The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานis สมุนไพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by avonrepus.k, 2020-12-24 03:34:41

รายงานis สมุนไพร

รายงานis สมุนไพร

1

การศกึ ษาค้นคว้าด้วนตนเอง(Independent study : IS)
สมุนไพรท่ีใช้รักษาโรค ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5/1

โรงเรียนเทพศิรนิ ทร์ พุแค จังหวัดสระบุรี

นางสาวรจุ ิรา ดีจริง เลขท่ี 21

นางสาวศิโรรัตน์ สงิ หา เลขท่ี 23
นางสาวสชุ านันท์ ภู่สวรรค์ เลขท่ี 25
นางสาวสุมิตรา งามขา เลขท่ี 26

ช้นั มัธยมศึกษาปีทีท่ี 5/1
เสนอ

คุณครยู ุวดี ญาณสิทธ์ิ

รายงานฉบับนเ้ี ปน็ สว่ นหนึ่งของรายวิชาการศึกษาค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรู้ (IS)
รหัสวชิ า ร30201 ภาคเรยี นที่1 ปกี ารศึกษา2563

โรงเรยี นเทพศิรนิ ทร์ พุแค อาเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวดั สระบุรี
สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมเขต 4

สารบญั 2

ประวัตผิ ้จู ัดทา หน้า
บทคัดยอ่ ก
บทท่ี 1 บทนา ข
1
ความเปน็ มาและความสาคญั 1
วตั ถุประสงค์ 1
สมมุติฐาน 1
ขอบเขตของปัญหา 1
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 2
2
ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั 3
บทที่ 2 เอกสารท่ีเกี่ยวข้อง 3
4
การศกึ ษาประโยชน์ของสมนุ ไพร 5
การศึกษาว่าสมนุ ไพรสามารถใชร้ กั ษาโรคได้จริงหรอื ไม่ 6
ศึกษาวธิ ีการรกั ษาโรค 14
ศกึ ษาชนดิ ของสมุนไพร 16
งานวจิ ัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง 16
16
บทท่ี 3 วิธีการดาเนนิ การศึกษาคน้ คว้า 17
18
ระเบยี บวธิ ที ใี่ ช้ในการศึกษา 18
ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ งทใ่ี ชใ้ นการศึกษา 19
วิธกี ารดาเนนิ การศกึ ษา 19
เครอื่ งมือทีใ่ ช้ในการศึกษา 20
การเก็บรวบรวมข้อมลู 22
การวเิ คราะหข์ ้อมลู 23
สถิตทิ ใ่ี ช้ในการศกึ ษา 24

บทที่ 4 สรปุ ผลการศกึ ษาคน้ คว้า
บทท่ี 5 อภปิ รายและขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก



ประวตั ผิ ู้จดั ทา
ช่อื เรอื่ ง สมนุ ไพรทใี่ ช้รกั ษาโรคของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5/1

โรงเรียนเทพศริ นิ ทร์ พแุ ค จงั หวดั สระบรุ ี
1.นางสาวรุจริ า ดีจริง

ประวตั ิสว่ นตวั
เกดิ วันท่ี 15 เดอื นเมษายน พ.ศ.2547 อายุ 16 ปี
ที่อยู่ บ้านเลขท่ี 115/2 หมู่ 10 ตาบลสองคอน อาเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

ประวัตกิ ารศกึ ษา
ปี พ.ศ.2558 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดพระพุทธบาทน้อย มติ รภาพท่ี69
ปี พ.ศ.2561 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรยี นเทพศิรินทร์ พุแค สระบรุ ี
ปี พ.ศ.2563 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/1 โรงเรียนเทพศริ ินทร์ พุแค สระบุรี

2.นางสาวศิโรรตั น์ สิงหา
ประวัติสว่ นตัว
เกดิ วันท่ี 13 เดอื นธันวาคม พ.ศ.2546 อายุ 16 ปี
ทอี่ ยู่ บา้ นเลขที่ 5 หมู่ 8 ตาบลบา้ นแกง้ อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ จงั หวัดสระบุรี
ประวตั กิ ารศกึ ษา
ปี พ.ศ.2558 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราษฏศ์ ึกษา
ปี พ.ศ.2561 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนเทพศริ นิ ทร์ พแุ ค สระบุรี
ปี พ.ศ.2563 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5/1 โรงเรยี นเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี

3. นางสาวสชุ านนั ท์ ภสู่ วรรค์
ประวัติส่วนตัว
เกดิ วันท่ี 20 เดือนมกราคม พ.ศ.2547 อายุ 16 ปี

ท่ีอยู่ บา้ นเลขที่ 618/11 หมู่ 7 ตาบลหนา้ พระลาน อาเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี
ประวัตกิ ารศกึ ษา

ปี พ.ศ.2558 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นหน้าพระลาน (พบิ ลู สงเคราะห์)
ปี พ.ศ.2561 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบรุ ี
ปี พ.ศ.2563 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/1 โรงเรยี นเทพศริ ินทร์ พแุ ค สระบรุ ี

4. นางสาวสมุ ติ รา งามขา
ประวัตสิ ว่ นตัว
เกดิ วันที่ 23 เดอื นมิถนุ ายน พ.ศ.2546 อายุ 17 ปี
ท่ีอยู่ บ้านเลขท่ี 69 หมู่ 8 ตาบลพุแค อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ จังหวัดสระบรุ ี
ประวัตกิ ารศกึ ษา
ปี พ.ศ.2558 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรยี นราษฏ์ศึกษา
ปี พ.ศ.2561 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรยี นเทพศิรินทร์ พแุ ค สระบรุ ี
ปี พ.ศ.2563 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5/1 โรงเรียนเทพศริ ินทร์ พุแค สระบรุ ี



ชอ่ื เรื่อง สมนุ ไพรที่ใช้รักษาโรค ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5/1

ผศู้ ึกษา นางสาวรุจิรา ดจี รงิ เลขที่ 21

นางสาวศโิ รรัตน์ สิงหา เลขที่ 23

นางสาวสชุ านันท์ ภ่สู วรรค์ เลขท่ี 25

นางสาวสมุ ติ รา งามขา เลขที่ 26

ครูท่ีปรึกษา ยุวดี ญาณสิทธ์ิ

ระดบั การศึกษา นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 โรงเรียนเทพศิรินทร์ พแุ ค สระบรุ ี

รายวิชา การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตวั เอง

ปีการศกึ ษา 2563

บทคดั ย่อ

การศึกษาครัง้ น้มี วี ตั ถุประสงค์เพ่อื การศึกษาประโยชน์ของสมนุ ไพร ชนดิ ของสมนุ ไพรและ

วธิ ีการรกั ษาโรคด้วยตนเอง กลุม่ เป้าหมายเป็นนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5/1 จานวน 37 คน

ได้มาโดยการเลอื ก

1

บทที่ 1
บทนา

ความเปน็ มาและความสาคญั

ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พชื สัตว์ และแรธ่ าตุ ที่ใชเ้ ป็นยา หรอื ผสมกับสารอ่ืนตามตารับยา
เพือ่ บาบดั โรค บารงุ รา่ งกาย หรือใช้เปน็ ยาพษิ

พืชสมนุ ไพร ทีม่ นุษย์รู้จกั นามาใชเ้ ป็นประโยชน์ ในการรกั ษาโรคภัยไขเ้ จบ็ ตงั้ แต่โบราณกาล
แล้ว เชน่ ในเอเชยี กม็ ีหลักฐานแสดงวา่ มนุษยร์ จู้ กั ใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แตห่ ลงั จากท่ีความรู้
ดา้ นวิทยาศาสตร์ มีการพฒั นาเจรญิ ก้าวหนา้ มากข้ึน มกี ารสังเคราะห์ และผลติ ยาจากสารเคมี ในรปู ที่
ใช้ประโยชนไ์ ดง้ า่ ย สะดวกสบายในการใชม้ ากกว่าสมุนไพรทาให้ความนยิ มใชย้ าสมนุ ไพรลดลงมาเปน็
อันมากเป็นเหตใุ หค้ วามรู้วิทยาการด้านสมนุ ไพรขาดการพัฒนาไมเ่ จรญิ กา้ วหนา้ เทา่ ที่ควร ในปจั จุบัน
ท่ัวโลกได้ยอมรับแล้วว่าผลท่ไี ดจ้ ากการสกัดสมนุ ไพร ใหค้ ุณประโยชน์ดีกว่ายาทไ่ี ด้จากการสงั เคราะห์
ทางวิทยาศาสตร์

