ใบความรู้ รายวิชา ตะพานหินบ้านเรา3 รหัสวิชา สค 33131 ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อ าเภอตะพานหิน ส านักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดพิจิตร
ใบความรู้1 ตะพานหิน เป็นอ าเภอหนึ่งของจังหวัดพิจิตร เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอ าเภอบางมูลนาก อ าเภอโพทะเล และ อ าเภอเมืองพิจิตร ทางราชการได้แบ่งพื้นที่การปกครองต าบลทับคล้อ ต าบลคลองคูณ ของอ าเภอบางมูลนาก ต าบลวังส าโรง ของอ าเภอโพทะเล และต าบลห้วยเกตุ ของอ าเภอเมืองพิจิตร ออกมาตั้งเป็น กิ่งอ าเภอตะพานหิน และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะขึ้นเป็น อ าเภอตะพานหิน อ าเภอตะพานหินเป็นอ าเภอที่ตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอ าเภอโพธิ์ประทับช้าง อ าเภอเมืองพิจิตร และอ าเภอวังทรายพูน ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ าเภอทับคล้อ ทิศใต้ติดต่อกับอ าเภอบางมูลนากและอ าเภอโพทะเล ทิศตะวันตก ติดต่อกับอ าเภอบึงนารางและอ าเภอโพธิ์ประทับช้าง ท้องที่อ าเภอตะพานหิน เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอ าเภอบางมูลนาก อ าเภอโพทะเล และอ าเภอเมืองพิจิตร ทาง ราชการได้แบ่งพื้นที่การปกครองต าบลทับคล้อ ต าบลคลองคูณ ของอ าเภอบางมูลนาก ต าบลวังส าโรง ของอ าเภอ โพทะเล และต าบลห้วยเกตุ ของอ าเภอเมืองพิจิตร ออกมาตั้งเป็น กิ่งอ าเภอตะพานหิน ตามประกาศ กระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2479 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ปีเดียวกัน โดยให้ขึ้น การปกครองกับอ าเภอเมืองพิจิตร และต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะขึ้นเป็น อ าเภอตะพานหิน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2483 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน ปีเดียวกัน ประกอบไปด้วย 7 ต าบล (ในขณะนั้น) ได้แก่ ต าบลตะพานหิน ต าบลห้วยเกตุ ต าบลทับคล้อ ต าบลคลองคูณ ต าบลวังส าโรง ต าบลทุ่งโพธิ์ และต าบลท้ายทุ่ง วันที่ 24 มกราคม 2479 แยกพื้นที่ต าบลห้วยเกตุ ของอ าเภอเมืองพิจิตร ต าบลทับคล้อ ต าบลคลองคูณ ของอ าเภอบางมูลนาก และต าบลวังส าโรง ของอ าเภอโพทะเล มาตั้งเป็น กิ่งอ าเภอตะพานหิน ขึ้นกับ อ าเภอเมืองพิจิตร วันที่ 25 กรกฎาคม 2481 ตั้งต าบลตะพานหิน แยกออกจากต าบลห้วยเกตุ วันที่ 25 มีนาคม 2482 เปลี่ยนแปลงเขตอ าเภอบางมูลนาก กับกิ่งอ าเภอตะพานหิน อ าเภอเมืองพิจิตร โดยโอนพื้นที่ต าบลทุ่งโพธิ์ และต าบลท้ายทุ่ง ของอ าเภอบางมูลนาก มาขึ้นกับกิ่งอ าเภอตะพานหิน อ าเภอ เมืองพิจิตร วันที่ 16 เมษายน 2483 ยกฐานะกิ่งอ าเภอตะพานหิน อ าเภอเมืองพิจิตร เป็น อ าเภอตะพานหินประกอบ ไปด้วย 7 ต าบล (ในขณะนั้น) ได้แก่ ต าบลตะพานหิน ต าบลห้วยเกตุ ต าบลทับคล้อ ต าบลคลองคูณ ต าบล วังส าโรง ต าบลทุ่งโพธิ์ และต าบลท้ายทุ่ง วันที่ 26 ธันวาคม 2487 จัดตั้งเทศบาลต าบลตะพานหิน ในท้องที่ต าบลตะพานหิน วันที่ 22 เมษายน 2484 ตั้งต าบลหนองพยอม แยกออกจากต าบลตะพานหิน วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งต าบลดงตะขบ แยกออกจากต าบลทุ่งโพธิ์ และตั้งต าบลวังส าโรง แยกออก จากต าบลคลองคูณ วันที่ 16 มีนาคม 2491 ตั้งต าบลงิ้วราย แยกออกจากต าบลตะพานหิน และต าบลห้วยเกตุ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2491 ตั้งต าบลไทรโรงโขน แยกออกจากต าบลห้วยเกตุ
วันที่ 7 มกราคม 2500 จัดตั้งสุขาภิบาลทับคล้อ ในท้องที่บางส่วนของต าบลทับคล้อ วันที่ 23 ธันวาคม 2501 ตั้งต าบลเขาเจ็ดลูก แยกออกจากต าบลหนองพยอม ตั้งต าบลวังหว้า แยกออก จากต าบลคลองคูณ และต าบลห้วยเกตุ ตั้งต าบลเขาทราย แยกออกจากต าบลทับคล้อ และต าบลท้ายทุ่ง วันที่ 26 สิงหาคม 2512 จัดตั้งสุขาภิบาลเขาทราย ในท้องที่บางส่วนของต าบลเขาทราย วันที่ 4 ธันวาคม 2522 ตั้งต าบลวังหลุม แยกออกจากต าบลหนองพยอม วันที่ 18 ธันวาคม 2524 ขยายเขตเทศบาลต าบลตะพานหิน ตามความเจริญของชุมชน โดยครอบคลุม มาถึงบางส่วนของต าบลห้วยเกตุ บางส่วนของต าบลหนองพยอม และบางส่วนของต าบลงิ้วราย วันที่ 26 เมษายน 2526 แยกพื้นที่ต าบลทับคล้อ ต าบลเขาทราย ต าบลเขาเจ็ดลูก และต าบลท้ายทุ่ง อ าเภอตะพานหิน ไปตั้งเป็น กิ่งอ าเภอทับคล้อ ขึ้นกับอ าเภอตะพานหิน วันที่ 2 ตุลาคม 2527 ตั้งต าบลทับหมัน แยกออกจากต าบลวังส าโรง วันที่ 12 สิงหาคม 2530 ยกฐานะกิ่งอ าเภอทับคล้อ อ าเภอตะพานหิน เป็น อ าเภอทับคล้อ วันที่ 24 กันยายน 2538 ยกฐานะเทศบาลต าบลตะพานหิน เป็น เทศบาลเมืองตะพานหิน วันที่ 9 มกราคม 2539 ตั้งต าบลไผ่หลวง แยกออกจากต าบลไทรโรงโขน และต าบลห้วยเกตุ ค าขวัญอ าเภอตะพานหิน ถิ่นชะอมไร้หนาม งามหลวงพ่อโต งานประเพณีก าฟ้า ทอผ้าป่าแดง https://shorturl.asia/YBshf
