1
ประวตั ิความเป็นมาของโรงเรยี น มอ.วิทยานุสรณ์
พ.ศ. 2544 ซง่ึ เป็นช่วงท่ี รองศาสตราจารยป์ ระเสรฐิ ชติ พงศ์ ดารงตาแหน่งอธกิ ารบดี
ดารใิ หศ้ กึ ษาความเป็นไปได้ในการทจ่ี ะตงั้ โรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาขน้ึ ท่ี มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
วทิ ยาเขตหาดใหญ่
16-17 กุมภาพนั ธ์ 2547 มหาวทิ ยาลยั จดั เสวนาระดมความคดิ เหน็ การจดั ตงั้ โรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา
ขน้ึ ทว่ี ทิ ยาเขตหาดใหญโ่ ดยมผี ทู้ รงคุณวุฒจิ ากสภามหาวทิ ยาลยั และจากภายนอกเขา้ รว่ มสมั มนา และให้
ขอ้ คดิ เหน็ ทม่ี คี วามสาคญั ยงิ่ ตอ่ การจดั ตงั้ โรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
11 ธนั วาคม 2547 สภามหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ในคราวประชุมครงั้ ท่ี 276(9/2547) ใหค้ วาม
เหน็ ชอบใหม้ หาวทิ ยาลยั จดั ตงั้ มลู นิธเิ พอ่ื การศกึ ษาโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ เพอ่ื เป็นผดู้ าเนินการขอ
อนุญาตจดั ตงั้ โรงเรยี น
17 ธนั วาคม 2547 มลู นธิ เิ พ่อื การศกึ ษาโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ ไดร้ บั ใบอนุญาตจดั ตงั้ มลู นธิ ฯิ
จากมลู นิธจิ งั หวดั สงขลา
26 มกราคม 2548 มลู นิธฯิ ไดร้ บั อนุญาตใหด้ าเนินกจิ การโรงเรยี น
16 พฤษภาคม 2548 เปิดรบั นกั เรยี นรนุ่ แรกชนั้ ม.1 และ ม.4
14 พฤษภาคม 2550 โรงเรยี นรบั นกั เรยี น ครบทกุ ระดบั ชนั้
26 มกราคม 2558 วนั สถาปนาโรงเรยี น
สถานภาพของโรงเรยี น มอ.วิทยานุสรณ์
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ เป็นผจู้ ดทะเบยี นจดั ตงั้ มลู นธิ เิ พอ่ื การศกึ ษาโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
โดยคาแนะนาของสภามหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
มลู นิธเิ พอ่ื การศกึ ษาโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ เป็นผรู้ บั ใบอนุญาตจดั ตงั้ โรงเรยี น ดงั นนั้ โรงเรยี น
มอ.วทิ ยานุสรณ์จงึ เป็นโรงเรยี นเอกชน ภายใตก้ ารกากบั ดแู ลของมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
ปณิ ธาน
หล่อหลอมเยาวชนไทยใหเ้ ตบิ โตเป็นผใู้ หญ่ทม่ี คี วามคดิ แบบวทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม
พรอ้ มดว้ ยสุนทรยี ภาพแหง่ ชวี ติ ไมเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ่นื ยงั ประโยชน์ตอ่ ครอบครวั และสงั คม
ปรชั ญา
ขอใหถ้ อื ประโยชน์สว่ นตวั เป็นทส่ี อง ประโยชน์ของเพอ่ื นมนุษยเ์ ป็นกจิ ทห่ี น่งึ
คติพจน์
อนาคตยงั่ ยนื ดว้ ยปัญญา
2
ช่อื ตราสญั ลกั ษณ์ ตราประจาโรงเรยี น ดอกไม้ และสขี องโรงเรยี น
ช่อื เป็นภาษาไทย โรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
ช่อื เป็นภาษาองั กฤษ PSU.WITTAYANUSORN SCHOOL
เปิดสอนประเภท สามญั ศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษา
ตราสญั ลกั ษณ์ของโรงเรยี น
พระพิชยั มงกฎุ คอื ศริ าภรณ์ ซง่ึ เป็นสญั ลกั ษณ์สาคญั แสดงวา่ ทรงเป็น
จกั รี พระมหากษตั รยิ ์
ม อ ไขว้ คอื ตราเคร่อื งหมายประจาพระบรมราชวงศจ์ กั รี ซง่ึ เป็น
พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ ประเทศไทย
คอื อกั ษรย่อมาจากพระนามเดมิ ของสมเดจ็
พระมหติ ลาธเิ บตอดุลยเดชวกิ รมพระบรมราชชนก เจา้
ฟ้า “มหดิ ลอดลุ ยเดช”
สงขลานครินทร์ คอื พระนามฐานนั ดรศกั ดทิ ์ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาใหส้ มเดจ็
พระเจา้ ลกู ยาเธอเจา้ ฟ้ามหดิ ลอดุลยเดช
ดารงพระอสิ รยิ ศกั ดเิ ์ป็นเจา้ ฟ้าตา่ งกรม โดย
พระราชทานชอ่ื “สงขลานครนิ ทร”์ เพอ่ื เป็นเกยี รตแิ ก่
เมอื งสงขลา เมอ่ื พ.ศ. 2446 เสมอื นเป็นเจา้ แห่งนคร
สงขลา
เป็นโรงเรยี นทจ่ี ดั ตงั้ โดยมลู นิธเิ พ่อื การศกึ ษาโรงเรยี น
โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ มอ.วทิ ยานุสรณ์ ภายใตก้ ารสนบั สนุนของ
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
ตราของโรงเรยี นคอื ...อกั ษร ม อ ว ในวงกลม อกั ษรย่อวา่ มอ.ว.
3
สีประจาโรงเรียน
น้าเงนิ -เทา
ต้นไม้และดอกไม้ประจาโรงเรียน
ตน้ ศรตี รงั (Jacaranda filicifolia (Anders) D.Don) และดอกศรตี รงั
มูลนิธิเพ่อื การศึกษาโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์
วตั ถปุ ระสงคข์ องมูลนิธิ
1. เพอ่ื สง่ เสรมิ การดาเนินงานตามโครงการจดั ตงั้ โรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
2. เพอ่ื สง่ เสรมิ กจิ การของโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ ในดา้ นการเงนิ และนโยบาย
3. เพอ่ื ช่วยเหลอื สนบั สนุนการศกึ ษานกั เรยี นโรงเรยี นมอ.วทิ ยานุสรณ์ ทก่ี าลงั ศกึ ษาอย่รู วมทงั้ ผทู้ จ่ี บ
การศกึ ษาจากโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ แลว้ และมจี ติ ศรทั ธา ตงั้ ใจขวนขวายศกึ ษาตอ่ ในสถาบนั
วชิ าชพี ทส่ี งู กว่า ตามหลกั เกณฑท์ ค่ี ณะกรรมการมลู นธิ จิ ะกาหนด
4. เพอ่ื รว่ มมอื ร่วมกจิ กรรมกงั องคก์ ร สถาบนั อน่ื ทม่ี วี ตั ถุประสงคค์ ลา้ ยคลงึ กนั เพอ่ื
สาธารณประโยชน์
5. ไม่ดาเนินการเกย่ี วขอ้ งกบั การเมอื งแตป่ ระการใด
4
มาตรฐานวิชาชีพครู จากเวบ็ ไซตค์ รุ สุ ภา ณ วนั ที่ 17 กมุ ภาพนั ธ์ 2558
30 มิถนุ ายน 2556
มาตรฐานวชิ าชพี ครู ประกอบดว้ ยมาตรฐาน 3 ดา้ น คอื มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณ์วชิ าชพี มาตรฐานการ
ปฏบิ ตั งิ าน และมาตรฐานการปฏบิ ตั ติ น (จรรยาบรรณของวชิ าชพี )
โดยจรรยาบรรณของวชิ าชพี ไดม้ กี ารกาหนดแบบแผนพฤตกิ รรมตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี เพอ่ื ประมวล
พฤตกิ รรมทเ่ี ป็นตวั อยา่ งของการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ประกอบดว้ ย พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ และพฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์
มาตรฐานความรแู้ ละประสบการณ์วชิ าชพี มาตรฐานประสบการณ์วชิ าชพี
มาตรฐานความรู้ ผา่ นการปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาตาม
หลกั สตู รปรญิ ญาทางการศกึ ษาเป็นเวลาไม่
มคี ุณวฒุ ไิ มต่ ่ากวา่ ปรญิ ญาตรที างการศกึ ษา น้อยกวา่ 1 ปี และผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
หรอื เทยี บเทา่ หรอื คุณวฒุ อิ ่นื ทค่ี รุ สุ ภารบั รอง ปฏบิ ตั กิ ารสอนตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และ
โดยมคี วามรู้ ดงั ตอ่ ไปน้ี เงอ่ื นไขทค่ี ณะกรรมการคุรุสภากาหนด
ดงั ต่อไปน้ี
1. ภาษาและเทคโนโลยสี าหรบั ครู
2. การพฒั นาหลกั สตู ร 1. การฝึกปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี ระหวา่ งเรยี น
3. การจดั การเรยี นรู้ 2. การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษาใน
4. จติ วทิ ยาสาหรบั ครู สาขาวชิ าเฉพาะ
5. การวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา
6. การบรหิ ารจดั การในหอ้ งเรยี น
7. การวจิ ยั ทางการศกึ ษา
8. นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทาง
การศกึ ษา
9. ความเป็นครู
5
มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ
1. ภาษาและเทคโนโลยี
สาหรบั ครู 1. ภาษาไทยสาหรบั ครู 1. สามารถใชท้ กั ษะในการฟัง การพดู การ
2. การพฒั นาหลกั สตู ร
2. ภาษาองั กฤษหรอื ภาษาต่างประเทศอ่นื ๆ อา่ น การเขยี นภาษาไทย เพ่อื การส่อื
3. การจดั การเรยี นรู้
สาหรบั ครู ความหมายไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
4. จติ วทิ ยาสาหรบั ครู
3. เทคโนโลยสี ารสนเทศสาหรบั ครู 2. สามารถใชท้ กั ษะในการฟัง การพดู การ
อา่ น การเขยี นภาษาองั กฤษ หรอื
ภาษาต่างประเทศอ่นื ๆ เพอ่ื การสอ่ื
ความหมายไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. สามารถใชค้ อมพวิ เตอรข์ นั้ พน้ื ฐาน
1. ปรชั ญา แนวคดิ ทฤษฎกี ารศกึ ษา 1. สามารถวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร
2. ประวตั คิ วามเป็นมาและระบบการจดั 2. สามารถปรบั ปรุงและพฒั นาหลกั สตู รได้
การศกึ ษาไทย อย่างหลากหลาย
3. วสิ ยั ทศั น์และแผนพฒั นาการศกึ ษาไทย 3. สามารถประเมนิ หลกั สตู รไดท้ งั้ ก่อนและ
4. ทฤษฎหี ลกั สตู ร หลงั การใชห้ ลกั สตู ร
5. การพฒั นาหลกั สตู ร 4. สามารถจดั ทาหลกั สตู ร
6. มาตรฐานและมาตรฐานช่วงชนั้ ของ
หลกั สตู ร
7. การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
8. ปัญหาและแนวโน้มในการพฒั นาหลกั สตู ร
1. ทฤษฎกี ารเรยี นรแู้ ละการสอน 1. สามารถนาประมวลรายวชิ ามาจดั ทา
2. รปู แบบการเรยี นรแู้ ละการพฒั นารปู แบบ แผนการเรยี นรรู้ ายภาค และตลอดภาค
การเรยี นการสอน 2. สามารถออกแบบการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสม
3. การออกแบบและการจดั ประสบการณ์การ กบั วยั ของผเู้ รยี น
เรยี นรู้ 3. สามารถเลอื กใช้ พฒั นา และ สรา้ งส่อื
4. การบรู ณาการเน้อื หาในกลมุ่ สาระ การ อุปกรณ์ทส่ี ่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น
เรยี นรู้ 4. สามารถจดั กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ การเรยี นรู้
5. การบรู ณาการการเรยี นรแู้ บบเรยี นรวม ของผเู้ รยี นและจาแนกระดบั การเรยี นรขู้ อง
6. เทคนิคและวทิ ยาการจดั การเรยี นรู้ ผเู้ รยี นจากการประเมนิ ผล
7. การใชแ้ ละการผลติ สอ่ื และการพฒั นา
นวตั กรรมในการเรยี นรู้
8. การจดั การเรยี นรแู้ บบยดึ ผเู้ รยี นเป็น
สาคญั
9. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
1. จติ วทิ ยาพน้ื ฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พฒั นาการ 1. เขา้ ใจธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น
มนุษย์ 2. สามารถช่วยเหลอื ผเู้ รยี นใหเ้ รยี นรแู้ ละ
2. จติ วทิ ยาการศกึ ษา พฒั นาไดต้ ามศกั ยภาพของตน
3. จติ วทิ ยาการแนะแนวและใหค้ าปรกึ ษา 3. สามารถใหค้ าแนะนาชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นใหม้ ี
คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ
4. สามารถสง่ เสรมิ ความถนัดและความ
สนใจของผเู้ รยี น
มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ
6
5. การวดั และ 1. หลกั การและเทคนิคการวดั และ 1. สามารถวดั และประเมนิ ผลได้ ตามสภาพ
ประเมนิ ผลการศกึ ษา ประเมนิ ผลทางการศกึ ษา ความเป็นจรงิ
2. การสรา้ งและการใชเ้ ครอ่ื งมอื วดั ผล และ 2. สามารถนาผลการประเมนิ ไปใช้ ในการ
6. การบรหิ ารจดั การใน ประเมนิ ผลการศกึ ษา ปรบั ปรุงการจดั การเรยี นรแู้ ละหลกั สตู ร
หอ้ งเรยี น 3. การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
4. การประเมนิ จากแฟ้มสะสมงาน 1. มภี าวะผนู้ า
7. การวจิ ยั ทาง 5. การประเมนิ ภาคปฏบิ ตั ิ 2. สามารถบรหิ ารจดั การในชนั้ เรยี น
การศกึ ษา 6. การประเมนิ ผลแบบย่อยและแบบรวม 3. สามารถส่อื สารไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ
4. สามารถในการประสานประโยชน์
1. ทฤษฎแี ละหลกั การบรหิ ารจดั การ 5. สามารถนานวตั กรรมใหม่ๆ มาใชใ้ นการ
2. ภาวะผนู้ าทางการศกึ ษา บรหิ ารจดั การ
3. การคดิ อย่างเป็นระบบ
4. การเรยี นรวู้ ฒั นธรรมองคก์ ร 1. สามารถนาผลการวจิ ยั ไปใชใ้ นการจดั การ
5. มนุษยสมั พนั ธใ์ นองคก์ ร เรยี นการสอน
6. การตดิ ตอ่ สอ่ื สารในองคก์ ร 2. สามารถทาวจิ ยั เพ่อื พฒั นาการเรยี นการ
7. การบรหิ ารจดั การชนั้ เรยี น สอนและพฒั นาผเู้ รยี น
8. การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา
9. การทางานเป็นทมี
10. การจดั ทาโครงงานทางวชิ าการ
11. การจดั โครงการฝึกอาชพี
12. การจดั โครงการและกจิ กรรมเพ่อื พฒั นา
13. การจดั ระบบสารสนเทศ เพอ่ื การบรหิ าร
จดั การ
14. การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาชมุ ชน
1. ทฤษฎกี ารวจิ ยั
2. รปู แบบการวจิ ยั
3. การออกแบบการวจิ ยั
4. กระบวนการวจิ ยั
5. สถติ เิ พอ่ื การวจิ ยั
6. การวจิ ยั ในชนั้ เรยี น
7. การฝึกปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั
8. การนาเสนอผลงานวจิ ยั
9. การคน้ ควา้ ศกึ ษางานวจิ ยั ในการพฒั นา
กระบวนการจดั การเรยี นรู้
10. การใชก้ ระบวนการวจิ ยั ในการแกป้ ัญหา
11. การเสนอโครงการเพ่อื ทาวจิ ยั
มาตรฐานความรู้ สาระความรู้ สมรรถนะ
7
8. นวตั กรรมและ 1. แนวคดิ ทฤษฎี เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม 1. สามารถเลอื กใช้ ออกแบบ สรา้ ง และ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ การศกึ ษาทส่ี ง่ เสรมิ การพฒั นาคณุ ภาพการ ปรบั ปรงุ นวตั กรรมเพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น เกดิ การ
ทางการศกึ ษา เรยี นรู้ เรยี นรทู้ ด่ี ี
2. เทคโนโลยแี ละสารสนเทศ 2. สามารถพฒั นาเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ
9. ความเป็นครู 3. การวเิ คราะหป์ ัญหาทเ่ี กดิ จากการใช้ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรทู้ ด่ี ี
นวตั กรรมเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ 3. สามารถแสวงหาแหล่งเรยี นรทู้ ่ี
4. แหลง่ การเรยี นรแู้ ละเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ หลากหลายเพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ของ
5. การออกแบบ การสรา้ ง การนาไปใชก้ าร ผเู้ รยี น
ประเมนิ และการปรบั ปรงุ นวตั กรรม
1. รกั เมตตา และปรารถนาดตี อ่ ผเู้ รยี น
1. ความสาคญั ของวชิ าชพี ครู บทบาท 2. อดทนและรบั ผดิ ชอบ
หน้าท่ี ภาระงานของครู 3. เป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรแู้ ละ เป็นผนู้ า
2. พฒั นาการของวชิ าชพี ครู ทางวชิ าการ
3. คุณลกั ษณะของครทู ด่ี ี 4. มวี สิ ยั ทศั น์
4. การสรา้ งทศั นคตทิ ด่ี ตี ่อวชิ าชพี ครู 5. ศรทั ธาในวชิ าชพี ครู
5. การเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพและสมรรถภาพ 6. ปฏบิ ตั ติ ามจรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู
ความเป็นครู
6. การเป็นบุคคลแห่งการเรยี นรแู้ ละ การ
เป็นผนู้ าทางวชิ าการ
7. เกณฑม์ าตรฐานวชิ าชพี ครู
