The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปความรู้สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6และผู้ที่สนใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Krittima May, 2021-06-08 04:48:10

สรุปวิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่6

สรุปความรู้สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6และผู้ที่สนใจ

Keywords: สรุป

โรงเรียนเทศบาล 3 (โศภนพิ ทยาคุณานุสรณ์)

สรุปเนอื หา
วชิ า ภาษาไทย
ประถมศึกษาปที 6

จัดทําโดย นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปตตานี

การอ่านจับใจความ

คือ การอ่านเพือจับใจความความคิดสําคัญหลักของ
ข้อความเปนข้อความทคี ลมุ ข้อความอืน ๆ ในย่อหน้ า

หนึ ง ๆ ไว้ทงั หมด

ใจความสําคัญ หมายถึง ใจความทสี ําคัญ
และเด่นทสี ุดในย่อหน้ าเปนแก่นของ
ย่อหน้ าทสี ามารถครอบคลมุ เนื อความใน
ประโยคอืนๆ

ใจความรอง หรอื พลความ
(พน-ละ-ความ) หมายถึง ใจความ
หรอื ประโยคทขี ยายความประโยค
ใจความสํ าคัญ

หลักการจับใจความสํ าคัญ
๑. ตังจุดมุ่งหมายในการอ่านให้ชดั เจน
๒. อ่านเรอื งราวอย่างครา่ วๆ พอเข้าใจ และเก็บ
ใจความสําคัญของแต่ละย่อหน้ า
๓. เมืออ่านจบให้ตังคําถามตนเองว่า เรอื งทอี ่าน มี
ใคร ทําอะไร ทไี หน เมือไหร่ อย่างไร
๔. นํ าสิงทสี รุปได้มาเรยี บเรยี งใจความสําคัญใหม่ด้วย
สํ านวนของตนเอง

การอ่านจับใจความ

วิธจี ับใจความสําคัญ
๑. อ่านทลี ะย่อหน้ า หาประโยคใจความสําคัญของ
แต่ละย่อหน้ า
๒. ตัดส่วนทเี ปนรายละเอียดออกได้ เชน่ ตัวอย่าง
สํ านวนโวหาร
๓. สรุปใจความสําคัญด้วยสํานวนภาษาของตนเอง

ใจความสําคัญของข้อความในแต่ละย่อหน้ าจะ
ปรากฏดังนี
๑. ประโยคใจความสําคัญอย่ตู อนต้นของย่อหน้ า
๒. ประโยคใจความสําคัญอย่ตู อนกลางของย่อหน้ า
๓. ประโยคใจความสําคัญอย่ตู อนทา้ ยของย่อหน้ า
๔. ประโยคใจความสําคัญอย่ตู อนต้นและตอนทา้ ย
ของย่อหน้ า
๕. ผอู้ ่านสรุปขึนเอง จากการอ่านทงั ย่อหน้ า

5W1H
Who = ใคร
What = อะไร
Where = ทไี หน
When = เมือไหร่
Why = ทําไม
How = อย่างไร

การอ่านจับใจความ

Who ใคร คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า ใครรบั ผดิ ชอบ
ใครเกียวข้อง ใครได้รบั ผลกระทบ ในเรอื ง
นั นมีใครบ้าง

What ทําอะไร คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า
เราจะทําอะไร แต่ละคนทําอะไรบ้าง

Where ทไี หน คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า สถานที
ทเี ราจะทําว่าจะทําทไี หน เหตุการณ์หรอื สิง
ทที ํานั นอย่ทู ไี หน

When เมือไหร่ คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า
ระยะเวลาทจี ะทําจนถึงสินสุด
เหตุการณ์หรอื สิงทที ํานั นทําเมือวัน
เดือน ปใด

Why ทําไม คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า สิงทเี รา
จะทํานั น ทําด้วยเหตุผลใด เหตุใดจึงได้
ทําสิงนั น หรอื เกิดเหตุการณ์นั นๆ

How อย่างไร คือ สิงทเี ราต้องรูว้ ่า
เราจะสามารถทําทกุ อย่างให้บรรลผุ ล
ได้อย่างไร เหตุการณ์หรอื สิงทที ํานั น
ทําอย่างไรบ้าง

โวหาร

1. บรรยายโวหาร คือ การอธบิ าย
2. พรรณนาโวหาร คือ ทําให้เห็นภาพ
3. เทศนาโวหาร คือ การสังสอน
4. สาธกโวหาร คือ การยกตัวอย่าง
5. อุปมาโวหาร คือ การเปรยี บเทยี บ

1) บรรยายโวหาร
เล่าเรอื ง หรอื อธบิ ายเรอื งราวต่าง ๆ ตามลําดับ
เหตุการณ์ เขียนตรงไปตรงมา รวบรดั ได้แก่ การ
เขียนอธบิ ายประเภทต่าง ๆ

ตัวอย่างบรรยายโวหาร
พ่อเดินเข้าหากอไผป่ า เลือกตัดลําเทา่ ขามาสองปล้อง
ทําเปนกระบอก คัดเห็ดดอกใหญ่ไปล้างในลําห้วยจน
สะอาด บรรจุลงในกระบอกไม้ไผจ่ นแน่ น

