The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





www.digital.school


๒. ใช้ถอ้ ยคำใหถ้ กู ต้องตามอักขระวิธี ซงึ่ จะดูได้จาก

- คำกลำ้ คือ คำทก่ี ลำ้ ดว้ ย ร ล เชน่ ปรับปรุง เปล่ยี นแปลง ครอบครวั
ปกครอง โรงพยาบาล ตอ้ งออกเสยี ง ร ล ให้ถูก

- คำควบ คือ คำท่ีควบด้วย กว ขว คว เช่น กว่า ความ ควาย

กวัดแกว่ง ไม้กวาด ขวากหนาม ขวามอื ข้างขวา ตอ้ งออกเสียงให้ถกู

- คำต่ำ หรือคำตลาด เช่น ไอ้ มัน แก มึง กู อี ต้องงดเว้นเน่ืองจาก

ไมน่ า่ ฟงั ไม่ไพเราะ

- คำย่อ ไม่ควรใช้คำย่อในการพูดเนื่องจากคำย่อเป็นภาษาเขียน

ซงึ่ ผฟู้ งั รบั รผู้ า่ นทางประสาทตา แตกตา่ งจากภาษาพดู ซง่ึ ผฟู้ งั รบั รผู้ า่ นทางประสาทหู

คำยอ่ จะอนโุ ลมให้ใช้ได้ ตอ้ งเป็นคำทเี่ ป็นทยี่ อมรบั และรับรูก้ นั เปน็ อยา่ งดี

- คำถูกต้องตามพจนานุกรม เช่น ประสบการณ์ อย่าพูดว่า ประสบ

พะการณ์ ปรชั ญา อย่าพูดว่า ปรัดชะญา สัปดาห์ อย่าพูดว่า สัปปะดาห์


50

www.dra.go.th


๓. ใช้ราชาศัพท์ให้ถูกต้อง เน่ืองจากราชาศัพท์เป็นวัฒนธรรมทางภาษา
ควรใช้ให้ถูกตอ้ ง ตามกาลเทศะ และฐานานุรปู ของบุคคล

๔. ใช้คำหรือประโยคที่กินความกว้างเพ่ือประหยัดเวลา ซึ่งจะเห็นได้จาก
พระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจักครองแผ่นดินโดยธรรมเพ่ือประโยชน์สุข

แห่งมหาชนชาวสยาม” ซ่ึงกินความหมายกว้างขวางและลึกซึ้ง หรือคำที่ว่า “คนโง

เกบ็ หัวใจไว้ทีล่ นิ้ แตค่ นฉลาดจะเก็บลนิ้ ไวท้ ่หี วั ใจ”

๕. ไม่ควรใช้คำซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อหน่ายและฟุ่มเฟือย คำท่ีกล่าวมานี้

จดั เปน็ ขยะของการพดู เชน่ คำวา่ เออ้ อา้ เนย่ี เงยี้ คำรบั ทา้ ยประโยค เชน่ นะครบั นะคะ
นะฮะ ทใ่ี ชม้ ากเกินไป นอกจากน้ี การพูดดว้ ยถอ้ ยคำเพย้ี นคำ คอื การพดู ไม่ครบคำ
ไมเ่ ต็มคำจะทำให้ความหมายเปล่ียนไป เช่น มหาลยั โรงบาล เดย๊ี น และคำทไี่ ม่เปน็
กจิ ลักษณะ เชน่ อย่างงี้ อย่างงน้ั อยา่ งนน้ั อยา่ งนี้ แบบว่า ควรงดใชใ้ นการพดู

๖. ใช้คำให้ตรงกับความหมาย เน่ืองจากคำในภาษาไทยมีความหมาย

ใกล้เคียงกันมากมาย เช่น ขอบใจ ขอบคุณ ขอบพระคุณ ขอบพระเดชพระคุณ
ขอโทษ ขอประทานโทษ ขออภัย ตาย ถึงแก่กรรม ถึงแก่อสัญกรรม เสีย

สน้ิ ลมหายใจ ม่องเทง่ เท่งทึง กิน รบั ประทาน เสวย เขมือบ ยดั ฯลฯ ตอ้ งเลอื กใช้
ให้ถูกต้องเหมาะสม คำแปลอาจเหมือนกันแต่ความเหมาะสมในการใช้แตกต่างกัน
ไปตามกาลเทศะ และบคุ คล


51

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





๗. หลีกเลี่ยงศัพท์ทางวิชาการท่ีต้องแปลเป็นไทยอีก เนื่องจากคำวิชาการ
เป็นคำยาก ผู้ฟังอาจจะไม่เข้าใจ หากไม่จำเปน็ ไมค่ วรใช้ เช่น คำวา่ อุปสงค์ อุปทาน
อนันตริยกรรม บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์ กระสวนชีวิต ปรโตโฆสะ ฯลฯ เหล่าน้ี
เป็นต้น

๘. ไม่ใช้คำต่างประเทศ หรือใช้คำต่างประเทศผสมกับคำไทยโดยไม่จำเป็น
จะใช้ได้บางกรณีท่ีเป็นศัพท์เฉพาะ และศัพท์เทคนิคเนื่องจากจะเกิดผลเสียมากกว่า
เกิดผลดี ผลเสียคือผู้ฟังไม่ทราบหรือเข้าใจไม่ท่ัวถึง จะทำให้เกิดความรู้สึกและ

ปฏกิ ิรยิ าตอบโต้ได้

๙. ใช้คำให้เหมาะสมกับบุคคล โดยคำนึงถึงเพศ วัย การศึกษาของผู้ฟัง
คำนึงถึงทีป่ ระชมุ ชมุ ชน สังคม อยา่ ใช้คำพูดทแ่ี ขง็ กระดา้ งเกินไป และไมจ่ ำเป็นต้อง
ออ่ นโยนจนเกินความจำเป็น


52

www.dra.go.th


การสรา้ งภาพพจน ์ นักพูดนอกจากจะรู้จักการเลือกใช้ถ้อยคำให้เหมาะสม
แล้ว ยังต้องให้ผู้ฟังเห็นภาพพจน์เกิดความเข้าใจทันทีอีกด้วย ซึ่งนักพูดท่ีจะพูดได้
อย่างนี้ จะต้องเป็นนักสังเกต รู้จักใช้คำอุปมาอุปมัย อุทาหรณ์ สุภาษิต คำพังเพย
และสำนวนต่าง ๆ แทรกเข้ามาในเร่ืองที่จะพูด จะช่วยประหยัดถ้อยคำ และทำให้
เรือ่ งราวชัดเจน มีน้ำหนกั มากข้ึน

อุปมาอุปมัย คือ การเปรียบเทียบเร่ืองราวท่ีพูดกับเรื่องที่ผู้ฟังมีความ

คุ้นเคยอยู่แล้วเป็นอย่างดี จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจคำเปรียบเทียบนั้นจริง ๆ ดังเช่น
“หนา้ ยิ้มเป็นเสน่ห์ หนา้ บูดเป็นเสนียด ขีเ้ กียจเป็นแมลงวัน ขยนั เป็นแมลงผงึ้ ขหี้ ึง
เปน็ แมงป่อง ขีใ้ ส่กล่องเป็นแมลงสาบ ขห้ี ยาบ ๆ เปน็ ขี้ช้าง” หรอื อยา่ งเพลงลกู ทุง่
ก็นิยมใช้ เช่น “ความรักเหมือนดั่งยาขม” “ความรักมันหนักอกยากท่ีจะหยิบยก
เหมือนเข็นครกข้ึนเขา” “ของเหม็นแมลงวันชอบตอมของหอมมนษุ ย์ชอบดม”

อุทาหรณ์ คือ การยกเหตกุ ารณ์ นทิ าน ตำนาน ชาดก ประวัติศาสตร์ หรือ
เร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนจริงในอดีตมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เช่น การ
บรรยายถึงธรรมะข้อวิริยะ ความอุตสาหะพยายาม ก็อาจหยิบยกเอาบทพระราช
นพิ นธ์ เรอื่ ง มหาชนกชาดกมาประกอบ เป็นต้น

สภุ าษติ คำประพันธ์ คำคมและ

คำพังเพย ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก

หรือปรากฎอยู่ในหลักสูตรเรียงความ

แกก้ ระทธู้ รรมทงั้ นกั ธรรมชน้ั ตรี โท และเอก

เมื่อนำมาใช้ประกอบการพดู จะทำใหผ้ ู้ฟงั

เกิดศรัทธา ความเชื่อ เลื่อมใส และลงมอื

ประพฤติปฏบิ ัติตาม

คำประพันธ์ หรือบทกลอน

เม่ือนำมาประกอบการพดู จะทำใหค้ ำพดู

ไพเราะร่ืนไหล ผฟู้ งั จะประทบั ใจ
https://twitter.com


53

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





คำคมและคำพังเพย เป็นคำสั่งสอนของคนสมัยโบราณ ท่ีใช้อบรมส่ังสอน
ถา่ ยทอดสบื ต่อกันมา จนถือว่าเป็นวัฒนธรรมทางภาษา ควรเลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกบั
เรื่องทีจ่ ะมาพูดเช่นเดียวกนั เช่น “พดู ไปสองไพเบยี้ น่ิงเสียตำลึงทอง” “ความดีของ
มนษุ ย์ต้องสิ้นสุดลงเม่ือเรม่ิ เล่นการเมอื ง” เปน็ ต้น

สำนวน โวหาร เปน็ ทงั้ คำเกา่ และคำทเ่ี กดิ ใหม่ หรอื การนำคำเกา่ มาดดั แปลง

ให้เป็นคำใหม่ การยกสำนวนโวหาร ถ้ายกคำท่ีผู้ฟังไม่เคยฟังหรือไม่ซ้ำแบบใครได้

ยิ่งถือว่าดี ในการพูดนั้นควรพูดเป็นพรรณาโวหาร รู้จักเลือกใช้ถ้อยคำสำนวนท่ี

ผู้ฟังฟังแล้วเกิดภาพพจน์ชัดเจน หลีกเล่ียงเร่ืองพื้น ๆ หรือคำขวัญแบบธรรมดา
เน่อื งจากไมจ่ งู ใจใหผ้ ู้ฟังตอ้ งการจะฟัง ควรอา่ นหนงั สอื เกยี่ วกบั สภุ าษติ คำประพันธ์
คำคม คำพงั เพย แลว้ นำมาประกอบกบั เรอ่ื งทพี่ ดู ใหเ้ หมาะสม เมอื่ มคี ำพดู แบบไทย ๆ
อย่แู ล้วไม่ควรยกตวั อยา่ งคำฝรง่ั




ดงั นัน้ นกั พดู ควรหม่นั ศึกษาหาความรู้ รู้จกั แสดงอย่างมีศลิ ปะและฝึกฝนให้
ชำนาญ จะทำให้เกดิ ความม่ันใจ สุดท้ายจะเปน็ นกั พดู ทีป่ ระสบผลสำเรจ็ ดังสำนวน
โวหารทวี่ า่


“บันไดของการเป็นนักพูดนั้น ถงึ แมจ้ ะเดนิ ไปดว้ ยความยากลำบาก

แต่เมอื่ ประสบผลสำเร็จแล้ว ค่ามนั มมี หาศาล”


54

www.dra.go.th


ศิลปะการพัฒนาการพูดแบบบรรยายธรรม


“การพดู นสี้ ำคญั มาก มอี ยสู่ ามลกั ษณะดว้ ยกนั คอื พดู มาก พดู เรว็ และพดู ดี
การพูดมากคนฟังฟังยากทำให้สับสน จับเรื่องจับประเด็นไม่ถูก ส่วนการพูดเร็ว

คนฟังฟังไม่ทัน ทำให้ไม่เข้าใจเร่ืองชัดเจนหรือเข้าใจผิดได้ เมื่อพูดจาสื่อสารกัน

ไมก่ ระจา่ งทำให้เข้าใจยาก จึงอาจก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้เพราะเข้าใจเรื่องไม่ตรงกัน

การพดู ดคี อื ดดี ว้ ยเนอ้ื หาสาระพอดกี บั กาลเทศะ เหมาะสมกบั ฐานะและบคุ คล ไมม่ าก

ไมน่ อ้ ยเกินไป คนฟังจับเรื่องราวได้ชัดเจนและถูกต้องตามความประสงค์ เม่ือพูดจา
ส่ือสารกันได้ไม่ติดขัด ก็จะมีความเข้าอกเข้าใจกัน และสามารถร่วมกันทำงาน
สร้างสรรคค์ วามสขุ ความเจริญให้เกิดข้ึนได้ ปญั หาต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขนึ้ หรือหากจะ
เกิดข้ึนบ้างก็สามารถพูดทำความเข้าใจกันได้โดยไม่ยากนัก การพูดดีจึงเป็น
ประโยชน์อย่างย่ิงแก่ผู้คนท่ีจะต้องอยู่ร่วมกัน ต้องสมาคมคบหากันและทำงาน

ร่วมกันเป็นหมคู่ ณะ...”

จากตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร เนอ่ื งในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร

ของมหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ วนั ท่ี ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘

การพูดเป็นท้ังศาสตร์ ศลิ ปะ และทกั ษะ เนอ่ื งจากมีระบบ ระเบียบ กำหนด
เกณฑ์ สามารถศึกษาเรียนรู้ และถ่ายทอดสู่กันและกันได้ เหมือนกับศาสตร์แขนง
อื่น ๆ เช่น สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ฯลฯ
การพูดจัดเป็นศาสตร์แขนงหน่ึง ซ่ึงพวกเราเรียกว่า “วาทศาสตร์” น่ันเอง การพูด
เป็นศิลปะ ที่เรียกว่าเป็นศิลปะน้ัน เน่ืองจากเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงลอกเลียนแบบ
ใหเ้ หมือนกนั ทกุ อยา่ งไมไ่ ด้ เปน็ เอกลักษณ์ เปน็ บทบาท เป็นทา่ ทีและความสามารถ
เฉพาะตัว นักพูดบางคนพยายามจะเลียนแบบบุคคลอ่ืน แต่ไม่ควรเลียนแบบ

ไปเสียทุกอย่าง ดูเป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่างได้ อย่าเลียนแบบ เน่ืองจาก


55

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





การเลียนแบบคือการไม่สร้างสรรค์ แม้จะเลียนแบบได้เก่งแนบเนียนประการใด

ผู้เลียนแบบก็ยังเป็นรองต้นฉบับ การพูดนอกจากจะเป็นศาสตร์และศิลปะแล้ว

การพดู ยงั เปน็ ทกั ษะอกี ดว้ ย ทกั ษะคอื ประสบการณ์ ความชำนาญ ความคลอ่ งแคลว่

แพรวพราว และความหลากหลาย ได้จากการฝึกฝน ย่ิงฝึกมากก็ยิ่งจะพูดได้เก่ง

ได้ชำนาญ


ศลิ ปะหรอื หัวใจในการฝึกพฒั นาการพูดแบบบรรยายธรรม

การฝึกพูดต้องให้ความสำคัญเพื่อนำมาพัฒนาให้ดีข้ึน โดยยึดหลักหัวใจ

ในการฝึก คือ ข้ึนต้นให้ต่ืนเต้น ตอนกลางให้กลมกลืน และสรุปจบให้จับใจ เพ่ือ
ความจำงา่ ย จำเปน็ อกั ษรยอ่ วา่ ต.ต.ต. ก.ก.ก. และจ.จ.จ. (ตน้ ตนื่ เตน้ กลางกลมกลนื

และจบจบั ใจ) จะทำใหผ้ ฟู้ งั ตนื่ เตน้ ตงั้ แตอ่ ารมั ภบทหรอื เรมิ่ เรอ่ื ง ดำเนนิ เนอื้ เรอื่ งอยา่ ง

น่าสนใจ มีเหตุมีผลสัมพันธ์กันเก่ียวเนื่องกันต้ังแต่ต้นจนจบ สุดท้ายคือสรุปจบต้อง
จับใจ

การตง้ั ชือ่ เร่ืองที่จะพดู

นักพูดจะตอ้ งให้ความสนใจและใหค้ วามสำคัญท้งั การตั้งช่อื เรือ่ ง และเนื้อหา
สาระท่ีจะพูดว่ามีความสัมพันธ์และเก่ียวเน่ืองกัน นักพูดบางท่านไม่สนใจในการ

ตง้ั ชอ่ื เรอื่ ง ตง้ั ตามใจชอบ ดงั นนั้ แมว้ า่ เนอื้ เรอื่ งดี ผฟู้ งั เกดิ ความประทบั ใจ แตส่ ดุ ทา้ ย

ผู้ฟังรู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่ตรงกับหัวข้อเร่ืองที่ต้ังเอาไว้ ก็อาจทำให้ผู้พูดไม่ได้รับ

ความนยิ ม


56

www.dra.go.th


การต้ังชื่อเร่ืองในการประกวดบรรยายธรรม เน่ืองในเทศกาลวิสาขบูชา

ของทุกปี ซ่ึงจัดโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม น้ัน จะมีการประชุม

คณะกรรมการทงั้ บรรพชติ และฆราวาส ทเ่ี ปน็ คณะกรรมการจดั งาน และใหแ้ ตล่ ะทา่ น

เสนอหัวข้อบรรยายธรรมที่จะแข่งขัน เม่ือเสนอแล้วก็ลงคะแนนคัดเลือกเอาหัวข้อ
หรอื ชอื่ เร่อื งที่ดที ี่สุด เมอื่ ได้หัวขอ้ หรอื ช่อื เร่อื งที่ดที ่สี ดุ แลว้ กช็ ่วยกนั ขัดเกลาช่อื เรอ่ื ง
อีกครั้งหน่ึง ทำให้ได้หัวข้อธรรม และชื่อเร่ืองที่ดีและไพเราะท่ีสุด ในการประกวด
บรรยายธรรม สามารถเผยแพรไ่ ปทัว่ ประเทศอย่างภาคภมู ิใจ

กฎเกณฑ์การต้ังช่ือเร่ืองน้ัน ไม่มีเกณฑ์แน่นอนว่าต้ังช่ือเร่ืองอย่างไรจึงจะดี
จึงจะถกู ต้องและทำใหผ้ ู้ฟงั สนใจ แต่มอี งค์ประกอบเป็นเกณฑ์ในการต้ังชื่อดงั น
ี้
๑. เป็นเรื่องทก่ี ำลงั อยู่ในความสนใจ

๒. ต้องสั้น กะทัดรดั

๓. เนือ้ เร่ืองจะบรรยายหรอื อภิปรายได้กวา้ งขวาง

๔. ดงึ ดดู ความสนใจ

๕. มีประโยชนแ์ ก่ผูฟ้ งั

๖. ถูกต้องตามหลกั ภาษา


57

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





การคัดเลือกเรื่องที่จะพูด นักพูดที่ประสบความสำเร็จส่วนมากเป็นนักพูด

ท่ีฉลาด รู้จักเลือกเร่ืองที่ตนชอบ ถนัด มีความรู้มีความเข้าใจกับเร่ืองนั้น ๆ ดีท่ีสุด
และเปน็ เรอ่ื งทอ่ี ยใู่ นความสนใจของบคุ คลอน่ื ๆ เมอ่ื พดู แลว้ จะทำใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจสนใจ

เพราะเปน็ ประโยชน์แก่ผู้ฟัง เมื่อทำไดด้ ังนี้กจ็ ะเปน็ นกั พูดทปี่ ระสบความสำเรจ็ และ
อยู่ในความสนใจของผู้ฟงั ตลอดไป

การกำหนดจดุ มุง่ หมายของการพูด ได้แก่

๑. ความมุ่งหมายเกี่ยวกับการแสดงการพูด ประกอบด้วยโครงสร้าง

๓ ส่วน คือ

- การเร่ิมต้นหรืออารัมภบท จะต้องเร่ิมต้นด้วยความตื่นเต้น เพ่ือสร้าง
ความสนใจหรือความต้งั ใจแกผ่ ู้ฟัง

- การดำเนินเรื่อง จะต้องดำเนินเรื่องด้วยความกลมกลืน เพื่อสร้าง
ความเข้าใจให้แก่ผ้ฟู งั

- การสรุปจบ จะต้องสรุปจบด้วยความจับใจเพ่ือสร้างความประทับใจ
ใหแ้ กผ่ ู้ฟงั อยา่ ลืมหลักการ ตน้ ตื่นเต้น กลางกลมกลนื และจบจับใจ


58

www.dra.go.th


๒. การพูดทกุ ครั้งจะต้องวางจุดมงุ่ หมายในเนือ้ เรือ่ ง ดังตอ่ ไปน้

- เพื่อบันเทิงใจ เป็นการพูดในเรื่องที่สนุกสนาน ขบขัน สร้าง
บรรยากาศมิตรภาพ ความเป็นกันเอง คลายเครียด นิยมนำมาพูดในโอกาสพบปะ
สังสรรค

- เพื่อโนม้ น้าว เปน็ การพูดดว้ ยความรสู้ กึ จรงิ ใจ จรงิ จงั เพ่อื ทำใหเ้ กิด
การสนบั สนุน นิยมในการปลุกระดม และการหาเสยี งของนักการเมือง

- เพื่อจรรโลงใจ เป็นการพูดเพ่ือปลอบใจ ใหก้ ำลังใจ ให้ปญั ญา ให้สติ
และบำรุงขวัญ ทำใหผ้ ฟู้ งั ปรบั สภาวะหรอื พฒั นาจติ ใจให้ดีขน้ึ

- เพื่อบอกเล่า เป็นการพูดเพื่อเสนอข้อเท็จจริง ให้ความรู้ หรือ

หลักการต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ไม่เป็นลักษณะการโน้มน้าวหรือเปล่ียนแปลง
ทัศนคติของผู้ฟัง แต่ต้องการให้ผู้ฟังได้รับความรู้ ความเข้าใจ ได้ฟังส่ิงแปลกใหม่

ซึ่งก็อยูท่ ่คี วามสามารถในการพูดทีจ่ ะนำเสนอสิ่งแปลกใหมอ่ ย่างไร

- เพ่ือเป็นเกยี รติ เปน็ การพดู เพ่อื ยกย่อง สรรเสริญ หรอื อวยพร ซึ่งจะ
ทำให้บุคคลในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ให้เกียรติซ่ึงกันและกัน ซ่ึงจะเห็นได้
จากการจัดกิจกรรม การจัดงานวันเกิด งานมงคลสมรส จะทำให้งานน้ัน ๆ จบลง
อยา่ งสมบรู ณ์