8. จรรยาบรรณของวชิ าชพี ครู
9. กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษา
มาตรฐานประสบการณ์ สาระความรู้ สมรรถนะ
วชิ าชพี ครู 1. สามารถศกึ ษาและแยกแยะผเู้ รยี นไดต้ าม
1. การฝึกปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี 1. การบรู ณาการความรทู้ งั้ หมดมาใชใ้ นการ ความแตกตา่ งของผเู้ รยี น
ระหวา่ งเรยี น ฝึกประสบการณ์วชิ าชพี ในสถานศกึ ษา 2. สามารถจดั ทาแผนการเรยี นรู้
2. ฝึกปฏบิ ตั กิ ารวางแผนการศกึ ษาผเู้ รยี น 3. สามารถฝึกปฏบิ ตั กิ ารสอน ตงั้ แตก่ าร
2. การปฏบิ ตั กิ ารสอนใน โดยการสงั เกต สมั ภาษณ์ รวบรวมขอ้ มลู จดั ทาแผนการสอน ปฏบิ ตั กิ ารสอน
สถานศกึ ษาในสาขาวชิ า และนาเสนอผลการศกึ ษา ประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ
เฉพาะ 3. มสี ่วนรว่ มกบั สถานศกึ ษาในการพฒั นา 4. สามารถจดั ทาโครงงานทางวชิ าการ
และปรบั ปรงุ หลกั สตู ร รวมทงั้ การนา
หลกั สตู รไปใช้ 1. สามารถจดั การเรยี นรใู้ นสาขาวชิ าเฉพาะ
4. ฝึกการจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ว่ มกบั 2. สามารถประเมนิ ปรบั ปรงุ และพฒั นาการ
สถานศกึ ษา จดั การเรยี นรใู้ หเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของ
5. ฝึกปฏบิ ตั กิ ารดาเนินการจดั กจิ กรรม ผเู้ รยี น
เกย่ี วกบั การจดั การเรยี นรู้ โดยเขา้ ไป มสี ว่ น
ร่วมในสถานศกึ ษา
6. การจดั ทาโครงงานทางวชิ าการ
1. การบรู ณาการความรทู้ งั้ หมดมาใชใ้ นการ
ปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา
2. การจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรทู้ ย่ี ดึ
ผเู้ รยี นเป็นสาคญั
8
3. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 3. สามารถทาวจิ ยั ในชนั้ เรยี นเพอ่ื พฒั นา
4. การเลอื กใช้ การผลติ สอ่ื และนวตั กรรมท่ี ผเู้ รยี น
สอดคลอ้ งกบั การจดั การเรยี นรู้ 4. สามารถจดั ทารายงานผลการจดั การ
5. การใชเ้ ทคนิคและยุทธวธิ ใี นการจดั การ เรยี นรแู้ ละการพฒั นาผเู้ รยี น
เรยี นรู้
6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
7. การทาวจิ ยั ในชนั้ เรยี นเพอ่ื พฒั นาผเู้ รยี น
8. การนาผลการประเมนิ มาพฒั นา การ
จดั การเรยี นรแู้ ละพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น
9. การบนั ทกึ และรายงานผลการจดั การ
เรยี นรู้
10. การสมั มนาทางการศกึ ษา
มาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน
มาตรฐานท่ี 1 ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทางวชิ าการเกย่ี วกบั การพฒั นาวชิ าชพี ครอู ยเู่ สมอ
หมายถงึ การศกึ ษาคน้ ควา้ เพ่อื พฒั นาตนเอง การเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ และการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางวชิ าการท่ี
องคก์ ารหรอื หน่วยงาน หรอื สมาคมจดั ขน้ึ เช่น การประชุม การอบรม การสมั มนา และการประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร เป็นตน้ ทงั้ น้ี
ตอ้ งมผี ลงานหรอื รายงานทป่ี รากฏชดั เจน
มาตรฐานท่ี 2 ตดั สนิ ใจปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานึงถงึ ผลทจ่ี ะเกดิ แกผ่ เู้ รยี น
หมายถงึ การเลอื กอย่างชาญฉลาด ดว้ ยความรกั และหวงั ดตี ่อผเู้ รยี น ดงั นนั้ ในการเลอื กกจิ กรรมการเรยี นการสอนและ
กจิ กรรมอ่นื ๆ ครตู อ้ งคานงึ ถงึ ประโยชน์ทจ่ี ะเกดิ แก่ผเู้ รยี นเป็นหลกั
มาตรฐานท่ี 3 มงุ่ มนั ่ พฒั นาผเู้ รยี นไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
หมายถงึ การใชค้ วามพยายามอย่างเตม็ ความสามารถของครทู จ่ี ะใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ ใหม้ ากทส่ี ุด ตามความถนดั
ความสนใจ ความตอ้ งการ โดยวเิ คราะหว์ นิ ิจฉยั ปัญหาความตอ้ งการทแ่ี ทจ้ รงิ ของผเู้ รยี น ปรบั เปลย่ี นวธิ กี ารสอนทจ่ี ะให้
ไดผ้ ลดกี ว่าเดมิ รวมทงั้ การส่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ตามศกั ยภาพของผเู้ รยี นแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
มาตรฐานท่ี 4 พฒั นาแผนการสอนใหส้ ามารถปฏบิ ตั ไิ ดเ้ กดิ ผลจรงิ
หมายถงึ การเลอื กใช้ ปรบั ปรงุ หรอื สรา้ งแผนการสอน บนั ทกึ การสอน หรอื เตรยี มการสอนในลกั ษณะอ่นื ๆ ทส่ี ามารถ
นาไปใชจ้ ดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ใหผ้ เู้ รยี นบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องการเรยี นรู้
มาตรฐานท่ี 5 พฒั นาส่อื การเรยี นการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพอย่เู สมอ
หมายถงึ การประดษิ ฐ์ คดิ คน้ ผลติ เลอื กใช้ ปรบั ปรงุ เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ เอกสารสงิ่ พมิ พ์ เทคนคิ วธิ กี ารต่าง ๆ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น
บรรลุจุดประสงคข์ องการเรยี นรู้
มาตรฐานท่ี 6 จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยเน้นผลถาวรทเ่ี กดิ แก่ผเู้ รยี น
หมายถงึ การจดั การเรยี นการสอนทม่ี ุ่งเน้นใหผ้ เู้ รยี นประสบผลสาเรจ็ ในการแสวงหาความรู้ ตามสภาพความแตกต่างของ
บคุ คลดว้ ยการปฏบิ ตั จิ รงิ และสรปุ ความรทู้ งั้ หลายไดด้ ว้ ยตนเองก่อใหเ้ กดิ คา่ นยิ มและนสิ ยั ในการปฏบิ ตั จิ นเป็นบุคลกิ ภาพ
ถาวรตดิ ตวั ผเู้ รยี นตลอดไป
มาตรฐานท่ี 7 รายงานผลการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รยี นไดอ้ ยา่ งมรี ะบบ
9
หมายถงึ การรายงานผลการพฒั นาผเู้ รยี นทเ่ี กดิ จากการปฏบิ ตั กิ ารเรยี นการสอนใหค้ รอบคลุมสาเหตุ ปัจจยั และการ
ดาเนินงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยครนู าเสนอรายงานการปฏบิ ตั ใิ นรายละเอยี ด ดงั น้ี
1) ปัญหาความตอ้ งการของผเู้ รยี นทต่ี อ้ งไดร้ บั การพฒั นา และเป้าหมายของการพฒั นาผเู้ รยี น
2) เทคนิค วธิ กี าร หรอื นวตั กรรมการเรยี นการสอนทน่ี ามาใชเ้ พอ่ื การพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี น และขนั้ ตอนวธิ กี ารใช้
เทคนิควธิ กี ารหรอื นวตั กรรมนนั้ ๆ
3) ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตามวธิ กี ารทก่ี าหนด ทเ่ี กดิ กบั ผเู้ รยี น
4) ขอ้ เสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรบั ปรงุ และพฒั นาผเู้ รยี นใหไ้ ดผ้ ลดยี งิ่ ขน้ึ
มาตรฐานท่ี 8 ปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่างทด่ี แี กผ่ เู้ รยี น
หมายถงึ การแสดงออกการประพฤตแิ ละปฏบิ ตั ใิ นดา้ นบุคลกิ ภาพทวั่ ไป การแตง่ กาย กริ ยิ า วาจา และจรยิ ธรรมทเ่ี หมาะสม
กบั ความเป็นครอู ยา่ งสม่าเสมอ ทท่ี าใหผ้ เู้ รยี นเลอ่ื มใสศรทั ธา และถอื เป็นแบบอยา่ ง
มาตรฐานท่ี 9 ร่วมมอื กบั ผอู้ ่นื ในสถานศกึ ษาอยา่ งสรา้ งสรรค์
หมายถงึ การตระหนกั ถงึ ความสาคญั รบั ฟังความคดิ เหน็ ยอมรบั ในความรคู้ วามสามารถ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรมต่าง ๆ ของเพอ่ื นรว่ มงานดว้ ยความเตม็ ใจ เพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายของสถานศกึ ษา และรว่ มรบั ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จาก
การกระทานนั้
มาตรฐานท่ี 10 รว่ มมอื กบั ผอู้ น่ื ในชุมชนอยา่ งสรา้ งสรรค์
หมายถงึ การตระหนกั ถงึ ความสาคญั รบั ฟังความคดิ เหน็ ยอมรบั ในความรคู้ วามสามารถ ของบุคคลอน่ื ในชมุ ชน และ
ร่วมมอื ปฏบิ ตั งิ านเพอ่ื พฒั นางานของสถานศกึ ษา ใหช้ ุมชนและสถานศกึ ษามกี ารยอมรบั ซง่ึ กนั และกนั และปฏบิ ตั งิ าน
รว่ มกนั ดว้ ยความเตม็ ใจ
มาตรฐานท่ี 11 แสวงหาและใชข้ อ้ มลู ขา่ วสารในการพฒั นา
หมายถงึ การคน้ หา สงั เกต จดจา และรวบรวมขอ้ มลู ขา่ วสารตามสถานการณ์ของสงั คมทกุ ดา้ น โดยเฉพาะสารสนเทศ
เกย่ี วกบั วชิ าชพี ครู สามารถวเิ คราะห์ วจิ ารณ์อยา่ งมเี หตผุ ล และใชข้ อ้ มลู ประกอบการแกป้ ัญหา พฒั นาตนเอง พฒั นางาน
และพฒั นาสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
มาตรฐานท่ี 12 สรา้ งโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรใู้ นทกุ สถานการณ์
หมายถงึ การสรา้ งกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยการนาเอาปัญหาหรอื ความจาเป็นในการพฒั นาต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในการเรยี นและ
การจดั กจิ กรรมอ่นื ๆ ในโรงเรยี นมากาหนดเป็นกจิ กรรมการเรยี นรู้ เพ่อื นาไปสกู่ ารพฒั นาของผเู้ รยี นทถ่ี าวร เป็นแนวทาง
ในการแกป้ ัญหาของครอู กี แบบหน่งึ ทจ่ี ะนาเอาวกิ ฤตติ ่าง ๆ มาเป็นโอกาส ในการพฒั นา ครจู าเป็นตอ้ งมองมมุ ต่าง ๆ ของ
ปัญหาแลว้ ผนั มมุ ของปัญหาไปในทางการพฒั นา กาหนดเป็นกจิ กรรมในการพฒั นาของผเู้ รยี น ครจู งึ ตอ้ งเป็นผมู้ องมมุ บวก
ในสถานการณ์
ต่าง ๆ ได้ กลา้ ทจ่ี ะเผชญิ กบั ปัญหาต่าง ๆ มสี ตใิ นการแกป้ ัญหา มไิ ดต้ อบสนองปัญหาตา่ ง ๆ ดว้ ยอารมณ์หรอื แงม่ มุ แบบ
ตรงตวั ครสู ามารถมองหกั มมุ ในทกุ ๆ โอกาส มองเหน็ แนวทางทน่ี าสผู่ ลกา้ วหน้าของผเู้ รยี น
มาตรฐานการปฏบิ ตั ติ น (จรรยาบรรณของวชิ าชพี )
จรรยาบรรณต่อตนเอง
1. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งมวี นิ ยั ในตนเอง พฒั นาตนเองดา้ นวชิ าชพี บคุ ลกิ ภาพ และวสิ ยั ทศั น์ ใหท้ นั ตอ่ การ
พฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งอยเู่ สมอ
จรรยาบรรณต่อวชิ าชพี
10
2. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งรกั ศรทั ธา ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ รบั ผดิ ชอบตอ่ วชิ าชพี และเป็นสมาชกิ ทด่ี ขี ององคก์ ร
วชิ าชพี
จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ บั บรกิ าร
3. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งรกั เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ ใหก้ าลงั ใจแกศ่ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร ตาม
บทบาทหน้าทโ่ี ดยเสมอหน้า
4. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ทกั ษะ และนิสยั ทถ่ี ูกตอ้ งดงี ามแก่ศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร
ตามบทบาทหน้าทอ่ี ย่างเตม็ ความสามารถดว้ ยความบรสิ ทุ ธใิ์ จ
5. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ทงั้ ทางกาย วาจา และจติ ใจ
6. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏปิ ักษ์ต่อความเจรญิ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และ
สงั คมของศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร
7. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งใหบ้ รกิ ารดว้ ยความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไมเ่ รยี กรบั หรอื ยอมรบั ผลประโยชน์
จากการใชต้ าแหน่งหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ
จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ว่ มประกอบวชิ าชพี
8. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา พงึ ช่วยเหลอื เกอ้ื กลู ซง่ึ กนั และกนั อย่างสรา้ งสรรค์ โดยยดึ มนั ่ ในระบบคณุ ธรรม สรา้ ง
ความสามคั คใี นหมคู่ ณะ
จรรยาบรรณต่อสงั คม
9. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา พงึ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเป็นผนู้ าในการอนุรกั ษ์และพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม ศาสนา
ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญา สงิ่ แวดลอ้ ม รกั ษาผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและยดึ มนั ่ ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี
พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ
แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ
“คร”ู
จรรยาบรรณต่อตนเอง
1. ครตู อ้ งมวี นิ ยั ในตนเอง พฒั นาตนเองดา้ นวชิ าชพี บคุ ลกิ ภาพ และวสิ ยั ทศั น์ ใหท้ นั ต่อการพฒั นาทางวทิ ยาการ เศรษฐกจิ
สงั คม และการเมอื งอยเู่ สมอ โดยตอ้ งประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี ม่พงึ ประสงค์
(1) ประพฤตติ นเหมาะสมกบั สถานภาพและเป็น (1) เกย่ี วขอ้ งกบั อบายมขุ หรอื เสพสงิ่ เสพตดิ จนขาดสติ
แบบอยา่ งทด่ี ี หรอื แสดงกริ ยิ าไมส่ ภุ าพเป็นทน่ี ่ารงั เกยี จในสงั คม
(2) ประพฤตติ นเป็นแบบอย่างทด่ี ใี นการดาเนนิ ชวี ติ ตาม (2) ประพฤตผิ ดิ ทางชสู้ าวหรอื มพี ฤตกิ รรมลว่ งละเมดิ ทาง
ประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย เพศ
(3) ปฏบิ ตั งิ านตามหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ใหส้ าเรจ็ (3) ขาดความรบั ผดิ ชอบ ความกระตอื รอื รน้ ความเอาใจ
อยา่ งมคี ุณภาพตามเป้าหมายทก่ี าหนด ใส่ จนเกดิ ความเสยี หายในการปฏบิ ตั งิ านตามหน้าท่ี
(4) ศกึ ษา หาความรู้ วางแผนพฒั นาตนเอง พฒั นางาน (4) ไมร่ บั รหู้ รอื ไมแ่ สวงหาความรใู้ หม่ ๆ ในการ จดั การ
และสะสมผลงานอยา่ งสม่าเสมอ เรยี นรู้ และการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี
(5) คน้ ควา้ แสวงหา และนาเทคนิคดา้ นวชิ าชพี ทพ่ี ฒั นา (5) ขดั ขวางการพฒั นาองคก์ ารจนเกดิ ผลเสยี หาย
และกา้ วหน้าเป็นทย่ี อมรบั มาใชแ้ กศ่ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ ารให้
เกดิ ผลสมั ฤทธทิ์ พ่ี งึ ประสงค์
จรรยาบรรณตอ่ วชิ าชพี
11
2. ครตู อ้ งรกั ศรทั ธา ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ รบั ผดิ ชอบตอ่ วชิ าชพี และเป็นสมาชกิ ทด่ี ขี ององคก์ รวชิ าชพี โดยตอ้ งประพฤตแิ ละละ
เวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์
(1) แสดงความช่นื ชมและศรทั ธาในคณุ ค่าของวชิ าชพี (1) ไมแ่ สดงความภาคภมู ใิ จในการประกอบวชิ าชพี
(2) รกั ษาช่อื เสยี งและปกป้องศกั ดศิ ์ รแี ห่งวชิ าชพี (2) ดหู มน่ิ เหยยี ดหยาม ใหร้ า้ ยผรู้ ่วมประกอบวชิ าชพี
(3) ยกย่องและเชดิ ชเู กยี รตผิ มู้ ผี ลงานในวชิ าชพี ให้ ศาสตรใ์ นวชิ าชพี หรอื องคก์ รวชิ าชพี
สาธารณชนรบั รู้ (3) ประกอบการงานอ่นื ทไ่ี ม่เหมาะสมกบั การเป็นผู้
(4) อทุ ศิ ตนเพอ่ื ความกา้ วหน้าของวชิ าชพี ประกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา
(5) ปฏบิ ตั หิ น้าทด่ี ว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ตาม (4) ไม่ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ไม่รบั ผดิ ชอบ หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎ
กฎ ระเบยี บ และแบบแผนของทางราชการ ระเบยี บ หรอื แบบแผนของทางราชการจนก่อใหเ้ กดิ ความ
(6) เลอื กใชห้ ลกั วชิ าทถ่ี ูกตอ้ ง สรา้ งสรรคเ์ ทคนคิ วธิ กี าร เสยี หาย
ใหม่ ๆ เพ่อื พฒั นาวชิ าชพี (5) คดั ลอกหรอื นาผลงานของผอู้ น่ื มาเป็นของตน
(7) ใชอ้ งคค์ วามรหู้ ลากหลายในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี และ (6) ใชห้ ลกั วชิ าการทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งในการปฏบิ ตั วิ ชิ าชพี
แลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั สมาชกิ ในองคก์ าร ส่งผลใหศ้ ษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ ารเกดิ ความเสยี หาย
(8) เขา้ ร่วมกจิ กรรมของวชิ าชพี หรอื องคก์ รวชิ าชพี อย่าง (7) ใชค้ วามรทู้ างวชิ าการ วชิ าชพี หรอื อาศยั องคก์ ร
สรา้ งสรรค์ วชิ าชพี แสวงหาประโยชน์เพอ่ื ตนเองหรอื ผอู้ น่ื โดยมชิ อบ
จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ บั บรกิ าร
3. ครตู อ้ งรกั เมตตา เอาใจใส่ ชว่ ยเหลอื สง่ เสรมิ ใหก้ าลงั ใจแกศ่ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร ตามบทบาทหน้าทโ่ี ดยเสมอหน้า
4. ครตู อ้ งส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ทกั ษะ และนสิ ยั ทถ่ี กู ตอ้ งดงี ามแก่ศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร ตามบทบาทหน้าทอ่ี ย่างเตม็
ความสามารถดว้ ยความบรสิ ุทธใิ์ จ
5. ครตู อ้ งประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ทงั้ ทางกาย วาจา และจติ ใจ
6. ครตู อ้ งไม่กระทาตนเป็นปฏปิ ักษ์ตอ่ ความเจรญิ ทางกาย สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และสงั คมของศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร
7. ครตู อ้ งใหบ้ รกิ ารดว้ ยความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไมเ่ รยี กรบั หรอื ยอมรบั ผลประโยชน์ จากการใชต้ าแหน่งหน้าทโ่ี ดยมิ
ชอบ
โดยตอ้ งประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี ม่พงึ ประสงค์
(1) ใหค้ าปรกึ ษาหรอื ช่วยเหลอื ศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ ารดว้ ย (1) ลงโทษศษิ ยอ์ ย่างไม่เหมาะสม
ความเมตตากรุณาอย่างเตม็ กาลงั ความสามารถและเสมอ (2) ไมใ่ สใ่ จหรอื ไม่รบั รปู้ ัญหาของศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ าร
ภาค จนเกดิ ผลเสยี หายตอ่ ศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ าร
(2) สนับสนุนการดาเนนิ งานเพ่อื ปกป้องสทิ ธเิ ดก็ เยาวชน (3) ดหู มนิ่ เหยยี ดหยามศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ าร
และผดู้ อ้ ยโอกาส (4) เปิดเผยความลบั ของศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ ารเป็นผลให้
(3) ตงั้ ใจ เสยี สละ และอทุ ศิ ตนในการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี เพอ่ื ให้ ไดร้ บั ความอบั อายหรอื เส่อื มเสยี ชอ่ื เสยี ง
ศษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ ารไดร้ บั การพฒั นาตามความสามารถ (5) จงู ใจ โน้มน้าว ยยุ งส่งเสรมิ ใหศ้ ษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ าร
ความถนดั และความสนใจของแตล่ ะบุคคล ปฏบิ ตั ขิ ดั ตอ่ ศลี ธรรมหรอื กฎระเบยี บ
(4) ส่งเสรมิ ใหศ้ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ ารสามารถแสวงหา (6) ชกั ชวนใชจ้ า้ งวานศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ ารใหจ้ ดั ซอ้ื
ความรไู้ ดด้ ว้ ยตนเองจากส่อื อปุ กรณ์ และ แหล่งเรยี นรู้ จดั หาสง่ิ เสพตดิ หรอื เขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั อบายมขุ
อย่างหลากหลาย (7) เรยี กรอ้ งผลตอบแทนจากศษิ ยห์ รอื ผรู้ บั บรกิ ารในงาน
(5) ใหศ้ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร มสี ่วนรว่ มวางแผนการเรยี นรู้ ตามหน้าทท่ี ต่ี อ้ งใหบ้ รกิ าร
และเลอื กวธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสม กบั ตนเอง
(6) เสรมิ สรา้ งความภาคภูมใิ จใหแ้ กศ่ ษิ ยแ์ ละผรู้ บั บรกิ าร
12
ดว้ ยการรบั ฟังความคดิ เหน็ ยกยอ่ ง ชมเชย และให้
กาลงั ใจอย่างกลั ยาณมติ ร
จรรยาบรรณต่อผรู้ ว่ มประกอบวชิ าชพี
8. ครพู งึ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ซง่ึ กนั และกนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ โดยยดึ มนั ่ ในระบบคุณธรรม สรา้ งความสามคั คใี นหมคู่ ณะ โดยพงึ
ประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์
(1) เสยี สละ เออ้ื อาทร และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผรู้ ่วม (1) ปิดบงั ขอ้ มลู ขา่ วสารในการปฏบิ ตั งิ าน จนทาใหเ้ กดิ
ประกอบวชิ าชพี ความเสยี หายต่องานหรอื ผรู้ ่วมประกอบวชิ าชพี
(2) มคี วามรกั ความสามคั คี และรว่ มใจกนั ผนกึ กาลงั ใน (2) ปฏเิ สธความรบั ผดิ ชอบ โดยตาหนิ ใหร้ า้ ยผอู้ น่ื ใน
การพฒั นาการศกึ ษา ความบกพรอ่ งทเ่ี กดิ ขน้ึ
(3) สรา้ งกลมุ่ อทิ ธพิ ลภายในองคก์ ารหรอื กลนั่ แกลง้ ผู้
ร่วมประกอบวชิ าชพี ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
(4) เจตนาใหข้ อ้ มลู เทจ็ ทาใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจผดิ หรอื เกดิ
ความเสยี หายต่อผรู้ ว่ มประกอบวชิ าชพี
(5) วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ผรู้ ่วมประกอบวชิ าชพี ในเร่อื งท่ี
ก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายหรอื แตกความสามคั คี
จรรยาบรรณต่อสงั คม
9. ครพู งึ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเป็นผนู้ าในการอนุรกั ษ์และพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญา
สงิ่ แวดลอ้ ม รกั ษาผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและยดึ มนั ่ ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็น
ประมขุ โดยพงึ ประพฤตแิ ละละเวน้ การประพฤตติ ามแบบแผนพฤตกิ รรม ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปน้ี
พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ งึ ประสงค์
(1) ยดึ มนั ่ สนบั สนุน และสง่ เสรมิ การปกครองระบอบ (1) ไม่ใหค้ วามร่วมมอื หรอื สนบั สนุนกจิ กรรมของชมุ ชนท่ี
ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข จดั เพอ่ื ประโยชน์ต่อการศกึ ษาทงั้ ทางตรงหรอื ทางออ้ ม
(2) นาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ และศลิ ปวฒั นธรรมมาเป็นปัจจยั (2) ไมแ่ สดงความเป็นผนู้ าในการอนุรกั ษ์หรอื พฒั นา
ในการจดั การศกึ ษาใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม เศรษฐกจิ สงั คม ศาสนา ศลิ ปวฒั นธรรมภมู ปิ ัญญาหรอื
(3) จดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ใหศ้ ษิ ยเ์ กดิ การเรยี นรแู้ ละสามารถ สงิ่ แวดลอ้ ม
ดาเนินชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง (3) ไมป่ ระพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งทด่ี ใี นการอนุรกั ษห์ รอื
(4) เป็นผนู้ าในการวางแผนและดาเนินการเพอ่ื อนุรกั ษ์ พฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม
สงิ่ แวดลอ้ มพฒั นาเศรษฐกจิ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ และ (4) ปฏบิ ตั ติ นเป็นปฏปิ ักษต์ ่อวฒั นธรรมอนั ดงี ามของ
ศลิ ปวฒั นธรรม ชุมชนหรอื สงั คม
หน้าที่ครู
บทที่ 1 หน้าท่ีครใู นการปกครองนักเรยี น
13
ข้อ 1 ครพู งึ มคี วามรกั ความเมตตาต่อนกั เรยี น เสมอื นบดิ ามารดามตี อ่ บตุ ร
ข้อ 2 ครทู กุ คนมหี น้าทอ่ี บรมสงั่ สอนนักเรยี นใหม้ คี วามประพฤตเิ รยี บรอ้ ย มมี ารยาทดงี าม มคี วามตงั้ ใจ
ศกึ ษาเล่าเรยี นทงั้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บของโรงเรยี น
ข้อ 3 ครทู ุกคนมหี น้าทร่ี ว่ มกนั ในการควบคุมดแู ลนกั เรยี นใหอ้ ย่ใู นระเบยี บแถว
ข้อ 4 ครทู จ่ี ะเขา้ สอนในคาบเรยี นต่อไปหลงั จากเวลาพกั ใหค้ วบคุมดแู ลความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยของ
นกั เรยี น สว่ นครอู ่นื ๆ ใหป้ ระจาอย่ใู นทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ข้อ 5 ครผู สู้ อนจะอนุญาตใหน้ กั เรยี นทข่ี าดเรยี น หรอื มาสายเขา้ หอ้ งเรยี นได้ ตอ่ เม่อื มใี บอนุญาตเขา้
หอ้ งเรยี นจากฝ่ายพฒั นาผเู้ รยี น
ข้อ 6 ครพู งึ ควบคุมดแู ลนกั เรยี นในหอ้ งเรยี นใหอ้ ย่ใู นระเบยี บวนิ ยั เสมอ
ข้อ 7 ครพู งึ ดแู ลเอาใจใส่ และรจู้ กั นกั เรยี นเป็นรายบคุ คล เพอ่ื แกไ้ ข หรอื ปรบั ปรุง ใหด้ ยี งิ่ ขน้ึ
ข้อ 8 ครพู งึ สารวจเวลาเรยี นของนักเรยี นทกุ ครงั้ ทเ่ี ขา้ สอน นกั เรยี นทม่ี าสาย ป่วย ลา ขาด เป็นประจา ให้
ครตู ดิ ตาม และรายงานผลใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทราบ เพ่อื ดาเนนิ การ ช่วยเหลอื และแกไ้ ขตอ่ ไป
ข้อ 9 ครพู งึ ตรวจตรามใิ หน้ กั เรยี นนา หรอื พกพาอาวธุ สอ่ื ลามก สงิ่ เสพตดิ และสง่ิ ทไ่ี มเ่ หมาะสมอน่ื ๆ
ข้อ 10 ครพู งึ เอาใจใสป่ ลูกฝังนกั เรยี นใหร้ กั ษาความสะอาดเรยี บรอ้ ยของสมุดทางาน หอ้ งเรยี น
สงิ่ แวดลอ้ มในโรงเรยี น และอนามยั ทวั่ ไปของนกั เรยี นเป็นประจาทุกวนั โดยเฉพาะอย่างยงิ่
การแตง่ กาย และทรงผมใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บของโรงเรยี น
ข้อ 11 ครตู อ้ งไม่ละทง้ิ หอ้ งเรยี น และใหน้ กั เรยี นอยตู่ ามลาพงั โดยพลการ เม่อื ครมู ี กจิ ธุระจาเป็นตอ้ งออก
จากหอ้ งเรยี นตอ้ งแจง้ ใหผ้ จู้ ดั การ ผอู้ านวยการ หรอื หวั หน้าฝ่าย วชิ าการทราบ เพอ่ื สง่ ครไู ปแทน
ข้อ 12 ครไู ม่มสี ทิ ธไิ ลน่ กั เรยี นออกจากหอ้ งเรยี น ในกรณีทน่ี กั เรยี นทาผดิ รา้ ยแรง หรอื กอ่ ความไมส่ งบใน
หอ้ งเรยี น ตอ้ งแจง้ ใหผ้ จู้ ดั การ ผอู้ านวยการ หรอื ฝ่ายพฒั นาผเู้ รยี นทราบ
ข้อ 13 ครทู ุกคนพงึ บนั ทกึ ความประพฤตขิ องนกั เรยี นในชนั้ เรยี นของตนในสมุดบนั ทกึ การสอน
ข้อ 14 ครพู งึ ร่วมมอื ประสานงานกบั หน่วยงานอ่นื เพอ่ื การปกครอง และอบรมนกั เรยี น ใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ล
ดยี งิ่ ขน้ึ
ข้อ 15 ครพู งึ ทาหน้าทค่ี รเู วรดว้ ยความเสยี สละตามทท่ี างโรงเรยี นมอบหมายและจดบนั ทกึ รายวนั
เหตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ
ข้อ 16 ครพู งึ ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรยี นและนกั ศกึ ษา พ.ศ. 2548
บทที่ 2 หน้าที่ครใู นการสอน
14
ข้อ 17 ครปู ระจาชนั้ มหี น้าทท่ี าบญั ชเี รยี กชอ่ื สมุดวดั ผล สมดุ รายงานประจาตวั นกั เรยี น และเอกสารตา่ ง ๆ
ใหเ้ รยี บรอ้ ย และเป็นปัจจบุ นั
ข้อ 18 ครพู งึ ควบคุม ตรวจการทดสอบดว้ ยตนเอง กรอก และรวมคะแนนใหเ้ ป็นไป อย่างละเอยี ดถถ่ี ว้ น
ถูกตอ้ ง ยตุ ธิ รรม และเรยี บรอ้ ย และใหถ้ อื วา่ การวดั ผลการเรยี น ของนกั เรยี นตามวตั ถปุ ระสงคเ์ ป็น
หน้าทอ่ี นั สาคญั ยงิ่
ข้อ 19 ครพู งึ สานึกว่าการสอนวชิ าการเป็นหน้าทท่ี ส่ี าคญั ของครฉู ะนนั้ ใหค้ รเู ตรยี มการสอน ทกุ วนั โดย
บนั ทกึ การสอนล่วงหน้า เขา้ สอนใหต้ รงตามเวลา และทาการสอนอย่างเตม็ ท่ี ใหก้ ารบา้ นพอสมควร
โดยคานงึ ถงึ วชิ าอ่นื ๆ และวนั หยดุ ดว้ ย สว่ นการตรวจและแกก้ ารบา้ น ของนกั เรยี น ตอ้ งไดร้ บั การ
เอาใจใสอ่ ยา่ งดแี ละสม่าเสมอ
ข้อ 20 ครพู งึ ปฏบิ ตั ขิ ณะทาการสอนดงั น้ี
20.1 ใหย้ นื ขณะทาการสอน
20.2 เม่อื สงั่ งานนกั เรยี นแลว้ ควรเดนิ ตรวจเพอ่ื แกไ้ ข แนะนาหรอื ชแ้ี จงใหแ้ ก่นกั เรยี นทย่ี งั ไม่เขา้ ใจ
20.3 ดแู ลนกั เรยี นใหอ้ ย่ใู นบรรยากาศการเรยี นการสอน ไม่พดู เลน่ เยา้ หยอก หรอื สง่ เสยี งอกึ ทกึ
ในชนั้ เรยี น
20.4 จดั ใหน้ กั เรยี นมงี านทาอยเู่ สมอ เพอ่ื ฝึกทกั ษะการเรยี นรแู้ ละรกั ษาระเบยี บวนิ ยั ในชนั้ เรยี น
20.5 ตรวจตราโตะ๊ มา้ นงั่ ของนกั เรยี นอยเู่ สมอ เพอ่ื ป้องกนั นกั เรยี นขดี เขยี น แกะ หรอื เจาะเล่น ซง่ึ
เป็นการทาลายทรพั ยส์ มบตั ขิ องโรงเรยี น
20.6 ใหค้ วามสนใจนกั เรยี นทอ่ี ่อน และสง่ เสรมิ สนบั สนุนนกั เรยี นทเ่ี รยี นดี มคี วามสามารถ พเิ ศษ
ใหด้ มี ากยงิ่ ขน้ึ
20.7 เอาใจใสแ่ ละกวดขนั เร่อื งลายมอื ปลูกฝังนสิ ยั การมรี ะเบยี บเรยี บรอ้ ยในการทางานของนกั เรยี น
ข้อ 21 ครพู งึ เอาใจใสก่ ารสอนอย่างเตม็ ท่ี โดยไม่ทางานสว่ นตวั การสบู บุหร่ี ทานอาหาร ด่มื เคร่อื งดม่ื หรอื
อ่านหนงั สอื พมิ พ์
ข้อ 22 ครพู งึ อย่ทู ห่ี อ้ งพกั ครเู ตรยี มการสอน ตรวจแกส้ มดุ งานของนกั เรยี นหรอื ทางานตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ข้อ 23 หอ้ งพกั ครเู ป็นหอ้ งทางานโดยสว่ นรวมของคณะครู ฉะนนั้ ครพู งึ รกั ษาความเป็น ระเบยี บเรยี บรอ้ ย
ความสงบเงยี บ ไมค่ วรสนทนา เล่นสง่ เสยี งดงั หรอื นาของมารบั ประทาน
ข้อ 24 ครพู งึ ใหค้ วามช่วยเหลอื เพอ่ื นครดู ว้ ยกนั และมหี น้าทเ่ี ขา้ สอนแทนครูทข่ี าดตามท่ี ครใู หญ่หรอื
หวั หน้าฝ่ายวชิ าการเหน็ สมควร
ข้อ 25 ครพู งึ ตงั้ ใจคน้ ควา้ หาความรู้ รวมทงั้ เทคนคิ ในการสอนเพมิ่ เตมิ อยเู่ สมอ เพอ่ื ใหก้ ารสอนของตนมี
ประสทิ ธภิ าพ และประสทิ ธผิ ลยงิ่ ขน้ึ ทงั้ ยงั เป็นการเลอ่ื นวทิ ยฐานะ ของตนใหส้ งู ขน้ึ ดว้ ย
ข้อ 26 เกย่ี วกบั ชวั่ โมงสอนของครใู หถ้ อื ตามหลกั เกณฑท์ ก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ าร กาหนดน้ี
ครมู ธั ยมตน้ สอนไมต่ ่ากวา่ 18 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ และไม่เกนิ 24 ชวั่ โมง/สปั ดาห์
ครมู ธั ยมปลาย สอนไม่ต่ากวา่ 18 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ และไมเ่ กนิ 24 ชวั่ โมง/สปั ดาห์
การสรรหาและการคดั เลือกบุคลากร
15
คณุ สมบตั ิบคุ ลากรโรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์
คณุ สมบตั ิทวั่ ไป
1. มสี ญั ชาตไิ ทย ยกเวน้ ชาวต่างประเทศทโ่ี รงเรยี นมคี วามจาเป็นตอ้ งจา้ งตามขอ้ ผกู พนั หรอื