ดงั น้นั รายงานการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตัวเองเรื่องสมุนไพรท่ีใช้รักษาโรคฉบบั นี้ จงึ มุง่ เน้นศกึ ษา
ประโยชน์และชนิดของสมนุ ไพรในการรกั ษาโรค เพื่อท่ีจะสามารถนาไปใช้ศกึ ษาและเปน็ ประโยชน์
ต่อไป

วตั ถุประสงค์ของปญั หา

1. เพือ่ การศึกษาประโยชนข์ องสมนุ ไพร
2. เพอ่ื ศกึ ษาวธิ กี ารรักษาโรคดว้ ยตนเอง
3. เพือ่ ศกึ ษาชนิดของสมุนไพร

ขอบเขตของปญั หา

1.กล่มุ เปา้ หมาย นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5/1 โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค สระบุรี
2.เนอื้ หา ประวตั ิความเป็นมาของสมุนไพร ประโยชน์ของสมนุ ไพร วธิ ีการใชส้ มนุ ไพรรกั ษาโรค
ชนิดของสมนุ ไพร3.ระยะเวลา ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563

2

สมมติฐาน

สมนุ ไพรเป็นพืชท่มี ีอยมู่ ากในธรรมชาติและสามารถนามารักษาโรคได้จรงิ

นิยามศพั ท์เฉพาะ

สมนุ ไพร คอื ผลผลิตจากธรรมชาติ ไดจ้ ากพืช สตั ว์ และแรธ่ าตทุ ใ่ี ช้เป็นยา หรอื ผสมกบั
สารอื่นตามตารบั ยา เพอื่ บาบัดโรคบารงุ รา่ งกายหรอื ใชเ้ ป็นยาพษิ

ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั

1.ทราบถงึ ประโยชน์ของสมุนไพร
2.ทราบถึงประเภทของสมนุ ไพรแต่ละชนดิ
3.ทราบถงึ สมุนไพรที่สามารถใชร้ กั ษาโรคได้

3

บทที่ 2
เอกสารท่เี กี่ยวขอ้ ง

เอกสารทใ่ี ช้ในการศกึ ษา เรื่อง สมนุ ไพรทีใ่ ชร้ กั ษาโรคของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5
โรงเรียนเทพศิรนิ ทร์ พุแค จังหวดั สระบุรี รายงานวิชาการศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง รหัสวิชา ร30201
ผศู้ กึ ษาได้ศึกษาตาราเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้องเพอื่ เป็นกรอบและแนวคิดในการดาเนินการ
ศึกษาค้นควา้ และอ้างอิง ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี

1. การศกึ ษาประโยชน์ของสมุนไพร
2. การศึกษาว่าสมนุ ไพรสามารถใชร้ กั ษาโรคไดจ้ ริงหรอื ไม่
3. ศกึ ษาวิธีการรกั ษาโรค
4. ศึกษาชนิดของสมนุ ไพร
5.งานวิจัยทีเ่ กย่ี วข้อง

การศึกษาประโยชน์ของสมนุ ไพร

คาว่า สมนุ ไพร ตาม พระราชบญั ญตั ิยา หมายถึง "ยาทไี่ ดจ้ ากพืช สัตว์ หรือแร่ ซ่ึงยัง
ไม่ไดผ้ สม ปรุง หรือเปลยี่ นสภาพ" เชน่ พชื ก็ยงั เป็นส่วนของ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซ่งึ
ยงั ไม่ไดผ้ ่านข้ันตอนการแปรรปู ใด ๆ แต่ในทางการคา้ สมุนไพรมักจะถกู ดัดแปลงในรูปต่าง ๆ
เข่น ถูกหน่ั ใหเ้ ปน็ ชน้ิ เล็กลง บดเป็นผงละเอยี ด หรอื อัดเป็นแท่ง อยา่ งไรก็ตามในความรูส้ ึก
ของคนท่วั ๆ ไป เมื่อกลา่ วถงึ สมุนไพร มกั จะนกึ ถึงเฉพาะต้นไม้ทนี่ ามาใชเ้ ป็นยาเทา่ นั้น ทั้งน้ี
อาจเปน็ เพราะว่าสตั ว์ หรือแร่ มกี ารนามาใชน้ ้อย และใชใ้ นโรคบางชนิดเทา่ นั้น พืชสมุนไพร
หมายถงึ พันธ์ไุ มต้ ่าง ๆ ที่สามารถนามาใช้ปรุงหรอื ประกอบเปน็ ยารกั ษา โรคต่าง ๆ ใชใ้ นการ
สง่ เสริมสุขภาพรา่ งกายได้

4

การศึกษาวา่ สมนุ ไพรสามารถใช้รักษาโรคไดจ้ รงิ หรือไม่

1. ความสาคญั ในดา้ นสาธารณสขุ
พืชสมนุ ไพร เปน็ ผลผลติ จากธรรมชาติ ท่ีมนุษย์รู้จักนามาใช้เปน็ ประโยชน์ เพื่อการรกั ษา
โรคภัยไขเ้ จบ็ ตง้ั แต่โบราณกาลแล้ว เชน่ ในเอเชียก็มหี ลกั ฐานแสดงวา่ มนุษย์รจู้ กั ใช้พืชสมุนไพรมากวา่
6,000 ปี แตห่ ลงั จากทคี่ วามรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญกา้ วหน้ามากขน้ึ มีการสงั เคราะห์
และผลติ ยาจากสารเคมี ในรูปที่ใชป้ ระโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้มากกวา่ สมุนไพร ทาให้
ความนิยมใชย้ าสมุนไพรลดลงมาเปน็ อันมาก เป็นเหตุใหค้ วามรู้วิทยาการด้านสมนุ ไพรขาดการพัฒนา
ไม่เจริญกา้ วหน้าเทา่ ที่ควร ในปจั จุบันทั่วโลกได้ยอมรับแลว้ วา่ ผลทไ่ี ดจ้ ากการสกดั สมุนไพร ให้
คุณประโยชน์ดกี วา่ ยา ที่ได้จากการสงั เคราะหท์ างวทิ ยาศาสตรป์ ระกอบกับในประเทศไทยเปน็ แหล่ง
ทรพั ยากรธรรมชาติ อนั อุดมสมบูรณ์ มพี ชื ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้เปน็ สมุนไพรไดอ้ ย่างมากมายนับหมน่ื ชนิด ยัง
ขาดกแ็ ต่เพยี งการค้นคว้าวิจยั ในทางที่เปน็ วิทยาศาสตร์มากข้นึ เทา่ น้ัน ความตื่นตัวที่จะพัฒนาความรู้
ด้านพืชสมุนไพร จงึ เริ่มขึ้นอกี ครง้ั หน่ึง มีการเริ่มต้นนโยบายสาธารณสขุ ขัน้ มูลฐานอย่างเปน็ ทางการ
ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2522 โดยเพ่ิมโครงการสาธารณสุขข้นั มูลฐานเขา้ ในแผนพฒั นาการ
สาธารณสุข ตามแผนพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2520-2524) ต่อเนื่อง
จนถงึ แผนพฒั นาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 7 (พ.ศ. 2535-2539) โดยมี กลวธิ กี าร
พฒั นาสมุนไพรและการแพทยแ์ ผนไทยในงานสาธารณสุขมูลฐาน คือ
(1) สนบั สนุนและพัฒนาวิชาการและเทคโนโลยีพืน้ บา้ นอนั ได้แก่ การแพทยแ์ ผนไทย เภสัช กรรมแผน
ไทย การนวดไทย สมนุ ไพร และเทคโนโลยพี นื้ บา้ น เพือ่ ใชป้ ระโยชน์ในการแก้ไขปญั หา สุขภาพของ
ชมุ ชน
(2) สนบั สนุนและส่งเสริมการดูแลรกั ษาสขุ ภาพของตนเอง โดยใช้ สมนุ ไพร การแพทยพ์ ้นื บ้าน การ
นวดไทย ในระดับบุคคล ครอบครวั และชุมชน ใหเ้ ป็นไปอย่างถูกตอ้ งเป็นระบบสามารถปรับประสาน
การดแู ลสขุ ภาพแผนปัจจบุ ันได้ อาจกล่าวไดว้ ่าสมนุ ไพรสาหรับสาธารณสขุ มูลฐานคือสมุนไพรทใ่ี ชใ้ น
การส่งเสริมสขุ ภาพ และการรกั ษาโรค/อาการเจ็บป่วยเบอ้ื งตน้ เพ่ือให้ประชาชนสามารถพ่ึงตนเองได้
มากข้นึ
2. ความสาคญั ในดา้ นเศรษฐกิจ