59

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





ในการพดู นกั พูดจะตอ้ งเน้นความมงุ่ หมายเก่ียวกบั สาระในเรอ่ื ง เพอ่ื บันเทงิ
โน้มน้าว บอกเล่า เป็นเกียรติ เพียงอย่างใดอย่างหน่ึง โดยเลือกให้ถูกต้องตาม

กาลเทศะก็จะเปน็ นกั พดู ทป่ี ระสบความสำเร็จเสมอ

การค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล นักพูดที่มีช่ือเสียงและประสบความสำเร็จ
จะเตรียมเร่ืองด้วยตนเอง รู้จักค้นคว้ารวบรวมข้อมูลให้ตรงกับหัวข้อท่ีกำหนดไว้
รู้จักกลั่นกรองและเลือกเฟ้นส่วนท่ีเหมาะสม และควรตัดเน้ือหาท่ีไม่ตรงกับหัวข้อ

ที่กำหนด เน่ืองจากอาจทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย การค้นคว้ารวบรวม

ข้อมูล สามารถค้นคว้าได้จากหนังสือตำราทุกประเภท ข้อมูลยังได้จากการสนทนา
บทสัมภาษณ์ และการสอบถามจากนักปราชญ์ ผู้รู้ ดังน้ัน ควรหมั่นค้นคว้า

และเก็บรวบรวมหรือบันทึกไว้เมื่อมีข้อมูลหรือตัวอย่างท่ีดี การหมั่นฝึกฝนก็จะ

ทำให้เป็นนักพูดที่มีพลัง มีความเช่ือม่ันในตนเอง และส่งผลให้เป็นนักพูดที่

ประสบความสำเร็จ


https://sites.google.com

60

www.dra.go.th


การจดั ลำดบั เนื้อเร่ือง เน้อื เรอื่ ง คอื หวั ใจในการพดู มีความสำคญั พอ ๆ กบั
คำนำ และบทสรุป แต่ในการประกวดสุนทรพจน์ หรือประกวดบรรยายธรรม

เน้ือเรื่องจะสำคัญและมีคะแนนมากท่ีสุด อย่าบรรจุข้อมูลที่ค้นคว้าและรวบรวมไว้
ทง้ั หมดในเรื่องเดยี วกัน จงเลอื กเอาเฉพาะท่ตี รงกับหวั ข้อจริง ๆ ซง่ึ จะทำให้การพูด
บรรลุตามวัตถุประสงค์ ส่วนที่เหลอื เกบ็ สะสมไวเ้ ปน็ “คลงั ความรู้” ในการพดู ต่อไป

นักพูดควรเลือกการดำเนินเรื่องที่เหมาะสมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะ
ผสมผสานกันก็ได้ ท่ีสำคัญต้องมีความเชื่อมโยง อย่ากลับไปกลับมา จะทำให้ผู้ฟัง
เกิดความสับสน เม่ือรู้จักใช้เทคนิคในการดำเนินเรื่อง จะทำให้ผู้ฟังติดตามต้ังแต

ตน้ จนจบ


61

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





ขัน้ ตอนการดำเนนิ เรอื่ ง ประกอบด้วยบันได ๕ ขัน้ คือ

ขนั้ ที่ ๑ ดงึ ดดู ความสนใจของผู้ฟัง ด้วยการข้ึนตน้ ทต่ี ืน่ เต้นแปลกใหม

ขน้ั ที่ ๒ พยายามทำให้ผู้ฟังเกิดความต้องการอยากจะติดตามเร่ือง

ของผพู้ ดู ตลอดไป

ข้ันที่ ๓ ทำใหผ้ ฟู้ งั เกิดความพึงพอใจในเรือ่ งท่จี ะพดู

ขน้ั ที่ ๔ ทำใหผ้ ้ฟู ังเห็นด้วย คลอ้ ยตาม และเกิดภาพพจน์

ขน้ั ท่ี ๕ พยายามเรียกรอ้ งให้ทำตามผ้พู ูดมากท่สี ุด

ผู้ฝึกพูดที่ประสบความสำเร็จ จะต้องเลือกเร่ืองที่เข้ากับเหตุการณ์

ในปัจจุบัน ซึ่งกำลังเป็นท่ีสนใจของคนทั่วไป เป็นเร่ืองท่ีผู้ฝึกพูดเข้าใจ มีความรู้

มีความถนดั ในเรอื่ งนน้ั ๆ เปน็ อยา่ งดี ตัง้ หวั ขอ้ เร่ืองให้เหมาะสม เม่ือเปิดฉากการพดู

ต้องทำใหผ้ ฟู้ งั สนใจ อยากตดิ ตาม การดำเนนิ เร่ืองตอ้ งเขม้ ขน้ ขนึ้ เรอ่ื ย ๆ อยา่ วกวน
และสามารถสรปุ จบไดส้ วย น่าคดิ น่าเช่ือถือ และน่าตดิ ตาม

หลักเกณฑข์ องคณะกรรมการตดั สินและวจิ ารณก์ ารประกวดต่าง ๆ

๑. มกี ารเตรยี มตัวมาดีหรือไม ่

๒. ขณะพดู กม้ หนา้ ดบู ททำใหก้ ิรยิ าท่าทางก้ม ๆ เงย ๆ หรือไม

๓. การเร่ิมเรื่องน่าสนใจเพยี งไร

๔. การดำเนินเรอื่ งเหมาะสมดแี ลว้ หรอื วา่ ไมเ่ หมาะสมเพียงไร

๕. ความมุ่งหมายของเร่อื งเป็นอยา่ งไร

๖. เมือ่ ฟงั จบแล้วไดส้ าระหรอื ประโยชนอ์ ย่างไร สามารถชักจงู ให้ผ้ฟู ังสนใจ

หรือไม่

๗. สามารถนำประสบการณจ์ ากบทก่อน ๆ มาใช้เพยี งไร

๘. การพัฒนาการพดู มกี ารปรบั ปรุงดขี นึ้ หรือมขี อ้ บกพร่องหรอื ไม่


“บุคคลที่เว้นจากการฟัง การคิด การถาม

และการเขียนเป็นนักปราชญ์ไม่ได้ฉันใด เปน็ นักพูดไม่ได้ฉันนัน้ ”


62

www.dra.go.th


ศลิ ปะการสร้างอารมณ์ขัน


พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ท่านได้ประพนั ธ์คำประพันธ์บทหนงึ่ ไวว้ า่

“ เปน็ การง่ายยิ้มได้ไมต่ อ้ งฝนื เม่อื ชพี ช่นื เหมอื นบรรเลงเพลงสวรรค

แตค่ นที่ควรชมนยิ มกัน ใจตอ้ งม่นั ยิ้มไดเ้ มือ่ ภยั มา”

อาจกล่าวได้ว่า การสร้างอารมณ์ขันเป็นศิลปะที่สำคัญอย่างหน่ึงของนักพูด
เพราะนอกจากจะทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นคนกันเอง คนเกลียดกลายเป็น

คนชอบ ความตงึ เครยี ดกลายเปน็ ความผอ่ นคลายแลว้ ยงั เปน็ การสรา้ งบรรยากาศให้

เป็นกันเอง ผู้ฟังไม่ง่วงและไม่เบื่อหน่าย การสร้างอารมณ์ขันประกอบการพูด

มิใช่เป็นการเอาเร่ืองตลก หรือนิทานขำขันชวนหัวเราะมาเล่าให้ฟังล้วน ๆ แต่เป็น
เร่ืองราวมีเนื้อหาสาระแทรกอารมณ์ขันพอสมควร ต้องไม่หยาบโลนและไม่เป็น
จำอวดหรือละครยอ่ ย

ประโยชนข์ องอารมณ์ขนั ในการพดู การบรรยาย

๑. ทำให้ผู้ฟังสนใจประทับใจวิทยากรตั้งแต่ข้ึนต้นหรืออารัมภบท วิทยากร
ช้ันดีหรือชั้นเยี่ยม มักจะข้ึนต้นหรืออารัมภบทด้วยการสร้างอารมณ์ขัน ซึ่งเป็นวิธี
อารัมภบทที่สรา้ งความสนใจ ความประทับใจแกผ่ ูฟ้ งั

ประการหน่งึ เสมอ

๒. ชว่ ยสร้างความเป็นกันเองระหว่าง

วิทยากรกับผู้ฟัง ในการอารัมภบท ถ้าวิทยากร

ข้ึนต้นด้วยการสร้างอารมณ์ขันได้ นอกจากจะ

ทำให้ผู้ฟังสนใจ ประทับใจวิทยากรต้ังแต่คำพูด

ประโยคแรกแล้ว ยังเปน็ การสร้างความเป็นกนั เอง

ระหวา่ งวิทยากรกบั ผฟู้ งั อีกด้วย


https://www.pinterest.it

63

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





“...ชาติไทยเราน้ีเป็นชาติท่ีหย่ิงในศักดิ์ศรีตนเองมาก ใครอย่าได้มาดูถูก
เหยียดหยามทีเดยี ว โดยเฉพาะหัวของเราน้ี คนไทยถอื มากว่าเป็นของสงู ฝรง่ั เขาจะ
เล่นหัวกันอย่างไรก็ไม่ถือ แต่คนไทยถ้าจะเตะจะตีต่อยบางคร้ังยังพอให้อภัยกันได้
แต่ถ้าถึงกับแตะต้องหัวกันละก็ ตายเป็นตายทีเดียวและตายไปหลายคนแล้ว
แต่ท่านท้ังหลายครับ มีคนอยู่ประเภทหน่ึงสามารถจับหัวคนเล่นได้ ต้ังแต่ยาจก
จนถึงพระราชา โดยไม่มีใครถือสาหาความ มิหนำซ้ำยังได้เงินใช้ด้วย คนประเภทน้ี
คือชา่ งตัดผมไงละ่ ครบั ...”

การอารมั ภบท ซงึ่ พนั เอก ปนิ่ มทุ กุ นั ต์ อดตี อธบิ ดกี รมการศาสนา กระทรวง

ศึ ก ษ า ธิ ก า ร ขึ้ น ต้ น ใ น ก า ร บ ร ร ย า ย ใ ห้ ส ม า ค ม ช่ า ง ตั ด ผ ม แ ล ะ เ ส ริ ม ส ว ย ฟั ง

ณ โรงพยาบาลสงฆ์

นับเป็นตัวอย่างการอารัมภบทให้ผู้ฟังอยากติดตามฟังอย่างชาญฉลาด

มีชั้นเชิงสูง เหมาะกับที่ประชุม และสามารถสร้างบรรยากาศเป็นกันเองระหว่าง
วทิ ยากรกบั ผู้ฟงั ได้เป็นอย่างด

๓. ช่วยผ่อนคลายความเครียดและช่วยสร้างบรรยากาศท่ีดี วิทยากรที่มี
อารมณ์ขัน จะทำให้ผู้ฟังสามารถย้ิมได้ หัวเราะได้ ไม่เครียด ในยามท่ีบรรยากาศ
เคร่งเครียด จงบอกเล่าข้อเท็จจริงทุกอย่างให้ผู้ฟังทราบอย่างตรงไปตรงมาด้วย
อารมณข์ นั

๔. ช่วยให้ผู้ฟังเต็มใจรับฟังและสร้างเสน่ห์ในการพูด นักพูดที่มีอารมณ์ขัน
ช่วยให้บรรยากาศการฟังไม่เบ่ือหน่าย ทำให้ผู้ฟังเต็มใจรับฟัง และสร้างเสน่ห์

