รปู แบบการประชมุ ทใ่ี ช้ในการจัดสัมมนา
รูปแบบการประชมุ มหี ลายรปู แบบ ดังนี้
13. การประชมุ ระดับหวั หน้า (Convention)
เป ็ น ก า ร จั ด ป ร ะ ชุ ม ให ญ ่ ท่ี มี ส ม า ชิ ก เข ้ า ร ่ ว ม ฟ ั ง เป ็ น
จำนวนมาก หลากหลายสาขา ผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถเลือก
เขา้ ฟงั ได้ตามความสนใจและความต้องการของตนเอง
รูปแบบการประชมุ ทใ่ี ชใ้ นการจัดสัมมนา
13. การประชมุ ระดับหัวหน้า (Convention)
วิธดี ำเนนิ การ
1. ประธานกล่าวนำถึงหลักการและเหตุผลของการ
ประชุม
2. เชิญวิทยากรมาใหค้ วามร้แู กเ่ ข้าร่วมประชมุ
3. จัดให้มีการประชุมย่อยอภิปรายหรือแบ่งกลุ่ม
วเิ คราะห์กรณศี ึกษา
รปู แบบการประชุมทใี่ ช้ในการจัดสัมมนา
13. การประชมุ ระดบั หัวหนา้ (Convention)
วิธีดำเนินการ
4. ระยะเวลาจะมากหรอื นอ้ ยขึ้นอย่กู บั เรื่องที่ประชมุ
5. เตรียมรายงานการประชุมครั้งก่อน เพ่ือให้สมาชิก
ได้รับทราบผผลการดำเนนิ งานในช่วงระยะเวลาท่ีผ่านมา
6. สรปุ ผลการประชมุ และปิดการประชุม
รูปแบบการประชุมทใ่ี ช้ในการจัดสัมมนา
รูปแบบการประชมุ มหี ลายรปู แบบ ดังนี้
14. การประชุมทางวิชาการ (Academic Conference)
เป็นการประชุมหรืออบรมทางวิชาการด้านใดด้านหน่ึง
หรือแบ่งตามสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นใน
สถาบันทางการศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัด
การศึกษา
รูปแบบการประชมุ ทใ่ี ช้ในการจดั สัมมนา
14. การประชมุ ทางวชิ าการ (Academic Conference)
วธิ ีดำเนนิ การ แบ่งออกเปน็ 3 ข้นั ตอน ดงั นี้
1. ก่อนการประชุม
1.1 สำรวจประเด็นปัญหา
1.2 แตง่ ต้ังคณะกรรมการกลาง
1.3 เขยี นโครงการ
รูปแบบการประชุมทใ่ี ช้ในการจดั สัมมนา
14. การประชุมทางวชิ าการ (Academic Conference)
วิธีดำเนินการ แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดงั นี้
2. ระหว่างการประชมุ
2.1 ลงทะเบยี น
2.2 เปิดการประชุม
2.3 จดั ประชุมกลมุ่ ใหญ่
2.4 จดั ประชุมกลุ่มยอ่ ย
รปู แบบการประชุมทใี่ ชใ้ นการจดั สัมมนา
14. การประชมุ ทางวิชาการ (Academic Conference)
วิธดี ำเนนิ การ แบ่งออกเป็น 3 ขนั้ ตอน ดงั นี้
2.5 จัดประชุมรวม
2.6 ปิดการประชุม
3. หลังการประชมุ
3.1 วเิ คราะหผ์ ลการศึกษา
3.2 รายงานผู้บังคับบญั ชา
รูปแบบการประชุมทใ่ี ช้ในการจัดสัมมนา
14. การประชมุ ทางวิชาการ (Academic Conference)
วธิ ดี ำเนินการ แบง่ ออกเป็น 3 ขัน้ ตอน ดังนี้
3. หลังการประชมุ
3.3 รายงานหน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง
3.4 ดำเนนิ งานเร่ืองงบประมาณ
3.5 ติดตามและวิเคราะห์ผล
รูปแบบการประชุมทใี่ ช้ในการจดั สัมมนา