ใบความรู้2 อ าเภอตะพานหินมีการปกครองส่วนภูมิภาค อ าเภอตะพานหินแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 13 ต าบล 97 หมู่บ้าน 16 ชุมชน ได้แก่ 1.ตะพานหิน (Taphan Hin) 16 ชุมชน 8. คลองคูณ (Khlong Khun) 7 หมู่บ้าน 2. งิ้วราย (Ngio Rai) 8 หมู่บ้าน 9. วังส าโรง (Wang Samrong) 7 หมู่บ้าน 3. ห้วยเกตุ (Huai Ket) 11 หมู่บ้าน 10. วังหว้า (Wang Wa) 8 หมู่บ้าน 4. ไทรโรงโขน (Sai Rong Khon) 4 หมู่บ้าน 11. วังหลุม (Wang Lum) 10 หมู่บ้าน 5. หนองพยอม (Nong Phayom) 11 หมู่บ้าน 12. ทับหมัน (Thap Man) 6 หมู่บ้าน 6. ทุ่งโพธิ์ (Tung Pho) 7 หมู่บ้าน 13. ไผ่หลวง (Phai Luang) 7 หมู่บ้าน 7.ดงตะขบ (Dong Takhop) 10 หมู่บ้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่อ าเภอตะพานหินประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองตะพานหิน ครอบคลุมพื้นที่ต าบลตะพานหินทั้งต าบล เทศบาลต าบลหนองพยอม ครอบคลุมพื้นที่ต าบลหนองพยอมทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลงิ้วราย ครอบคลุมพื้นที่ต าบลงิ้วรายและต าบลไทรโรงโขนทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลห้วยเกตุครอบคลุมพื้นที่ต าบลห้วยเกตุทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลทุ่งโพธิ์ครอบคลุมพื้นที่ต าบลทุ่งโพธิ์ทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลดงตะขบ ครอบคลุมพื้นที่ต าบลดงตะขบทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลคลองคูณ ครอบคลุมพื้นที่ต าบลคลองคูณทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลวังส าโรง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลวังส าโรงทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลวังหว้า ครอบคลุมพื้นที่ต าบลวังหว้าทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลวังหลุม ครอบคลุมพื้นที่ต าบลวังหลุมทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลทับหมัน ครอบคลุมพื้นที่ต าบลทับหมันทั้งต าบล องค์การบริหารส่วนต าบลไผ่หลวง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลไผ่หลวงทั้งต าบล ลักษะภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ าน่านไหลผ่านกลางอ าเภอ จากเหนือลงใต้ จึงแบ่งลักษณะพื้นที่ ออกเป็น 2 เขต ได้ดังนี้ 1. ด้านฝั่งตะวันตก มี 6 ต าบล คือ ห้วยเกตุ วังหว้า วังส าโรง ทับหมัน คลองคูณ และไผ่หลวง เป็นพื้นที่ใน เขตชลประทานดงเศรษฐีและท่าบัว บางส่วนอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน มีพื้นที่ท านา ท าสวน ท าไร่ รวม 128,672 ไร่ 2. ฝั่งตะวันออก มี 7 ต าบล คือ งิ้วราย หนองพะยอม วังหลุม ทุ่งโพธิ์ ดงตะขบ ไทรโรงโขน และตะพาน หิน ลักษณะพื้นที่มีความลาดเทจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกจนถึงแม่น้ าน่านซึ่งเป็นที่ต่ ามีน้ าท่วมเกือบทุกปี มี พื้นที่ท านา ท าสวน ท าไร่ที่ต้องอาศัยน้ าฝน รวม 121,262 ไร่ ไม่มีแหล่งต้นน้ า ต้องอาศัยน้ าทิ้งหรือน้ าที่เหลือใช้ จากการท าการเกษตรของอ าเภอทับคล้อ วังทรายพูน จังหวัดพิจิตร และอ าเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ https://shorturl.asia/YBshf
ใบความรู้3 ประวัติดั้งเดิมของอ าเภอตะพานหิน อ าเภอตะพานหินตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ าน่านห่างจากตัวเมืองจังหวัดพิจิตรไปทางทิศใต้ ประมาณ 28 กิโลเมตร ที่มาของชื่อ “ตะพานหิน” สืบเนื่องมาจากเดิมมีหินดานขวางอยู่กลางแม่น้ าน่าน เหนือตะพานหินขึ้น ไปประมาณ 1 กิโลเมตร ตรงที่ท าการประปาส่วนภูมิภาคอ าเภอตะพานหินในปัจจุบัน ลักษณะของหินดานนี้จะเห็น ได้เฉพาะฤดูแล้งขณะน้ าลด เป็นหินดานที่ยื่นจากฝั่งตะวันออกและยังขวางแม่น้ าน่านเกือบจดถึงฝั่งตะวันตก เหลือ ช่วงน้ าลึกไว้เพียงเล็กน้อยพอที่เรือขนาดเล็กจะแล่นผ่านไปมาได้ ลักษณะคล้ายสะพานหิน เมื่อถึงฤดูแล้งประชาชน จึงใช้หินดานเป็นทางเดินข้ามติดต่อกันตลอดมา จนเกิดเป็นหมู่บ้านเรียกว่า บ้านหัวดาน หรือ บ้านตะพานหิน เพราะหินดานมีลักษณะคล้ายสะพานที่เป็นหินนั่นเอง ปัจจุบันหินดานดังกล่าวไม่สามารถที่จะพบเห็นได้แล้ว เพราะเมื่อปี 2530 กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้จัดท าการก่อสร้างท่าเรือขึ้นที่อ าเภอตะพานหินและต้องการให้เรือบรรทุกสินค้าผ่านได้สะดวก จึงได้ท าการขุด ลอกแม่น้ าน่านและได้ระเบิดหินดานดังกล่าวออกไป http://kids-d.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1372/9/p7.pdf
ใบความรู้4 สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อของอ าเภอตะพานหิน ด้านสังคมและประเพณีและวัฒนธรรมของคนในชุมชน สภาพสังคมของประชาชนส่วนใหญ่อยู่เป็น ครอบครัวใหญ่มีวงศาคณาญาติปลูกบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน นับถือบรรพบุรุษ มีสัมมาคาระต่อผู้มีอายุมากกว่า ฯลฯ ชาวบ้านส่วนใหญ่ร้อยละ 99.41 นับถือศาสนาพุทธ มีวัดประจ าหมู่บ้านเป็นสถานที่พิธีกรรมทางศาสนา และ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านซึ่งท าให้เกิดประเพณีและวัฒนธรรมต่างที่ส าคัญ ดังนี้ -การท าบุญกลางบ้านในวันขึ้น 15 ค่ าเดือน 6 ก่อนฤดูการท านา -ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่ชาวบ้านสืบทอดกันมาแต่โบราณ -ประเพณีท าบุญเข้าพรรษา เป็นประเพณีที่ชาวบ้านจัดขึ้นทุกปี มีการตักบาตร และแห่เทียนพรรษา -ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีที่จัดเป็นประจ าทุกปี มีการท าบุญตักบาตร การรดน้ าขอพรจากผู้สูงอายุ ในหมู่บ้าน -ประเพณีกวนข้าวมธุปายาสในวันสารทไทย มีการท าขนมกระยาสารทขาย และมีประเพณีตักบาตรเทโว ในวันออกพรรษา มีประเพณีรับขวัญข้าวซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ -งานประเพณีก าฟ้า เป็นงานบุญพื้นบ้านอีกอย่างหนึ่งของไทยพวนบ้านป่าแดง อ าเภอตะพานหิน ที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นการบูชาหรือเคารพเทวดาฟ้าดิน เชื่อกันว่าเมื่อได้ท าบุญประกอบ พิธีกรรมตั้งบายศรีบูชาขอพรจากเทพยดาผู้รักษาฟ้าแล้วจะท าให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล เชื่อกันว่าเสียงฟ้าร้องคือ “สัญญาณฟ้าเปิดประตูน้ า” เพื่อให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ าประกอบอาชีพเกษตรกรรม การก าหนดวันก าฟ้า ประเพณีก าฟ้าของไทยพวนบ้านป่าแดง ก าหนดวันงาน 2 วัน คือวันขึ้น 2 ค่ า เดือน 3 เป็นวันก าต้อน และวันขึ้น 3 ค่ า เดือน 3 เป็นวันก าฟ้าวันก าต้อน (ขึ้น 2 ค่ า เดือน 3) เป็นวันเตรียมการก่อนวันงาน 1 วัน ทุกคนจะหยุดท างาน กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตน ตั้งศาลพระภูมิบายศรีของพรจากเทพยดาช่วยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลตามค า ที่กล่าวว่า “ฝนบ่ละเดือนสาม ฝนบ่หามเดือนสี่ละแท้ ๆ คือเดือนยี่เดือนเดียว” ชาวพวนจะจัดเตรียมอาหารหวาน คาว ข้าวปุ้น (ขนมจีน) เผาข้าวหลาม ไว้ท าบุญในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันก าฟ้า และจัดไว้เลี้ยงดูแลญาติพี่น้องตลอดจน แขกที่มาเยือนตอนค่ าจะเป็นการเริ่มก า หมายถึงทุกคนต้องหยุดงานดังค ากล่าวที่ว่า “ครกบ่เห้อต้องน้องบ่เห้อต า” กลางคืนจะมีการละเล่นพื้นบ้าน เช่น เตะหมากเบี้ย ต่อไก่ ลูกช่วง ร าแคน โดยออกไปเล่นตามคุ้มต่างๆ ในหมู่บ้าน วันก าฟ้า (ขึ้น 3 ค่ า เดือน 3) เป็นวันงาน ตอนเช้าจะท าบุญตักบาตรสู่ขวัญข้าว ตอนกลางวันแสดง การละเล่นพื้นบ้าน เช่น นางกวัก นางดัง นางสาก ถ่อเส้า ขี่ม้าหลังโปะ ไม้อื้อ มอญซ่อนผ้า ตอนเย็นจะน าข้าวปลา อาหารมาร่วมรับประทานกัน ตอนกลางคืนจะเล่นเตะหมากเบี้ย ลูกช่วง ต่อไก่ ร าแคน มอญซ่อนผ้า ปัจจุบันหน่วยงานทางราชการและพ่อค้าประชาชนสนับสนุนส่งเสริมให้อนุรักษ์งานก าฟ้าเป็นงานประเพณี พื้นบ้าน เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประจ าหมู่บ้านของชาวไทยพวนพวน จนกระทั้งงานก าฟ้าบ้าน ป่าแดงได้รับ การจัดให้เป็นประเพณีส าคัญ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดพิจิตร ผู้สูงอายุยังขาดความรู้ในการการดูแลด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต และความรู้ความเข้าใจในการดูแลดูแล สุขภาพตัวเอง การอยู่ตามล าพังกับหลาน ต าบลทุ่งโพธิ์มีประเพณีวัฒนธรรม จะมีงานปะเพณีท าบุญกลางบ้าน เดือน 6 ขึ้น 9 ค่ า และประเพณีงานก าฟ้า เดือน 3 ขึ้น 3 ค่ า ชาวบ้านก็จะพากันเผาข้าวหลามไปท าบุญเป็น ประเพณีที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันนี้สภาพสังคมในต าบล ยังคงยึดถือและปฏิบัติตามประเพณีที่เคยท ากันมาแม้ว่าวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นมาใหม่จากความทันสมัยของเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ
อินเทอร์เน็ต สังคมออนไลน์ต่างๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ความทันสมัยของ เทคโนโลยีที่เข้ามามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่ท าให้เกิดปัญหาต่างๆในสังคมมากมายโดยเฉพาะปัญหาเด็ก เยาวชน วัยรุ่น มีบุตรโดยไม่อยู่ในวัยอันควร เรียนไม่จบ ติดยาเสพติด ติดเกม หนีเรียน อันเนื่องมาจากการขาดการดูแลเอา ใจใส่จากผู้ปกครอง ขาดความอบอุ่นจากครอบครัวหรือครอบครัวแตกแยกการเลี้ยงดูบุตรแบบวัตถุนิยม เป็นต้น การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่จ าเป็นที่จะต้องให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ยอมรับ และเรียนรู้ที่จะ เลือกสิ่งที่ดีเข้ามาในวิถีชีวิต และรักษาไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่ สืบต่อถึงลูกหลาน ต่อไป ความเชื่อของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน เจ้าพ่อหัวดาน เดิมชื่อ "ดาน" หมายถึง ดานใหญ่ข้างล่าง ปู่มาอาศัยอยู่ ณ บริเวณนี้ ตั้งแต่แม่น าน่าสายนี้ ก าเนิดขึ้น(เป็นแม่น้ าแคบๆ) แทบไม่มีผู้คนอาศัย จึงเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์น้ าหลากหลายชนิด ต่อมา ปู่ได้เพื่อนมา อาศัยอยู่ด้วยชื่อ "สุข" ได้ชวนกันไปเรียนวิชาคาถาอาคม หรือที่เรียกว่าวิชาเล่นของ ซึ่งต้องเรียนเป็นคู่ คือ หนึ่ง เรียนผูก อีกคนต้องเรียนแก้ ปู่ เลือกเรียนผูก ส่วน สุข เลือกเรียนแก้อยู่มาวันหนึ่ง ปู่ได้แปลงร่างเป็นจระเข้ขนาด ใหญ่ตัวยาวขวางแม่น้ า สุข มาเห็นจระเข้ก็ตกใจท าขันน้ ามนต์ที่เตรียมไว้ส าหรับแก้วิชาหกหมด ปู่จึงต้องกลายเป็น จระเข้เฝ้าวังมาจนถึงทุกวันนี้หน้าวังที่ปู่อาศัยหรือเฝ้าอยู่เป็นเมืองใต้บาดาล ซึ่งภายในวังมีสมบัติอยู่มากมาย ความ ยาวของวังเริ่มตั้งแต่บริเวณนี้ทอดยาวไปถึงเมืองเก่าพิจิตร ส่วนที่เรียกว่า "หัวดาน" มาจากร่างของปู่ที่นอนขวาง ทอดยาวขวางล าแม่น้ าน่าน จากฝั่งโน้นมาถึงฝั่งนี้ โดยหัวของปู่อยู่ฝั่งนี้ ซึ่งปู่เกรงว่าคนไม่รู่ว่าเป็นจระเข้ ขณะที่ตน นอนขวาง ก็จะเว้นที่เหนือหัวไว้ให้แม่น้ าไหลผ่านได้ ถ้าคนจะข้ามฝั่ง ต้องน าไม้มาพาดจากหัวมายังฝั่งจึงจะข้ามได้ (บริเวณดานแข็งๆที่คนใช้สัญจรข้ามไปมา คือ หลังปู่) ปู่กลัวคนจะตกใจ จึงต้องท าตัวให้แข็งเหมือนหิน ซึ่งเป็นส่วน หัวที่อยู่ฝั่งนี้ จึงเรียกว่า "หัวดาน" ได้มีเรื่องเล่าว่า ปู่เข้าร่างผู้หญิงขี้เมาสติไม่ดีขณะร ากลองยาว(ปู่ชอบร ากลองยาว มาก) และได้ท าให้ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาว่า "กูเป็นเจ้าพ่ออยู่หัวดาน" ท าให้มีคนรู้จัก และเรียก "เจ้าพ่อหัวดาน" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปู่ดีใจมาก เพราะอยู่มาเป็นร้อยๆปี ยังไม่มีใครรู้จักปู่เลย ปู่จะคอยดูแลเมืองใต้บาดาล ให้อยู่ อย่างสงบร่มเย็นมาโดยตลอด ทุกปี ช่วงเดือน 4 เดือน 5 ในหน้าแล้ง ปู่จะท าบริเวณนี้ให้เป็นหาดทราย เพื่อให้ผู้คน ได้ลงเล่นน้ าสนุกสนาน บางครั้งมีคนตายเป็นเพราะว่าปู่ดูแลจรเข้ที่เกเรได้ไม่ทั่วถึงนั้นเอง ศาลเจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่ทับทิมเป็นที่เคารพบูชาของชาวตะพานหินโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนไหหล า เมื่อมีงานงิ้ว ประจ าปีจะเชิญเจ้าแม่ทับทิมมาสักการะด้วยทุกครั้งในฐานะ เจ้าแม่ตะพานหิน ศาลเจ้าพ่อปุงท้าวกง คนจีนเมื่อเข้ามาลงหลักปักฐานอยู่ในที่ใด ก็มักจะน าเอาวัฒนธรรมความเชื่อของตนมาเผยแพร่ด้วยทีเห็น ได้ชัดเจนคือการเคารพนับถือเซ่นไหว้บรรพบุรุษและนับถือ ผี เจ้าที่ และเทวดา ชาวจีนกลุ่มแรกได้ตั้งศาลขึ้นใน บริเวณบ้านนายเชื้อ เศรษฐะทัตต์ อดีตนายกเทศมนตรี โดยตั้งชื่อว่า ศาลเจ้าพ่อปุงท้าวกง ซึ่งแปลว่าเทพเจ้าที่ คุ้มครอง โดยสร้างรูปเคารพของเจ้าพ่อตะพานหินด้วยปูนปั้นและกราบไหว้บูชามาจนทุกวันนี้ หมายเหตุ ความเชื่อของแต่ละต าบลเป็นความเชื่อส่วนบุคคลในต าบลนั้น ๆ
ใบความรู้5 วัดที่ส าคัญในอ าเภอตะพานหิน วัดตะพานหิน เป็นวัดที่ส าคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของอ าเภอตะพานหิน ตั้งอยู่เลขที่ 40 ต าบล ตะพานหิน อ าเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นศาสนาสถาน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา มีอาคารเสนาสนะต่าง ๆ คือ โบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ วิหารหลวงพ่อพุทธพิชัย ศาลา ธรรมสังเวช เมรุ จัดตั้งศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 และเป็นที่ตั้งโครงการลานบุญ ลานปัญญาวัดตะพานหิน วัดตะพานหิน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 ก่อนที่จะตั้งเป็นอ าเภอตะพานหิน(พ.ศ.2483) 38 ปี และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 60 เมตร เป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธพิชัย ปรางมารวิชัย พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนชาวอ าเภอ ตะพานหินเคารพสักการบูชา โดยจัดงานนมัสการหลวงพ่อพุทธพิชัย ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม – 5 มกราคม ของ ทุกปี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนมัสการหลวงพ่อพุทธพิชัย เพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคล ปัจจุบันพระมหาจันทรา วุฒิ วชิรเมธี ด ารงต าแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะอ าเภอตะพานหิน วัดเทวประสาท ตั้งอยู่ต าบลห้วยเกตุ (ปัจจุบันอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน) อ าเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ตรงกันข้ามกับตลาดตะพานหิน วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2485 ตาม นส.3 เลขที่ 656 นายเชื้อ นางบุญมา เอมสะอาด ซึ่งมีภูมิล าเนาอยู่จังหวัดลพบุรี ได้มาประกอบอาชีพอยู่ที่อ าเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ตรงข้ามกับตลาดตะพานหินได้อาราธนาพระอาจารย์ทองอยู่ พร้อมกับพระอาจารย์ชั้ว พระอาจารย์ระย้า มา ด าเนินการสร้างโดยมอบหมายให้ท่านพระอาจารย์ทองอยู่เป็นประธานในการสร้างเบื้องต้น ได้นายสมบุญ สุข ประเสริฐ และ นายไปล่ น่วมเจิม ติดต่อขอเรื้อถอนกุฏิจากวัดเกาะ ซึ่งเป็นวัดร้างมานานมาสร้างเป็นกุฎี 3 หลังเล็ก ๆ ได้ชื่อว่า วัดเทวประสาท โดยมี พระอธิการทองอยู่ ฐิติญาโณ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และต่อมาได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์เป็น พระครูสุเทพสิทธิการย์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายในขณะที่พระครูสุเทพสิทธิการย์ด ารงต าแหน่งเจ้า อาวาสอยู่ ได้ด าเนินการสร้างบูรณปฏิสังขรณ์สร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ โดยล าดับมา และขอตั้งชื่อวัดต่อเจ้าคณะสงฆ์ใน สมัยนั้น ได้นามว่า วัดเทวประสาท แปลความหมายว่า วัดที่เทวดาสร้าง ซึ่งนับว่ากิจการของวัดเจริญรวดเร็ว พระ พุทธเกตุมงคล หรือ หลวงพ่อโตตะพานหิน วัดเทวประสาทเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตักกว้าง 20 เมตร เฉพาะองค์พระสูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร รวมความสูงทั้งสิ้น 34 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "พระพุทธเกตุมงคล" นับเป็นพระพุทธรูปที่มี