หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง โอวาท 3
นางสาวจินดา พรหมมา
ครู ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านทุ่งปรือ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
คำนำ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง โอวาท 3 ในรูปแบบหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ E-Book ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลักเบญจศีล นำ
เสนอออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ น่าอ่านและเข้าใจง่ายขึ้น ผู้จัดทำหวังเป็น
อย่างยิ่งว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง โอวาท 3 ในรูปแบบหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ E-Book เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
จินดา พรหมมา
โอวาท 3
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้นักเรียน เข้าใจความสำคัญและความหมาย และเคารพต่อหลัก
ธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง โอวาท 3 ได้ (ส. 1.1 ป.5/5)
2.เพื่อให้นักเรียนได้น้อมนำ หลักธรรม โอวาท 3 ไปประยุกต์ใช้ในชีวิต
ประจำวัน (ส. 1.1 ป.5/7)
ทบทวนความรู้ก่อนเข้าสู้บทเรียน
ให้นักเรียนเติมคำให้ถูกต้อง
ไม่ทำ_วา_ชั่_
ทำ_ต่_วา_ _ ทำจิ_ให้ผ่_งใ_
รู้หรือไม่ หลักโอวาท 3 นั่นคือ หัวใจของพระพุทธศาสนา นั่นเอง
" ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี ทำให้จิตใจผ่องใส"
เพราะฉะนั้น ถ้านักเรียนเป็นเด็กดีของพ่อแม่ เรามาตั้งใจเรียนหลักธรรม
เรื่อง โอวาท 3 ด้วยกันเถอะ
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวัน
หนึ่ง คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึงการ
บูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3
ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาท
ปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา ต เดือน ซึ่งหลักคำ
สอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า
"ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมือง
ราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าหรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
หลักโอวาท 3
โอวาท 3 หมายถึง หลักธรรมที่เป็นหัวใจในทางพระพุทธศาสนา 3 ประการ อัน
เป็นพุทธโอวาทที่สอนให้เราละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี และหมั่นฝึกจิตใจ
บริสุทธิ์ เบิกบาน มีศรัทธา และเชื่อในเรื่องของกรรมของตน (การกระทำ)
ไม่ทำความชั่ว
ความชั่ว แห่งโอวาท 3 คือ การกระทำที่ไม่ดี การกระทำที่เป็นบาป เป็นสิ่งเลวร้าย
ย่อมมีผลทำให้เกิดความทุกข์การทุกข์ใจ รวมถึงเกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง และ
ผู้อื่น ดังนั้น จึงพึงละเว้น และหลีกเลี่ยงจากการกระทำความชั่วทั้งปวง ทั้งทางด้าน
กาย วาจา และจิตใจ
ทำแต่ความดี
ความดี แห่งโอวาท 3 คือ การกระทำที่ดีงาม เป็นบุญแก่ตัวเอง มีผลทำให้เกิด
ความสุขความสบายใจ เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น โดยพึงต้องหมั่นกระทำ
แต่ทำความดี ซึ่งเป็นการพัฒนาตนให้มีความประพฤติที่งดงาม เรียกว่า
คุณธรรมและจริยธรรม
ทำจิตใจให้ผ่องใส
จิตใจบริสุทธิ์ แห่งโอวาท 3 หมายถึง พึงตั้งมั่นในจิตที่งดงาม คนที่มีจิตใจดีงาม มี
การกระทำและคำพูดที่ดี ด้วยการฝึกใจของเราให้มีความบริสุทธิ์ มีสติ และมีสมาธิ