ตามลกั ษณะกจิ การของโรงเรยี น
2. มอี ายไุ มต่ ่ากว่า 18 ปี บรบิ รู ณ์ และไม่เกนิ 60 ปี บรบิ ูรณ์
3. มคี ุณวุฒหิ รอื ประสบการณ์เหมาะกบั วตั ถุประสงคแ์ ละอานาจหน้าทข่ี องโรงเรยี น
4. ไมเ่ ป็นบคุ คลลม้ ละลาย คนไรค้ วามสามารถ หรอื เสมอื นไรค้ วามสามารถ
5. ไม่เคยไดร้ บั โทษจาคุกคาพพิ ากษาถงึ ทส่ี ุด เวน้ แตเ่ ป็นโทษสาหรบั ความผดิ ทไ่ี ดก้ ระทาโดย
ประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ
6. ไมเ่ ป็นผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ในกจิ การทแ่ี สวงหาผลประโยชน์สว่ นตวั ในโรงเรยี น
คณุ สมบตั ิด้านการศึกษา
ต้องสาเรจ็ การศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรี ข้ึนไป จากสถาบนั การศึกษาท่ี ก.พ. หรอื
สานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา รบั รองคณุ วฒุ ิ
ระดบั คะแนนเฉลย่ี สะสม
1. ถา้ เป็นตาแหน่งทร่ี บั ผทู้ ม่ี คี ุณวุฒปิ รญิ ญาตรี จะตอ้ งไดร้ ะดบั ผลการเรยี นเฉลย่ี สะสม 2.25
ขน้ึ ไป จากคะแนน 4.00
2. ถา้ เป็นตาแหน่งทร่ี บั ผทู้ ม่ี คี ุณวุฒปิ รญิ ญาโท หรอื ปรญิ ญาเอก จะตอ้ งไดร้ บั ระดบั ผลการเรยี น
เฉลย่ี สะสม 3.25 ขน้ึ ไป จากคะแนน 4.00
การสรรหาและการคดั เลือก
ตอ้ งผา่ นกระบวนการสรรหา หรอื คดั เลอื ก โดยวธิ กี ารใดวธิ กี ารหน่งึ หรอื ทงั้ หมด ดงั ต่อไปน้ี
1. สอบขอ้ เขยี น
2. สอบปฏบิ ตั ิ
3. สอบสมั ภาษณ์
4. ตรวจจติ วทิ ยา
การรายงานตวั เข้าปฏิบตั ิงาน
1. รายงานตวั เขา้ ปฏบิ ตั งิ านท่ี งานบคุ ลากรโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ ตามกาหนดวนั ทไ่ี ดแ้ จง้
พรอ้ มย่นื สาเนาเอกสาร และกรอกขอ้ มลู สว่ นตวั ในแบบฟอรม์ และรบั การปฐมนเิ ทศ
2. ตดิ ตอ่ งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอ่ื จดั ทาบตั รประจาตวั สแกนลายน้วิ มอื และขอ
username password เพอ่ื เขา้ ระบบ e-mail ,e-office เป็นตน้
3. ตดิ ตอ่ งานการเงนิ ยน่ื เอกสารหน้าบญั ชธี นาคารไทยพาณิชย์ เพอ่ื รบั เงนิ คา่ ตอบแทน
4. ตดิ ต่องานพสั ดุ เพอ่ื รบั ชุดพละโรงเรยี น
5. ตดิ ต่อตดั ชดุ แบบฟอรม์ โรงเรยี นทง่ี านบคุ ลากร
ตาแหน่งบุคลากร
16
ตาแหน่งของบคุ ลากรโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท คอื ผบู้ รหิ าร
ครปู ระจาการ บคุ ลากรสายสนบั สนุน และลูกจา้ ง
ระยะเวลาการจ้าง
โรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ ไดต้ ระหนกั ถงึ ความสาคญั ของทรพั ยากรบคุ คลมาก ภาพพจน์ของ
โรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ในสายตาของบคุ ลากร ตอ้ งเป็นไปในทางบวก เม่อื เขา้ ปฏบิ ตั งิ าน หรอื ออกจาก
โรงเรยี นไปแลว้ ยงั มคี วามผกู พนั และศรทั ธาต่อองคก์ ร จงึ ไดว้ างระบบการออกจากงานทม่ี ตี ่อความ
ถกู ตอ้ ง โปร่งใส ยุตธิ รรม โดยกาหนดหลกั เกณฑบ์ ุคลากร ดงั น้ี
ครปู ระจาการ บุคลากรสายสนับสนุน และทดลองงาน
การทาสญั ญาจ้าง
1. สญั ญาจา้ งทดลองงาน 6 เดอื น
2. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 1 ระยะเวลาการจา้ ง 1 ปี
3. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 2 ระยะเวลาการจา้ ง 1 ปี
4. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 3 ระยะเวลาการจา้ ง 1 ปี
5. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 4 ระยะเวลาการจา้ ง 3 ปี
6. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 5 ระยะเวลาการจา้ ง 5 ปี
7. สญั ญาจา้ ง ปฏบิ ตั งิ านครงั้ ท่ี 6 จนถงึ อายุเกษยี ณ 60 ปี
เม่อื รบั เขา้ ปฏบิ ตั งิ าน และทาสญั ญาจา้ งทดลองงาน บคุ ลากรตาแหน่งครู และ สายสนบั สนุน จะตอ้ ง
ผา่ นการประเมนิ 6 เดอื น จงึ จะผ่านการปฏบิ ตั งิ าน และตอ่ สญั ญาจา้ งบุคลากรปฏบิ ตั งิ าน
ในการต่อสญั ญาจา้ งแตล่ ะครงั้ จะตอ้ งนาเสนอผลการปฏิบตั ิงาน (Portfolio) ในรอบการประเมินท่ผี า่ นมา
และตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ่โี รงเรยี นกาหนด ทงั้ นีร้ ะยะเวลาในการต่อสญั ญาตงั้ แต่ครงั้ ท่ีสอง
เป็นตน้ ไปขนึ้ อยกู่ บั ผลการประเมนิ
การชาระเงินคา้ ระกนั สญั ญาจ้าง
◼ ระยะเวลาการจา้ ง 6 เดอื น ชาระเงนิ ค้าประกนั 20,000 บาท
◼ วนั ทาสญั ญาชาระเงนิ คา้ ประกนั 5,000 บาท สว่ นทเ่ี หลอื หกั จากเงนิ เดอื น
◼ เดอื นท่ี 1 ชาระ 2,500 บาท
◼ เดอื นท่ี 2 ชาระ 2,500 บาท
◼ เดอื นท่ี 3 ชาระ 2,500 บาท
◼ เดอื นท่ี 4 ชาระ 2,500 บาท
◼ เดอื นท่ี 5 ชาระ 2,500 บาท
◼ เดอื นท่ี 6 ชาระ 2,500 บาท
จะได้รบั เงินคา้ ประกนั คืน เมอื่
1. ไมก่ ระทาการใดๆ ใหโ้ รงเรยี นเสยี ช่อื เสยี งและทรพั ยส์ นิ
17
2. แจง้ ความประสงคจ์ ะลาออกในช่วงระหว่างวนั ท่ี 10 มกราคม – 31 มกราคม ของทุกปีและลาออก
ไดห้ ลงั วนั ท่ี 10 มนี าคม
โรงเรยี นจะหกั เงนิ ค้าประกนั ดงั ต่อไปน้ี
1. หากปฏบิ ตั งิ านน้อยกว่า 12 เดอื น นบั ตงั้ แต่วนั เขา้ ปฏบิ ตั งิ าน โรงเรยี นจะหกั คา่ ใชจ้ า่ ย ดงั น้ี
รายการ จานวนเงิน
1.ค่าแบบฟอรม์ โรงเรยี น 2,000.00
2.คา่ ชุดลูกเสอื 1,700.00
3.ค่าผา้ เกาะยอ 500.00
4.ค่าเคร่อื งแบบ นศท. 3,000.00
5. คา่ ชดุ พธิ กี าร 1,700.00
6 ค่าประกนั สขุ ภาพ ตามทจ่ี า่ ยจรงิ
7. คา่ พฒั นาบุคลากร ตามเงอ่ื นไขโรงเรยี น
* รายการท่ี 1-5 ใหค้ รงั้ แรก สาหรบั ผมู้ สี ทิ ธิ์
2. กรณไี มผ่ ่านการประเมนิ โรงเรยี นจะไม่คนื เงนิ ค้าประกนั ทเ่ี รยี กเกบ็ แลว้
3. กรณขี อลาออก ในชว่ งทดลองงาน โรงเรยี นจะปรบั เงนิ คา้ ประกนั เป็นเงนิ 5,000 บาท
4. โรงเรยี นสง่ อบรม และชาระค่าใชจ้ ่ายในการอบรมไปใหห้ น่วยงานทจ่ี ดั เรยี บรอ้ ยแลว้
และบุคลากรไม่สามารถเขา้ อบรมได้ ใหบ้ ุคลากรรบั ผดิ ชอบคา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ ทงั้ หมด 100%
ทุกกรณี
5. โรงเรยี นสง่ อบรม และหลงั จากอบรมบคุ ลากรลาออกกอ่ น ครบ 90 วนั หลงั อบรมใหบ้ ุคลากร
รบั ผดิ ชอบค่าใชจ้ ่ายทเ่ี กดิ ขน้ึ 50% ทุกกรณี
6. เงนิ ยมื โครงการต่างๆ
7. อ่นื ๆ ตามทผ่ี อู้ านวยการพจิ ารณาเหน็ สมควรใหห้ กั เงนิ ค้าประกนั
การออกจากงาน
18
บคุ ลากรของโรงเรยี นจะสามารถออกจากงานได้ในกรณีดงั ต่อไปนี้
1. เสยี ชวี ติ
2. ลาออก
3. ยบุ หรอื เลกิ ตาแหน่ง หรอื ยุบสว่ นงาน
4. สน้ิ สดุ สญั ญาจา้ ง
5. เลกิ จา้ ง
6. ถูกสงั่ ลงโทษไล่ออก
7. ไปสอบบรรจุ
การลาออก
หลกั เกณฑว์ ่าด้วยการลาออกจากงาน ตาแหน่งครปู ระจาการและบคุ ลากรสายสนับสนุน
ขอ้ 1 ยน่ื ใบลาออกดว้ ยตนเอง
(1) ใหย้ ่นื ใบลาออกก่อนลว่ งหน้า เป็นเวลาไม่น้อยกวา่ 30 วนั
(2) ตอ้ งชาระหน้สี นิ ทต่ี ดิ คา้ งโรงเรยี น ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ นย่นื ใบลาออก
(3) กรณีเป็นสมาชกิ สหกรณ์ฯ นาแบบฟอรม์ ตรวจสอบหน้ีสนิ จากสหกรณ์ออมทรพั ย์
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ จากดั มาแสดงพรอ้ มใบลาออก
(4) ใบลาออกมผี ลบงั คบั ใชเ้ ม่อื ไดร้ บั อนุมตั จิ ากผอู้ านวยการโรงเรยี น
(5) สะสางงานในภาระหน้าท่ี และงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ใหค้ รบถว้ น กอ่ นออกจากโรงเรยี น
มอ.วทิ ยานุสรณ์
(6) กรณลี าออกไม่เป็นไปตามเงอ่ื นไขทโ่ี รงเรยี นกาหนด โรงเรยี นไมค่ นื เงนิ ค้าประกนั
(7) กรณีย่นื ใบลาออกน้อยกว่า 30 วนั ทางโรงเรยี นจะหกั เงนิ รอ้ ยละ 50 ของเงนิ เดอื น
กอ่ นเดอื นสดุ ทา้ ย
ขอ้ 2 กรณสี น้ิ สดุ สญั ญาจา้ ง เลกิ จา้ ง ถกู สงั่ ลงโทษไลอ่ อก ปฏบิ ตั ติ าม ขอ้ 1 (2) (5)
หลกั เกณฑ์เกี่ยวกบั การปฏิบตั ิงานและวิธีการลา
วนั ทางาน วนั หยดุ เวรประจาวนั และการบนั ทึกเวลาปฏิบตั ิงาน
เวลาการปฏบิ ตั หิ น้าท่ี 1 รอบปีการศกึ ษา หมายถงึ การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี เรม่ิ ตน้ รอบปีการศกึ ษา
วนั ท่ี 1 พฤษภาคม จนถงึ วนั ท่ี 30 เมษายน ในปีต่อไป
วนั ทางาน และ วนั หยุด
19
วนั ทางาน หมายถงึ วนั ทก่ี าหนดใหบ้ ุคลากรปฏบิ ตั งิ านตามปกติ
วนั หยดุ หมายถงึ วนั ทก่ี าหนดใหบ้ ุคลากรหยุดประจาสปั ดาห์ วนั หยดุ นกั ขตั ฤกษ์
วนั ทโ่ี รงเรยี นสงั่ ใหห้ ยุด หรอื วนั ทห่ี น่วยงานราชการกาหนดใหห้ ยุด
1. วนั ทางานปกติ ไดแ้ ก่ วนั จนั ทร์ ถงึ วนั ศุกร์ ตงั้ แต่เวลา 07:40 น.- 16:40 น.
2. วนั ทางานช่วงเรยี นปรบั พน้ื ฐานและเรยี นภาคฤดรู อ้ น ช่วงเวลาปฏบิ ตั งิ านขน้ึ อย่กู บั ประกาศของ
โรงเรยี น
3. วนั หยดุ ประจาสปั ดาห์ ไดแ้ ก่ วนั เสาร์ และวนั อาทติ ย์
4. วนั หยุดนกั ขตั ฤกษ์ ไดแ้ ก่ วนั หยุดราชการประจาปี
5. วนั หยุดอน่ื ๆ โรงเรยี นจะประกาศในตน้ ปีการศกึ ษา (เดอื นพฤษภาคม)
เวรประจาวนั และเวรเยน็
1. เวรประจาวนั วนั จนั ทร์ – วนั ศกุ ร์ ตงั้ แตเ่ วลา 07:00 - 17:00 น.
2. เวรเยน็ วนั จนั ทร์ – วนั ศุกร์ ตงั้ แต่เวลา 16:30 – 18:30 น.
การบนั ทึกเวลาเข้าปฏิบตั ิงานและเวลากลบั
โรงเรยี นใชก้ ารสแกนลายน้ิวมอื (Finger print Scan) ซ่งึ ตดิ ตงั้ ไวบ้ รเิ วณหน้าโรงเรยี น และ
หน้าหอ้ งไฟฟ้าหากมเี หตุสุดวสิ ยั ไม่สามารถมาปฏบิ ตั งิ านได้ ใหแ้ จง้ ผ่านไลน์ @HR เพอ่ื จะไดจ้ ดั ผูอ้ ่นื
ปฏบิ ตั งิ านแทน
การลาช่วงเช้า แจ้งลาป่ วย และลากิจฉุกเฉิน ก่อนเวลา 07:20 น.
การลาช่วงบ่าย แจง้ ลาป่ วย และลากิจฉุกเฉิน ก่อนเวลา 11.30 น.
แจง้ ลาโดยการส่งขอ้ ความผ่านไลน์@HR เท่านัน้
รายละเอียดข้อความ
ช่ือ...........สกลุ ............ ลาป่ วย วนั ท่ี........... (ครึ่งวนั หรือ เตม็ วนั )
***และเม่อื กลบั มาปฏิบตั ิงานให้ส่งใบลาทนั ที
การมาสาย นับจากเวลาการเข้ามาปฏิบตั ิงาน ดงั นี้
1. เวลา 07:41 น. สายวนั ปกติ
2. เวลา 07:01 น. สายเวรประจาวนั
การสแกนใบหน้า
20
ใหย้ นื หน้าตรงใหเ้ คร่อื งตรวจจบั และสแกนใบหน้า หากเครอ่ื งสแกนใบหน้าแสดงขอ้ ความและเสยี ง ”
อุณหภูมปิ กติ check-in เรยี บรอ้ ย ” และมขี อ้ ความแจง้ เตอื นผ่านไลน์ Line Notify ถอื เป็นการสแกนใบหน้า
เพอ่ื บนั ทกึ การเขา้ ปฏบิ ตั ทิ ส่ี มบรู ณ์
***หมายเหตุ
กรณีเคร่อื งสแกนใบหน้า ขดั ขอ้ งไมส่ ามารถสแกนได้ทงั้ ระบบ ทางงานบุคลากรจะไม่นับสถิติ
การขาดงาน หมายถงึ
การไม่มาปฏบิ ตั งิ านและไม่ทราบสาเหตขุ องการไม่มาปฏบิ ตั งิ าน ถอื ว่าเป็น
การ “ขาดงาน” (ขาดงาน 1 ครงั้ จะไม่ไดร้ บั การพจิ ารณาปรบั ขนั้ เงนิ เดอื นในปีการศกึ ษานนั้ )
วินัยเกี่ยวกบั การปฏิบตั ิงาน
ที่ รายการ ผลการพิจารณา
1 ไมส่ แกนเขา้ ปฏบิ ตั งิ าน 3 ครงั้ นบั เป็นลากจิ 1 วนั
2 ไม่สแกนกลบั หลงั จากปฏบิ ตั งิ าน 5 ครงั้ นบั เป็นลากจิ 0.5 วนั
3 ไมข่ อ้ ความแจง้ ลา หรอื สง่ หลงั เวลา 07.20 น. 5 ครงั้ นบั เป็นวนั ลากจิ 1 วนั
การออกนอกบริเวณโรงเรียน
ท่ี รายการ จานวนชม. การขออนุญาต
ครู สายสนบั สนุน
1 ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นธรุ ะสว่ นตวั 2 ชม. หวั หน้าชว่ งชนั้ หวั หน้างาน
ตงั้ แตเ่ วลา 07.00 – 17.00 น. หวั หน้ากลุม่ สาระฯ หวั หน้าฝ่าย
หวั หน้าฝ่ายวชิ าการ อานวยการ
3 ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นราชการ ตามภารกจิ หวั หน้าฝ่าย หวั หน้าฝ่าย
ตงั้ แต่เวลา 07.00 – 17.00 น. อานวยการ อานวยการ
โดย แสดงหลกั ฐาน โดย แสดงหลกั ฐาน
การไปราชการ การไปราชการ
2 ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น 1 ชม. ไมต่ อ้ งขออนุญาต
แตใ่ หส้ แกนเขา้ และ
สแกนออก
4 ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น 2 ชม.หรอื ผอู้ านวยการ ผอู้ านวยการ
หลงั คาบ 6 ทกุ กรณี ตามภารกจิ
5 วนั ทโ่ี รงเรยี นมกี จิ กรรม รอประกาศจากงานบุคลากร
วิธีปฏิบตั ิ
21
1. เขยี นแบบฟอรม์ ขออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น และเสนอขออนุญาตหวั หน้างานตามขนั้ ตอน
2. นาแบบฟอรม์ ขออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นไปย่นื ใหพ้ นกั งานรกั ษาความปลอดภยั
เกบ็ ไวเ้ ป็นหลกั ฐาน พรอ้ มลงช่ือออกในแบบฟอรม์ ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น
3. เม่อื กลบั มาจากการทาภารกจิ แลว้ ลงช่ือเข้าในแบบฟอรม์ กลบั เขา้ มาปฏบิ ตั งิ าน
4. การออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นในขอ้ 1 และ 2 ออกไดไ้ ม่เกนิ สปั ดาหล์ ะ 3 ครงั้
วินัยเก่ียวกบั การออกนอกบริเวณโรงเรียน
ท่ี รายการ ผลการพิจารณา
1 ไมข่ ออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น ครงั้ ท่ี 1 ตกั เตอื น
2 ไมข่ ออนุญาตออกนอกบรเิ วณโรงเรยี น ครงั้ ท่ี 2 ภาคทณั ฑ์
3 ออกเกนิ 1 ชม. โดยไมข่ ออนุญาต นบั เป็นลากจิ 0.5 วนั
4 ออกเกนิ 2 ชม. ธรุ ะสว่ นตวั นบั เป็นลากจิ 0.5 วนั
5 ปลอมแปลงลายมอื ช่อื ผบู้ งั คบั บญั ชา ครงั้ ท่ี 1 ตดั เงนิ เดอื น 20% เป็นเวลา 3 เดอื น
6 ปลอมแปลงลายมอื ชอ่ื ผบู้ งั คบั บญั ชา ครงั้ ท่ี 2 ใหอ้ อก
การออกนอกบริเวณโรงเรยี นในข้อ 1 และ 2 นับวนั ที่เกินเป็นวนั ลากิจ ครงั้ ละ
ออกได้ไม่เกินสปั ดาห์ละ 3 ครงั้ หากออกเกิน 0.5 วนั
กาหนด
การลา
การลา ประเภทการลา มี 6 ประเภท คอื
1.1 การลาป่วย
1.2 การลากจิ สว่ นตวั
1.3 การลาคลอด
1.4 การลาอุปสมบท หรอื ลาไปประกอบพธิ ฮี จั ญ์
1.5 การลาเขา้ รบั การเตรยี มพล
1.6 การลาพกั ผ่อน
หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการลาโดยได้รบั ค่าจ้าง
( ปีการศกึ ษา คอื ตงั้ แต่วนั ท่ี 1 พฤษภาคม – 30 เมษายน ปีถดั ไป)
22
1.1 การลาป่ วย
1. ลาป่วยไดไ้ ม่เกนิ 15 วนั ในแตล่ ะปีการศกึ ษา
2. กรณีทป่ี ่วย เน่อื งจากไดร้ บั อนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยจากการปฏบิ ตั งิ านของโรงเรยี น ลาป่วยได้ ตามท่ี
ผอู้ านวยการอนุมตั ิ
3. บุคลากรทป่ี ่วย ตอ้ งย่นื ใบลาป่วยในวนั แรกทก่ี ลบั มาปฏบิ ตั งิ านได้ หากไม่ยน่ื ใบลาป่วย ถอื ว่า
เป็นการ “ขาดงาน”
4. การลาป่วยตงั้ แต่ 3 วนั ตดิ ต่อกนั ขน้ึ ไป ตอ้ งมใี บรบั รองแพทยท์ ม่ี ใี บประกอบวชิ าชพี เวชกรรมชนั้ 1
5. บคุ ลากรทล่ี าป่วยใน 1 รอบปีการศกึ ษาเกนิ 15 วนั ถอื วา่ “ป่ วยบ่อย”
6. การลาป่วยเพอ่ื ไปพบแพทยต์ ามวนั นัด จะตอ้ งมกี ารมอบหมายการปฏบิ ตั หิ น้าทแ่ี ทน
7. การลาป่วยครง่ึ วนั ในช่วงเวลา 07:40 น. – 12:00 น. (ชว่ งเชา้ ) และเวลา 13:00 น.–16:40 น.
