มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 1
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 2 วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 3 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก ในโอกาสเป็นเจ้าภาพ ทอดกฐินสามัคคี ณ วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖
หนังสือกฐินสามัคคี มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก ในโอกาสเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดบ้านเก่า ต.บ้านเก่า อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๖ ภาพหน้าปก วัดบ้านเก่า ภาพปกหลัง วัดบ้านเก่า ถ่ายภาพโดย คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จัดทำ โดย คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 4
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 5
กำ หนดการถวายผ้ากฐิน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา ประจำ ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ณ วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ วันศุกร์ที่๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ พิธีสมโภชผ้ากฐิน เวลา ๑๓.๐๐ น.แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา นักเรียนทั้ง ๓ สถาบันพร้อมกัน ณ ห้องแคแสด ชั้น ๓ อาคารขวัญแก้ว มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล รับชมการแสดง - การแสดง “อาศิรวาท น้อมวันทา” โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา ผู้ฝึกสอน อาจารย์กรองทอง คุ้มพระเนียด - การแสดง “ชพน. Show” วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการ นครราชสีมา ผู้ฝึกสอน อาจารย์ตระการ แสนแก้ว - การแสดง “ฟ้อนยอย้องมุฑิตา อาจริยคุณ” มหาวิทยาลัยวงษ์ ชวลิตกุล ผู้ฝึกสอนสำ นักพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 6
เวลา ๑๓.๓๐ น. ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ประธานสงฆ์กล่าวสัมโมทนียกถา ถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำ รับพร กราบลาพระรัตนตรัย ถ่ายภาพร่วมกัน เสร็จพิธี วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ พิธีถวายผ้ากฐิน เวลา ๐๘.๐๐ น.ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ไปยังวัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เวลา ๐๙.๓๐ น.แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา นักเรียน ทั้ง ๓ สถาบัน พร้อมกัน ณ ศาลาการเปรียญ วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เวลา ๑๐.๐๐ น. ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีกรดำ เนินการตามพิธีถวายผ้ากฐิน พระสงฆ์ทำ พิธีกฐินกรรม ถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำ รับพร เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ หมายเหตุ : การแต่งกายชุดผ้าไทย หรือชุดสุภาพ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 7
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 8
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 9
คำ นำ การทอดกฐินเป็นประเพณีนิยมที่อยู่คู่กับพุทธศาสนิกชนไทย มาช้านาน สันนิษฐานว่าเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและมีหลักฐานปรากฏ ชัดเจนในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ชาวพุทธในประเทศไทย ให้ความสำคัญกับประเพณีการทอดกฐิน โดยถือว่าเป็นงานบุญที่สำคัญสืบทอด กันมาจนถึงปัจจุบัน จึงเชื่อกันว่าการทอดกฐินก่อให้เกิดพลานิสงฆ์ อย่างสูงต่อพระภิกษุผู้กรานกฐินและพุทธศาสนิกชนผู้มีส่วนร่วมใน การทอดกฐิน เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นมรดก ทางวัฒนธรรมและเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีในหมู่พุทธบริษัท สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจของมหาวิทยาลัยคือการทำ นุบำ รุงศิลป วัฒนธรรมของชาติ ควบคู่กับการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ สนับสนุน การวิจัย ส่งเสริมการบริการวิชาการสู่ชุมชนเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับ สำ หรับปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล วิทยาลัยเทคโนโลยี ช่างกลพณิชยการนครราชสีมา และโรงเรียน เกียรติคุณวิทยาได้ขอรับเป็นเจ้าภาพถวายผ้ากฐินสามัคคีเพื่อสมทบ ทุนสร้างศาลาเรือนรับรองทอดถวาย ณ วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพระครูอนุสรณ์วรกิจ ดำ รงตำ แหน่งเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน การถวายผ้ากฐินสามัคคีครั้งนี้ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลได้จัดทำ หนังสืออีเล็กทรอนิกส์(e- book) เพื่อเป็นที่ระลึกแก่พุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาในการถวาย ผ้ากฐิน การจัดพิมพ์สำ เร็จได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจของญาติธรรม ผู้มีจิตศรัทธาหลายฝ่ายที่ให้การสนับสนุน จึงขออนุโมทนาผู้มีกุศลจิต ทุกฝ่ายที่ร่วมบำ เพ็ญกุศลทั้งในส่วนที่เป็นไวยาวัจมัยและบริจาควัตถุปัจจัย มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 10
ไทยธรรมร่วมในงานกฐินครั้งนี้ ขออานิสงส์ผลบุญที่ได้ร่วมกันถวายผ้ากฐินครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ทุกท่านเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสาร สมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 11
