โรงเรียนเทศบาล 3 (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์)
สรุ ปเนือหา
วิชา สังคมศึกษา
ประถมศึกษาปที 6
จัดทาํ โดย นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปตตานี
เนื อหา
วันสํ าคัญ
ทางพระพุทธศาสนา
ประเพณี
และวัฒนธรรมไทย
ประวตั ศิ าสตร์
สมยั รตั นโกสินทรร์ ชั กาลที 1-5
วันสํ าคัญทางพระพุทธศาสนา
วนั สําคัญทางพทุ ธศาสนา
คือวนั ทมี เี หตกุ ารณ์สําคัญทเี กยี วขอ้ งกบั พระพทุ ธเจา้
วนั สําคัญทางพระพทุ ธ ศาสนา มี 4 วนั คือ
1. วนั มาฆบชู า
2. วนั วสิ าขบชู า
3. วนั อฏั ฐมบี ชู า
4. วนั อาสาฬหบชู า
เทคนิ คการจาํ
15 คา + มา 3 วิ 6 อา 8
1.มา 3 คือ มาฆบชู า ขนึ 15 คา เดอื น 3
2.วิ 6 คือ วสิ าขบชู า ขนึ 15 คา เดอื น 6
3.อา 8 คือ อาสาฬหบชู า ขนึ 15 คา เดอื น 8
วันมาฆบชู า
ตรงกบั วนั ขนึ 15 เดอื น 3 (มาฆมาส)
มเี หตกุ ารณ์สําคัญ 4 อยา่ ง เกดิ ขนึ
1. เปนวนั เพ็ญเดอื นมาฆะ
2. พระสงฆ1์ ,250รูปประชมุ โดยไมน่ ั ด
3. พระสงฆล์ ว้ นเปนพระอรหันต์
4. พระสงฆล์ ว้ นบวชกบั พระพทุ ธเจา้ ทเี รยี กวา่
"เอหิภกิ ขอุ ุปสัมปทา" หรอื เรยี กอกี อยา่ งวา่
"วนั จาตรุ งคสันนิ บาต"
บางครงั เราเรยี กวา่
"วนั พระธรรม"
วันวิสาขบชู า
ตรงกบั วนั ขนึ 15 คา เดอื น 6
มเี หตกุ ารณ์สําคัญ 3 อยา่ งเกดิ ขนึ คือ
1. เปนวนั ประสตู ขิ องพระพทุ ธเจา้
2. เปนวนั ตรสั รูข้ องพระพทุ ธเจา้
3. เปนวนั ปรนิ ิ พพานของพระพทุ ธเจา้ บางครงั
เราเรยี กวนั นี วา่ พระพทุ ธองค์กรสหประชาชาติ
รบั รองให้เปนวนั นี เปนวนั สําคัญสากลของโลก
วันอาสาฬหบชู า
คือวันทพี ระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศ
พระพุทธศาสนาเปนครงั แรก หลังจาก
ตรสั รูไ้ ด้ 2 เดือน โดยแสดงปฐมเทศนา
โปรดพระปญจวัคคีย์ทงั 5 ได้แก่ พระโกณ
ฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททยิ ะ พระมหานา
มะ และพระอัสสชิ ทปี าอิสิปตนมฤคทายวัน
เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญา
โกณฑัญญะได้บรรลธุ รรมและขอบวชเปน
พระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึง
ถือว่าวันนี มีพระรตั นตรยั ครบองค์สาม
บรบิ ูรณ์ครงั แรกในโลก คือ มีทงั พระพุทธ
พระธรรม และพระสงฆ์
วันอัฏฐมีบชู า
ตรงกับวันแรม 8 คา เดือน 6
