The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติความเป็นมาของแบดมินตัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประวัติความเป็นมาของแบดมินตัน

ประวัติความเป็นมาของแบดมินตัน

1

แบดมินตนั
ประวตั แิ บดมินตัน

แบดมินตนั (Badminton) เป็ นกีฬาที่ไดร้ ับการวจิ ารณ์เป็นอยา่ งมาก เพราะไม่มีหลกั ฐานที่แน่ชดั ถึง
ที่มาของกีฬาประเภทน้ี คงมีแต่หลกั ฐานบางอยา่ งท่ีทาให้ทราบวา่ กีฬาแบดมินตนั มีเล่นกนั ในยโุ รป
โดยเฉพาะในประเทศองั กฤษ ตอนปลายศตวรรษท่ี 17 และจากภาพสีน้ามนั หลายภาพไดย้ นื ยนั วา่ กีฬา
แบดมินตนั เล่นกนั อยา่ งแพร่หลายในพระราชวงศข์ องราชสานกั ตา่ ง ๆ ในทวปี ยโุ รป แมว้ า่ จะเรียกกนั ภายใต้
ชื่ออื่นก็ตาม

โดยกีฬาแบดมินตนั ไดร้ ับการบนั ทึกแบบเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษรในปี พ.ศ. 2413 ซ่ึงพบวา่ มีการเล่น
กีฬาลูกขนไก่เกิดข้ึนท่ีเมืองปูนา (Poona) ในประเทศอินเดีย เป็นเมืองเลก็ ๆ ห่างจากเมืองบอมเบยป์ ระมาณ
50 ไมล์ โดยไดร้ วมการเล่นสองอยา่ งเขา้ ดว้ ยกนั คือ การเล่นปูนาของประเทศอินเดีย และการเล่นไมต้ ีกบั ลูก
ขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยโุ รป

ในระยะแรก การเล่นแบดมินตนั จะเล่นกนั เพียงแตใ่ นหมู่นายทหารของกองทพั และสมาชิกชน
ช้นั สูงของอินเดียเท่าน้นั จนกระทงั่ มีนายทหารองั กฤษที่ไปประจาการอยทู่ ่ีเมืองปูนา นาการเล่นตีลูกขนไก่น้ี
กลบั ไปองั กฤษ และเล่นกนั อยา่ งกวา้ งขวาง ณ คฤหาสนแ์ บดมินตนั (Badminton House) ของดยคุ แห่งบิ
วฟอร์ด ที่กลอสเตอร์เชียร์ ดงั น้นั ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตีลูกขนไก่เลยถูกเรียกวา่ แบดมินตนั ตามชื่อ
คฤหาสนข์ องดยคุ แห่งบิวฟอร์ดต้งั แต่น้นั เป็นตน้ มา

ท้งั น้ี กีฬาแบดมินตนั ก็เร่ิมแพร่หลายในประเทศแถบภาคพ้ืนยโุ รป เน่ืองจากเป็นเกมที่คลา้ ย
เทนนิส แต่สามารถเล่นไดภ้ ายในตวั ตึก โดยไม่ตอ้ งกงั วลต่อลมหรือหิมะในฤดูหนาว นอกจากน้ี ชาวยโุ รปท่ี
อพยพไปสู่ทวปี อเมริกา ยงั ไดน้ ากีฬาแบดมินตนั ไปเผยแพร่ รวมท้งั ประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชียและ
ออสเตรเลียท่ีอยภู่ ายใตอ้ าณานิคมขององั กฤษ เนเธอร์แลนด์ ต่างนาเกมแบดมินตนั ไปเล่นยงั ประเทศของ

2

ตนเองอยา่ งแพร่หลาย เกมกีฬาแบดมินตนั จึงกระจายไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของโลก รวมท้งั ประเทศไทยดว้ ย
สาหรับการเล่นแบดมินตนั ในระยะแรกไม่ไดม้ ีกฎเกณฑต์ ายตวั เพยี งแตเ่ ป็นการตีโตล้ ูกกนั ไปมา

ไมใ่ หล้ ูกตกพ้ืนเทา่ น้นั ส่วนเส้นแบ่งแดนกใ็ ชต้ าข่ายผกู โยงระหวา่ งตน้ ไมส้ องตน้ ไมไ่ ดค้ านึงถึงเร่ืองต่าสูง
เล่นกนั ขา้ งละไมน่ อ้ ยกวา่ 4 คน ส่วนมาจะเล่นทีมละ 6 ถึง 9 คน ผเู้ ล่นสามารถแตง่ ตวั ไดต้ ามสบาย

จนกระทง่ั ปี พ.ศ.2436 ไดม้ ีการจดั ต้งั สมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศองั กฤษข้ึน ซ่ึงนบั เป็น
สมาคมแบดมินตนั แห่งแรกของโลก หลงั จากที่มีการจดั แข่งขนั แบดมินตนั ชิงชนะเลิศแห่งประเทศองั กฤษ
หรือท่ีเรียกกนั วา่ ออลอิงแลนด์ ต้งั แต่ปี พ.ศ.2432 ทางสมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศองั กฤษจึงไดต้ ้งั
กฎเกณฑข์ องสนามมาตรฐานข้ึนคือ ขนาดกวา้ ง 22 ฟุต ยาว 45 ฟุต (22 x 45) เป็นสนามขนาดมาตรฐาน
ประเภทคูท่ ่ีใชใ้ นปัจจุบนั จากน้นั จึงมีการปรับปรุงดดั แปลงในเร่ืองอุปกรณ์การเล่นใหด้ ีข้ึนเป็นลาดบั ตอ่ มา
ไดร้ ับความนิยมแพร่หลายไปทวั่ โลก โดยประเทศในเอเชียอาคเนยท์ ่ีมีการเล่นกีฬาแบดมินตนั และไดร้ ับ
ความนิยมสูงสุดคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย

ส่วนการแขง่ ขนั ระหวา่ งประเทศไดเ้ ริ่มจดั ใหม้ ีข้ึนในปี พ.ศ. 2445 และตลอดเวลาหลายปี ที่ผา่ นมา
จานวนประเทศท่ีเขา้ ร่วมแข่งขนั กีฬาแบดมินตนั ระหวา่ งประเทศมีมากวา่ 31 ประเทศ แบดมินตนั ได้
กลายเป็นเกมกีฬาที่เล่นกนั ระหวา่ งชาติ โดยมีการยกทีมขา้ มประเทศเพื่อแข่งขนั ระหวา่ งชาติในทวปี ยโุ รป
ในปี พ.ศ.2468 กลุ่มนกั กีฬาของประเทศองั กฤษไดแ้ ข่งขนั กบั กลุ่มนกั กีฬาประเทศแคนาดา หา้ ปี หลงั จากน้นั
พบวา่ ประเทศแคนาดามีสโมสรสาหรับฝึกแบดมินตนั มาตรฐานแทบทุกเมือง

ในปี พ.ศ.2477 สมาคมแบดมินตนั ของประเทศองั กฤษเป็นผนู้ าในการก่อต้งั สหพนั ธ์แบดมินตนั
ระหวา่ งประเทศ โดยมีชาติต่าง ๆ อีก 8 ชาติคือ แคนาดา เดนมาร์ก องั กฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์
นิวซีแลนด์ สก๊อตแลนด์ และเวลล์ โดยมีศูนยก์ ลางอยทู่ ี่กรุงลอนดอน ปัจจุบนั มีประเทศที่อยใู่ นเครือสมาชิก
กวา่ 60 ประเทศ ที่ข้ึนตอ่ สหพนั ธ์แบดมินตนั ระหวา่ งประเทศ (I.B.F.) สหพนั ธ์มีบทบาทสาคญั ในการ
กาหนด และควบคุมกติการะเบียบขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ ของการแขง่ ขนั กีฬาแบดมินตนั ทว่ั โลก

วธิ ีการเล่น

กีฬาแบดมินตนั จะแบ่งผเู้ ล่นออกเป็ น 2 ฝ่ าย และแบ่งการเล่นออกเป็ น 2 ประเภท คือ "ประเภท
เดี่ยว" แบง่ ผเู้ ล่นออกเป็นฝ่ ายละ 1 คน "ประเภททีม" แบ่งผเู้ ล่นออกเป็นฝ่ ายละ 2 คน

วธิ ีการนับคะแนน
1.ตอ้ งชนะใหไ้ ดม้ ากท่ีสุดใน 3 เกม
2. ทุกประเภทของการแขง่ ขนั ฝ่ ายที่ได้ 21 คะแนนก่อนเป็นฝ่ ายชนะในเกมน้นั ยกเวน้ เม่ือได้ 20

คะแนนเท่ากนั ตอ้ งนบั ต่อใหม้ ีคะแนนห่างกนั 2 คะแนน ฝ่ ายใดไดค้ ะแนนนา 2 คะแนนก่อนเป็นผชู้ นะ แต่
ไมเ่ กิน 30 คะแนน หมายความวา่ หากการเล่นดาเนินมาจนถึง 29 คะแนนเท่ากนั ฝ่ ายใดได้ 30 คะแนนก่อน
เป็นผชู้ นะ

3

3. ฝ่ ายชนะเป็นฝ่ ายส่งลูกต่อในเกม1. แมทช์ต่อไป
4. ฝ่ ายชนะการเสี่ยงสิทธ์ิเป็นฝ่ ายส่งลูกไดก้ ่อน หากฝ่ ายตรงขา้ มทาลูก "เสีย" หรือลูกไม่ไดอ้ ยใู่ น
การเล่น ผเู้ ลือกส่งลูกก่อนจะไดค้ ะแนนนา 1-0 และไดส้ ่งลูกตอ่ แต่หากผสู้ ่งลูกทาลูก "เสีย" หรือลูกไมอ่ ยู่
ในการเล่น ฝ่ ายตรงขา้ มจะไดค้ ะแนนตามมาทนั ทีเป็ น 1-1 และฝ่ ายตรงขา้ มจะไดส้ ิทธ์ิส่งลูกแทน ดาเนิน
เช่นน้ีตอ่ ไปจนจบเกม
5. ประเภทคูใ่ หส้ ่งลูกฝ่ ายละ 1 คร้ัง ตามคะแนนที่ได้ ขณะท่ีเปล่ียนฝ่ ายส่งลูก หากคะแนนเป็น
จานวนคี่ ผอู้ ยคู่ อร์ดดา้ นซา้ ยเป็นผสู้ ่งลูก หากคะแนนเป็นจานวนคู่ผูอ้ ยคู่ อร์ดดา้ นขวาเป็นฝ่ ายส่งลูก

การเสิร์ฟลูก

1.เม่ือเร่ิมเกมใหฝ้ ่ ายท่ีเสิร์ฟ์ และฝ่ ายตรงขา้ ม ใหย้ นื สนามส่งลูกดา้ นขวา และเม่ือคะแนนของฝ่ าย
เสิร์ฟเป็นเลขค่ีใหเ้ สิร์ฟดา้ นซา้ ย ถา้ คะแนนของฝ่ ายเสิร์ฟเป็นเลขคู่ใหเ้ สิร์ฟขวา

2.ทุกเส้นออกแตกตา่ งกนั ในส่วนของลูก จะตอ้ งอยตู่ ่ากวา่ เอวของผสู้ ่งขณะที่แร็กเกตสัมผสั ลูก ส่วน
เอวน้นั จะพิจารณาโดยการจินตนาการจากเส้นรอบลาตวั ที่ระดบั ซี่โครงซี่สุดทา้ ยของผสู้ ่งลูก

