TH ความเป็นไทย
ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีบุญบั้งไฟ
BY นางสาว บุ ษราภรณ์ หาเรือนบุ ญ ณ ยโสธรและจังหวัดอื่นๆ
ประเพณีหนึ่งของภาคอีสานของประเทศไทย ตลอดจน ประเทศ
ลาว
PAGE 1 ป ร ะ เ พ ณี บุ ญ บั้ง ไ ฟ
ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสาน
ของไทยรวมไปถึงลาว โดยมีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้าน
ของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่
ซึ่งในนิทางพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้
จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชา พระยาแถน หรือ
เทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยา
แถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และ
มีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัด
ทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตาม
ฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ ช่วงเวลา
ของประเพณีบุญบั้งไฟคือเดือนหกหรือพฤษภาคมของ
ทุกปี
ความเชื่อของชาวบ้านกับ
ประเพณีบุญบั้งไฟ
ชาวบ้านเชื่อว่ามีโลกมนุษย์ และโลกเทมนุษย์อยู่ใต้
อิทธิพลของเทวดา การรำผีฟ้าเป็นตัวอย่างที่แสดงออก
ทางด้านการนับถือเทวดา และเรียกเทวดาว่า “แถน” เมื่อ
ถือว่ามีแถนก็ถือว่า ฝน ฟ้า ลม เป็นอิทธิพลของแถน หาก
ทำให้แถนโปรดปราน มนุษย์ก็จะมีความสุข ดังนั้นจึงมี
พิธีบูชาแถน การจุดบั้งไฟก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดง
ความเคารพหรือส่งสัญญาณความภักดีไปยังแถน ชาว
อีสานจำนวนมากเชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอฝนจาก "Traditions of Isaan Bun Bang Fai"
พญาแถน และมีนิทานปรัมปราเช่นนี้อยู่ทั่วไป แต่ความ
เชื่อนี้ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน นอกจากนี้ใน
วรรณกรรมอีสานยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ เรื่องพญา
คันคาก หรือคางคก พญาคันคากได้รบกับพญาแถนจน
ชนะแล้วให้พญาแถนบันดาลฝนลงมาตกยังโลกมนุษย์
ความหมายของ ส่วนคำว่า บ้อง หมายถึง สิ่งของใดๆ
บั้งไฟ ก็ได้ที่มี 2 ชิ้น มาสวมหรือประกอบเข้า
กันได้ ส่วนนอกเรียกว่า บ้อง ส่วนใน
คำว่า “บั้งไฟ” ในภาษาถิ่นอีสานมักจะ หรือสิ่งที่เอาไปสอดใสจะเป็นสิ่งใดก็ได้
สับสนกับคำว่า “บ้องไฟ” แต่ที่ถูกนั้น เช่น บ้องมีด บ้องขวาน บ้องเสียม
ควรเรียกว่า”บั้งไฟ”ดังที่ เจริญชัย ดง บ้องวัว บ้องควาย ดังนั้น คำว่า บั้งไฟ
ไพโรจน์ ได้อธิบายความแตกต่างของ ในภาษาถิ่นอีสานจึงเรียกว่า บั้งไฟ ซึ่ง
คำทั้งสองไว้ว่า บั้งหมายถึง สิ่งที่ หมายถึงดอกไม้ไฟชนิดหนึ่ง มี