ไม่ฟุ้งซ่าน คิดในสิ่งที่ดี ไม่คิดร้าย ไม่คิดอิจฉาริษยาคนอื่น เราหมั่นฝึกทำสมาธิจะ
ทำให้ใจเราสงบและมีสติ
ผังความคิด โอวาท 3 กับหลักธรรมที่เกี่ยวข้อง
ความสำคัญของโอวาท 3
1.ช่วยให้ปุถุชนทั้งหลายไม่ทำความชั่ว เช่น ไม่ประพฤติในการลักขโมย ไม่ฉ้อโกงผู้
อื่น ไม่ประพฤติผิดในงกาม ไม่ยุแย่ให้เกิดความแตกแยกในหมู่คณะ และพึงละเว้น
จากการกระทำความชั่วทั้งปวง ทั้งทางกาย วาจา และใจ
2.ช่วยให้ปุถุชนทั้งหลายรู้จักทำความดี เช่น การให้ทาน การรักษาศีล 5 การมี
เมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ รวมถึงพึงประพฤติตามหลักธรรมอื่น ๆ
3.ช่วยให้ปุถุชนทั้งหลายมีจิตใจให้ผ่องใส บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกจิตให้มีสติ มีสมาธิ
และจิตที่สงบเพื่อทำให้จิตใจไม่เกิดความทุกขเวทนา จิตไม่เศร้าหมองต่อสิ่งใด ๆ
ที่มากระทบทั้งปวง ผู้ที่ปฏิบัติได้เช่นนี้ ย่อมเป้นผู้มีจิตที่สงบ มีสมาธิ นำไปสู่การ
งานที่สำเร็จลุล่วง และเกิดความสุขต่อตนเอง และคนรอบข้าง
นิทาน บาปเกิดจากความจงใจ
กาลครั้งหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง หลังจากเรียน
จบศิลปวิทยาจากเมืองตักกสิลาแล้ว ได้ออกบวชเป็นฤาษี วันหนึ่งพระฤาษีได้สัญจร
ไปที่หมู่บ้านหนึ่ง คนในหมู่บ้านนั้นได้สร้างอาศรมถวาย จึงได้อาศัยอยู่ที่นั้นเรื่อยมา
สมัยนั้น มีนายพรานนกคนหนึ่งในหมู่บ้านนั้น เลี้ยงนกกระทาไว้ตัวหนึ่งเพื่อไว้
เป็นนกต่อ ทุกวันเขาจะพานกกระทาไปเพราะอาศัยเสียงของเรา "ได้ตายไปเป็น
จำนวนมาก เป็นบาปกรรมของเราหนอ นับแต่นี้ไปเราจะไม่ส่งสียงร้องละ" นาย
พรานเมื่อเห็นนกกระทาไม่ร้องก็ใช้ไม้ตีหัว นกกระทากลัวตายจึงร้อง สร้างความ
ทุกข์ลำบากให้แก่มันเป็นอย่างมาก อยู่ต่อมาวันหนึ่ง นายพรานจับนกกระทาได้เต็ม
กระเช้าแล้ว คิดจะดื่มน้ำไปที่อาศรมของพระฤาษีโพธิสัตว์ วางกรงนกไว้แล้ว ดื่มน้ำ
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงเอนกายผล่อยหลับไป
นกกระทาทราบว่านายพรานหลับแล้ว จึงถามความสงสัยของตนกับพระฤาษี
ว่า "พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าเป็นอยู่สบายได้บริโภคอาหารตามชอบใจ แต่อยู่ในระหว่าง
อันตราย อยากทราบว่าทางเดินชีวิตของข้าพเจ้าเป็นอย่างไรหนอ?"
พระฤาษีแก้ปัญหาหานกกระทาว่า "นกกระทาเอ๋ย…ถ้าใจของเจ้าไม่น้อมไปเพื่อ
กรรมอันเป็นบาป บาปย่อมไม่แปดเปื้ อนเจ้าผู้บริสุทธิ์ใจไม่คิดจะทำบาปกรรมดอก"
นกกระทาถามต่ออีกว่า "พระคุณเจ้า นกกระทาจำนวนมากคือญาติของ
ข้าพเจ้า นายพรานอาศัย ข้าพเจ้าทำปณาติบาตอยู่ ข้าพเจ้ารังเกียจเรื่องนี้มาก
บาปกรรมจะมีถึงแก่ข้าพเจ้าไหมหนอ"
พระฤาษีจึงตอบเป็นคาถาว่า "ถ้าใจของท่านไม่คิดประทุษร้ายไซร้ กรรมชั่วที่
นายพรานอาศัย ท่านกระทำแล้ว ย่อมไม่ถูกต้องท่านบาปกรรมย่อมไม่แปดเปื้ อน
ท่านผู้บริสุทธิ์ ผู้มีความขวนขวายน้อย"
แล้วก็พูดให้นกกระทาสบายใจว่า "เจ้าไม่มีความจงใจการทำปาณาติบาต
บาทกรรมจึงไม่มีแก่เจ้าผู้บริสุทธิ์ดอกนะ" นกกระทาได้ฟังแล้วก็สบายใจนิ่งเงียบอยู่
ฝ่ายนายพรานตื่นนอนแล้วลุกขึ้นไหว้ฤาษีแล้วก็ถือกรงนกกระทากลับบ้านไป
ไม่มีเจตนาจะทำบาปกรรม แม้จะประกอบอาชีพที่เสี่ยง
ต่อการทำบาป บาปกรรมก็ไม่ตกแก่ผู้นั้น
สื่อโอวาท 3 น่าเรียนรู้
ความคิดหลังจากการเรียนรู้
1.เรื่องราวที่ได้เรียนรู้ กล่าวถึงเรื่องอะไร 2.นักเรียนคิดว่า หลักโอวาท 3
มีความสำคัญอย่างอย่างไร ?