มีเหตุการณ์ สํ าคัญเกิดขึนในวันนี
คือหลังจากวันปรนิ ิ พพานของพระองค์
7 วัน ก็เปนวันถวายพระเพลิงพระบรม
สรรี ะของพระพุทธเจ้า ทมี กฏุ พันธเจดีย์
เมืองกสุ ินารา แคล้นมัลละ
วันเข้าพรรษา
ตรงกับวันแรม 1 คา เดือน 8
มีเหตุการณ์สําคัญเกิดขึนในวันนี คือ
พระพุทธเจ้าทรงอนญุ าตให้พระสงฆจ์ ํา
พรรษาอย่ทู วี ัดใดวัดหนึ งไม่ให้ไปค้างพักที
อืน 3 เดือนเนื องจากมีพระหมู่หนึ ง ชอื
ภัททวัคคีย์จารกิ ไปเหยียบนาข้าว สัตว์เล็ก
สัตว์น้ อยตายในฤดูฝน
วันออกพรรษา
ตรงกับวันขึน 15 คา เดือน 11 เรยี กอีก
อย่างว่า วันมหาปวารณา
มีเหตุการณ์สําคัญเกิดขึนในวันนี คือ
1. พระพุทธเจ้าทรงอนญุ าตให้พระสงฆไ์ ป
จําวัดค้างแรมทอี ืนได้
2. เปนวันทพี ระพุทธเจ้าทรงลงจากสวรรค์
ชนั ดาวดึงส์หลังจากทรงจําพรรษาทนี ั น
เพือแสดงธรรมแก่พุทธมารดาตลอด 3
เดือน
วิธีปฏิบัตติ นและเข้าร่วมกิจกรรมในวัน
สํ าคัญทางพระพุทธศาสนา
วันสําคัญทางพระพุทธศาสนาทงั หมด
นี มีความเกียวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง
ในปจจุบันนิ ยมปฏิบัติคล้ายคลึงกัน คือ
1.) การทําบุญตักบาตรทบี ้านหรอื ทวี ัด
ในตอนเชา้
2.) การไปนมัสการ ไหว้พระ สวดมนต์
และทําบุญตามวัดต่าง ๆ
3.) การฟงพระธรรมเทศนา และปฏิบัติ
สมาธภิ าวนา
4.) การสนทนาธรรมกับพระภิกษุหรอื
ผทู้ รงคุณวุฒทิ างศาสนา
5.) การรกั ษาศีล 5
6.) การไปเวียนเทยี นทวี ัด (นิ ยมเวียน
เทยี นในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมี
บูชา และวันอาสาฬหบูชา)
ประเพณี
และวฒั นธรรมไทย
"วัฒนธรรม" คือสิงทมี นษุ ย์เปลียนแปลง
หรอื ปรบั ปรุงหรอื ผลิตสรา้ งขึน เพือความ
เจรญิ งอกงามในวิถีชวี ิตและส่วนรวม
วัฒนธรรมคือวิถีแห่งชวี ิตของมนษุ ย์ใน
ส่วนรว่ มทถี ่ายทอดกันได้ เรยี นกันได้ เอา
อย่างกันได้ วัฒนธรรมจึงเปนผลผลิตของส่วน
รว่ มทมี นษุ ย์ได้เรยี นรูม้ าจากคนสมัยก่อน สืบ
ต่อกันมาเปนประเพณี
วัฒนธรรมจึงเปนทงั ความคิดเห็นหรอื
การกระทําของมนษุ ย์ในส่วนรว่ มทเี ปน
ลักษณะเดียวกัน และสําแดงให้ปรากฏเปน
ภาษา ความเชอื ระเบียบประเพณี
ประเพณี
และอารยธรรมไทย
ประเพณีไทย อารยธรรมไทย ประเพณีไทย
อนั ดงี ามทสี ืบทอดตอ่ กนั มานั น ลว้ นแตกตา่ งกนั ไป
ตามความเชอื ความผกู พันของผคู้ นตอ่ พทุ ธศาสนา
