The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ กะแยกระเหรี่ยงแดง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ กะแยกระเหรี่ยงแดง

ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ กะแยกระเหรี่ยงแดง

ขอ้ มลู กลุม่ ชาติพนั ธุ์กะแย(กะเหรยี่ งแดง) จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 45

กฎกติการว่ มของคนในชมุ ชน ข้อมูลกับทีมวิจัยว่า หมู่บ้านห้วยช่างค�ำมีการต้ังถ่ินฐาน
มานานแลว้ และยนื ยนั วา่ เปน็ ชาวกะแยทอ่ี ยใู่ นประเทศไทย
๑. ห้ามตัดไมท้ กุ ชนิดในเขตรัศมรี อบโป่ง ๘๐-๑๐๐ เป็นคนไทยดั้งเดิมโดยก�ำเนิด และบรรพบุรุษที่มาก่อต้ัง
เมตร ชมุ ชนไม่ไดอ้ พยพเข้ามาจากชายแดนประเทศพมา่
๒. ห้ามตดั ไม้ทกุ ชนดิ ในเขตพ้นื ทีบ่ วชปา่ ทรพั ยากรน้�ำ ในชมุ ชนบา้ นหว้ ยช่างค�ำ มแี หลง่ น�ำ้ ท่ี
๓. หากฝ่าฝืนกฎระเบียบ ครั้งแรกจะตักเตือนและ อุดมสมบูรณ์ สามารถท�ำการเกษตรได้ตลอดท้ังปี และ
ทำ� การบันทึกรายชื่อ ล�ำห้วยเล็กหลายเส้น มีแหล่งต้นน�้ำของชุมชนมีน้�ำใช้ด่ืม
๔. บคุ คลทฝี่ า่ ฝนื กตกิ าครง้ั ท่ี ๒ จะดำ� เนนิ การลงโทษ ทส่ี ะอาด ในแหลง่ นำ�้ หว้ ยชา่ งคำ� ยงั ไมม่ กี ารปนเปอ้ื นสารเคมี
ปรับไม่ต�่ำกว่า ๒,๐๐๐ บาท และน�ำตัวส่งเจ้าหน้าที่ และมีอาหารจากสัตว์น้�ำท่ีอุดมสมบูรณ์ ส่วนสภาพดิน
ดำ� เนนิ การตามกฎหมาย ในพน้ื ทมี่ สี ภาพดเี หมาะตอ่ การทำ� เกษตร ทด่ี นิ ยงั ไมเ่ สอื่ มโทรม
๕. หา้ มลา่ สตั วท์ กุ ชนดิ ในเขตพนื้ ทบี่ วชปา่ หากฝา่ ฝนื จากการทำ� การเกษตร
ปรับ ๒,๐๐๐ บาท
บ้านห้วยช่างค�ำ เป็นชุมชนกะแยชุมชนเดียวที่มี
การต้ังถ่ินฐานอยู่ในพ้ืนที่ต�ำบลห้วยโป่งและเป็นชุมชนที่ให้

บริบทชมุ ชนบ้านห้วยโปง่ ออ่ น

ประวัตคิ วามเป็นมา ประชากรบ้านห้วยโป่งออ่ น

ชุมชนบ้านห้วยโป่งอ่อน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๐ ปัจจบุ ันบ้านหว้ ยโปง่ อ่อน มจี �ำนวนครวั เรอื น ๑๐๘
หรอื ประมาณ ๒๐๐ กวา่ ปี เปน็ พน้ื ทอ่ี ยอู่ าศยั ของชาวกะแย หลังคาเรือน ประชากรกะแยในชุมชน มีจ�ำนวนทั้งหมด
(กะเหร่ียงแดง) มปี ระเพณคี วามเชือ่ ในการนบั ถอื ผีสบื ทอด ๔๑๒ คน ประชากรชายจำ� นวน ๒๑๐ คน และประชากร
มาต้ังแต่บรรพบุรุษดั้งเดิม การปกครองมีลักษณะเป็นพ่ี หญิง ๒๐๒ คน ประชากรท้ังหมดในชุมชนเป็นชาวกะแย
ปกครองนอ้ ง โดยมีผู้น�ำชุมชนทีเ่ รยี กว่าหัวหนา้ เผา่ เปน็ คน (กะเหรี่ยงแดง) ๙๕% อีก ๕ % กลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่มา
ท่ีอยู่ในชุมชนมานาน เป็นผู้ต้ังถิ่นฐานในชุมชน มาเป็น สมรสและสร้างครอบครัวอย่ใู นชุมชน
ผู้ปกครองชุมชน ซึ่งหมายถึงผู้น�ำตามประเพณีหรือ
ผนู้ ำ� ธรรมชาติ ชมุ ชนบา้ นหว้ ยโปง่ ออ่ นอยเู่ ขตปกครองตำ� บล อาชีพชุมชนบ้านหว้ ยโปง่ ออ่ น
หมอกจ�ำแป่ อ.เมอื ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน จากแฟ้มข้อมลู ชุมชน
ที่เก็บบันทึกข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านห้วยโป่งอ่อน อาชีพของชาวกะแยชุมชนบ้านห้วยโป่งอ่อน
เม่อื ๒๐๐ กว่าปี ชาวกะแย(กะเหร่ยี งแดง) ไดอ้ พยพจาก ข้อมูลแบบส�ำรวจปี ๒๕๖๑ อาชีพหลักในชุมชน คือ
ฝง่ั พมา่ ดว้ ยเหตจุ ากความไม่สงบ ไมป่ ลอดภยั จากการสรู้ บ การทำ� การเกษตร ทำ� ขา้ วไร่ ทำ� สวน ทำ� นา ๔๐ % รองลงมา
ของทหารพม่า กับกองก�ำลังชนกลุ่มน้อยพม่าที่ไม่ยอมข้ึน ล�ำดับที่ ๒ การท�ำงานรับจ้างทั่วไป ๒๕% ล�ำดับท่ี ๓
กับรัฐบาลพม่า จึงเป็นเหตุผลท่ีบรรพบุรุพชาวกะแย การท�ำปศุสตั ว์ เลยี้ งหมู ไก่ ววั ควาย ๑๕ % ล�ำดบั ท่ี ๔
บ้านห้วยโป่งออ่ น อพยพหลบหนีเขา้ มาในประเทศไทย การท�ำมาค้าขายท่ัว ๆไป ๑๐% และ การท�ำงานภาครัฐ
ภาคเอกชน ๕% และไม่มีอาชีพ ตกงาน อย่กู บั บา้ น ๕ %
รายได้ต่อครัวเรือน เฉล่ียเดือนละ ๕,๐๐๐ –
๑๐,๐๐๐ บาท รายได้มาจากการท�ำงานรับจ้างทั่วไป
รองลงการทำ� งานปศสุ ตั ว์ และรายไดจ้ ากการทำ� การเกษตร
ตามล�ำดบั

46 ข้อมลู กลุ่มชาตพิ ันธ์ุกะแย(กะเหรีย่ งแดง) จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน

อาณาเขตชมุ ชน การแบง่ โซนป่า

ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กับบา้ นห้วยมะเขือส้ม ๑) เขตป่าอนุรักษ์ การบวชป่า ผลท่เี กิดข้นึ คือ ใน
ทศิ ใต ้ ติดตอ่ กับกับบ้านในสอย เขตป่าชาวบ้านจะช่วยกันดูแลร่วมกันและไม่บุกรุก ท�ำให้
ทศิ ตะวันออก ตดิ ต่อกับบ้านหมอกจำ� แป่ ทรัพยากรป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าเข้ามาอาศัยอยู่
และต�ำบลหมอกจำ� แป่ นานาชนิด และได้แพร่ขยายพันธุ์ในพ้ืนที่เขตป่าอนุรักษ์
ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั บา้ นไม้สะเป่ บา้ นห้วยผึง้ นอ้ ย อย่างเห็นได้ชัด และการสืบชะตาแม่น้�ำและล�ำห้วย
จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันถึงแม้ประชากรในชุมชนเพ่ิมขึ้น
สภาพดา้ นเศรษฐกิจ แต่ชุมชนมีบริโภคปลาในแม่น�้ำและล�ำห้วยตลอดปี
เพราะชุมชนมีการท�ำขอบเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาชัดเจน
ในครัวเรอื นทกุ ครอบครวั จะทำ� ไร่ปลูกข้าวไร่ บางปี และการหาปลาแตล่ ะครงั้ เพยี งพอตอ่ การบรโิ ภคในวนั ตอ่ วนั
ถ้าฝนตกตามฤดูกาลข้าวจะพอกิน แต่ถ้าฝนไม่ตก ๒) เขตป่าช้า
ตามฤดกู าลขา้ วจะไม่พอกิน ๓) เขตปา่ สะดอื ในอดตี เมอ่ื มที ารกคลอดในหมบู่ า้ น
จะมีการท�ำลายรกที่ตัดท้ิง ใส่กระบอกไม้ไผ่และน�ำมามัด
ดา้ นสังคมประเพณแี ละวฒั นธรรม หอ้ ยไวก้ บั ตน้ ไมใ้ นเขตปา่ แหง่ น้ี ปจั จบุ นั แมจ้ ะมที ารกคลอด
ในชุมชนน้อยลง เนื่องจากไปคลอดที่โรงพยาบาล แต่ยังมี
ชุมชนมีความเชื่อดั้งเดิม และนับถือศาสนาพุทธ การท�ำลายรกที่แห้งหลุดจากสะดือไปแขวนกับต้นไม้ในป่า
ประเพณีที่สืบทอดทั้งพิธีกรรมต่างๆ ในหมู่บ้าน และ แหง่ นี้ เพอ่ื สืบทอดความเชอ่ื ด้งั เดมิ
ไร่หมุนเวียน มีการสืบทอดประเพณีท้ังศาสนาความเช่ือ ๔.) ป่าตน้ น�้ำ ห้ามมีการบุกรุกและถางท�ำเป็นพน้ื ที่
ดั้งเดิมและศาสนาพุทธ ในส่วนศาสนาคริสต์มีประเพณี ท�ำกินเพ่ิมห้ามตัดไม้ใดๆ ห้ามจับสัตว์น�้ำทุกชนิด
ท�ำพิธีกรรมต่างๆ เช่ือมโยงกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน�้ำทุกชนิด ผลท่ีเกิดคือมีการปฏิบัติมา
ในชุมชนอยู่ร่วมกัน มีความเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ พึ่งพาอาศัย อย่างต่อเน่ืองเข้มแข็งมีสัตว์น้�ำซ่ึงเป็นการกระตุ้นตาน�้ำ
กนั และกนั ทง้ั ในลกั ษณะของครอบครวั เครอื ญาติ นอกจากน้ี มตี ้นไม้อดุ มสมบรู ณน์ ำ�้ ไหลเพม่ิ ขน้ึ นทุกๆปี อยา่ งเหน็ ได้ชัด
ชมุ ชนไดเ้ ชอ่ื มโยงกบั สงั คมภายนอกเพอ่ื เทา่ ทนั สถานการณ์ และเปน็ ต้นน�ำ้ ในการใชป้ ระปาภูเขาของหมูบ่ า้ นอีกด้วย
โดยเฉพาะในเรอ่ื งทรพั ยากรและธรรมชาติ ๕) ป่าใช้สอย เป็นพ้ืนที่ป่าในการท�ำบ้านเรือน
ใชส้ อยในครวั เรอื นทำ� การจกั สานโดยการบรหิ ารจดั การรว่ ม
ขอบเขตปกป้องพนื้ ทีท่ รัพยากรชมุ ชน ของชุมชน ผลท่ีเกิดทางบ้านตระหนักในการใช้สอยให้เกิด
ประโยชน์มากทสี่ ุด มีการปลูกป่าเสรมิ ร่วมกนั ทกุ ๆปี
ชาวกะแย มกี ารจัดการทรัพยากรโดยแบ่งออกเปน็ ๖) ท่ีอยู่อาศัย ชุมชนแต่ละหย่อมบ้าน กันไว้
โซนเขตป่า แบ่งประเภทขอบเขตป่าต่างๆ คือ ป่าสะดือ อย่างชัดเจนซึ่งเป็นพ้ืนท่ีอยู่อาศัยเพ่ือสร้างบ้านเท่านั้น
ป่าช้า ป่าต้นน�้ำ ป่าอนุรักษ์ ป่าพิธีกรรม ป่าพื้นท่ีท�ำกิน ไม่มีสวนหรือพ้ืนท่ีใดๆ ร่วมในเขตท่ีอยู่อาศัย ด้วยคน
ทอี่ ยอู่ าศยั และปา่ ชมุ ชนใชส้ อย การบรหิ ารจดั การทรพั ยากร เพิ่มขึ้นทุกๆปี การขยายขอบเขตสร้างบ้านเรือนจะอยู่
ของชุมชนดูแลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในแต่ละปีมีการ เฉพาะพื้นท่ีกันไว้ โดยบ้านแต่ละครอบครัวเนื้อที่ประมาณ
ท�ำกิจกรรมอย่างต่อเน่ือง ชุมชนมีการท�ำกิจกรรมบวชป่า ๑-๒ งาน และไม่ได้ขยายขอบเขตบ้านเกินกว่าพ้ืนที่กัน
ทุกปี ปลูกป่าทุกปี และต่อมามีกิจกรรมอนุรักษ์พันธุ์ปลา เป็นท่ีอยอู่ าศยั ซงึ่ หากขยายไปทีอ่ ื่นจะไม่มีนำ้� ประปาใช้
ในแม่น�้ำและล�ำห้วยสาขา มีการควบคุมโดยใช้กติกา
กฎระเบยี บของชมุ ชน ซงึ่ ชมุ ชนไดป้ ฏบิ ตั กิ นั มาอยา่ งเขม้ แขง็
และตอ่ เน่ือง

ขอ้ มลู กลุม่ ชาตพิ นั ธุ์กะแย(กะเหรีย่ งแดง) จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน 47

๗) พื้นที่ป่าชุมชน นอกจากแบ่งเขตท่ีดิน/ป่า ถือครองตามจารีตประเพณีมาต้ังแต่สมัยบรรพบุรุษ
ตามโซนตา่ งๆ แล้ว ป่าชุมชนนห้ี มายถึงปา่ ทอ่ี ยใู่ นขอบเขต ผู้บุกเบิกที่ท�ำกิน ในการจัดการการถือครองท่ีดินโดยคน
หมู่บ้านดูแลรักษาร่วมกันผลที่เกิดข้ึนชาวบ้านใช้ประโยชน์ ในหมู่บ้านจะมีพ้ืนที่แปลงใหญ่ (แปลงรวม) ท่ีใช้ท�ำไร่
ร่วมกันโดยการหาของป่าพืชผักผลไม้ร่วมกันและเป็นพื้นๆ หมุนเวียนร่วมกัน ซ่ึงถือเป็นสมบัติของส่วนรวม ทุกคน
ที่ชาวบา้ นเลยี้ งววั ควายในปา่ ชมุ ชนนีด้ ้วย เป็นเจ้าของร่วมกัน จากนั้นจะมีการจัดสรรที่ดินในแต่ละ
๘) พื้นทแ่ี หลง่ ผลิตอาหารหรอื ไรห่ มุนเวียน ครัวเรือนตามความเหมาะสม โดยจะแบ่งเป็นครัวเรือนละ
ประมาณ ๔-๕ แปลง ตามรอบหมุนเวียนของการท�ำไร่
การใชป้ ระโยชนพ์ นื้ ท่ที รพั ยากรชุมชน แต่พ้ืนที่ท�ำมาหากินส่วนใหญ่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในการ
ถอื ครองตามกฎหมาย 
ระบบการถือครองท่ีดิน ระบบการถือครองที่ดิน ความหลากหลายของอาหาร  จากการเก็บข้อมูล
ของชาวกะแยบ้านห้วยโป่งอ่อน ส่วนใหญ่เป็นการได้รับ ด ้ ว ย แ บ บ บั น ทึ ก ข ้ อ มู ล พ บ ว ่ า ชุ ม ช น มี อ า ห า ร จ า ก
มรดกตกทอดจากพ่อแม่ โดยครอบครัวหน่ึงมีพ้ืนท่ีท�ำกิน ทรัพยากรธรรมชาตมิ ากกวา่ ๘๐ ชนิด
ครอบครัวละ ๔ - ๕ แปลง มี ๒ ลักษณะ ได้แก่
ท่ีดินท่ีส่วนบุคคล ได้แก่ พ้ืนท่ีนา พื้นท่ีสวน ซ่ึงถือเป็น
กรรมสิทธ์ิเฉพาะบุคคล ส่วนพื้นที่ไร่หมุนเวียน เป็นการ

48 ข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์กะแย(กะเหรี่ยงแดง) จังหวัดแมฮ่ ่องสอน

สรุปขอ้ มูลกลุ่มชาติพนั ธ์กุ ะแย(กะเหร่ยี งแดง)