.....................................................................................................
.................................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................
3.ยกตัวอย่าง ไม่ทำความชั่ว 1 อย่าง? 4.เมื่อเรียนรู้ โอวาท 3
แล้วนักเรียนมีความคิดอย่างไร?
..........................................................................................
......................................................................................................
..................................................................................................... ...........................................................................................
คำถามชวนตอบ
ให้นักเรียนอ่านข้อความดังต่อไปนี้ แล้วให้ตอบคำถามจริงและเท็จ ถ้าจริงให้เขียน
สัญลักษณ์ ถ้าผิดให้เขียนสัญลักษณ์ ลงหน้าข้อความ ดังต่อไปนี้
1.__________________________ชิกเก้นมีความคิดว่า ฆ่าสัตว์แล้วย่อมไม่บาป
2.__________________________นุนีเตะสุนัข เพราะคิดว่าหยอกเล่น
3.__________________________ริวพยายามอย่างมาก ในการงดพูดคำหยาบ
4.__________________________แดงชอบเดินจงกรมอย่างมาก
5.__________________________นัตตี้ชอบหยอกเพื่อน ในเวลานั่งสมาธิ
กิจกรรมแชร์ความคิด
นักเรียนมองดูรูปภาพเหล่านี้แล้วแสดงความรู้ของตนเอง____________________________
_________________________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________________________
หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง พระรัตนตรัย
นางสาวจินดา พรหมมา
ครู ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านทุ่งปรือ
สำนักงานเขตพื้ นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
คำนำ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง พระรัตนตรัย ในรูปแบบหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ E-Book ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความหมายของ
พระรัตนตรัย นำเสนอออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ น่าอ่านและเข้าใจง่าย
ขึ้น ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง พระ
รัตนตรัย ในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-Book เล่มนี้จะเป็นประโยชน์
แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
จินดา พรหมมา
พระรัตนตรัย
พระรัตนตรัย หรือ พระไตรรัตน์ หมายถึง
แก้วสามประการอันประเสริฐสุดของพุทธศาสนิกชน
ที่เรียกว่า รัตน (แก้ว) เพราะว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ
มีค่าสูง และหาได้ยาก เทียบด้วยดวงแก้วมณี
พระรัตนตรัย
พระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า, พระธรรม และพระสงฆ์
หรือเรียกว่า พุทธรัตนะ, ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ
พระรัตนตรัย
พระพุทธ
ท่านผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เองแล้วสอนให้
ประพฤติตามชอบด้วยกาย, วาจา, ใจ
พระธรรม พระสงฆ์
พระธรรมวินัยอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หมู่สาวกผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ควรนำมาเป็นหลักปฏิบัติ เป็นผู้เผยแผ่และสืบทอดพระพุทธศาสนา
หลักธรรม
ที่เกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัย
พระรัตนตรัย คือ
พระพุทธ ผู้ทรงบำเพ็ญพุทธจริยา 3 เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์
พระธรรม หลักคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คือ อริยสัจ 4 และหลักกรรม
พระสงฆ์ คือ ผู้ปฏิบัติและสืบทอด คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า (พุทธกิจของพระสงฆ์)
พุทธจริยา หมายถึง การทรงบำเพ็ญประโยชน์ของ 1. โลกัตถจริยา
พระพุทธเจ้า มีอยู่ สามประการ เป็นการบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก
2. ญาตัตถจริยา
เป็นการบำเพ็ญประโยชน์แก่ญาติตามฐานะ
อริยสัจ 4 3. พุทธัตถจริยา
อริยสัจ หมายถึง ความจริงอันประเสริฐ ความจริงที่ เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ตามหน้าที่
ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นพระอริยะมี 4 ของพระพุทธเจ้า
1. ทุกข์ หมานถึง ความทุกข์
2.สมุทัย หมายถึง สาเหตุของความทุกข์ต่างๆ
3.นิโรธ หมายถึง ความดับทุกข์
4. มรรค หมายถึง ข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์
หลักกรรม พุทธกิจที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเป็นประจำ
กรรมเป็นคำกลางๆ หมายถึง การกระทำที่ประกอบ ในแต่ละวัน มี ๕ อย่าง
ด้วยเจตนาคือการกระทำที่ทำด้วยความจงใจ ๑.เวลาเช้าเสด็จบิณฑบาต
การกระทำดี เรียกว่า กรรมดี
การกระทำชั่ว เรียกว่า กรรมชั่ว ๒.เวลาเย็นทรงแสดงธรรม
๓.เวลาค่ำประทานโอวาทแก่เหล่าภิกษุ
๔.เที่ยงคืนทรงตอบปัญหาเทวดา
๕.จวนสว่าง ทรงตรวจพิจารณาสัตว์
ที่สามารถและที่ยังไม่สามารถบรรลุธรรม
อันควรจะเสด็จไปโปรดหรือไม่
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. นักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับ
พระรัตนตรัย แล้วสนทนา โดยใช้คำถาม ดังนี้
พระรัตนตรัยมีความหมายและความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนอย่างไร
......................................................................................................................
......................................................................................................................
พระพุทธ หมายถึงอะไร มีความสำคัญอย่างไร
.....................................................................................................................
.....................................................................................................................
พระธรรม หมายถึงอะไร มีความสำคัญอย่างไร
....................................................................................................
.....................................................................................................................
พระสงฆ์ หมายถึงอะไร มีความสำคัญอย่างไร
................................................................................................
...................................................................................................
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
2. นักเรียนร่วมกันศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
เรื่อง พระรัตนตรัย จากหนังสือเรียนและแหล่งการ
เรียนรู้อื่น ๆ เพิ่มเติม
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม จับสลากเลือก
อภิปรายข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพระรัตนตรัย
ให้เพื่อนฟังตามหัวข้อ ดังนี้
กลุ่มที่ 1 พระพุทธ/พุทธจริยา 3
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
กลุ่มที่ 2 พระธรรม/อริยสัจ 4 และหลักกรรม
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
กลุ่มที่ 3 พระสงฆ์/พุทธกิจของพระสงฆ์
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
...............................................................................................................................
หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 3
นางสาวจินดา พรหมมา
ครู ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านทุ่งปรือ
สำนักงานเขตพื้ นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
คำนำ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 3 ในรูแบบ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-Book ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
ความหมายของบุญกิริยาวัตถุ 3 นำเสนอออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ
น่าอ่านและเข้าใจง่ายขึ้น
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 3 ในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ E-Book
เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
จินดา พรหมมา
บุญกิริยาวัตถุ 3
รู้หรือไม่ มีคำที่บัณฑิตได้ กล่าวไว้ว่า
ศีลเป็ นสะพาน ทานเป็ นเสบียง ภาวนาเป็ นตะเกียง