3.สาหรับการทดลองความสูงคงที่ ทุกส่วนของลูกขนไก่ขณะที่แร็กเกตสมั ผสั ลูกจะตอ้ งสูงไมเ่ กิน
1.10 เมตร โดยนบั จากพ้นื สนามข้ึนมา

4.ผเู้ ล่นตอ้ งไมถ่ ่วงเวลา หรือเสิร์ฟชา้ หรือเสิร์ฟ 2 จงั หวะ การเสริฟ ตอ้ งเสิร์ฟไปดว้ ยจงั หวะเดียว
5.ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหน่ึงของเทา้ ท้งั 2 ขา้ งตอ้ งสมั ผสั พ้ืนตลอดเวลา
6.การเสิร์ฟลูกที่ถูกตอ้ ง ตอ้ งใหแ้ ร็กเก็ตสัมผสั กบั หวั ลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือวา่ ผดิ กติกา
7.ขณะตีลูกโตก้ นั หา้ มนาส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายหรือไมแ้ บดไปสมั ผสั กบั เน็ท
8.หา้ มตีลูกที่ฝั่งตรงขา้ มโตก้ ลบั มาในขณะที่ลูกยงั ไม่ขา้ มเน็ทมายงั แดนเรา (Over net)
การดวิ ส์

หากผเู้ ล่นท้งั สองฝ่ ายทาคะแนนไดเ้ ทา่ กนั ในคะแนนท่ี 20 จะมีการเล่นต่อ จนกวา่ วา่ จะมีคะแนน
มากกวา่ ฝ่ ายตรงขา้ ม 2 คะแนน แต่ถา้ ยงั ไมส่ ามารถทาคะแนนห่างกนั 2 แตม้ ได้ จะเล่นตอ่ ไปเร่ือย ๆ แต่เมื่อ
แตม้ ได้ 29 เท่ากนั ใครท่ีทาไดแ้ ตม้ 30 ก่อนกจ็ ะเป็นฝ่ ายชนะทนั ที

อปุ กรณ์ในการเล่นแบดมนิ ตัน

ไม้แร็กเกต
ไมแ้ ร็กเกตมีหลายประเภท เช่น ไมล้ ว้ น ๆ ไมผ้ สมโลหะ และโลหะลว้ น ๆ มีขนาดและน้าหนกั ไม่

เท่ากนั แลว้ แต่ความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ไมแ้ ร็กเกตที่ดีตอ้ งขึงเอน็ ตึง ไมไ้ ม่บิดเบ้ียว เมื่อเอามือกดเอ็น
ไม่หยอ่ น หรือในการตรวจสอบดูวา่ เอน็ ตึงหรือไม่ โดยใชเ้ อน็ ตีฝ่ ามือ ฟังเสียงเอน็ น้นั หรือใชห้ ลงั เล็บกรีด

4

เอน็ จากล่างข้ึนบนแลว้ ฟังเสียงเอน็ น้นั เสียงสูงยอ่ มหมายถึงตึงมาก แสดงวา่ ขึงเอน็ ตึงดีแลว้ จากการวจิ ยั และ
ทดสอบมีขอ้ ยนื ยนั เกี่ยวกบั ชนิดของเอน็ ที่ใชข้ ึงแร็กเกตวา่ ขนาดของเอ็นเส้นเล็ก จะมีแรงสปริงดีกวา่ เอน็
เส้นใหญ่
ไมแ้ ร็กเกตแบดมินตนั มีน้าหนกั เบาประมาณ 4 - 5.5 ออนซ์ โดยปกติความยาวของไมแ้ ร็กเกตแบดมินตนั จะ
มีความยาวประมาณ 26 นิ้วฟุต และเป็นอุปกรณ์ที่มีความละเอียดอ่อน การเลือกไมแ้ ร็กเกตแบดมินตนั จึงควร
ทาดว้ ยความรอบรู้เพือ่ ประหยดั ท้งั ทรัพย์ และสูงดว้ ยประสิทธิภาพที่จะนาไปใช้ ไมแ้ ร็กเกตที่มีน้าหนกั มาก
จะมีส่วนช่วยในการเพม่ิ แรงเหวย่ี งขณะตีลูก แต่มีขอ้ เสียที่ทาใหไ้ ม่คล่องตวั เท่าท่ีควร ความสาคญั ของการ
เลือกไมแ้ ร็กเกตแบดมินตนั ข้ึนอยกู่ บั ความสมดุลของน้าหนกั ถ่วงระหวา่ งหวั ไม้ กบั ปลายไมม้ ากกวา่ สิ่งอ่ืน
สิ่งที่สาคญั ท่ีสุดในการเลือกไมแ้ ร็กเกตน้ีคือ "ความรู้สึกขณะสมั ผสั หมายถึง ขณะจบั ไมข้ ้ึนอยกู่ บั ขนาดของ
ดา้ นจบั และแรงกระจายน้าหนกั ของไม้ หวั ไมจ้ ะหนกั หรือเบาข้ึนอยกู่ บั การถือไมข้ องผเู้ ล่น แร็กเกตบาง
อนั มีน้าหนกั เฉลี่ยสมดุลกนั ท้งั ดา้ นหวั และดา้ มจบั วธิ ีการเลือกไมแ้ ร็กเกตควรจะเลือกหลาย ๆ ชนิด จนกวา่
จะพบหนา้ ไมม้ ีความสมดุลและถือไดส้ บาย ผเู้ ล่นสามารถควบคุมหนา้ ไมแ้ ละเพ่ิมพลงั ในการตีลูกไดด้ ว้ ย
ไมแ้ ร็กเกตถือไดว้ า่ เป็ นอุปกรณ์ที่สาคญั มากซ่ึงถา้ เปรียบแร็กเกตคงเทียบไดก้ บั อาวธุ ที่สาคญั ประจาตวั ของ
นกั รบในสนามรบเลยที เดียว นกั รบที่มีความสามารถประกอบกบั มีอาวธุ ท่ีดียอ่ มชนะการแข่งขนั ไดง้ ่าย
ดงั น้นั การเลือกหาแร็กเกตที่มีคุณภาพดีมีประสิทธิภาพสูงไวเ้ ป็นคูม่ ือในการ ฝึกหรือเล่น จึงเป็นเรื่องที่ผเู้ ล่น
จะตอ้ งศึกษาใหล้ ะเอียดเสียก่อน ตอ้ งรู้และเขา้ ใจถึงคุณภาพแร็กเกตในแต่ละชนิด
สหพนั ธ์แบดมินตนั นานาชาติ มิไดต้ ราขอ้ กาหนดสาหรับเรื่องน้าหนกั หรือขนาดของไมแ้ ร็กเกตแต่อยา่ งใด
คงปล่อยใหบ้ ริษทั ผผู้ ลิตไมแ้ ร็กเกตกาหนดและออกแบบรูปร่าง น้าหนกั และขนาดของไมแ้ ร็กเกตตาม
รสนิยมของนกั แบดมินตนั โดยทว่ั ไป