5

ในปัจจบุ นั พืชสมนุ ไพรจัดเปน็ พืชเศรษฐกจิ ชนิดหน่ึงทตี่ ่างประเทศกาลงั หาทางลงทุนและ
คัดเลอื กสมุนไพรไทยไปสกัดหาตวั ยาเพอ่ื รักษาโรคบางโรคและมหี ลายประเทศท่นี าสมนุ ไพรไทยไป
ปลูกและทาการค้าขายแข่งกับประเทศไทย สมุนไพรหลายชนดิ ทเี่ ราสง่ ออกเป็นรูปของวัตถดุ ิบคือ
กระวาน ขม้ินชนั เรว่ เปลา้ นอ้ ยและมะขามเปยี กเปน็ ตน้ ซึ่งสมนุ ไพรเหล่านตี้ ลาดตา่ งประเทศยังคงมี
ความตอ้ งการอีกมาก และในปจั จบุ นั กรมวชิ าการเกษตร กรมส่งเสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและ
สหกรณไ์ ดใ้ หค้ วามสนใจในการศกึ ษาเพ่มิ ขน้ึ และมโี ครงการวจิ ัยบรรจไุ วใ้ นแผนพัฒนาระบบการผลิต
การตลาดและการสร้างงานในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2530-2534)
เพ่อื หาความเป็นไปได้ในการพฒั นาคุณภาพและแหลง่ ปลกู สมุนไพรเพือ่ ส่งออก โดยกาหนดชนดิ ของ
สมุนไพรทมี่ ีศักยภาพ 13 ชนิด คือ มะขามแขก กานพลู เทียนเกลด็ หอย ดองดึง เรว่ กระวาน ชะเอม
เทศ ขม้ิน จนั ทรเ์ ทศ ใบพลู พริกไทย ดีปลี และนา้ ผึ้ง

ศึกษาวิธีการรักษาโรค

สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปจั จุบัน ซ่งึ บางชนดิ อาจมรี าคาแพง และ
ตอ้ งเสียค่าใช้จ่ายมาก อีกท้ังอาจหาซ้อื ไดย้ ากในท้องถิน่ น้ัน ให้ผลการรักษาไดด้ ีใกลเ้ คียงกบั ยาแผน
ปัจจุบัน และใหค้ วามปลอดภยั แกผ่ ูใ้ ชม้ ากกว่าแผนปจั จบุ ัน สามารถหาไดง้ า่ ยในท้องถิ่นเพราะส่วน
ใหญไ่ ดจ้ ากพชื ซ่งึ มอี ยู่ทว่ั ไปท้งั ในเมืองและ ชนบท มีราคาถกู สามารถประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้อื ยา
แผนปจั จุบนั ที่ตอ้ งสง่ั ซ้อื จากตา่ ง ประเทศเป็นการลดการขาดดลุ ทางการคา้

-ใช้เป็นยาบารงุ รกั ษาใหร้ า่ งกายมีสุขภาพแขง็ แรง
-ใช้เป็นอาหารและปลกู เป็นพชื ผกั สวนครัวได้ เช่น กะเพรา โหระพา ขงิ ข่า ตาลงึ
-ใช้ในการถนอมอาหารเช่น ลกู จนั ทร์ ดอกจนั ทรแ์ ละกานพลู
-ใช้ปรงุ แต่ง กลิ่น สี รส ของอาหาร เช่น ลกู จันทร์ ใช้ปรุงแตง่ กล่ินอาหารพวก ขนมปัง เนย ไส้
กรอก แฮม เบคอน
-สามารถปลกู เปน็ ไมป้ ระดับอาคารสถานทตี่ า่ ง ๆ ใหส้ วยงาม เชน่ คูน ชุมเห็ดเทศ
-ใช้ปรุงเป็นเครอ่ื งสาอางเพ่อื เสริมความงาม เช่น วา่ นหางจระเข้ ปรนะคาดีควาย
-ใช้เปน็ ยาฆา่ แมลงในสวนผกั , ผลไม้ เช่น สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสูบ
- เป็นพชื ท่สี ามารถส่งออกทารายไดใ้ หก้ บั ประเทศ เช่น กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว

6

- เป็นการอนรุ กั ษม์ รดกไทยให้ประชาชนในแต่ละท้องถ่นิ รู้จกั ช่วยตนเองในการ นาพชื สมุนไพร
ในทอ้ งถิ่นของตนมาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ

-ทาใหค้ นเห็นคณุ คา่ และกลับมาดาเนนิ ชวี ติ ใกลช้ ดิ ธรรมชาติยิ่งข้ึน
-ทาใหเ้ กิดความภูมใิ จในวัฒนธรรม และคุณค่าของความเป็นไทย

ศกึ ษาชนดิ ของสมุนไพร

กลุ่มยาลดไขมันในเสน้ เลือด

กระเจ๊ียบแดง

ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L.ช่ือสามญั : Jamaican Sorel, Roselle
วงศ์ : Malvaceae
ชื่ออื่น : กระเจย๊ี บ กระเจ๊ยี บเปรีย้ ผกั เกง็ เค็ง สม้ เก็งเคง็ สม้ ตะเลงเครง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ มุ่ สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลาตน้ สมี ว่ งแดง ใบเดยี่ ว รูปฝา่ มอื 3
หรือ 5 แฉก กวา้ งและยาวใกลเ้ คยี งกัน 8-15 ซม. ดอกเด่ยี ว ออกท่ซี อกใบ กลีบดอกสีชมพูหรือเหลือง
บริเวณกลางดอกสีม่วงแดง เกสรตัวผ้เู ชือ่ มกนั เป็นหลอด ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ มกี ลีบเล้ยี งสีแดงฉ่า
นา้ หมุ้ ไว้
สรรพคณุ : กลีบเลีย้ งของดอก หรือกลบี ทีเ่ หลืออยทู่ ผ่ี ลเป็นยาลดไขมันในเส้นเลอื ด และชว่ ยลด
นา้ หนักดว้ ยลดความดันโลหติ ไดโ้ ดยไมม่ ผี ลร้ายแต่อย่างใดนา้ กระเจ๊ยี บทาใหค้ วามเหนียวขน้ ของเลือด
ลดลงช่วยรกั ษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดนี า้ กระเจี๊ยบยังมีฤทธ์ขิ ับปสั สาวะ เป็นการชว่ ยลดความดัน
อีกทางหน่ึงชว่ ยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิม่ การหลง่ั ของกรดในกระเพาะเพม่ิ การหลง่ั น้าดจี ากตับเปน็
เคร่ืองด่มื ท่ีชว่ ยให้รา่ งกายสดชนื่ เพราะมีกรดซตี ริคอยดู่ ้วยใบ แก้โรคพยาธติ ัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แกไ้ อ
ขบั เมอื กมนั ในลาคอ ให้ลงสูท่ วารหนกั ดอก แกโ้ รคน่ิวในไต แกโ้ รคน่วิ ในกระเพราะปสั สาวะ ขัดเบา
ละลายไขมันในเส้นเลอื ด กัดเสมหะ ขบั เมอื กในลาไส้ใหล้ งสทู่ วารหนักผล ลดไขมนั ในเส้นเลือด แก้
กระหายนา้ รกั ษาแผลในกระเพาะ
เมลด็ บารุงธาตุ บารุงกาลงั แก้ดีพิการ ขบั ปัสสาวะ ลดไขมนั ในเส้นเลือด นอกจากนไ้ี ด้บ่งสรรพคณุ
โดยไม่ไดร้ ะบวุ า่ ใชส้ ่วนใด ดังน้ีคอื แกอ้ อ่ นเพลีย บารงุ กาลัง บารุงธาตุ แกด้ ีพกิ าร แกป้ สั สาวะพิการ
แก้คอแห้งกระหายนา้ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขบั เมอื กมันในลาไส้ ลดไขมันในเลอื ด

