The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วัฒนธรรมประเทศอินเดีย (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Monlada Jitnit, 2022-09-16 12:51:14

วัฒนธรรมประเทศอินเดีย (1)

วัฒนธรรมประเทศอินเดีย (1)

วัฒนธรรม
ประเทศอินเดีย

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

อินเดียหรือดินแดนภารตะ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของ
ศาสนาและปรัชญา มีศิลปิน นักคิด และนักเขียนเกิด
ขึ้นในอินเดียมากมาย ความรุ่งเรือง และความมั่งคั่งใน
ประเทศ เป็นที่เล่าลือกันว่าเป็น แผ่นดินที่ร่ำรวยด้วย
ศิลปวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติ

ประเทศอินเดีย ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่โบราณมานานนับพัน ๆ ปี
ประชากรประกอบด้วยชนเผ่าต่าง ๆ ทีสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มชนที่มีอารยธรรม
รุ่งเรือง มาแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ คืออารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ ประวัติศาสตร์อัน
ยาวนานของอินเดียผ่านการปกครองของชาติ ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตมามากมาย เช่น
พวกเติร์กที่นำศาสนาอิสลาม และวัฒนธรรมของชาวเปอร์เซียเข้ามาเผยแพร่
วัฒนธรรมใหม่ ผสมกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวอินเดีย ก่อให้เกิดมรดกทาง
วัฒนธรรม เช่น สถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเด่นจากการผสมผสานกัน ระหว่างศิลปะ
ของโมกุล กับเปอร์เซีย

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

อินเดียได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของศาสนาและปรัชญา มีศิลปิน นักคิด
และนักเขียนเกิดขึ้นในอินเดียมากมาย ความรุ่งเรือง และความมั่งคั่ง
ในประเทศ เป็นที่เล่าลือกันว่าเป็น แผ่นดินที่ร่ำรวยด้วยศิลปวัฒนธรรม
และทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เพชรนิลจินดา และสินแร่ค่ามหาศาล สิ่ง
เหล่านี้ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาของประเทศที่ล่าเมืองขึ้น จนอินเดียต้อง
ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาเป็นเวลานาน วัฒนธรรมของคน
อินเดีย แม้จะมีการเลือกปฏิบัติ แต่ให้เกียรติผู้หญิง ถึงแม้ว่าสตรีจะมี
ฐานะด้อยกว่าบุรุษในสังคมทั่วไป

แต่คนอินเดียจะไม่แตะต้องร่างกายสตรีในที่สาธารณะ มารยาทในการทักทายกัน
ทั้งหญิงและชายจะพนมมือไหว้เหมือนคนไทย เพียงแต่ไม่ก้มศีรษะ ไม่มีการจับมือ
กันแบบเช็คแฮนด์ เช่นชาวยุโรป ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ผู้ชายอินเดียมัก
จ้องมองผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงต่างชาติอย่างจริงจัง ไม่ต้องตกใจกลัวว่าพวก
เขาจะเข้ามาลวนลามทางเพศ หากตราบใดที่การนุ่งห่มเสื้อผ้าเรียบร้อยมิดชิดเป็น
สุภาพชน พวกเขามองเพราะความสนใจ และสงสัยไม่ได้มองด้วยเจตนาจะเข้ามา
คุกคามทำร้ายแต่อย่างใด

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

แม่น้ำคงคา

แม่น้ำคงคา ตั้งอยู่ ณ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดใน
โลก นับย้อนไปในศตวรรษที่ 11 ได้มีการตั้งถิ่นฐานที่นี่ ชาวฮินดูมากมายเชื่อว่าการมาที่
เมืองพาราณสีนี้สามารถทำให้พ้นบาป หรือนิพพานได้

