The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Best practice ศน.พนภาค ผิวเกลี้ยง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by boss_ict, 2021-08-16 10:15:18

Best practice ศน.พนภาค ผิวเกลี้ยง

Best practice ศน.พนภาค ผิวเกลี้ยง

คำนำ

แบบเสนอผลงานเข้ารบั การคัดเลือกนวัตกรรมการปฏิบัตทิ ี่ดี (Best Practice) ดา้ นการนิเทศ
ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา เรื่อง รูปแบบกำรนิเทศโดยใช้กระบวนกำรช้ีแนะและระบบพี่เล้ยี ง
เพ่ือส่งเสริมศักยภำพกำรจัดกำรเรียนรู้วิทยำกำรคำนวณ สังกัดสำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศกึ ษำประถมศึกษำ
กำญจนบรุ ี เขต 1 ของ นายพนภาค ผิวเกล้ียง ตาแหน่ง ศกึ ษานเิ ทศก์ วทิ ยฐานะชานาญการพเิ ศษ สานกั งาน
คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้จดั ทาเอกสารน้ีข้ึนเพ่ือรายงานการสรา้ งนวัตกรรม

ท้ังน้ีผู้เสนอผลงานเข้ารับการพิจารณา ขอรับรองว่าผลงานทุกด้านท่ีปรากฎในเอกสารฉบับนี้เป็น
ผลงานของข้าพเจ้าท่ีเกิดจากการปฏิบัติงานในหน้าที่ “ศึกษานิเทศก์” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาด้วยความ
วริ ยิ ะ อุตสาหะ ซ่ือสตั ย์ สุจริต รกั และศรทั ธาในวิชาชีพ ปฏิบตั ิงานอย่างเต็มความสามารถและประพฤติปฏิบัติ
ตนตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชพี

พนภาค ผวิ เกล้ยี ง
ผูเ้ สนอผลงาน

สำรบญั หนำ้

คำนำ 1
ความเปน็ มาและความสาคัญ 2
วตั ถปุ ระสงค์ 3
กลุม่ เปา้ หมาย 3
หลกั การ แนวคิดทฤษฏีทใี่ ช้ 6
การออกแบบนวัตกรรม 8
วธิ ดี าเนนิ การ 21
ผลการดาเนนิ การหรือพฒั นานวตั กรรม 29
การเผยแพรน่ วัตกรรม 31
เอกสารอา้ งองิ

1

แบบรายงานการสร้างนวัตกรรม

1. ชือ่ นวตั กรรม
รูปแบบการนเิ ทศโดยใช้กระบวนการช้ีแนะและระบบพี่เลี้ยง เพื่อส่งเสรมิ ศักยภาพการจัดการเรียนรู้

วิทยาการคานวณ สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษากาญจนบุรี เขต 1

2. ชอ่ื ผสู้ รา้ ง
ชอ่ื นายพนภาค นามสกลุ ผิวเกล้ียง ตาแหนง่ ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ
สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1 อาเภอ เมือง
จังหวัดกาญจนบุรี โทร.034-564330
มอื ถือ 087-1664787 E-mail : [email protected]

3. แนวทางการคิดคคน้ นวตั กรรม
 การสรา้ งนวัตกรรมใหม่

4. ประเภทของนวตั กรรม
 การนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล

5. ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
ครูเป็นบุคลากรสาคัญของประเทศ มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพประชากร จากสังคมที่มีการ

เปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทาให้กระทรวงศึกษาธิการกาหนดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เดิมอยูก่ ลุ่มสาระการเรียนการงานอาชีพ มาอยู่ในกลุ่มสาระวิทยาศาสตรฯ์ โดยมีผลบงั คับใชต้ ัง้ แต่เดือน
พฤษภาคม พ.ศ.2561 โดยมีการเร่ิมสอนท้ังระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เพ่ือให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการ
พัฒนาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และวิทยาการคานวณ ซึ่งได้เข้ามาแทนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเดิมท่ีมีอยู่ใน
ปัจจุบัน เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะในการแก้ปัญหา มีกระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ การ Coding
คือ การเขียนชุดคาส่ังของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย "โค้ด (Code)" เพื่อให้โปรแกรมทาตามคาส่ัง เสมือนการ
สั่งงานคอมพิวเตอร์ให้ทาตามท่ีเราต้องการ โดยการใช้ภาษาของคอมพิวเตอร์ในรปู แบบต่างๆ เช่น ภาษา C ภาษา
PHPภาษา Pythonปัญหาทพี่ บในปจั จุบนั คือ ครูผ้สู อนในโรงเรยี นยังขาดความเข้าใจเปา้ หมายหลักสูตรไมส่ ามารถ
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรใู้ หก้ บั นกั เรยี น

2

ครูเป็นบุคลากรสาคัญของประเทศ มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพประชากร จากสังคมท่ีมีการ
เปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทาให้กระทรวงศึกษาธิการกาหนดให้มาอยู่กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ซึ่งมีอยู่ 3 แกนหลกั ได้แก่ ICT CS และ DL โดยมีผลบังคบั ใช้ต้ังแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2561 โดยมี
การเริ่มสอนทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เพื่อเป็นการพัฒนาครูให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและการ
จัดการเรยี นรวู้ ทิ ยาการคานวณ

จากการสารวจ ครูผู้สอนของ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรีเขต 1 เรื่องความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ พบว่า ครูมีความรู้ความ
เข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ มีความรู้ความเข้าใจเพียงเล็กน้อย
ถ้าจะให้สอนต้องหาความรู้เพิ่มเติมร้อยละ 67.00 เป็นอันดับเล็ก และ มีความรู้ความเข้าใจมาก สามารถจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนได้เป็นอย่างดี และวิธีการท่ีจะทาให้ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้มี
คุณภาพมากที่สุด ครูจะต้องพัฒนาตนเองเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณร้อยละ 80.30 เป็น
อันดับแรก และ มีสื่อจากส่วนกลางทุกระดับชั้น ทุกโรงเรียนสามารถนามาใช้ได้ร้อยละ 71.00 สร้างพื้นฐาน
กระบวนการคิดให้นักเรียนทุกระดับชั้นร้อยละ 57.70 และใช้กระบวนการ PLC ในการพัฒนาการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ร้อยละ 46.20 ตามลาดบั