7

บารงุ โลหติ ลดอณุ หภมู ใิ นรา่ งกาย แกโ้ รคเบาหวาน แก้เส้นเลอื ดตีบตันนอกจากใช้เดี่ยวๆ แลว้ ยังใช้
ผสมในตารับยารว่ มกบั สมุนไพรอืน่ ใช้ถา่ ยพยาธติ ัวจ๊ีด
วิธแี ละปรมิ าณท่ใี ช้ : โดยนาเอากลีบเล้ยี ง หรือกลบี รองดอกสมี ่วงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใชค้ ร้ัง
ละ 1 ช้อนชา (หนัก 3 กรมั ) ชงกับน้าเดอื ด 1 ถ้วย (250 มลิ ลิลติ ร) ดมื่ เฉพาะนา้ สแี ดงใส ดื่มวนั ละ 3
ครงั้ ติดตอ่ กนั ทุกวันจนกว่าอาการขดั เบาและอาการอน่ื ๆ จะหายไป
สารเคมี

ดอก พบ Protocatechuic acid, hibiscetin, hibicin, organic acid, malvin,gossypetin
คุณค่าดา้ นอาหาร

น้ากระเจี๊ยบแดง มีรสเปร้ยี ว นามาต้มกบั นา้ เตมิ น้าตาล ดม่ื แกร้ อ้ นใน กระหายน้า และชว่ ย
ปอ้ งกนั การจบั ตวั ของไขมันในเสน้ เลอื ดได้ และยังนามาทาขนมเยลล่ี แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี ใบ
อ่อนของกระเจีย๊ บเป็นผกั ได้ หรือใชแ้ กงสม้ รสเปร้ียวกาลงั ดี กระเจ๊ียบเปรีย้ วมีชือ่ เรยี กอีกช่อื ว่า "ส้ม
พอเหมาะ" ในใบมวี ติ ามินเอ ช่วยบารุงสายตา ส่วนกลีบเล้ยี งและกลีบดอก มีสารแคลเซยี ม ช่วยบารงุ
กระดูกและฟนั ให้แข็งแรงน้ากระเจี๊ยบแดงทไ่ี ด้สแี ดงเข้ม สาร Anthocyanin นาไปแตง่ สอี าหารตาม
ตอ้ งการ

คาฝอย

ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Carthamus tinctorius L.ชือ่ สามัญ : Safflower, False Saffron, Saffron
Thistle
วงศ์ : Compositae
ชื่ออนื่ : คา คาฝอย ดอกคา (เหนือ) คายอง (ลาปาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก สงู 40-130 ซม. ลาตน้ เปน็ สนั แตกกิ่งก้านมาก ใบเด่ยี ว เรยี ง
สลบั รปู วงรี รปู ใบหอกหรอื รูปขอบขนาน กว้าง 1-5 ซม. ยาว 3-12 ซม. ขอบใบหยกั ฟันเล่ือย ปลาย
เปน็ หนามแหลม ดกชอ่ ออกที่ปลายยอด มีดอกย่อยขนาดเลก็ จานวนมาก เมือ่ บานใหมๆ่ กลีบดอกสี

8

เหลอื งแล้วจึงเปล่ียนเปน็ สีแดง ใบประดับแขง็ เปน็ หนามรองรับช่อดอก ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก เมล็ด
เปน็ รูปสามเหลี่ยม สีขาว ขนาดเลก็
สรรพคณุ : ดอก หรือกลีบท่ีเหลืออยู่ทผ่ี ล
- รสหวาน บารุงโลหิตระดู แก้น้าเหลืองเสีย แก้แสบร้อนตามผวิ หนงั
- บารุงโลหติ บารงุ หัวใจ บารุงประสาท ขับระดู แก้ดีพกิ าร
- โรคผวิ หนัง ฟอกโลหติ
- ลดไขมนั ในเส้นเลอื ด ปอ้ งกนั ไขมันอุดตันเกสร
- บารงุ โลหิต ประจาเดือนของสตรี
เมลด็
- เป็นยาขับเสมหะ แกโ้ รคผิวหนัง ทาแกบ้ วม
- ขับโลหิตประจาเดอื น
- ตาพอกหัวเหน่า แก้ปวดมดลูกหลงั จากการคลอดบตุ รนา้ มันจากเมลด็
- ทาแกอ้ ัมพาต และขัดตามขอ้ ต่างๆ
ดอกแก่ - ใชแ้ ตง่ สีอาหารท่ตี ้องการใหเ้ ป็นสเี หลอื ง
วธิ แี ละปรมิ าณที่ใช้ : ชาดอกคาฝอย ชว่ ยเสรมิ สุขภาพ ชว่ ยลดไขมนั ในเสน้ เลอื ด โดยใช้ดอกแหง้ 2
หยบิ มือ (2.5 กรัม) ชงนา้ ร้อนคร่งึ แกว้ ดื่มเป็นเครื่องดมื่ ได้
สารเคมี

ดอก พบ Carthamin, sapogenin, Carthamone, safflomin A, sfflor yellow,
safroleyellow

เมลด็ จะมนี ้ามนั ซง่ึ ประกอบด้วยกรดไขมันท่ไี มอ่ ม่ิ ตวั
คุณคา่ ดา้ นอาหาร

ในเมลด็ คาฝอย มนี ้ามันมาก สารในดอกคาฝอย พบว่าแกอ้ าการอักเสบ มฤี ทธฆิ์ ่าเช้อื บางตัว
ไป ในประเทศจีน ดอกคาฝอย เป็นยาเก่ียวกับสตรี ตารบั ยาทใ่ี ช้รกั ษาสตรีที่ประจาเดือนคงั่ คา้ งไมเ่ ป็น
ปกติ หรืออาการปวดบวม ฟกช้าดาเขียว มักจะใชด้ อกคาฝอยดว้ ยเสมอ โดยต้มนา้ แชเ่ หล้า หรอื ใช้วิธี
ตาพอก แตม่ ขี อ้ ควรระวงั คือ หญงิ มีครรภ์ หา้ มรบั ประทาน

9

ใชด้ อกคาฝอยแก่ มาชงนา้ รอ้ น กรอง จะไดน้ ้าสเี หลืองส้ม (สาร safflower yellow) ใช้แตง่ สี
อาหารทีต่ อ้ งการให้เป็นสเี หลอื ง

เสาวรส

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflora laurifolia L.ชอ่ื สามัญ : Jamaica honey-suckle, Passion fruit,
Yellow granadilla
วงศ์ : Passifloraceae
ชอื่ อน่ื : สุคนธรส (ภาคกลาง)
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไม้เถา เถามลี กั ษณะกลม ใบ เปน็ ใบเดย่ี ว ขอบใบหยกั ลึก ที่ก้านใบมี
ต่อมใบ ดกหนา เปน็ มันสเี ขยี วแก่ ดอก ออกดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ห้อยควา่ คล้ายกับดวงไฟโคม กาบ
ดอกห้มุ สีเขียว กลบี ชัน้ นอกเป็นรูปกระบอก ปลายแฉกด้านหลังมีสีเขียวแก่ ดา้ นในมีสีมว่ งออ่ น
ประกอบดว้ ยจดุ แดง ๆ กลบี ชั้นในลักษณะคล้ายกับตวั แฉกของกลีบชั้นนอก สมี ่วงอ่อนหรือชมพูออ่ นมี
ประสีแดงแซม กลีบย่อยกลางมีเป็นช้ัน ๆ สองชน้ั แต่ละกลบี คอ่ นข้างกลม สมี ว่ งแก่ พาดด้วยปลายสี
ขาวสลบั แดง มีเกสรอยู่ตรงกลางสีเขยี วนวล ดอกมีกล่นิ หอมแรงจัดมาก ผล เป็นรูปไขห่ รือไข่ยาว มี
หลายพนั ธุ์ บางพนั ธ์ุ ผวิ ผลสมี ว่ ง สีเหลือง สสี ม้ อมนา้ ตาล เปลอื กผล เรยี บ เนอื้ รับประทานได้ มเี มล็ด
จานวนมาก อยู่ตรงกลาง
สรรพคณุ : ลดไขมนั ในเสน้ เลือด
วิธแี ละปรมิ าณทีใ่ ช้ : ใช้ผลทแ่ี กจ่ ัด ไม่จากัดจานวน ลา้ งสะอาด ผา่ ครง่ึ ค้นั เอาแตน่ ้า เติมเกลอื และ
น้าตาลเล็กน้อย ให้รสกลมกล่อมตามชอบ ใชด้ ่ืมเป็นนา้ ผลไม้ ลดไขมนั ในเสน้ เลือดกลมุ่ พืชหอม เปน็
ยาบารุงหวั ใจ