เป็นกระบอก เช่น บั้งทิง สำหรับใส่น้ำ หางยาวเอาดินประสิวมาคั่วกับถ่านไม้
ดื่ม หรือบั้งข้าวหลาม เป็นต้น ตำให้เข้ากันจนละเอียดเรียกว่า หมื่อ
(ดินปืน)
ประเพณีบุ ญบั้งไฟ PAGE 2
ในทางศาสนาพุทธกับ
ประเพณีบุญบั้งไฟ
มีการฉลองและบูชาในวัน
วิสาขบูชากลางเดือนหก มี
การทำดอกไม้ไฟในแบบ
ต่างๆ ทั้งไฟน้ำมัน ไฟธูป
เทียนและดินประสิว มีการทำ
ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
บั้งไฟแต่ละอันที่มาเข้าขบวน
แห่ จะถูกตกแต่งประดับ
ประดาอย่างสวยงามด้วย
ลวดลายไทยสีทอง ว่ากันว่า
ศิลปะการตกแต่งบั้งไฟนี้
นายช่างจะต้องสับและตัด
ลวดลายต่างๆ นี้ไว้เป็นเวลา
นานเป็นเดือน แล้วจึงนำมา
ทากาวติดกับลูกบั้งไฟ
PAGE 3 ประเพณีบุญบั้งไฟ
ส่วนประกอบของบั้งไฟ
เลาบั้งไฟ เลาบั้งไฟคือส่วนประกิบที่
ทำหน้าที่บรรจุดินปืน มีลักษณะเป็น
รูปทรงกระบอกกลมยาว มีความยาว
ประมาณ 1.5 - 7 เมตร ทำด้วยลำไม้
ไผ่เล้วใช้ร้วไม้ไผ่ (ตอก) ปิดเป็นเกลียว
เชือกพันรอบเลาบั้งไฟอีกครั้งหนึ่งให้
แน่น และใช้ดินปืนที่ชาวบ้านเรียก
ว่า"หมือ" อัดให้แน่นลงไปในเลาบั้งไฟ
ด้วยวิธีใช้สากตำแล้วเจาะรูสายชนวน
เสร็จแล้วนำเลาบั้งไฟ ไปมัดเข้ากับ
ส่วนหางบั้งไฟ ในสมัดต่อมานิยมนำ
วัสดุอื่ นมาใช้เป็นเลาบั้งไฟแทนไม้ไผ่
ได้แก่ ท่อเหล็ก ท่อพลาสติก เป็นต้น
เรียกว่าเลาเหล็กซึ่งสามารถอัดดินปืน
ได้แน่นและมีประสิทธิภาพในการยิงได้
สูงกว่า
คำว่า “บั้งไฟ” ในภาษาถิ่นอีสานมักจะสับสนกับคำ
ว่า “บ้องไฟ” แต่ที่ถูกนั้นควรเรียกว่า”บั้งไฟ”
หางบั้งไฟ หางบั้งไฟถือเป็นส่วนสำคัญทำ ลูกบั้งไฟ เป็นลำไม้ไผ่ที่นำมาประกอบเลา
หน้าที่คล้ายหางเสือ ของเรือคือสร้าง บั้งไฟโดยมัดรอบลำบั้งไฟ บั้งไฟลำหนึ่งจะ
ความสมดุลย์ให้กับบั้งไฟคอยบังคับ ประกอบด้วยลูกบั้งไฟประมาณ 8-15 ลูก
ทิศทางบั้งไฟให้ยิงขึ้นไปในทิศทางตรง ขึ้นอยู่กับขนาดของบั้งไฟ เดิมลูกบั้งไฟมี
และสูง บั้งไฟแบบเดิมนั้น ทำจากไม้ไผ่ทั้ง แปดลูกมีชื่อเรียกเรียงตามลำดับคู่ขนาด
ลำ ต่อมาพัฒนาเป็นหางท่อนเหล็กและ ใหญ่ไปหาคู่ที่มีขนาดเล็กกว่าได้แก่ ลูกโอ้
หางท่อนไม้ไผ่ติดกันหางท่อนเหล็กมี
ลักษณะเป็นท่อนกลม ทรงกระบอกมี ลูกกลาง ลูกนางและลูกก้อย ลูกบั้งไฟ
ความยาวประมาณ 8-12 เมตร ทำหน้าท่ ช่วยให้รูปทรงของบั้งไฟกลมเรียว
เป็นคานงัดยกลำตัวบั้งไฟชูโด่งชี้เอียงไป สวยงาม นอกจากนี้ลูกบั้งไฟยังเป็นพื้น
ข้างหน้าทำมุมประมาณ 30-40 องศากับ ผิวรองรับการเอ้หรือการตกแต่งลวดลาย
พื้นดิน โดยบั้งไฟจะยื่นไปข้างหน้ายาว
ประมาณ 7-8 เมตร ปลายหางด้านหนึ่ง ปะติดกระดาษ
ตั้งอยู่บนฐานที่ตั้งบั้งไฟ