ความเช่อื ชาวกะแยในชุมชน และการเลี้ยงเพื่อขอขมาผี โดยการเล้ียงผีนี้จัดขึ้นเพ่ือ
เปน็ การกลา่ วคำ� ขอบคณุ และคำ� ขอโทษในสงิ่ ทไี่ ดก้ ระทำ� ลงไป
ชุมชนกะเหร่ียงแดง มีความเช่ือและนับถือในเรื่อง ตัวอย่าง หากมีคนในหมู่บ้านไม่สบายและไปพบแพทย์ที่
ผี-วิญญาณ และพิธกี รรมท่เี กยี่ วข้องกับการเลี้ยงผอี ยูเ่ สมอ โรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่หายจากอาการเจ็บป่วยครอบครัว
ผที ช่ี าวบ้านนบั ถอื มอี ยู่ ๒ อยา่ ง คอื ผดี ี กับ ผีร้าย ผดี คี อื ก็จะท�ำการขอขมาผีเพื่อให้ผู้ป่วยหายจากอาการเจ็บป่วย
ผบี า้ น ซงึ่ มหี นา้ ทดี่ แู ละรกั ษาหมบู่ า้ นหรอื ผเี จา้ ทนี่ น่ั เอง และ หรือภายหลังจากการท�ำนาท�ำไร่สมาชิกภายในชุมชนจะมี
ผีเรือน คือผีบรรพบุรุษ เช่น ผีปู่ย่าตายายท่ีตายไปแล้ว การเล้ียงขอบคุณผีท่ีช่วยให้ได้ผลผลิตทางการเกษตร
วญิ ญาณยงั วนเวยี น คมุ้ ครองลกู หลานอยู่ ชาวกะเหรยี่ งแดง เป็นจ�ำนวนมาก นอกจากน้ันยังมีการเลี้ยงผีน้�ำที่จัดขึ้น
จะมพี ธิ ี เซน่ บวงสรวงบชู าผเี รอื นอยา่ งนอ้ ยปลี ะ ๒ ครง้ั เพอื่ เป็นประจ�ำทุกปีเพ่ือเป็นการขอบคุณที่คอยดูแลแม่น�้ำหรือ
ใหป้ ลอดภยั จากการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย หรอื รอดพน้ จากภยั ทงั้ ปวง ลำ� หว้ ยทสี่ มาชกิ ภายในชมุ ชนใชอ้ ปุ โภคและบรโิ ภค เปน็ ตน้
นอกจากการเลี้ยงผีบ้านผีเรือนแล้ว ชาวกะเหรี่ยงยังมี ชาวกะแย (กะเหรย่ี งแดง) นบั ถือผแี ละถอื ว่าทกุ ส่ิง
พิธเี ล้ียงผไี ร่ ผนี า ผีปา่ ผดี อย อกี ดว้ ย ทงั้ นีโ้ ดยอาศัยหมอผี ทุกอย่างมผี ปี ีศาจเฝ้าดูแลรกั ษา ในปา่ มีผีป่า บ้านมีผเี รือน
ผมู้ คี วามรใู้ นเรอื่ งไสยศาสตร์ เวทมนตรค์ าถา เปน็ ผปู้ ระกอบ ผหี มบู่ า้ น ผเี มืองการเลย้ี งผีหมบู่ ้าน เรียกว่า “เลี้ยงผนี ้อย”
พิธีกรรมเล้ียงผีเหล่าน้ี ซึ่งอาจจะมีทั้งผีดีและผีร้าย ที่อยู่ ซ่งึ มพี ธิ ีเลย้ี งผีน้อย ในราวเดือน ๑๐ เหนือ ทุกหลังคาเรอื น
ตามปา่ เขาลำ� ธารทว่ั ไป คอยลงโทษผทู้ ผ่ี า่ นไปใหไ้ ดร้ บั ความ ฆ่าไก่ ๑ คู่ นำ� ไปเซน่ ผหี มู่บ้าน ซ่ึงปลกู ศาลไวใ้ ตต้ น้ ไม้ใหญ่
เดือดร้อน ดังน้ัน ความเชื่อถือในเร่ืองผีและวิญญาณของ ริมหมู่บ้าน มีการผูกข้อมือด้วยเส้นด้าย โดยมีอาจารย์
ชาวกะเหรี่ยงแดง จึงมีผลดีต่อสังคมชาวกะเหรี่ยงแดง ทางไสยศาสตรห์ รอื หมอผปี ระจำ� หมบู่ า้ นนน้ั เปน็ ผปู้ ระกอบพธิ ี
อย่างมาก และท�ำให้เกิดคุณธรรมขึ้น เพราะไม่มีใครกล้า เป่า เสกเวทมนตร์คาถาสะเดาะเคราะห์ขับไล่ความช่ัวร้าย
ท�ำความผิด เช่น การลักขโมยหรือการผิดลูกผิดเมียผู้อ่ืน ทงั้ หลายใหอ้ อกไปจากรา่ งกาย และจติ ใจ การเลยี้ งผนี อ้ ยนน้ั
แมค้ นไมเ่ หน็ แตผ่ เี หน็ เสมอ เปน็ ตน้ นอกจากการนบั ถอื ผแี ลว้ ชาวบ้านทุกคนต้องหยุดงานไม่ไปไร่สวนเป็นเวลา ๓ วัน
ชาวกะเหร่ียงแดงยังนับถือศาสนาคริสต์ และพุทธศาสนา ตา่ งชว่ ยกนั ทำ� ซมุ้ ประตูซงึ่ อยรู่ ะหวา่ งหวั หมบู่ า้ นกบั ทา้ ยหมบู่ า้ น
อกี ดว้ ย ปิดเคร่ืองหมายเฉลวเพ่ือห้ามคนต่างถ่ินหรือต่างหมู่บ้าน
ทงั้ ๑๑ ชมุ ชน มกี ารนบั ถอื ผปี ะปนรว่ มกบั การนบั ถอื เขา้ ออกภายในบรเิ วณหมบู่ า้ น ตลอดระยะเวลาทป่ี ระกอบพธิ ี
ศาสนา เชน่ พทุ ธผี เนอื่ งจากเปน็ หมบู่ า้ นทอ่ี ยภู่ ายในหบุ เขา หากมีคนต่างถ่ินเข้าไปก็ห้ามออกจากหมู่บ้าน จนกว่า
มีพื้นที่ป่าไม้จ�ำนวนมาก จึงเป็นท่ีมาของความเชื่อในเรื่อง จะเสรจ็ พธิ เี ลยี้ งผนี อ้ ยหรอื งานเซน่ ผหี มบู่ า้ น เมอื่ เสรจ็ พธิ แี ลว้
ของผี ไม่ว่าจะเป็นผีเจ้าที่เจ้าทาง หรือ ผีเจ้าป่าเจ้าเขา จะถูกปรับไหมทันที ท่ีประทับผีหมู่บ้านทำ� เป็นศาลหลังสูง
ท่ีคอยรักษาคุ้มครองพ้ืนท่ีภายในหมู่บ้าน เช่น บ้านเรือน ประมาณ ๒ เมตร ไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างหมู่บ้าน ชาวบ้าน
ลำ� หว้ ย ไร่ สวน เปน็ ตน้ โดยความเชอ่ื ในเรอื่ งของการนบั ถอื ผี ตา่ งนำ� ไก่ต้ม ๑ คู่ สรุ า ๑ ขวดใส่ถาดอาหารไปเซ่นผนี อ้ ย
มคี วามสอดคลอ้ งและเชอื่ มโยงไปกบั เรอื่ งสขุ ภาพ การเจบ็ ปว่ ย หรือผีหมู่บ้าน เม่ือเสร็จแล้วก็น�ำมารับประทานกัน และ
และการด�ำเนินชีวิตของสมาชิกภายในชุมชน ท�ำให้ มกั มีการร้องทำ� เพลงอยา่ งสนกุ สนาน
ภายในหมู่บ้านมีวัฒนธรรมการเล้ียงเพื่อขอบคุณผี

ขอ้ มลู กลุ่มชาติพันธุ์กะแย(กะเหร่ียงแดง) จังหวดั แมฮ่ ่องสอน 49

งานเล้ียงผีหลวง หรือเรียกว่า “ผีเมือง” จะท�ำพิธี ชุกชุม ใช้หน้าไม้ยิงนก ดักแร้วไก่ป่าและนกมาเป็นอาหาร
ในเดือน ๕ เหนือ หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วหรือเรียกว่า แทบทุกบ้านจะเล้ียงหมูและไก่ไว้ ชาวกระเหรี่ยงแดง
งานกนิ ขา้ วใหมก่ ไ็ ด้ เพราะงานนจ้ี ะมหี ลงั จากเกบ็ เกยี่ วขา้ วใหม่ รับประทานได้ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า ส�ำหรับข้าวมี
ชาวกระเหรยี่ งแดงหยดุ งานไมไ่ ปไหนทงั้ ๓ วนั เชน่ เดยี วกบั ลักษณะเมล็ดกลมๆ อย่างข้าวพันธุ์เบาท่ัวไป พืชไร่
งานพิธีเล้ียงผีน้อยหรืองานเล้ียงผีหมู่บ้าน มีการฆ่าไก่ ท่ีเหลือจากการรับประทาน และของป่าที่เก็บได้ก็เอามา
มากน้อยแล้วแต่ฐานะของบุคคล ถ้าครอบครัวใดมีฐานะดี ขายทตี่ ลาด
ก็ฆ่าหมูแต่อย่างน้อยที่สุดหลังคาเรือนหน่ึงจะต้อง ฆ่าไก่
ไม่ต�่ำกว่า ๑ คู่ คนฐานะทางเศรษฐกจิ ดี ๒-๓ คู่ หรือฆ่าหมู ประเพณีท่ีส�ำคัญของกลุม่ ชาติพนั ธ์กุ ะแย
หน่งึ ตัว นำ� เอาไปเซน่ ผีหลวงหรอื ผเี มอื ง มีการนำ� เฉลวหรือ จังหวดั แมฮ่ ่องสอน
ตาแหลว ติดไว้ทีซ่ ้มุ ประตูหมู่บา้ นเปน็ สัญลักษณ์ หา้ มไม่ให้
ต่างถิ่นหรือต่างหมู่บ้านเข้าออกภายในหมู่บ้านในช่วงเวลา ๑. ประเพณีปอยต้นทใี หญ่
ท่ีจัดงาน มีพิธีผูกข้อมือด้วยเส้นด้ายเรียกขวัญ เล้ียงสุรา
อาหาร วันสุดท้ายพิธีเลี้ยงผีหลวงน้ี มีการชุมนุมร้องเพลง งานปอยต้นทีใหญ่จัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี
โต้ตอบกันระหว่างฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ร้องเพลง จะมกี ารจดั ตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลา ๓ วนั โดยจะทำ� การเสยี่ งทาย
เกี้ยวพาราสี และร�ำพันถึงความเป็นไปในรอบปีท่ีผ่านพ้น โดยดกู ระดกู ไกส่ องทอ่ น เพอ่ื หาฤกษย์ ามทจี่ ะจดั หาทศิ ทาง
ไปแลว้ ทจี่ ะไปหาต้นทใี นป่า
ในวันแรก เมื่อได้ฤกษ์ยามแล้วก็จะต้องไปตัดไม้
ความรู้เกษตรธรรมชาติ - ระบบเกษตรอินทรีย์ ในป่าโดยเลือกต้นที่ตรงและทนทาน ปัจจุบันจะไม่จ�ำกัด
(ไร่หมนุ เวยี น) ประเภทต้นไม้ท่ีน�ำมาตัดเป็นต้นที ขอเพียงเป็นต้นไม้
ที่ตรง สวย โดยขณะท่ีไปตัดต้นทีจะมีผู้อาวุโสในหมู่บ้าน
กะเหร่ียงแดง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หน่ึงที่รู้จักการใช้ เปน็ ผนู้ ำ� ซงึ่ ชาวบา้ นทไ่ี ปตดั ไมใ้ นปา่ จะตฆี อ้ งตลอดเสน้ ทาง
พื้นที่ท�ำกินแบบอนุรักษ์ โดยวิธีท่ีเรียกว่า “ไร่หมุนเวียน” ผอู้ าวโุ สจะโปรยขา้ วสารไปยงั ตน้ ทไี่ ดท้ ำ� การเลอื กและจะสมั ผสั
คือ ท�ำไปแล้ว ก็พักท้ิงไว้ ๓-๗ ปีก็จะกลับไปท�ำใหม่ ตน้ ไมเ้ ปน็ คนแรก จากนน้ั ชาวบา้ นจะตดั แตง่ ถากเอาเปลอื กไม้
หมุนเวียนกันอย่างน้ีไปเร่ือยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย ออกจนหมด แลว้ ชว่ ยกนั ยกมายงั หมบู่ า้ น ในระหวา่ งยกมา
หน้าดิน อันจะท�ำให้ดินเสื่อมคุณภาพ นอกจากนั้นแล้ว จะหา้ มไมใ่ หว้ างเสาลงกอ่ นถงึ ลานพธิ ี พอถงึ ลานพธิ จี ะมหี ญงิ
ชาวกะแยนยิ มเลย้ี งสัตวต์ ่างๆ ดว้ ย เช่น ววั ควาย หมู ไก่ เอานำ้� ขมน้ิ สม้ ปอ่ ย พรมใหพ้ รเสา บางคนจะชว่ ยชำ� ระลา้ งเสา
โดยเฉพาะไก่และหมูเลี้ยงไว้ เพื่อใช้ในพิธีกรรมต่างๆ โดยการเอาใบไม้จมุ่ นำ�้ พรมไปบนเสาและขดั เกลาลำ� ตน้ ให้
นอกจากนชี้ าวกะแยมกี ารการเลยี้ งชา้ งและใชช้ า้ งเพอื่ รบั จา้ ง กลมกลงึ ประดบั เสาด้วยศาลรูปปราสาทเล็กๆ ที่สลักจาก
ท�ำงานกับบริษัทท�ำไม้ และนิยมล่าสัตว์ป่าเพ่ือการบริโภค ต้นไมเ้ นื้ออ่อน
และมคี วามชำ� นาญในการหาของปา่ มาขาย เปน็ รายไดอ้ กี ดว้ ย ในวนั ทส่ี อง เรมิ่ ทำ� แตเ่ ชา้ เปน็ วนั ประดบั ประดาตน้ ที
อาหารการกนิ ของ กะเหร่ยี งแดง (กะแย) คอ่ นข้าง สำ� หรบั เปน็ ทสี่ งิ สถติ ของดวงวญิ ญาณตา่ งๆ จากศาล จะผกู
ประหยดั กนิ อยอู่ ยา่ งงา่ ยๆ เกบ็ เอาผกั ตามสวนและตามปา่ ผ้าแนวยาวทอดลงมากลางตน้ ที เป็นบันไดให้ดวงวญิ ญาณ
เช่น หนอ่ ไม้ ผกั กูด หวายอ่อน เหด็ ต๋าว ฯลฯ หาปลาตาม ปีนขนึ้ ไปยอดต้นที และเป็นวนั รบั แขกในวนั น้ี ญาติพน่ี ้อง
ล�ำห้วยหรือหนองน้ำ� ท่มี อี ย่ใู กลเ้ คียง ว่างๆ กเ็ ข้าป่าลา่ สัตว์ ท่ีอยู่ห่างต่างถ่ินอื่น รวมทั้งแขกบ้านใกล้เคียงที่รู้จัก และ
ในป่าบริเวณใกล้หมู่บ้านของเขา ซ่ึงเป็นหุบเขาท่ีมีสัตว์ป่า ทราบข่าวการจัดงานประเพณี จะมาเท่ียวจึงมีการ
เลี้ยงข้าวปลาอาหาร รวมถึงการสังสรรค์ด่ืมสุรากันอย่าง
สนกุ สนานท้งั วนั ทัง้ คนื