ในการพูด

๕. ชว่ ยทำเรอื่ งยากให้เปน็ เร่ืองงา่ ยและงา่ ยต่อการจดจำ อารมณ์ขนั จะช่วย
ปรับความเหน็ ที่ตอ้ งการนำเสนอให้เดน่ ชัด ขยายจุดหรือประเดน็ ใหโ้ ดดเดน่ เหมือน
กับการวาดภาพด้วยคำพูด ทำให้ผู้ฟังมองเห็นหรือเข้าใจจากความเป็นรูปธรรมไปสู่
ความเป็นนามธรรม อารมณ์ขันจะรวบรวมเอาเน้ือหาท้ังหมดมาประมวลให้กระชับ
ช่วยทำใหเ้ ร่อื งยากเปน็ เรอ่ื งงา่ ยตอ่ การจำ




64

www.dra.go.th


วิธีการสร้างอารมณ์ขันในการพูด นักพูดสามารถท่ีจะฝึกฝน พัฒนา
อารมณ์ขันของตนเองได้โดยไมต่ ้องอาศยั พรสวรรค์ แตอ่ าศัยพรแสวง ดงั ตอ่ ไปน้ี

๑. มองโลกในแง่ดี บุคคลท่ีมองโลกในแง่ดีจะทำให้มองเห็นได้อีกมุมหน่ึงที่
แตกต่างจากบุคคลอ่นื จะหัวเราะได้แมจ้ ะมีภยั มาถึงตัว

๒. รู้จักสังเกต และสะสมจดจำ บุคคลท่ีมีอารมณ์ขันและจะสร้างอารมณ์
ขันได้นั้น จะต้องเป็นคนรู้จักสังเกตได้พบได้เห็นหรือได้รับฟัง สิ่งไหนที่น่าสนใจต้อง
จดและจำเอาไว้ บุคคลที่สะสมข้อมูลตัวอย่าง อุทาหรณ์ สุภาษิต สำนวน โวหาร

คำพงั เพย เรื่องราวไว้มาก ๆ จะได้เปรียบหรอื ได้ประโยชน์

๓. หม่ันฝึกฝนและค่อย ๆ ปรับปรุงแก้ไข โดยอาจใช้ฝึกฝนและทดลองกับ
กลุ่มเพ่ือนสนิทหรือบุคคลใกล้ชิด หากผลตอบสนองไม่เป็นท่ีพึงใจ ก็ให้พิจารณา
ทบทวนข้อบกพร่องในการเล่าเรื่องน้ัน ๆ แก้ไขปรับปรุง ฝึกฝนจนเกิดทักษะ

ความชำนชิ ำนาญต่อไป

๔. การรู้จักดัดแปลง นักพูดบางคนพยายามจดจำเลียนแบบจากนักพูดท่ี
มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ แต่เมื่อนำมาเล่าผู้ฟังไม่ขันและไม่หัวเราะ
ก็เพราะไมร่ ู้จักการดดั แปลงใหเ้ หมาะสมและเขา้ กับบคุ ลิกลักษณะเฉพาะของตนเอง

๕. แสดงให้ถูกกาลเวลา นักพูดที่ดีต้องรู้จักเวลาหรือโอกาสให้เหมาะสม

มฉิ ะนัน้ อาจถกู มองว่าไมส่ ุภาพ ไมร่ ้จู กั กาลเทศะ สรา้ งความเสอื่ มเสียแก่ตนเองได้


https://sites.google.com

65

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





ประเภทของอารมณข์ นั การสรา้ งอารมณข์ นั ซง่ึ นยิ มใชก้ ันทัว่ ไป คือ

๑. หักมุม คือการสร้างอารมณ์ขันแบบผิดคาดพลิกความคาดหมาย หรือ

ผฟู้ งั คาดไมถ่ งึ เดาไมถ่ กู เช่น ผู้ฟังคิดว่าวิทยากรจะจบลงอย่างนั้น ๆ อย่างแน่นอน
แตว่ ิทยากรหกั ไปจบอกี แบบหนง่ึ ชนิดทผ่ี ู้ฟังคาดไม่ถึง เดาเรื่องไม่ออก

๒. คล้องจอง คือการพูดสัมผัสอักษรคล้องจองได้ความหมาย เมื่อนำมา
พูดเชอ่ื มโยงกนั เข้า จะทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ขันและมีความสนุกสนานมใิ ช่นอ้ ย

๓. สร้อยคำ คือการพูดต่อกันเป็นกลอนทำให้เกิดอารมณ์ขัน หรือ

ความสนุกสนาน หรือประดบั คำพูดให้ดูแพรวพราว และมองเห็นภาพพจน์

๔. สำนวน การสร้างอารมณ์ขันโดยการใช้สำนวนน้ี ถือว่าเป็นอารมณ์ขันที่
ช้ันเชิงสูงมาก เม่ือเตรียมตัวมาดีจะได้เปรียบอารมณ์ขันแบบอ่ืนๆ เนื่องจากไม่ต้อง
เสยี เวลาพูดนาน ผู้ฟงั กม็ อี ารมณ์รว่ มแล้ว เรียกวา่ มีคารมคมคาย ซึ่งก็เป็นคารมใน
การสร้างอารมณข์ นั นนั่ เอง

๕. ทันสมัย การนำคำพูดท่ีใช้แล้วทันสมัย เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน
เหมาะสมกับผู้ฟัง นับว่าสำคัญมาก เน่ืองจากทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
จะมคี ำทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหม่ เนอื่ งจากสงั คมมปี รากฎการณใ์ หม่ ๆ เกดิ ขน้ึ เสมอ แตค่ ำเหลา่ น้ี

เป็นคำท่ีผู้ฟังหรือสังคมจะนิยมใช้กันเป็นยุค ๆ แล้วก็เส่ือมหรือหายไป แต่วิทยากร
อาจนำมาประยกุ ตใ์ ช้ ใหเ้ หมาะสมกบั กาลเวลา แต่ระวังคำแสลงหรือคำหยาบ


https://www.pinterest.it
https://www.pinterest.it

66

www.dra.go.th


ศิลปะการใชร้ าชาศัพท


www.digitalschool.club


ความสำคญั ของคำ “ราชาศพั ท”์

นักปราชญ์ทางประวัติศาสตร์และภาษาไทย ได้แสดงไว้คล้ายกันว่า

คำราชาศัพทน์ นั้ ไมม่ หี ลกั ฐานปรากฎเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรว่า ผูใ้ ดใหก้ ำเนดิ แบบแผน

อย่างชัดเจน ราชาศัพท์เกิดขึ้นช้ันแรกเพ่ือเทิดพระเกียรติพระราชาธิบดีหรือ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในฐานะทท่ี รงเปน็ ประมขุ ของชาติ ใหส้ งู กวา่ คนในชาติ

คำทใี่ ชเ้ ปน็ คำราชาศพั ทข์ องไทยนน้ั สว่ นใหญเ่ ปน็ คำภาษาเขมร ภาษาสนั สกฤต
และภาษาบาลี พระเจา้ วรวงศ์เธอ กรมหมนื่ นราธปิ พงศ์ประพนั ธ์ ตรัสไว้ในปาฐกถา
เร่ือง “สยามพากย์” ว่า “คำเขมรเป็นคำสะดวกในการปกครอง และในการใช้
ราชาศัพท์ เพอื่ จะยกยอ่ งฐานะของพระราชาให้สูงขึ้น”

พระวรเวทย์พิสิฐ กล่าวไว้ในหนังสือ “หลักภาษาไทย” ว่า “คำภาษา

สันสกฤต และภาษาบาลี เป็นคำทางพระพุทธศาสนา ซ่ึงถือว่าเป็นคำสูงจึงนำมาใช้
เปน็ ราชาศัพท์” พสกนิกรชาวไทยทกุ คน สมควรท่ีจะศึกษาศลิ ปะการใชร้ าชาศพั ท์

ราชาศัพท์ส่วนมากจะเป็นคำประสม คือ ประกอบขึ้นด้วยคำต้ังแต่ ๒ คำ

ขึ้นไป เปน็ การใชถ้ ้อยคำภาษาใหส้ ภุ าพไพเราะ และใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ฐานานรุ ูปของ
บคุ คลนัน้ ๆ

นามราชาศัพท์ คือ คำนามราชาศัพท์ท่ีใช้เป็นช่ือ ท้ังของบุคคล สัตว์และ
สงิ่ ของ บางคำบญั ญตั ขิ น้ึ โดยเฉพาะ บางคำทใ่ี ชค้ ำนามสามญั แตม่ คี ำอน่ื ประกอบเขา้

ข้างหนา้ กม็ ี ประกอบเขา้ ข้างหลงั กม็ ี ดังน
้ี

67

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





https://store.hytexts.com


๑. เปน็ คำทไี่ ม่ตอ้ งใช้คำใด ๆ เขา้ ประกอบ

๑.๑ คำนามที่เป็นชื่อของส่ิงท่ีรวมกันอยู่เป็นหมู่มาก เช่น สมาคม

คณะรฐั บาล มูลนิธิ บรษิ ทั โรงเรยี น สงฆ์ ทีเ่ รียกวา่ สมุหนาม

๑.๒ คำนามท่ีเป็นราชาศัพท์แล้วในตัว เช่น พระเกศา พระพักตร์
พระหัตถ์ พระบาท

คำประเภทนี้ บางทีเมื่อจะใช้สูงขึ้นไปกว่าศักด์ิของคำ จะต้องประกอบ
คำอืน่ เข้าด้วย เชน่ ตำหนกั (เรือนของเจ้านาย) ประกอบคำ พระ เป็นพระตำหนกั
หมายถึงเรือนหลวงหรือเรือนของพระมหากษัตริย์ ชายา (หม่อมเจ้าท่ีเป็นภรรยา
ของเจ้านาย) คำนี้ สามารถประกอบคำอื่น ๆ เข้าได้อีกเป็นพระวรชายา พระราช
ชายา พระอัครชายา ซึ่งมีความหมายเปลี่ยนไปตามความมุ่งหมายที่ใช้ให้สูงและ
สำคัญยิ่งขึ้น เจ้าจอม (พระสนมของพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระบวรราชเจ้า)

ก็อาจจะประกอบด้วยคำอื่น ๆ เข้ามาได้อีก เป็นเจ้าจอมมารดา (เม่ือมีพระเจ้า
ลกู เธอ) เปน็ เจา้ คณุ จอมมารดา (เมอื่ ไดร้ บั สถาปนาใหม้ ศี กั ดสิ์ งู เปน็ พเิ ศษ หรอื อาจตดั คำ

เจ้า ออกเสีย เหลือแต่จอมมารดาก็ได้ (เม่ือใช้สำหรับพระสนมในกรมพระราชวัง
เช่น กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ทีม่ ีพระโอรส พระธดิ า)


68

www.dra.go.th


https://www.pinterest.it


๒. เป็นคำทต่ี อ้ งใช้คำอ่นื ประกอบ

๒.๑ ใช้คำ พระบรมอรรคราช ประกอบข้างหน้า เช่น พระบรมอรรค
ราชบรรพบรุ ษุ หมายถงึ บรรพบรุ ษุ ของพระมหากษตั ริย์