และการดํารงชวี ติ ทสี อดประสานกบั ฤดกู าลและ
ธรรมชาตอิ ยา่ งชาญฉลาดของชาวบา้ นในแตล่ ะทอ้ ง
ถนิ ทวั แผน่ ดนิ ไทย เชน่ ภาคเหนื อ ประเพณีบวชลกู
แกว้ ของคนไตหรอื ชาวไทยใหญท่ จี งั หวดั แมฮ่ ่องสอน
ภาคอสี าน ประเพณีบญุ บงั ไฟของชาวจงั หวดั ยโสธร
ภาคกลาง ประเพณีทาํ ขวญั ขา้ วจงั หวดั อยธุ ยา ภาคใต้
ประเพณีแห่นก จงั หวดั ปตตานี เปนตน้
นอกจากนี ประเพณีแอารธรรมไทยยงั นํ า
มาซงึ การทอ่ งเทยี ว เปนทรี ูจ้ กั และประทบั ใจแกช่ าติ
อนื นั บเปนมรดกอนั ลําค่าทเี ราคนไทยควรอนรุ กั ษ์
และสืบสานให้ยงิ ใหญต่ ลอดไป
การทอดผา้ ปา
“กฐนิ - ผา้ ปา” สองคํา สองประเพณีนี ผคู้ นมักนิ ยมพูดติดต่อกัน
เสมอ เนื องจากปจจุบันการทอดผา้ ปามักเปนส่วนหนึ งของการทอด
กฐนิ คือเมือทอดกฐนิ เสรจ็ ก็ทอดผา้ ปาตาม โดยเรยี กผา้ ปาชนิ ดนี ว่า
ผา้ ปาหางกฐนิ
ในความเปนจรงิ การทอดผา้ ปานั น ถึงแม้วัตถุประสงค์ของการ
ทอดจะเหมือนกับกฐนิ ตรงทเี ปนการถวายผา้ แด่พระภกิ ษุ เพือทําเปน
เครอื งน่ งุ ห่มสําหรบั ผลัดเปลียน หรอื ทดแทนของเก่าทชี าํ รุด แต่วิธี
การทอดไม่เหมือนกัน และทสี ําคัญคือการทอดผา้ ปาสามารถทําได้
ตลอดป ไม่ได้มีกําหนดเวลาเหมือนการทอดกฐนิ เนื องจากมูลเหตุ
ของการทอดผา้ ปามาจากเมือสมัยทพี ระพุทธเจ้ายังมิได้ทรงอนญุ าตให้
ภิกษุสงฆร์ บั จีวรจากชาวบ้าน พระภิกษุจึงต้องไปเทยี วเก็บผา้ ทชี าว
บ้านทงิ แล้วตามทตี ่าง ๆ เชน่ ในปา หรอื ไม่ก็ต้องเก็บผา้ ห่อศพตาม
ปาชา้ ซงึ ผา้ เหล่านี เรยี กว่าผา้ บังสุกลุ หรอื ผา้ เปอนฝุนมาทําความ
สะอาด ตัด เย็บปะติดปะต่อกันเปนสบง จีวร หรอื สังฆาฏิผนื ใดผนื
หนึ ง ชาวบ้านเห็นความลําบาก ดังนี ต้องการจะอนเุ คราะห์จึงนํ าผา้ ไป
ทอดทงิ ไว้ในปาหรอื ตามทที พี ระภิกษุจะต้องเดินผา่ น เมือพระภิกษุ
ผา่ นมาเห็นไม่มีเจ้าของทา่ นก็ชกั ผา้ บังสุกลุ นั นไป ดังนั นการทอด
ผา้ ปาในเวลาต่อ ๆ มาไม่ว่าจะมีการปรบั ปรุงรูปแบบของพิธกี รรม
อย่างไร ก็ตาม สิงทผี ทู้ อดผา้ ปาควรต้องปฏิบัติคือคงองค์ประกอบ
สําคัญ 3 ประการไว้ ได้แก่
1. ควรมีผา้
2. ควรมีกิงไม้ปกไว้ด้วย
3. ผถู้ วายต้องตังใจ ถวายอุทศิ แด่ภิกษุสงฆผ์ ตู้ ้องการผา้
บังสุกลุ อย่างเดียวไม่เจาะจงพระรูปหนึ งรูปใด
ทงั นี เพือให้สมกับคําว่าผา้ ปา และได้ชอื ว่าเปนผถู้ วายผา้ ปา