50 ข้อมลู กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุกะแย(กะเหร่ียงแดง) จังหวดั แม่ฮ่องสอน

วันที่สาม เป็นวันต้ังต้นทีเซ่นไหว้และเฉลิมฉลอง เตรยี มพน้ื ทจ่ี ะทำ� พธิ ี นอกจากนน้ั ชาวบา้ นจะเตรยี มพชื ทจ่ี ะ
ของเซน่ ไหว้ ไดแ้ ก่ เนอื้ หมู ไก่ ขา้ วนง่ึ ขา้ วเจา้ หมากพลู เงนิ น�ำมาถวายเทพยดา พืชท่ีน�ำมาถวายมีท้ังสุกและดิบอย่าง
กล้วย เหล้าขาว ส่วนอาหารมี ลาบหมู แกงหมู แกงไก่ ละครง่ึ
ตม้ สม้ หมู โดยมีข้อจ�ำกัดว่า ถ้าเซ่นด้วยของสุกก็ต้องสุก วันท่สี อง เป็นการท�ำบญุ ผู้นำ� พธิ ีกรรม คือ ผู้นำ� พธิ ี
ทกุ อย่าง หากเปน็ ของดิบ ตอ้ งดบิ ทุกอย่างเหมอื นกนั หมด คนเดยี วกนั กบั ปอยตน้ ทใี หญ่ โดยชาวบา้ นไปบรเิ วณจดั ทำ� พธิ ี
ในวนั นชี้ าวบา้ นจะชว่ ยกนั ขดุ หลมุ บรเิ วณลานพธิ ที เ่ี ตรยี มไว้ แลว้ จะมีการจดั เกบ็ เงินบา้ นละ ๒๐ บาท เพื่อซอ้ื หมแู ละไก่
ตอนตง้ั ตน้ ทเี ดมิ ผอู้ าวโุ สจะใชเ้ ลอื ดแพะ แตป่ จั จบุ นั ผอู้ าวโุ ส มาทำ� ตรงบรเิ วณท่จี ดั งาน เพอ่ื ทำ� หมู พอท�ำเสร็จมีการแบง่
จะใช้เลือดไก่แทน โดยเจาะเลือดสดๆ ให้ไหลออกมาทาง หมเู ทา่ ๆกนั เพอ่ื นำ� ไปแจกจา่ ยตามบา้ นทไี่ ดบ้ รจิ าคเงนิ กอ่ น
จมูก ปาก ทาต้นที อธิษฐานขอให้ได้ฝน ได้ข้าว ได้โชค ทจี่ ะนำ� ไปแจกจะนำ� ชน้ิ สว่ นตา่ งๆของหมอู ยา่ งละนดิ เพอ่ื เอา
โคนต้นทีจะปักกิ่งไม้สลักรูปไม้ไผ่ เพราะไม้ไผ่ใช้พรมไม้ ไปถวายใหเ้ ทพยดา และชาวบา้ นจะนำ� พชื พรรณธญั ญาหาร
เพือ่ อวยพร จึงถือวา่ ไม้ไผ่เปน็ สญั ลกั ษณข์ องความสริ มิ งคล ไดแ้ ก่ ขา้ ว ( จะใชท้ งั้ ตน้ ทง้ั รวง ) แตง ถวั่ พรกิ เผอื ก มนั หรอื
ซง่ึ หากใชไ้ มไ้ ผจ่ รงิ จะเหย่ี วเรว็ เกนิ ไป ทง้ั นจ้ี ะมกี ารหา้ มผหู้ ญงิ พชื พรรณตา่ งๆ ทไี่ ดป้ ลกู ไวน้ ำ� มาสมทบกนั ถวายสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์
ไม่ให้เข้าไปในบริเวณประกอบพิธี จนกว่าพิธีแล้วเสร็จ เพ่ือท่ีหมู่ชาวบ้านจะได้ท�ำอาหาร เช่น แกงฟักเขียวหมู
ตน้ ทที ท่ี ำ� พธิ แี ลว้ นนั้ ใครกแ็ ตะไมไ่ ด้ ทงั้ หญงิ และชาย จากนน้ั หมูผัดหน่อไม้ ผัดผัก แกงแตงกวา แกงเผือก พอท�ำเสร็จ
จะมีการเต้นรอบๆ ต้นที ของกลุ่มผู้ชาย (ห้ามผู้หญิงเต้น) จะน�ำไปถวายให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บริเวณที่ต้นทีเล็ก โดยน�ำ
โดยการตีฆ้อง กลอง ตามจังหวะผลัดกันตลอดระยะเวลา วตั ถดุ บิ ทไี่ ด้มาจากไร่ น�ำมาประกอบอาหารเม่อื นำ� ของไป
ท่ีจัดงานพิธี เพ่ือแสดงความเคารพต่อสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ พร้อมกันผู้น�ำพิธีจะบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ทราบว่า
โดยผู้น�ำพิธีจะกล่าวถวายขอเชิญให้ส่ิงศักด์ิสิทธิ์ลงมารับ ทางชาวบ้านได้น�ำผลผลิตพืชและอาหารที่ท�ำจากการปลูก
ของเซ่นไหว้ และขอพรคุ้มครองหมู่บ้าน ให้อยู่เย็นเป็นสุข มาถวายเทพยดา เปน็ การขอบคณุ ทชี่ ว่ ยดแู ลรกั ษาพชื ทปี่ ลกู
ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บท้งั มวล ให้มอี าหารอดุ มสมบูรณ์ ให้งอกงามจนได้ผลผลติ

๒. ประเพณีปอยตน้ ทเี ล็ก (ปอยรวงขา้ ว) ๓. ประเพณีปอยขา้ วตม้

งานปอยตน้ ทเี ลก็ จะจดั ขน้ึ ในเดอื นตลุ าคมของทกุ ปี
กอ่ นการเกบ็ เกย่ี วขา้ ว เพอ่ื แสดงการขอบคณุ เทพยดาอารกั ษ์
ที่คอยปกปักษ์รักษาที่นาให้ข้าวเจริญเติบโตงอกงามจนถึง
การเกบ็ เกยี่ ว โดยคนแกจ่ ะทำ� การตกแตง่ และทำ� ทเี่ ซน่ และ
วยั กลางคนจะไปตดั ตน้ ไมม้ าใหค้ นแกต่ กแตง่ พอตกแตง่ เสรจ็
ก็จะช่วยกันยกต้นทีขึ้น ชาวบ้านมีพื้นฐานความเช่ือที่ว่า
หลังจากที่ชาวบ้านไปปลูกพืชพรรณธัญญาหารแล้ว
เทพยดาได้คอยดูแลให้จนพืชอุดมสมบูรณ์จนได้เก็บเก่ียว
เมอื่ เกบ็ เกย่ี วพชื ในไรไ่ ดแ้ ลว้ จะนำ� มาถวายเทพยดา ใหไ้ ดก้ นิ
ขัน้ ตอนในการท�ำปอยตน้ ทเี ลก็ จะท�ำ ๒ วัน กอ่ น
จะท�ำพิธีจะมีการดูกระดูกไก่ เพื่อก�ำหนดวัน เมื่อได้วัน
ที่เหมาะสมแล้วจะจดั งาน
วนั แรก เปน็ วนั เตรยี มการ โดยจะไปหาไมท้ จ่ี ะมาทำ�
เสาคล้ายกับเสาต้นทีแต่มีขนาดเล็กกว่าและส้ันกว่า แล้ว