แม่น้ำคงคาในพาราณสี แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับ
ชาวฮินดู มีการทำพิธีกรรมโบราณตามความเชื่อ และ
ศรัทธา การอาบน้ำล้างบาปตลอดทั้งวัน หากเรามอง
ไปทางฝั่ งตะวันออกของแม่คงคาก็จะเห็นผืนทราย
ขนาบไว้อยู่ เจ้าผืนทรายลักษณะเหมือนเข็มขัดนี้
กว้างใหญ่กว่า 300 เมตร วางตัวพาดเหนือพื้นที่สี
เขียว ซึ่งตรงนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์สงวนไว้สำหรับเพาะ
พันธ์ุเต่านั่นเอง ส่วนฝั่ งตะวันตกของแม่น้ำคงคาที่
เป็นรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวจะถูกขนาบด้วยท่าน้ำ 84
ท่า รวมมีบันไดที่ทอดยาวลงสู่แม่น้ำคงคายาวกว่า
6.8 กิโลเมตร ท่าน้ำเหล่านี้ถูกสร้างโดยเหล่ากษัตริย์
ชาวฮินดูที่ต้องการตายไปในแม่น้ำคงคา กษัตริย์
เหล่านั้นก็ได้สร้างพระราชวังสุดอลังการสูงตระหง่าน
ริมน้ำ ที่ส่วนใหญ่ตอนนี้กลายเป็นโรงแรมไว้ใช้ชีวิตใน
ช่วงสุดท้ายของชีวิต

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ตโปทาราม บ่ออาบน้ำ 4 วรรณะ

บ่ออาบน้ำชำระบาป “ตโปทาราม” ประเทศอินเดีย สถานที่ๆยังมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ
กันอย่างชัดเจน เป็นบ่ออาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนาพราหมณ์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี
คนที่มาอาบน้ำในสถานที่ตรงนี้มีจุดประสงค์หลักๆคือมาชำระล้างบาป โดยบ่ออาบน้ำจะ
แบ่งเป็น สี่ บ่อใหญ่ตามชนชั้นวรรณะ น้ำจะพุขึ้นมาจากใต้ดิน (น้ำพุร้อน) ขึ้นมาไหลออกที่
บ่อบนสุดคือบ่อของ วรรณะพรามหมณ์ แล้วไหลลงมาเรื่อยๆจนถึงวรรณะสุดท้านคือ
วรรณะศูตร สภาพน้ำตรงที่วรรณะศูตรใช้อาบนี่ต่อของบอกเลยว่า ดำปิ๊ ดปี๋ แต่เขาก็ยังคง
ใช้อาบกันอยู่อยากมีความสุข

ศรัทธาความเชื่อของแต่ละคนนั้นว่ากันไม่
ได้ หากในสังคมใดยังยึดถือในระบบวรรณะ
แบ่งชนชั้นกันชัดเจน พวกเขาก็ย่อมมีสิทธิ์
ปฏิบัติตามกฎกติกาที่สังคมได้บัญญัติไว้
การอาบน้ำชำระบาปตามความเชื่อของระบบ
สังคมก็ว่ากันไปตามลัทธิและหลักคำสอน
เมื่อเข้าใจระบบก็เข้าใจวิถีปฏิบัติของสังค
มนั้นๆ มองดูอย่างเข้าใจบริบทของ
วัฒนธรรมความเชื่อ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่าน
ไปกว่าสองพันปี แต่ประเพณีกลับยังคงอยู่
ในโลกนี้ยังมีเรื่องมหัศจรรย์อีกมากมายที่ไม่
อาจจะเข้าใจได้ในปัจจุบัน

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

อินเดีย มีชื่อเสียงตรงที่มีประชาชนในประเทศยากจนมาก
ดังนั้นจึงพบขอทานในทุกสถานที่

ปัจจุบันขอทานอินเดียมีแต่เด็ก ๆ ที่
ยากจน คนโต แล้วมักจะทำความรำคาญ
ให้นักท่องเที่ยวด้วยการเซ้าซี้ให้ซื้อสินค้าที่
นำมาขาย ตามแหล่งท่องเที่ยวจะมี
เจ้าหน้าที่คอยป้องกันไม่ให้เด็กขอทาน
และพวกขายของเข้ามายุ่งย่ามทำความ
รำคาญให้นักท่องเที่ยว