(ช่วงบ่าย) ใน 1 ปีการศกึ ษา ลาไดไ้ มเ่ กนิ 4 ครงั้
8. การลาป่วยดว้ ยโรคไขห้ วดั สายพนั ธุ์ H5N1 และมใี บรบั รองแพทย์ จะไม่นับวนั ลาป่วย
1.2 การลากิจ
1. ลากจิ ไดไ้ ม่เกนิ 15 วนั ในแต่ละปีการศกึ ษา
2. บุคลากรทกุ คน ทป่ี ระสงคจ์ ะลากจิ ตอ้ งย่นื ใบลากจิ ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วนั ทาการ และการลาจะมผี ล
กต็ อ่ เม่อื ไดร้ บั อนุมตั แิ ลว้
3. บคุ ลากรทล่ี ากจิ 1 รอบปีการศกึ ษา ลากจิ เกนิ 15 วนั ถอื วา่ “ลาบ่อย”
4. การลากจิ ฉุกเฉนิ ทุกกรณี ใหข้ ออนุมตั จิ ากผอู้ านวยการโดยผ่านหวั หน้าฝ่ายอานวยการ
5. การลากจิ ทุกกรณีในชว่ งเปิดภาคเรยี น ใหม้ กี ารมอบหมายการปฏบิ ตั หิ น้าทแ่ี ทน
6. การลากจิ ครง่ึ วนั ในช่วงเวลา 07:40 น. – 12:00 น. (ชว่ งเชา้ ) และเวลา13:00 น. – 16:40 น.
(ช่วงบ่าย) ใน 1 ปีการศกึ ษา ลาไดไ้ มเ่ กนิ 4 ครงั้
1.3 การลาคลอด
1. ลาคลอด ลาไดไ้ ม่เกนิ 60 วนั
- ลาเกนิ 60 วนั จะไมไ่ ดร้ บั การปรบั ขนั้ เงนิ เดอื น และของขวญั
- ลาคลอดวนั ท่ี 61 – 90 จะไม่ไดร้ บั เงนิ เดอื น แต่จะไดร้ บั ค่าครองชพี และคา่ ทพ่ี กั อาศยั
2. บุคลากรทล่ี าคลอดเกนิ กว่า 60 วนั ตอ้ งไดร้ บั อนุมตั กิ ารลาจากผอู้ านวยการโรงเรยี น
กรณีบุคลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านไมค่ รบ 1 ปี สามารถลาคลอดได้ 45 วนั โดยไดร้ บั เงนิ เดอื น
หากตอ้ งการลาคลอดตอ่ อนุญาตใหล้ าไดอ้ กี 15 วนั โดยไมไ่ ดร้ บั เงนิ เดอื น
1.4 การลาอปุ สมบท หรือลาไปประกอบพิธีฮจั ญ์
1. ลาได้ 1 ครงั้ ตลอดชว่ งการทางาน
23
2. ย่นื ใบลาลว่ งหน้า 60 วนั ต่อคณะกรรมการบรหิ ารงานบุคคลโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
3. ตอ้ งไดร้ บั อนุมตั กิ ารลา จากผอู้ านวยการโรงเรยี น
1.5 การลาเข้ารบั การเตรียมพล
เขา้ รบั การเตรยี มพล หมายความวา่ เขา้ รบั การระดมพล เขา้ รบั การตรวจสอบพล เขา้ รบั
การฝึกวชิ า ทหาร หรอื เขา้ รบั การทดลองความพรงั่ พรอ้ ม ตามกฎหมายว่าดว้ ยการรบั ราชการทหาร
1. ย่นื ใบลาต่อผอู้ านวยการ
2. ตอ้ งไดร้ บั อนุมตั กิ ารลา จากผอู้ านวยการโรงเรยี น
1.6 การลาพกั ผ่อน (สาหรบั บุคลากรสายสนับสนุน)
1. ลาพกั ผอ่ นไดไ้ มเ่ กนิ 10 วนั ในแตล่ ะปีการศกึ ษา
2. บคุ ลากรทป่ี ระสงคจ์ ะลาพกั ผอ่ นตอ้ งยน่ื ใบลาพกั ผ่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วนั ทาการ
และการลาจะมผี ลกต็ ่อเม่อื ไดร้ บั อนุมตั แิ ลว้
3. จานวนวนั ลาสงู สุดทจ่ี ะลาในแตล่ ะครงั้ ตามทผ่ี อู้ านวยการเหน็ สมควร
4. หากโรงเรยี นมกี จิ จาเป็น ผอู้ านวยการสามารถยกเลกิ ใบลาทอ่ี นุมตั ไิ ปแลว้ ได้
หลกั เกณฑ์ กรณีลาคร่อมและลาระหว่างวนั หยดุ
การลาป่วยและลากจิ ครอ่ มวนั หยดุ หรอื ระหวา่ งวนั หยุด ใหน้ บั วนั หยดุ เป็นวนั ลา
ซง่ึ การนบั วนั ลา จานวนวนั ลา คาวนิ จิ ฉยั ของผอู้ านวยการถอื เป็นทส่ี น้ิ สุด
หลกั เกณฑ์ การลาฉุกเฉิน
การลาฉุกเฉินดว้ ยเหตุผลความจาเป็นเฉพาะหน้าทุกกรณี ขออนุญาต ผอู้ านวยการ เพยี งผเู้ ดยี ว
ผา่ นแชทไลน์ เมอ่ื ไดร้ บั คาตอบจากผอู้ านวยการแลว้ ใหแ้ จง้ งานบุคลากรดว้ ยตนเอง เพอ่ื รบั ใบออกนอก
บรเิ วณโรงเรยี นทง่ี านบคุ ลากร หากผอู้ านวยการตดิ ภารกจิ ใหข้ ออนุญาตผรู้ กั ษาการแทน
1. การลาฉุกเฉนิ (ครง่ึ วนั )
กรณลี าช่วงเชา้ ใหส้ ง่ ขอ้ ความผา่ นไลน์ @HR แจง้ งานบุคลากรตามระเบยี บโรงเรยี น เม่อื
กลบั มาปฏบิ ตั งิ านใหส้ แกนเขา้ งานกอ่ นเวลา 13:00 น.
กรณีลาช่วงบ่าย สามารถกลบั ไดต้ งั้ แต่เวลา 12:00 น. เป็นตน้ ไป
2. การลาฉุกเฉิน (เตม็ วนั ) ใหส้ ง่ ขอ้ ความผา่ นไลน์ @HR แจง้ งานบุคลากร
****การลาฉุกเฉนิ ใหส้ ง่ ใบลาปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั การลาป่วย
หลกั เกณฑ์ การปฏิบตั ิงานในช่วงเรียนปรบั พ้ืนฐาน
24
การมาปฏิบตั ิงาน (ปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงาน)
หากมาปฏบิ ตั งิ านหลงั เวลา เรมิ่ ปฏบิ ตั งิ าน 30 นาที จะนบั เป็นลากจิ 0.5 วนั
การลา (ปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑก์ ารปฏิบตั ิงานและการลา)
การลาป่วย ลากจิ ปรบั วนั ละ 500 บาท ครง่ึ วนั 250 บาท
การมาปฏิบตั ิงานสาย ปรบั วนั ละ 100 บาท
สาย
การสแกนลายนิ้ วมอื ปรบั วนั ละ 250 บาท
ปรบั วนั ละ 250 บาท
สแกนเขา้ ไม่สแกนกลบั ปรบั วนั ละ 500 บาท
ไม่สแกนเขา้ สแกนกลบั
ไม่สแกนเขา้ ไม่สแกนกลบั
***หมายเหตุ
กรณเี ครอ่ื งสแกนลายน้วิ มอื ขดั ขอ้ งไมส่ ามารถสแกนไดท้ งั้ ระบบ
ทางงานบุคลากรจะไมน่ บั สถติ แิ ละปรบั
การออกนอกบริเวณโรงเรียน (ตามระเบยี บการออกนอกบริเวณโรงเรยี น)
ออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต ปรบั วนั ละ 250 บาท
กลบั มาจากออกนอกบรเิ วณโรงเรยี นแลว้ ไม่ลงชอ่ื กลบั ปรบั วนั ละ 250 บาท
ค่าปรบั
จะหกั จากค่าตอบแทนช่วงเรยี นปรบั พน้ื ฐาน
วินัยเก่ียวกบั การลา
ที่ รายการ ผลการพิจารณา
1 ลาป่วย ไมไ่ ดส้ ง่ ใบลาหลงั จากกลบั มา นบั เป็นขาดงาน ตามจานวนวนั จนกวา่ จะ
ปฏบิ ตั งิ าน มาสง่
2 ลากจิ แลว้ ยงั ไม่ไดร้ บั อนุญาต นบั เป็นขาดงาน ตามจานวนวนั ทข่ี อ
แลว้ ไมไ่ ดม้ าปฏบิ ตั งิ าน อนุญาตลา
3 ลาครง่ึ วนั เกนิ 8 ครงั้ /ปีการศกึ ษา หากลาครง่ึ วนั ครงั้ ท่ี 9 เป็นตน้ ไป
ตกั เตอื น
4 ลาป่วย เกนิ 15 วนั ไมป่ รบั ขนั้ เงนิ เดอื น และไม่ไดร้ บั รางวลั
5 ลากจิ เกนิ 15 วนั ไมป่ รบั ขนั้ เงนิ เดอื น และไม่ไดร้ บั รางวลั
25
6 ลาป่วย+ลากจิ เกนิ 20 วนั ไม่ปรบั ขนั้ เงนิ เดอื น และไม่ไดร้ บั รางวลั
7 กรณลี าฉุกเฉนิ นบั เป็นขาดงาน
โดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากผอู้ านวยการ ไลอ่ อก
ขาดงาน (ไม่มาปฏบิ ตั งิ านโดยไมท่ ราบ
สาเหตุ) เกนิ 15 วนั
เวรประจำวัน
เวรประจาวนั และเวรเยน็
1. เวรประจาวนั วนั จนั ทร์ – วนั ศกุ ร์ ตงั้ แตเ่ วลา 07:00 - 17:00 น.
บุคลากรหากไม่สามารถมาปฏบิ ตั งิ านเวรประจาวนั ได้ ใหแ้ จง้ หวั หน้าเวร เพอ่ื ใหห้ วั หน้าเวรบนั ทกึ
ในแบบฟอรม์ รายงานการตรวจเวร
2. เวรเยน็ วนั จนั ทร์ – วนั ศกุ ร์ (เฉพาะวนั ทาการ) ตงั้ แต่เวลา 16:30 – 18:30 น.
2.1 บุคลากรหากไม่สามารถปฏบิ ตั งิ านเวรประจาวนั ได้ ให้เปลย่ี นเวรกบั บคุ ลากรท่านอน่ื โดยทา
บนั ทกึ ขอ้ ความเปลย่ี นเวรโดยไดร้ บั การอนุมตั กิ ารเปลย่ี นเวรจากหวั หน้าฝ่ายอานวยการกอ่ น จงึ จะถอื วา่
มผี ลการแลกเวร
2.2 หากไมส่ ามารถมาปฏบิ ตั งิ านเวรประจาวนั ได้ ทกุ กรณี ใหร้ บั ผดิ ชอบหาบคุ ลากรท่านอ่นื มาอยู่
แทน แลว้ ใหม้ าเขยี นบนั ทกึ ยอ้ นหลงั ในวนั ทาการถดั ไป
บทบาทครเู วรประจาวนั
เวรประจาวนั วนั จนั ทร์ – วนั ศกุ ร์ ตงั้ แต่เวลา 07:00 - 17:00 น.
1. เวลามาปฏบิ ตั งิ านตอนเชา้ ก่อนเวลา 07:00 น. และปฏบิ ตั งิ านจนถงึ เวลา 07:45 น.
2. หวั หน้าเวรรบั แบบฟอรม์ ตรวจเวรทห่ี อ้ งธุรการ
3. หากหวั หน้าเวรไมส่ ามารถปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ได้ ใหม้ อบหมายบคุ ลากรภายในเวร
4. เวลา 07:01 น. ปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ามทห่ี วั หน้าเวรมอบหมาย ในจดุ ทร่ี บั ผดิ ชอบ
5. เวลามาปฏบิ ตั งิ านตอนเยน็ เวลา 16:30 น.
5.1 กรณรี ่นคาบ ใหม้ ายนื เวรเวลา 16:00 น.-17:00 น.
5.2 กรณสี อบกลางภาคและปลายภาค เป็นไปตามประกาศของโรงเรยี น
6. ครเู วรทม่ี หี น้าทต่ี รวจความเรยี บรอ้ ยบรเิ วณจดุ ทร่ี บั ผดิ ชอบ ทาหน้าทด่ี แู ลความปลอดภยั ของ
นกั เรยี น สงั เกตสภาพโดยทวั่ ไป และควบคมุ ใหอ้ ยใู่ นความสงบเรยี บรอ้ ย หากเกนิ กาลงั แจง้
หวั หน้าเวร และใหร้ อ้ งขอความช่วยเหลอื รปภ. หรอื บุคลากรสงั กดั งานพฒั นาบุคลกิ ภาพ
และแจง้ ผบู้ งั คบั บญั ชา
7. จดบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ต่างๆ
8. ครเู วรทม่ี หี น้าทที ป่ี ระตดู แู ลเดก็ ขา้ มถนน ตลอดจนเน้นในเรอ่ื งการทาความเคารพ และระเบยี บวนิ ยั
9. ครเู วรทม่ี หี น้าท่ี ทห่ี น้ารา้ นเซเวน่ ฯ ดแู ลความประพฤตขิ องนกั เรยี น
26
10. หวั หน้าเวรรวบรวมขอ้ มลู การปฏบิ ตั หิ น้าทเ่ี วรในแตล่ ะวนั เพอ่ื รายงานและปรบั ปรงุ รว่ มกบั รอง
หวั หน้าเวรทร่ี บั ผดิ ชอบเวรประจาวนั
11. หมดเวลาของการปฏบิ ตั หิ น้าทเ่ี วรประจาวนั เวลา 17:00 น.
เวรประจาวนั วนั จนั ทร์ – วนั ศกุ ร์ ตงั้ แต่เวลา 16:30 – 18:30 น.
1. เวลามาปฏบิ ตั งิ านตอนเยน็ ก่อนเวลา 16:30 น.