2) พรรณนาโวหาร
มุ่งให้ความแจ่มแจ้ง ละเอียดลออ เพือให้ผอู้ ่านเกิด
อารมณ์ซาบซงึ เพลิดเพลินไปกับข้อความนั นการเขียน
พรรณา โวหารจึงยาวกว่าบรรยายโวหารมาก มุ่งให้
ภาพ และอารมณ์

ตัวอย่างพรรณนาโวหาร
วันเพ็ญ พระจันทรส์ ีนวลจ้าส่องแสงอย่วู งรศั มีสีขาว
นาขึนเต็มฝง นิ งไม่กระดุกกระดิก แต่เปนเงาแวววาว
เหมือนถาดเงนิ ใบใหญ่ทขี ัดมัน

โวหาร

3) เทศนาโวหาร
โวหารทผี เู้ ขียนมุ่งจะสังสอนคุณธรรมหรอื จรรโลงใจ
ผอู้ ่านหรอื ปลกุ ใจ จูงใจให้ผอู้ ่านคล้อยตาม

ตัวอย่างเทศนาโวหาร
ทําอะไรก็อย่าทําด้วยความอยากมีอยากเปน อยากได้
นั นอยากได้นี แต่เราทําไปตามหน้ าทขี องเรา เรา
มีหน้ าทอี ะไรก็ทําหน้ าทนี ั นให้สมบูรณ์ ให้เรยี บรอ้ ย
ไม่ต้องมีความอยากจะได้ อยากจะเปนก็ทําได้ ทํา
เพราะสํานึ กในหน้ าที

4) สาธกโวหาร
โวหารทมี ุ่งให้ความชดั เจน โดยการยกตัวอย่างเพือ
อธบิ ายให้แจ่มแจ้งหรอื สนั บสนนุ ความคิดเห็นทเี สนอ
ให้หนั กแน่ น น่ าเชอื ถือ

ตัวอย่างสาธกโวหาร
โยคีเทศนาทหารทพั ลังกาและเมืองผลึกในเรอื งพระ
อภัยมณีคือรูปรสกลินเสียงไม่เทยี งแท้ ย่อมเฒา่ แก่
เกิดโรคโศกสงสาร

5) อุปมาโวหาร
โวหารเปรยี บเทยี บ โดยกตัวอย่าง สิงทคี ล้ายคลึงกัน
มาเปรยี บเพือให้เกิดความชดั เจนด้านความหมาย
ด้านภาพ และเกิดอารมณ์ ความรูส้ ึกมากยิงขึน อุปมา
โวหารมักจะปรากฏพรอ้ มกับพรรณนานาโวหารเสมอ

วิธีจาํ โวหาร

บรรยายโวหาร เลา่ เหตกุ ารณ์เรอื งราว เลา่ เรอื งกอ่ นเกา่ เลา่
ความเปนไป ประวตั ศิ าสตร์ เลา่ เรอื งชาตไิ ทย นิ ทาน นิ ยาย

พงศาวดาร เลา่ เรอื งความคิด เลา่ เรอื งปรศิ นา
เลา่ ความเปนมา เลา่ ความเปนไป

พรรณนาโวหาร นั นกเ็ รอื งเลา่ ความรูส้ ึกกอ่ นเกา่ สอดแทรก
ความนั ย อารมณ์ซาบซงึ ถงึ ความในใจ ถา่ ยทอดออกไป
เพือระบายอารมณ์ พรรณนาให้เห็น ภาพเปนอยา่ งไร
นาตารนิ ไหล อกใจขนื ขม

เทศนาโวหาร นั นคือคําสอน ดดี อ้ ย จดุ ออ่ นเอามาเปดเผย คําดุ
คําดา่ คําวา่ เปรยี บเปรย ยกมาเออื นเอย่ มใิ ห้เสียคน แมด่ ุ ครูวา่

แตเ่ พือนดา่ ไมใ่ ช่ ขาดความจรงิ ใจเพราะสอดใส่อารมณ์

สาธกโวหาร นั นกเ็ รอื งเลา่ อา้ งองิ เรอื งเกา่ เปนอุทาหรณ์
เหตทุ ขี าหัก เพราะลกั รถไปซงื เขาตดิ คุกจรงิ ๆ
เพราะไมเ่ ชอื ฟงคําใคร

อุปมาโวหาร นั นกเ็ รอื งเลา่ สภุ าษิต สํานวนเกา่ เอามา
เปรยี บเปรย วา่ ดจุ วา่ คลา้ ย วา่ ได้ วา่ เหมอื น

เปรยี บเทยี บเพือเตอื นมใิ ชเ่ ฉลย ววั สันหลงั หวะ
เดยี วจะทอ้ งปอง สํานวนสอดคลอ้ งสิงทเี ราคุ้นเคย

ชนดิ ของคาํ

คําในภาษาไทยจําแนกได้ ๗ ชนิ ด คือ
๑. คํานาม
๒. คําสรรพนาม
๓. คํากริยา
๔. คําวิเศษณ์
๕. คําบุพบท
๖. คําสั นธาน
๗. คําอุทาน