ข้อมูลกลุม่ ชาตพิ นั ธ์ุกะแย(กะเหรยี่ งแดง) จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 51

ประเพณีปอยข้าวต้มเป็นประเพณีท่ีถ่ายทอดกันมา ข้าวต้ม ช่วงตอนเย็นถึงกลางคืนจะต้มข้าวต้มและเตรียม
ต้ังแต่สมัยโบราณของกลุ่มชาติพันธุ์กะแย(กะเหร่ียงแดง) อาหารไวต้ อ้ นรบั แขกท่ีมาเท่ียวงาน
เมือ่ เสรจ็ ภารกิจจากงานต่างๆกจ็ ะรวมตัวกนั เพื่อนัดหมาย วันที่สอง วันรับแขกและญาติพ่ีน้อง เจ้าของบ้าน
ในการจัดงานปอยข้าวต้ม โดยทุกๆบ้านจะห่อข้าวต้ม จะน�ำอาหาร เคร่ืองด่ืม มาเลี้ยงต้อนรับแขก และจะแจก
เพื่อไปถวายส่ิงศักดิ์สิทธิ์ท่ีนับถือ เพ่ือที่จะได้อยู่ดีกินดี ขา้ วตม้ สามเหล่ียมใหน้ �ำกลบั บา้ นดว้ ย
ไดผ้ ลผลติ ตามปรารถนาและยงั ชว่ ยปกปกั รกั ษาใหป้ ลอดภยั วันท่ีสาม วันนี้เป็นวันส่งแขกและญาติพ่ีน้อง
สงบสุข โดยจะมีการแจกข้าวต้มให้กับผู้ท่ีมาเยือนน�ำกลับไปฝาก
งานปอยขา้ วตม้ จะจดั ขน้ึ ในเดอื นกนั ยายนของทกุ ปี คนที่บ้านดว้ ย เปน็ อนั เสร็จพธิ ีชว่ งแรก
เพ่ือเป็นการเลี้ยงขอบคุณส่ิงศักดิ์สิทธ์ิที่นับถือ ที่ได้ดูแล หลังจากเสร็จพิธีในวันที่สามหรือช่วงแรกไปแล้ว
พืชพรรณธัญญาหาร และเป็นการเล้ียงอาหารศัตรูพืช ในตอนเย็นวันนั้นจะมีการท�ำข้าวต้มรอบสองอีกคร้ัง
เพอื่ จะใหศ้ ตั รพู ชื ไดก้ นิ ขา้ วตม้ ทน่ี ำ� ไปเลยี้ ง แลว้ นำ� กลบั มาคนื เพอื่ จะเอาขา้ วตม้ นน้ั ไปทำ� พธิ ที ไ่ี รด่ ว้ ยตนเอง เมอื่ ขา้ วตม้ สกุ
ใหต้ ้นข้าวออกรวงและได้ข้าวมากขึ้น จะแบ่งออกเปน็ ๒ ห่อ โดยน�ำหอ่ หน่งึ ไปไวท้ ต่ี ้นข้าวเหนียว
ข้ันตอนในการท�ำพิธี ผู้น�ำดูกระดูกไก่เพื่อก�ำหนด อกี หอ่ หนง่ึ ไปไวท้ ต่ี น้ ขา้ วเจา้ หลงั จากนน้ั จะบอกใหส้ ตั ว์ และ
ชว่ งเวลาทเี่ หมาะสมจะจดั ทำ� พธิ ี ๓ วนั การทำ� พธิ ปี อยขา้ วตม้ แมลงบริเวณนั้นลงมากินและอย่าลืมว่าเม่ือกินเสร็จแล้วให้
จะแบ่งออกเปน็ ๒ ช่วง น�ำกลับมาคืนด้วย ช่วงกลางคืนจะมีการละเล่นพื้นบ้าน
วันแรกชาวบ้านจะออกไปหาใบพืชที่จะน�ำมาห่อ เช่น ร�ำกะเหรี่ยงแดง การเต้นผี เครื่องดนตรีท่ีใช้ ได้แก่
ข้าวต้ม ใบพืชนี้คือ ใบดอกหญ้าท่ีใช้ท�ำไม้กวาดดอกหญ้า ฆอ้ ง ๒ อนั กลอง ๑ ใบ ฉาบ ๑ คู่
โดยจะเลอื กใบทย่ี งั ไมแ่ ก่มาก เมื่อได้ใบมาแลว้ จะนำ� มาห่อ

ภาพกจิ กรรมปอยข้าวต้ม

52 ขอ้ มลู กลุ่มชาตพิ ันธุ์กะแย(กะเหรี่ยงแดง) จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน

๔. ประเพณีการแต่งงานรอบท่ี ๒

ภาพประเพณแี ต่งงานรอบท่ี ๒

พธิ งี านแตง่ งานรอบแรกของกะเหรยี่ งแดงจะจดั งานเพยี งวนั เดยี วโดยฝา่ ยเจา้ สาวและเจา้ บา่ วจะเปน็ เจา้ ภาพรว่ มกนั
เร่ิมด้วยการแห่ขบวนเจ้าบ่าวไปบ้านเจ้าสาว แม่เจ้าสาวจะคอยรดน�้ำล้างเท้าให้เจ้าบ่าว เพื่อช�ำระส่ิงไม่ดีที่อาจติดมา
ส่วนเจ้าสาวจะจัดน�้ำใส่ถังมาล้างมือเจ้าบ่าว โดยมีญาติพ่ีน้องท้ังสองฝ่ายมาผูกข้อมือให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวครบทุกคน
พิธีแต่งงานรอบสองของกะเหรี่ยงแดง หมายถึง การแต่งงานคู่เดิมท่ีแต่งงานกันในรอบแรก ลักษณะของพิธีใช้เวลา
ประกบิ พธิ ี ๓ วัน ๓ คืน จะเริ่มแตเ่ ชา้ ตรู่ โดยท่เี จา้ บ่าวและเจ้าสาวจะคอยญาตอิ ยทู่ ่บี า้ นของตนเอง เพ่อื ท�ำการผูกข้อมอื
และให้ญาติพี่น้องอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว จากน้ันจะเร่ิมท�ำพิธี โดยการพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปท�ำพิธีท่ีบ้านเจ้าบ่าว
แล้วกลับมาท�ำพิธีตอ่ ทีบ่ ้านเจ้าสาว เพอ่ื แสดงการขอบคุณบดิ ามารดาที่คอยดแู ลเล้ียงดูจนเติบโตมคี รอบครวั เปน็ ฝ่งั เป็นฝา

๕. ประเพณงี านศพ

ภาพประเพณงี านศพชาวกะแย

ข้อมูลกลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์กะแย(กะเหรี่ยงแดง) จังหวัดแมฮ่ ่องสอน 53

เม่ือมีชาวกะแย(กะเหร่ียงแดง) ถึงแก่ความตาย ในการเคล่ือนศพออกจากบ้าน หมอผีหรือ
ครอบครัวผู้ตายจะให้คนไปบอกชาวบ้านให้มาช่วยงานศพ ผู้น�ำในการประกอบพิธีประจ�ำหมู่บ้านจะเดินน�ำหน้า
พธิ ที �ำศพจะท�ำกันอยา่ งสนุกสนานครกึ ครืน้ เปน็ เวลา ๓ วัน สะพายยา่ มแดง ภายในบรรจุเคร่ืองใช้ประจ�ำของตัวผู้ตาย
๓ คืน โดยถือว่าผู้ตายได้ไปเกิดใหม่หรือข้ึนสวรรค์ จะมี มฆี ้อง กลอง และการฟอ้ นร�ำนำ� หนา้ ขบวนศพ ยงิ ปืนขนึ้ ฟ้า
การท�ำบุญปลูกศาลาอุทิศให้แก่ผู้ตายไว้ภายในหมู่บ้าน กอ่ นจะเคลอื่ นศพไปสปู่ า่ ชา้ ชาวบา้ นทกุ หลงั คาเรอื นตา่ งพากนั
ชาวบ้านทุกคนจะหยุดงานไม่ไปไร่สวนหรือไปกิจธุระอื่น ไปส่งศพ ตามขนบธรรมเนียมชาวกะแย(กะเหร่ียงแดง)
เพอ่ื ชว่ ยงานศพกนั อยา่ งคบั คงั่ ในการจดั การศพ จะเอาเสอื้ เดิมนัน้ ใชเ้ ผา คือใชไ้ ม้ไผแ่ ห้งหรือท่ชี าวเหนือเรียก “ไม้บั่ว”
พนั รอบศพแลว้ มดั เอาผา้ คลมุ ไว้ และนำ� เสอ้ื ผา้ เครอื่ งแตง่ กาย ไปกองรวมกันไว้ท�ำเป็นแท่นรองรับ สูงประมาณ ๒ เมตร
ของผู้ตายมาวางไว้ข้างศพด้วย ผู้ที่ฐานะดีก็ท�ำโลงศพ เม่ือน�ำศพไปถึงป่าช้าแล้วก็น�ำวางไว้บนกองไม้ ตีฆ้อง
ถ้าผู้ตายคลอดบุตรตายหรือตกต้นไม้ตาย ถือว่าตายไม่ดี รอ้ งเพลง ฟอ้ นรำ� จากนนั้ จงึ เรม่ิ เผา และทยอยใสฟ่ นื จนศพไหม้
จะเอาศพไวบ้ า้ นเพยี งวนั เดยี ว แตถ่ า้ ตายดว้ ยอาการเจบ็ ปว่ ย เหลือแต่กระดูก แต่ปัจจุบันนี้บางหมู่บ้านได้มาฝังศพ
ธรรมดาเอาศพไวน้ านกว่ี นั กไ็ ด้ เจา้ ของบา้ นตอ้ งฆา่ หมฆู า่ ไก่ แทนการเผา เพราะไมต่ อ้ งล�ำบากไปหาฟืนมาใชใ้ นการเผา
ต้มสรุ ามาเลีย้ งชาวบา้ น ชาวกะแย(กะเหร่ยี งแดง) เป็นผมู้ ี เม่ือเสร็จพิธีการฝังศพแล้ว ผู้ไปส่งศพทุกคนเอา
อารมณ์ดีชอบการสนุกร่ืนเริง เมื่อมีงานใดก็ตาม ชาวบ้าน น้�ำส้มป่อยพรมศีรษะ และร่างกายคนละเล็กละน้อย
ทั้งผู้เฒ่าหนุ่มสาวต่างร้องเพลงโต้ตอบกัน ในงานศพ เพื่อขับไล่ความอัปมงคลหรือป้องกันไม่ให้ผีคนตายหรือ
เพลงที่ร้องมีเนื้อหากล่อมดวงวิญญาณผู้ตาย ขอให้ไป ผใี นปา่ ชา้ เขา้ มามารบกวน เพราะคนทขี่ วญั ออ่ นอาจตกใจงา่ ย
เสวยสขุ ในสรวงสวรรค์ ถา้ ไปเกดิ ใหมข่ อใหไ้ ปเกดิ ในตระกลู และเจ็บปว่ ยได้ ขากลับจะเดนิ กลับเปน็ กลุ่มๆ ระหวา่ งทาง
ทม่ี ง่ั มี และเจรญิ ดว้ ยลาภยศนานาประการ และมกี ารรอ้ งเพลง ทุกคนจะเด็ดใบหนาดคนละใบมาทัดหู ท้ังนี้เพื่อป้องกัน
ท�ำนองเกี้ยวพาราสีกัน ฝ่ายใดมีคารมดีร้องเพลงได้จับใจ ผีคนตายหรือผีในป่าช้าอ่ืนๆ ติดตามมายังหมู่บ้านของตน
คนฟงั กป็ รบมอื ปอ้ นข้าวสุราอาหารเป็นรางวัล เพราะเขาถือวา่ ใบหนาดเปน็ ใบไมท้ ผ่ี กี ลวั ท่ีสดุ