ลกู ขนไก่

ลูกขนไก่เป็นอุปกรณ์สาคญั ชิ้นหน่ึงที่ทาข้ึน อยา่ งละเอียดออ่ น คุณภาพของลูกขนไก่มีความสาคญั
มาก เพราะหากนาลูกขนไก่ที่ดอ้ ยคุณภาพมาใชใ้ นการฝึกซอ้ มหรือแข่งขนั อาจเป็นผลทาใหก้ ารฝึกซอ้ มหรือ
แข่งขนั ไมป่ ระสบผลเทา่ ท่ีควร
สหพนั ธ์แบดมินตนั นานาชาติ ไดก้ าหนดใหล้ ูกขนไก่ท่ีใชใ้ นการแขง่ ขนั อาจจะทาดว้ ยวสั ดุธรรมชาติ หรือ
วสั ดุสงั เคราะห์กไ็ ด้ แต่ตอ้ งมีวถิ ีการวงิ่ เหมือนวสั ดุธรรมชาติมีหวั เป็ นไมค้ อร์กเป็นฐาน ห่อหุม้ ดว้ ยหนงั บาง
มีขน 16 ขน ปักบนฐานบนเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 1 นิ้ว ถึง 1 เศษหน่ึงส่วนแปดนิ้ว ความยาวของขน 2 นิ้วคร่ึง ถึง
2 นิ้วเศษสามส่วนส่ีนิ้ว โดยตอนปลายของขนแผเ่ ป็นวงกลมมีเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 2 เศษหน่ึงส่วนส่ีนิ้ว ถึง 2
เศษหา้ ส่วนแปดนิ้ว มีดา้ ยมดั ติดกนั จนแน่น มีน้าหนกั ต้งั แต่ 4.74 กรัม ถึง 5.50 กรัม

5

สนาม

สนามจดั เป็นอุปกรณ์ที่สาคญั อีกประการหน่ึง เน่ืองจากกีฬาแบดมินตนั ไดว้ วิ ฒั นาการจากกีฬาที่
นิยมเล่นกลางแจง้ แต่เดิมเคยใชส้ นามหญา้ หรือสนามดิน หรือปูนซีเมนตม์ าสู่ความเป็ นมาตรฐานที่อยใู่ นร่ม
ตามประวตั ิสนามท่ีเป็นมาตรฐานในร่มแห่งแรกไดร้ ิเริ่มสร้างท่ีสโมสรยนู ิต้ี โดยคุณหลวงธรรมนูญวฒุ ิกร
หรือนายประวตั ิ ปัตตพงษ์ ซ่ึงท่านไดร้ ับการยกยอ่ งจากวงการแบดมินตนั วา่ เป็นบิดาแห่งวงการแบดมินตนั
ไทย ทา่ นมีเป้าหมายเพ่อื ฝึกผูเ้ ล่นใหเ้ คยชินกบั สภาพในร่ม ในระยะแรก ๆ น้นั สนามแบดมินตนั ในร่มนิยม
ทาดว้ ยปูนซีเมนตท์ าสี หรือวสั ดุที่ทาใหเ้ กิดความฝืด ตอ่ มาพฒั นาปรับปรุงเป็ นพ้ืนไมป้ าร์เกตท์ ี่มีความ
สวยงามยดื หยนุ่ และมีความฝืดพอสมควรซ่ึงพบเห็นมากในปัจจุบนั น้ีในทางตรงกนั ขา้ มต่างประเทศกลบั
พฒั นาแบดมินตนั ในร่มไปเป็ นพ้นื ท่ีเป็นยางผสม พลาสติก ซ่ึงมีความฝืดมากกวา่ สนามท่ีปูดว้ ยไมป้ าร์เกต์
เสียอีก ทาใหน้ กั กีฬาไทย พบกบั ปัญหาในการแข่งขนั ในต่างประเทศ และความแตกต่างของพ้ืนสนามชนิดน้ี
ทาใหม้ ีการสงั่ ซ้ือมาใชใ้ นประเทศอยหู่ ลาย แห่งจนปัจจุบนั นกั กีฬา มีความคุน้ เคยเป็ นอยา่ งดีกบั สนามใน
ประเภทน้ี

เสา
เสาแบดมินตนั จะตอ้ งมีความสูง 5 ฟุต 1 นิ้ว จากพ้นื สนาม เสาจะตอ้ งมีความมน่ั คง พอที่จะรักษา

