ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง ดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกชะม่วง ดอกเป็นแบบแยกเพศ ดอกเพศผู้เป็นสีเหลืองอ่อน กลิ่น
หอม มีกลีบดอก 4 กลีบ หนา ลักษณะเป็นรูปทรงกลมรี มีก้านกลีบเล็กน้อย ยาวกว่ากลีบเลี้ยง ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ กลีบ
วงนอกเป็นรูปไข่ กลีบวงในเป็นรูปไต ดอกพะวาเพศเมียจะออกดอกเป็นดอกเดี่ยว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับดอกเพศผู้
ดอกมีกลีบเลี้ยงสีเหลือง 4 กลีบ กลีบดอกสีเหลือง 4 กลีบ ตรงกลางเป็นที่ตั้งของรังไข่
สรรพคุณของ "ต้นพะวา"
ดอกมีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร ด้วยการใช้ดอก-
แหง้ พอประมาณ นำมาต้มกับน้ำกิน (ดอก)
ใช้ดอกแห้งพอประมาณ นำมาต้มกับน้ำกินเป็น
ยาแก้ไข้ (ดอก) ส่วนน้ำต้มจากเปลือกต้นและใบ
มีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ (เปลือกต้น, ใบ)
น้ำต้มจากเปลือกต้นและใบ มีสรรพคุณเป็นยาฝาด-
สมาน ช่วยรักษาแผลในปาก (เปลือกต้น, ใบ)
ใช้ใบแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาระบายอ่อน ๆ (ใบ)
ส่วนผลมีรสเปรี้ยว ใช้เป็นยาระบายได้เช่นกัน (ผล)
ประโยชน์ของ
"ต้นพะวา"
ผลพะวาสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้ได้ แม้ว่าผลจะมีสี-
สวยงามและมีเนื้อในที่สามารถรับประทานได้ก็ตาม แต่ก็ไม่เป็น
ที่นิยมนำมารับประทานเท่าใดนัก เนื่องจากเนื้อมีรสเฝื่ อน ออก
เปรี้ยว และหากรับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้
ไม้พะวา เป็นไม้เนื้อแข็ง เสี้ยนไม้ละเอียด สีน้ำตาลแดง สามารถ
นำมาใช้ในการก่อสร้างได้ดี
ต้นลำดวน
ลำดวน ชื่อสามัญ White cheesewood, Devil tree, Lamdman
ลำดวน ชื่อวิทยาศาสตร์ Melodorum fruticosum Lour. จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา
6
เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเป็นมงคลประจำจังหวัดศรีษะเกษ และดอกลำดวนยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ เพราะมีเรื่องเล่าว่า
สมเด็จย่าได้เสด็จไปเยี่ยมชาวจังหวัดศรีษะเกษ ทรงทอดพระเนตรเห็นดงต้นลําดวนที่ออกดอกงดงามและมีกลิ่นหอม และทรงพอพระทัย
หลังจากนั้นดอกลำดวนจึงกลายเป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ ทำนองเดียวกับดอกมะลิที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่นั่นเอง
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูป
ขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลมหรือสอบ ส่วนขอบใบ
เรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร และยาว
ประมาณ 8-10 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน
ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ผิวใบด้านบนเป็นมัน ส่วนด้านล่างมี