กระดังงาไทย
ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Cananga odorata Hook.f. & Thomson var. odorata
ชื่อสามัญ : Ylang-ylang Tree
วงศ์ : ANNONACEAE
ช่อื อนื่ : กระดงั งา, กระดังงาใบใหญ่ , กระดังงาใหญ่, สะบันงา, สะบนั งาต้น

10

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมต้ น้ สงู 10-20 ม. มรี อยแผลใบขนาดใหญก่ ระจายอยูท่ ว่ั ไป กง่ิ ต้ังฉาก
กับลาต้นปลายยอ้ ยลลู่ ง ใบเดย่ี ว เรียงสลบั รูปรหี รือรูปไขย่ าว ปลายแหลม โคนมนหรอื เว้าและเบ้ียว
เลก็ นอ้ ย ขอบเรียบหรือเป็นคลน่ื ใบอ่อนมีขนท้ัง 2 ด้าน ใบแก่มักมขี นมากตามเสน้ แขนงใบและเส้น
กลางใบ ช่อดอกส้ัน ออกหอ้ ยรวมกันบนกิ่งเหนอื รอยแผลใบ ชอ่ หน่งึ ๆ มี 3-6 ดอก ดอกใหญ่ กลบี
เล้ยี ง 3 กลีบ รูปสามเหลย่ี ม มีขน กลบี ดอกเรียงสลับกัน 2 ชั้น ชนั้ ละ 3 กลีบ แตล่ ะกลีบรปู ขอบ
ขนานปลายแหลม มขี น ขอบเรียบหรือเป็นคลืน่ เลก็ น้อย กลบี ชัน้ ในแคบกวา่ ชนั้ นอกเลก็ นอ้ ย โคน
กลบี ดา้ นในสีม่วงอมน้าตาล ดอกออ่ นกลบี สีเขียว เมื่อแกเ่ ปลยี่ นเป็นสีเหลอื ง กล่ินหอม เกสรเพศผู้มี
จานวนมาก เกสรเพศเมียมีหลายอนั อยูแ่ ยกกัน ผลเปน็ ผลกล่มุ อยูบ่ นแกนตุ้มกลม 4-15 ผล แตล่ ะ
ผลรูปไข่ ผลออ่ นสเี ขยี ว ผลแก่สเี ขยี วคล้าจนเกือบดา มี 2-12 เมล็ด เมล็ดสนี ้าตาลอ่อน รูปไข่แบน
สรรพคณุ : ดอกแกจ่ ดั - ใช้เป็นยาหอมบารงุ หวั ใจ บารุงโลหิต บารุงธาตุ แกล้ มวงิ เวียน ชกู าลงั ทาให้
ชมุ่ ชน่ื ใหน้ ้ามันหอมระเหย ใชแ้ ตง่ กล่ินเคร่อื งสาอาง น้าอบ ทาน้าหอม ใช้ปรงุ ยาหอม บารงุ หัวใจ
ใบ, เนื้อไม้ - ตม้ รับประทาน เป็นยาขบั ปัสสาวะพกิ าร
วธิ ีใช้ : ใชด้ อกกล่นั ได้นา้ มนั หอมระเหย การแตง่ กลิ่นอาหาร ทาไดโ้ ดยนาดอกทแี่ ก่จดั ลมควัน
เทยี นหรอื เปลวไฟจากเทยี นเพื่อใหต้ ่อมนา้ หอมในกลีบดอกแตก และสง่ กลน่ิ หอมออกมา แล้วนาไป
เสยี บไม้ ลอยน้าในภาชนะปิดสนิท 1 คืน เก็บดอกทงิ้ ตอนเช้า นาน้าไปค้นั กะทิ หรอื ปรงุ อาหารอื่นๆ
สารเคมี : ใน ylang -ylang oil มีสารสาคญั คอื linalool , benzyl benzoate p-totyl
methylether, methylether, benzyl acetate

การะเกด

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Pandanus tectorius Blumeช่ือสามญั : Screw Pine
วงศ์ : PANDANACEAE
ช่ืออืน่ : การะเกดด่าง ลาเจยี กหนู เตยดง เตยด่าง
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ ุ่มก่งึ ไม้ต้น สงู 3-7 ม. ลาตน้ มักแตกกง่ิ ก้านสาขา มรี ากอากาศ
คอ่ นขา้ งยาว และใหญ่ ใบเดย่ี วเรียงเวียนสลบั กันเป็น 3 เกลยี วทปี่ ลายกง่ิ รูปรางน้า กวา้ ง 0.7-2.5
ซม.ยาว 3-9 ซม. คอ่ ยๆ เรียวแหลมไปหาปลาย ขอบมหี นามแขง็ ยาว 0.2-1 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งมี

11

นวล ดอกแยกเพศ อยู่ตา่ งต้นกัน ออกตามปลายยอด มจี านวนมาก ตดิ บนแกนของชอ่ ไม่มกี ลบี เล้ยี ง
และกลบี ดอก ชอ่ ดอกเพศผู้ตง้ั ตรง ยาว 25-60 ซม. มีกาบสนี วลหุ้ม กลนิ่ หอม เกสรเพศผู้ติดรวมอยู่
บนก้านซง่ึ ยาว 0.8-2 ซม. ชอ่ ดอกเพศเมยี ค่อนขา้ งกลม ประกอบด้วยเกสรเพศเมียเชอ่ื มติดกัน 3-5
อัน เป็นกลมุ่ 5-12 กลมุ่ แต่ละกลุ่มกว้าง 2-5 ซม. ยาว 3-7 ซม. ปลายหยักต้ืนเป็นร่องระหว่างยอด
เกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมียเรียงเป็นวง ผลเบียดกันแน่นเป็นก้อนกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 10-20
ซม. แตล่ ะผลกว้าง 2-6.5 ซม. ยาว 4-7.5 ซม. เมือ่ สุกหอม โคนสเี หลอื ง ตรงกลางสีแสด ตรงปลาย
ยอดสีน้าตาลอมเหลือง ผลที่สกุ แลว้ มีโพรงอากาศจานวนมาก
สรรพคณุ : ดอก
- ปรงุ ยาหอม ทาให้ชุ่มช่ืนหัวใจ ดอกหอม รบั ประทาน มีรสขมเล็กน้อย
- แกโ้ รคในอก เช่น เจ็บคอ แกเ้ สมหะ บารุงธาตุ
- อบกล่ินเส้ือผ้าให้หอม
วิธีใช้ : นาดอกไปเค่ียวกบั น้ามันมะพรา้ ว หรอื มนั หมู ปรุงเปน็ น้ามันใส่ผม นาดอกเข้ายาหอมบารุง
หวั ใจ

กหุ ลาบมอญ

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Rosa damascena Mill.ชื่อสามัญ : Rose, Damask rose
วงศ์ : Rosaceae
ช่ืออนื่ : กหุ ลาบออน (เง้ยี ว-แม่ฮ่องสอน) , ย่สี นุ่ (กรุงเทพฯ)
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไม้พมุ่ ขนาดเลก็ สงู 1-2 เมตร ลาต้นและก่งิ มีหนาม ใบเป็นใบ
ประกอบแบบขนนก รูปไข่ กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 3-5 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมนขอบจกั เป็นฟัน
เลื่อย ออกดอกเปน็ ชอ่ ดอกสีชมพูหรือสแี ดง ออกเป็นชอ่ ท่ีปลายกง่ิ อยู่รวมเป็นกระจุก 3-5 ดอกมีกลีบ
เลย้ี ง 5 กลบี มกี ลีบดอกจานวนมากเรียงซ้อนกันหลายชน้ั เมอื่ ดอกบานมเี สน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 4.5-7 ซม.
มกี ลิน่ หอมแรงมากดอกดกและบานไดห้ ลายวัน ออกดอกตลอดปี
ส่วนทใ่ี ช้ : ดอกแหง้ และสด
สรรพคณุ : ดอกแห้ง
- เป็นยาระบายออ่ นๆ