ตาข่ายใหข้ ึงตึงอยไู่ ดแ้ ละจะตอ้ งต้งั อยบู่ นเส้นเขตขา้ งสนาม ในกรณีท่ีปฏิบตั ิดงั กล่าวไม่ได้ จะตอ้ งใชว้ ธิ ีหน่ึง
แสดงใหเ้ ห็นวา่ เส้นเขตขา้ งอยใู่ ตต้ าข่าย ตรงจุดใดกไ็ ด้ เช่น เสายาว ๆ หรือหาวตั ถุอยา่ งหน่ึงกวา้ งไม่นอ้ ยกวา่
1.5 นิ้วฟุต ไวท้ ี่เส้นเขตขา้ งใหต้ ้งั ช้ีข้ึนมา ที่ตาขา่ ยถา้ ใชว้ ธิ ีน้ีกบั สนามเล่นประเภทคู่ เสายาว ๆ น้ีตอ้ งปักท่ีเส้น
เขตขา้ งของสนาม ส่วนสนามการเล่นประเภทเด่ียว ก็ปักไวท้ ่ีเส้นเขตขา้ งของสนามเหมือนกนั

ตาข่าย
ตาขา่ ยจะตอ้ งทาดว้ ยดายเส้นละเอียดสีเขม้ และมี ขนาดตาเทา่ ๆ กนั มีตากวา้ งยาว 5 ส่วน 8 ฟุต ตา

ขา่ ยตอ้ งขึงใหต้ ึงจากเสาตน้ หน่ึงถึงอีกตน้ หน่ึง ตาข่ายตอ้ งกวา้ ง 2 ฟุต 6 นิ้ว ส่วนบนของตาขา่ ยตอ้ งอยหู่ ่าง
จากจุดก่ึงกลางสนาม 5 ฟุต และเสาตอ้ งอยหู่ ่างจากพ้ืนสนาม 5 ฟุต 1 นิ้ว ตอนบนของตาขา่ ยติดแถบสีขาว
พบั สองขนาดกวา้ ง 3 นิ้ว มีเชือกหรือเส้นลวดตลอดแถบผา้ ขาวน้ีและขึงตึงอยรู่ ะดบั กบั หวั เสาท้งั 2 ขา้ ง
ความแตกตา่ งของตาขา่ ยท่ีขึงดว้ ยเชือกกบั เส้นลวดน้นั อยทู่ ่ีการสะบดั ของลูกขนไก่ถา้ เป็นเชือกเม่ือลูกขนไก่
กระทบถูกขอบบนสุดของตาข่ายจะมีโอกาสสะบดั พลิกตาข่าย แตถ่ า้ เป็นการขึงดว้ ยเส้นลวดน้นั ความ
ยดื หยนุ่ มีนอ้ ย ดงั น้นั เมื่อชนกบั ลูกขนไก่ท่ีเกิดจากแรงตีจะไม่ค่อยมีโอกาสพลิก ซ่ึงปัจจุบนั สนามท่ีเป็น
มาตรฐานนิยมขึงดว้ ยลวดสลิงเป็นส่วนมาก และตาข่ายในบางสถานที่นิยมใชเ้ ส้นดา้ ยคู่ซ่ึงมีสภาพทนทาน
กวา่ และไม่ผดิ กติกาแต่อยา่ งไร

6

กตกิ าของแบดมินตนั

กตกิ าเบื้องต้น

1. การออกนอกเส้น มีการกาหนดเส้นออกแต่งต่างกนั ในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
2. การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกตอ้ ง คือ

2.1. หวั ไมข้ ณะสัมผสั ลูกตอ้ งต่ากวา่ ขอ้ มืออยา่ งเห็นไดช้ ดั
2.2. หวั ไมข้ ณะสมั ผสั ลูกตอ้ งต่ากวา่ เอวอยา่ งเห็นไดช้ ดั
2.3. ผเู้ ล่นตอ้ งไมถ่ ่วงเวลา หรือเสิร์ฟชา้ หรือเสิร์ฟ 2 จงั หวะการเสิร์ฟตอ้ งเสิร์ฟไปดว้ ยจงั หวะ
เดียว

2.4. ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหน่ึงของเทา้ ท้งั 2 ขา้ งตอ้ งสมั ผสั พ้นื ตลอดเวลา
2.5. การเสิร์ฟลูกที่ถูกตอ้ ง ตอ้ งใหแ้ ร็กเกต็ สมั ผสั กบั หวั ลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือวา่ ผดิ
กติกา

3. ขณะตีลูกโตกนั หา้ มนาส่วนหน่ึงส่วนใดของร่างกายหรือไมแ้ บดไปสัมผสั กบั เน็ท
4. หา้ มตีลูกท่ีฝั่งตรงขา้ มโตก้ ลบั มาในขณะท่ีลูกยงั ไมข่ า้ มเน็ทมายงั แดนเรา(Over net)
สหพนั ธ์ แบดมินตนั นานาชาติ ( IBF) ไดก้ าหนดใหท้ ดลองใชร้ ะบบการนบั คะแนนการแข่งขนั กีฬา
แบดมินตนั ใหมใ่ นระบบ 3 x 21 คะแนนต้งั แต่วนั ที่ 1 มกราคม 2549เป็นตน้ ไป