จากความสาคัญของปัญหาและความเป็นมา ผู้วิจัยจึงได้สร้างรูปแบบการนิเทศ PISSA Model มาใช้ใน
การจดั การเรียนรขู้ องครูสู่การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน เพื่อให้ผู้เรียนมีทกั ษะการคิดแก้ปัญหา และเห็นว่ารูปแบบการ
การนิเทศ PISSA Model เป็นรูปแบบการนิเทศที่จะช่วยพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ของครู เพ่ือส่งเสริม
กระบวนการคิดและแกป้ ัญหาของนักเรียนได้ เพราะรูปแบบการนเิ ทศ PISSA Model เปน็ การสังเคราะห์

รูปแบบการนิเทศ เป็นรูปแบบการนิเทศท่ีผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อ พัฒนาครูเพื่อให้มีความรู้และทักษะในการ
จัดการเรียนรู้วิทยากาคานวณ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 ได้รูปแบบการ
นิเทศ PISSA MODEL ซึ่งมี 6 ขั้นตอน คือขั้นตอนที่ 1 ขั้นศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการจาเป็น
(P-Preparing)ข้ันตอนที่ 2 ข้ันจัดการความรู้ก่อนการนิเทศ (I-Informing)ข้ันตอนท่ี 3 ขั้นวางแผนและออกแบบ
นิเทศ (S-System planning & design)ขั้นตอนที่ 4 ขั้นปฏิบัติการนิเทศ (S-Supervising)ข้ันตอนท่ี 5 ข้ันสะท้อน
คิดหลงั การนเิ ทศ (A-Action reflecting)

3

6. วตั ถปุ ระสงค์
1.เพอื่ พัฒนารูปแบบการนิเทศเพ่ือพฒั นาครใู นการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ สานกั งานเขตพนื้ ท่ี

การศึกษาประศกึ ษากาญจนบุรี เขต 1
2.เพอ่ื ประเมนิ ผลเกย่ี วกบั การเรียนร้วู ทิ ยาการคานวณ ของครผู สู้ อน และความพงึ พอใจต่อการ

ฝกึ อบรมที่มีตอ่ ฝกึ อบรมหลกั สูตรวทิ ยาการคานวณ ของสานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1
3. เพ่ือนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลความคดิ เห็นความคิดเหน็ ทม่ี ตี ่อความสามารถของครูในการ

จดั การเรยี นรู้วิทยาการคานวณ

7. กลุ่มเป้าหมาย ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง
กลุ่มเป้าหมาย ครูแกนนาผา่ นการคัดเลือก จานวน 32 คน

8. หลักการ แนวคดิ และ ทฤษฏที ใ่ี ช้
กระบวนการนเิ ทศการศึกษา
กระบวนการนเิ ทศ (process of supervision) หมายถึง ขัน้ ตอนในการดาเนินงานและการปฏบิ ตั ิงานการ

นิเทศอย่างมีระบบ มีการประเมินสภาพการทางาน การจัดลาดับงานที่ต้องทาการออกแบบงาน การประสานงาน
ตลอดจนการอานวยการใหง้ านลุลว่ งไปชัด บญุ ญา (2538 : 46) กล่าวถึง กระบวนการนิเทศของ เลฮ์แมน มี 8 ขั้น
ดงั นี้

ขัน้ ที่ 1 การกาหนดปัญหาและความต้องการจาเป็น (Need)
ชั้นท่ี 2 การกาหนดจุดประสงคท์ ่วี ัดได้ (Measurable Goals)
ขั้นท่ี 3 การกาหนดอุปสรรคและข้อจากัดตา่ ง ๆ (Constraints)
ขน้ั ที่ 4 การกาหนดวิธีการท่เี ป็นทางเลือกในการแกป้ ัญหา (AIlternatives)
ข้ันท่ี 5 การเลือกทางเลือกในขั้นที่ 4 มาปฏิบตั ิเพอื่ แก้ปัญหา (Selection)
ขั้นท่ี 6 การนาทางเลอื กทเ่ี ลือกแล้วไปทดลองใช้ (Implementation)
ขั้นท่ี 7 การประเมินผลการทดลอง เพื่อพิจารณาดวู า่ ได้ผลตามวัตถุประสงคห์ รือไม่
ขน้ั ท่ี 8 การปรับปรุงแก้ไขสว่ นที่บกพร่องหลังจากทดลองดูแล้ว (Modification)
สานักงานการประถมศึกษาแหง่ ชาติ (2540 : 26) กล่าวถึง กระบวนการนิเทศไว้ 4 ขน้ั ตอน
1) การศึกษาสภาพปจั จุบันเพ่ือกาหนดปัญหาและความต้องการ ดงั นี้
1.1) ศกึ ษาวเิ คราะห์ขอ้ มลู ดา้ นคุณภาพตา่ ง ๆ
1.2) สารวจและประเมินความตอ้ งการของครู
1.3) จัดลาดบั ความสาคัญของปญั หา

4

1.4) วิเคราะห์สาเหตุและลาดับความสาคญั
2) การวางแผน นาข้อมูลผลการวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา สาเหตุแห่งปัญหานามากาหนดกิจกรรม
และแนวทางแก้ไข ปฏิบัติ โดยเขียนเป็นโครงการประกอบด้วยหลักการและเหตุโลวัตถุประสงค์ เป้าหมาย
ทรพั ยากร ผลท่คี าดหวงั
3) การปฏิบัตกิ ารนิเทศ เป็นการดาเนนิ ตามกิจกรรมท่ีกาหนดในโครงการนเิ ทศ เพื่อให้การปฏบิ ตั ิ
เรยี บรอ้ ย ผู้นเิ ทศควรดาเนินการ ดงั น้ี

