ใบความร้ทู ี่ 2 วิชาดนตรี
เรื่อง ศัพท์สังคีต (ศ 2.1 ป.6/1) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ศัพท์สังคีต หมายถึง ภาษาเฉพาะท่ีใช้พูดกันในวงการดนตรี ซ่ึงเป็นท่ีรู้กันว่าหมายความถึงอะไร หรือให้
ปฏิบตั อิ ยา่ งไร เช่น กรอ กวาด ขบั ครวญ เดี่ยว เอ้ือน เถา ขยี้ ทอด โอด คลอ คร่อม เพ้ยี น ลูกล้อ ตบั ทอ่ น
กรอ เป็นวธิ ีบรรเลงเคร่ืองดนตรีประเภทตี (เช่น ระนาด ฆอ้ งวง) ซ่งึ ใชว้ ธิ ตี ี ๒ มอื สลบั กันถ่ี ๆ เหมือน
รวั เสยี งเดียว แตท่ ง้ั สองมือมไิ ดต้ ีอยู่ท่เี ดียวกัน มกั จะตเี ป็นคู่ 2, คู่ 3, คู่ 4, คู่ 5, คู่ 6 และคู่ 8
กวาด เป็นวิธีที่ใช้เล่นเคร่ืองดนตรีประเภทตีดาเนินทานอง เช่นระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่
ฆอ้ งวงเลก็ โดยใชห้ ัวไมต้ ีลากไปบนเครือ่ งดนตรีโดยเรว็ เพ่อื ไล่ระดับเสยี งจากต่าไปจนถึงเสยี งสงู
เก็บ คือวิธีการบรรเลงเคร่ืองดนตรีดาเนินทานองที่เพ่ิมเติมเสียงสอดแทรกให้มีพยางค์ถี่ขึ้นมากกว่า
ทานองเนื้อเพลงธรรมดา
ขับ หมายถงึ การเปล่งเสียงออกมาเป็นทานอง แต่ทานองทีว่ ่านั้นมักมีความยาวไม่แน่นอน จะยักเย้ือง
ใหช้ ้าบ้างเร็วไปบ้าง เพอ่ื ให้เกดิ ความไพเราะ เช่น ขับเสภา
ครวญ เป็นวิธรี อ้ งอย่างหนง่ึ ซ่ึงสอดแทรกเสียงเอ้ือนยาว ๆ ใชเ้ พ่ือสอื่ ถงึ อารมณ์โศกเศร้าเสียใจ
เด่ียว เป็นวิธีการบรรเลงเครื่องดนตรีประเภทดาเนนิ ทานองอย่างเดียว เช่น ระนาด ฆ้องวง จะเข้ ซอ
ซง่ึ อาจมี ฉ่ิง ฉาบ กรบั โหมง่ โทน-รามะนา กลองแขกประกอบจังหวะด้วย
เออื้ น ในการขับรอ้ ง คือ การรอ้ งเป็นทานองโดยใชเ้ สียงเปลา่ ไม่มีถ้อยคา เสียงคลา้ ยสระเออ
เถา หมายถึง บทเพลงเดียวกันแตจ่ ะมอี ัตราจงั หวะลดหลนั่ กนั ไป คอื อัตราจงั หวะสามชน้ั สองช้นั และ
ชน้ั เดยี ว โดยบรรเลงติดต่อกนั
ขย้ี เป็นการบรรเลงทีเ่ พ่ิมเติมเสยี งแทรกแซงให้มีพยางค์ถ่ีขึ้นกว่าการบรรเลงปกติ ให้เรว็ ขน้ึ เป็นหลาย
คร้งั ในเวลาเทา่ เดมิ
ทอด หมายถึง การผอ่ นจังหวะให้ช้าลง เพอ่ื จะจบทอ่ นหรอื จบเพลงได้อยา่ งไพเราะ
โอด การดาเนินทานองเพลงซง่ึ ดาเนินไปโดยแช่มช้า โหยหวน อ่อนหวาน หรือโศกซ้ึง เป็นการดาเนนิ
ทานองในระดับเสยี งสูง
คลอ หมายถึง การบรรเลงไปพร้อมๆ กันกับการขับร้อง โดยผู้บรรเลงต้องบรรเลงเคร่ืองดนตรีให้
ทานองและเสียงตรงกับผขู้ ับร้อง
ครอ่ ม การบรรเลงทานองหรือบรรเลงเคร่อื งประกอบจังหวะ หรอื ร้องดาเนินไปโดยไม่ตรงกับจังหวะที่
ถูกต้อง ซงึ่ กระทาไปโดยไม่มีเจตนา และถือว่าเปน็ การกระทาทีผ่ ดิ เรยี กอย่างเต็มวา่ “คร่อมจังหวะ”
เพ้ียน คือ เสียงท่ีไม่ตรงกับระดับที่ถูกต้อง ไม่ว่าเสียงร้องหรือเสียงดนตรี ถ้าหากว่าไม่ตรงกับระดับ
เสยี งทถี่ กู ต้องแล้ว ไม่วา่ จะสงู ไปหรือต่าไป แมแ้ ตเ่ พยี งเล็กนอ้ ยกเ็ รยี กว่า "เพีย้ น"
ลกู ลอ้ เป็นวิธีบรรเลงทานองทแี่ บ่งเครื่องดนตรี (หรือรอ้ ง) ออกเป็น 2 พวก คอื พวกหน้าและพวกหลัง