สีอ่อนกว่า เส้นกลางใบเป็นสีออกเหลืองนูนเด่นทั้งสองด้าน
ส่วนก้านใบยาวประมาณ 0.5-0.7 เซนติเมตร
ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อแบบกระจุกประมาณ 2-3 ดอก โดยจะออกตาม
ซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกเป็นสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ลักษณะเป็นรูปไข่ป้อมถึง
รูปเกือบกลม ปลายกลีบแหลม โคนกลีบกว้าง ดอกมีกลีบ 6 กลีบ กลีบดอกหนา-
แข็ง สีเขียวปนเปลือง และมีขน แยกเป็น 2 วง ชั้นนอกมี 3 กลีบ กลีบแผ่แบน
ลักษณะของกลีบเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่กว่ากลีบดอกวงใน
สรรพคุณของ "ต้นลำดวน"
ดอกแห้งมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง (ดอกแห้ง) ดอกแหง้ เป็นยาบำรุงโลหิต (ดอกแห้ง)
ช่วยบำรุงหัวใจ (ดอกแหง้ ) ใช้เป็นยาแก้ไข้ (ดอกแห้ง)
ผลสุกของลำดวนมีสีดำ มีรสหวานอมเปรี้ยว ใช้รบั ประทานได้ ดอกมีกลิ่นหอม รสเย็น นอกจากจะจัดอยู่ในพิกัดเกสรทั้ง
เก้าแลว้ ยังใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาหอมอีกด้วย
ดอกลําดวนมีขนาดใหญ่และงดงามกว่าดอกนมแมว จึง
นิยมนำมาใช้บูชาพระและใช้แซมผม อีกทั้งหญิงไทยใน ดอกสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยการต้ม
สมัยก่อนก็ชื่อลำดวนกันทั่วไป กลั่นจะได้น้ำมันหอมระเหยรอ้ ยละ 0.08
ประโยชน์ของ "ต้นลำดวน"
ต้นข่อยหนาม
ข่อยหยอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Rinorea virgata (Thwaites)
Kuntze (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Scyphellandra pierrei H.
Boissieu) จัดอยู่ในวงศ์หน้าแมว (VIOLACEAE)
7
จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูงได้ประมาณ 10 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีเทา
ปนสีน้ำตาลอ่อน หรือเป็นสีเทาค่อนข้างขาว มีหนามแหลมยาวออกตามลำต้นและกิ่งก้าน
ไม่มียาง เนื้อไม้เหนียว ส่วนบนค่อนข้างคดงอเป็นปุ่มปมและเป็นร่องเล็กนอ้ ย
ใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ใบมีลักษณะกลม
ส่วนริมขอบใบจักไม่เรียบและมีหนามแหลม
ออกดอกเป็นช่อขนาดเล็ก มีสีขาวและเหลือง
สรรพคุณของ "ต้นข่อยหนาม"
ใบข่อยหยองมีรสเมาเฝื่ อน ใช้ตำกับข้าวสารคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาถอนพิษยาเบื่อยาเมา หรืออาหารแสลง (ใบ)
เนื้อไม้และรากใช้เป็นยารักษาโรคกษัย ไตพิการ (เนื้อไม้และราก)
ใช้ปรุงเป็นยาขับเมือกในลำไส้ (เนื้อไม้และราก)
ใช้ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ (เนื้อไม้และราก)
8
ต้นมะค่าแต้
มะค่าแต้ ชื่อสามัญ Ma kha num
มะค่าแต้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Sindora siamensis Miq. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Galedupa cochinchinensis (Baill.)