3.1) เตรยี มพร้อมกอ่ นการนิเทศ ควรประชุมครชู ักซอ้ มความเขา้ ใจ
3.2) ปฏบิ ตั ิการนิเทศ ดาเนนิ การตามกิจกรรมทก่ี าหนดไว้ รับทราบปญั หาและนามาพิจารณา
ชว่ ยเหลือและคานงึ ถึงขวัญกาลังใจของครู
4) การประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบความสาเร็จของโครงการถึงวตั ถุและเปา้ หมาย ที่กาหนดไว้
ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์ (2548 : 39) กล่าวถึง กระบวนการนิเทศว่า เปน็ ขน้ั ตอนในการดาเนนิ งานและ
การปฏิบตั ิงานการนเิ ทศอย่างมรี ะบบ มีการประเมินสภาพการทางาน การจดั ลาดับงานท่ีต้องทา การออกแบบงาน
การประสานงาน ตลอดจนการอานวยการให้งานลลุ ่วงไปสงัด อทุ รานันท์ (อา้ งถงึ ใน วรรณพร สุขอนันต์, 2550 :
24-25) กลา่ วถึง กระบวนการนเิ ทศการศกึ ษาทม่ี ีความสอดคล้องกับสภาพสังคมไทย มี 5 ขั้นตอน ดงั นี้
ข้ันท่ี 1 วางแผนการนิเทศ (planning-P) เป็นข้ันที่ผู้บริหาร ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศจะทาการประชุม
ปรึกษาหารือเพ่ือให้ได้มาซ่ึงปัญหาและความต้องการจาเป็นท่ีจะต้องมีการนิเทศรวมท้ังวางแผนถึงขั้นตอนการ
ปฏบิ ตั ิงานเกย่ี วกบั การนเิ ทศท่ีจะจัดขึน้ อีกดว้ ย
ขั้นที่ 2 ให้ความรู้ในสิ่งที่จะทา (informing-I) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้ความเข้าใจถึงสิ่งท่ีจะ
ดาเนินการว่าจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถอย่างไรบ้าง มีข้ันตอนอย่างไรและจะทาอย่างไรจึงจะทาให้ได้ผล
งานออกมาอยา่ งมีคุณภาพ
ขั้นที่ 3 การปฏิบัติงาน (doing-D) ประกอบด้วยการปฏิบัติงานใน 3 ลักษณะ คือการปฏิบัติงานของผู้รับ
การนิเทศ เป็นข้ันท่ีผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงานตามความรู้ความสามารถที่ได้รับการปฏิบัติงานของผู้ให้การ
นิเทศ ขั้นนี้ผู้ให้การนิเทศจะทาการนิเทศและควบคุมคุณภาพให้งานสาเร็จทันตามกาหนดเวลาและมีคุณภาพสูง
การปฏิบัติงานของผ้สู นับสนุนการนเิ ทศ ในเรอื่ งวสั ดุอปุ กรณ์ เคร่ืองใช้ต่าง ๆ ท่จี ะชว่ ยให้การปฏิบตั งิ านบรรลุผล
ขั้นที่ 4 การสร้างขวัญและกาลังใจ (reinforcing-R) ขั้นนี้เป็นข้ันของการเสริมกาลังใจของผู้บริหารเพ่ือให้
ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและบังเกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงานข้ันน้ีอาจจะดาเนินการไปพร้อม ๆ กับที่ผู้รับ
การนิเทศกาลงั ปฏบิ ตั ิงานหรอื การปฏบิ ัติงานไดเ้ สรจ็ สนิ้ กไ็ ด้
ขน้ั ที่ 5 การประเมนิ ผลผลิตของการดาเนนิ งาน (evaluating-E) เป็นขัน้ ที่ผนู้ ิเทศทาการประเมนิ ผลการ
ดาเนินการซ่งึ ผ่านไปแลว้ วา่ เป็นอย่างไร แล้วทาการปรับปรงุ แก้ไข

5

กระบวนการนิเทศตามรูปแบบ AIPDE Mode(ของกลกิ แมนและคณะ (Glickman and others 2004 :
155 – 200) ประกอบดว้ ย 5 ข้ันตอน คือ

ขั้นที่ 1 การประเมนิ สภาพและสมรรถนะในการทางาน (Assessing : A)
ขน้ั ท่ี 2 การให้ความรูก้ ่อนการนเิ ทศการสอน (Informing : )
ขั้นท่ี 3 การวางแผนการนิเทศการสอน (Planning : P)
ชัน้ ท่ี 4 การปฏบิ ตั กิ ารนิเทศการสอน (Doing : D)
ช้นั ท่ี 5 การประเมินผลการนเิ ทศการสอน (Evaluating : E) มกี ารติดตาม ดแู ล ให้คาแนะนา
(Mentoring) ในการนิเทศการสอนและการจดั การเรียนรใู้ หก้ บั ครูผทู้ าหน้าทีน่ ิเทศและครผู ู้รับการนิเทศอยา่ ง
ต่อเนือ่ ง
กระบวนการนเิ ทศตามรูปแบบ NMCASIE Model ของ เลฮแมน (อา้ งถงึ ใน ชดั บุญญา, 2538 : 46)
ประกอบดว้ ย 7 ขนั้ ตอน คือ
ขั้นที่ 1 การกาหนดปญั หาและความต้องการจาเปน็ (Need)
ข้นั ท่ี 2 การกาหนดจุดประสงค์ทวี่ ัดได้ (Measurable Goals)
ขั้นท่ี 3 การกาหนดอุปสรรคและข้อจากัดต่าง ๆ (Constraints)
ขน้ั ที่ 4 การกาหนดวธิ ีการทีเ่ ป็นทางเลอื กในการแกป้ ัญหา (Alternatives)
ขน้ั ที่ 5 การเลือกทางเลอื กในขน้ั ท่ี 4 มาปฏิบตั เิ พ่ือแกป้ ัญหา (Selection)
ขั้นที่ 6 การนาทางเลือกทีเ่ ลือกแลว้ ไปทดลองใช้ (Implementation)
ขั้นท่ี 7 การประเมนิ ผลการทดลอง เพ่ือพจิ ารณาดวู า่ ได้ผลตามวตั ถปุ ระสงคห์ รือไม่(Evaluation)
กระบวนการนเิ ทศตามรปู แบบ CIPE Model ของยพุ ิน ยืนยง และวัชรา เลา่ เรยี นดี (2554 : 202)
ประกอบดว้ ย 4 ขัน้ ตอน คอื
ขั้นที่ 1 Classifying: C การคัดกรองระดบั ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะท่สี าคญั เก่ยี วกบั การจดั การเรยี นรู้
ขน้ั ท่ี 2 Informing: ! การใหค้ วามรกู้ ่อนการนเิ ทศ
ขน้ั ท่ี 3 Proceeding: P การดาเนนิ งาน ได้แก่

1) การประชมุ ก่อนการสังเกตการณ์สอน(Pre conference)
2) การสังเกตการสอน(Observation) และ
3) การประชุมหลังการสังเกตการณ์สอน (Post conference)
ขั้นที่ 4 Evaluating: E การประเมินผลการนเิ ทศ โดยมกี ารกากับ ติดตาม(Monitoring) อย่างต่อเนอ่ื งทุก
ขั้นตอน เพอื่ ให้การดาเนินการนิเทศเกดิ ประสทิ ธภิ าพ
กระบวนการนเิ ทศตามรปู แบบ PPIE Model ของ วชิรา เครือคาอ้าย (2553 : 147)ประกอบด้วย 4
ขนั้ ตอน คือ