คํานาม

คํานาม คือ คําทีใชเ้ รียกชอื คน สั ตว์ สิ งของ สถานที
รวมทังสิ งทีมีชวี ิต และไม่มีชวี ิต ทังทีเปนรูปธรรม
และนามธรรม เชน่ เด็ก พ่อ แม่ นก ชา้ ง บ้าน
โรงเรียน ความดี ความรัก เปนต้น

คําสรรพนาม

คําสรรพนาม คือ คําทีใชแ้ ทนคํานามทีผู้พูดหรือผู้
เขียนได้กล่าวแล้ว หรือเปนทีเข้าใจกันระหว่างผู้ฟง
และผู้พูด เพือไม่ต้องกล่าวคํานามซา เชน่ ฉัน ผม
กระผม ข้าพเจ้า เธอ ท่าน คุณ มึง เอ็ง ลือ แก

ชนดิ ของคาํ

คํากรยิ า

คํากริยา คือ คําทีแสดงอาการของนาม เชน่ เขียน
ตี กิน จับ ไล่ เปด อ่าน

คําวเิ ศษณ์

คําวิเศษณ์ คือ คําทีใชข้ ยายคํานาม คําสรรพนาม
คํากริยา และคําวิเศษณ์ เพือให้ได้ความชดั เจนยิง
ขึน เชน่ ใหญ่ เล็ก เร็ว ชา้ หอม เหม็น เปรียว
หวาน ดี ชวั ร้อน เย็น หน่ มุ สาว ยาว สั น เปนต้น

คําบพุ บท

คําบุพบท คือ คําทีทําหน้ าทีเชอื มโยงคําหนึ งหรือ
กลุ่มคําหนึ งให้สั มพันธก์ ับคําอืน หรือกลุ่มคําอืน
เพือแสดงความหมายต่าง ๆ เชน่ ความเปนเจ้าของ
ลักษณะ เหตุผล เวลา สถานที ประมาณ ความ
ต้องการ เปรียบเทียบ ได้แก่ คํา ใน แก่ แต่ ต่อ
สําหรับ โดย ด้วย ของ แห่ง ใกล้ ไกล เปนต้น

ชนดิ ของคาํ

คําสั นธาน

คําสั นธาน คือ คําทีทําหน้ าทีเชอื มคํากับคํา
ประโยคกับประโยคข้อความกับข้อความ หรือ
ความให้สละสลวย เชน่ กับ และ แต่ แต่ทว่า เพราะ
เพราะว่า มิฉะนั น หรือ เปนต้น

คําอุทาน

คําอุทาน คือคําทีเปล่งออกมาเพือแสดงอารมณ์
ของผู้พูด ซงึ อาจเปล่งออกมาในขณะทีตกใจ ดีใจ
เสี ยใจ ประหลาดใจ ไม่มีความหมายตรงตาม
ถ้อยคําเน้ นความรู้สึ กและอารมณ์ของผู้พูดเปน
สําคัญ เชน่ โอ๊ย อ้าว ว๊าย โอย โอ๊ย ตายจริง
คุณพระชว่ ย โอ้โฮ เปนต้น

ทรคิ การจําชนดิ ของคาํ

คาํ ไทยมีเจ็ดคาํ ท่ีตองจาํ ไวใหดี
• คํานาม คือคาํ ท่ี ใชเรียกคน สัตว ส่ิงของ
เชน บาน หนู หมู หมา ไฟ ปากกา ปลา เงินทอง
ภูเขา หวย ลําคลอง เมืองระนอง นายทองดาํ
หนาที่ของนามนั้น เปนประธานและเปนกรรม
เลาเลาพอใหจาํ จงหม่ันเพียรเลาเรียนไป
• คาํ สอง สรรพนาม แทนคํานามจําใสใจ
เชน เรา เขา เธอ ใคร หนาที่คลายกับคํานาม
• คําสาม คือ กริยา บอกอาการนาม สรรพนาม
เชน เดิน นอน น่ัง ถาม กิน วิ่ง พูด ยิ้ม รองไห
• วิเศษณ คือคําท่ี ใหมีเนื้อความแปลกไป
ประกอบนามวิเศษณไซร สรรพนามและกริยา
เชน ชั่ว ดี เลว แปน เขียว ดัง แบน หอม หวาน ชา
เหม็น ฉุน เปร้ียว เค็ม จา เหนือ หมด ใด ไหน ดี แน
• บุพบท นําหนานาม สรรพนามตัวอยาง แด
ดูกอน ใน ยัง แต แหง ของ ดวย บน โดย ตาม
• สันธาน เชื่อมถอยคาํ คําตอคํา ความตอความ
เช่ือมประโยคใหงดงาม เชน กับ เพราะ และ เชนวา
• อุทาน การออกเสียง ผิดสาํ เนียงธรรมดา

แสดงอารมณนา ความรูสึกผูอุทาน
เชน เหม! ชิ! หรือ! หา! เฮย! ไฮ! ฮา! สะพงสะพาน

เรือแพ ขอจบการ เลาใหอานจาํ ไวเอยฯ


Click to View FlipBook Version