๖. ประเพณกี ารแต่งกาย

เครื่องแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงแดง มีเอกลักษณ์
ของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเพศชาย จะสวมเส้ือแขนสั้นสีแดง
กางเกงขากว๊ ยสแี ดง และมีผ้าโผกศรษี ะสีแดงท้งั ผ้ชู ายและ
ผหู้ ญิง เรียกว่า โกะโทะ สว่ นผหู้ ญงิ จะสวมผ้าทอสีแดงพาด
ลงมาจากไหลข่ วา เรียกว่า โบ๊ะฉะ และใช้ผ้าทอสขี าวปลาย
สแี ดงรัดผ้าสะโพก เรียกว่า แซแหระ โพกศีรษะดว้ ยผา้ ทอ
สีแดง นุ่งผ้าถุงสีแดงทอลายสลับสีด�ำ เรียกว่า กิบอชะ
และสวมเสน้ ไหมมาผสมกบั ยางไม้ แลว้ ทำ� เปน็ วงๆ ยอ้ มสดี ำ�
จากเปลอื กไมธ้ รรมชาตเิ พอื่ นำ� มาใสเ่ ปน็ หว่ งขอ้ เขา่ เรยี กวา่

54 ข้อมลู กลมุ่ ชาติพันธ์ุกะแย(กะเหรี่ยงแดง) จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน

แข่โบ๊ะ โดยมีเคร่ืองประดับเงินแท้ ที่จัดท�ำขึ้นเองตั้งแต่
สมัยบรรพบุรุษ เช่น ตุ้มหูก�ำไล ข้อมือ ก�ำไลข้อเท้า หรือ
ลูกปัดท่ีมีสีสันสดใสสวยงามมาร้อยเป็นสร้อยคอ และมี
การน�ำเอาเหรียญเงินยูโร หรือเงินเหรียญบาทสมัยก่อน
มาเจาะรรู อ้ ยเปน็ สรอ้ ยคอ เพอ่ื เพม่ิ ความสวยงาม ซงึ่ ในอดตี
ถอื ว่าผ้หู ญงิ ท่ีมสี ร้อยคอลกู ปดั กบั ห่วงใส่เขา่ เยอะๆ จะเปน็
ผู้หญิงท่ีขยันเหมาะส�ำหรับน�ำมาเป็นแม่บ้าน และถือว่า
ผูห้ ญงิ ทีใ่ สส่ ร้อยเงินเยอะ เป็นผูม้ ฐี านะทางการเงินดี
จากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปท�ำให้การแต่งกาย
ของกลุ่มชาติพันธุ์ภายในหมู่บ้าน มีการประยุกต์และปรับ
เปลี่ยนไปตามสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์
ไว้นั่น คือ การทอผ้า และมีการแต่งกายด้วยชุดชาติพันธุ์
ในเทศกาลหรืองานพิธีส�ำคัญต่างๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว
ชาวกะแยจะทอผา้ ใชเ้ อง

วัฒนธรรมการแตง่ กายชาวกะแย

การเสี่ยงทายดว้ ยกระดกู ไก่ ข้อมูลกลุม่ ชาตพิ นั ธุ์กะแย(กะเหรยี่ งแดง) จังหวัดแม่ฮอ่ งสอน 55

การเส่ียคงทณุ ายภดาว้พยชกีวริตะดชูกุมไชกน่ กลุ่มชาตพิ นั ธุก์ ะแย
จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน

ดา้ นการทำ� งาน

ในการศึกษาข้อมูลจากการท�ำกระบวนการเก็บ
ขอ้ มลู ในชมุ ชนทง้ั ๑๑ ชมุ ชน พบวา่ ในอดตี อาชพี การทำ� งาน
ของพน่ี อ้ งชาตพิ นั ธก์ุ ะแย มอี าชพี หลกั คอื การทำ� การเกษตร
ไดแ้ ก่ การทำ� ไรห่ มนุ เวยี น ๔๐% ทำ� สวน ๓๐% ทำ� นา ๑๕%
และเลย้ี งสตั ว์ ๑๕% .ในระบบการท�ำเกษตรปลอดสารเคมี
มีระบบการท�ำงานแบบช่วยกันเอาม้ือเอาวันกันในชุมชน
ผลผลิตในการท�ำการเกษตรเน้นกิน และแบ่งปัน มีการ
แลกเปลี่ยนอาหารกันในชุมชน มีความสุขกับการท�ำงาน
ในไรใ่ นสวน มวี ถิ ีการท�ำมาหากินแบบเรียบงา่ ย
ปจั จบุ นั ลกั ษณะการทำ� มาหากนิ เปลยี่ นไป โดยอาชพี
เกษตรกรรมน้อยลง การท�ำไร่หมุนเวียนคงเหลือ ๕%
การท�ำสวน ๒๐% การทำ� นา ๕% และการเล้ียงสัตว์ ๑๐%
อีก ๖๐% คือ อาชีพรับจา้ งท่ัวไป ในสถานการณด์ งั กลา่ ว
ทำ� ใหว้ ถิ กี ารทำ� มาหากนิ ระบบการเกษตรของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
กะแยหายไปมาก และในการท�ำการเกษตรที่เหลืออยู่
มีการใช้สารเคมีเข้ามา มีพืชเศรษฐกิจเข้ามาแทนท่ีระบบ
การเกษตรท้องถิ่นดั้งเดิม การท�ำงานในชุมชนท้องถิ่น
เปลี่ยนไปการเอามือเอาวันเริ่มหายไป เน้นตัวเงินรายได้
เป็นหลัก ระบบการช่วยกันท�ำงานแบบด้ังเดิมมีน้อยลง
ในปัจจบุ ันอาชีพหลกั ที่สรา้ งรายได้คือการรับจา้ ง
สาเหตุที่ท�ำให้ระบบการท�ำงานของกลุ่มชาติพันธุ์
กะแยแบบดงั้ เดมิ หายไปมาจากผลกระทบจากการออกกฎหมาย
ออกนโยบายของรัฐ ที่ท�ำให้คนอยู่กับป่าอยู่ยากขึ้น
มกี ารทำ� งานทำ� มาหากนิ ลำ� บากมากขนึ้ และระบบการพฒั นา
ของสังคมท่ีเน้นเรื่องตัวเงิน ที่ชาวบ้านจ�ำเป็นต้องใช้เงิน
เชน่ ใชเ้ งนิ สง่ ลกู เรยี น ตอ้ งการสงิ่ อำ� นวยความสะดวกมากขนึ้
เป็นต้น สถานการณ์ความเสี่ยงในด้านการท�ำงานของ
กลุ่มชาติพันธุ์กะแย คือความรู้ วิถีการท�ำงานแบบดั้งเดิม
จะหายไป ชาวบ้านเกษตรกรจะอพยพเข้าเมืองท�ำงาน
รับจ้างมากขึ้น คนรุ่นใหม่ที่จะสืบทอดความรู้การท�ำงาน
การเกษตรไม่มี