รปู แบบการประชุม มีหลายรปู แบบ ดังนี้
15. การประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ (Workshop)
เป็นการจัดประชุมประกอบด้วยสมาชิกเข้าร่วมฟังขนาด
กลาง ประมาณ 30-100 คน การประชุมมีความยืดหยุ่นสูง
อาจแบ่งสมาชิกเป็นกลุ่มย่อยประมาณ 1-5 กลุ่ม ไม่นิยมจัด
ประชุมเกิน 2 สัปดาห์ อาจมีการปฏิบัติกา รให้เห็น
กระบวนการหรือขั้นตอนการปฏิบัติ ประโยชน์ที่ได้จากการ
ประชุมเป็นการสำรวจปัญหา ค้นคว้าวิธีการและขบวนการ
แก้ปัญหาสามารถปฏบิ ัติได้
รปู แบบการประชมุ ทใี่ ช้ในการจัดสัมมนา
15. การประชมุ เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร (Workshop)
วิธีดำเนนิ การ
1. ประชมุ วางแผนและมอบหมายงานใหผ้ ู้รับผดิ ชอบ
2. จัดทำเอกสาร
3. ตดิ ต่อประสานงานกบั หนว่ ยงานและผทู้ ี่เกี่ยวข้อง
4. จดั เตรียมสถานท่ีและอปุ กรณ์
5. ดำเนินการประชมุ เชิงปฏิบตั กิ าร
รูปแบบการประชมุ ทใ่ี ช้ในการจดั สัมมนา
15. การประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ (Workshop)
วธิ ีดำเนนิ การ
6. ประเมินผลโครงการ (แบบสอบถาม)
7. จดั เกบ็ เอกสารกับผู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
8. ดำเนนิ การเรื่องงบประมาณ
9. สรุปผลโครงการ (จัดทำเป็นรูปเล่ม) เพ่ือส่งให้
ผู้เกย่ี วขอ้ ง
รูปแบบการประชุมทใี่ ช้ในการจดั สัมมนา
รูปแบบการประชมุ มหี ลายรปู แบบ ดังนี้
16. การประชุมสมั มนา (Seminar)
เป็นการประชุมเพ่ือปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความ
คดิ เห็น เพือ่ หาข้อยตุ หิ รอื ใหไ้ ดแ้ นวทางเพื่อนำไปพัฒนาหรือ
ปฏิบัติในหน่วยงาน และเป็นการเสริมสร้างความรู้พัฒนา
ความกา้ วหนา้ ทางความคดิ ใหแ้ กผ่ ู้เข้ารว่ มประชุม
รูปแบบการประชมุ ทใี่ ช้ในการจดั สัมมนา
16. การประชมุ สมั มนา (Seminar)
วิธดี ำเนนิ การ
1. ประชมุ แบบประชุมรวมกอ่ น
2. นำเสนอโดยใชร้ ูปแบบการบรรยาย การอภปิ รายเป็น
คณะ การเสนอผลงานเชงิ วชิ าการ
3. แบ่งกลุ่มเพอื่ อภปิ รายภายในกลมุ่ ย่อย
4. นำเสนอผลงานอภปิ รายกลุม่ ยอ่ ยต่อทป่ี ระชุม
รปู แบบการประชุมทใี่ ชใ้ นการจดั สัมมนา
16. การประชมุ สัมมนา (Seminar)
วิธดี ำเนนิ การ
5. อภิปรายแบบทว่ั ไปในทป่ี ระชมุ ใหญ่
6. สรปุ ผลการสัมมนา
7. ปิดการสัมมนา
รูปแบบการประชุมทใี่ ชใ้ นการจัดสัมมนา
รปู แบบการประชมุ มีหลายรปู แบบ ดงั นี้
17. การประชมุ ทางไกล (Teleconference)
คือ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่สาขาต่าง ๆ เช่น
คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายโทรทัศน์ และระบบสื่อสาร
โทรคมนาคมผสมผสานกัน เพื่อสนับสนุนการประชุมให้มี
ประสทิ ธภิ าพ