6

ขนั้ ที่ 1 ขน้ั เตรียมความรู้ / เทคนิควิธกี ารจัดการเรียนรู้ (Preparing = P)
ข้นั ท่ี 2 ขนั้ เตรียมวางแผนการนิเทศ (Planning =P)
ขน้ั ที่ 3 ขั้นดาเนนิ การนิเทศการสอน(Implementing = I)
ขนั้ ที่ 4 ข้นั ประเมินผลการนิเทศ (Evaluating = E)
กระบวนการนเิ ทศตามรปู แบบ ของกรมวิชาและคณะอนกุ รรมการปฏิรูปการเรยี นรู้ (2543 : 17)
ประกอบด้วย 5 ขน้ั ตอน คือ
ขน้ั ที่ 1 ขนั้ เตรยี มการนเิ ทศ
ขน้ั ที่ 2 ขั้นวางแผนการนเิ ทศ
ขนั้ ท่ี 3 ขั้นปฏิบตั ิตามแผนการนิเทศ
ขั้นที่ 4 ขน้ั ประเมินผลการนิเทศ
ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ปรบั ปรุงแก้ไขวธิ กี ารนิเทศ
กระบวนการนิเทศตามรูปแบบPIDRE Model ของสงัด อุทรานันท์ (อ้างถึงใน วรรณพรสุขอนันต์, 2550 :
24- 25) กลา่ วถึง กระบวนการนิเทศการศึกษาท่มี ีความสอดคล้องกบั สภาพสังคมไทย มี 5 ขั้นตอน ดงั นี้
ขน้ั ที่ 1 วางแผนการนเิ ทศ (planning-P)
ขนั้ ที่ 2 ให้ความรู้ในสิง่ ทีจ่ ะทา (informing-)
ขัน้ ที่ 3 การปฏบิ ตั งิ าน (doing-D)
ขั้นท่ี 4 การสรา้ งขวัญและกาลงั ใจ (reinforcing-R)
ขน้ั ที่ 5 การประเมนิ ผลผลติ ของการดาเนนิ งาน (evaluating-E)

9. การออกแบบนวตั กรรม
จากแนวคิดของนักการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการนิเทศการจัดการเรียนรู้สามารถ วิเคราะห์และ

สังเคราะห์เป็นรูปแบบท่ีมีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาและความต้องการในการ พัฒนาครูเพื่อให้มีความรู้และ
ทักษะในการจัดการเรียนรู้วิทยากาคานวณ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 ได้
รปู แบบการนเิ ทศ PISSA MODEL ซ่งึ มี 5 ขน้ั ตอน คือ

ขน้ั ตอนท่ี 1 ขัน้ ศกึ ษาสภาพปจั จุบันและความต้องการจาเปน็ (P-Preparing)
ขนั้ ตอนที่ 2 ขั้นจดั การความรูก้ ่อนการนเิ ทศ (I-Informing)
ขั้นตอนที่ 3 ข้ันวางแผนและออกแบบนเิ ทศ (S-System planning & design)
ขั้นตอนที่ 4 ขน้ั ปฏบิ ตั กิ ารนเิ ทศ (S-Supervising)
ข้ันตอนที่ 5 ข้ันสะท้อนคิดหลังการนเิ ทศ (A-Action reflecting)

7

รูปแบบการนเิ ทศ PISSA MODEL

8

10. วิธีการดาเนินการ
ขั้นตอนที่ 1 ข้ันศกึ ษาสภาพปัจจบุ นั และความต้องการจาเปน็ (P-Preparing)

วิเคราะห์ความต้องการในการพัฒนาผู้เรียน โดยพัฒนาการจัดการเรียนการเรียนรู้วิทยาการ
คานวณ ส่งเสริมครูให้เตรียมความรู้ด้านการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ ให้สอดคล้องกับบริบทของ
สถานศึกษา และคดั เลอื กครูแกนนา

9

ขั้นตอนที่ 2 ขนั้ จดั การความรู้ก่อนการนิเทศ (I-Informing)
ฝึกปฏบิ ัติการฝกึ อบรมจัดการเรียนรเู้ พ่ือสง่ เสริมศักยภาพการจัดการเรยี นรู้วทิ ยาการคานวณ

10

11

ขนั้ ตอนท่ี 3 ขั้นวางแผนและออกแบบนเิ ทศ (S-System planning & design)
ประชุมวางแผน เพื่อออกแบบเคร่อื งมอื การสังเกตชนั้ เรยี น และปฏทิ ินการนิเทศ และแผนการจดั การ
เรยี นรวู้ ิทยาการคานวณ

12

ขนั้ ตอนที่ 4 ขั้นปฏบิ ตั ิการนเิ ทศ (S-Supervising)
ดาเนนิ การนิเทศช้นั เรยี น ตามแผนปฏทิ ินการนเิ ทศ

13

14

15

ข้ันตอนที่ 5 ขนั้ สะท้อนคดิ หลงั การนเิ ทศ (A-Action reflecting)

แลกเปลยี่ นเรยี นร้รู ่วมกนั ระหว่างผู้บริหาร/ผู้นเิ ทศ/ผรู้ ับการนิเทศ และการให้รางวลั ในการจดั การเรยี น
การสอน ในการจดั การเรยี นรู้วิทยาการคานวณ

การประชมุ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้การขบั เคลื่อนการสรา้ งสอ่ื นวตั กรรมการเรยี นการสอนโค้ดดงิ้
ประกวดส่ือนวัตกรรมการเรียนการสอนโค้ดดิ้ง โดยนาความรู้จากการอบรมไปสร้างส่ือเพ่ือจัดการเรียน
การสอนในชั้นเรียน กาหนดการจัดกิจกรรมในวันท่ี 28 สิงหาคม 2563ณ ห้องประชุมไพลิน อาคาร 9 ชั้น 3
มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี โดยมีบุคลากรทางการศึกษาร่วมนาเสนอผลงาน และส่งผลงานเข้าร่วมกิจกรรม
เปน็ จานวนมาก

16

17

18

19

20

21

11. ผลการดาเนินการหรือพฒั นานวตั กรรม
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อประเมนิ ผลเกี่ยวกับการเรียนรู้วิทยาการคานวณ ของครูผู้สอน และความพึงพอใจต่อการ

ฝกึ อบรมท่มี ีต่อฝึกอบรมหลักสูตรวิทยาการคานวณ ของสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษากาญจนบรุ ี เขต 1
เพื่อจัดอบรมหลักสูตรการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ ระดับประถมศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ี