2. สแกนลายน้ิวมอื ทป่ี ้อมยาม
3. รบั ใบบนั ทกึ เวรทป่ี ้อมยาม และตรวจความเรยี บรอ้ ยตามแบบฟอรม์ ทาหน้าทด่ี แู ลความปลอดภยั
ของนกั เรยี น สงั เกตสภาพโดยทวั่ ไป และควบคมุ ใหอ้ ย่ใู นความสงบเรยี บรอ้ ย หากเกนิ กาลงั ให้
รอ้ งขอความชว่ ยเหลอื รปภ. และแจง้ ผบู้ งั คบั บญั ชา
4. หลงั เวลา 18:30 น. สแกนลายน้วิ มอื กลบั ทป่ี ้อมยาม
5. แบบฟอรม์ ตรวจเวรประจาวนั ตอนเยน็ สง่ ทป่ี ้อมยาม ให้ รปภ. ลงลายมอื ชอ่ื ในแบบฟอรม์ ดว้ ย
วินัยเกี่ยวกบั เวรประจาวนั
ที่ รายการ ผลการพิจารณา
1 มาปฏบิ ตั งิ านสาย ถา้ สแกนเวลา 07:31 น. เป็นตน้ ไป
เวรประจาวนั 07:00 – 17:00 น. ถอื เป็นวนั ลากจิ 0.5 วนั
2 ไม่มบี คุ ลากรประจาจุด โดยไม่ไดแ้ จง้ ใหห้ วั หน้าเวรบนั ทกึ ขาดเวร
หวั หน้าเวร
3 ขาดเวร 1 ครงั้ นบั เป็นลากจิ 1 วนั โดยบวกเพมิ่ จากลาปกติ
4 หวั หน้าเวรตดิ ภารกจิ แลว้ ไม่ไดม้ อบหมาย ใหห้ วั หน้าเวร เขา้ เวรชดเชย 3 วนั
ใหม้ บี ุคลากรภายในเวรเดนิ ตรวจ ทาให้
ไมม่ ใี บเวร สง่ งานบุคลากร
5 ละทง้ิ เวร นบั เป็นลากจิ 1 วนั โดยบวกเพม่ิ จากลาปกติ
การแต่งกายและบุคลิกภาพ ของบุคลากรโรงเรยี น มอ.วิทยานุสรณ์
27
เพอ่ื เสรมิ ภาพลกั ษณ์ใหก้ บั บุคลากรและองคก์ ร จงึ ขอกาหนด ดงั น้ี
ขอ้ 1 การแตง่ กายและบุคลกิ ภาพ ของบุคลากรชาย
เสอ้ื เสอ้ื สสี ุภาพ แขนสนั้ หรอื ยาว หา้ มใสเ่ สอ้ื โปโล หรอื เสอ้ื ยดื
สาหรบั ครผู สู้ อนใหผ้ กู เนคไท
กางเกง เป็นกางเกงสสี ภุ าพ กางเกงสเลก็ ซ์ (ไมส่ วมใสก่ างเกงแนวแฟชนั่ ทุกประเภท)
ไม่รดั รูป ขาไมล่ อย ไมส่ วมกางเกงยนี ส์ หรอื ผา้ คลา้ ยสยี นี ต์ มาปฏบิ ตั งิ าน
รองเทา้ เป็นรองเทา้ หุม้ สน้ รองเทา้ หนงั สดี า สขี าว สนี ้าตาล
ผม ตดั ทรงผมสุภาพ สผี มสดี า หรอื น้าตาลเขม้
หนวด ไมอ่ นุญาตใหไ้ วห้ นวด เครา
ขอ้ 2 การแต่งกายและบุคลกิ ภาพ ของบคุ ลากรหญงิ
เสอ้ื เป็นเสอ้ื สสี ภุ าพ แขนสนั้ หรอื ยาว คอแคบกม้ แลว้ ไมเ่ หน็ ทรวงอก
หากเป็นแขนสนั้ เมอ่ื ยกมอื ขน้ึ ไม่เหน็ รกั แร้ หา้ มใสเ่ สอ้ื โปโล ไม่บางจนเหน็
ชุดชนั้ ใน หากเสอ้ื บางใหส้ วมใสเ่ สอ้ื ซบั ใน แบบเสอ้ิ กลา้ มหรอื สทู คลมุ
กางเกง เป็นกางเกงสดี า กางเกงสเลก็ ซ์ (ไมส่ วมใสก่ างเกงแนวแฟชนั่ ทกุ ประเภท)
ไม่รดั รปู ขาไม่ลอย ไม่สวมกางเกงยนี สห์ รอื ผา้ คลา้ ยสยี นี ต์ มาปฏบิ ตั งิ าน
กระโปรง เป็นกระโปรงสสี ุภาพ ไมผ่ ่าหน้าและผ่าขา้ ง, ผ่าหลงั แบบซอ้ นได้ 7 น้วิ ,ไมบ่ าง
ไมส่ วมใสก่ ระโปรงพน้ื สขี าว, กระโปรงคลมุ เข่า
รองเทา้ เป็นรองเทา้ หุม้ สน้ หรอื มสี ายรดั สน้ เทา้
กรณงี านพธิ กี าร รองเทา้ หมุ้ สน้ สดี าปิดหวั
เลบ็ ไม่อนุญาตใหท้ าสเี ลบ็
ผม ทรงผมสุภาพ
** ผมสนั้ เมอ่ื ปลอ่ ยผมแลว้ ไมถ่ งึ บ่า
** ผมยาว เมอ่ื ปล่อยผมแลว้ เสมอบ่า ,เลยบา่ ใหร้ วบผมหรอื คาดผม
ใหเ้ รยี บรอ้ ย สผี มสดี า หรอื น้าตาลเขม้
กรณีงานพธิ กี าร บคุ ลากรผมยาว ให้ใส่เน็ทติดผมสดี าหรอื น้าตาลเท่านนั้
ขอ้ 3 การแต่งกายและบุคลกิ ภาพ ของบคุ ลากรหญงิ ตงั้ ครรภ์
ชดุ คลุมทอ้ ง เป็นชุดสสี ภุ าพ คลุมเขา่
รองเทา้ เป็นรองเทา้ หมุ้ สน้ หรอื มสี ายรดั สน้ เทา้
**กรณี สวมใสแ่ บบ เสอ้ื กระโปรง และกางเกง ใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาหนด เรอ่ื ง เสอ้ื
กระโปรง และ กางเกง ของบคุ ลากรหญงิ
1. ตาแหน่งครูประจาการและบุคลากรสายสนบั สนุน แต่งกายชดุ ประจาวนั ดงั น้ี
28
วนั จนั ทร์ แตง่ กายชดุ แบบฟอรม์ ของโรงเรยี น
วนั องั คาร เสอ้ื สชี มพู
วนั พธุ เครอ่ื งแบบผกู้ ากบั ลกู เสอื เคร่อื งแบบผกู้ ากบั นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร
วนั พฤหสั บดี แต่งกายสภุ าพ บคุ ลากรหญงิ สวมกระโปรง
แต่งกายสภุ าพ บคุ ลากรหญงิ สวมกระโปรง
วนั ศุกร์ แตง่ กายดว้ ยชดุ พละโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ สวมใสก่ างเกง
กฬี าหรอื กางเกงผา้ สแลก็ ซส์ ดี าขายาวทรงสุภาพ หรอื กระโปรงสี
สุภาพ
แต่งกายเสอ้ื ผา้ เกาะยอ แบบฟอรม์ โรงเรยี น กระโปรง สีดาเท่านัน้
หากท่านใดยงั ไม่ไดเ้ สอ้ื ใหส้ วมใส่ เสอ้ื ผา้ บาตกิ สฟี ้า
2. ตาแหน่งทดลองงาน แต่งกายเสอ้ื เชต้ื สชี มพู ชดุ สทู สดี า
วนั จนั ทร์ แตง่ กายเสอ้ื เชต้ื ชดุ สทู สดี า
วนั องั คาร แต่งกายเสอ้ื เชต้ื ชดุ สทู สดี า
วนั พุธ แต่งกายดว้ ยชุดพละโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ สวมใสก่ างเกง
วนั พฤหสั บดี กฬี าหรอื กางเกงผา้ สเลก็ ซส์ ดี าขายาวทรงสุภาพ หรอื กระโปรงสสี ุภาพ
แต่งกายเสอ้ื เชต้ื ชุดสทู สดี า
วนั ศกุ ร์
การแต่งกายชุดพิธีการ แบบฟอรม์ โรงเรยี น
ชาย: เสอ้ื เชต้ิ สชี มพู รองเทา้ หนังหุม้ สน้ สดี า
หญงิ : เสอ้ื เชต้ิ สชี มพู ครผู มยาวรวบผมตดิ เนท็ รองเทา้ หนังหุม้ สน้ สดี า
กาหนดวนั แต่งกายชดุ พิธีการ
1. วนั มอบตวั และปฐมนิเทศนักเรยี น ม.1 ม.4
2. วนั ประชุมใหญ่สามญั ประจาปีเครอื ขา่ ยผปู้ กครองและครูโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
3. วนั มหดิ ล
4. วนั ปิยะมหาราช
5. อื่นๆ ตามประกาศโรงเรยี น
29
วินัยเก่ียวกบั การแต่งกาย
ท่ี รายการ ผลการพิจารณา
1 แตง่ กายผดิ ระเบยี บ ทุกกรณี ตกั เตือนด้วยวาจา ครงั้ ท่ี 1 และ 2
ครงั้ ที่ 3 ตกั เตือนเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร
และเขา้ แฟ้มประวตั ิ ซ่ึงมีผลต่อการพิจารณา
ต่อขนั้ เงินเดือน
2 กรณีมกี จิ กรรม หรอื โครงการ ตกั เตือนผรู้ บั ผดิ ชอบกจิ กรรม
ใหผ้ รู้ บั ผดิ ชอบกจิ กรรม หรอื
โครงการ ขออนุญาตการสวมใส่
การแต่งกายล่วงหน้า 2 วนั ทาการกบั
หวั หน้าฝ่ายอานวยการและตอ้ งไดร้ บั
การอนุมตั เิ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร
3 บคุ ลากรหลงั จากคลอดบุตร กลบั มา กลบั มาปฏบิ ตั งิ าน 3 เดอื น
ปฏบิ ตั งิ านแลว้ หากยงั สวมใส่ชดุ แบบฟอรม์ ไมไ่ ดใ้ หต้ ดั ใหม่
30
การลาศึกษาต่อ
การลาศึกษาต่อ
โรงเรยี นสนับสนุนใหบ้ คุ ลากรไดร้ บั การศกึ ษาทส่ี งู ขน้ึ โดยเปิดโอกาสใหบ้ ุคลากรศกึ ษาตอ่ ระดบั
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ครู และปรญิ ญาโท ตรงกบั สาขาวชิ าทส่ี อน หรอื ตรงกบั งานทป่ี ฏบิ ตั ิ
ทงั้ น้ีโรงเรยี นอนุญาตเฉพาะหลกั สูตรพิเศษนอกเวลาทาการ โดยมขี นั้ ตอนดงั น้ี
หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพครู
1. ใหศ้ กึ ษาต่อเม่อื ผา่ นทดลองงาน และมีใบอนุญาตผอ่ นผนั การสอนโดยไมม่ ีใบประกอบวิชาชีพ
หลกั สตู รระดบั บณั ฑิตศึกษา
1. ทางานในโรงเรยี นมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 2 ปี (ไมน่ บั เวลาชว่ งทดลองงาน)
ณ วนั ทจ่ี ะไปศกึ ษาต่อ
2 ขออนุญาตศกึ ษาต่อ ตามขนั้ ตอนต่อไปน้ี
2.1 รบั แบบฟอรม์ ศกึ ษาตอ่ ทง่ี านบคุ ลากร
2.2 เขยี นแบบฟอรม์ ขออนุญาตศกึ ษาตอ่ พรอ้ มแนบรายละเอยี ดของหลกั สตู รทจ่ี ะศกึ ษา
ต่อ ย่นื ขออนุญาตและขอความเหน็ ดงั น้ี
2.2.1 ตาแหน่งครู และ พนกั งานหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
- หวั หน้ากล่มุ สาระฯ
- หวั หน้าฝ่ายวชิ าการ
2.2.2 ตาแหน่งสายสนบั สนุน
- หวั หน้างาน
- หวั หน้าฝ่ายอานวยการ
2.3 นาเอกสารมาสง่ งานบคุ ลากร เพอ่ื เสนอคณะกรรมการบรหิ ารงานบคุ คลโรงเรยี น
มอ.วทิ ยานุสรณ์ เพอ่ื พจิ ารณาอนุมตั ิ
3. เมอ่ื สาเรจ็ การศกึ ษาแลว้ ใหข้ ออนุมตั ปิ รบั วุฒิ ภายในเวลา 6 เดอื นและโรงเรยี นจะพจิ ารณา
ปรบั วุฒใิ หห้ ลงั จากสาเรจ็ การศกึ ษาแลว้
หมายเหตุ
1. บคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั การอนุมตั ใิ หศ้ กึ ษาต่อ จะไดร้ บั การยกเวน้ การปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นวนั เสาร์ อาทติ ย์
2. กจิ กรรมทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั งิ านวนั เสาร์ อาทติ ย์ โดยไมไ่ ดร้ บั การยกเวน้ คอื
2.1 ประชมุ ผปู้ กครอง
2.2 กจิ กรรมทโ่ี รงเรยี นมคี าสงั่ ใหม้ าปฏบิ ตั งิ าน
กำรเข้ำร่วมกิจกรรม
31
1.1 กจิ กรรมโรงเรียนทที่ กุ คนตอ้ งเข้ำร่วม
วนั มหิดล วนั ครู ( 2 กจิ กรรม ) วนั สถาปนาโรงเรียน วนั สอบคดั เลือกนกั เรยี น
วนั มอบตวั วนั รบั ผลการเรียน และกิจกรรมอ่นื ท่โี รงเรยี นกาหนด
1.2 กิจกรรมโรงเรยี นทส่ี ลับเข้ำร่วม
วนั แม่ (ม.2,ม.5) วนั ปิยมหาราช
1.3 กจิ กรรมภายนอกโรงเรยี น
ใหผ้ รู้ บั ผิดชอบกิจกรรมสง่ ช่อื ผไู้ ม่เขา้ ร่วมกิจกรรมท่ีงานบุคลากร ยกเวน้ ติดภารกิจไปราชการ
รำยกำร เกณฑ์ ผลกำรพจิ ำรณำ
กำรพจิ ำรณำ
ไมเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรมโดยไม่ทราบ เพิ่มคะแนนผลการ
สาเหตุ ขาดงาน ปฏิบตั ิงาน 3 % ของผล
เขา้ รว่ มกิจกรรม 70% - การประเมินผลการ
ของกจิ กรรมท่ีจดั ทงั้ ปี ปฏบิ ตั ิงานทง้ั ปี
- เพม่ิ คะแนนผลการ
เขา้ รว่ มกจิ กรรม 80% ปฏบิ ตั งิ าน 4 % ของผล
ของกิจกรรมท่ีจดั ทงั้ ปี - การประเมินผลการ
ปฏบิ ตั ิงานทง้ั ปี
เขา้ รว่ มทกุ กจิ กรรม เพม่ิ คะแนนผลการ
ปฏบิ ตั ิงาน 5% ของผล
การประเมนิ ผลการ
ปฏบิ ตั ิงานทง้ั ปี
32
1.4 กำรเข้ำร่วมประชุมประจำเดือน
รำยกำร เกณฑ์ ผลกำรพจิ ำรณำ
กำรพจิ ำรณำ
เขา้ รว่ มประชมุ สาย หนงั สือตกั เตือน ไดร้ บั หนงั สือตกั เตือน
เกิน 5 นาที หนงั สือตกั เตือน 2 ครงั้ มผี ลต่อ
ขาดการประชมุ การประเมินผล
การปฏบิ ตั ิงาน
เขา้ รว่ มประชมุ ก่อนเวลา 10 นาที ประจาปี
มรี างวลั พเิ ศษ
1.5กำรเข้ำร่วมอบรม ภำยในโรงเรยี น
รำยกำร เกณฑ์ ผลกำรพิจำรณำ
กำรพิจำรณำ
เขา้ รว่ มอบรมสาย หนงั สือตกั เตือน
เกนิ 5 นาที
ไม่เขา้ รว่ มอบรม ปรบั เทา่ กบั มีผลตอ่
คา่ ลงทะเบยี นต่อ การประเมินผล
เขา้ รว่ มกิจกรรมครบ 100% หวั หกั จากเงนิ เดือน การปฏิบตั ิงาน
เขา้ รว่ มอบรมแต่อยไู่ มค่ รบ ไดร้ บั เกียรติบตั ร
หลกั สตู ร ไม่ไดร้ บั เกียรตบิ ตั ร ประจาปี
และใหด้ าเนนิ การ
ไปอบรมเพม่ิ เตมิ
ในหวั ขอ้ ท่ขี าด
การอบรม
* การอบรมของบคุ ลากรตอ้ งเป็นไปตามท่ี โรงเรียนกาหนดคือ อยา่ งนอ้ ย 50 ชว่ั โมง / ปี การศึกษาหากบุคลากรไม่สามารถเขา้ ร่วมกิจกรรมอบรมท่ี
โรงเรียนจดั ได้ สามารถไปหาสถานท่ีที่จดั อบรม ในหวั ขอ้ เดียวกบั ที่โรงเรียนจดั และรับผิดชอบค่าใชจ้ า่ ยเองท้งั หมด และใชส้ ิทธ์ิลากิจ
33
1.6กำรเขำ้ ร่วมอบรม ของหน่วยงำนภำยนอกที่โรงเรียนส่งไปอบรม
รำยกำร เกณฑ์
กำรพิจำรณำ
โรงเรยี นสง่ อบรม และชาระค่าใชจ้ า่ ยในการอบรมไปให้ ใหบ้ คุ ลากรรบั ผิดชอบคา่ ใชจ้ ่ายท่ี
หน่วยงานท่จี ดั เรยี บรอ้ ยแลว้ เกดิ ขนึ้ ทงั้ หมด 100%
และบคุ ลากรไมส่ ามารถเขา้ ทกุ กรณี
อบรมได้
โรงเรยี นสง่ อบรม และหลงั จากอบรมบุคลากรลาออก ใหบ้ คุ ลากรรบั ผดิ ชอบคา่ ใชจ้ ่ายท่ี
กอ่ น เกดิ ขนึ้ 50%
ครบ 90 วนั หลงั อบรม ทกุ กรณี
34
กำรประเมนิ ผลกำรปฏิบัตงิ ำน
ระยะเวลำในกำรประเมนิ
ประเภทบุคลำกรทดลองงำน
เม่อื ปฏบิ ตั ิงานครบ 6 เดือน ตอ้ งไดร้ บั การประเมินผลการปฏิบตั ิจากคณะกรรมการซง่ึ ไดร้ บั
การแตง่ ตงั้ จากผอู้ านวยการ
โรงเรียนจะประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานทกุ ปีการศกึ ษา ดงั นี้
ครง้ั ท่ี 1 เดอื นกนั ยายน
ครงั้ ท่ี 2 เดือนกมุ ภาพนั ธ์
กำรประเมินผลกำรปฏบิ ัติงำนแบ่งเป็ น 3 สว่ น ดังนี้ 70%
1. ประเมินจากภาระงานหลกั ของตาแหน่ง 25%
2. ประเมินผลจากการปฏิบตั ิงานท่วั ไป 5%
3. ประเมินความรว่ มมอื และความมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมโรงเรียน
กำรประเมินจำกภำระงำนหลกั ของตำแหน่ง รอ้ ยละ 25
รอ้ ยละ 25
สัดส่วนน้ำหนักและคะแนนในกำรประเมิน รอ้ ยละ 25
สัดสว่ นผลจำกกำรประเมิน แบง่ ไดด้ ังนี้ รอ้ ยละ 25
ครูประจำกำร
- นกั เรียนประเมิน
- หวั หนา้ กลมุ่ สาระฯ ประเมิน
- ประเมินตนเอง และ ผรู้ ว่ มงานในกลมุ่ สาระฯ/ฝ่าย
- หวั หนา้ ฝ่าย และผบู้ รหิ าร
บุคลำกรสำยสนับสนุน รอ้ ยละ 25
- ผใู้ ชบ้ รกิ าร รอ้ ยละ 25
- หวั หนา้ งานประเมิน รอ้ ยละ 25
- ประเมินตนเอง และ ผรู้ ว่ มงานในสายสนบั สนนุ รอ้ ยละ 25
- หวั หนา้ ฝ่าย และผบู้ รหิ าร
35
องคป์ ระกอบของคณะกรรมกำรและหน้ำท่ี
คณะกรรมกำรประเมินผลกำรปฏบิ ัตงิ ำน
ใหผ้ อู้ านวยการ แต่งตงั้ คณะกรรมการประเมินผลการปฏิบตั งิ าน ประกอบดว้ ย
1 ผอู้ านวยการ ประธานกรรมการ
2. ท่ีปรกึ ษาฝ่ายวชิ าการ กรรมการ
3 รองผอู้ านวยการ กรรมการ
4. ผชู้ ว่ ยผอู้ านวยการ กรรมการ
5 หวั หนา้ ฝ่ายวิชาการ กรรมการ
6. หวั หนา้ ฝ่ายพฒั นาผเู้ รียน กรรมการ
7 หวั หนา้ ฝ่ายอานวยการ กรรมการและเลขานกุ าร