12

- แกอ้ าการอ่อนเพลีย บารงุ หัวใจ
ดอกสด - กลน่ั ให้น้ามันกหุ ลาบ แต่งกลนิ่ ยาและเคร่ืองสาอาง
วธิ ีใช้ : ใช้ดอกแหง้ เขา้ ยาหอมบารงุ หัวใจ

บัวบก

ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Centella asiatica Urbanชอ่ื สามัญ : Asiatic Pennywort, Tiger Herbal
วงศ์ : Umbelliferae
ชื่ออื่น : ผักแวน่ ผักหนอก
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมล้ ้มลกุ อายหุ ลายปี เลอ้ื ยแผไ่ ปตามพ้นื ดิน ชอบท่ีชน้ื แฉะแตกรากฝอย
ตามขอ้ ไหลท่แี ผ่ไปจะงอกใบจากข้อชขู นึ้ 3-5 ใบ ใบ เดี่ยว เรยี งสลบั รูปไตเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 2-5 ซม.
ขอบใบหยกั ก้านใบยาว ดอก ชอ่ ออกท่ีซอกใบ ขนาดเล็ก 2-3 ดอก กลีบดอกสีม่วง ผล เป็นผลแห้ง
แตกได้
สว่ นทใ่ี ช้ : ใบ ทั้งตน้ สด เมล็ด
สรรพคณุ :ใบ
- มีสาร Asiaticoside ทายาทาแก้แผลโรคเรือ้ น
- เปน็ ยาบารุงกาลัง บารงุ หวั ใจ แกอ้ อ่ นเพลีย เม่อื ยลา้
- รักษาแผลไฟไหม้ นา้ ร้อนลวก หรือมกี ารชอกช้าจากการกระแทก แก้พษิ งูกัด
- ปวดศรี ษะขา้ งเดยี ว
- ขบั ปัสสาวะ
- แก้เจบ็ คอ
- เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง
- ลดความดัน แก้ชา้ ใน
เมลด็ - แกบ้ ิด แก้ไข้ ปวดศรี ษะ
วิธีและปริมาณทใี่ ช้ :
-ใช้เป็นยาแก้ปวดศรี ษะขา้ งเดียว
-ใช้ต้นสดไมจ่ ากดั รับประทาน หรอื ค้ันน้าจากตน้ สดรับประทาน ควรรบั ประทานติดตอ่ กัน 2-3 วนั

13

-ใช้เป็นยาแก้เจบ็ คอ
-ใช้ทง้ั ต้นสด 10-20 กรัม หรือ 1 กามอื ตาคั้นนา้ เตมิ นา้ ส้มสายชู 1-3 ชอ้ นแกง จบิ บอ่ ยๆ
เปน็ ยาลดความดันโลหิตสงู
-ใชท้ งั้ ต้นสด 30-40 กรัม ค้ันนา้ จากต้นสด เติมนา้ ตาลเลก็ นอ้ ย รับประทาน 5-7 วนั
ยาแกช้ า้ ใน (พลัดตกหกล้ม)
-ใช้ต้นสด 1 กามอื ล้างใหส้ ะอาด ตาค้ันนา้ เตมิ นา้ ตาลเลก็ นอ้ ย ดื่ม 1 ครั้ง รับประทานตดิ ต่อกนั 5-6
วัน
เปน็ ยาถอนพษิ รักษาแผลน้าร้อนลวก
-ใช้ทงั้ ต้นสด 2-3 ต้น ล้างใหส้ ะอาด ตาให้ละเอียดพอกแผลไฟไหม้ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดรอ้ น
เปน็ ยาหา้ มเลอื ด ใส่แผลสด
-ใชใ้ บสด 20-30 ใบ ลา้ งให้สะอาด ตาพอกแผลสด ชว่ ยหา้ มเลอื ดและรักษาแผลให้หายเร็ว
สารเคมี : สารสกัดจากใบบวั บกประกอบดว้ ย madecassoside asiatic acid, asiaticoside,
centelloside, centellic acid brahminoside, brahmic acid.

บวั หลวง

ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Nelumbo nucifera Gaertn.
ช่ือสามญั : Lotus
วงศ์ : Nelumbonaceae
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไมล้ ม้ ลุก มเี หงา้ และไหลอยใู่ ตด้ นิ เหงา้ จะมีลักษณะเป็นท่อนยาว มี
ปล้องสเี หลืองอ่อนจนถงึ เหลือง แขง็ เล็กนอ้ ย ถา้ ตัดตามขวางจะเปน็ รูกลมๆ หลายรู ไหลจะเปน็ ส่วนท่ี
เจริญไปเปน็ ต้นใหม่ ใบ ใบเด่ียวรูปโล่ ออกสลบั แผน่ ใบจะชเู หนือนา้ รปู ใบเกอื บกลม ขนาดใหญ่ ขอบ
เรยี บและเป็นคล่ืน ผวิ ใบมีนวล กา้ นใบแข็งเป็นหนาม ถา้ ตดั ตามขวางจะเหน็ เป็นรภู ายใน กา้ นใบมีน้า
ยางขาว เม่ือหกั จะมีสายใยสีขาว ใบออ่ นสเี ทานวล ปลายม้วนงอขึน้ ทงั้ สองด้าน กา้ นใบจะตดิ ตรงกลาง
แผน่ ใบ ดอก เดีย่ ว มสี ขี าว สชี มพู กลิน่ หอม บัวหลวงจะเริ่มบานตัง้ แต่ตอนเชา้ กา้ นดอกยาวมหี นาม
เหมนื กา้ นใบ ชดู อกเหนอื นา้ และชสู ูงกวา่ ใบเล็กน้อย กลบี เล้ยี ง 4- 5 กลบี ขนาดเล็ก สีขาวอมเขยี ว

14

หรือสีเทาอมชมพู รว่ งง่าย กลีบดอกมีจานวนมากเรยี งซ้อนหลายชน้ั เกสรตัวผ้มู จี านวนมากสีเหลือง
ปลายอบั เรณูมรี ะยางคล้ายกระบองเล็กๆ สีขาว เกสรตวั เมยี จะฝงั อยู่ในฐานรองดอกรูปกรวยสีเหลือง
นวล ผล รูปกลมรีสีเขยี วนวล มีจานวนมาก ฝงั อยู่ในสว่ นทเ่ี ป็นรูปกรวย เมื่อออ่ นมีสีเหลือง รูปกรวยนี้
เม่ือเปน็ ผลแก่จะขยายใหญ่ข้ึนมสี เี ทาอมเขยี ว ทเ่ี รยี กว่า "ฝกั บวั " มีผลสีเขยี วอ่อนฝงั อยูเ่ ป็นจานวนมาก
ส่วนที่ใช้ : ดบี ัว ดอก เกษรตวั ผู้ เมล็ด ไส้ของเมล็ด ยางจากก้านใบและกา้ นดอก เง่า ราก
สรรพคณุ :- มี Methylcorypalline ซ่ึงเปน็ ตวั ทาให้เส้นเลอื ดขยาย
ดอก, เกษรตัวผู้- ขับปัสสาวะ ฝากสมาน ขบั เสมหะ บารุงหัวใจ เกษรปรุงเปน็ ยาหอม ชูกาลัง ทาให้ชนื่
ใจ ยาสงบประสาท ขบั เสมหะ
เหงา้ และเมล็ด - รสหวาน เย็น มันเล็กน้อย บารุงกาลงั แกร้ อ้ นในกระหายนา้ แก้เสมหะ แก้พพุ อง
เมลด็ อ่อนและแก่ - เมล็ดใช้รับประทานเปน็ อาหาร และใช้ทาเป็นแปง้ ไดด้ ี
เหงา้ บัวหลวง - ใช้ปรงุ เป็นอาหารได้ทง้ั คาวหวาน
ไส้ของของเมลด็ - แก้เส้นโลหติ ตีบในหวั ใจ
ยางจากกา้ นใบและก้านดอก- แก้ทอ้ งเดนิ
ราก - แก้เสมหะ
สารเคมี : ดอก มีอัลคาลอยด์ ชอ่ื nelumbine
embryo มี lotusineเมล็ด มี alkaloids และ beta-sitoste

