่ถึง ฝั่งเปอร์เซียและอินเดีย โดย
อยู่ภายใต้การปกครองของเคาะลีฟะฮ์ ซึ่งมีศูนย์อยู่ที่
แบกแดด
การเรือง อำนาจของราชวงศ์อับบาซียะฮ์เป็นการเปิดศักราชใหม่
ของมุสลิมในด้านศิลปวิทยาการสาขาต่างๆ ความเจริญทางด้าน
วิทยาศาสตร์ของมุสลิมได้เริ่มขึ้นพร้อมๆ กับการเริ่มขึ้นของราชวงศ์
อับบาสียะฮ์ เคาะลีฟะฮ์ในราชวงศ์อับบาสียะฮ์เป็นผู้อุปถัมภ์วิทยาการ
อย่างใหญ่หลวง ได้ทนุบำรุงเลี้ยงดูนักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์ที่มี
ความสามารถซึ่งได้สร้างประโยชน์อันมีค่าให้แก่วัฒนธรรมของโลก
สมัยอับบาซียะฮนี้เป็นสมัยที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อิสลาม ชัยชนะ
ในสงครามต่าง ๆ ทำให้มุสลิม มีดินแดนครอบครองที่กว้างใหญ่ไพศาล
ในสมัยนี้มุสลิมได้ติดต่อกับนานาประเทศ และเริ่มรับศิลปวิทยาการจาก
โลกภายนอก สมัยนี้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์อิสลามที่มุสลิมได้เปิด
ประตูทางวิชาการอย่างกว้างขวาง
การศึกษาในสมัยอับบาซียะห์
ผลจากการเปิดประตูรับวิชาการแขนงต่าง ๆ นี้ทำให้เกิดนักคิดมุสลิม
จำนวนมากมาย สมัยนี้เองที่บรรดานักการศึกษาถือว่าเป็นยุคทองทาง
วิชาการ และเป็นสมัยที่แนวคิดของยูนาน อินเดีย กรีกเริ่มเข้ามามี
อิทธิพลต่อแนวความคิดของบรรดานักคิดมุสลิม และได้ก่อกำเนิดกลุ่มนัก
คิดมุสลิมที่นอกรีต
การศึกษาในสมัยอับบาซียะห์
ผลงานที่มี
คุณค่า
ต่อสังคมโลก
ของ
ราชวงค์
อับบาสียะฮ์
สาขาวิชาศาสนา
วิชาการศาสนาในสมัยนี้มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ
สาขาวิชาฟิกฮและหะดีษ นอกจากนั้น มีวิชาตัฟซีร ผู้ที่มีชื่อเสียงใน
สาขาวิชาตัฟซีรในสมัยนี้คือ อัล - เฏาะบะรี (al Tabari) ผู้เขียนตำราตั
ฟซีรชื่อ ญามิอ อัล บายาน ฟี ตัฟซีร อัล กุรอาน (Jami al Bayan fi
Tafsir al Quran)
สาขาวิชาฟิกฮฺ
อบู หะนีฟะฮ อัล นุอมาน อิบนุ ษาบิต (Abu มาลิก อิบนุ อะนัซ (Malik Ibnu Anas)
Hanifah al Nu' man Ibn Thabit) มีชีวิตอยู่ราวๆปี ฮ . ศ . 94-179/716-795
ฮ . ศ . 81-150/700-767
มุฮัมหมัด อิบนุ อิดรีซ อัล - ชาฟิอี อะหมัด อิบนุ หันบัล
(Muhammad Ibn Idris al Shafi I) (Ahmad Ibn Hanbal)
ฮ . ศ . 164-241/780-855
ฮ . ศ . 150 – 205/767-820
สาขาวิชาหะดิษ อัล บุคอรี มีชื่อจริงว่า มุฮัมหมัด อิบนุ อิสมาอีล
อัล บุคอรี (Muhammad Ibu Ismail al Bukhari)
อบู ดาวูด (Abu Dawud) ฮ . ศ . 256/870
ฮ . ศ .261/875
มุสลิม มีชื่อจริงว่า อบู อัล หุซัยน มุสลิม อิบนุ อัล
อัล ตีรมีษี (al Tirmidhi) หัจญญาจญ (Abu Hasayn Muslim Ibnu al Hajjaj)
ค . ศ . 279/892
ฮ . ศ . 261/875
อิบนุ มาญะฮ (Ibnu Majah) อัล - นะซาอี
ฮ . ศ .273/886 เ (al Nasai)
สาขาวิชาปรัชญา
กินดี (al Kindi) ท่านผู้นี้ถือเป็นนัก อัล ฟารอบี (al Farabi) เป็นนัก
ปรัชญามุสลิมท่านแรกในสมัย ปรัชญาที่มีชื่อเสียงมากในสมัย
ราชวงศ์อับบาซียะฮและได้รับการ ราชวงศ์อับบาซียะฮ และได้รับ
สมญานามว่า “ ครูคนที่สอง ”
ขนานนามว่า
“ นักปรัชญาอาหรับ ”
สาขาวิชาประวัติศาสตร์
อิบนุ กุฎอยบะฮ (Ibnu Qutaybah) อัล - เฏาะบะรี (al Tabari) ฮ . ศ
ค . ศ . 889 . /838 – 923
อัล มัซอูดี (al Mas udi)
สาขาวิชาวรรณกรรมอาหรับและเปอร์เซีย
อบู อัล ฟะรอจญ อัล อิศฟะฮานี อบู นุวาซ (Abu Nuwas) ราวๆปี
(Abu al Faraj al Isfahani) ราวๆปี ค . ศ . 810
ค . ศ . 897-967
อบู ตัมมาม (Abu Tammam) ฟิรเดาซี (Firdawsi) ฮ . ศ .328-
ราวๆปี ค . ศ . 845 411/940-1020