จะได้มี สะพาน เสบียง แสงสว่าง ในการเดินทางไปสู้ชีวิตที่ดีงาม
เพราะฉะนั้น ถ้านักเรียนอยากมีสะพาน เสบียงและแสงสว่าง
เรามาตั้งใจเรียนหลักธรรม เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 3 ด้วยกันเถอะ
บุญกิริยาวัตถุ 3 แปลว่าที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือหลักการทำความดี
หมายถึง วิธีการสร้างกุศลที่ถูกต้อง มี 3 ประการ
1.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
2.สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
3.ภาวนามัย
บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
รักษาศีลสดใสทำให้สวย กุศลช่วยอวยผลคนเกรงขาม
อนาคตโสภิตยังติดตาม ผ่องพิรามข้ามชาติพิลาสเรือง
ทานนั้นช่วยสำรอกฟอกตระหนี้ เกลาฤดีมีผลจนฟูเฟื่อง
ลดความเห็นแก่ตนพ้นขุ่นเคือง บุญประเทืองให้รวยด้วยความดี
ภาวนาพาพ้นกลโมหันธ์ สติมั่นสมบูรณ์ คูณราศี
ปัญญาเพิ่มเสริมสร้างทางโสภี ตราบราศีหนีห่างกระจ่างธรรม
ทานมัย
ทานมัย หมายถึง บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
ทาน หมายถึง การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน มี 3 ประการ คือ
1.อามิสทาน การให้วัตถุสิ่งของแก่คนที่ควรให้
2.ธรรมทาน การให้ธรรม คือ คำแนะนำสั่งสอนให้รู้บาปบุญ คุณโทษ
3.อภัยทาน การให้อภัย คือ การให้ความปลอดภัย การไม่เอาโทษการลดโทษ
คุณประโยชน์ ของการให้
1.เป็ นการทำนุบำรุ งพระศาสนา
2.ช่วยให้สังคมร่มเย็น เป็ นสุข
3.เป็ นการชำระจิตใจของผู้ให้
4.เป็ นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป
สีลมัย
สีลมัย หมายถึงบุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
การรักษาศีล หมายถึง การประพฤติแต่สิ่งที่ดีงาม
คนเราอย่างน้อยต้องรักษาศีลให้ได้ ที่เรียกว่า ศีล ที่แปลว่า เป็ นปกติ
ศีล 5 สำหรับ ชาวพุทธศาสนิกชน และประชาชนทั่วไป
ศีล 8 สำหรับ อุบาสกอุบาสิกา
ศีล 10 สำหรับ สามเณร
ศีล 227 สำหรับพระสงฆ์
คุณประโยชน์ ของการรักษาศีล
1.เป็ นการทำนุบำรุ งพระศาสนา
2.ช่วยให้สังคมร่มเย็น เป็ นสุข
3.เป็ นการชำระจิตใจของผู้ให้
4.เป็ นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป
ภาวนามัย
ภาวนามัย หมายถึง บุญสำเร็จด้วยการเจริญสติปัญญา
ภาวนา หมายถึง การฝึกฝนจิตใจให้สงบเยือกเย็น เพื่อเป็ นพื้นฐาน
ให้เกิดปัญญา รู้แจ้งในสัจธรรม ตามหลักอริยสัจ 4 หรือ ตามหลักเหตุและผล
ภาวนา มี 2 อย่าง ดังนี้
1.สมถภาวนา การฝึกอบรมจิตใจเกิดความสงบ
2.วิปัสสนาภาวนา การศึกษาอบรมปัญญาให้เกิดความรู้แจ้ง
คุณประโยชน์ ของการรักษาศีล
1.ส่งเสริมสุขภาพจิต
2.การทำงานดีขึ้น
3.นำไปสู่เสรีภาพที่แท้จริง
สื่อ บุญกิริยาวัตถุ 3 น่าเรียนรู้
แนวคิดหลังจากการเรียนรู้
1.เรื่องราวที่ได้เรียนรู้ กล่าวถึงเรื่องอะไร? 2.นักเรียนคิดว่าบุญกิริยาวัตถุ 3
............................................................................................... เป็ นพื้นฐานของการทำอะไร?
............................................................................................... ...............................................................................................
................................................................................................ ...............................................................................................
3.เมื่อทราบลักษณะบุญกิริยาวัตถุ 3 4.ให้นักเรียนยกตัวอย่าง
แล้วนักเรียนชอบข้อไหนมากที่สุด? ทานมัย มา 1 ตัวอย่าง?
...............................................................................................
...............................................................................................
...............................................................................................
...............................................................................
................................................................................................
...............................................................................