งานวิจัยที่เกยี่ วข้อง

สงิ่ ควรรเู้ กีย่ วกบั การใช้ยาสมนุ ไพร
กอ่ นใช้ยาสมนุ ไพรทกุ คร้ัง ควรศกึ ษาใหเ้ ข้าใจเกี่ยวกบั สรรพคณุ ขนาดของยาท่ีใชแ้ ละ
วธิ กี ารใชอ้ ยา่ งถูกต้อง เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลดใี นการรกั ษา และไม่เป็นอันตราย ยาใดไม่เคยรบั ประทานมากอ่ น
ควรเร่ิรัประทานจากขนาดน้อย ๆ กอ่ นหากรับประทาน แลว้ ไมเ่ กดิ อาการผิดปกตหิ รอื อาการแพ้ จึง
รบั ประทานยานั้นตามกาหนด อยา่ ใชย้ าเข้มข้นเกินขนาดทกี่ าหนด เช่นยาระบุวา่ ใช้ต้มรบั ประทาน
ต่างนา้ กไ็ ม่ควรไปต้มเคี่ยวรบั ประทาน ผทู้ ีอ่ ่อนเพลียมาก เด็กอ่อน คนชรา ห้ามใช้ยามาก เพราะความ
ต้านทานของรา่ งกายมนี ้อยกว่าคนปกติ อาจเกดิ พษิ ไดง้ า่ ย หากรับประทานยาแลว้ 1 วัน อาการไม่ดี
ขน้ึ ควรเปล่ียนยา สว่ นโรคเร้อื รัง เช่น หดื โรคกระเพาะ ฯลฯ ใหใ้ ชย้ าไปประมาณ 1 สัปดาห์ หาก

15

อาการไม่ดีขน้ึ ตอ้ งเปลี่ยนยา กอ่ นใช้ยาต้องรู้ข้อหา้ มในการใชเ้ สียก่อน เพอื่ ความปลอดภัย เช่นหญงิ มี
ครรภ์หา้ ม รบั ประทาน ผู้เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตต่า ห้ามใชเ้ ป็นต้น ควรเลอื กใช้แต่ยาสมนุ ไพรท่ีรู้
สรรพคุณที่แนน่ อน และมีผ้ไู ด้ศึกษาคน้ ควา้ เกีย่ วกับผลการรักษาตลอดจนข้อเสีย พษิ และผลข้างเคยี ง
ท่ีแน่นอนมาแล้ว ไม่ควรนายาสมุนไพรปรุงผสมกับยาแผนปัจจุบันนาไปรักษาผู้ปว่ ย เพราะอาจทาให้
เกิด ผลแทรกซ้อนทเ่ี กดิ จากฤทธิ์ยาเสรมิ กันมากเกินไป หรอื ทาให้ยาเสอ่ื มคุณภาพ ซ่งึ จะไมเ่ ป็น
ประโยชน์หรืออาจเปน็ อันตรายแกผ่ ู้ใช้ได้

16

บทท่ี 3
วิธกี ารศึกษาคน้ คว้า

ในการศึกษาครงั้ นี้ ผศู้ กึ ษาได้ทาการศกึ ษาการใช้สมุนไพรในการรกั ษาโรคของนกั เรยี น
ชั้นมัธยมศกึ ษปีท่ี 5/1 โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค จงั หวดั สระบรุ ซี ่ึงมีวิธีการดังนี้

ระเบียบวิธที ี่ใช้ในการศึกษา

ในการศึกษาใช้รปู แบบ การสารวจ การศึกษาคน้ คว้า ด้วยวิธีการ สบื ค้นข้อมลู จาก
หนังสือ อินเตอร์เน็ต และตอบแบบสอบถาม

ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ งทใ่ี ช้ในการศกึ ษา

ประชากรประชากรท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาครั้งน้ี เป็นนักเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/1
โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค จงั หวดั สระบรุ ีภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 1 หอ้ งเรียนเป็น
นักเรียน 37 คน

กลมุ่ ตวั อย่าง

กลุม่ ตวั อยา่ งท่ีใช้ในการศกึ ษาครง้ั น้ีได้แกน่ ักเรียนระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรยี น
เทพศิรนิ ทร์ พแุ ค จงั หวัดสระบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 เป็นนักเรยี นทง้ั ส้ิน 37 คน ไดม้ า
โดยวธิ ีการเลอื ก
ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการศกึ ษา

ระยะเวลาทใี่ ช้ในการศึกษาคอื ตลอดภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563

17

ขัน้ ตอนวิธกี ารดาเนนิ การศึกษา

กาหนดเรอื่ งท่ีจะศกึ ษา

สำรวจปัญหำและเลอื กเร่อื ง

ศกึ ษำแนวคิดและกำรแกป้ ัญหำ

ต้ังชอื่ เรอ่ื งทจี่ ะศกึ ษา
พบครูท่ปี รึกษา (คณุ ครูยวุ ดี ญาณสิทธิ์)

ศกึ ษาวธิ ีเขยี นบทนา
สรำ้ งเคร่อื งมือ(แบบสอบถำม)
ปรับปรุงเคร่ืองมือและทาการทดลองใชก้ ับกลมุ่ ตวั อย่าง

รวบรวมข้อมูล
วิเครำะหข์ อ้ มลู
สรุปผลกำรศกึ ษำ

18

เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา

เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการศึกษาคร้ังนี้ คือ แบบสอบถาม 1 ฉบับ ซง่ึ มรี ายละเอียดดังน้ี
1. ออกแบบสอบถาม เรื่องสมนุ ไพรทใี่ ช้รักษาโรคของของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี น
เทพศิรนิ ทร์ พุแค จงั หวัดสระบุรี โดยขอคาแนะนาจาก คณุ ครยู ุวดี ญาณสทิ ธ์ิ โดยเตรียมรา่ งข้อความ
มีลักษณะเปน็ คาถามจานวน 10 ข้อ เปน็ แบบมาตรฐาน 5 ระดับ คือ
5 หมายถึง เหน็ ด้วยมากทส่ี ดุ
4 หมายถึง เห็นด้วยมาก
3 หมายถึง เหน็ ด้วยปานกลาง
2 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยนอ้ ย
1 หมายถึง เหน็ ดว้ ยน้อยท่สี ดุ
การพจิ ารณาค่าเฉล่ยี ใชเ้ กณฑด์ งั นี้

ค่าเฉลย่ี 4.51-5.00 หมายถงึ เหน็ ด้วยมากทสี่ ุด
ค่าเฉล่ยี 3.51-4.50 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยมาก
คา่ เฉลย่ี 2.51-3.50 หมายถึง เหน็ ดว้ ยปานกลาง
คา่ เฉลย่ี 1.51-2.50 หมายถึง เหน็ ดว้ ยน้อย
ค่าเฉลย่ี 1.00-1.50 หมายถงึ เหน็ ดว้ ยนอ้ ยท่สี ุด
2. สรา้ งแบบสอบถาม เร่อื งสมุนไพรทใ่ี ชร้ กั ษาโรคของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนเทพศริ ิ
นทร์ พแุ ค จังหวดั สระบรุ ี โดยขอคาแนะนาจาก คุณครยู วุ ดี ญาณสิทธิ์ จากนน้ั นามาปรบั ปรุงแก้ไข
แลว้ นาไปตรวจสอบความเหมาะสม
3. นาแบบสอบถามเรอ่ื ง สมุนไพรท่ใี ช้รกั ษาโรคของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที 5่ี โรงเรียนเทพศิรินทร์
พแุ ค จงั หวัดสระบรุ ี ทแ่ี ก้ไขปรบั ปรุงแลว้ ให้กลุ่มตวั อย่างประเมนิ หลังจากนัน้ นาผลทไ่ี ดม้ าหาคา่ เฉลี่ย

การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล

การศึกษาครั้งนไี้ ดด้ าเนินการโดยนาแบบสอบถามที่สรา้ งข้ึนใหน้ กั เรียนกลุม่ ตัวอย่าง จานวน
37 คนและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากนักเรียนท่เี ป็นกลมุ่ ตวั อยา่ ง โดยผูศ้ ึกษาท้งั 4 คน ดาเนินการ
เก็บรวบรวมขอ้ มลู ด้วยตนเอง

19

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู

ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผู้ศกึ ษาไดว้ เิ คราะห์ขอ้ มูลดังน้ี
1. นาแบบสอบถามทั้งหมดท่ตี อบโดยนกั เรียนกลุ่มตัวอยา่ งมาหาค่าคะแนนรวม
2. นาผลรวมมาคิดคา่ ร้อยละ 50

สถิตทิ ี่ใชใ้ นการศึกษา

สถิตทิ ่ีใชใ้ นการศึกษาครงั้ น้ี คือ การหาคา่ เฉล่ียคดิ เป็นรอ้ ยละ 50

20

บทที่ 4
สรปุ ผลการศกึ ษาคน้ ควา้

ในการศึกษาคน้ คว้าเรอ่ื งสมุนไพรที่ใช้รักษาโรค ผู้ศึกษาคน้ ควา้ ได้กาหนดวัตถปุ ระสงคแ์ ละ
สมมตุ ฐิ าน ไวด้ งั นี้
วตั ถุประสงคข์ องปญั หา

1. เพือ่ การศกึ ษาประโยชนข์ องสมนุ ไพร
2. เพ่ือศกึ ษาวิธีการรักษาโรค
3. เพื่อศกึ ษาชนิดของสมนุ ไพร
สมมติฐาน
สมนุ ไพรเป็นพืชที่มอี ยมู่ ากในธรรมชาติและสามารถนามารักษาโรคได้จริง
สรุปผลการศึกษาได้ดงั นี้
1.ประโยชนข์ องสมนุ ไพรมดี งั น้ี

1.1 ใช้เป็นยาบารงุ รักษาให้รา่ งกายมสี ขุ ภาพแข็งแรง
1.2 ใชเ้ ป็นอาหารและปลูกเป็นพืชผกั สวนครัวได้ เช่น กะเพรา โหระพา ขงิ ข่า
ตาลงึ
1.3 ใชใ้ นการถนอมอาหารเช่น ลกู จันทร์ ดอกจันทร์และกานพลู
1.4 ใช้ปรุงแตง่ กล่ิน สี รส ของอาหาร เช่น ลกู จันทร์ ใช้ปรงุ แต่งกลน่ิ อาหารพวก
ขนมปงั เนย ไสก้ รอก แฮม เบคอน
1.5 สามารถปลูกเป็นไมป้ ระดบั อาคารสถานทีต่ า่ ง ๆ ใหส้ วยงาม เช่น คนู ชุมเห็ด
เทศ
1.6 ใชป้ รงุ เปน็ เครือ่ งสาอางเพอ่ื เสรมิ ความงาม เชน่ วา่ นหางจระเข้ ปรนะ
คาดีควาย
1.7 ใช้เป็นยาฆ่าแมลงในสวนผัก, ผลไม้ เช่น สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสบู
1.8 เปน็ พืชทีส่ ามารถส่งออกทารายได้ให้กบั ประเทศ เชน่ กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว

21

1.9 เปน็ การอนรุ ักษม์ รดกไทยให้ประชาชนในแตล่ ะทอ้ งถ่ิน รู้จกั ช่วยตนเองใน
การ นาพชื สมนุ ไพรใน ท้องถ่ินของตนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ

1.10ทาให้คนเหน็ คุณค่าและกลับมาดาเนนิ ชีวิตใกลช้ ดิ ธรรมชาตยิ ิ่งข้ึน
1.11ทาใหเ้ กดิ ความภูมใิ จในวัฒนธรรม และคณุ คา่ ของความเปน็ ไทย
2.จากการศึกษาเรอ่ื งสมุนไพรที่ใชร้ ักษาโรค สามารถนาสมุนไพรมารักษาโรคได้จรงิ
นอกจากนี้สมุนไพรยงั สามารถนามาใชเ้ ป็นอาหารได้ ซึ่งปัจจบุ ันเราก็นาสมุนไพรมาประกอบ
อาหารเพื่อใหเ้ กิดรสชาตทิ ก่ี ลมกลอ่ มและนา่ รบั ประทาน

ข้อที่ หวั ขอ้ สอบถาม คุณภาพ ค่าเฉลี่ย

1 สมุนไพรสามารถใช้รกั ษาโรคไดจ้ รงิ เห็นดว้ ยมาก 4.05

2 สมนุ ไพรแตล่ ะชนิดมสี รรพคณุ ที่แตกต่างกัน เห็นด้วยมาก 4.02

3 สมุนไพรสามารถนามาประกอบอาหารได้ เหน็ ด้วยปานกลาง 3.37

4 สมนุ ไพรหาไดง้ ่ายตามท้องถ่ิน เหน็ ด้วยมากท่สี ดุ 4.51

5 สมุนไพรบางชนดิ รักษาได้เฉพาะโรค เหน็ ดว้ ยมากที่สดุ 4.56

22

บทท่ี 5
อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ

จากการศึกษาคน้ คว้าเรือ่ งสมุนไพรทใี่ ช้รักษาโรค ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
สมนุ ไพรสามารถนามารกั ษาโรคได้หลายโรคไม่วา่ จะเปน็ สว่ นตา่ งๆของสมนุ ไพร เช่น ลาตน้ ใบ
ราก ดอก ผลและสว่ นอ่ืนๆของสมุนไพรอกี ด้วย ในการใชร้ ักษาโรคตอ้ งแยกตามประเภทของ
โรคเพราะสว่ นตา่ งๆของสมนุ ไพรมีสรรพคุณที่แตกต่างกนั แลว้ แต่ชนดิ ของสมุนไพร
ขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาค้นควา้ คร้ังต่อไป

1.ควรมกี ารเผยแพรค่ วามรู้เร่อื งสมนุ ไพรท่ีใชร้ ักษาโรคให้กบั กลมุ่ คนท่ีมคี วามเสีย่ งโรค
ต่างๆและ
ผู้ท่สี นใจ

2.ควรใช้รูปแบบท่ีหลากหลายในการเผยแพร่ เช่น การจดั นิทรรศการในโรงเรยี น
ชมุ ชนการสรา้ ง
เวบ็ เพจเรื่องสมนุ ไพรทใ่ี ชร้ กั ษาโรคในอนิ เทอรเ์ น็ตและเฟสบุ๊ค เปน็ ตน้

3.รณรงคใ์ ห้ผู้คนหันมาใส่ใจและปอ้ งกนั โรคด้วยสมนุ ไพร

23

บรรณานุกรม

Medthai. (2557). รายช่ือสมนุ ไพร สืบคน้ 6 กนั ยายน 2563 จาก https://medthai.com
สานกั งานส่ิงแวดลอ้ มภาคที่13 (ชลบรุ ี). (2561). สมุนไพรรกั ษาโรค สืบค้น 6 กันยายน 2563
จาก http://www.mnre.go.th
Atherbth. (2562). สมุนไพรไทย สบื คน้ 6 กันยายน 2563 จาก https://atherbth.com
สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ เล่มท่ี14. (2551). สมุนไพร สืบค้น 6 กนั ยายน 2563
จาก http://saranukromthai.or.th

24

ภาคผนวก

25

แบบสอบถาม เร่ืองสมนุ ไพรทีใ่ ชร้ ักษาโรค

ข้อที่ หวั ข้อสอบถาม 54321
1 สมุนไพรสามารถใช้รกั ษาโรคไดจ้ ริง
2 สมุนไพรแต่ละชนิดมสี รรพคุณท่ีแตกตา่ งกนั
3 สมนุ ไพรสามารถนามาประกอบอาหารได้
4 สมนุ ไพรหาได้งา่ ยตามท้องถิน่
5 สมนุ ไพรบางชนดิ รกั ษาได้เฉพาะโรค


Click to View FlipBook Version