พุทธลักษณะสวยงามได้สัดส่วนและใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตร หากท่านเดินทางโดยรถไฟจะมองเห็นองค์พระ เหลืองอร่ามแต่ไกล วัดพระพุทธบาทเขารวก ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ต าบลวังหลุม อ าเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นวัดที่หลวงปู่โง่น โสรโย พระเถราจารย์ชื่อดังซึ่งเคยจ าพรรษาอยู่ ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทจ าลอง ซึ่งจ าลองมาจากวัดพระพุทธ บาทสระบุรี และรูปหล่อหลวงปู่โง่นโสรโย ซึ่งท่านได้สร้างพระพุทธวิโมกข์ปางสมาธิจ านวนมาก มอบแก่โรงเรียน ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่ จรรโลงไว้ในพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีกลองที่ท าด้วยไม้ประดู่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดใน โลก ชื่อว่า กลองนันทะเภรีศรีราชรุกโข มโหระทึกมฤคทายวันบันลือโลก และรูปปั้นฤาษีอายุ 1,000 – 1,500 ปี ซึ่ง เป็นหินศิลาแลง และมีสัตว์หลายชนิด เช่น นกเงือก นกยูง 3 สายพันธ์ คือ อินเดีย ไทย และฮอนแลนด์ นอกจากนี้ หลวงปู่โงน โสรโย ยังเป็นผู้ฟื้นต านานพระสุพรรณกัลยา ซึ่งท่านได้สัมผัสทางวิญญาณจากความฝัน และเผยแพร่ วีรกรรมของพระนางที่เสียสละสรีระไว้ในต่างแดน เพื่อกอบกู้บ้านเมืองผืนแผ่นดินสยามทั้งประเทศไว้ให้คนไทยได้ อาศัยอย่างมีความสุข ซึ่งการกระท าของพระนางไม่เคยได้รับค าสรรเสริญจากใคร และต่างลืมท่านหมด
ใบความรู้6 ศาสนสถานหมายถึง สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น โบสถ์ วิหาร สถูป เจดีย์ เป็นศาสนสถานทาง พระพุทธศาสนา มัสยิดเป็นศาสนสถานทางศาสนาอิสลาม ศาสนสถานในอ าเภอตะพานหินที่ส าคัญ โบสถ์ วิหาร สถูป เจดีย์ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจะพบในวัดของทุกต าบลในอ าเภอตะพานหิน โดยบางวัดมีโบสถ์ที่เก่าแก่ ได้แก่ โบสถ์เรือนไม้ อายุกว่า 100 ปี วัดพรหมประสิทธิ์หมู่ที่ 2 ต าบทห้วยเกตุ อ าเภอ ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร โบสถ์คริสตจักรตะพานหิน คริสตจักรตะพานหิน ตั้งอยู่ที่ ซอย ชุมสาย 6 ต าบลตะพานหิน อ าเภอ ตะพานหิน ให้บริการประชาชนในพื้นที่ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เป็นศาสนสถานทางศาสนาคริสต์ วัดในอ าเภอตะพานหิน(ศาสนสถานทางศาสนาพุทธ) 1. วัดพฤกษะวันโชติการาม 100 ถนนพฤกษะวัน ตะพานหิน พิจิตร 66110 2. วัดตะพานหิน 40 ถนนอุดมศรีตะพานหิน พิจิตร 66110 3. วัดงิ้วราย ม. 2 ต าบลงิ้วราย ตะพานหิน พิจิตร 66110 4. วัดต้นชุมแสง ม. 1 ต าบลงิ้วราย ตะพานหิน พิจิตร 66110 5. วัดปิ่นสุทธาวาส ม. 6 ต าบลงิ้วราย ตะพานหิน พิจิตร 66110 6. วัดสันติพลาราม ม. 3 ต าบลงิ้วราย ตะพานหิน พิจิตร 66110 7. วัดหาดแตงโม ม. 3 ต าบลงิ้วราย ตะพานหิน พิจิตร 66110 8. วัดคลองทองหลาง ม. 6 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 9. วัดเทวประสาท ม. 3 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 10. วัดธงไทยาราม ม. 8 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 11. วัดพรหมประสิทธิ์ ม. 2 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 12. วัดโพธิ์ลอย ม. 4 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 13. วัดห้วงสลิด ม. 7 ต าบลห้วยเกตุ ตะพานหิน พิจิตร 66110 14. วัดไทรโรงโขน ม. 2 ต าบลไทรโรงโขน ตะพานหิน พิจิตร 66110 15. วัดคลองข่อย ต าบลไผ่หลวง ตะพานหิน พิจิตร 66110 16. วัดไผ่หลวง ต าบลไผ่หลวง ตะพานหิน พิจิตร 66110 17. วัดแก้วศิริธรรมาราม ม.2 หนองแก ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 18. วัดเขาพนมกาว ม. 5 ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 19. วัดเทศสว่างเจริญ ม. 6 ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 20. วัดศรีวนาราม ม. 5 ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 21. วัดหนองพง ม. 2 ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 22. วัดหนองพยอม ม.3 หนองพยอม ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 23. วัดห้วยเกตุเกษม ม. 1 ต าบลหนองพยอม ตะพานหิน พิจิตร 66110 24. วัดเจริญศรัทธา ม. 5 ต าบลทุ่งโพธิ์ ตะพานหิน พิจิตร 66150 25. วัดทุ่งโพธิ์ ม. 2 ต าบลทุ่งโพธิ์ ตะพานหิน พิจิตร 66150 26. วัดหนองเครือซูด ม. 6 ต าบลทุ่งโพธิ์ ตะพานหิน พิจิตร 66150
27. วัดดงตะขบ ม. 4 ต าบลดงตะขบ ตะพานหิน พิจิตร 66110 28. วัดหนองคล่อ ม. 3 ต าบลดงตะขบ ตะพานหิน พิจิตร 66110 29. วัดใหม่ส าราญ ม. 6 ต าบลดงตะขบ ตะพานหิน พิจิตร 66110 30. วัดคลองคูณ ม. 2 ต าบลคลองคูณ ตะพานหิน พิจิตร 66110 31. วัดประชุมชนสิตาราม ม. 5 ต าบลคลองคูณ ตะพานหิน พิจิตร 66110 32. วัดวังไคร้ ม. 1 ต าบลคลองคูน ตะพานหิน พิจิตร 66110 33. วัดอ้อมหล่ม ต าบลคลองคูณ ตะพานหิน พิจิตร 66110 34. วัดพนมยอ (ใหม่พนมยอ) ม. 1 ต าบลวังส าโรง ตะพานหิน พิจิตร 66110 35. วัดยางขาว (ยางขาวสุทธาวาส) ม. 6 ต าบลวังส าโรง ตะพานหิน พิจิตร 66110 36. วัดวังส าโรง ม.2 ต าบลวังส าโรง ตะพานหิน พิจิตร 66110 37. วัดสามบึงบาตร (สามบึงบาตรเจริญ) ม. 3 ต าบลวังส าโรง ตะพานหิน พิจิตร 66110 38. วัดท่าปอ ม. 5 ต าบลวังหว้า ตะพานหิน พิจิตร 66110 39. วัดยางคลี ม. 3 ต าบลวังหว้า ตะพานหิน พิจิตร 66110 40. วัดล่องตะแบก ม. 4 ต าบลวังหว้า ตะพานหิน พิจิตร 66110 41. วัดวังหว้า ม.1 ต าบลวังหว้า ตะพานหิน พิจิตร 66110 42. วัดเนินทราย ม. 6 ต าบลวังหลุม ตะพานหิน พิจิตร 66150 43. วัดพระพุทธบาทเขารวก ม. 5 ต าบลวังหลุม ตะพานหิน พิจิตร 66150 44. วัดราษฎร์เจริญ ม. 9 ต าบลวังหลุม ตะพานหิน พิจิตร 66150 45. วัดสัตตวนาราม ม. 1 ต าบลวังหลุม ตะพานหิน พิจิตร 66150 46. วัดทับปรู ม. 2 ต าบลทับหมัน ตะพานหิน พิจิตร 66110 47. วัดทับหมัน ม. 1 ต าบลทับหมัน ตะพานหิน พิจิตร 66110 48. วัดบึงประดู่ ม. 5 ต าบลทับหมัน ตะพานหิน พิจิตร 66110