การศึกษาประถมศึกษา กาญจนบุรี เขต 1 จัดเม่ือวันท่ี 15 – 16 มิถุนายน 2563 ณ ห้องประชุมศรีภัฏ
มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี รูปแบบการจัดอบรมโดยใช้โปรแกรม Scratch เพ่ือฝึกปฏิบัติการเขียนโปรแกรม
การสร้างโปรเจกต์ และใบงานต่างๆ

ผลเกี่ยวกับการเรียนรู้วิทยาการคานวณ ของครูผู้สอน และความพึงพอใจต่อการฝึกอบรมที่มีต่อฝึกอบรม
หลักสูตรวทิ ยาการคานวณ

ในการดาเนินกิจกรรมอบรมหลักสตู รโค้ดดิ้ง แบ่งผลการดาเนนิ กจิ กรรมออกเปน็ 2 สว่ นประกอบดว้ ย ผล
การดาเนินกิจกรรมของผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผลการดาเนินกิจกรรมจากผลทตสอบวัดความรู้ก่อนและหลังการอบรม
และผลการดาเนินกิจกรรมเพื่อประเมินความพงึ พอใจของผู้เข้าอบรม จานวน 32 คน

1. ผลทดสอบวัดความรู้ โดยใช้แบบทดสอบก่อนการอบรมและหลังการอบรม เกณฑ์การประเมินการวัด
ความรู้โดยเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบความรู้ก่อนและหลังการอบรม และใช้การวิเคราะห์ทางสถิติด้วยวิธี

Pair Sample T-test ทร่ี ะดบั ความเช่อื มั่น 95% (α = 0.05) พบวา่ การทดสอบกอ่ นและหลังการอบรม มีคะแนน
เฉล่ียเท่ากับ 6.23 คะแนน และ 8.79 คะแนน ตามลาดับ และเม่ือเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังการ
อบรม พบว่า คะแนนสอบหลงั การอบรมสูงกว่าก่อนอบรม อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 แสดงว่าผูเ้ ข้ารับ
การอบรมหลักสูตรวิทยาการคานวณโค้ดด้ิง มีความรู้และมีทักษะในการเขียนโปรแกรมด้วยโปรแกรม Scratch
เพมิ่ ข้ึน

2. ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการอบรมหลักสูตรวิทยาการคานวณ โค้ดดิ้ง โดยภาพรวมอยู่ใน
ระดับมากท่ีสุด (xˉ= 4.64, S.D.= 0.14) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่าด้านกระบวนการ/ข้ันตอนการให้บริการ
มคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดบั มากท่สี ดุ (xˉ= 4.80, S.D.= 0.23) รองลงมา คอื ดา้ นเจ้าหน้าที่/บุคลากรผู้ใหบ้ รกิ าร
มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดับมากทสี่ ุด (xˉ= 4.79, S.D.= 0.32) และดา้ นคณุ ภาพการใหบ้ รกิ าร มีความพงึ พอใจ
อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด (xˉ= 4.68, S.D.= 0.21)

22

วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื นเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผลความคิดเห็นความคดิ เห็นทม่ี ตี ่อความสามารถของครู
ในการจดั การเรยี นรูว้ ิทยาการคานวณ

นิเทศ/ติดตามการการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ ของครูผู้สอนที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตรวิทยาการ
คานวณ (โค้ดดิ้ง) สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 ระหว่างวันที่ 1 – 26 สิงหาคม
2563 โดยมีครูส่งแผนการจัดการเรียนรู้ การนิเทศในรูปแบบออนไลน์ และการลงไปนิเทศในชั้นเรียน เพ่ือติดตาม
การนาไปความรู้ไปใช้ประโยชน์

ผลนิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลความคดิ เหน็ ความคดิ เห็นทีม่ ตี อ่ ความสามารถของครูในการจัดการ
เรยี นรวู้ ทิ ยาการคานวณ

การนิเทศติดตามผลการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ (โค้ดดิ้ง) มีช่วงเวลาในการดาเนินการ
ตั้งแต่วันท่ี 1 สิงหาคม – 26 สิงหาคม 2563 โดยดาเนินการติดตามนิเทศครูผู้เข้าร่วม ประเด็นในการประเมิน
ความสามารถในการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ (โค้ดดิ้ง) แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการวางแผนการ
จดั การเรียนรู้ 2) ดา้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาการคานวณ(โค้ดดิ้ง) ดังน้ี

ใช้แบบสอบถามเพ่ือเป็นเครื่องมือในการประเมนิ ผล ด้วยระดับคะแนน 5 ระดบั (1 = น้อยที่สดุ 2 = นอ้ ย
3 = ปานกลาง 4 = มาก และ 5 = มากท่ีสุด) โดยหาค่าเฉลี่ย (ˉx) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วนาไป
แปลผลเปรยี บเทียบกับเกณฑค์ า่ เฉล่ยี 5 ระดับของ (บุญชม ศรสี ะอาด, 2553 : 120-121) ดงั นี้

4.51 – 5.00 หมายถึง ความสามารถในการจดั การเรยี นรอู้ ยูร่ ะดับมากทส่ี ุด
3.51 – 4.50 หมายถึง ความสามารถในการจัดการเรยี นรอู้ ยรู่ ะดบั มาก
2.51 – 3.50 หมายถงึ ความสามารถในการจดั การเรียนร้อู ยรู่ ะดับปานกลาง
1.51 – 2.50 หมายถงึ ความสามารถในการจัดการเรียนรอู้ ยู่ระดบั น้อย
1.00 – 1.50 หมายถงึ ความสามารถในการจดั การเรียนร้อู ยู่ระดบั น้อยท่ีสุด

ตารางที่ 1 ผลความคิดเหน็ ประเด็นในการประเมนิ ความสามารถในการจดั การเรียนรู้วิทยาการคานวณ

ประเด็นในการประเมนิ ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา
วทิ ยาการคานวณ
(n = 32)

คา่ เฉล่ีย สว่ นเบย่ี งเบน แปลผล
มาตรฐาน

1. ดา้ นการวางแผนการจัดการเรียนรู้ 4.45 0.26 มาก

1. มีการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีพัฒนาทักษะด้านวิทยาการ 4.35 0.52 มาก
คานวณ (โคด้ ด้งิ ) ท่มี อี งคป์ ระกอบครบถว้ น

23

ประเดน็ ในการประเมนิ ความสามารถในการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา
วทิ ยาการคานวณ
(n = 32)