วธิ ีกำรประเมนิ ผลกำรปฏิบตั ิงำน ใหม้ กี ำรประเมนิ จำก
1. ประเมินจากภาระงานหลกั ของตาแหน่ง
การประเมินจากแบบประเมินออนไลนข์ องโรงเรยี น โดยใชป้ ระเมิน 360 องศา
2. ประเมินผลจากการปฏบิ ตั งิ านท่วั ไป
ขอ้ มลู สถิตกิ ารปฏิบตั งิ านจากงาบคุ ลากร การปฏิบตั ิงานรอง และขอ้ มลู จากผบู้ รหิ าร
3. ประเมินความรว่ มมอื และความมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมโรงเรยี น
กำรปรับขัน้ เงนิ เดอื นและกำรใหข้ องขวัญ
36
กำรปรับข้ันเงนิ เดือน
หลกั เกณฑ์
ผ้มู ีสิทธิ์ไดร้ ับกำรพิจำรณำปรับขั้นเงนิ เดือน ตอ้ งมีคุณสมบตั ิ เบอื้ งตน้ ดังนี้
1. ปฏิบตั ิงาน เป็นเวลาไม่นอ้ ยกว่า 8 เดือน นบั จากวนั ผา่ นการทดลองงาน
จนถงึ วนั ท่ี 30 เม.ย. ของปีถดั ไป หากวนั ปฏิบตั งิ านไมค่ รบใหพ้ ิจารณาในปีถดั ไป
2. ลาป่วย ลากิจไม่เกิน 20 วนั / ปีการศกึ ษา
3. ลาคลอดไม่เกิน 60 วนั / ลาบวชไม่เกิน 30 วนั / ลาไปประกอบพธิ ีฮจั ญไ์ ม่เกนิ 30 วนั
4. วินยั อ่นื ๆ ท่ีถกู ปรบั เป็นการลา ไม่เกนิ 10 วนั
5. คะแนนประเมินผลการปฏิบตั งิ าน ตอ้ งไม่ต่ากว่า 70 เปอรเ์ ซน็ ต์
กำรปรับขัน้ เงนิ เดือน
ปรบั ตงั้ แต่ 1 ขนั้ – 4 ขนั้ ในวงเงินรวมแลว้ ไม่เกนิ รอ้ ยละ 4 ของเงนิ เดือนบุคลากร
เกณฑก์ ำรพจิ ำรณำ
1. ประเมินจากภาระงานหลกั ของตาแหน่ง ปีละ 2 ครง้ั
2. ประเมินผลจากการปฏิบตั งิ านท่วั ไป
-รายงานผลการปฏิบตั งิ าน ตาแหนง่ ครูประจาการ
-รายงานผลการปฏิบตั งิ าน ตาแหนง่ สายสนบั สนนุ
3. ประเมนิ ความรว่ มมือและความมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมโรงเรยี น
ขอ้ มลู จากงานบคุ ลากร
กำรพิจำรณำให้ของขวัญ
37
หลักเกณฑ์
1. ผมู้ สี ทิ ธิไ์ ดร้ บั ของขวญั ทกุ ประเภทตอ้ งทางานครบ 12 เดือน โดยนบั ตงั้ แต่วนั ผา่ นทดลองงาน
จนถงึ วนั ท่ี 30 เม.ย. ของปีถดั ไป และยงั ปฏิบตั ิงานอยใู่ นโรงเรยี น ณ วนั ท่พี ิจารณารบั ของขวญั
2. ลาป่วย ลากิจ สาย รวมลาทกุ กรณีมากกว่า 20 วนั / ปีการศกึ ษา ไม่ไดร้ บั ของขวญั
3. ประวตั ิการทางานในรอบปี พฤตกิ รรม การอทุ ิศตนเสียสละ ความม่งุ ม่นั ท่มุ เท
4. จานวนเงินท่จี ะใหด้ จู ากผลประกอบการ
วนิ ัย และกำรรักษำวินัย
วินยั เป็นส่งิ ท่สี าคญั ท่ีมีต่อกล่มุ ปฏิบตั กิ ารของโรงเรียน มอ.วทิ ยานสุ รณท์ งั้ หมด บุคลากรโรงเรยี น
มอ.วทิ ยานสุ รณจ์ ะตอ้ งควบคมุ ตน และใหค้ วามความรว่ มมือปฏบิ ตั แิ ต่ส่ิงท่ีดีรว่ มกนั หากกระทาผิดวนิ ยั
อยา่ งรา้ ยแรงมโี ทษ ไลอ่ อก เพียงสถานเดยี ว คอื
1. ละทิง้ หนา้ ท่ี หรือขาดงานติดต่อกนั ในคราวเดยี วกนั เป็นเวลาเกินกว่า 15 วนั โดยไมม่ ีเหตผุ ลอนั
สมควร
2. กระทาผดิ วินยั กรณีใดกรณีหนงึ่ เป็นเหตเุ กดิ ความเสยี หายแก่โรงเรยี นอย่างรา้ ยแรง
3. จงใจปฏิบตั ิหรือกระทาใด ๆ อนั เป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความเสยี หายแกโ่ รงเรียนอยา่ งรา้ ยแรง
โทษทางวินยั มี 4 สถาน คือ
1. ภาคทณั ฑ์
2. ตดั ค่าจา้ ง
3. ใหอ้ อก
4. ไลอ่ อก
สวสั ดิการของบุคลากร
38
เพอ่ื เสรมิ แรงจงู ใจใหก้ บั บุคลากร ตาแหน่ง ครปู ระจาการ และบคุ ลากรสายสนบั สนุน ทป่ี ฏบิ ตั งิ าน
ในโรงเรยี นและผา่ นการประเมนิ แลว้ โรงเรยี นจงึ จดั ใหม้ สี วสั ดกิ ารต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. เครอ่ื งแบบพิธีการและชดุ แบบฟอรม์ ของโรงเรยี น
- ชุดสทู สเี ทา และชดุ พธิ กี าร เมอ่ื ผ่านการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านครบ 6 เดอื น
- เสอ้ื เกาะยอ โรงเรยี นสนบั สนุนเฉพาะผา้ ครงั้ เดยี ว
2. สวสั ดิการที่พกั อาศยั
โรงเรยี นสนบั สนุนคา่ ใชจ้ า่ ยทพ่ี กั อาศยั สาหรบั บคุ ลากรทผ่ี า่ นทดลองงาน เดอื นละ 1,500 บาท
(หน่งึ พนั หา้ รอ้ ยบาทถว้ น) สาหรบั บุคลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านครบ 3 ปีการศกึ ษา นบั ถงึ วนั ท่ี 30 เมษายน
ของปีนัน้ ๆ
3. สวสั ดิการค่าครองชีพ ตาแหน่ง สายสนับสนุน
โรงเรยี นใหค้ า่ ครองชพี สาหรบั บคุ ลากรทม่ี เี งนิ เดอื นไม่ถงึ 15,000บาท ทผ่ี า่ นการทดลองงาน
ดงั นี้
วฒุ ิ ปวส. 500 บาท
วฒุ ิ ปริญญาตรี 1,500 บาท
4. ค่ารกั ษาพยาบาล
4.1 กรณีบรรจเุ ป็นครเู อกชน และ บคุ ลากรทางการศึกษา
1. ใชส้ ทิ ธเิ์ บกิ กบั สานกั งานกองทุนสงเคราะห์ ในสทิ ธขิ์ องตนเอง
2. บุคลากรทม่ี คี ่สู มรสรบั ราชการ ใหไ้ ปใชส้ ทิ ธขิ์ องคสู่ มรส ในสว่ นทเ่ี กนิ จากสทิ ธิ์
สานกั งานกองทุนสงเคราะห์
3. บดิ า มารดา บุตร ค่สู มรส ใหใ้ ชส้ ทิ ธิ์ สานกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ หรอื สทิ ธทิ์ ม่ี ี
4. ใชส้ ทิ ธปิ์ ระกนั อบุ ตั เิ หตุ และประกนั สขุ ภาพ ทโ่ี รงเรยี นจดั ให้
4.2 กรณีไม่ได้บรรจเุ ป็นครเู อกชน และบุคลากรทางการศึกษา
39
1. ใชส้ ทิ ธปิ์ ระกนั อบุ ตั เิ หตุ และประกนั สุขภาพ ทโ่ี รงเรยี นจดั ให้
2. ใชส้ ทิ ธปิ์ ระกนั สงั คม
3. บดิ า มารดา บุตร ค่สู มรส ใหใ้ ชส้ ทิ ธสิ์ านกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ หรอื สทิ ธทิ์ ม่ี ี
4.3 กรณีใช้สิทธ์ิความเป็นบุคลากรของโรงเรยี น ให้ครอบครวั เข้ารบั การรกั ษาท่ี รพ.ม.อ.
1. บุคลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านแลว้ 3 ปี
2. ตดิ ต่องานบคุ ลากรของโรงเรยี นเพอ่ื ขอใชส้ ทิ ธิ์ ให้ บตุ ร คสู่ มรส บดิ า มารดาของตนเอง หรอื
บุคลากรทม่ี สี ทิ ธปิ์ ระกนั สงั คม รกั ษาทโ่ี รงพยาบาลหาดใหญ่ ใชส้ ทิ ธริ์ กั ษาทโ่ี รงพยาบาล
สงขลานครนิ ทร์
3. หลงั จากย่นื เอกสารทก่ี องการเจา้ หน้าท่ี ม.อ. รอดาเนนิ การ 60 วนั ใหไ้ ปตรวจสอบสทิ ธกิ์ าร
เขา้ รบั การรกั ษา
5. การประกนั อบุ ตั ิเหตุและประกนั สขุ ภาพ
โรงเรยี นไดจ้ ดั ทาประกนั อุบตั เิ หตแุ ละประกนั สุขภาพ ใหก้ บั บคุ ลากรทกุ คน ทผ่ี ่านการทดลองงาน
การเขา้ รบั การรกั ษาใหเ้ ป็นไปตามเงอ่ื นไขทโ่ี รงเรยี นทาไวก้ บั บรษิ ทั ฯประกนั ในแตล่ ะปี
6. ค่าเล่าเรยี นบุตร
กรณีบรรจเุ ป็นครเู อกชน และ บุคลากรทางการศึกษา
1. ใชส้ ทิ ธเิ์ บกิ กบั สานกั งานกองทุนสงเคราะห์ ในสทิ ธขิ์ องตนเอง
2. บคุ ลากรทม่ี คี สู่ มรสรบั ราชการ ใหใ้ ชส้ ทิ ธเิ์ บกิ กบั ค่สู มรส
กรณีไมไ่ ด้บรรจุเป็นครเู อกชน และบุคลากรทางการศึกษา
1. ใชส้ ทิ ธเิ์ บกิ กบั โรงเรยี นแบบรว่ มจ่าย โดยโรงเรยี นใหส้ ทิ ธกิ์ ารเบกิ 60 เปอรเ์ ซน็ ต์
ของคา่ ธรรมเนียมการเรยี น ไมเ่ กนิ 10,000 บาท /ปี
2. ใหส้ ทิ ธเิ์ บกิ กบั บุตรทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎหมาย
3. ใหส้ ทิ ธบิ์ ุตร จานวน 2 คน ตงั้ แต่ระดบั อนุบาล จนถงึ ปรญิ ญาตรี
40
เสรมิ แรงจงู ใจ
7. เงินยืมเพื่อศึกษาต่อหลกั สตู ร ป.บณั ฑิต
บุคลากรเมอ่ื ผ่านการทดลองงาน สามารถยมื เงนิ เพอ่ื ศกึ ษาตอ่ หลกั สตู ร ป.บณั ฑติ โดยใหเ้ ป็นไป
ตามขนั้ ตอนการทาสญั ญายมื เงนิ ใหต้ ดิ ตอ่ งานการเงนิ และพสั ดุ
8. กองทนุ สารองเลีย้ งชีพ
โรงเรยี นร่วมกบั บรษิ ทั หลกั ทรพั ยจ์ ดั การกองทุนไทยพาณิชย์ จากดั จดั ตงั้ เป็นกองทนุ สารองเลย้ี ง
ชพี มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื เป็นสวสั ดกิ ารและหลกั ประกนั แกบ่ ุคลากรเมอ่ื ออกจากงาน ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จาก
กองทนุ คอื เงนิ บาเหน็จมาจากเงนิ สะสมของสมาชกิ รวมกบั เงนิ สมทบทโ่ี รงเรยี นจ่ายใหเ้ ป็นรายเดอื น
พรอ้ มดอกผลทเ่ี กดิ ขน้ึ
หลกั การจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ
สมาชกิ ตอ้ งจ่ายเงนิ สะสมเขา้ กองทุนเป็นรายเดอื นและโรงเรยี นจะสมทบใหเ้ ท่ากบั เงนิ ทส่ี มาชกิ
สะสม ในอตั รารอ้ ยละ ดงั น้ี
อายุสมาชิก อตั ราเงินสะสม/สมทบ (ร้อยละ)
ตงั้ แต่เรมิ่ สมาชกิ ไมเ่ กนิ 8 ปี 3/3
ครบ 8 ปี หรอื มากกว่า 4/4
สมาชกิ จะไดร้ บั เงนิ คนื เมอ่ื ลาออกจากกองทุน หรอื เกษยี ณอายกุ ารปฏบิ ตั งิ าน
หลกั การจ่ายเงินสมทบและผลประโยชน์ที่เกิดจากการบริหารเงินคืนสมาชิก
การจ่ายเงนิ สมทบจากโรงเรยี นและการไดร้ บั ผลประโยชน์ทเ่ี กดิ จากบรษิ ทั หลกั ทรพั ยจ์ ดั การกองทุน
ไทยพาณิชย์ จากดั (บลจ.) บรหิ าร ไดก้ าหนดจ่ายใหแ้ กส่ มาชกิ ตามอายุสมาชกิ ดงั น้ี
อายสุ มาชิก เงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ(ร้อยละ)
ต่ากว่า 2 ปี 0
ครบ 2 ปี หรอื มากกว่าแต่ไมค่ รบ 4 ปี 50
ครบ 4 ปี หรอื มากกว่า 100
อน่งึ สมาชกิ ทจ่ี ะไดร้ บั เงนิ สมทบและผลประโยชน์ชองเงนิ สมทบ รอ้ ยละ 100 โดยไม่คานงึ ถงึ อายุ
สมาชกิ มไี ดใ้ นกรณี ดงั ต่อไปน้ี
1. ถงึ แกก่ รรม
2. กองทุนเป็นอนั ยกเลกิ
3. เป็นบคุ คลวกิ ลจรติ ไรค้ วามสามารถ
4. เจบ็ ป่วยจนไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ านได้
5. ทพุ พลภาพ
41
วธิ กี ารสมคั รเขา้ กองทุน
1. เมอ่ื บุคลากรผ่านการประเมนิ การปฏบิ ตั งิ านครบ 1 ปี (ไม่นบั ชว่ งทดลองงาน)
2. โรงเรยี นจะเปิดรบั สมคั รปีละ 1 ครงั้ ตงั้ แตว่ นั เปิดภาคเรยี นภายในเวลา 30 วนั ของทกุ ปี
3. กรณที ล่ี าออกจากกองทนุ แลว้ จะสมคั รใหม่ไดก้ ต็ อ่ เม่อื ลาออกมาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 3 ปี
4. ตดิ ต่องานบุคลากรเพอ่ื สมคั รเขา้ กองทุน หลงั จากสมคั รแลว้ ไดร้ บั คายนื ยนั จากกองทนุ
ในการเป็นสมาชกิ โรงเรยี นจะหกั เงนิ ผ่านบญั ชเี งนิ เดอื น สง่ เงนิ เขา้ กองทนุ
การออกจากกองทนุ
1. ลาออกจากกองทนุ
2. เม่อื พน้ สภาพความเป็นบุคลากรของโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์
3. ไล่ออก จะไมม่ สี ทิ ธริ์ บั เงนิ ในสว่ นเงนิ สมทบและดอกผลของเงนิ สมทบ
4. การตดิ ตอ่ ขอรบั เงนิ กองทนุ ทางงานบุคลากรจะดาเนนิ การดา้ นเอกสาร สง่ ไปยงั กองทนุ ฯ
ทาง กองทนุ ฯ จะโอนเงนิ ทบ่ี ุคลากรจะไดร้ บั เขา้ บญั ชธี นาคารตามทไ่ี ดแ้ จง้ ไว้ ทงั้ น้ีระยะเวลา
ขน้ึ อย่กู บั การดาเนินการดา้ นเอกสาร
9. บรรจคุ รเู อกชนและบุคลากรทางการศึกษา
เม่อื ผา่ นการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน และมอี ตั ราว่าง ซง่ึ โรงเรยี นจะบรรจตุ ามลาดบั การเขา้
ปฏบิ ตั งิ านและผลการประเมนิ การปฎบิ ตั งิ าน และเป็นไปตามระเบยี บฯ
10. สมาชิกสหกรณ์ออมทรพั ยม์ หาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ จากดั
เม่อื บคุ ลากรปฏบิ ตั งิ านครบ 6 เดอื น และผา่ นการประเมนิ สามารถสมคั รเป็นสมาชกิ สหกรณ์
ออมทรพั ย์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ จากดั เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั สวสั ดกิ ารต่างๆ ในดา้ นเงนิ ฝาก
และ การกยู้ มื
11. สมาชิกสหกรณ์บริการมหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ จากดั
เม่อื บุคลากรปฏบิ ตั งิ านครบ 6 เดอื น และผา่ นการประเมนิ สามารถสมคั รเป็นสมาชกิ สหกรณ์
บรกิ ารมหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ จากดั เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั สวสั ดกิ ารตา่ งๆ ในดา้ นทพ่ี กั อาศยั ,
การซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารดา้ นตา่ งๆ
42
12. ทศั นศึกษาในประเทศและต่างประเทศ
บุคลากรตอ้ งปฏบิ ตั งิ านในโรงเรยี นมาแลว้ อยา่ งน้อย 2 ปี นบั ตงั้ แตว่ นั ผ่านทดลองงาน
จนถงึ วนั ทจ่ี ะเดนิ ทาง โดยไม่ตดิ เงอ่ื นไขจากสญั ญาการปฏบิ ตั งิ าน ซง่ึ จะพจิ ารณาเป็นรายบุคคล
13. ของขวญั พเิ ศษสาหรบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านต่อเน่อื ง (ไม่นบั เวลาช่วงทดลองงาน)
13.1 มีอายุงานครบก่อนวนั ที่ 26 มกราคม ของทกุ ปี ตามประกาศของโรงเรียน
13.2 บุคลากรท่ปี ฏบิ ตั ิงานมาแลว้ 5 ปี ขนึ้ ไป นบั ถงึ วนั ท่ี 26 มกราคม ของแตล่ ะปี จะไดร้ บั ของขวญั
พเิ ศษ มลู คา่ เทียบเท่า 1,600 – 2,400 บาท / เดือน โดยจะตอ้ งปฏิบตั ิงานจนถึงวนั ท่ี 30 เมษายน ของปี
และโรงเรยี นจะจา่ ยใหใ้ นเดือนพฤษภาคมของปีนนั้ ๆ
14. การประกนั สงั คม
สาหรบั บุคลากรทป่ี ฏบิ ตั งิ านในช่วงทดลองงาน และ รอการบรรจุ
15. เครอื่ งราชอิสริยาภรณ์บุคลากร
เมอ่ื บุคลากรทบ่ี รรจุเป็นครเู อกชน ปฏบิ ตั งิ านครบ 8 ปี นบั จากวนั ทบ่ี รรจุ สามารถดาเนินการขอ
เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ได้
16. การฌาปณกิจสงเคราะหเ์ พ่ือนครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ชพค.) และ
การช่วยเหลอื เพอื่ นสมาชิกครุ สุ ภา ในกรณีค่สู มรสถึงแก่กรรม (ชพส. )
คณุ สมบตั ิของผมู้ สี ิทธิสมคั รเป็นสมาชิก ช.พ.ค.