คำถามชวนตอบ
ให้นักเรียนอ่านข้อความดังต่อไปนี้ แล้วให้ตอบคำถามจริงและเท็จ
ถ้าจริงให้เขียนสัญลักษณ์ ถ้าผิดให้เขียนสัญลักษณ์ ลงหน้าข้อความ ดังต่อไปนี้
1.................................น้ำฟ้ า ไม่ให้อภัยเพื่อน แม้จะหายโกรธแล้ว
2................................คิว ให้อภัยเพื่อนที่ชอบแกล้งเขา
3.................................ใบเฟิ ร์นรักษาศัล 5 แต่ยังชอบแกล้งเพื่อน
4..................................แตงโม เจริญภาวนาด้วยการรักษาศีล
5..................................คิม เจริญภาวนาด้วยการนั่งสมาธิ
กิจกรรมแชร์ความคิด
นักเรียนมองดูรู ปภาพเหล่านี้แล้วแสดงความรู้ของตนเอง................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง อบายมุข 4
นางสาวจินดา พรหมมา
ครู ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านทุ่งปรือ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
คำนำ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง อบายมุข 4 ในรูปแบบ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
อบายมุข 4 นำเสนอออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ น่าอ่านและเข้าใจ
ง่ายขึ้น ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนา เรื่อง อบายมุข 4 ในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(E-Book) 1 เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
จินดา พรหมมา
อบายมุข 4
ทบทวนความรู้ก่อนเข้าสู่บทเรียน
ให้นักเรียนหาข้อธรรมย่อย ของ อบายมุข 4 ให้ถูกต้อง
อบายมุข 4
รู้หรือไม่ สิ่งที่ทำให้หมดทรัพย์ สังคมวุ่นวาย
และนำไปสู่ความหายนะนั่นก็คือ อบายมุข 4
เพราะฉะนั้น ถ้านักเรียนไม่อยากให้สังคมวุ่นวาย
เรามาตั้งใจเรียนหลักธรรม เรื่องอบายมุข 4 ด้วยกันเถอะ
โครงสร้าง อบายมุข 4
ขอสาธยาย อบายมุข สี่
คือ วิถีแห่งความเสื่อม ความฉิบหาย
สี่ประการ ไม่ควรทำหรือกล้ำกราย
เราทั้งหลาย ตรองดู ได้รู้ทัน
หนึ่ง นั่นคือ ความเป็ นนักเลงหญิง
นับเป็ นสิ่งน่ารังเกียจคนเดียดฉันท์
สอง นักเลงสุรา วิวาทกัน
เสียทรัพย์พลัน เกิดโรคภัย ไม่รู้อาย
สาม คือ เป็ นนักเลงการพนัน
โทษของมัน มีทรัพย์สินย่อมเสียหาย
สี่ คบคนชั่วเป็ นมิตร สนิทกาย
อันตราย ชักชวนไป ทางไม่ดี
หากผู้ใด ไปมัวเมา อบายมุข
ย่อมนำทุกข์ ความเสื่อม สิ้นราศี
เว้นเสียได้ เกิดประโยชน์ โทษไม่มี
หากหลีกหนี อบายมุข สุขทั่วกัน ฯ
นักเลงสุรา
ความเป็ นนักเลงสุรา ที่จะเป็ นอบายมุขรุ นแรงจริงๆ คือ ตกเป็ นทาส
ของสุรา คือ ปล่อยตัวให้ตกเป็ นทาสของสุรา ย่อมทำให้ขาดสติ
ควบคุมตัวเองไม่ได้ สร้างความเสื่อมเสียต่างๆ เสมอ
โทษของการเป็ นนักเลงสุรา มีดังนี้
1. เสียทรัพย์
2. ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท คนเมาเหล้ามักจะทะเลาะกัน ชกต่อยกัน และ
บางครั้งถึงกับ ฆ่ากัน คนบางคนเวลาไม่เมามีความประพฤติเรียบร้อย แต่พอ
ดื่มเหล้าเข้า ไปแล้วต้องหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเกือบทุกครั้ง
3.เป็ นบ่อเกิดแห่งโรค เหล้าและสิ่งเสพติดทุกอย่างทำให้เสียสุขภาพบั่นทอน
กำลัง กาย ยาเสพติดหากเสพไปนาน ๆ อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ หรือถ้า
ไม่ตายก็ไม่มีกำลัง วังชาในการประกอบหน้าที่การงานต่าง ๆ
4.ทำให้เสียเกียรติยศและชื่อเสียง คนเมาเหล้าอยู่เสมอ คนติดยาเสพติดย่อม
ไม่มี ใครเชื่อ ไม่มีใครยอมรับนับถือไว้วางใจ ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม
หรือไม่มีใครอยากให้ ทำงานด้วยเพราะคนเช่นนี้ถ้าไม่มีเงินซื้อเหล้าหรือยา