56 ข้อมูลกล่มุ ชาติพันธุ์กะแย(กะเหร่ยี งแดง) จังหวัดแมฮ่ ่องสอน

ด้านครอบครัว สภาพชุมชนท้ัง ๑๑ ชุมชน มีป่าไม้อุดมบูรณ์
มีความหลากหลายของป่าไม้ มีอากาศที่ดี มีแหล่งอาหาร
จากการเข้าพื้นที่เก็บข้อมูลความเป็นอยู่ของ จากทรพั ยากรธรรมชาตทิ สี่ มบรู ณท์ ง้ั พชื และสตั ว์ โดยเฉลย่ี
กลุ่มชาติพันธุ์กะแยในครอบครัว จากในอดีตถึงปัจจุบัน ชนิดพืชมีมากกว่า ๘๐ ชนิด และสัตว์มากกว่า ๕๐ ชนิด
ความเปน็ อยใู่ นครอบครวั ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแย ยงั ไมเ่ ปลย่ี น ชาวบ้านพึ่งพาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และมีวิถีวัฒนธรรม
กลา่ วคือ แตล่ ะครอบครัวเป็นครัวเรอื นขนาดเล็ก เป็นชาย ประเพณีทอี่ งิ อยรู่ ่วมกบั ป่า
ร้อยละ ๔๐ เป็นหญิงร้อยละ ๖๐ สถานภาพของสมาชิก และทุนส�ำคัญของชาวบ้านชาติพันธุ์กะแย ท้ัง ๑๑
ในครัวเรือน ท�ำงานแล้วร้อยละ ๕๐ ก�ำลังศึกษาคิดเป็น ชมุ ชน ในดา้ นทรัพยากรสงิ่ แวดล้อม คือ มีแหล่งนำ�้ ตก ถำ�้
รอ้ ยละ ๓๐ ทำ� งานไม่ไดเ้ ป็นคนแก่ คนพิการ ป่วย แมบ่ ้าน แหลง่ อนรุ ักษพ์ ันธ์ุปลา ผาผ้ึงหลวง ตน้ ผึ้ง ๑๐๐ รัง และมี
ร้อยละ ๕ และ เปน็ เดก็ เล็ก รอ้ ยละ ๑๕ ในครอบครวั หน่ึง ทรัพยากรป่าไม้ที่อุดมบูรณ์หลากหลายทางชีวภาพ สัตว์
มีฐานเครือญาติกระจายอยู่ในชุมชน และนอกชุมชน กลว้ ยไม้ ดอกไม้ อกี ทง้ั เปน็ ชมุ ชนทมี่ เี สน้ ทางตดิ กบั ชายแดน
มีผังเครือญาติผ่านการด�ำรงอยู่ของบรรพบุรุษหลายชั่วคน ซึ่งทุนดังกล่าวเหมาะส�ำหรับการท�ำท่องเท่ียวโดยชุมชน
ในครอบครัวมีการดูแลช่วยเหลือซ่ึงกัน ใช้ชีวิตอย่างมี เหมาะสมการท�ำท่องเที่ยวบนฐานวิถีชีวิตวัฒนธรรม และ
ความสุข โดยสรุปคนท่ียังต้องการการดูแลจากครอบครัว การทอ่ งเท่ียวเชิงธรรมชาติ ซ่ึงจะกอ่ ให้เกิดรายไดใ้ นชุมชน
ร้อยละ ๔๐ ของครอบครวั ส่วนใหญ่เปน็ เดก็ เล็ก และเด็ก สกู่ ารเพิม่ คุณภาพชวี ติ ของชาวบ้านในชุมชน
นักเรียน เยาวชน ที่ต้องศกึ ษาเล่าเรียนหนังสือ และทำ� งาน
รบั จ้าง สถานทก่ี ่อประโยชน์
วิเคราะห์สถานการณ์ความเส่ียงภายในครอบครัว
คือ มีความเสี่ยงในเร่ืองการทิ้งถิ่นฐานครัวเรือน เข้าไปอยู่ ภายในบริเวณหมู่บ้าน มีสถานท่ีก่อประโยชน์อยู่
ในเมืองมากขึ้น และการทิ้งองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน หลายแหง่ ได้แก่ ทที่ �ำการผู้ใหญ่บา้ น วดั โบสถ์ โรงเรียน
ขาดการสืบทอดต่อของคนรุ่นหลังในครอบครัว ส่ิงดีๆ ศนู ยพ์ ฒั นาการเด็กเลก็ ศนู ยม์ าลาเรยี ศนู ยก์ ารเรียนรู้ ICT
ของครอบครวั หายไป ประปาหมบู่ า้ น ศูนยก์ ารท่องเทย่ี วหม่บู า้ น
ทท่ี �ำการผู้ใหญ่บา้ น : เป็นสถานทส่ี ำ� หรบั การพูดคยุ
ดา้ นสิง่ แวดล้อม ปรึกษา หารือ ศูนย์กระจายเสียง และศูนย์รวม
การใหค้ วามช่วยเหลือแก่คนในชุมชน
ในการเกบ็ ขอ้ มลู และเขา้ พน้ื ทส่ี ำ� รวจขอ้ มลู พนื้ ทว่ี จิ ยั วัด : เป็นสถานที่ที่มีความส�ำคัญภายในหมู่บ้าน
ทง้ั ๑๑ ชมุ ชน ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ ะแย พบวา่ ทงั้ ๑๑ ชมุ ชน เน่ืองจากเป็นศูนย์รวมและยึดเหน่ียวจิตใจ ส�ำหรับคนใน
มีทรัพยากรธรรมชาติทีอ่ ดุ มสมบรู ณ์ ทั้งสภาพดนิ แหล่งน�ำ้ ชมุ ชนทน่ี บั ถอื ศาสนาพทุ ธ อกี ทง้ั ยงั มกี ารสง่ั สอนหลกั ธรรม
ล�ำห้วย ป่าไม้ มีความสมบูรณ์มาก ซ่ึงเหมาะต่อการท�ำ ทางพระพุทธศาสนา และจัดกิจกรรมทางศาสนาในวัน
การเกษตร สำ� คัญต่างๆ นอกจากนั้นวดั ยงั เปน็ ศนู ย์กลางในการรวมตัว
จากข้อมูลพบว่าใน ๑๑ ชุมชน มีการแบ่งการใช้ ท�ำกิจกรรมของคนในชุมชนอย่างเช่นมีการประชุมหมู่บ้าน
ทรัพยากรทช่ี ดั เจน แบ่งโซนในการใช้ประโยชน์ เชน่ พืน้ ที่ ประจำ� เดอื น หรอื ทำ� กิจกรรมอนื่ ๆ
อยู่อาศยั พ้นื ทที่ �ำกนิ (ไร่ นา สวน) พน้ื ท่ีปา่ ใชส้ อย พ้นื ท่ีป่า โบสถ์ : โบสถ์คริสต์เป็นสถานท่ีท่ีมีความส�ำคัญ
ต้นน้�ำ พ้นื ท่ปี า่ อนุรักษ์ และพนื้ ทีส่ าธารณะ(ป่าช้า) และใน ภายในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นศูนย์รวมและยึดเหน่ียวจิตใจ
ชมุ ชนชาวบา้ นมกี ฎระเบยี บขอ้ บงั คบั รว่ มกนั อยา่ งชดั เจน มี ส�ำหรับคนในชุมชนที่นับถือศาสนาคริสต์ อีกท้ังยังมีการ
การจัดท�ำกฎระเบียบการจัดการใช้ประโยชน์ มีกฎลงโทษ สั่งสอนหลักทางศาสนาคริสต์ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรม
สำ� หรบั ผฝู้ า่ ฝนื ชาวบา้ นมกี ารดแู ลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ ทางศาสนาในวันส�ำคญั ต่างๆ
อยา่ งดี ซ่ึงมีค�ำพดู ว่า “กนิ น้�ำตอ้ งรักษาน�ำ้ ใช้ไมต้ ้องรักษา
ไม้ อยใู่ นชมุ ชนจะตอ้ งรกั ษาชมุ ชนอยใู่ นกฎระเบยี บชมุ ชน”

ข้อมูลกลุม่ ชาติพันธ์ุกะแย(กะเหร่ียงแดง) จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน 57