“วตฺ ถโท โหติ วณณฺ โท”
“ให้ผ้านุ่งห่ม ชือว่าให้ผิวพรรณ”
การตกั บาตรเทโวโรหนะ
วันเทโวโรหนะ หมายถึง วันทพี ระพุทธเจ้า
เสด็จลงมาจากเทวโลกมาสู่มนษุ ยโลก หลัง
จากทไี ด้แสดงธรรมเทศนาโปรดพระมารดา
และเสด็จจําพรรษา ณ ดาวดึงส์พิภพครบ
ไตรมาสแล้ว โดยเสด็จลงทางบันไดสวรรค์ที
ประตูเมืองสังกัสสนคร ทางตอนเหนื อของ
กรุงสาวัตถี ตรงกับวันแรม 1 คา เดือน 11 หรอื
วันพระเจ้าเปดโลก
กิจกรรมในวันเทโวโรหนะ
1. ทําบุญตักบาตรเทโว ซงึ เปนประเพณี
นิ ยมดังกล่าวมาแล้วในข้างต้น
2. ฟงธรรมเทศนา
3. ทําทาน
4. รกั ษาศีลภาวนา
ประวตั ศิ าสตร์
สมยั รตั นโกสินทร์
หลังจากปราบดาภิเษกขึนเปนพระมหา
กษัตรยิ ์ในป พ.ศ. 2325 แล้วสมเด็จเจ้าพระยา
มหากษัตรยิ ์ศึกทรงใชพ้ ระนามว่า
"พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก"
และได้ย้ายราชธานี จากกรุงธนบุรขี ้ามแม่นา
เจ้าพระยามายังฝงตรงข้าม และตังชอื ราชธานี
ใหม่นี ว่า "กรุงเทพมหานคร" พรอ้ ม ๆ กับการ
สถาปนาราชวงศ์จักรขี ึนมา
ในชว่ งก่อรา่ งสรา้ งเมืองนี สยามยังต้อง
ผจญกับศึกสงครามรอบบ้านอย่เู สมอ รวมทงั
สงครามครงั ใหญ่ทสี ุดในประวัติศาสตรก์ าร
รบระหว่างสยามกับพม่าด้วย นั นคือศึกทเี รยี ก
ว่า"สงครามเก้าทัพ" ซงึ ตรงกับรชั สมัยของ
พระเจ้าประดุงแห่งหงสาวดี กองทพั สยาม
สามารถขับไล่ทพั พม่าออกไปได้ในทสี ุด หลัง
สงครามเก้าทพั พม่าต้องเผชญิ หน้ ากับประเทศ
นั กล่าอาณานิ คมอย่างอังกฤษ ทําให้สยามว่าง
เว้นศึ กสงครามใหญ่ไปนาน
รชั กาลที 1
รชั กาลที 1 มพี ระราชดํารใิ ห้ฟนฟศู ิลป
วฒั นธรรมครงั ใหญ่ รวมทงั การรวบรวมตํารบั ตํารา
จากหัวเมอื งตา่ งๆ ทรี อดพ้นจากการถกู พมา่ เผาเมอื
ป พ.ศ.2310 มาเกบ็ ไวท้ กี รุงเทพฯ ในสมยั ของ
พระองค์ไดม้ กี ารนํ าธรรมเนี ยมปฏบิ ตั ขิ องราชสํานั ก
อยธุ ยามาใชอ้ ยา่ งหนึ งคือ มกี ารแตง่ ตงั ตําแหน่ ง
อุปราชเสมอื นเปนกษัตรยิ อ์ งค์ที 2 อุปราชองค์แรก
แห่งกรุงรตั นโกสินทรค์ ือ กรมพระราชวงั บวรมหา
สรุ สิงหนาท ซงึ ประทบั อยทู่ วี งั หน้ าคนสยามจงึ มกั
เรยี กตําแหน่ งอุปราชวา่ "วงั หน้ า" สําหรบั พระราชวงั
หน้ านั นปจจบุ นั คือบรเิ วณมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ และ