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

คนอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งนับถือวัวเป็นสัตว์ของเทพเจ้า
ดังนั้นเนื้อวัวจึงเป็นอาหารต้องห้ามของชาวฮินดู ส่วนเนื้อหมูนั้นเป็นอาหาร
ต้องห้ามของชาวมุสลิม ซึ่งมีอยู่มากในอินเดีย อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อ
หมูหรือเนื้อวัวจึงหากินยาก อาหารที่อยู่ในเมนูของภัตตาคาร และร้าน
อาหารในอินเดีย คือ ไก่ กับ เนื้อแพะ ส่วนเครื่องเทศนั้นเป็นยาดำแทรกอยู่
ในอาหารอินเดียทุกจาน

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ด้านศาสนา

อินเดียได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของศาสนา และปรัชญา อินเดียไม่มีศาสนาประจำชาติ
แต่อินเดียเป็นเมืองกำเนิดศาสนาสำคัญของโลก 4 ศาสนา คือ ฮินดู อิสลาม พุทธ
และเชน ปัจจุบันศาสนาเหล่านี้ยังคงมีชาวอินเดียนับถือศรัทธาอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ชาวอินเดียส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาฮินดู ซึ่งมีจำนวนมากถึง 82.41% นับถือศาสนา
อิสลาม 11.67% นอกนั้นนับถือศาสนาอื่น ๆ โดยผู้ที่นับถือศาสนาพุทธมีอยู่ประมาณ
0.77%

ศาสนาซิกข์เป็นอีกศาสนาหนึ่งที่เกิดขึ้นในอินเดียใน
ศตวรรษที่ 15 ขณะนี้มีชาวอินเดียนับถือซิกข์อยู่ประมาณ
2 % ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของชนกลุ่มน้อยในอินเดีย
มีอยู่ประมาณ 2% นอกจากนี้ มีชาวยิวอยู่ประมาณ 2-3
พันคน

เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีอิทธิพลต่อชาวอินเดียมาช้านาน
แม้ในปัจจุบันอินเดียก็ยังมีปัญหาเรื่องการขัดแย้งกัน จนถึงขั้นนอง
เลือดระหว่างอินเดียในประเทศที่นับถือศาสนาต่างกัน เช่น ฮินดูกับซิกข์
อยู่บ่อย ๆ

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ด้านศิลปวัฒนธรรม

อินเดียเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่โบราณมานานนับพัน ๆ ปี ประชากร
ประกอบด้วยชนเผ่าต่าง ๆ ทีสืบเชื้อสายมาจากกลุ่มชนที่มีอารยธรรมรุ่งเรือง
มาแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ คืออารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ ประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ของอินเดียผ่านการปกครองของชาติ ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตมามากมาย

เช่น พวกเติร์กที่นำศาสนาอิสลาม และ
วัฒนธรรมของชาวเปอร์เซียเข้ามาเผยแพร่
วัฒนธรรมใหม่ ผสมกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของ
ชาวอินเดีย ก่อให้เกิดมรดกทางวัฒนธรรม เช่น
สถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเด่นจากการผสม
ผสานกัน ระหว่างศิลปะของโมกุล กับเปอร์เซีย

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ด้านภาษา

ชนในชาติอินเดียทีมีอยู่หลายกลุ่ม มีความหลากหลายทางประเพณี ภาษา และ
วัฒนธรรม ทำให้เป็นประเทศที่มีภาษาถิ่นหลายสิบภาษา ภาษาราชการของอินเดีย คือ
ภาษาฮินดี ที่มีตัวเขียนเป็นตัวอักษรเทวนาครี ซึ่งเป็นภาษาเก่าแก่โบราณของโลก
ปัจจุบันคนอินเดีย 30% พูดภาษาฮินดี

ในแต่ละรัฐทางราชการจะประกาศให้ใช้ภาษาถิ่น
(dialects) ของท้องถิ่นนั้นเป็นภาษาราชการ
อินเดียมีภาษาถิ่นที่เป็นภาษาราชการอยู่ด้วยกัน
มากถึง 18 ภาษา เช่น เบงกาลี เตลุคุ มาราติ ทมิฬ
อูรูดู กุจารัติ มะลายาลัม ปัญจาบี อัสสัมมี และ
แคชเมียร์ เป็นต้น ส่วนภาษาสันสกฤต ซึ่งเป็นภาษา
ราชการด้วยภาษาหนึ่งนั้น ปัจจุบันไม่ค่อยใช้กันแล้ว
นอกจากจะใช้ในงานรัฐพิธีหรือในงานที่มีพิธีรีตรอง
ตามประเพณี รวมแล้วอินเดียมีภาษาต่าง ๆ ที่ใช้พูด
กันในประเทศประมาณ 24 ภาษา แต่ละภาษามีคน
อินเดียไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน หรือมากกว่าใช้พูดกันใน
ชีวิตประจำวัน