โรงเรยี น : เปน็ สถานทจี่ ดั หลกั สตู รการเรยี นการสอน ในชมุ ชนพบผสู้ งู วยั ท่มี ีอยู่ในบ้าน รอ้ ยละ ๓๐ ของ
ใหก้ บั เดก็ และเยาวชนภายในชมุ ชน โดยมหี ลกั สตู รการเรยี น ๑๑ ชุมชน มีผู้สูงวัยเพ่ิมมากขึ้นในชุมชน ระบบการกิน
การสอนตงั้ แตช่ น้ั อนบุ าลปที ี่ ๒ จนถงึ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ อาหารมีความปลอดภัยน้อยลง เน่ืองจากมีการซ้ืออาหาร
ศูนย์พัฒนาการเด็กเล็ก : เป็นสถานที่ท่ีดูแล จากภายนอกมากข้ึน ในภาพรวมกลุ่มชาติพันธุ์กะแย
ฝึกพัฒนาการ และเตรียมความพร้อมให้กับเด็กเล็กที่มี ท่ีมีการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ร่างกายมีความแข็งแรง
ชว่ งอายรุ ะหวา่ ง ๒-๔ ปี กอ่ นเขา้ โรงเรยี นโดยไมเ่ กบ็ คา่ ใชจ้ า่ ย ไม่เหมอื นก่อน กนิ ยาบ่อยไปหาหมอบ่อยขน้ึ
ประปาหมบู่ า้ น : ภายในหมบู่ า้ นมกี ารใชป้ ระปาภเู ขา
ในการใช้ในชีวิตประจ�ำวัน โดยภายในหมู่บ้านจะมีแท็งก์ ทนุ ด้านสงั คม
กกั เกบ็ น�้ำจ�ำนวนทัง้ สิน้ ๓ แท็งก์
ศนู ยก์ ารทอ่ งเทย่ี วหมบู่ า้ น: เปน็ แหลง่ เศรษฐกจิ ของ ชมุ ชนกะแยท้งั ๑๑ ชมุ ชน จะเป็นการกนิ อย่ตู ามวถิ ี
หมู่บ้าน เน่ืองจากสมาชิกภายในชุมชนจะน�ำสินค้ามาขาย ชนเผา่ โดยพึ่งพาธรรมชาติ เชน่ การหาของปา่ มาประกอบ
ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าท�ำมือ อาหาร การปลกู ผกั เลยี้ งสตั วเ์ พอื่ นำ� มาประกอบอาหาร การ
เช่น ผ้าทอกะเหร่ียง หรือสินค้าทางการเกษตร เช่น พริก ปลูกข้าวและปลูกพืชผสมผสาน เช่น ถ่ัวเหลือง พริก
ขา้ วโพด มนั ขา้ วโพด มัน เป็นต้น การใช้ภาษาของชาวกะแย ใช้ภาษา
สนานท่ีออกก�ำลังกาย : เป็นสถานท่ี มีกลุ่มเด็ก กะเหร่ยี งแดง(กะแย)เป็นหลกั
เยาวชน และชาวบา้ น มาออกกำ� ลงั กาย เชน่ วงิ่ เลน่ ฟตุ บอล
วอลเลย์บอล ตะกรอ้ เปน็ ตน้ เป็นจุดส่วนรวมของหม่บู ้าน ดา้ นการปกครอง
ในการส่งเสริมการดูแลรักษาสุขภาพ และเพ่ือห่างไกล
ยาเสพติด การปกครองของชาวกะแย เนื่องด้วยปัจจัยทาง
ภูมิศาสตร์ท่ีมีความสลับซับซ้อน และการมีหมู่บ้านบริวาร
ด้านสุขภาพ จึงเป็นผลให้ลักษณะหรือรูปแบบการปกครองของชุมชน
อยู่ภายใต้ผู้น�ำชุมชนหลัก และมีการกระจายการปกครอง
ด้านสาธารณสุข ในชุมชนขาดแคลนแพทย์ ภายในหมู่บ้านออกเป็นกลุ่มป๊อก(หมู่บ้านใหญ่) บทบาท
พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมท้ังอุปกรณ์ หน้าที่คือทำ� การประสานงาน และรับผิดชอบความเป็นอยู่
ทางการแพทย์ ในสถานบรกิ าร รวมถงึ มปี รมิ าณขยะมลู ฝอย ของสมาชิกภายในป๊อกร่วมกันกับคณะกรรมการหมู่บ้าน
ในชุมชนเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีสถานที่ก�ำจัดขยะมูลฝอย นอกจากนนั้ ภายในหมบู่ า้ นยงั มสี มาชกิ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
ท่ีชัดเจน การรักษาการเจ็บป่วย สมัยก่อนชาวบ้านพ่ึงพา หรือ ส.อบต. ที่ท�ำหน้าที่ในการจัดสรรงบประมาณให้กับ
ยาสมนุ ไพร ปจั จบุ นั เนน้ การรกั ษาจากภาครฐั และในชมุ ชน ชุมชน อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของชุมชนในการเข้าร่วมการ
มีเกษตรกรเร่ิมใช้สารเคมีในทางการเกษตร มีผลกระทบ ประชมุ ตา่ งๆของตำ� บล โดยตำ� แหนง่ การปกครองทง้ั หมดนี้
ต่อสุขภาพ อาการท่ีพบในชุมชนชาติพันธุ์กะแย เช่น มาจากการคดั เลือกของสมาชกิ ภายในชุมชน
กระดกู ข้อ-หัวเขา่ ปวด ระบบหายใจไมด่ ี หายใจติดขัด ฝดื สังคมกะเหร่ียงแดง(กะแย) เป็นครอบครัวเด่ียว
ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนก่อน กินยาบ่อยขึ้น ไปหาหมอ ประกอบดว้ ยพอ่ แม่ และลกู เทา่ นน้ั เมอ่ื ลกู สาวแตง่ งานชาย
บ่อยขึ้น ตรวจเจอสารตกค้างในเลือด ท�ำให้ร่างกาย จะต้องมาอยู่บ้านภรรยาก่อนเป็นเวลา ๑ ฤดูกาลเกษตร
เส่ือมโทรม ท�ำงานได้น้อยลง เหนื่อยง่าย รู้สึกร่างกาย (คือเริ่มจากการถางไร่ ปลกู ขา้ วและเกบ็ เก่ียวข้าวประมาณ
อ่อนแอลงเร่ือยๆ เพราะไม่มีการป้องกันท่ีดีเท่าท่ีควร ๗-๘ เดือน) หลังจากนั้นก็จะปลูกบ้านใหม่หลังเล็กๆ
รา่ งกายจึงสะสมสารเคมี จนพบสารเคมีตกคา้ งในเลอื ด ใกล้กบั พ่อแมฝ่ ่ายภรรยา คำ� วา่ ครัวเรือนในสงั คมชาวกะแย
นอกจากมีความหมายถึงพ้ืนฐานขั้นแรกในด้านการผลิต

58 ขอ้ มลู กลุ่มชาตพิ นั ธุ์กะแย(กะเหรย่ี งแดง) จังหวัดแม่ฮ่องสอน

และบรโิ ภคแลว้ ยงั หมายถงึ วา่ แตล่ ะครวั เรอื นมไี รข่ องตนเอง แหล่งรายได้ในครอบครัวมาจากการรับจ้าง และ
ท�ำพิธีกรรมทางการเกษตร และการรักษาพยาบาล การท�ำการเกษตร โดยส่วนใหญจ่ ะมรี ายได้จากการรับจ้าง
เป็นหน้าที่ของหัวหน้าครัวเรือน ยกเว้น พิธีการเลี้ยงผี ร้อยละ ๗๐ ของครัวเรือน รองลงมาได้แก่รายได้จาก
ตามประเพณีของผฝี ่ายมารดา ภาคเกษตรกรรม ร้อยละ ๒๐ และอ่ืนๆ ร้อยละ ๑๐
(เช่น หาของป่าขาย) ชาวบ้านมีรายได้เฉล่ียต่อปี จ�ำนวน
ดา้ นเศรษฐกิจ ๗๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน โดยมีรายจ่ายเฉลี่ยต่อปี
จ�ำนวน ๙๐,๐๐๐ บาทต่อครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น
เศรษฐกิจของกะเหรี่ยงแดงเป็นเศรษฐกิจ รายจ่ายในการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน การลงทุน
“เพื่อยังชีพ” คือ การเพาะปลูกเพ่ือบริโภคเป็นหลัก ทางการเกษตร การศึกษาบุตร และสุขภาพ ชาวบ้าน
ได้แก่ การปลูกข้าวไร่ และการท�ำนาขั้นบันไดตามหุบเขา ส่วนใหญ่มีหนี้สินร้อยละ ๘๐ ส่วนชาวบ้านท่ีไม่มีหน้ีสิน
มกี ารปลกู พชื ผกั ตา่ งๆ หลายชนดิ ในไรข่ า้ ว เพอ่ื การบรโิ ภคเอง รอ้ ยละ ๒๐ สาเหตขุ องการก่อหน้ี ไดแ้ ก่ การกเู้ พื่อใช้จา่ ย
เช่น พริก ถ่ัว ผกั กาด ฯลฯ ทั่วไปในบา้ นร้อยละ ๓๕ เพื่อสง่ บุตรเรียนรอ้ ยละ ๒๐ และ
เพ่อื ลงทนุ ทางการเกษตรรอ้ ยละ ๔๕
ด้านประเพณีวฒั นธรรม จากแบบสอบถามการเก็บข้อมูลความสุขในการใช้
ชีวิตประจ�ำวันของกลุ่มชาติพันธุ์กะแยทั้ง ๑๑ ชุมชน
ภายใน ๑๑ ชุมชนมีสมาชิกชาติพันธุ์กะแย นับถือ พบว่าชาวกะแยยังคงใช้ฐานประเพณีวัฒนธรรมในการอยู่
ศาสนาพุทธจำ� นวน ๙๐ % ของหมู่บา้ น อกี ๑๐ % นับถอื ร่วมกัน ถึงสังคมจะเปล่ียนไป แต่ความเช่ือความเคารพ
ศาสนาครสิ ์ต ชาวกะเหรีย่ งแดงทมี่ ีการนบั ถือผีอยกู่ ่อน แต่ ทางวิถีวัฒนธรรมไม่เคยเปลี่ยน ยังยึดหลักการทางศาสนา
เม่อื มกี ารพัฒนาทางสังคม มีกากอ่ ตั้งวัดขึ้นภายในหมูบ่ า้ น ความเชื่อทางประเพณีวัฒนธรรมเป็นหลัก ท�ำให้
จงึ สง่ ผลใหช้ าวกะแย ๑๑ ชุมชน หนั มานบั ถือศาสนาพุทธ เกดิ ความสงบสขุ สามัคคใี นชมุ ชน
กันมากขึ้น แต่ชาวกะแยยังมีการนับถือวิถีความเช่ือทาง ประเพณวี ฒั นธรรมทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การใชช้ วี ติ อยา่ งมี
จารีตวฒั นธรรมประเพณดี ้งั เดิม คอื ความเชื่อนับถอื ผี ความสุขของกลุ่มชาติพันธุ์กะแย คือ วัฒนธรรมความเชื่อ
และในชุมชนท่ีถือศาสนาคริสต์จ�ำนวน ๑๐ % ของคนกะแย การเลี้ยงผี ประเพณีปอยต้นธี ปอยข้าวต้ม
ของชาวกะแย โดยจะแบ่งการนบั ถือศาสนาคริสต์ออกเป็น และการแตง่ งานรอบ ๒ ซงึ่ ส่งิ เหลา่ นเ้ี ป็นเหตุใหช้ าวบา้ นมี
๒ นกิ าย ไดแ้ ก่ ศาสนาครสิ ตน์ กิ ายโปรเตสแตนทแ์ ละศาสนา ความสุขกับการอยู่การกนิ ในชวี ติ ประจ�ำวนั
คริสตน์ กิ ายโรมนั คาทอลิก

ดา้ นสถานการณก์ ารชีวิตความเปน็ อย่ปู ระจ�ำวนั

ชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์กะแย ในอดีต
มีการอยู่แบบเพียงพอ การท�ำมาหากิน อาศัยแหล่ง
ทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก มีแหล่งอาหารท่ีสมบูรณ์
ผลผลิตทางการเกษตรรูปแบบอินทรีย์ ไม่มีการใช้สารเคมี
เน้นการกนิ แบง่ ปัน ไม่ขาย ชาวบ้านมสี ขุ ภาพท่แี ข็งแรงใช้
ยาสมนุ ไพรในการรกั ษา เวลาเจบ็ ปว่ ย สว่ นปจั จบุ นั ใชบ้ รกิ าร
แพทยแ์ ผนปัจจบุ ัน




Click to View FlipBook Version