วทิ ยาลยั นาฏศิลปนั นเอง รวมทงั พืนทปี ระมาณครงึ
หนึ งของทอ้ งสนามหลวงกเ็ คยเปนอาณาบรเิ วณของ
วงั หน้ ามากอ่ น เวลามกี ารกอ่ สรา้ งตา่ งๆ บรเิ วณนี
เมอื ขดุ ลงไปในดนิ จงึ มกั พบ โบราณวตั ถหุ ลายอยา่ ง
โดยเฉพาะปนใหญแ่ บบโบราณ มกี ารขดุ ไดบ้ รเิ วณนี
หลายกระบอก
รชั กาลที 2
พระองค์ทรงใฝพระทยั ในศิลปวฒั นธรรมมาก
ทงั ทางดา้ นวจิ ติ รศิลปและวรรณคดี พระองค์ไดร้ บั
การยกยอ่ งวา่ เปนกษัตรยิ ผ์ เู้ ปนอคั รศิลปน ทรง
สรา้ งและบรู ณะวดั วาอารามจํานานมาก ทสี ําคัญ
ทสี ดุ คือโปรดเกลา้ ฯให้บรู ณะวดั สลกั ใกลพ้ ระราชวงั
เดมิ ฝงธนบรุ ี จนยงิ ใหญส่ วยสงา่ กลายเปนวกั ประจํา
รชั กาลของพระองค์และพระราชทานนามวา่ "วดั
อรุณราชวรารามมหาวหิ าร"
รชั กาลที 2 ยงั ทรงพระอจั ฉรยิ ภาพในทางกวดี ว้ ย
พระราชนิ พนธช์ นิ สําคัญของพระองค์ คือ บทละคร
เรอื งอเิ หนา และ รามเกยี รติ นอกจากทรงพระราช
นิ พนธด์ ว้ ยพระองค์เองแลว้ ยงั ไดช้ อื วา่ เปนองค์
อุปถมั ภบ์ รรดาศิลปนและกวดี ว้ ย ยคุ นี จงึ เรยี กไดว้ า่
เปนยคุ สมยั ทกี วรี ุง่ เรอื งทสี ดุ กวเี อกทปี รากฏใน
รชั กาลของพระองค์คือ พระศรสี นุ ทรโวหาร (ภ)ู่ ที
คนไทยทวั ๆไปเรยี กวา่ "สนุ ทรภ"ู่
รชั กาลที 3
รชั กาลที 3 ยคุ พ่อค้าวาณิช : กรมหมนื เจษฎาบ
ดนิ ทร์ ไดค้ รองครองราชสมบตั ติ อ่ จากพระบดิ า ทรง
พระนามวา่ พระบาทสมเดจ็ พระนั งเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว
(พ.ศ. 2367-2394) ทรงมคี วามเชยี วชาญในการ
ค้าขายกบั ตา่ งประเทศมาก โดยเฉพาะกบั ประเทศจนี
ในรฐั สมยั ของพระองค์ ราชสํานั กสยามและจนี มี
สัมพันธภาพทแี น่ นแฟน สยามแตง่ สําเภาเดนิ ทางไป
ค้าขายกบั จนี ปละมากลํา ยคุ สมยั ของพระองค์นั บ
เปนยคุ ทองของการค้าขาย ทรงทาํ ให้เศรษฐกจิ ของ
ประเทศมงั คังขนึ เงนิ ทองเตม็ ทอ้ งพระคลงั และทรง
เกบ็ พระราชทรพั ยบ์ างส่วนไวใ้ นถงุ แดงซกุ ซอ่ นไว้
ตามบลั ลงั ก์ ซงึ ในเวลาตอ่ มาทรพั ยใ์ นถงุ แดงนี มี
ส่วนในการกชู้ าตสิ ยาม
รชั กาลที 4
การเปดประเทศในรชั กาลที 4 : ความจรงิ ใน
สมยั รชั กาลที 3 ประเทศสยามตอ้ งรบั บรรดาทตู
ตา่ งๆจากชาตติ ะวนั ตกทเี ขา้ มาทาํ สัญญาทางการค้า
บา้ งแลว้ โดยเฉพาะการมาถงึ ของ เซอรจ์ อห์น เบารงิ
จากองั กฤษทเี ขา้ มาทาํ สัญญาเบารงิ อนั ส่งผลอยา่ ง