๒.๒ ใช้คำ พระบรมมหา ประกอบข้างหน้า เช่น พระบรมมหาราชวัง
พระบรมมหาชนก

๒.๓ ใช้คำ พระบรมราช หรือพระบรม ประกอบข้างหน้า เช่น
พระบรมราชชนนี พระบรมราชโองการ พระบรมราชบุพการี พระบรมราชวงศ์
พระบรมนามาภิไธย พระปรมาภิไธย พระบรมราชินี พระบรมฉายาลักษณ์
พระบรมศพ พระบรมทนต์ พระบรมอฐั ิ พระบรมญาติ พระบรมโอรสาธิราช

๒.๔ ใช้คำ พระอคั รราช พระอคั ร หรือพระมหา ประกอบข้างหนา้ เชน่
พระอัครราชเทวี พระอัครราชชายา พระอัครมเหสี พระอัครเทวี พระอัครชายา
พระมหากรณุ า พระมหาปราสาท

๒.๕ ใช้คำ พระราช ประกอบขา้ งหนา้ เช่น พระราชวงั พระราชนเิ วศน์
พระราชอำนาจ พระราชวงศ์ พระราชประสงค์ พระราชดำริ พระราชดำรัส

พระราชกุศล พระราชปรารถนา พระราชปรารภ พระราชทรัพย์ พระราชลัญจกร
พระราชทาน พระราชอุทิศ พระราชเสาวนีย์

๒.๖ ใช้คำ พระ ประกอบข้างหน้า เช่น พระเจ้า พระองค์ พระกร
พระหัตถ์ พระบาท พระโลหิต พระแสง พระศรี พระย่ีภู่ พระแท่น พระที่นั่ง

พระสหาย พระเกา้ อ้ี พระป้าย พระฉาย


69

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





https://www.pinterest.it


ส่วนคำประสมซึ่งมีคำ “พระ” ประกอบอยู่แล้ว ห้ามไม่ให้ใช้คำว่า “พระ”
นำหน้าให้ซ้อนอีก เช่น ธารพระกร ฉลองพระเนตร รองพระบาท พานพระศรี

ทองพระกร เครือ่ งพระสำอาง ตมุ้ พระกรรณ

บุคคลที่เป็นพระญาติสำหรับพระราชาหรือพระมหากษัตริย์โดยทั่วไปก็ใช้
“พระราช” นำหน้า เชน่ พระราชมารดา พระราชบิดา พระราชภคินี ถ้าบคุ คลน้นั
มิใช่เจา้ นาย มกั ใช้ “พระ” นำ เชน่ พระอัยกา พระชนก พระชนนี ส่วนสามัญชน

ที่เก่ียวข้องกับพระมหากษัตริย์โดยทางอ่ืน ใช้ “พระ” นำหน้า เช่น พระอาจารย์
พระสหาย พระพเ่ี ลีย้ ง พระนม

๒.๗ ใช้คำ “หลวง” หรือ “ต้น” ประกอบข้างหลังคำ เช่น ลูกหลวง
หลานหลวง รถหลวง เรือหลวง (ยกเว้น ทะเลหลวง สนามหลวง ภรรยาหลวง

เขาหลวง ไมเ่ ปน็ ราชาศพั ท์ เนอ่ื งจากหลวงที่ว่านั้นแปลวา่ “ใหญ่”)

ม้าต้น ช้างต้น เครื่องต้น เรือนต้น ประพาสต้น เป็นคำราชาศัพท์
(ยกเวน้ เงนิ ตน้ ดอกเบย้ี ทบตน้ ไมเ่ ปน็ ราชาศพั ท)์

๒.๘ ใช้คำ “ราช” ประกอบข้างหน้าคำ เช่น ราชกิจ ราชรถ ราชบุตรี
ราชบุตรเขย ราชเลขา

การใช้ราชาศพั ท์ทง้ั ในการเขียนหนงั สือ การกราบบังคมทลู กราบทูล ทูล
และการถวายรายงานด้วยวาจา มีคำราชาศัพท์สำหรับข้ึนต้น สรรพนาม และ

คำลงท้ายตายตัวอยู่แล้ว พึงศึกษาและใช้ให้ถูกต้อง นอกจากท่ีกล่าวมานี้ เป็นคำท
่ี
ผูส้ นใจหาดไู ด้จากหนงั สือการใชร้ าชาศัพท์ทั่วไป


70

www.dra.go.th


การศึกษาราชาศัพท์ คำราชาศัพทใ์ นตำราหรือหนังสอื ทัว่ ไป สว่ นมากมกั จะ
เขียนราชาศัพท์ไว้เป็นคำ ๆ ถึงจะบอกวิธีใช้ และมีตัวอย่างประกอบบ้าง การเขียน
หนังสือต่าง ๆ ก็ยากท่ีจะนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องได้ การศึกษาทางหน่ึงคือ การอ่าน
และการฟังจากส่ือต่าง ๆ แต่ต้องเลือกเฟ้นให้ดี หากเป็นข่าวจากหน่วยราชการ

โดยเฉพาะขา่ วในพระราชสำนกั บทบรรณาธกิ าร การใชร้ าชาศพั ทเ์ ชอ่ื ถอื ได้ แตถ่ า้ เปน็

ข่าวส่ือมวลชนเขียนข้ึนเอง การใช้ราชาศัพท์ก็คลาดเคล่ือนไปหรือไม่ถูกต้อง เช่น
การใช้ในหนังสือพิมพ์มักชอบใช้ภาษาพูดแทนภาษาเขียน หรือภาษาราชการ เช่น

คำว่า “ในหลวง” เป็นภาษาพูดใช้แทน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งเป็น
ภาษาเขียนหรือภาษาราชการ

หนังสือพิมพ์บางฉบับนิยมใช้ภาษาแสลง เน่ืองจากภาษาแสลงเป็นภาษา

ท่ีทำให้ผู้อ่านทันอกทันใจ สนใจ และเร้าใจให้ซ้ือหนังสือพิมพ์ การเขียนเกี่ยวกับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ควรระมัดระวังในการ

ใช้ภาษา ควรใช้ภาษาราชการ ภาษากง่ึ ราชการ หรอื ภาษาเขยี น ไม่ควรใช้ภาษาพดู
ภาษาแสลง และภาษาท่ีมีความหมาย

เป็นไปในทางที่ไม่ดี ท่ีสำคัญควรศึกษา

การใชร้ าชาศพั ทใ์ หถ้ กู ตอ้ ง เนอื่ งจากเปน็ การ

แสดงความจงรกั ภกั ดี ความเคารพเทดิ ทนู

ตอ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ สามารถคน้ ควา้

ได้จากหนังสือการใช้ราชาศัพท์ต่าง ๆ

และหนังสือเก่ียวกับพระราชประวัต

พระราชกรณียกิจ ซ่ึงเป็นเหตุการณ์จริง

และเขียนโดยนักปราชญ์หรือท่านผู้รู้ที่ม

ความชำนิชำนาญทางภาษา


https://www.pinterest.it


71

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





การฝกึ การพดู การใชร้ าชาศพั ท

ผู้ฝึกพูดบางท่านอาจจะหนักใจว่า จะนำเรื่องอะไรมาฝึกพูดใช้ราชาศัพท์
แท้จริงแล้วมีเร่ืองทนี่ ำมาฝึกพดู ไดม้ ากมาย เช่น เร่ืองทป่ี ระสบพบเหน็ มาดว้ ยตนเอง
เชน่ การมโี อกาสไดเ้ ฝา้ รบั เสดจ็ รบั พระราชทานปรญิ ญาบตั ร หรอื หาไดจ้ ากหนงั สอื

ความรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และเจ้านายต่าง ๆ หรือเก่ียวกับ
ประวัติพระพทุ ธศาสนา องคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ สมเดจ็ พระสังฆราช ฯลฯ


72

www.dra.go.th


วธิ กี ารเตรยี มตวั พดู เม่ือเลือกและต้ังชื่อหัวของเรื่องได้แล้ว ก็ต้องมี
โครงสร้างของเร่ือง เรียงตามลำดับความเหมาะสม พิจารณาว่าตอนไหนควรเป็น
ราชาศัพท์ เม่ือไม่ชำนาญกับการใช้ราชาศัพท์ ควรจะเขียนสำนวนสุนทรพจน์ หรือ
บทบรรยาย พยายามจดจำให้ได้และฝึกซ้อมให้ดี เม่ือบรรยายได้คล่อง และถูกต้อง
ตามหลักวาทศลิ ป์ ก็จะประสบความสำเร็จไดใ้ นที่สุด


73

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





หลกั เกณฑข์ องคณะกรรมการตดั สนิ และวจิ ารณก์ ารประกวดตา่ ง ๆ

วิทยากรผู้ให้วิชาการหรือผู้วิจารณ์ ควรยึดสุภาษิตที่ว่า พึงยกย่องบุคคลที่
ควรยกย่องและควรแนะนำในสิ่งที่ผิดพลาด อย่าให้ผู้ฝึกพูดต้องเสียกำลังใจ

ในการฝึกพูดเก่ียวกับการใช้ราชาศัพท์ก็ต้องให้ความสำคัญกับราชาศัพท์ จึงควร
พิจารณาว่า เรื่องท่ีพูดเหมาะสมหรือไม่ มีการนำราชาศัพท์มาใช้มากน้อยเพียงใด

ถูกต้องหรือไม่ มีคำใดที่ควรใช้ราชาศัพท์แต่มิได้ใช้ มีคำใดท่ีไม่ควรใช้ราชาศัพท์

แต่กลับไปใช้ และคำเหล่านั้น ผู้พูดออกเสียงได้คล่องแคล่ว ชัดเจนถนัดมาก

หรือน้อยเพียงใด ผู้วิจารณ์และประเมินผลต้องเป็นกระจกบานใหญ่สะท้อนภาพ

ใหผ้ ฝู้ กึ พดู รู้ เข้าใจและมีกำลงั ใจในการฝกึ พูด


“ผู้มีภูมิปัญญา ย่อมไม่พูดพลอ่ ย ๆ เนื่องจากเหตุแห่งตนและบุคคลอื่น

ผู้นัน้ ย่อมได้รับการยกยอ่ ง แม้ถงึ แกก่ รรมแล้วกไ็ ปสูส
่ ุคต”ิ


74

www.dra.go.th


หนงั สอื อ้างอิง


รอ้ ยเอก ดร. จิตรจำนงค์ สภุ าพ การพดู ระบบธรซี าวด์ สุทธิสารการพมิ พ์ พ.ศ. ๒๕๓๓


ทนิ วฒั น์ มฤคพิทกั ษ์ พูดได้พูดเป็น สำนกั พมิ พ์กอ้ งหล้า พ.ศ. ๒๕๒๗


รอ้ ยเอก นเรศร์ จติ รักษ ์ ธรรมมะวนั พธุ โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั


พ.ศ. ๒๕๓๙


รศ. มลั ลิกา คณานรุ ักษ์ การเปน็ พธิ กี รทด่ี ี สำนกั พิมพ์โอเดยี นสโตร์ พ.ศ. ๒๕๔๔


รศ. ฉตั รวรณุ ตันนะรัตน์ การพดู ในชวี ติ ประจำวนั สำนกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามคำแหง


พ.ศ. ๒๕๓๘


รศ. ฉตั รวรณุ ตนั นะรตั น์ การพูดเบื้องตน้ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง


พ.ศ. ๒๕๔๓


พระพจิ ิตรธรรมพาที (ชยั วฒั น์ ธมฺมวฑฒฺ โน) เทศนาวาไรตี้ สำนกั พมิ พเ์ ลี่ยงเชยี ง พ.ศ. ๒๕๓๙