รูปแบบการประชมุ ทใ่ี ช้ในการจัดสัมมนา
17. การประชุมทางไกล (Teleconference) มี 3 รูปแบบ
1. การประชมุ ทางไกลดว้ ยเสยี งและภาพ
2. การประชมุ ทางไกลดว้ ยเสยี ง
3. การประชมุ ทางไกลดว้ ยคอมพิวเตอร์
รปู แบบการประชุมทใ่ี ชใ้ นการจัดสัมมนา
17. การประชมุ ทางไกล (Teleconference)
วธิ ีดำเนินการ มี 3 ขั้นตอน ได้แก่
1. ขั้นเตรียมการ
1.1 ผู้จัดการประชุมจัดหาสถานที่ โดยแจ้งผู้ที่
เกยี่ วข้องทราบล่วงหน้ากอ่ นมีการประชุม 2 สปั ดาห์ เพ่ือวาง
ระบบสายสญั ญาณ
1.2. กำหนดวันและเวลาท่ีจะประชมุ
1.3. ระบุจำนวนของผู้เข้าร่วมประชุมโดยประมาณ
เพือ่ จดั รปู แบบการประชุมใหเ้ หมาะสม
รูปแบบการประชมุ ทใี่ ช้ในการจัดสัมมนา
17. การประชุมทางไกล (Teleconference)
วธิ ดี ำเนินการ มี 3 ขน้ั ตอน ได้แก่
1.4. คำนวณค่าใช้จ่าย ตามความเปน็ จริง
1.5. หากต้องการให้มีการบันทึกเทป วิดิทัศน์
ถ่ายภาพนิ่ง บรรยากาศและเน้ือหาในการประชุม ต้องแจ้ง
ความจำนงลว่ งหนา้
รปู แบบการประชมุ ทใ่ี ช้ในการจัดสัมมนา
17. การประชมุ ทางไกล (Teleconference)
วิธดี ำเนนิ การ มี 3 ขนั้ ตอน ได้แก่
2. ข้ันทดสอบ
2.1 เจ้าหน้าท่ีขออนุญาตเปิดใช้สัญญาณทั้งภายใน
และภายนอกหนว่ ยงาน
2.2 เจ้าหน้าท่ีติดต่อประสานงาน และนัดหมายกับ
เครอื ขา่ ยท่ีจะเช่อื มตอ่ สญั ญาณ
2.3 หากติดขัดปัญหาในข้ันตอนนี้ เจ้าหน้าท่ีจะ
ตดิ ต่อประสานงานกบั ผจู้ ดั การประชุมและดำเนินการแกไ้ ข
รูปแบบการประชุมทใี่ ชใ้ นการจัดสัมมนา
17. การประชมุ ทางไกล (Teleconference)
วธิ ีดำเนนิ การ มี 3 ขัน้ ตอน ได้แก่
3. ขนั้ ประชมุ
3.1 เจ้าหน้าที่ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ก่อนวันประชุม
1 วัน ในกรณีท่ีห้องประชุมไม่พร้อม ผู้จัดการประชุมต้อง
แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า เพ่ือหาทางเตรียมความ
พรอ้ มก่อนเริ่มงาน
รปู แบบการประชมุ ทใี่ ชใ้ นการจดั สัมมนา
17. การประชมุ ทางไกล (Teleconference)
วิธดี ำเนินการ มี 3 ขั้นตอน ไดแ้ ก่
3.2 ในวนั ที่จัดประชุม เจา้ หน้าที่ต้องเขา้ มาเตรยี ม
ความพรอ้ มกอ่ นเร่ิมการประชุมอยา่ งน้อย 1 ชว่ั โมง
3.3 เจา้ หน้าท่ีจะดูแลการประชุมจนเสร็จส้ิน และเก็บ
อุปกรณใ์ ห้เรียบร้อย
สรุปทา้ ยหนว่ ย
รูปแบบการประชุม เพื่อใช้ในการจัดสัมมนามีให้เลือกใช้
อย่างหลากหลาย ท้ังรูปแบบการประชุมกลุ่มใหญ่และกลุ่ม
ย่อยขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการสัมมนาในคร้ังนั้น ๆ และ
ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น
ขนาดของกลุ่มผู้เข้าร่วมสัมมนา หัวข้อเรื่องและจุดมุ่งหมาย
ของการจัดสัมมนา สื่อกลางและสถานที่สำหรับการจั ด
สมั มนา