ใหญห่ ลวงตอ่ ประเทศสยามในเวลาตอ่ มา อยา่ งไร
กต็ ามผลจากการเปดประเทศมาปรากฏอยา่ งเดน่ ชดั
ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว
รชั กาลที 4 ซงึ ทรงสนพระทยั ในศิลปวทิ ยาการของ
ตะวนั ตกมาก พระองค์ทรงศึกษาวชิ าการตา่ งๆ อยา่ ง
แตกฉานทรงเขา้ ใจภาษาบาลเี ปนอยา่ งดตี งั แตค่ รงั ที
ออกผนวชเปนเวลาถงึ 27 พรรษากอ่ นทรงขนึ ครอง
ราชย์ นอกจากนี ยงั มคี วามรูใ้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ขนง
ตา่ งๆโดยเฉพาะดาราศาสตร์ ในยคุ สมยั ของพระองค์
ขนบธรรมเนี ยมตา่ งๆ ในราชสํานั กไดเ้ ปลยี นไปมาก
เชน่ การแตง่ กายเขา้ เฝาของขนุ นาง ทรงให้สวม
เสือผา้ แบบตะวนั ตกแทนทจี ะเปลอื ยทอ่ นบนเชน่
สมยั กอ่ น หรอื ยกเลกิ ประเพณีหมอบคลาน เปนตน้
รชั กาลที 5
รชั กาลที 6 เผชญิ คลืนลมแห่งการเปลียนแปลง : เจ้าฟามหา
วชริ าวุธขึนครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู ัว (พ.ศ. 2453-2468)
การเปลียนแปลงอย่างแรกในป พ.ศ. 2456 คือคนไทยต้องมี
นามสกุลใช้ ในอดีตคนไทยใชเ้ พียงชอื ตัวไม่มีนามสกลุ พระองค์ยัง
ทรงยกเลิกธรรมเนียมให้ผู้หญิงไทยไว้ผมสันทรง ดอกกระทมุ่ อย่าง
โบราณ และหันมาไว้ผมยาวแบบฝรงั และให้น่ งุ ผา้ ถุงแทนโจงกระเบน
ทรงจัดให้มกี ารศึ กษาภาคบังคับทวั ประเทศ มีการตังจุฬาลงกรณ์ขึน
เปนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย
สงครามโลกครงั ที 1 เกิดขึนในรชั สมัยของพระองค์ ในชว่ งทา้ ย
ของสงครามพระองค์ได้ส่งทหารไทยไปรว่ มรบ ณ สมรภมู ิยโุ รป ด้วย
นั นทําให้ประเทศสยามได้รบั การต้อนรบั ให้เขา้ รว่ มสันนิ บาติชาติ ภาย
หลังสงครามและภายหลังจากทหารอาสาชาวไทยกลับจาก สงคราม
พระองค์ทรงเปลียนธงชาติจากธงชา้ งเผอื กบนพืนแดงมาเปนธง
ไตรรงค์แบบปจจุบันแทน
ในรชั สมัยนี มีการแต่งตังเจ้านายในราชวงศ์และขุนนางใกล้ชดิ ให้
เปนคณะรฐั มนตรรี ว่ มปรกึ ษาใกล้ชดิ กับพระองค์ในการบรหิ าร
ประเทศ และมีการตัง กองเสือปา ขึนมาโดยมีพระองค์เองเปนผู้
บัญชาการ กองเสือปาทตี ังขึนมีลักษณะซาซอ้ นกับกองทพั และหลาย
ครงั เสือปาของพระองค์มีเรอื งมีราวกับทหารในกองทพั ปมขัดแย้งเรมิ
เกิดขึนในหมู่ทหารจํานวนหนึ ง กระทงั ประทเุ ปนการก่อกบฏใน ร.ศ.
130 ทเี รยี กว่า กบฏนายสิบ