ใบความรู้7 การท านา การท านาส่วนใหญ่จะปลูกข้าวปีละ 2 ครั้งคือการท านาปีและ การปลูกข้าวนาปรังผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่จะ เป็นข้าวเจ้า พื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่จะเป็นที่ลุ่ม สภาพปัญหา ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ า ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง เนื่องจากขาดการ รวมกลุ่มการต่อรองราคา ไม่มีความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งต้นทุนการผลิตสูง เช่น ปุ๋ย สารก าจัด วัชพืชและเชื้อเพลิงในการไถนา ปัญหาเรื่องน้ ามีไม่เพียงพอต่อการท าเกษตร อีกทั้งยังต้องเช่าที่ท านา การท าไร่/ท าสวน มีการท าสวนผัก ได้แก่ ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง ผักชี แตงกวา ฯลฯ ซึ่งจะท าการเพาะปลูกตามฤดูกาลโดย อาศัยน้ าฝนและ แหล่งน้ าทางการเกษตร ผลผลิตที่ได้จากสวนส้มโอ มะม่วงน้ าดอกไม้ การท าไร่ได้แก่ มะเขือ ถั่วฝักยาว พริก แตงกวา ข้าวโพด มะม่วง เป็นต้น ซึ่งจะท าการเพาะปลูกตามฤดูกาลโดยอาศัยน้ าฝนและ แหล่งน้ าทางการเกษตรที่มีอยู่สภาพปัญหาที่พบ คือผลผลิตตกต่ า ต้นทุนการผลิตสูง ได้ผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างน้อย โรคระบาดและ แมลงรบกวน การเลี้ยงสัตว์ - ประเภทเชิงพาณิชย์ เช่น หมู ไก่ เลี้ยงในครัวเรือน - ประเภทเพื่อบริโภคในครัวเรือนเช่น เป็ด ไก่ ปลา กบโดยมากจะเลี้ยงตามธรรมชาติ การอุตสาหกรรม -มีกิจการอุสาหกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องส าอางค์ ได้แก่ บริษัทWabellas วาเบลล์ล่าซ์จ านวน 1 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ต าบลวังหว้า -มีกิจการอุสาหกรรมขนาดเล็ก ได้แก่โรงผลิตน้ าดื่ม จ านวน 1 แห่ง ของนายสุรัตน์ ทรัพย์ข า ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 1 ต าบลคลองคูณ -ลักษณะการประกอบการอุตสาหกรรมในเขตต าบลหนองพยอม เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทั้งหมด การประกอบอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ไม่มี ส่วนใหญ่ในการประกอบการใช้แรงงานใน ครอบครัวเป็นหลัก เช่น การทอผ้า และมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ทอผ้าบ้านป่าแดง จ านวน 1 แห่ง -ในเขตพื้นที่ต าบลงิ้วรายมีการประกอบกิจการโรงสีชุมชน จ านวน 1 แห่ง และมีโรงฆ่าสัตว์ของ เอกชน จ านวน 1 แห่ง - กลุ่มกระเป๋าแฟชั่น ม.1 ไทรโรงโขน - มีกิจการอุสาหกรรมขนาดใหญ่ จ านวน 3 แหล่ง ได้แก่ โรงงานโค้วตงเซ็ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 หจก,ศรีพระจันทร์ หมู่ที่ 5 ต าบลห้วยเกตุ หจก,ชัยวัฒน์เครน ตั้งอยู่ที่ 5 ต าบลห้วยเกตุ การค้าขาย การค้าขายในต าบล เป็นอาชีพที่สร้างเงินสร้างรายได้ ร้านขายอาหารประเภทอาหารตามสั่ง ร้าน (ตั้งกระจายทุกหมู่บ้าน) และเป็นธุรกิจค้าขาย ขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ประชาชนมักไปใช้บริการมากกว่าเดินทางเข้า ตัวเมืองธุรกิจการค้าในเขตอ าเภอตะพานหิน ส่วนใหญ่เป็นประเภทของช า อาชีพอิสระ ประชาชนส่วนใหญ่ในเขตเทศบาลจะประกอบอาชีพรับจ้างการแสดงลิเก ข้อมูลคณะลิเกอ าเภอตะพานหิน
ใบความรู้8 แหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาอ าเภอตะพานหิน
ใบความรู้9 Street Art สวยๆ กับมุมถ่ายรูปชิคๆ และภาพบรรยายเรื่องราวของ อ.ตะพานหิน จุด Check in แห่งใหม่ที่ใครแวะผ่าน อ.ตะพานหิน ต้องไม่พลาด!! กับ “Street Art ตะพานหิน ” หรือ เรียกอีกอย่างว่า “Taphanhin Bridge Art สะพานสานศิลป์”ที่ท าให้บริเวณใต้สะพานธรรมดาให้มีสีสันมีชีวิตชีวา เพิ่มมากขึ้น โดยอีกด้านจะแสดงให้เห็นเรื่องราวตะพานหิน ที่จะมีทั้ง ลิเก ละครงิ้ว สถานีรถไฟตะพานหิน หรือ แม้กระทั่งศิลปินนักร้องลูกทุ่งระดับต านานของชาวตะพานหิน อย่าง ”ยอดรัก สลักใจ” ก็มีมาให้เห็น ในอีกด้าน ของสะพาน ก็จะมีรูปการ์ตูนสวยๆ หลากหลาย ให้เลือกถ่ายอย่างมากมายกลับไป วัดธงไทยยาราม อ.ตะพานหิน วัดธงไทยยาราม หมู่ที่ 1 ต.ห้วยเกตุ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร มีสถานที่กว้างขวางเหมาะส าหรับจัดกิจกรรม ต่างๆ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้สักการะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นไม้แกะสลักเป็นรูปพระพุทธรูป เทพเกือบทุกพระองค์ และมีสถานที่ปฏิบัติธรรม พร้อมกับรูปปั้นหุ่นขี้ผึ่งเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศไทย มาประดิษฐานที่นี่ ตลาดแดงทองดี ช๊อบปิ้ง ตลาดเช้า ตลาดแดงทองดี อ าเภอ ตะพานหิน จังหวัด พิจิตร ตลาดสด ที่มีของทุกอย่างให้เลือก วัดดงตะขบ อ.