ค่าเฉลย่ี ส่วนเบยี่ งเบน แปลผล
มาตรฐาน

2. มีการระบุมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับทักษะวิทยาการ 4.52 0.54 มากที่สุด
คานวณ (โคด้ ดงิ้ ) 4.67
3. มีการระบตุ ัวชี้วดั ทส่ี อดคลอ้ งกับทกั ษะวทิ ยาการคานวณ (โคด้ ดงิ้ ) 4.60 0.47 มากที่สุด
4. มีการเขียนจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ทีส่ อดคล้องกับตวั ช้ีวดั และสาระ
การเรยี นรู้ 4.48 0.53 มากทส่ี ุด
5. มีการกาหนดสาระการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวช้ีวัด 4.33
และสาระการเรียนรู้แกนกลาง 4.40 0.54 มาก
6. มกี ารเขียนสาระสาคัญของแผนการจดั การเรยี นรู้ชัดเจน 0.65 มาก
7. มีการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะวิทยาการ 4.62 0.63 มาก
คานวณ (โค้ดดิ้ง) ตรงตามจุดประสงค์การเรียนรู้
8. มีการออกแบบกรอบการวัดและประเมินผลวิทยาการคานวณ 4.12 0.49 มากทส่ี ุด
(โคด้ ด้งิ )สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.16
9. มีการใช้รปู แบบการประเมนิ ผลการเรยี นรู้วทิ ยาการคานวณ (โคด้ 4.06 0.65 มาก
ด้งิ )ตามสภาพจริงด้วยวิธกี ารทหี่ ลากหลาย 4.44
2. ด้านการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาการคานวณ (โค้ดด้งิ ) 4.12 0.28 มาก
1. กจิ กรรมข้ันนากระตนุ้ การเรียนรู้ของนกั เรยี นได้ 4.46 0.57 มาก
2. มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการแบบ Active 4.04
Learning 4.23 0.57 มาก
3. มกี ารใชส้ ื่อประเภทเกม เพลง ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.69
4. มีการใช้สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายสอดคล้องกับเนื้อหาของ 3.65 0.62 มาก
บทเรียน 3.79
5. มีกิจกรรมใหผ้ ู้เรยี นได้สร้างองค์ความรูด้ ้วยตนเอง 4.31 0.54 มาก
6. กจิ กรรมการเรียนรสู้ ามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้
7. เน้นกระบวนการกลุ่มแบบเพือ่ นช่วยเพ่ือน 0.79 มาก
8. กจิ กรรมกระต้นุ การพัฒนาทกั ษะการคดิ วเิ คราะหอ์ ย่างเป็นระบบ 0.61 มาก
9. การสรุปบทเรียนมีความน่าสนใจและกระตุ้นความทรงจาระยะ 0.51 มากทส่ี ดุ
ยาว 0.79 มาก

รวม 0.54 มาก

0.22 มาก

24

จากตารางที่ 1 ผลความคิดเห็นความคิดเห็นท่ีมีต่อความสามารถของครูในการจัดการเรยี นรวู้ ิทยาการ
คานวณ (โค้ดดิง้ ) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (ˉx= 4.31, S.D.= 0.22) เม่อื พิจารณารายดา้ น พบว่าดา้ นการวาง
แผนการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก (ˉx= 4.45, S.D.= 0.26) และด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาการ
คานวณ (โค้ดดิ้ง) อย่ใู นระดบั มาก (ˉx= 4.15, S.D.= 0.28)

พิจารณาด้านการวางแผนจัดการเรียนรู้ พบว่า ภาพรวมผลการประเมินความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
(ˉx= 4.45, S.D.= 0.26) และเมื่อพิจารณาตามรายข้อ พบว่า มีการระบุตัวช้ีวัดที่สอดคล้องกับทักษะวิทยาการ
คานวณ (โค้ดดงิ้ ) มีระดับความสามารถท่ีระดบั มากทส่ี ุด (ˉx= 4.67, S.D.=0.47) รองลงมา คอื มกี ารออกแบบกรอบ
การวัดและประเมินผลวิทยาการคานวณ (โค้ดด้ิง) สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ มีระดับความสามารถที่
ระดับมากที่สุด (ˉx= 4.62, S.D.=0.49) และมีการเขียนจุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับตัวช้ีวัดและสาระการ
เรียนรู้ มีระดบั ความสามารถท่ีระดับมากทส่ี ดุ (ˉx= 4.60, S.D.=0.53)

ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาการคานวณ (โค้ดด้ิง) พบว่า ภาพรวมผลการประเมินความพึงพอใจ
อยู่ในระดับมาก (ˉx= 4.16, S.D.= 0.28) และเมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า เน้นกระบวนการกลุ่มแบบเพื่อนช่วย
เพื่อน มีระดับความสามารถที่ระดับมากที่สุด (ˉx= 4.69, S.D.=0.51) รองลงมา คือมีการใช้สื่อการเรียนรู้ท่ี
หลากหลายสอดคล้องกับเน้ือหาของบทเรียน มีระดับความสามารถท่ีระดับมาก (ˉx= 4.46, S.D.=0.54) และมีการ
จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการแบบ Active Learning มีระดับความสามารถที่ระดับมาก (ˉx= 4.44,
S.D.=0.57)

การนิเทศติดตามผลการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ (โค้ดด้ิง) มีช่วงเวลาในการดาเนินการ
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 26 สิงหาคม 2563 โดยดาเนินการติดตามนิเทศครูผู้สอน ประเด็นในการประเมินความ
สามารถต่อการใชส้ ่อื ในการจดั การเรียนรู้วทิ ยาการคานวณ (โคด้ ดง้ิ ) แบง่ ออกเปน็ 3 ดา้ น ได้แก่ 1) ด้านเน้ือหาของ
ส่ือการจัดการเรียนรู้ 2) ด้านการออกแบบส่ือการจัดการเรยี นรู้ และ3) ด้านการใช้ส่ือการจัดการเรียนรู้ มีผลการ
ประเมินดงั นี้

25

ตารางท่ี 2 ผลการประเมนิ ความคดิ เห็นของผู้นเิ ทศที่มีต่อการใช้สอื่ การจดั การเรียนรู้วทิ ยาการคานวณ (โค้ดดิง้ )

การประเมนิ ความสามารถต่อการใชส้ อ่ื ในการจดั การเรียนรวู้ ิทยาการคานวณ ระดบั ประถมศึกษา
1. ด้านเนื้อหาของสื่อการจัดการเรียนรู้ (n = 32)