7

รายละเอียดของกติกาการนบั คะแนนมีดงั น้ี

1. แมทช์หน่ึงตอ้ งชนะใหไ้ ดม้ ากที่สุดใน 3 เกม
2. ทุกประเภทของการแข่งขนั ฝ่ ายที่ได้ 21 คะแนนก่อนเป็นฝ่ ายชนะในเกมน้นั ยกเวน้ เม่ือได้ 20
คะแนนเท่ากนั ตอ้ งนบั ต่อให้มีคะแนนห่างกนั 2 คะแนน ฝ่ ายใดไดค้ ะแนนนาคะแนนก่อนเป็ นผชู้ นะแตไ่ ม่
เกิน 30 คะแนนหมายความวา่ หากการเล่นดาเนินมาจนถึง29 คะแนนเท่ากนั ฝ่ ายใดได้ 30 คะแนนก่อนเป็นผู้
ชนะ
3. ฝ่ ายชนะเป็นฝ่ ายส่งลูกต่อในเกมต่อไป
4. ฝ่ ายชนะการเส่ียงสิทธ์ิเป็นฝ่ ายส่งลูกไดก้ ่อน หากฝ่ ายตรงขา้ มทาลูก "เสีย" หรือลูกไม่ไดอ้ ยใู่ น
การเล่น ผเู้ ลือกส่งลูกก่อนจะไดค้ ะแนนนา 1-0 และไดส้ ่งลูกต่อ แตห่ ากผสู้ ่งลูกทาลูก "เสีย" หรือลูกไมอ่ ยู่
ในการเล่น ฝ่ ายตรงขา้ มจะไดค้ ะแนนตามมาทนั ทีเป็ น 1-1 และฝ่ ายตรงขา้ มจะไดส้ ิทธ์ิส่งลูกแทนดาเนิน
เช่นน้ีตอ่ ไปจนจบเกม

5. ประเภทคู่ใหส้ ่งลูกฝ่ ายละ 1 คร้ัง ตามคะแนนที่ไดข้ ณะท่ีเปลี่ยนฝ่ ายส่งลูก หากคะแนนเป็น
จานวนค่ีผอู้ ยคู่ อร์ดดา้ นซา้ ยเป็นผสู้ ่งลูกหากคะแนนเป็นจานวนคู่ผูอ้ ยคู่ อร์ดดา้ นขวาเป็ นฝ่ ายส่งลูก

มารยาทผู้เล่น

1. ผแู้ ข่งขนั ตอ้ งตระหนกั อยเู่ สมอวา่ ผเู้ ขา้ แขง่ ขนั เป็นนกั กีฬาสมคั รเล่น ซ่ึงตอ้ งมีน้าใจเป็นนกั กีฬา
อยเู่ สมอ และพร้อมที่จะใหอ้ ภยั แกความผดิ พลาดทุกโอกาส โดยไม่คานึงถึงผลแพช้ นะเป็นสาคญั จนเกินไป

2. ผเู้ ขา้ แข่งขนั แต่งกายดว้ ยชุดกีฬาสีขาว สะอาด เรียบร้อย
3. ยมิ้ แยม้ แจม่ ใสต่อคูแ่ ข่งขนั แสดงออกถึงมิตรภาพความสุภาพ ออ่ นโยนดว้ ยการสัมผสั มือ หรือ
เปิ ดโอกาสใหค้ ูแ่ ข่งขนั ไดว้ อร์ม รวมท้งั ไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้หรือคูแ่ ขง่ ขนั ในการเส่ียง ใหโ้ อกาสคูต่ ่อสู้เป็น
ผนู้ าการเลือกเสี่ยงก่อน
4. ไม่แสดงกริยาที่ไมด่ ีเมื่อทาเสียเอง ดว้ ยท่าทางหรือคาพูด รวมท้งั การกล่าวตาหนิผเู้ ล่นฝ่ าย
เดียวกนั
5. ใชค้ าพูดท่ีสุภาพในการแข่งขนั
6. การถามขอ้ สงสยั หรือถามคะแนนต่อผตู้ ดั สินในระหวา่ งการแขง่ ขนั ควรจะใชถ้ อ้ ยคาที่สุภาพ
7. การอุทธรณ์คาวนิ ิจฉยั ของผตู้ ดั สิน กเ็ ป็นอีกเร่ืองหน่ึงที่ผแู้ ขง่ ขนั ควรจะใชถ้ อ้ ยคาที่ระมดั ระวงั
และเม่ือไดท้ าการอุทธรณ์แลว้ ผอู้ ุทธรณ์ตอ้ งอยใู่ นความสงบ และพร้อมที่จะทาการแข่งขนั ต่อไปได้ และเมื่อ
ผตู้ ดั สินช้ีขาดอยา่ งไรกต็ อ้ งปฏิบตั ิตามดว้ ยความเตม็ ใจ
8. เม่ือขณะดาเนินการแข่งขนั อยหู่ ากจะหยดุ พกั เช่น ขอเช็ดเหง่ือ ดื่มน้า เปลี่ยนแร็กเกต เปล่ียน
รองเทา้ ถุงเทา้ ฯลฯ ตอ้ งขออนุญาตผตู้ ดั สินทุกคร้ัง เม่ือไดร้ ับอนุญาติแลว้ จึงปฏิบตั ิได้

8

9. ในการส่งลูกเสียไปใหค้ ูต่ อ่ สู้จะตอ้ งส่งลูกขา้ มตาข่ายไปใหเ้ สมอ การส่งลูกลอดใตต้ าขา่ ยไปให้
คู่ตอ่ สู้ถือวา่ เป็นการเสียมารยาทอยา่ งรุนแรง

10. ในระหวา่ งการแขง่ ขนั ถา้ ผตู้ ดั สินทาหนา้ ที่ผดิ พลาดแต่เราอยใู่ นฐานะไดเ้ ปรียบไม่ควรใช้
ความไดเ้ ปรียบน้นั เป็ นประโยชน์