ตะพานหิน บ้านดงตะขบ เริ่มมีผู้มาอาศัยอยู่ประมาณ 300 ปีเศษ โดยมีผู้เล่ากันว่า มีตายายคู่หนึ่งอพยพพา ลูกหลานมาจากเมืองเก่าพิจิตร เพื่อมาบุกเบิกพื้นที่ท าไร่ ท านา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์และได้ ปลูกกระท่อมรายล้อมด้วยต้นตะขบป่า(ตะขบป่าลักษณะเป็นไม้ยืนต้นมีหนามแหลมคมผลรับประทานได้) จากนั้น ก็มีชาวบ้านจากถิ่นอื่นจ านวนมากได้อพยพเข้ามาอาศัย จนกลายเป็น หมู่บ้านใหญ่ และได้สร้างวัดใกล้กับต้นตะขบ ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ โดยชาวบ้าน เชื่อกันว่าเป็นต้นแม่ เพราะบริเวณรอบ ๆ จะมีต้นตะขบอยู่จ านวนมาก จึงตั้ง ชื่อว่า “วัดดงตะขบ” และเรียกชื่อว่าของหมู่บ้านว่า “บ้านดงตะขบ” กลุ่มทอผ้าป่าแดง ต.หนองพะยอม อ.ตะพานหิน บ้านป่าแดง หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 6 ต าบลหนองพะยอม อ าเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร มีพื้นเพเป็นชาวไทย พวนที่อพยพมาจากอ าเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีซึ่งร้อยทั้งร้อยมีอาชีพเกษตรกรรม แต่คนกลุ่มนี้มีภูมิปัญญาการ ทอผ้าติดตัวมา ทอเพื่อใส่กันเอง กระทั่งกาลเวลาพาให้เสื่อมคลายลงไป ด้วยแต่ละบ้านต้องท านามากขึ้นเพื่อส่งเข้า ตลาด มิใช่ส่งเข้าครัวเรือนตัวเองเช่นแต่ก่อน ถนนคนเดินตะพานหิน อ.ตะพานหิน ถนนคนเดินตะพานหิน ซึ่งจะเป็นถนนสายวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่จะจัดแสดงความเป็นวิถีชีวิตของชาวพาน หิน โดยตลาดดังกล่าวจะน าเอาของดีที่ขึ้นชื่อของอ าเภอตะพานหินมารวมอยู่ในถนนคนเดินแห่งนี้ เช่น ผ้าทอบ้าน ป่าแดง กล้วยตากไฮโซ ลูกประคบสมุนไพรทุ่งทรายทอง ผลิตภัณฑ์โอท็อปจากกลุ่มชุมชนต่างๆ ตลอดจนสินค้า อาหารทั่วไป ทั้งนี้ตลาดถนนคนเดินตะพานหินจะจัดขึ้นในทุกเย็นวันเสาร์ ณ บริเวณถนนเพ็ญศรี บ้านเก่าเสาปั่นจั่น อ.ตะพานหิน “บ้านเก่าเสาปั้นจั่น” เปิดให้เยี่ยมเยือนพร้อมถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเพื่อร าลึกถึงชุมชนเก่าแก่ของตะพาน หินแล้ว “บ้านเก่าเสาปั้นจั่น” บ้านไม้เก่าแก่ในชุมชนเสาปั้นจั่นในอดีต ตั้งอยู่บริเวณสะพานรัฐราษฎร์รังสรรค์ (สะพานข้ามแม่น้ าน่านในปัจจุบัน) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2459 ปัจจุบัน “บ้านเก่าเสาปั้นจั่น” ได้รับการอนุรักษ์เพื่อ เป็นแหล่งเรียนรู้ ภายในตกแต่งด้วยของเก่าโบราณ เพื่อกลับมาเตือนความทรงจ า ตั้งอยู่ที่ถนนมธุรสเหนือ ต าบล ตะพานหิน อ าเภอ ตะพานหิน พิจิตร ซึ่งเป็นชื่อท่าเรือส่งสินค้าของ อ.ตะพานหิน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย ตัวบ้านมีความเก่าแก่ และมีอายุมากถึง 66 ปี เป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ใน อ.ตะพานหิน ลักษณะการออกแบบคล้ายๆ
กึ่งพิพิธภัณฑ์ กึ่งแกลลอรี่ โดยแต่ละจุดในบ้านมีของเก่าที่หาชมได้ยากมาจัดแสดง บางชิ้นหลายคนยังไม่เคยเห็นอีก ด้วย และที่น่าสนใจมากที่สุดคือ มุมถ่ายภาพที่สวยในทุกมุมของบ้าน ขอบอกไว้ก่อนว่าเตรียมกล้องให้พร้อม ไม่อย่างนั้นจะเสียใจแน่นอน วัดพุทธบาทเขารวก อ.ตะพานหิน วัดพุทธบาทเขารวก ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ต าบลวังหลุม อยู่ห่างจากอ าเภอตะพานหินไปประมาณ 10 กิโลเมตร ภายในวัดมีรอยประดิษฐานพระพุทธบาทจ าลอง ซึ่งจ าลองมาจากวัดพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี และมี พระ อาจารย์โง่น ไสรโยไม่เพียงเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจ าลอง ซึ่งจ าลองมาจากวัดพระพุทธบาทจังหวัด สระบุรีเท่านั้น หากยังเป็นที่จ าพรรษาของพระอาจารย์โง่น ไสรโย พระเกจิชื่อดังซึ่งท่านเป็นผู้สร้างพระพุทธวิโมกข์ ปางสมาธิ มอบให้โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งสิ่งน่าสนใจภายในวัด ยังมีกลองท าด้วยไม้ประดู่ขนาดใหญ่ที่สุด ในโลก รูปปั้นฤาษีอายุ 1,000-1,500 ปี ซึ่งเป็นหินศิลาแลงจากลุ่มแม่น้ าเขิน และสวนสัตว์ขนาดเล็กซึ่งมีสัตว์หลาย ชนิดไว้ให้ชมและศีกษาภายในวัดมีรอยพระพุทธบาท ซึ่งจ าลองมาจากวัดพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี และมี พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์โง่น โสรโย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังจ าพรรษาอยู่ ซึ่งท่านเป็นผู้สร้างพระพุทธวิโมกข์ปางสมาธิ มอบให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีกลองที่ท าด้วยไม้ประดู่ใหญ่มาก และรูปปั้นฤาษีอายุ 1,000- 1,500 ปี สร้างด้วยหินศิลาแลงจากลุ่มแม่น้ าเขิน ภายในวัดยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็กซึ่งมีสัตว์หลายชนิดให้ชมและ ศึกษาหาความรู้อีกด้วย วัดเทวประสาท “พระพุทธเกตุมงคล” อ.