สเุ มธ แสงนมิ่ นวล และ ไอศรู ย์ ดรี ตั น์ การพดู ในโอกาสตา่ งๆ สำนกั พมิ พ์บคุ แบงค์ พ.ศ. ๒๕๔๐


สเุ มธ แสงนมิ่ นวล หลายลลี า ศลิ ปะการพูด สำนักพมิ พบ์ ุคแบงค์ พ.ศ. ๒๕๔๓


วสนั ต์ พงศส์ ุประดิษฐ ์ พลังเพ่มิ พลงั พูด สำนกั พมิ พบ์ ุคแบงค์ พ.ศ. ๒๕๔๐


75



ภาคผนวก

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





แนวทางการดำเนนิ การจดั ประกวดบรรยายธรรม

การดำเนนิ การจดั ประกวดบรรยายธรรม โดยกรมการศาสนา กระทรวง
วัฒนธรรม ไดจ้ ัดประกวดบรรยายธรรมใน ๓ ระดบั ได้แก่

๑. ระดับจังหวัด ๗๗ จังหวัด ได้แก่ ส่วนภูมิภาค ๗๖ จังหวัดและ
กรุงเทพมหานคร (แบ่งเป็นเขตพ้ืนที่การศึกษากรุงเทพมหานคร ๒ เขต) เป็นการ
ประกวดเพอ่ื คดั เลือกผู้ชนะเลิศเปน็ ตัวแทนไปประกวด ในระดบั ภาค

๒. ระดับภาค ได้แก่ ภาคการปกครองคณะสงฆ์ ๑๘ ภาค และระดับ

ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) เป็นการประกวดเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศเป็นตัวแทน
เขา้ ประกวดระดบั ประเทศ

๓. ระดับประเทศ เป็นการประกวดเพ่ือคัดเลือกผู้ชนะเข้ารับโล่รางวัล
พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ

สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปดิ งานสปั ดาห์ส่งเสริมพระพทุ ธศาสนา เนอ่ื งในเทศกาล
วสิ าขบูชา ของทุกป

แนวทางการจดั ประกวดบรรยายธรรมในระดบั ตา่ งๆ

๑. การดำเนนิ การ

๑.๑ กรมการศาสนา และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดท่ัวประเทศ
ประสานกับศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หรือวัดท่ีรับจัดประกวดบรรยาย
ธรรมระดับจังหวดั

๑.๒ แต่งต้ังคณะกรรมการ/คณะทำงานเพ่ือดำเนินการจัดกิจกรรม
ประกวดบรรยายธรรมตามความเหมาะสมของแต่ละจังหวัด โดยแต่งต้ังผู้ทำคุณ
ประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ท่ีได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จำนวน ๑ รูป/คน
รว่ มเป็นคณะกรรมการตดั สนิ

๑.๓ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนโรงเรียน สถานศึกษา และศูนย์ศึกษา
พระพุทธศาสนาวันอาทติ ย์ ใหท้ ราบท่ัวกัน

๑.๔ การรับสมัครและคัดเลือกตัวแทนระดับจังหวัดเพื่อเข้า

78

www.dra.go.th


ประกวดระดับภาค ดงั นี้

๑) ช่วงช้ันท่ี ๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)

รบั สมคั รผเู้ ขา้ ประกวดไมค่ วรนอ้ ยกวา่ ๑๐ คน และคดั เลอื กสง่ เขา้ ประกวดระดบั ภาค

จำนวน ๓ คน ดงั น้ี

- ชนะเลศิ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลิศ อนั ดับ ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลิศ อนั ดับ ๒ จำนวน ๑ คน

๒) ช่วงช้ันที่ ๒ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป. ๔ – ๖)

รบั สมคั รผเู้ ขา้ ประกวดไมค่ วรนอ้ ยกวา่ ๑๐ คน และคดั เลอื กสง่ เขา้ ประกวดระดบั ภาค

จำนวน ๓ คน ดังนี้

- ชนะเลศิ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อันดบั ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลิศ อันดบั ๒ จำนวน ๑ คน

๓) ช่วงช้ันที่ ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ๓)

รบั สมคั รผเู้ ขา้ ประกวดไมค่ วรนอ้ ยกวา่ ๑๐ คน และคดั เลอื กสง่ เขา้ ประกวดระดบั ภาค

จำนวน ๓ คน ดังน้ี

- ชนะเลศิ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อันดบั ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ จำนวน ๑ คน

๔) ช่วงช้ันที่ ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ๖

หรือ ปวช. ปี ๑ - ๓) รบั สมคั รผู้เข้าประกวด ไมค่ วรนอ้ ยกว่า ๑๐ คน และคัดเลอื ก

สง่ เขา้ ประกวดระดบั ภาค จำนวน ๓ คน ดังน้ี

- ชนะเลศิ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อันดับ ๒ จำนวน ๑ คน

หมายเหตุ ผู้ท่ีเคยได้รับรางวัลพระราชทานชนะเลิศระดับประเทศมาแล้ว ไม่มีสิทธ์ิ
สมคั รในช่วงช้นั ท่ีเคยชนะเลิศ




79

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





๒. สถานที่จัดประกวดบรรยายธรรม

สว่ นภูมิภาค จัด ณ สถานที่ ๆ จงั หวัดกำหนด

๓. ระยะเวลาในการรบั สมคั รและคัดเลือก

จังหวัดสามารถกำหนดระยะเวลาในการรับสมัครและจัดประกวดได้ตาม
ความเหมาะสม ควรจัดประกวดหรือคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์
และสามารถจัดพร้อมกับการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนอง
สรภญั ญะ เพื่อความสะดวกและประหยัดงบประมาณ

๔. การรายงานผลการดำเนนิ งาน

๔.๑ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประสานงานศูนย์ศึกษาพระพุทธ
ศาสนาวันอาทิตย์ หรือวัดที่จัดประกวดบรรยายธรรมระดับจังหวัด รายงานผลการ
ประกวดส่งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดท่ีเป็นตัวแทนจัดประกวดบรรยายธรรม

ระดับภาคคณะสงฆ์ ภายในเดอื นกุมภาพันธ์

๔.๒ สำนกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ทวั่ ประเทศ รายงานการดำเนนิ งาน

การประกวดบรรยายธรรมตามแบบรายงานผลส่งกรมการศาสนา ภายในเดือน
พฤษภาคม

ระดบั เขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษากรุงเทพมหานคร

กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม แจง้ โรงเรียนในเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา
กรงุ เทพมหานคร ท้ัง ๒ เขต ทง้ั ระดับประถมศกึ ษาและระดบั มธั ยมศึกษา โดยแบ่ง
การประกวดเป็นเขตพ้ืนที่การศึกษากรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตพ้ืนที่การศึกษา
กรุงเทพมหานคร เขต ๑ และ เขตพื้นท่ีการศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๒ และ

คัดเลือกผู้ชนะเลิศของแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาเป็นตัวแทนไปประกวดในระดับ

ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ท้ังนี้ วัน เวลา และสถานที่ในการจัดประกวด

กรมการศาสนาร่วมกับศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หนกลาง

(ศพอ.ก.) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

จะเปน็ ผกู้ ำหนด


80

www.dra.go.th


การจัดประกวดบรรยายธรรมรอบคัดเลือกระดบั ภาคคณะสงฆ

๑. วธิ ีการดำเนินการ

๑.๑ กรมการศาสนา และสำนกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ทเ่ี ปน็ เจ้าภาพ
จัดประกวดบรรยายธรรมระดับภาคคณะสงฆ์ประสานงานกับศูนย์ศึกษาพระพุทธ
ศาสนาวันอาทติ ย์ หรือวดั ทีจ่ ดั ประกวดบรรยายธรรม ระดบั ภาคคณะสงฆ

๑.๒ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตัดสินระดับภาค โดยม

องคป์ ระกอบคณะกรรมการ อยา่ งน้อย ๕ ท่าน ประกอบดว้ ย

๑) พระสงฆ์ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ อยา่ งน้อย ๒ รปู

๒) ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ด้านพระพุทธศาสนาและศิลปะ

การพดู อย่างนอ้ ย ๑ ท่าน

๓) ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา

ทไ่ี ด้รับรางวลั เสาเสมาธรรมจักร จำนวน ๑ รปู /คน

๔) วัฒนธรรมจังหวดั หรอื ผ้แู ทนทเ่ี ป็นเจา้ ภาพหลัก

๑.๓ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการจัดกิจกรรมประกวด
บรรยายธรรมตามความเหมาะสม ประกอบด้วย เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้แทน ผู้ทรงคุณวุฒิท้ังบรรพชิตและคฤหัสถ์เข้าร่วมเป็น

ท่ปี รึกษาคณะกรรมการดำเนนิ การ

๑.๔ จัดประกวดและคดั เลอื กตัวแทนระดบั ภาคคณะสงฆ์ เพ่อื สง่ เข้า
ประกวดรอบชงิ ชนะเลศิ ระดบั ประเทศ ดงั น
้ี
๑) ช่วงชั้นที่ ๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)

คัดเลือกสง่ เขา้ ประกวดรอบชงิ ชนะเลศิ ระดบั ประเทศ ภาคคณะสงฆล์ ะ ๒ คน

๒) ช่วงชั้นท่ี ๒ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป.๔ – ๖)

คัดเลือกส่งเขา้ ประกวดรอบชงิ ชนะเลศิ ระดับประเทศ ภาคคณะสงฆ์ละ ๒ คน

๓) ช่วงชั้นท่ี ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ๓)

คัดเลือกส่งเข้าประกวดรอบชิงชนะเลศิ ระดับประเทศ ภาคคณะสงฆ์ละ ๒ คน


81

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





๔) ช่วงช้ันท่ี ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔– ๖

หรือ ปวช. ปี ๑-๓) คัดเลือกส่งเข้าประกวดรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ

ภาคคณะสงฆ์ละ ๒ คน

๑.๕ การจดั ประกวดบรรยายธรรมระดบั ภาค จะตอ้ งมกี ารดำเนนิ การ

อยา่ งเป็นธรรม โปรง่ ใส และสามารถตรวจสอบได้

๒. ระยะเวลาในการจดั ประกวด

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดร่วมกับเครือข่าย จัดประกวดบรรยายธรรม
ในระดับภาค ๑๘ ภาคคณะสงฆ์ โดยดำเนินการจัดประกวดฯ ให้แล้วเสร็จภายใน
เดือนมีนาคม ทั้งน้ี วัน เวลา และสถานท่ีในการจัดประกวดระดับภาค

กรมการศาสนาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวดั ท่เี ปน็ เจา้ ภาพ จะเป็นผกู้ ำหนด

๓. การรายงานผลการดำเนินงาน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดท่ีเป็นเจ้าภาพจัดประกวดระดับภาค
ประสานงานกับศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หรือวัดที่เป็นเจ้าภาพท่ีจัด
ประกวดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ๑๘ ภาคคณะสงฆ์ รายงานผลการดำเนิน

การจัดประกวดบรรยายธรรมระดับภาคคณะสงฆ์ ส่งกรมการศาสนา และศูนย์
บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสังฆ
ราชูปถัมภ์ วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นข้อมูลเตรียมดำเนินการ
จัดประกวดรอบชิงชนะเลศิ ระดบั ประเทศ ภายในเดือนมีนาคม

๔. การประกาศผล

กรมการศาสนา จะประกาศผลการประกวดบรรยายธรรมระดับภาค
คณะสงฆ์ และประกาศหัวข้อบรรยายธรรมที่จะใช้ในการประกวดระดับประเทศ
ทางเวบ็ ไซด์ www.dra.go.th


82

www.dra.go.th


การประกวดระดับสว่ นกลาง (กรุงเทพมหานคร)

ศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.)