เสพติดก็อาจจะกระทำในสิ่งที่ชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย
5.๕.บั่นทอนกำลังสติปัญญา เหล้าและยาเสพติดไม่เพียงแต่บั่นทอนกำลัง
กายเท่านั้น แต่ทำให้สติปัญญาเสื่อมความจำไม่ดีหลงลืมง่าย ความคิดและ
การตัดสินใจเรื่องช้าลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดมีสภาพเหมือนกับคนที่ตายทั้ง
เป็ น
คบเพื่อนไม่ดี
คบคนชั่วเป็ นมิตร เพราะคนชั่วย่อมชักนำไปในทางที่ชั่ว เช่นชัก
ชวนเป้ นนักเลงประเภทต่างๆ คือ นักเลงหญิง นักเลงสุรา นักเลง
หัวไม้ เหล่านี้แต่ละอย่างล้วนเป็ นปากทางแห่งความเสื่อมทั้งสิ้น
สุภาษิตโบราณท่านว่า คบคนดีเป็ นศรีแก่ตัว คบคนชั่วอัปราชัย
พยายามหลีกเลี่ยงไม่คบกับ คนชั่ว 6 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1.นักเลงการพนัน
2.นักเลงเจ้าชู้
3.นักเลงสุรายาเสพติด
4.นักลวงเขาด้วยของปลอม
5.นักหลอกลวง
6.นักเลงหัวไม้
คุณประโยชน์ ของการละเว้นอบายมุข 4
ผู้ที่ละเว้นจากอบายมุข 4 ย่อมได้รับคุณประโยชน์ ดังนี้
1.ไม่เสียทรัพย์ไปโดยเปล่าประโยชน์
2.ไม่หมกมุ่นในสิ่งที่หาสาระไม่ได้
3.ประกอบหน้ าที่การงานได้เต็มที่
4.ชีวิตไม่ตกต่ำ
5.เป็ นที่รักใคร่และไว้วางใจของผู้อื่น
6.มีพลานามััยสมบูรณ์ พละกำลังและสติปัญญาไม่เสื่อมถอย
7.สามารถประกอบหน้ าที่การงานได้ด้วยความสุจริต
อบายมุข 4 นี้ เป็ นหนทางใหญ่ที่จะนำคนไปสู่ความเสื่อม หากใคร
ละเว่้นเสียได้ ก็ย่อมจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมาก
คำถามชวนตอบ
ให้นักเรียนอ่านข้อความดังต่อไปนี้ แล้วให้ตอบคำถามจริงและเท็จ ถ้าจริง
ให้เขียนสัญลักษณ์ ถ้าผิดเขียนสัญลักษณ์ ลงหน้าข้อความ ดังต่อไปนี้
1.............................................แพรวา ชอบคบเพื่อนที่เป็ นแก็งอันพาล
2...........................................สายธาร ไม่ชอบคบเพื่อนที่พูดหยาบคาย
3...........................................น้ำฝน ต้องดื่มสุรา เพราะสังคมเพื่อน
4...........................................แพตตี้ เล่นพนัน จึงมีทรัพย์มากและรวดเร็ว
5...........................................แพน มีลุกเมียอยู่แล้ว แต่ยังจีบผู้หญิงอื่น
กิจกรรมแชร์ความคิด
หลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง อคติ 4
นางสาวจินดา พรหมมา
ครู ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านทุ่งปรือ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
คำนำ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่อง อคติ 4 ในรูปแบบ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผู้จัดทำได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ
อคติ 4 นำเสนอออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ น่าอ่านและเข้าใจง่าย
ขึ้น
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
เรื่อง อคติ 4 ในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
จินดา พรหมมา
อคติ 4
ทบทวนความรู้ก่อนเข้าสู่บทเรียน
ให้นักเรียนจับคู่รู ปภาพกับข้อความให้ถูกต้อง
ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก
โทสาคติ สำเอียงเพราะเกลียด
โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง
ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
อคติ 4
รู้หรือไม่ ถ้านักเรียนอยากเป็ นที่สรรเสริญ น่าคบหาของคนอื่นๆ
ต้องไม่ผิดใน อคติ 4 สมดังพระพุทธพจน์ ที่ว่า ผู้ไม่ถึงอคติ 4 ยศ
ผู้นั้นย่อมเจริญ ดุจพระจันทร์ข้างขึ้น (อคติสูตร)