ส่วน
คา่ เฉลีย่ เบยี่ งเบน แปลผล

มาตรฐาน

4.47 0.25 มาก

1. เนือ้ หาของสือ่ มคี วามสอดคลอ้ งกบั สาระและจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 4.42 0.54 มาก

2. เน้อื หามีความสมบูรณ์ถูกต้อง 4.58 0.50 มากทส่ี ดุ

3. เนื้อหาของส่ือชว่ ยพัฒนาความสามารถด้านวิทยาการคานวณ (โค้ดดิ้ง) 4.60 0.50 มากท่สี ุด

4. เนอ้ื หามรี ะดบั ความยากง่ายเหมาะสมกบั วัยของผู้เรยี น 4.38 0.60 มาก

5. การจดั ลาดับขน้ั ของเนื้อหามคี วามเหมาะสม 4.35 0.48 มาก

2. ดา้ นการออกแบบสอื่ การจัดการเรยี นรู้ 4.43 0.24 มาก

1. สื่อทอ่ี อกแบบมคี วามน่าสนใจ เข้าใจง่าย 4.48 0.54 มาก

2. ความสมดลุ ของเนื้อหา รูปภาพกบั ขนาดของส่ือ 4.19 0.69 มาก

3. ความเหมาะสมของการนาเสนอสอ่ื มีการ 4.58 0.50 มากทสี่ ุด
บรู ณาการหลากหลายวชิ า

4. มีการออกแบบอัลกอริทึมชัดเจน เข้าใจง่าย 4.38 0.49 มาก

5. สอ่ื ท่อี อกแบบมกี ารแทรกกจิ กรรมการเรยี นรู้ทีเ่ หมาะสมสอดคลอ้ งกับเนื้อหาและ 4.46 0.50 มาก
วัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้

6. มกี ารประยุกตใ์ ชส้ ือ่ กบั ชวี ติ ประจาวนั 4.50 0.50 มาก

3. ด้านการใชส้ ือ่ การจดั การเรยี นรู้ 4.47 0.40 มาก

1. สามารถใช้ส่ือประกอบการจัดการเรียนรู้ท่ีกระตุ้นให้นักเรียนฝึกทักษะวิทยาการ 4.52 0.50 มากที่สุด
คานวณ (โคด้ ดิง้ ) อย่างแท้จริง

2. เทคนิควิธีการนาเสนอน่าสนใจ ช่วยให้การเสนอเนื้อหาสาระเป็นไปอย่างถูกต้อง 4.71 0.46 มากท่สี ดุ
ชดั เจน

3. ใชส้ ื่อการจัดการเรียนรูไ้ ด้คลอ่ งแคล่ว เป็นธรรมชาติ และค้มุ ค่ากับการพัฒนา 4.19 0.66 มาก

รวม 4.45 0.18 มาก

จากตารางที่ 2 ผลการประเมินความคิดเห็นของผู้นิเทศท่ีมีต่อการใช้ส่ือในการจัดการเรียนรู้วิทยาการ

คานวณ (โค้ดดิ้ง) ของครู โดยภาพรวมอยู่ในดับมาก (ˉx= 4.45, S.D.= 0.18) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่าด้าน

เนื้อหาของสื่อการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก (ˉx= 4.47, S.D.=0.25) และด้านการใช้สื่อการจัดการเรียนรู้ อยู่

ในระดับมาก (ˉx= 4.47, S.D.= 0.40) เช่นเดียวกันและด้านการออกแบบส่ือการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก (ˉx=

4.43, S.D.= 0.24)

26

ปัญหาและอุปสรรค
ในการนิเทศและติดตามการนาไปใชป้ ระโยชนน์ ้ันไดด้ าเนินการลงพน้ื ที่โรงเรยี นสังเกตการจัดการเรยี นการ

สอนในชั้นเรียนร่วมกับอาจารย์มหาวิทยาราชภฏั กาญจนบุรี พบว่า ครูผู้สอนท่ีเข้ารับการอบรมหลักสูตรวิทยาการ
คานวณ(โคด้ ด้ิง) มกี ารนาความรูท้ ไ่ี ดร้ ับการอบรมไปประยุกต์กบั การเรยี นการสอนในชนั้ เรยี นในรูปแบบการเรียนท่ี
มีความหลากหลาย เช่น การเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนการสอนในรูปแบบการอัดคลิป
วิดีโอการสอนท่ีสามารถให้นักเรียนสามารถนาความรู้ไปเรียนได้ทุกท่ีทุกเวลา แต่ท้ังน้ีจากสถานการณ์การแพร่
ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 ส่งผลให้คณะทางานไม่สามารถไปสังเกตการณ์สอนในชั้นเรียนได้ครบทุก
โรงเรียน สานักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 ได้ดาเนินการแก้ปัญหาโดยการใช้ส่ือออนไลน์ในการ
นเิ ทศ/ตดิ ตาม รวมไปถงึ การให้ครผู ู้สอนอดั วดิ โี อ สง่ คลิปการจัดการเรยี นการสอนในชน้ั เรยี น

การประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้การขับเคลอื่ นการสรา้ งสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนวิทยาการคานวณโค้ดด้ิง

ประกวดสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนโค้ดด้ิง โดยนาความรู้จากการอบรมไปสร้างสื่อเพ่ือจัดการเรียน

การสอนวิทยาการคานวณในช้ันเรียน กาหนดการจัดกิจกรรมในวันที่ 28 สิงหาคม 2563ณ ห้องประชุมไพลิน

อาคาร 9 ช้นั 3มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั กาญจนบุรี โดยมีครผู สู้ อนที่ผา่ นการคดั เลอื กร่วมนาเสนอผลงาน และส่งผลงาน

เขา้ ร่วมกิจกรรมเป็นจานวนมาก

ผลการดาเนนิ กจิ กรรม

จากการท่ีครูเข้าร่วมอบรมหลักสูตรวิทยาการคานวณโค้ดด้ิงและมีการนาความรู้ท่ีได้รับจากการอบรมไป

จัดการเรียนการสอนในช้ันเรียน และได้ดาเนินการนิเทศ ติดตามการนาความรู้ท่ีได้รับไปใช้ประโยชน์อย่างเป็น

รูปธรรม โดยมีครูผู้สอนท่ีผ่านการคัดเลือกตามเกณฑ์การประเมินการจัดการเรียนรู้วิทยาการคานวณ และการใช้

สื่อ ดังน้ี ของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1 ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ

ตามลาดบั

ระดบั มัธยมศกึ ษา

นายชัยวฒั น์ ล่ายสกลุ โรงเรียนบ้านหว้ ยนา้ ขาว รางวลั ชนะเลศิ

นายธรี ะพล สุภาพ โรงเรยี นเขาดนิ วทิ ยาคาร รางวลั ชมเชย

ระดบั ประถมศึกษา

นายนฤนาท เอี่ยมฉ่า โรงเรยี นบา้ นทุง่ นานางหรอก "เพญ็ ชาติอปุ ถมั ภ"์ รางวัลชนะเลิศ

นายโอภาส ขนั ทะ โรงเรียนบ้านทุง่ มะขามเฒ่า รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดับ 1

นายชยพล มากบุญมา โรงเรียนวัดหนองพงั ตรุ รางวัลรองชนะเลศิ อันดบั 2

นางสาวชฎารัตน์ ถอื แกว้ โรงเรยี นบ้านทงุ่ นานางหรอก "เพ็ญชาตอิ ุปถัมภ"์ รางวัลชมเชย

นางสาวรจุ ิรา ดว้ งเดช โรงเรียนเขาดนิ วิทยาคาร รางวัลชมเชย

27

นางสาวนภสั พร ทองพรายโรงเรียนบา้ นหนองไผ่ รางวลั ชมเชย

นางสาวนภสั พร ทองพรายโรงเรยี นบา้ นหนองไผ่ รางวัลชมเชย

สานกั งานเขตพืน้ ท่ี

นายพนภาค ผิวเกล้ียง ได้รบั รางวลั ผู้ทาคณุ ประโยชน์ทางการศึกษา ดา้ นการพฒั นา ส่งเสริม สนับสนนุ

ยกระดับคุณภาพครูวิทยาการคานวณ (coding) ในการจัดการเรียนรู้และนิเทศการจัดการศึกษาโดยใช้พ้ืนที่เป็น

ฐาน

สามารถสรุปผลการดาเนินงานไดด้ งั นี้

ผลผลิต (output)

(1) ครผู ู้สอนในกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดร้ บั การพฒั นาความรู้ด้านวทิ ยาการ

คานวณ (โค้ดดิง้ )

(2) ครผู ู้สอนไดส้ อ่ื ทสี่ ามารถนาไปใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนด้านวทิ ยาการคานวณ (โค้ดดิ้ง)

(3) ครผู สู้ อนเกิดการบรู ณาการดา้ นการเรียนการสอนตามบรบิ ทของสถานศึกษา

ผลลพั ธ์ (outcome)

นกั เรยี นในพื้นทม่ี สี มรรถนะหลกั และมีคุณลักษณะที่พึงประสงคส์ ามารถอยรู่ ว่ มกบั ผู้อน่ื ในสงั คม

ไดอ้ ย่างมคี วามสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทย และพลเมอื งโลก

ผลกระทบ (impact)

(1) มีการจัดการเรียนการสอนดา้ นวทิ ยาการคานวณ (โค้ดดิ้ง) เพ่ิมขึ้นช่วยลดความเหล่ือมล้าทางการ

ศกึ ษา

(2) โรงเรียนได้ครูได้ครูตน้ แบบ เพื่อถา่ ยทอดองค์ความรแู้ ละทกั ษะการจัดการเรยี นการสอนวิทยาการ

คานวณ

จดุ เด่น

ครผู ูส้ อนมเี อาความใสใจต้องการใฝห่ าความรเู้ พ่มิ เติมและพรอ้ มจะนาความรไู้ ปใช้จดั การเรยี นการสอน

ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ัน้ พ้นื ฐาน (O-NET)

คะแนนเฉลี่ย

รายวชิ า ปีการศึกษา 2562 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผลตา่ ง(+/-)

ภาษาไทย 48.63 45.22 +5.59

คณิตศาสตร์ 31.00 27.60 -3.40

วิทยาศาสตร์ 34.64 36.47 +1.83

ภาษาอังกฤษ 29.70 37.73 +8.03

28

29

12. การเผยแพร่นวตั กรรม
เผยแพรน่ วตั กรรม ให้ศึกษานิเทศก์ สพป.กจ.1 สพป.กจ.2 สพป.กจ.3 สพป.กจ.4 ศน.ศธจ.กาญจนบรุ ี
โดยท่าน
รองศาสตราจารย์.ดร. กรณั ยพ์ ล วิวรรธมงคล
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พนิดา จารย์อปุ การะ
อาจารยม์ หาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบรุ ี สาขาหลกั สูตรและการสอน
พจิ ารณารปู แบบการนเิ ทศ ไปพฒั นาต่อยอด

30

31

13. เอกสารอ้างองิ

มาเรียม นลิ พันธ.ุ์ วธิ ีวจิ ยั ทางการศกึ ษา. พิมพ์ครั้งท่ี 3. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, 2553.
ยพุ ิน ยนื ยง และวัชรา เลา่ เรียนดี. “การพัฒนารปู แบบการนิเทศแบบหลากหลายวิธีการเพอ่ื สง่ เสริมสมรรถภาพ

การวิจยั ในชั้นเรยี นของครู,” วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตร์วจิ ัย ปีท3่ี ฉบบั ท1่ี , 2. (กรกฎาคม - ธนั วาคม
2554).
เกรียงศักด์สิ งั ข์ชัย. การพฒั นารปู แบบการนิเทศการสอนครวู ิทยาศาสตร์ เพอื่ พัฒนาศักยภาพ นักเรียนท่ีมแี วว
ความสามารถพเิ ศษทางวทิ ยาศาสตร์. ดษุ ฎีนพิ นธป์ รญิ ญาปรชั ญาดษุ ฎี- บัณฑติ สาขาวิชาหลกั สตู รและการ
สอน มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, 2553.
วชิรา เครอื คาอา้ ย. “การพัฒนารูปแบบการนิเทศนักศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครูเพ่อื พฒั นา สมรรถภาพ การ
จัดการเรียนรทู้ ส่ี ่งเสริมการคิดของนักเรียนประถมศกึ ษา,” Veridian E – Journal. Silpakorn University
ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1. ( กรกฎาคม 2553 ).
_________. ความคดิ สรา้ งสรรค์. กรงุ เทพฯ : สรุ ีริยาสาสน์ พมิ พ์, 2547.
วัชรา เล่าเรยี นดี. รปู แบบและกลยุทธก์ ารจดั การเรยี นรเู้ พอื่ พัฒนาทักษะการคิด. พมิ พ์ครง้ั ที่ 5. คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร วทิ ยาเขตพระราชวังสนามจันทร์, 2553.


Click to View FlipBook Version