PAGE 4 ประเพณีบุญบั้งไฟ
ประเพณีบุญ นิยมทำกันในเดือนหก ถือเป็นประเพณีสำคัญที่จะขาดไม่ได้ เพราะ
บั้งไฟ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ชาวอีสานมีความเชื่อว่า ถ้าปีใดไม่จัด
งานบุญบั้งไฟ ฟ้าฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้ง
ไม่มีน้ำทำนา แต่ถ้าปีใดจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ฟ้าฝนก็จะตกต้อง
ตามฤดูกาล เกิดความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย งานบุญบั้งไฟ
จึงถือเป็นงานประเพณี ประจำปีที่สำคัญของชาวอีสาน พอใกล้ถึง
วันงานชาวอีสานไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะกลับบ้านไปร่วมงานบุญบั้งไฟ
ซึ่งเป็นงานที่สร้างความรักความสามัคคีของคนท้องถิ่นเป็นอย่างดี
PAGE 5 ป ร ะ เ พ ณี บุ ญ บั้ง ไ ฟ
พญาคันคาก เป็นพระโพธิสัตว์ เสวยชาติเป็นโอรสของ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก"
กษัตริย์ เหตุที่ได้ชื่อว่า “พญาคันคาก” เป็นเพราะเมื่อครั้ง
ประสูติมีรูปร่างผิวพรรณเหมือนคางคก หรือที่ชาวอีสาน
เรียกกันว่า คันคาก และถึงแม้พระองค์จะมีรูปร่าง
อัปลักษณ์ แต่พระอินทร์ก็คอยช่วยเหลือ จนพญาคันคา
กเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน จนลืมที่จะเซ่นบูชา
พญาแถน พญาแถนจึงโกรธ ไม่ยอมปล่อยน้ำฝนให้
ตกลงมายังโลกมนุษย์
ตำนาน พระยาคันคาก
และ พญาแถน
ในงานบุญบั้งไฟ
จึงเกิดศึกการต่อสู้ระหว่างพญาคันคากและพญาแถน
ขึ้น โดยพญาคันคากได้นำทัพสัตว์ต่างๆ ขึ้นไปรบ จนได้
รับชัยชนะ พญาแถนจึงปล่อยให้ฝนตกลงมาเช่นเดิม แต่
มีข้อแม้ว่าจะต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาเป็นประจำทุกปี จึง
เป็นที่มาว่า ชาวอีสานจึงทำบั้งไฟจุดขึ้นบนฟ้าถวายพญา
แถน เพื่อฝนจะได้ตกต้องตามฤดูกาลนั่นเอง
การจัดงานปนะเพณี สำหรับประเพณีบุญบั้งไฟในภาค
บุญบั้งไฟ กลางนั้น มีการจัดงานในพื้นที่ของ
อำเภอแม่เปิน นครสวรรค์ และอำเภอ
นั้น ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในภาคอีสาน ลานสัก อุทัยธานี เนื่องจากชาวบ้านใน
โดยมีหลายที่ทั้ง ยโสธร ร้อยเอ็ด พื้นที่ 85% เป็นชาวอีสานที่ได้ย้าย
กาฬสินธุ์ อุดรธานี หนองคาย ถิ่นฐานมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม
มหาสารคาม ศรีสะเกษหนองบัวลำภู และได้นำวัฒนธรรมประเพณีบุญ
เลย อำนาจเจริญ นอกจากนี้แล้วใน บั้งไฟและความเชื่อเรื่องพญาแถน
พื้นที่ภาคเหนือ มีการจัดงานประเพณี ติดตัวมาด้วยนั่นเอง
บุญบั้งไฟ ของ ตำบลพุเตย อำเภอ
วิเชียรบุรี เพชรบูรณ์ อีกด้วค่ะ
เนื่องจากประชากรในเขตพื้นที่ส่วน
ใหญ่ อพยพมาจากเขตภาคอีสาน