เพราะฉะนั้น ถ้านักเรียนอยากเป็ นคนรักความยุติธรรม
เรามาตั้งใจเรียนหลักธรรม เรื่อง อคติ 4 ด้วยกันเถอะ
อคติ 4
อคติ นั่นหรือ คือลำเอียง
ทำความเที่ยง-ธรรม หลุดเลือนหาย
สังคมเกิด ปัญหา พาวุ่นวาย
ความเลวร้าย จักสิ้นสุด ด้วย ยุติธรรม ฯ
อคติ 4
หมายถึง การกระทำอันทำให้เสียความเที่ยงธรรม
1.ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก
2.โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง
3.โมหาคติ ลำเอียงเพราะหลง
4.ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
ฉันทาคติ
ลำเอียงเพราะชอบ หมายถึง การลำเอียงเข้าข้างฝ่ ายที่ตนรักและ
ชอบพอ หรือเลือกปฏิบัติ ด้วยการอ้างเอาความรักใคร่ หรือความ
ชอบพอกันของตนเองไปสร้างประโยชน์ ให้ญาติพี่น้องพวกพ้อง
และคนสนิท พอมีอคติใจไม่เป็ นกลางก็มีการปฏิบัติต่อทุกคนไม่
เหมาะสมหรือเท่าเทียมกัน
โทสาคติ
ลำเอียงเพราะเกลียดชัง หมายถึง การลำเอียงเข้าข้างฝ่ ายหนึ่งเพราะ
ความเกลียดชังอีกฝ่ ายหนึ่ง เนื่องจากความหงุดหงิด ไม่ชอบใจ หรือลุ
อำนาจโทสะ ก็ทำการกลั่นแกล้ง ทำร้ายคนที่ตัวเองเกลียดชัง โดยไม่
แยกแยะเรื่องความถูกต้อง ระเบียบ ประเพณี ที่พึงปฏิบัติ
โมหาคติ
ลำเอียงเพราะหลง หมายถึง การลำเอียงเข้าข้างฝ่ ายหนึ่ง เพราะความโง่
เขลาหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ของตน นับเป็ นความลำเอียงที่มีโทษ
มากที่สุด เพราะ ความลำเอียงเพราะโง่เขลานี้นำมาซึ่ ง ความลำเอียงทั้ง
หลายทั้งปวง เพราะโง่เขลา มักจะไม่รู้ตัวเอง สะเพร่า ความไม่ละเอียด
ถี่ถ้วน มองโลกมองคนในแง่ร้าย ก็ตัดสินใจโดยไม่พิจารณาให้ดี ปิ ด
ใจ ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ภยาคติ
ลำเอียงเพราะกลัว หมายถึง ความลำเอียงเข้าข้างฝ่ ายหนึ่ง เพราะความ
เกรงกลัวอำนาจอิทธิพลของเขา เพราะความหวาดกลัว หรือกลัวภัย
อันตราย...ก็เลยตัดสินใจ ไม่กระทำ หรือกระทำอย่างขาดความกล้า
หาญ โดยเฉพาะความกล้าหาญทางจริยธรรม คือ กล้าคิด กล้าพูดใน
สิ่งที่ดีงามเพราะความหวาดกลัว หรือกลัวภัยอันตราย ก็เลย ตัดสินใจ
ไม่กระทำ หรือกระทำอย่างขาดความกล้าหาญ โดยเฉพาะความกล้า
หาญทาง จริยธรรม คือ กล้าคิด กล้าพูดในสิ่งที่ดีงาม
ผลกระทบที่เกิดจาก อคติ
1.ไม่เป็ นตัวเอง
2.สังคมขาดคุรธรรม 3.ประท้วงและวุ่นวาย
แนวทางการแก้ไขอคติ
1.การแก้ไข ฉันทาคติ 2.การแก้ไข โทสาคติ
ต้องทำใจให้เป็ นกลาง ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
3.การเแก้ไข โมหาคติ 4.การแก้ไข ภยาคติ
ต้องเปิ ดใจกว้าง ละเอียด ต้องกล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง
คำถามชวนตอบ
ให้นักเรียนอ่านข้อความดังต่อไปนี้ แล้วให้ตอบคำถามจริงและเท็จ ถ้าจริงให้
เขียนสัญลักษณ์ ถ้าผิดให้เขียนสัญลักษณ์ ลงหน้าข้อความ ดังต่อไปนี้
1.........................................ความยุติธรรม เกิดจากอคติ 4
2.......................................ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ
3.......................................แพมไม่เห็นแก่ญาติ ตัดสินคดีตามความถูกต้อง
4.......................................แวววาแก้ไข โทสาคติ ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
5.......................................เมื่อสังคมไร้อคติ 4 ความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นในสังคม
ภยาคติ
นักเรียนมองดูรู ปภาพเหล่านี้แล้วแสดงความรู้ของตนเอง
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................