ตะพานหิน วัดเทวประสาท ตั้งอยู่ที่ต าบลห้อยเกตุ อ าเภอ ตะพานหินจังหวัดพิจิตร เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อโต ปางประทานพร ขนาดใหญ่ ได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวว่า “พระพุทธ เกตุมงคล” ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง หน้าตักกว้าง 20 เมตร เฉพาะองค์พระสูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร รวม ความสูงทั้งสิ้น 34 เมตรสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเมื่อปี พ.ศ. 2513 นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะ สวยงามได้สัดส่วนและใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตร หากท่านเดินทางโดยรถไฟจะมองเห็น องค์พระเหลืองอร่ามแต่ ไกลเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตักกว้าง 20 เมตร สูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริม เหล็ก เมื่อปี พ.ศ. 2508 และเสร็จเมือปี พ.ศ. 2513 นับเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะสวยงามได้สัดส่วน และ ใหญ่ที่สุดของจังหวัดพิจิตรชมพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม สมสัดส่วน และมีขนาดใหญ่ที่สุดของพิจิตร พระ พุทธเกตุมงคล หรือ หลวงพ่อโตฯ นั้นเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตักกว้าง 20 เมตร สูง 30 เมตร แท่นสูง 4 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เมื่อปี พ.ศ. 2508 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2513 ซึ่งถ้าหากเดินทางด้วยรถไฟ จะ มองเห็นองค์พระเหลืองอร่ามมาแต่ไกล เสมือนเป็นสัญญาณบอกว่าคุณได้เดินทาง มาถึงเมืองพิจิตรแล้ว วัดคลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร “พระครูพิพิธธรรมาทร” หรือ “หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต” เจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ต.คลองคูณ อ.ตะพาน หิน จ.พิจิตร สิริอายุ 85 ปี พรรษา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. 2478 เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2499 มีพระ ครูพิเศษธรรมรัตน์ วัดหาดแตงโม อ.ตะพานหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระใบฎีกานนท์ วัดไผ่หลวง เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระธรรมธร สง่า วัดไทรโรงโขน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับนามฉายาว่า “กุสลจิตโต” มี ความหมายว่า ผู้มีจิตในธรรมอันเป็นกุศล หลังอุปสมบท ท่านตั้งใจแน่วแน่ในการสวดท่องเจ็ดต านานและสิบสอง ต านานให้ช่ าชองคล่องแคล่ว https://shorturl.asia/9dQnM
ใบความรู้10 การอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย มีแนวทางส าคัญดังนี้ - รักษา สืบทอดวัฒนธรรมของชาติ และความหลากหลายของวัฒนธรรมไทยท้องถิ่นให้อยู่อย่าง มั่นคง - สร้างค่านิยม จิตส านึก ให้ตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย - น าทุนทางวัฒนธรรมของประเทศมาสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ - บริหารจัดการองค์ความรู้ด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังก าหนดสิทธิให้บุคคลอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยได้เช่น 1. ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม สิทธิจัดการและบ ารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ 2. ชุมชนและชุมชนท้องถิ่น มีสิทธิอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือมีส่วนร่วมบ ารุงและได้รับ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านกลไกการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรของรัฐ การอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ท าได้ดังนี้ อนุรักษ์ท าได้โดยการปลูกจิตส านึกและสร้างค่านิยมของคนไทยให้ตระหนักถึงคุณค่าและ ความส าคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น การฟื้นฟูท าได้โดยการเลือกสรรภูมิปัญญาที่สูญหายไปหรือก าลังจะสูญหายแล้วน ากลับมาท าให้ มีคุณค่าและมีความส าคัญ การพัฒนา ท าได้โดยการพัฒนาภูมิปัญญาไทยให้เหมาะกับยุคสมัย การสืบทอดภูมิปัญญา แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ การได้ปฏิบัติจริงในชีวิตประจ าวัน การศึกษาเล่าเรียน การได้รับความรู้จากอิทธิพลภายนอก การสืบต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชน คือการน าความรู้ความคิดที่สืบทอดมาสร้างสรรค์เป็นสิ่งต่าง ๆ เพื่อ ประโยชน์ในการด า รงชีวิต โดยอาจมีลักษณะร่วมกันหรือมีความแตกต่างกันไปในแต่ละชุมชนได้ ตามสภาพความ เป็นอยู่สภาพภูมิศาสตร์ในแต่ละชุมชน การอนุรักษ์และเผยแพร่ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรภาคภูมิใจและควรอนุรักษ์สืบต่อไป และในชุมชนสามารถเข้าไปมี ส่วนร่วม ในการอนุรักษ์และเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นได 1. ร่วมกันสร้างเครือข่ายในท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์และเผยแพร่ ภูมิปัญญาท้องถิ่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มฝึก อาชีพ กลุ่มเยาวชน 2. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่น 3. ช่วยเหลือและสนับสนุนผลผลิตของภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น 4. เผยแพร่และแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาท้องถิ่นในระหว่างชุมชนต่าง ๆ