11. การตีลูกเสีย นกั กีฬาที่ดีตอ้ งร้องออกมาดงั ๆ วา่ "เสีย" โดยไม่ตอ้ งรอใหผ้ ตู้ ดั สินร้องออกมา
ก่อน แตถ่ า้ ผตู้ ดั สินดูไม่ทนั ผตู้ ีลูกเสียไมค่ วรจะฉวยโอกาสเล่นต่อไปดว้ ย เพราะการฉวยโอกาสเช่นน้ีเป็น
การกระทาที่ไมส่ ุจริต

12. เม่ือการแขง่ ขนั เสร็จสิ้นลง ถา้ เราเป็นฝ่ ายชนะจะตอ้ งไมแ่ สดงความดีใจจนเกินควร ตอ้ งเขา้ ไป
จบั มือคู่แขง่ ขนั ทนั ทีพร้อมแสดงความเสียใจ ถา้ เป็นฝ่ ายแพไ้ มค่ วรจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวตอ้ งควบคุม
อารมณ์ และรีบไปแสดงความยนิ ดีกบั คูแ่ ข่งโดยทนั ทีเหมือนกนั

13. ยอมรับและเช่ือฟังการตดั สินโดยไม่โตแ้ ยง้ และเมื่อเสร็จสิ้นการแขง่ ขนั ควรแสดงความเคารพ
ผตู้ ดั สิ้น

14. ในสนามท่ีมีผมู้ ารอเล่นอยมู่ าก และไมใ่ ช่การแขง่ ขนั ไมค่ วรเล่นกนั นานจนเกินไป ควรเปิ ด
โอกาสใหผ้ อู้ ่ืนไดเ้ ล่นบา้ ง

มารยาทผู้ชม

1. แตง่ กายใหส้ ุภาพ เรียบร้อย เป็นการใหเ้ กียรติแก่การแข่งขนั น้นั ๆ
2. ใหเ้ กียรติแก่นกั กีฬาท้งั 2 ฝ่ าย ดว้ ยการปรบมือเมื่อมีการแนะนาคู่แขง่ ขนั
3. ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ และไมเ่ ชียร์ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงจนไม่น่าดู
4. ขณะการแข่งขนั ยงั ดาเนินอยไู่ ม่ควรรบกวนสมาธิของผูแ้ ข่ง หรือผชู้ มดว้ ยกนั
5. การนิ่งเงียบ ในขณะที่นกั กีฬากาลงั เล่นถือวา่ เป็นมารยาทของผชู้ มท่ีดี
6. ควรปรบมือเม่ือผูเ้ ล่นฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงเล่นไดด้ ี สวยงาม และกระทาเม่ือลูกไมไ่ ดอ้ ยใู่ นการเล่น
7. ไม่แสดงออกดว้ ยกิริยา หรือวพิ ากษว์ จิ ารณ์การตดั สินของกรรมการ ขณะทาการแข่งขนั แมว้ า่
จะมีขอ้ ผดิ พลาด
8. เม่ือการแขง่ ขนั สิ้นสุดลง ควรปรบมือเป็ นเกียรติแก่นกั กีฬาท้งั สองฝ่ าย

มารยาทผู้ตดั สิน

1. เมื่อเขา้ สู่สนามแขง่ ขนั ตอ้ งแต่งกายใหถ้ ูกตอ้ งตามลกั ษณะของการเป็ นผตู้ ดั สิน เครื่องแตง่ กาย
ตอ้ งประณีต และสะอาด วางตวั ในลกั ษณะสุภาพอ่อนนอ้ ม แต่สารวมไมห่ ลอกลอ้ กบั ผหู้ น่ึงผใู้ ด แสดงออก
ถึงอาการท่ีจะใหค้ วามร่วมมือกบั ผอู้ ื่นดว้ ยทา่ ทีกระฉบั กระเฉง ไม่ใช่ประหมา่ หรือลุกล้ีลุกลน

2. ระหวา่ งการแข่งขนั หลีกเลี่ยงการพบปะสนทนากบั ผเู้ ล่น ผฝู้ ึกสอน ตลอดจนผคู้ ุน้ เคยอ่ืน ๆ

9

พยายามต้งั ใจจริงในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ในการตดั สิน ตดั สินใจดว้ ยความเด็ดขาดถูกตอ้ ง แสดงออกถึงความมี
น้าใจเป็นนกั กีฬา ไมแ่ สดงอารมณ์ออกมา ควรใชว้ าจาเฉพาะในส่ิงที่จาเป็นพูดเฉพาะหลกั การเท่าน้นั เพื่อ
สร้างความเชื่อมนั่ แก่ผฟู้ ัง และไม่ควรโตเ้ ถียงกบั ผใู้ ดผหู้ น่ึง ซ่ึงจะเป็นการลดฐานะของตนเอง อนั เป็นการทา
ใหเ้ ส่ือมศกั ด์ิศรี และเป็นการนาไปสู่การทะเลาะววิ าทหรือทาใหเ้ กิดคบั ขอ้ งขุ่นเคืองใจได้

3. เม่ือจบการแข่งขนั หลงั จากตรวจใบนบั คะแนนเรียบร้อยแลว้ ควรรีบออกจากสนามแขง่ ขนั
ทนั ที ไม่ควรรีรออยูเ่ พือ่ ขออภยั ในความผดิ พลาดในการตดั สิน หรือเพ่ือแสดงความยนิ ดีหรือเสียใจต่อคู่แข่ง
ไม่ควรแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกบั ปัญหาต่าง ๆ ที่มีการถกเถียงกนั ในกรณีท่ีมีผสู้ ื่อข่าวขอสัมภาษณ์
ควรใหค้ วามร่วมมือดว้ ยอธั ยาศยั อนั ดี โดยช้ีแจงอยา่ งเป็นธรรมและเหมาะสมในขอบเขตของการเป็นผู้
ตดั สิน แตไ่ ม่ควรแสดงความคิดเห็นท่ีซ้าเติม หรือกา้ วก่ายหนา้ ท่ีของผอู้ ่ืน