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ด้านอาหาร

อาหารอินเดียมีชื่อเสียงในการใช้เครื่องเทศเป็นหลักในการปรุงอาหาร อินเดียมี
วัฒนธรรมรุ่งเรืองมานานนับพันปี อาหารการกินของอินเดียจึงมีชื่อเสียงในด้าน
วัฒนธรรมการกิน ที่ต่างไปจากอีกซีกโลกอื่นมาก คนอินเดียส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ
อินเดียกินข้าวเป็นอาหารหลัก แต่ข้าวของอินเดียเมล็ดใหญ่กว่า
ข้าวที่ดีและมีชื่อเสียงของอินเดีย คือ ข้าวบัสมาตี (basmati)
แกงของอินเดีย ใช้เครื่องเทศแห้ง เช่น มัสซาล่า – Masala
(เครื่องเทศผสมมี หอม กระเทียม ลูกผักชี ขิง พริกไทยเม็ด
อบเชย ใบกระวาน กานพลู และลูกจันทน์เทศ ทุกอย่างป่นเป็นผง
แล้วผสมเข้าด้วยกัน) ทั้งไม่ใส่ผักต่าง ๆ ลงในแกงนอกจากเนื้อ
สัตว์ เช่น แกงปลา แกงไก่ ก็ใส่แต่ปลา หรือ ไก่

คนอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งนับถือวัวเป็นสัตว์ของเทพเจ้า ดังนั้นเนื้อวัว
จึงเป็นอาหารต้องห้ามของชาวฮินดู ส่วนเนื้อหมูนั้นเป็นอาหารต้องห้ามของชาวมุสลิม
ซึ่งมีอยู่มากในอินเดีย อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อหมูหรือเนื้อวัวจึงหากินยาก อาหารที่อยู่
ในเมนูของภัตตาคาร และร้านอาหารในอินเดีย คือ ไก่ กับ เนื้อแพะ ส่วนเครื่องเทศนั้น
เป็นยาดำแทรกอยู่ในอาหารอินเดียทุกจาน

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ด้านการแต่งกาย

ชาวอินเดียโบราณ จะแต่งตัวคล้ายของไทยสมัยเชียงแสน ต่อมาสตรีนิยมสวมเสื้อแขน
ยาว แบบชาวจีน แต่ตัวสั้น เห็นหน้าท้อง นุ่งกางเกงขาลีบช้างใน ใช้ผ้าบาง ๆ เช่น ฝ้ายลินิน
มัสลิน อย่างดีห่มอีกชิ้น ถ้าเป็นชาวพื้น เมืองจะนุ่งสาหรี่ หรือกระโปรงจีบดอกสีแดง หรือ
นุ่งกางเกงขาว ขายาว ส่วนชายนุ่งผ้าขาวใส่เสื้อแขนยาว ไว้หนวดเครา โพกผ้า

วัฒนธรรมต่าง ๆ ของชาวอินเดียจะผูกพันกับ
ศาสนา ไม่ว่าจะเป็นฮินดูหรือพุทธ วัฒนธรรมการ
แต่งกายของอินเดียเนื่องจากประเทศอินเดียมี
ภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง อากาศ ร้อน จะมีผ้า
สำหรับนุ่งและห่มใช้เป็นเครื่องปกปิดร่างกาย
เท่านั้น และเนื่องจากมีชาวอาหรับเข้ามา
รุกรานจึงรับวัฒนธรรมอาหรับด้วย

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ทัชมาฮาล (Taj Mahal), เมืองอัครา (Agra)

ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อน สถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก ได้รับยกย่อง
ให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกใหม่ ให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี
2550 กินพื้นที่เกือบๆ 170,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ทางฝั่ งขวาของแม่น้ำยมุนา
(Yamuna River) ในสวนโมกุล (Mughal Garden) อำเภออัคระ (Agra
District) รัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระ
จักรพรรดิชาห์ชะฮัน (Shah Jahan) แห่งจักรวรรดิโมกุล เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรัก

ป้อมอัครา (Agra fort), เมืองอัครา (Agra)

ป้อมอัครา หรือที่รู้จักอีกชื่อนึงว่าป้อมแดง ตั้งอยู่ที่เมืองอัครา (Agra) อดีตเมืองหลวง
ของอินเดีย ริมฝั่ งแม่น้ำยมุนา (Yomuna) ในรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh)

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

เทศกาลโฮลี (Holi Festival)

เทศกาลโฮลี หรือเทศกาลแห่งสีสัน เป็นเทศกาลที่เกิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นการ
เฉลิมฉลองเรื่องราวความดีชนะความชั่วนั่นเอง โดยจะตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 4
ของทุกปี ตามปฏิทินจันทรคติ และสุริยคติของศาสนาฮินดู ซึ่งจะอยู่ราวๆ ช่วงเดือน
กุมภาพันธ์ หรือมีนาคมตามปฏิทินสากลในแต่ละปีนั่นเอง เทศกาลโฮลีจะจัดขึ้น 2 วัน

โดยคืนแรกของเทศกาลนี้จะมีพิธีกรรม
ที่เรียกกันว่า โฮลิกาดาฮัน (Holika
Dahan) ตามความเชื่อของชาวฮินดู คือ
การเฉลิมฉลองที่สามารถกำจัดปีศาจร้าย
ในตำนานที่คิดร้ายผู้อื่ นอย่างนางโฮลิกา
ได้ งานนี้สำเร็จได้เพราะได้รับความช่วย
เหลือจากไฟของพระวิษณุนั่นเอง ในวันนี้
เลยจะเห็นว่ามีการสุมกองไฟ บริเวณวัด
ฮินดูเชื่อว่าช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป
และระลึกถึงเหตุการณ์ของความดีที่
เอาชนะความชั่วได้

อินเดีย
ดินแดนหลากหลายวัฒนธรรม

ในวันที่ 2 ของเทศกาลเรียกว่า วันธุลันดี (Dhulandi) หรือเรียกกันว่าเทศกาลแห่ง
ความรัก มาจากตำนานที่พระกฤษณะมีใจรักนางธารา แต่น้อยใจที่ตนมีผิวคล้ำต่างกับ
นางธาราที่มีผิวขาวใส เลยไประบายความคับข้องใจกับมารดา มารดาจึงแนะให้เอาสีไปป้าย
ที่นางธารา จะได้ปกปิดความต่าง นี่เลยเป็นที่มาของการเล่นสาดสีเพียวๆ หรือสีผสมน้ำใส่
กันอย่างสนุกสนานตั้งแต่เช้าไปถึงเที่ยงในวันนี้นั่นเอง โดยหลังเที่ยงไปแล้วชาวอินเดีย
ส่วนใหญ่ก็จะพากันกลับบ้านพักผ่อน แล้วค่อยเตรียมตัวออกมาเฮฮา แจกขนมหวาน
สวมกอดกระชับมิตรอีกครั้งในตอนเย็น

สำหรับสถานที่แนะนำไปร่วม
ฉลองเทศกาลนี้ก็มีหลายที่ อย่าง
กรุงเดลี (Delhi) โดยเฉพาะแถว
ปาฮาร์กานจ์ (Paharganj) ที่
นอกจากจะสาดสีกันไม่ยั้งแล้ว
ยังมีดนตรี การเต้นรำ
เมืองอุทัยปุระ (Udaipur)
รัฐราชสถาน (Rajasthan)
ที่จะมีการเคลื่ อนขบวนของ
สมาชิกราชวงศ์ผ่านฝูงชนไปยัง
พระราชวังซิตี้พาเลซ (City
Palace) อีกด้วย



วัฒนธรรมประเทศอินเดีย

จัดทำโดย
นางสาวมนลดา จิตรนิจ
รหัสนักศึกษา 16415007
สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา


Click to View FlipBook Version