- ครู
- คณาจารย์
- ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
- ผบู้ รหิ ารการศกึ ษา
- บุคลากรทางการศกึ ษาอ่นื
- ผปู้ ฏบิ ตั งิ านดา้ นการศกึ ษา หรอื
- เป็นสมาชกิ ครุ สุ ภา
43
การสมคั รเป็นสมาชิก ช.พ.ค.
ผสู้ มคั รเป็นสมาชกิ ช.พ.ค.ต้องมอี ายไุ ม่เกนิ 35 ปีบรบิ ูรณ์นบั ถงึ วนั สมคั ร นอกจากน้ยี งั ใหค้ รอู ตั รา
จา้ ง ลูกจา้ งชวั่ คราว และบคุ คลซง่ึ ปฏบิ ตั งิ านในสหกรณ์ออมทรพั ย์ครู สานกั พระพุทธศาสนา กระทรวง
วฒั นธรรม กรมศลิ ปากร หรอื ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ในหน่วยงานทางการศกึ ษา มสี ทิ ธสิ มคั ร ช.พ.ค.ไดด้ ว้ ยผสู้ มคั ร
เป็นสมาชกิ ช.พ.ค.ทม่ี คี ณุ สมบตั ถิ กู ตอ้ งตามระเบยี บ ช.พ.ค. และเอกสารประกอบการสมคั รครบถว้ น จะ
ไดร้ บั สทิ ธกิ ารเป็นสมาชกิ ช.พ.ค.ทนั ทที ผ่ี อู้ านวยการสานกั งาน สกสค.หน่วยงานทร่ี บั สมคั รสงั่ อนุมตั ริ บั เขา้
เป็นสมาชกิ และไดร้ บั สทิ ธกิ ารคุม้ ครองจาก ช.พ.ค.ผสู้ มคั รตอ้ งย่นื ใบสมคั รดว้ ยตนเอง ณ สานกั งาน สกสค.
ทต่ี นสงั กดั เช่น สานกั งาน สกสค.จงั หวดั หรอื กรงุ เทพมหานคร หรอื สานกั งาน ช.พ.ค.
การระบุผ้มู สี ิทธิรบั เงินสงเคราะหค์ รอบครวั
สมาชกิ ช.พ.ค. ตอ้ งระบุบุคคลใดบุคคลหน่งึ หรอื หลายคน ไดแ้ ก่ ค่สู มรส บุตรชอบดว้ ยกฎหมาย
บตุ รบุญธรรม รวมถงึ บุตรนอกสมรสทบ่ี ดิ ารบั รองแลว้ และบดิ า มารดาของสมาชกิ เป็นผมู้ สี ทิ ธริ บั เงนิ
สงเคราะหค์ รอบครวั เป็นลาดบั แรก
การให้บริการสงเคราะหค์ รอบครวั ช.พ.ค.
- เมอ่ื สมาชกิ ถงึ แก่กรรม บคุ คลในครอบครวั ของสมาชกิ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ สงเคราะห์ ซ่งึ แบ่งเป็น 2
ประเภท
ประเภทท่ี 1 เงนิ ค่าจดั การศพ จา่ ยทนั ทที ไ่ี ดร้ บั แจง้ การถงึ แกก่ รรม รายละ 100,000 บาท
* ผมู้ สี ทิ ธริ บั เงนิ ย่นื เรอ่ื งขอรบั เงนิ ค่าจดั การศพไดท้ ส่ี านกั งาน สกสค. ทส่ี มาชกิ ผถู้ งึ แก่กรรมสงั กดั
อยู่ เชน่ สานกั งาน สกสค.จงั หวดั หรอื สานกั งาน สกสค.กรุงเทพมหานคร หรอื สานกั งาน ช.พ.ค.
แลว้ แต่กรณ*ี
ประเภทท่ี 2 เงนิ สงเคราะหค์ รอบครวั จานวนเงนิ ตามทเ่ี กบ็ ไดจ้ ากเพอ่ื นสมาชกิ ทย่ี งั มชี วี ติ อยู่ โดย
หกั คา่ จดั การศพ และค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานแลว้ ปัจจุบนั น้ี จ่ายโดยประมาณ รายละ 570,000
บาท
ผมู้ สี ิทธิรบั เงินสงเคราะห์จาก ช.พ.ค.
ผมู้ สี ทิ ธริ บั เงนิ สงเคราะห์ ช.พ.ค. ตอ้ งเป็นบคุ คลทส่ี มาชกิ ช.พ.ค.ระบุสทิ ธไิ วแ้ ลว้ หรอื ในกรณีท่ี
สมาชกิ ช.พ.ค. ไม่ไดร้ ะบสุ ทิ ธไิ วจ้ ะจ่ายเงนิ สงเคราะหค์ รอบครวั ใหแ้ ก่บคุ คลในครอบครวั ของสมาชกิ
ทถ่ี งึ แกก่ รรมตามลาดบั กอ่ นหลงั ดงั น้ี
(1) ค่สู มรส บตุ รชอบดว้ ยกฎหมาย บตุ รบญุ ธรรมรวมถงึ บุตรนอกสมรสทบ่ี ดิ ารบั รองแลว้ และบดิ า
มารดาของสมาชกิ ช.พ.ค.
(2) ผอู้ ยใู่ นอปุ การะอย่างบุตรของสมาชกิ ช.พ.ค.
(3) ผอู้ ุปการะสมาชกิ ช.พ.ค.
หากผมู้ สี ทิ ธริ บั เงนิ ในแต่ละลาดบั ยงั มชี วี ติ อยู่ ผทู้ อ่ี ย่ใู นลาดบั ถดั ไป ไม่มสี ทิ ธไิ ดร้ บั การสงเคราะห์
ผขู้ อรบั เงนิ ค่าจดั การศพ นอกจากจะตอ้ งเป็นบุคคลตามลาดบั กอ่ นหลงั ดงั กลา่ วมาแลว้ ยงั ตอ้ งเป็น
ผจู้ ดั การศพของสมาชกิ ช.พ.ค.ทถ่ี งึ แกก่ รรม โดยตอ้ งแสดงหลกั ฐานหนงั สอื รบั รองวา่ เป็นผจู้ ดั การ
44
ศพตามแบบท่ี ช.พ.ค.กาหนดหรอื ตามแบบของวดั หรอื สถานทป่ี ระกอบพธิ ที างศาสนา ทม่ี ขี อ้ ความ
ครบถว้ นเช่นเดยี วกนั กไ็ ด้
มาตรการไปสอบบรรจขุ ้าราชการครู
.......................................................
เน่อื งจากในปีทผ่ี ่านมามคี รูขออนุญาตไปสอบและรอบรรจุขา้ ราชการครู ทาใหก้ ารบรหิ ารจดั
การดา้ นงานบุคคลไมส่ ามารถวางแผนอตั รากาลงั เพอ่ื ทดแทนครูทไ่ี ปบรรจไุ ด้ ดงั นนั้ เพอ่ื ให้ เกดิ ประโยชน์
สงู สดุ แกน่ กั เรยี น และใหก้ ารบรหิ ารงานบคุ คลดา้ นอตั รากาลงั เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ คณะกรรมการ
บรหิ ารงานบคุ คลโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ จงึ มมี ตเิ ม่อื คราวประชุมวนั ท่ี 13 พฤษภาคม 2554 ใหย้ กเลกิ
ประกาศโรงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ เรอ่ื ง หลกั เกณฑก์ ารไปสอบบรรจุเป็นขา้ ราชการ พนกั งานของรฐั ลง
วนั ท่ี 14 กรกฎาคม 2552 และใหย้ ดึ แนวทางปฏบิ ตั ติ ามประกาศฉบบั น้แี ทน โดยตอ้ งปฏบิ ตั ดิ งั ต่อไปน้ี
1. ผทู้ ม่ี คี วามประสงคไ์ ปสอบตอ้ งลาออกจากการเป็นครโู รงเรยี น มอ.วทิ ยานุสรณ์ก่อน
2. กรณีสอบไม่ผ่านและไม่มชี ่อื ขน้ึ บญั ชี หากมคี วามประสงคจ์ ะกลบั มาเป็นครใู นโรงเรยี น
โรงเรยี น
จะพจิ ารณารบั กลบั เขา้ มาปฏบิ ตั งิ านใหม่ โดยไมต่ อ้ งสอบเฉพาะกรณีทโ่ี รงเรยี น ยงั ไม่ไดบ้ รรจคุ รทู ดแทน
และปฏบิ ตั เิ สมอื นเช่นบุคลากรรบั ใหมท่ กุ ประการ
3. กรณีทไ่ี ปสอบโดยทไ่ี ม่ไดป้ ฏบิ ตั ติ าม ขอ้ 1 แลว้ โรงเรยี นมาทราบภายหลงั จะมโี ทษทางวนิ ยั
ในขนั้ “ไล่ออก”
45
อตั ราค่าใช้จา่ ยในการดาเนินงานเกี่ยวกบั การประชุม อบรม สมั มนา โครงการ และกิจกรรมต่าง
ๆ
.......................................................
หมวด/เรอ่ื ง อตั ราคา่ ตอบแทน/ค่าใชจ้ า่ ย เงอ่ื นไข
1. อตั ราค่าตอบแทนวทิ ยากร
กรณีจดั ให้ครู
-ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ในองคก์ รขนาดใหญ่หรอื ผมู้ ี ตามอตั ราของหน่วยงานตน้ สงั กดั ผ่านการอนุมตั จิ าก
ช่อื เสยี งระดบั ประเทศ ผอู้ านวยการ
- ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 1,200 บาท ต่อ ชวั่ โมง ผ่านการอนุมตั จิ าก
ผอู้ านวยการ
- วทิ ยากรอน่ื
หลกั สตู ร ต่ากว่าปรญิ ญาตรี 300 บาท ตอ่ ชวั่ โมง
หลกั สตู ร สงู กว่าปรญิ ญาตรี 600 บาท ต่อ ชวั่ โมง
กรณีจดั ให้นักเรยี น 300 บาท ตอ่ ชวั่ โมง
2. อตั ราค่าเดนิ ทาง ตามทจ่ี า่ ยจรงิ นาหลกั ฐาน บตั รโดยสาร
วิทยากร ตามทจ่ี า่ ยจรงิ มาแนบประกอบการเบกิ จา่ ย
เครอ่ื งบนิ ชนั้ ประหยดั ตามทจ่ี า่ ยจรงิ
รถไฟ 4 บาท ตอ่ กโิ ลเมตร
เหมาจ่าย 400 บาท/ครงั้
รถประจาทาง
รถยนตส์ ่วนตวั ตามทจ่ี า่ ยจรงิ
ภายในจงั หวดั สงขลา ตามทจ่ี ่ายจรงิ
บุคลากรภายในโรงเรียน
โดยเครอ่ื งบนิ ชนั้ ประหยดั
1)ผอู้ านวยการ ,ผชู้ ว่ ยผอู้ านวยการ ,หวั หน้าฝ่าย,ผจู้ ดั การ
MCEC ,ทป่ี รกึ ษาวชิ าการ
รถไฟชนั้ 1 ปรบั อากาศ
1)ผอู้ านวยการ ,ผชู้ ว่ ยผอู้ านวยการ ,หวั หน้าฝ่าย,ผจู้ ดั การ
MCEC ,ทป่ี รกึ ษาวชิ าการ
รถไฟชนั้ 2 ปรบั อากาศ/รถประจาทาง เหมาจ่าย 945 บาท/คน/เทย่ี ว
2) บุคลากร นักเรยี น เหมาจา่ ย 700 บาท/คน
คา่ รถรบั จา้ งในกรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล
46
หมวด/เรื่อง อตั ราค่าตอบแทน/ค่าใช้จา่ ย เงอื่ นไข
ตอ้ งผา่ นการอนุญาตใหใ้ ช้
รถยนต์ (ส่วนตวั ) 4 บาท ตอ่ กโิ ลเมตร สว่ นตวั
ยกเวน้ ใน อ.หาดใหญ่ ระยะทางตามจรงิ กรณีไมม่ กี ารจดั เลย้ี งอาหาร ให้
จา่ ย 100 บาท /คน
3 อตั ราคา่ เบย้ี เลย้ี งบุคลากรและคา่ อาหาร
-ใหน้ าใบเสรจ็ รบั เงนิ พรอ้ ม
กรณีภายในจงั หวดั สงขลา หลกั ฐานการเขา้ ทพ่ี กั มาเป็น
หลกั ฐานในการประกอบการ
- ประชุม อบรม สมั มนา หรอื อ่นื ๆ ไม่มี ชดใชเ้ งนิ ยมื
- กรณีหาทพ่ี กั เอง(ไมม่ ี
- นานักเรยี นไปแขง่ ขนั หรอื รว่ มกจิ กรรม คา่ อาหารกลางวนั 50 บาท/คน /มอ้ื ใบเสรจ็ ) เหมาจา่ ย 300 บาท
ต่อคน / คนื
กรณี เสาร์ อาทติ ย์ วนั หยุดนกั ขตั ฤกษ์ 150 บาท /คน /วนั - กรณเี ดนิ ทางหลายคน ใหพ้ กั
หอ้ งละ 2 คน เพศเดยี วกนั
กรณีไปต่างจงั หวดั
ผรู้ ่วมเลย้ี งรบั รองไม่เกนิ 5 คน/
- ผอู้ านวยการ ,ผชู้ ่วยผอู้ านวยการ ,หวั หน้าฝ่าย,ท่ี 270 บาท /คน /วนั ครงั้ /วทิ ยากร 1 ทา่ น
วทิ ยากร 2 – 3 ท่าน
ปรกึ ษาวชิ าการ, ผจู้ ดั การ MCEC ไมเ่ กนิ 10 คน
- บุคลากร 240 บาท ต่อคน ต่อวนั
- นักเรยี น 100 บาท ตอ่ คน ตอ่ วนั
อตั ราคา่ ทพ่ี กั
4.1 สาหรบั วทิ ยากรภายนอก ไมเ่ กนิ 1,500 บาท ต่อคนต่อวนั
4.2 สาหรบั บคุ ลากร ตามทจ่ี า่ ยจรงิ ไมเ่ กนิ 1,500 บาท
1) จงั หวดั กรุงเทพ เชยี งใหม่ ต่อหอ้ ง ต่อวนั
ภูเกต็ ชลบุรี ตามทจ่ี า่ ยจรงิ ไมเ่ กนิ 1,200 บาท
2) อน่ื ๆ ตอ่ หอ้ ง ตอ่ วนั
อตั ราคา่ อาหารกรณีจดั อบรม/ประชมุ วชิ าการ ไม่เกนิ 200 บาท ต่อคน
คา่ เลย้ี งรบั รองวทิ ยากร
คา่ อาหารกลางวนั ผเู้ ขา้ รว่ มประชุม ไม่เกนิ 60 บาท ต่อคน ตอ่ มอ้ื ในการจดั ประเภทอาหาร ตอ้ ง
- ขา้ วกล่อง ไม่เกนิ 100 บาท ตอ่ คน ตอ่ มอ้ื ไดร้ บั การอนุมตั จิ าก
- บุฟเฟ่ ไม่เกนิ 25 บาท ต่อคน ต่อมอ้ื ผอู้ านวยการ
- ค่าอาหารว่างผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ -
เบกิ จากโรงเรยี น
ค่าเอกสาร
จดั โครงการสาหรบั นักเรยี น (ภายในจงั หวดั ) เหมาจ่าย 200 บาท/คน/โครงการ
คา่ อาหารนักเรยี น เหมาจา่ ย 60 บาท/คน/มอ้ื
คา่ อาหารว่าง เหมาจา่ ย 20 บาท/คน/มอ้ื
ค่ายานพาหนะ ใหด้ าเนนิ จดั หารถจากายในกอ่ นหาก
หาจากภายนอกตอ้ งไดร้ บั การอนุมตั ิ
จากผอู้ านวยการก่อนดาเนนิ การ
47
1. ใหห้ น่วยงานหรอื บคุ ลากรทไ่ี ดร้ บั อนุมตั คิ า่ ใชจ้ ่ายตามอตั ราดงั กล่าว ใชจ้ ่ายทุกรายการตามคา่ ใชจ้ ่ายจรงิ และ ไม่
เกนิ ทก่ี าหนดไว้ ใหส้ ่งเอกสารการเบกิ -จา่ ย พรอ้ มรายงานการเดนิ ทาง กบั งานการเงนิ ภายใน 15 วนั หลงั จาก
เสรจ็ สน้ิ การประชมุ อบรม สมั มนา หรอื ปฏบิ ตั งิ านตา่ งๆ ในแตล่ ะโครงการ
2. หากเป็นโครงการทไ่ี ดร้ บั งบประมาณจากหน่วยงานภายนอก โรงเรยี นจะยดึ หลกั การอนุมตั ติ ามเงอ่ื นไขของ
หน่วยงานนนั้ ๆ
3. กรณีวทิ ยากรภายนอกเดนิ ทางโดยเคร่อื งบนิ ใหเ้ จา้ ของโครงการตดิ ต่อประสานงานและจองตวั ๋ เครอ่ื งบนิ เอง
4. อตั ราค่าใชจ้ า่ ยทกุ รายการตอ้ งไดร้ บั การอนุมตั จิ ากผอู้ านวยการ
5. ตอ้ งอนุมตั ยิ มื เงนิ ก่อนดาเนินการ 7 วนั
6. กรณีมคี วามจาเป็นตอ้ งโดยสารโดยเครอ่ื งบนิ ใหผ้ ่านการอนุมตั จิ ากผอู้ านวยการ