10

ประโยชน์การเล่นแบดมนิ ตนั

ประโยชนใ์ นระยะส้ัน
1. ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรงและอวยั วะทุกส่วนไดพ้ ฒั นาอยเู่ สมอโดยเฉพาะขอ้ มือ แขน ขา และ

สายตา
2. เป็นกีฬาที่ตอ้ งใชส้ มรรถภาพทางร่างกายท่ีดี สมรรถภาพทางร่างกายดงั กล่าว คือความ

แขง็ แรง ความอดทน การทางานสมั พนั ธ์กนั ของระบบประสาทกบั ระบบกลา้ มเน้ือ พลงั ความยดื หยนุ่ ของ
อวยั วะต่าง ๆ ความคล่องตวั ความทนทานของกลา้ มเน้ือ และระบบไหลเวยี นเลือด ดงั น้นั จึงทาใหผ้ ูเ้ ล่นมี
ร่างกายแขง็ แรงอยเู่ สมอ

3. ถา้ เล่นแบดมินตนั เพ่ือความอดทน จะช่วยใหร้ ะบบยอ่ ยอาหารทางานดีข้ึน เพมิ่ อตั ราการ
เผาผลาญอาหารใหส้ ูงข้ึน เพิ่มอตั ราการเตน้ ของหวั ใจ และอตั ราการหายใจใหล้ ึกและดีข้ึนดว้ ย

4. แบดมินตนั มีวธิ ีการตีลูกหลายแบบ จึงมีเทคนิคเล่นมากมายท่ีทาใหไ้ ด้ การฝึกฝนการใช้
สติปัญญาอยตู่ ลอดเวลา

5. เป็นกีฬาที่ตอ้ งใชค้ วามฉลาด ไหวพริบ และการส่อหลอกประกอบกนั จึงกล่าวไดว้ า่ การ
เล่นแบดมินตนั เป็นการทาสงครามดว้ ยความฉลาด เพราะการเล่นมีการรุก – รับตลอดเวลา

6. ช่วยผอ่ นคลายความตรึงเครียดและสร้างความพอใจให้ผเู้ ล่นเพราะคนทวั่ ๆ ไปตอ้ งการ
เล่นใหส้ นุกสนานปล่อยอารมณ์ไปกบั การเคลื่อนไหวตามชนิดตา่ ง ๆ ของกิจกรรม ตามหลกั จิตวทิ ยาแลว้
แบดมินตนั ยงั ช่วยเสริมสร้างและรักษาจิตใจไดอ้ ีกดว้ ย จิตแพทยค์ าร์ล เมนนินเยอร์(Dr.Karl Menninger)
หวั หนา้ หน่วยงานTopekaซ่ึงเป็นหน่วยงานระดบั โลก ไดแ้ นะนาใหใ้ ชก้ ีฬาแบดมินตนั เป็นกิจกรรม
นนั ทนาการสาหรับคนไขท้ ี่ผดิ ปกติทางอารมณ์ และไม่ใช่แต่จะทาใหส้ ุขภาพจิตของคนป่ วยดีข้ึนเท่าน้นั คน
ปกติกด็ ีข้ึนดว้ ยเช่นกนั

7. เป็นกีฬาที่สร้างเสริมมนุษยส์ มั พนั ธ์ มิตรภาพ และการแสดงออกท่ีแสดงถึงความมีน้าใจ
นกั กีฬาอยา่ งแทจ้ ริง เพราะการเล่นตอ้ งเล่นร่วมกบั คนอ่ืน ๆ ไดม้ ีการพบปะสังสรรคท์ ้งั เดก็ และผใู้ หญท่ ้งั
ผหู้ ญิงและผชู้ าย จะไดร้ ับประโยชนเ์ ทา่ ๆ กนั

8. เป็นกีฬาที่มีคนนิยมมาก มีรางวลั สูง มีการแข่งขนั ท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ ทาใหไ้ ด้
เห็นเกมส์แบดมินตนั ดี ๆ อยเู่ สมอ

ประโยชน์ระยะยาว
1.ผมู้ ีส่วนร่วมในกีฬาแบดมินตนั จะไดร้ ับประโยชนท์ ้งั ทางดา้ นสรีรวทิ ยา จิตวทิ ยา และสงั คม

วทิ ยา เป็นอยา่ งมาก

2.โลกในปัจจุบนั มีการเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา และเพื่อเป็นการลดความกดดนั ลงบา้ ง งาน
อดิเรกจึงจาเป็นและสาคญั สาหรับมนุษยชาติ กีฬาแบดมินตนั จึงเป็นกีฬาท่ีใชเ้ ป็นงานอดิเรกไดด้ ียง่ิ มีท้งั

11

ความตื่นเตน้ สนุกสนานในชีวติ ประจาวนั และแมว้ า่ จะอายถุ ึง 60-70 ปี ก็ยงั สามารถเลน่ ไดอ้ ยู่
3. เป็นกีฬาที่ช่วยเสริมสร้างความแขง็ แรง สมบูรณ์ของร่างกาย โดยการเล่นเป็ นประจา
4.เป็นกีฬาประเภทบุคคล จึงไมจ่ าเป็นตอ้ งใชห้ รือรอคอยส่วนประกอบอ่ืน ๆ มากนกั และไม่

ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์มากดว้ ย

12

บรรณานุกรม

https://sites.google.com/site/vollaball2558/wicha-phla-suksa-reuxng-baedmintan
https://sites.google.com/site/waranyapat090/prawati-baedmintan-ni-prathesthiy
https://th.wikipedia.org/wiki
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess10/m4/health4_2/Health_Edu/9-4.php


Click to View FlipBook Version