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
ผู้ที่มีชื่อเสียงในสาขาวิชานี้คือ อัล บีรูนี (al Biruni) ชื่อจริง
ของท่านคือ อบู อัล รอยฮาน มุฮัมหมัด อิบนุ อะหมัด อัล บีรูนี
(Abu Rayhan Muhammad Ibnu Ahmad al Biruni)
ค .ศ .973-1050
สาขาไวยกรณ์อาหรับ
สาขาวิชานี้เริ่มขึ้นที่เมืองกูฟะฮและบัศเราะฮในช่วงฮิจเราะฮศตวรรษที่ 1
สาขาวิชาดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งสองใช้ภาษา
เปอร์เซีย ซึ่งมีผลต่อการใช้ภาษาอาหรับ มีนักปราชญ์จำนวนมากที่กังวลว่า
ภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นภาษาอัลกุรอานจะวิบัติหากไม่มีการสงวนอย่างจริงจัง
วิธีการหนึ่งที่จะรักษาภาษาอาหรับ
สาขาวิชาคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์
อัล เคาะวาริสมี (al Khawarizmi) ถือเป็น อุมัร อัล คอยยาม (Umar al
คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในสาขาวิชานี้ ชื่อ Khayyam)ท่านเกิดที่นิซาปูร (Nisapur)
จริงของท่านคือ มุฮัมหมัด อิบนุ มูซา ราว ๆ ค . ศ . 1038 – 1048
(Muhammad Ibnu Musa) ราวๆปี ค . ศ .
780-850
อัล บัตตานี (Al Battani) ค . ศ . อัล อับบาซ อัล ฟัรฆอนี (al Abbas al
877-918 Farghani)
สาขาสาขาวิชาการแพทย์
อะลี อัล - เฏาะบะรี กลางคริสตวรรษที่ 9 อัล - รอสี (al Razi)
ฮ . ศ .311/865-925
อัล มะญูซี (al Majusi) ฮ . ศ . อิบนุ ซีนา (Ibnu Sina) ฮ . ศ . 370-
384/994 428/980-1037
คอลีเฟาะฮฺที่เด่ดๆในสมัย อับบาซียะฮ์
อบู อับบาส อัศ ศ็อฟฟะฮฺ มุฮัมหมัด อามีน บิน ฮารูน
มะมูน อัลเราะซีด
มุฮัมหมัด มะฮฺดี (ผู้ซึ่งใช้เงินในคลังจน
หมด)
ฮารุน อัรเราะซีด (ยุคทองของรา —มุตะซิมบิลลาฮฺ
ชวงค์อับบาซียะฮฺ) - มุตะวักกัลอะลัลลาฮฺ
สาเหตุบางประการของความตกต่ำของราชวงศ์
อับบาซียะฮฺ
1. การแบกแยกระหว่างชาวอาหรับกับคนที่ไม่ไช่อาหรับ
2. การขัดแย้งระหว่างซุนนีและชีอะฮฺ
3. การถกเถียงในเรื่องที่ไร้สาระและการดูหมิ่น
ผู้รู้ศาสนา
สาเหตุบางประการของความตกต่ำของ
ราชวงศ์อับบาซียะฮฺ
4. การเลียนแบบที่ไม่ไช่อิสลาม
5. การให้ความสำคัญกับเรื่องหรูหราและ
อลังการ
ความผิดพลาดและความล้มเหลวอื่นๆ
1. การคิดที่จะแก้แค้นศัตรูและฝ่ายตรงข้ามของตน
2. การรักสิ่งหรูหราและไม่ชอบทำงานหนัก
3. การนำทรัพยากรของรัฐไปใช้อย่างสุรุยสุรายในเรื่อง
ส่วนตัว
ความรุ่งเรืองในสมัยราชวงค์อับบาซียะฮฺ ยุคต้นของราชวงค์อับบาซี
ยะฮฺเป็นยุคแห่งความรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์อิสลาม ความจริงแล้วมัน
เป็นยุคสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษยชาติด้วยซ้ำเพราะยุคนี้เป็นยุคที่ศิลปะ
วิทยาศาสตร์ อารธรรม การค้าและอุตสาหกรรม มีความเจริญรุ่งเรือง
มาก
ด้วยความรุ่งเรืองดังกล่าว เมืองแบกแดดจึง เป็นเมืองที่มีความมมั่งคั่ง
อลังการ โออ่าที่สุดของโลกในสมัยนั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมกระดาษที่ไม่เคยมี
มาก่อนอย่างเดียวก็ถือว่ายุคอับบาซียะฮฺได้มีส่วนสำคัญที่สุดต่อการสร้างความ
เจริญก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ และอารยธรรมของโลกแม้แต่ผู้ที่ไม่ไช่มุสลิม
ก็ยังได้รับประโยชน์อีกมากมายจากความเจริญก้าวหน้านี้
สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวนาซีบะห์ จากือวาโต๊ะ 6320410015
2.นางสาวฟาดีละห์ ยูโซะ 6320410019
3.นางสาวรวยดา มาหะมะ 6320410026
4.นางสาวฮัมซะห์ ลาหิง 6320410037