มี เ ข ต ก า ร ก ร ะ จ า ย พั น ธุ์ จ า ก ภู มิ ภ า ค อิ น โ ด -
จีนจนถึงมาเลเซีย ในประเทศไทย
ส า ม า ร ถ พ บ ไ ด้ ต า ม ป่ า เ ต็ ง รัง
ป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าโคกข่าว ป่าผลัด-
ใบ ป่าดิบแล้ง และป่าชายหาดที่ระดับใกล้
กับน้ำทะเลไปจนถึงที่ระดับความสูง 400
เมตร โดยจัดเป็นไม้ยืนต้น มีความสูง
ของต้นประมาณ 10-15 เมตร
ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 3-4 ใบ แกนช่อใบยาว
ประมาณ 2-4 เซนติเมตร ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่ ปลายใบเว้าตื้น โคนใบเป็น
รูปลิ่ม ส่วนขอบใบเป็นคลื่น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-8 เซนติเมตรและยาวประมาณ
6-15 เซนติเมตร แผ่นใบหนา แผ่นใบด้านบนมีขนหยาบ ส่วนด้านท้องใบมีขนนุ่ม
ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบหรือตามปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเหลือง
แกมเขียว มีกลีบเลี้ยงหนา 4 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กว้าง ปลายกลีบมีหนามขนาดเล็ก ส่วนกลีบดอกยาว
ประมาณ 7 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 ก้าน และมี 2 ก้านใหญ่กว่าก้านอื่นๆ ด้านนอกดอกมีขนสีน้ำตาล
ก้านดอกยาวประมาณ 0.2-0.4 เซนติเมตร โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
สรรพคุณของ
"ต้นมะค่าแต้"
เปลือกใช้ต้มแก้ซาง แก้ลิ้นเป็นฝ้า (เปลือก)
ปุ่มที่เปลือกมีรสเมาเบื่อ ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้พยาธิ ส่วนเมล็ด
มีรสเมาเบื่อสุขุมเป็นยาขับพยาธิเช่นกัน (ปุ่มเปลือก, เมล็ด)
ปุ่มที่เปลือกนำมาต้มรมให้หัวริดสีดวงทวารหนักฝ่อได้
(ปุ่มเปลือก,ผล) ส่วนเมล็ดมีรสเบื่อขม ทำให้ริดสีดวง
ทวารแห้ง (เมล็ด)
ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง (ผล, ปุ่มเปลือก, เมล็ด)
เมล็ดแก่เมื่อนำมาเผาไฟแล้วกะเทาะเปลือกออก เอาแต่เนื้อข้างในมารบั ประทานเป็นอาหารว่างได้
โดยเนื้อจะมีลักษณะแข็งๆ คล้ายกับเมล็ดมะขามและมีรสมัน
ในด้านเชื้อเพลิง สามารถนำมาใช้ทำเป็นถ่านได้ดี โดยจะให้ความร้อนได้สูงถึง 7,347 แคลอรีต่อกรัม
ฝักและเปลือกให้น้ำฝาดชนิด Catechol และ Pyrogallol ใช้สำหรับฟอกหนัง ส่วนเปลือกต้นจะนิยม
นำมาใช้ย้อมสีเส้นไหม ย้อมแห โดยจะให้สีแดง
ประโยชน์ของ "ต้นมะค่าแต้"
9
ต้นมะหาด
มะหาด ชื่อสามัญ Monkey Jack, Monkey Fruit
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่ผลัดใบ ที่มีความสูงของต้นประมาณ 15-20 เมตร และอาจสูง
ได้ถึง 30 เมตร ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง ทรงพุ่มกลมหรือแผ่กว้าง เปลือกลำต้นเป็นสีดำ สี
เทาแกมน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอมแดงถึงน้ำตาลเข้ม
ต้นแก่ผิวเปลือกจะค่อนข้างหยาบ ขรุขระและแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ บริเวณเปลือกของลำต้น
มักมีรอยแตกและมียางไหลซึมออกมา แห้งติด ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนปกคลุม
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับในระนาบเดียวกัน ลักษณะของใบเป็นรูป
รี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบมนหรือแหลมเป็นติ่งแหลม โคนใบ
มนหรือเว้ามนหรือแหลมกว้าง และอาจเบี้ยวไม่สมมาตรกัน ส่วนขอบ
ใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อยหรือมีซี่ฟันเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ
5-20 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร
ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นกลมสีเหลืองหม่นถึงสีชมพูอ่อน โดยจะออกตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ใน
ต้นเดียวกัน แต่อยู่คนละช่อ ช่อดอกเพศผู้กลม ช่อยาวประมาณ 0.8-2 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อเดี่ยวตามซอก
หรือช่วงล่างของกิ่งก้าน โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด กลีบเลี้ยงมี 2 พูลึก
มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ส่วนช่อดอกเพศเมียเป็นรูปไข่หรือเป็นรูปขอบขนานสีเหลืองอ่อน ออกตามกลีบช่วงบน
มีขนาดกว้างประมาณ 0.8-1.2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.2-2.3 เซนติเมตร ปลายกลีบดอกหยัก ก้านช่อยาว
ประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
สรรพคุณของ "ต้นมะหาด"
แก่นมะหาดมีรสร้อน มีสรรพคุณเป็นยาแกก้ ระษัย
ละลายเลือด กระจายโลหิต (แก่น,ผงปวกหาด)
ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (แก่น,ผงปวกหาด)
รากมะหาดสดหรือแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้พิษ-
ร้อนใน (ราก)
รากสดหรือแห้งนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้กระษัย
ในเส้นเอ็น (ราก)
ข้อควรระวัง : ห้ามกินมะหาดกับน้ำร้อน เพราะจะทำให้เกิดอาการ
ปวดท้อง เกิดอาการไซ้ท้อง หรือเกิดอาการอาเจียนอย่างรุนแรง
ได้ แต่สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้ผงปวกหาด โดยจะมีผื่นคัน
ขึ้นตามตัว หน้าแดง ตาแดง ผิวหนังแดงคัน และมีไข้ร่วมด้วย
โดยอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
ประโยชน์ของ
"ต้นมะหาด"
ผลมะหาดสุก ใช้รับประทานได้ โดยจะมีรสหวานอมเปรี้ยว
ชาวม้งจะใช้ใบมะหาดอ่อนนำมานุ่งเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกรับประทาน
รากมะหาด สามารถนำมาสกัดเป็นสีสำหรับย้อมผ้าได้ โดยจะให้สีเหลือง
ใยจากเปลือกต้นมะหาด สามารถนำมาใช้ทำเชือกได้
เปลือกต้นมะหาดมีรสฝาด สามารถนำมาเคี้ยวกับหมากแทนสีเสียดได้
ที่ประเทศเนปาลจะใช้ใบมะหาดเป็นอาหารสัตว์ เพื่อช่วยเพิ่มการขับน้ำนม
ของสัตว์เลี้ยง
ในประเทศอินเดียและเนปาลจะใช้เปลือกต้นมะหาด นำมาต้มกับน้ำทา
รักษาสิว
10
ต้นข่อย
ข่อย ชื่อสามัญ Siamese rough bush, Tooth brush tree
ข่อย ชื่อวิทยาศาสตร์ Streblus asper Lour. จัดอยู่ในวงศ์ขนุน
มีถิ่นกำเนิดแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศไทย โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 5-15 เมตร
ลำต้นและกิ่งก้านค่อนข้างคดงอ มีปุ่มปมอยู่รอบๆ ต้นหรือเป็นพูเป็นร่องทั่วไป ซึ่งอาจจะขึ้นเป็นต้นเดียวหรือเป็นกลุ่ม เปลือกต้นมีสีเทาอ่อน
บาง ขรุขระเล็กน้อย แตกเป็นแผ่นบางๆ และมียางสีขาวข้นเหนียวซึมออกมา แตกกิ่งก้านมีสาขามาก แตกกิ่งต่ำเป็นพุ่มทึบ และนิยมขยาย
พันธุ์ด้วยการใช้รากปักชำ เพราะจะเจริญเติบโตได้เร็วกว่าการใช้กิ่งปักชำหรือการเพาะเมล็ด
ใบและดอก
ลักษณะเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ มีขนาดเล็ก แผ่นใบมีสีเขียว เนื้อใบค่อนข้าง
หนากรอบ ผิวใบสากคล้ายกระดาษทรายทั้งสองด้าน ลักษณะใบคล้ายรูปรี
แกมรูปไข่หัวกลับ โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก
มีความกว้างประมาณ 2-3.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร
ดอกข่อย ออกดอกเป็นช่อ มีสีขาวเหลืองอ่อน โดยจะออกปลายกิ่งตามซอกใบ
ดอกเดี่ยวแต่รวมกันเป็นกระจุก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะอยู่ต่างดอกกัน
สรรพคุณของ "ต้นข่อย"
ต้นข่อยมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (เปลือก)
รากเปลือกใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ (รากเปลือก)
เมล็ดสามารถนำมารับประทานเป็นยาอายุวัฒนะได้ (เมล็ด)
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เมล็ด)
กิ่งสดช่วยทำให้ฟันทนแข็งแรง ฟันไม่ผุ ไม่ปวดฟัน ด้วยการใช้กิ่งสดประมาณ 5-6 นิ้วฟุต
นำมาหั่นแล้วต้มใส่เกลือ เคี่ยวให้งวด เหลือน้ำแค่ครึ่งเดียว นำมาอมเช้าและเย็น (กิ่งสด)
ประโยชน์ของ "ต้นข่อย"
ยางมีน้ำย่อยที่ชื่อว่า milk (lotting enzyme) มีประโยชน์ในการช่วยย่อยน้ำนม
ยางสามารถนำมาใช้กำจัดแมลงได้
ไม้นำมาใช้ทำกระดาษ ทำเป็นสมุดไทยหรือสมุดข่อยได้
เปลือกนำมาใช้ทำปอหรือใช้ทำเป็นกระดาษได้
นิยมปลูกเพื่อทำรัว้ หรือปลูกไว้เพื่อดัดปรับแต่งเป็นรูปต่าง ๆ ที่เรียกว่าไม้ดัด (ต้นข่อยดัด)
11
ต้นชะมวง
ชะมวง ชื่อสามัญ Cowa
ชะมวง ชื่อวิทยาศาสตร์ Garcinia cowa Roxb. ex Choisy
จัดอยู่ในวงศ์มังคุด
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางไม่ผลัดใบ เรือนยอด
เป็นทรงพุ่มรูปกรวยคว่ำทรงสูง มีความสูงของต้นประมาณ
5-10 เมตร บ้างว่าสูงประมาณ 15-30 เมตร ลำต้นเกลี้ยงและ
แตกกิ่งใบตอนบนของลำต้น กิ่งย่อยผิวเรียบ เปลือกลำต้นเป็น
สีดำน้ำตาลมีลักษณะขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรีแกม
ใบหอกหรือแกมขอบขนาน โคนใบสอบแหลม ปลายใบป้านหรือแหลม
เล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร
และยาวประมาณ 8-13 เซนติเมตร
ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น ออกดอกตาม
ซอกใบและตามกิ่ง ดอกตัวผู้จะออกตามกิ่งเป็นกระจุก
มีดอกย่อยประมาณ 3-8 ดอก
สรรพคุณของ "ต้นชะมวง"
ช่วยฟอกโลหิต (ผลอ่อน, ใบ) แก้โลหิต (ใบ) ช่วยรักษาธาตุพิการ (ผล,ใบ,ดอก)
ช่วยถอนพิษไข้ (ราก) ราก ใบ และผลอ่อนมีรสเปรี้ยว เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน (ผลอ่อน, ใบ, ดอก, ราก)
ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ (ราก)
ช่วยในการย่อยอาหาร (ดอก) ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ (ผล, ใบ)
ช่วยแก้อาการไอ (ผล, ใบ) บ้างก็ว่าเนื้อไม้ช่วยแก้อาการไอได้เช่นกัน (เนื้อไม้)
ประโยชน์ของ
"ต้นชะมวง"
ผลชะมวงสุกสีเหลืองใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้ โดยจะมีรสเปรี้ยวอม
หวาน หรือจะนำผลมาหั่นเป็นแว่นตากแดดใส่ปลาร้าเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้
ผลและใบอ่อนใช้ปรุงเป็นอาหารรับประทาน โดยจะมีรสเปรี้ยวคล้ายกับ
มะดัน (การรับประทานมาก ๆ จะเป็นยาระบายท้องเหมือนดอกขี้เหล็ก)
ผลและใบแก่เมื่อนำมาหมักจะให้กรด ซึ่งนำมาใช้สำหรับการฟอกหนัง
วัวหรือหนังควายที่ใช้แกะสลักรูปหนังตะลุงได้เป็นอย่างดี
ต้นชะมวงสามารถใช้ปลูกเป็นไม้ประดับและไม้ให้ร่มเงาได้ดี
ลำต้นหรือเนื้อไม้ชะมวงสามารถนำมาแปรรูปใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ
หรือใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง ฯลฯ
เปลือกต้นและยางของต้นชะมวงจะให้สีเหลืองที่เหมาะสำหรับการนำมา
ใช้สกัดทำสีย้อมผ้า
12
ต้นขันทองพยาบาท
ขันทองพยาบาท ชื่อวิทยาศาสตร์ Suregada multiflora (A.Juss.) Baill.
(ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Gelonium multiflorum A.Juss) จัดอยูในวงศ์ยางพารา
มีเขตการกระจายพันธุ์ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในแถบประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดจีน และใน
คาบสมุทรมลายู จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 7-13 เมตร ลำต้นตั้งตรง
เป็นทรงพุ่มแน่นทึบ แตกกิ่งก้านค่อนข้างกลม กิ่งก้านอ่อนและห้อยลู่ลง ที่กิ่งจะมีขนรูปดาว
บหนาแข็งและดกทึบ โดยใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูป
หอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบแหลม ส่วนขอบใบจักเป็นซี่ฟัน ใบ
มีความกว้างประมาณ 3-8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 9-22 เซนติเมตร
ดอกมีกลิ่นหอมสีเขียวอมสีเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ
ตามซอกใบ ขนาดประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร ในช่อดอกจะมีดอก
อยู่ประมาณ 5-10 ดอก อยู่ตรงข้ามกับใบ ดอกมีใบประดับ
ลักษณะเป็นรูปหอกปลายแหลมยาวประมาณ 1 มิลลิเมตรและ
กว้างประมาณ 0.7-0.8 มิลลิเมตร
สรรพคุณของ
"ต้นขันทองพยาบาท"
เปลือกต้นมีรสเมาเบื่อ ใช้เป็นยาบำรุงเหงือก ใช้รักษาเหงือก
อักเสบ ทำให้ฟันทน เหงือกแข็งแรง (เปลือกต้น)
ช่วยแก้ลมและโลหิตเป็นพิษ (เปลือกต้น, เนื้อไม้)
รากมีรสเมาเบื่อร้อน ช่วยแก้ลม (ราก)
ช่วยแก้ปอดพิการ (เปลือกต้น)
เปลือกต้นใช้เป็นยาถ่าย เป็นยาระบาย (เปลือกต้น)
ใช้เป็นยาฆ่าพยาธิ (เนื้อไม้, เปลือกต้น)
ตำรายาไทยเนื้อไม้มีรสเฝื่ อนเมา ช่วยแก้ไข้ (เนื้อไม้) บ้างว่าใช้ราก
นำมาต้มดื่มเป็นยาแก้ไข้ (ราก)
ประโยชน์ของ
"ต้นขันทองพยาบาท"
เนื้อไม้มีพิษทำให้เมา ใช้สำหรับเป็นยาเบื่อ
เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเครื่องมือใช้สอยหรือ
นำมาใช้ทำเครือ่ งจักสานได้
ต้นขันทองพยาบาทมีลักษณะทรงพุ่มสวยงาม ใบเป็น
มัน ผลสุกมีสีสันสะดุดตา และดอกยังให้กลิ่นหอม
สามารถนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือใช้ปลูกเป็น
ฉากหลังแบบกลุ่ม ๆ