ในพระสังฆราชูปถัมภ์ วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ดำเนินการ

จดั ประกวดระดับส่วนกลาง (กรงุ เทพมหานคร) เพอื่ คดั เลอื กผชู้ นะเลศิ จากเขตพื้นท่ี

การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต ๑ และเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เขต ๒

เป็นตัวแทนไปประกวดในระดับประเทศ ท้ังน้ี วัน เวลา และสถานท่ีในการ


จัดประกวด ศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.)


ในพระสังฆราชูปถัมภ์ วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จะเป็น


ผู้กำหนด


การจัดการประกวดบรรยายธรรมรอบคดั เลอื ก ระดับประเทศ

๑. การดำเนนิ การ

๑.๑ กรมการศาสนา ประสานศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธ

ศาสนาวันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ วัดประยุรวงศาวาส

เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงาน เพ่ือดำเนินการจัด

กิจกรรมประกวดบรรยายธรรม ระดับประเทศ ตามความเหมาะสม


๑.๒ จัดประกวดเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศจากตัวแทนระดับภาค ๑๘

ภาคคณะสงฆ์และตัวแทนระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) เข้ารับโล่รางวัล

พระราชทานประดับพระนามาภิไธยย่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ

พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ในนามโรงเรียนหรอื สถานศึกษา ในพิธี

เปดิ งานสปั ดาห์สง่ เสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวสิ าขบชู า ดังน
ี้

๑) ชว่ งชน้ั ท่ี ๑ ระดบั ประถมศกึ ษาตอนตน้ (ป.๑ - ๓) คดั เลอื ก


เพื่อเข้ารับโลร่ างวัลพระราชทาน จำนวน ๖ คน ดังนี


- ชนะเลศิ จำนวน ๑ คน


- รองชนะเลิศ อันดับ ๑ จำนวน ๑ คน


83

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





- รองชนะเลิศ อนั ดับ ๒ จำนวน ๑ คน

- ชมเชย อนั ดับ ๑, ๒, ๓ อนั ดับละ ๑ คน

รวมเป็น ๖ คน

๒) ชว่ งช้นั ท่ี ๒ ระดับประถมศกึ ษาตอนปลาย (ป.๔ – ๖)
คัดเลอื กเพ่ือเขา้ รบั โลร่ างวัลพระราชทาน จำนวน ๖ คน ดังน
ี้
- ชนะเลิศ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลิศ อันดับ ๒ จำนวน ๑ คน

- ชมเชย อันดบั ๑, ๒, ๓ อันดับละ ๑ คน

รวมเป็น ๖ คน

๓) ช่วงช้ันที่ ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ๓)

คดั เลอื กเพ่อื เขา้ รับโลร่ างวัลพระราชทาน จำนวน ๖ คน ดังน
้ี
- ชนะเลิศ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อันดับ ๑ จำนวน๑ คน

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ จำนวน ๑ คน

- ชมเชย อนั ดบั ๑, ๒, ๓ อนั ดบั ละ ๑ คน

รวมเป็น ๖ คน

๔) ช่วงช้ันท่ี ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔– ๖
หรือ ปวช. ปี ๑ – ๓) คัดเลอื กเพือ่ เขา้ รับโล่รางวัลพระราชทาน จำนวน ๖ คน ดงั น
ี้
- ชนะเลิศ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ จำนวน ๑ คน

- รองชนะเลิศ อนั ดบั ๒ จำนวน ๑ คน

- ชมเชย อนั ดบั ๑, ๒, ๓ อนั ดับละ ๑ คน

รวมเป็น ๖ คน


84

www.dra.go.th


๒. สถานทจี่ ัดประกวดบรรยายธรรม

จัด ณ สถานทท่ี ก่ี รมการศาสนา กำหนด

๓. รางวลั ทนุ การศกึ ษา

รางวัลทุนการศกึ ษา ชว่ งช้นั ที่ ๑ - ๒ ระดบั ประถมศึกษา

(รอบชงิ ชนะเลิศ)

- ชนะเลิศ ทุนละ ๖,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทุน

เป็นเงนิ ๑๒,๐๐๐ บาท

- รองชนะเลิศ อันดับ ๑ ทุนละ ๔,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทุน

เป็นเงนิ ๘,๐๐๐ บาท

- รองชนะเลศิ อนั ดบั ๒ ทนุ ละ ๓,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทนุ

เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท

- ชมเชยอันดบั ๑ , ๒ , ๓ ทนุ ละ ๑,๐๐๐ บาท รวม ๖ ทนุ

เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท

รวมจำนวนทั้งสิน้ ๑๒ ทุน เป็นเงิน ๓๒,๐๐๐ บาท

รางวลั ทุนการศึกษา ช่วงชั้นท่ี ๓ - ๔ ระดบั มธั ยมศึกษา

(รอบชงิ ชนะเลิศ)

- ชนะเลศิ ทนุ ละ ๖,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทนุ

เป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาท

- รองชนะเลศิ อนั ดับ ๑ ทนุ ละ ๔,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทุน

เป็นเงิน ๘,๐๐๐ บาท

- รองชนะเลศิ อันดับ ๒ ทนุ ละ ๓,๐๐๐ บาท รวม ๒ ทุน

เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท

- ชมเชยอันดับ ๑ , ๒ , ๓ ทนุ ละ ๑,๐๐๐ บาท รวม ๖ ทนุ

เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท

รวมจำนวนทง้ั ส้ิน ๑๒ ทุน เป็นเงนิ ๓๒,๐๐๐ บาท




85

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





๔. การรับรางวัล

๔.๑ รับทุนการศึกษาและเกียรติบัตรจากประธานในพิธี

ณ สถานที่จดั ประกวด

๔.๒ โล่รางวัลพระราชทาน ทุกช่วงชั้นที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศ
รองชนะเลศิ อนั ดบั ๑ , ๒ และชมเชยอนั ดบั ๑ , ๒ , ๓ รวม ๒๔ คน เขา้ เฝา้ ฯ รบั โล่
รางวัลพระราชทานประดับ พระนามาภิไธยย่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในนามโรงเรียนหรือ

สถานศึกษา ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในพิธีเปิดงานสัปดาห์ส่งเสริม

พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวสิ าขบูชา

หวั ขอ้ ท่ีใชป้ ระกวดบรรยายธรรม

กรมการศาสนาร่วมกับศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนา

วนั อาทติ ย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสงั ฆราชปู ถมั ภ์ วดั ประยรุ วงศาวาส กำหนดหวั ขอ้

การประกวดบรรยายธรรม ภาษาไทย ตามความเหมาะสมของแต่ละระดบั ดงั น้ี

๑. ประถมศกึ ษาตอนตน้ ๒. ประถมศกึ ษาตอนปลาย ๓. มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และ
๔. มัธยมศึกษาตอนปลาย

เกณฑ์การนับเวลาการประกวดบรรยายธรรม

ให้นับตั้งแต่เริ่มต้นทักท่ีประชุมรวมกับการบรรยายหัวข้อบรรยาย
ธรรมหลัก คอื

ช่วงชน้ั ท่ี ๑ ประถมศกึ ษาตอนตน้ เวลารวม ๕ นาท

ช่วงช้ันที่ ๒ ประถมศึกษาตอนปลาย เวลารวม ๖ นาท

ช่วงช้ันที่ ๓ มัธยมศึกษาตอนต้น เวลารวม ๗ นาที

ชว่ งชั้นท่ี ๔ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เวลารวม ๘ นาที


86

www.dra.go.th


เกณฑ์การตัดสนิ

๑. การปรากฏตวั และมารยาทไทย

๒. การทกั ที่ประชุมและอารัมภบท

๓. เนื้อหาสาระการบรรยายต่อเน่ือง มีเหตุผลและความเหมาะสม
กลมกลืน

๔. หลักวาทศิลป์ การใช้ภาษา สายตา ท่าทาง ไหวพริบ และระดับ

น้ำเสยี งสมั พนั ธ์กนั

๕. การสรุปจบ

๖. การใชเ้ วลาในการบรรยาย

ทง้ั น้ี คำตัดสนิ ของคณะกรรมการถอื เป็นอันยตุ


87

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





แนวทางการดำเนนิ การจัดประกวดบรรยายธรรม

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ ต่อเชอื้ ไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-๑๙)

การดำเนินการจัดประกวดบรรยายธรรม ในช่วงสถานการณ์การแพร่
ระบาดของโรคติดต่อ เช้ือไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-๑๙) กำหนดดำเนินการ
ประกวดบรรยายธรรมใน ๓ ระดบั ได้แก่

๑. ระดับจังหวัด ๗๗ จังหวัด ได้แก่ ส่วนภูมิภาค ๗๖ จังหวัด และ
กรุงเทพมหานคร (แบ่งเป็นเขตพ้ืนท่ีการศึกษากรุงเทพมหานคร ๒ เขต) เป็นการ
ประกวดเพื่อคดั เลือกผชู้ นะเลิศเป็นตัวแทนไปประกวด ในระดบั ภาค

๒. ระดับภาค ได้แก่ ภาคการปกครองคณะสงฆ์ ๑๘ ภาค และระดับ
ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) เป็นการประกวดเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศเป็นตัวแทน
เข้าประกวดระดับประเทศ

๓. ระดับประเทศ เป็นการประกวดเพื่อคัดเลือกผู้ชนะเข้ารับโล่รางวัล
พระราชทาน ในงานสัปดาหส์ ่งเสริมพระพุทธศาสนา เนอ่ื งในเทศกาลวสิ าขบูชา

ในแตล่ ะระดบั มแี นวทางการดำเนนิ การ ดงั น้ี

๑. แนวทางการดำเนินงาน ระดับจังหวัด

๑.๑ ส่วนภูมภิ าค

๑.๑.๑ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม แจ้งแนวทางการ
ดำเนนิ งานและหลกั เกณฑก์ ารประกวด ไปยงั สำนกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ทว่ั ประเทศ

๑.๑.๒ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ดำเนินการประชาสัมพันธ์

เชญิ ชวนสถานศกึ ษาและศนู ยศ์ กึ ษาพระพทุ ธศาสนาวนั อาทติ ย์ ในจงั หวดั ใหเ้ ขา้ รว่ ม

ประกวดบรรยายธรรม พรอ้ มทง้ั กำหนดวนั เวลา และสถานทจี่ ดั ประกวด สง่ หลกั เกณฑ

และหวั ข้อบรรยายธรรม เพื่อแจง้ ให้สถานศกึ ษาทราบ


88

www.dra.go.th


๑.๑.๓ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อ
ดำเนินการจัดประกวดและตัดสินการประกวดตามความเหมาะสม โดยต้องม

ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ท่ีได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร ซ่ึงเป็น

พระสงฆห์ รอื คฤหสั ถ์ รว่ มเปน็ คณะกรรมการดำเนนิ งานและสนบั สนนุ การจดั ประกวด
จำนวนไม่น้อยกว่า ๑ รูป/คน โดยให้ดำเนินการจัดประกวดให้แล้วเสร็จภายใน