โดยผลัดกันบรรเลงคนละที โดยพวกหน้าบรรเลงไปเป็นทานองอย่างใด พวกหลังก็จะบรรเลงเป็นทานองซ้า
อยา่ งเดยี วกันกบั พวกหน้า
ตับ คือ เพลงท่มี าเรยี บเรียงเข้าเปน็ ชดุ นามาบรรเลงหรือบรรเลงร้องต่อเนอื่ งกัน แบ่งเปน็ 2 ชนิด คอื
ตับเรื่องและตับเพลง
ท่อน คือ การกาหนดส่วนใหญ่ส่วนหนึ่ง ๆ ซึ่งแบ่งออกจากเพลง โดยปกติเมื่อบรรเลงเพลงใดก็ตาม
หากจบท่อนหน่ึง ๆ แลว้ มกั จะกลบั ต้นแล้วบรรเลงซ้าทอ่ นน้นั อกี ครงั้ หน่งึ
ใบงำนที่ 2 ช่อื -นำมสกุล......................................................................ชัน้ ป.6/.............เลขท.ี่ ................
เร่อื ง ศพั ท์สังคตี (ศ 2.1 ป.6/1)
คำช้ีแจง ให้นักเรยี นศึกษาใบความรู้เรื่องศัพท์สังคีต แล้วฟังเพลงลาวดวงเดือน โดยคน้ หาจากเวบ็ ไซตย์ ูทปู
แล้วตอบคาถามลงในแบบบนั ทึก
แบบบนั ทกึ กำรฟงั เพลง
1. เพลงนม้ี จี ังหวะเปน็ อย่างไร
............................................................................................................................. ...............
................................................................................................................... .........................
2. นักเรยี นฟงั ทานองเพลงนี้แลว้ รู้สกึ อย่างไร
............................................................................................................................. ...............
............................................................................................................................................
3. เพลงนมี้ กี ารประสานเสียงหรอื ไม่ ถา้ มกี ารประสานเสียงเปน็ อยา่ งไร
.......................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ...............
4. เพลงนม้ี คี วามหมายเก่ยี วกับสิ่งใด
............................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............
5. เสยี งของผขู้ บั ร้องเป็นอยา่ งไร
............................................................................................................................. ...............
............................................................................................................................................
6. เพลงนี้มกี ารใช้ศัพทส์ งั คตี หรือไม่ ถา้ มีศัพท์สงั คตี ท่ใี ชม้ ีอะไรบา้ ง
.......................................................................................................................... ..................
............................................................................................................................. ...............