ชว่ งงานสปั ดาห์ส่งเสรมิ พระพุทธศาสนา เนอ่ื งในเทศกาลมาฆบูชา

๑.๑.๔ การคัดเลือกตัวแทนระดับจังหวัด เพ่ือเข้าประกวดระดับ
ภาคคณะสงฆ์ ดังนี้

๑) ช่วงช้ันท่ี๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)
จำนวน ๓ คน

๒) ช่วงชั้นที่ ๒ ระดบั ประถมศกึ ษาตอนปลาย (ป. ๔ - ๖)
จำนวน ๓ คน

๓) ช่วงช้ันท่ี ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ - ๓)
จำนวน ๓ คน

๔) ช่วงชั้นที่ ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ - ๖

หรือ ปวช. ปี ๑ - ๓) จำนวน ๓ คน

๑.๑.๕ มอบเกียรติบัตรให้แก่นักเรียนที่ได้รับรางวัลตามท่ี

คณะกรรมการกำหนด และมอบเกียรติบัตรใหแ้ ก่นักเรยี นทเี่ ข้าร่วมการประกวด

๑.๑.๖ เมือ่ ดำเนินการจัดการประกวด ระดับจังหวดั เรียบรอ้ ยแลว้
สำนักงานวัฒนธรรมจงั หวดั แจง้ รายช่อื นักเรียนทไี่ ดเ้ ป็นตวั แทนระดับจงั หวัด พรอ้ ม
ทั้งหัวข้อบรรยาย ไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ภายในเดือน
กุมภาพันธ์ เพ่อื ดำเนนิ การจัดประกวดระดับภาคคณะสงฆ์ตอ่ ไป


89

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม





๑.๑.๗ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สรุปผลการดำเนินงานและ
รายงานผลการดำเนินงาน ตามแบบรายงานฯ พร้อมรูปภาพการจดั กจิ กรรม บนั ทกึ
ข้อมูลลงในซีดี ส่งกรมการศาสนา ภายในเดือน เมษายน เพื่อกรมการศาสนาจะได้
สรุปผลการดำเนินงานและเสนอขอต้งั งบประมาณในปีตอ่ ไป

๑.๒ ระดับเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา เขต ๑ และ เขต ๒ (กรงุ เทพมหานคร)

๑.๒.๑ กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ดำเนนิ การประชาสมั พนั ธ

พรอ้ มทง้ั สง่ หลกั เกณฑก์ ารประกวด ไปยงั สถานศกึ ษาและศนู ยศ์ กึ ษาพระพทุ ธศาสนา

วันอาทิตย์ (ศพอ.) ทวั่ กรงุ เทพมหานครและดำเนินการรับสมคั ร

๑.๒.๒ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์บริหาร
การศึกษาพระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสังฆราชูปถัมภ์

วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร กำหนดวัน เวลา จัดการประกวด
และแต่งต้ังคณะกรรมการเพ่ือดำเนินการตัดสิน ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาเขต ๑
และ เขต ๒ เพื่อคัดเลือกผู้ชนะเลิศของแต่ละเขตพ้ืนที่การศึกษาเป็นตัวแทนไป
ประกวดในระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร)

๑.๒.๓ การคัดเลือกสถานศึกษาระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเขต ๑
และเขต ๒ เพอ่ื เข้ารอบระดับสว่ นกลาง (กรงุ เทพมหานคร) ดงั น้ี

๑) ช่วงช้ันที่ ๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)
จำนวน ๕ คน

๒) ช่วงช้นั ที่ ๒ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป. ๔ - ๖)
จำนวน ๕ คน

๓) ช่วงช้ันท่ี ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ - ๓)
จำนวน ๕ คน

๔) ช่วงชั้นท่ี ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ - ๖

หรือ ปวช. ปี ๑ - ๓) จำนวน ๕ คน


90

www.dra.go.th


๑.๒.๔ มอบโล่รางวัลหรือเกียรติบัตรให้แก่สถานศึกษาท่ีได้รับ
รางวัลตามเกณฑ์ ที่คณะกรรมการกำหนด และมอบเกียรติบัตรให้แก่สถานศึกษาที่
เข้ารว่ มการประกวด

๒. แนวทางการดำเนนิ งาน ระดบั ภาคคณะสงฆ์

๒.๑ สว่ นภูมภิ าค

๒.๑.๑ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์ส่งเสริม
ศีลธรรม วัดชัยชนะสงคราม แจ้งแนวทางการดำเนินงาน และหลักเกณฑ์การ
ประกวดระดับภาคคณะสงฆ์ ไปยงั สำนกั งานวัฒนธรรมจังหวัด ทว่ั ประเทศ

๒.๑.๒ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแจ้งหลักเกณฑ์การประกวด
ระดบั ภาคคณะสงฆ์ ใหส้ ถานศึกษาทเี่ ขา้ รอบทราบ เพอ่ื ทำการบันทึกวีดิโอ

๒.๑.๓ สถานศึกษาส่งไฟล์วีดิโอท่ีบันทึกแล้ว (ใส่ Flash Drive
เทา่ นนั้ ) พร้อมใบสมัครไปทีส่ ำนกั งานวฒั นธรรมจงั หวัด

๒.๑.๔ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดส่งไฟล์วีดิโอของสถานศึกษาท่ี
รวบรวมและตรวจสอบแล้วพร้อมใบสมัคร ไปท่ี กรมการศาสนา กระทรวง
วัฒนธรรม เลขท่ี ๑๐ ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง
กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๑๐

๒.๑.๕ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์ส่งเสริม
ศีลธรรม วัดชัยชนะสงคราม แต่งตง้ั คณะกรรมการตดั สิน เพือ่ ดำเนนิ การตัดสนิ ตาม
ไฟล์วีดโิ อท่สี ถานศึกษาส่งมา โดยการตัดสนิ ระดบั ภาคคณะสงฆส์ ว่ นภูมภิ าค

๒.๑.๖ การคัดเลือกตัวแทนระดับภาคคณะสงฆ์ เพื่อเข้าประกวด
ระดบั ประเทศ ดงั น้ี

๑) ช่วงช้ันที่ ๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)
จำนวน ๒ คน


91

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





๒) ช่วงชั้นที่ ๒ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป. ๔ - ๖)
จำนวน ๒ คน

๓) ช่วงช้ันที่ ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ - ๓)
จำนวน ๒ คน

๔) ช่วงช้ันท่ี ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ - ๖

หรือ ปวช. ปี ๑ - ๓) จำนวน ๒ คน

๒.๒ สว่ นกลาง (กรุงเทพมหานคร)

๒.๒.๑ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์ส่งเสริม
ศีลธรรม วัดชัยชนะสงคราม แจ้งหลักเกณฑก์ ารประกวด วนั - เวลา และสถานทจี่ ดั
ประกวดไปยงั สถานศึกษาทเี่ ข้ารอบระดับภาคคณะสงฆ์

๒.๒.๒ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์ส่งเสริม

ศีลธรรม วัดชัยชนะสงคราม แต่งต้ังคณะกรรมการเพ่ือดำเนินการจัดการประกวด
และตัดสนิ การประกวดระดับภาคคณะสงฆ์ ตามความเหมาะสม

๒.๒.๓ การคัดเลือกตัวแทนระดับส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร)
เพือ่ เขา้ ประกวดระดับประเทศ ดังน้ี

๑) ช่วงช้ันท่ี ๑ ระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.๑ - ๓)
จำนวน ๒ คน

๒) ช่วงชน้ั ที่ ๒ ระดับประถมศกึ ษาตอนปลาย (ป. ๔ - ๖)
จำนวน ๒ คน

๓) ช่วงช้ันท่ี ๓ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ - ๓)
จำนวน ๒ คน

๔) ช่วงช้ันท่ี ๔ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ - ๖

หรือ ปวช. ปี ๑ - ๓) จำนวน ๒ คน


92

www.dra.go.th


๓. แนวทางการดำเนินงาน ระดับประเทศ

๓.๑ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม แจ้งหลักเกณฑ์การประกวด
วนั - เวลา และสถานทจี่ ัดประกวดระดับประเทศ ไปยงั สถานศกึ ษาที่เขา้ รอบระดบั
ประเทศ

๓.๒ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศูนย์บรหิ ารการศึกษา
พระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ วัดประยุร
วงศาวาส เขตธนบรุ ี กรงุ เทพมหานคร แตง่ ต้งั คณะกรรมการตดั สนิ และดำเนนิ การ
ตัดสินใหแ้ ล้วเสร็จ กอ่ นเทศกาลวิสาขบูชา

๔. หลกั เกณฑ์และเงอ่ื นไขการประกวด

๔.๑ เกณฑ์การตดั สนิ

๑) การปรากฏตวั และมารยาทไทย

๒) การทกั ทีป่ ระชุมและอารัมภบท

๓) เนอ้ื หาสาระการบรรยายต่อเนอ่ื ง มีเหตุผลและความเหมาะสม
กลมกลนื

๔) หลักวาทศิลป์ การใชภ้ าษา สายตา ท่าทางไหวพริบ และระดบั
นำ้ เสียงสัมพนั ธ์กนั

๕) การสรุปจบ

๖) การใช้เวลาในการบรรยาย

ทง้ั นี้ การตัดสินของคณะกรรมการถอื เปน็ อนั ยุติ

๔.๒ เกณฑ์การนบั เวลาการประกวดบรรยายธรรม

ให้นับตั้งแต่เร่ิมต้นการทักท่ีประชุมรวมกับการบรรยายหัวข้อ
บรรยายธรรมหลัก คือ


93

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





ช่วงช้ันที่ ๑ ประถมศกึ ษาตอนต้น เวลารวม ๕ นาที

ช่วงชนั้ ที่ ๒ ประถมศกึ ษาตอนปลาย เวลารวม ๖ นาที

ชว่ งชนั้ ท่ี ๓ มัธยมศึกษาตอนต้น เวลารวม ๗ นาที

ชว่ งชั้นท่ี ๔ มัธยมศึกษาตอนปลาย เวลารวม ๘ นาที

๔.๓ หัวขอ้ ทใี่ ชป้ ระกวดบรรยายธรรม

กรมการศาสนาร่วมกับศูนย์บริหารการศึกษาพระพุทธศาสนา

วนั อาทติ ย์ หนกลาง (ศพอ.ก.) ในพระสงั ฆราชปู ถมั ภ์ วดั ประยรุ วงศาวาส กำหนดหวั ขอ้
การประกวดบรรยายธรรม ภาษาไทย ตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ ดงั น้ี

๑. ประถมศกึ ษาตอนตน้

๒. ประถมศกึ ษาตอนปลาย

๓. มัธยมศึกษาตอนต้น

๔. มธั ยมศึกษาตอนปลาย

๕. รางวัลท่ีได้รับ

นักเรียนท่ีได้อันดับ ๑ - ๖ แต่ละช่วงช้ัน จะได้เข้ารับโล่รางวัล
พระราชทาน ในนามโรงเรียน หรือสถานศึกษา ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธ
ศาสนา เนือ่ งในเทศกาลวิสาขบูชา


94

www.dra.go.th

95

หลักวาทศิลป์และแนวทางการฝึกบรรยายธรรม

โครงการประกวดบรรยายธรรม ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม





96

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

หลักวาทศลิ ปแ์ ละแนวทางการฝึกบรรยายธรรม
โครงการประกวดบรรยายธรรม

ของกรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม


Click to View FlipBook Version