สารบัญ หน้า ประวัติวัด...................................................................................๑๑ การทอดกฐิน..............................................................................๒๓ ประวัติมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล..............................................๓๖ หลักสูตรการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล................๔๒ รายนามคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล...............๔๓ รายชื่อคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล............๔๔ คำสั่งมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.................................................๔๕ รายนามผู้บริจาคกฐินสามัคคี............................................................๕๔ ท้ายเล่ม......................................................................................๕๖ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 12
ประวัติวัดบ้านเก่า ตำ�บลบ้านเก่า อำ�เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ประวัติหลวงปู่เซิน แห่งวัดบ้านเก่า จากคำ บอกเล่าของปู่เฒ่า ย่าแก่ ถึงความป็นมาของหลวงปู่เซินว่า ท่านเป็นพระธุดงค์ในสมัยขอม ท่านได้ออกธุดงค์มาถึงวัดบ้านเก่า ซึ่งเป็น วัดเก่าแก่และทรุดโทรม ท่านจึงได้ปักกลดอยู่ข้างโบสถ์หลังเก่าและ จำ พรรษาอยู่ที่วัดบ้านเก่า จนท่านได้มรณภาพลง หลังจากนั้นก็มี นายพรานป่าซึ่งเป็นพรานล่าสัตว์ผ่านมาได้ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ และบารมีของท่าน พรานป่าจึงตั้งศาลด้วยไม้และสังกะสีเก่าขึ้นไว้หลังโบสถ์หลังเก่า ปู่ย่าเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่เซินเป็นพระที่มีวิชาอาคมและเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านเก่ารูปแรกในสมัยโบราณ จากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันตั้งศาลท่านขึ้น มาใหม่ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดบ้านเก่าและเป็นทางเข้า-ออก ของตำ บลบ้านเก่าจนมาถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 13
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 14
สถานที่ตั้ง หมู่ที่ ๑ ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ๓๐๒๑๐ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 15
ด้วยความเชื่อถึงบารมีและความศักสิทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นปาฏิหาริย์ ขึ้นหลายอย่าง เช่น ปกป้องสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน เดินทางไปไหน มาไหนก็แคล้วคลาดปลอดภัย หรือจะขอพรใด ๆ ก็ได้ความปรารถนา ทุกอย่าง จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอำ เภอด่านขุนทดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จนเกิดเป็นความศรัทธาและความเลื่อมใสต่อท่าน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 16
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 17
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 18
อุโบสถทอง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 19
หลวงปู่เซิน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 20
ต่อมาสมัยพระอาจารย์สีมา เจ้าอาวาสวัดบ้านเก่าและอาจารย์ โตด รองเจ้าอาวาสวัดบ้านเก่า มีมัคนายก คุณตาตี คุณตาเลิศ คุณตาตู้ได้อนุญาตให้ครอบครัว จ่าสิบเอกวิเชียร นางสมฤทัย กลมขุนทด จากกองพันเสนารักษ์ จังหวัด นครราชสีมา สร้างรูปเหมือน หลวงปู่เซิ่นขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมี จ่าสิบเอกอรุณ แปะตะลุง จ่าสิบเอก ไพบูลย์ และจ่าสิบเอกมหัศศักดิ์ เป็นผู้ปั้น ปัจจุบันท่านทั้งหมดนี้ ได้เสียชีวิตหมดแล้ว ก่อนจะนำ ไป ประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านเก่าจนถึง ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้ ขอพร จากนั้นทางวัดบ้านเก่าก็ได้ จัดสร้างเหรียญรูปเหมือน พระผง รูปหล่อ ก่อนจะนำ ไปให้หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ปลุกเสกให้และแจกจ่าย ให้กับพี่น้องชาวบ้านเก็บไว้บูชา และคุ้มครองในการเดินทางไปทำงาน ในต่างประเทศ หลังจากนั้น วัดบ้านเก่าร่วมกับพี่น้องชาวบ้าน ก็ได้ จัดการสืบสานประเพณีสรงน้ ำ ท่าน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกปี ใครที่ ขับรถผ่านถนนเส้นนี้ต้องบีบแตร ขอพรให้เดินทางปลอดภัยจาก อันตรายทุกอย่าง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 21
พระครูอนุสรณ์วรกิจ (เงิน) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 22
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 23
กฐินสามัคคีมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล สมทบทุนสร้าง ศาลาเรือนรับรอง ภาพโดย : สำ นักงานพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 24
การทอดกฐิน ประเพณีสำ คัญของพุทธศาสนิกชน นิยมทำกันตั้งแต่ วันแรม๑ค่ ำ เดือน๑๑จนถึงวันขึ้น๑๕ค่ ำ เดือน๑๒ คำ ว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำ หรับขึงผ้า ให้ตึง สะดวกแก่การเย็บ ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึง เสียก่อน แล้วจึงเย็บเพราะช่างยังไม่มีความชำ นาญ อีกทั้งเครื่องมือใน การเย็บก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำ จีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐิน หรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำ เอง ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว เช่นตำ นานกล่าวไว้ว่า การเย็บจีวรนั้น พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า พระสารีบุตร พระมหาโมคคัล ลานะ พระมหากัสสปะ แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วยภิกษุ สามเณรอื่น ๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหา น้ำดื่มเป็นต้น มาถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดาก็เป็นการต้องช่วยกันทำ หลายผู้ หลายองค์ (ไม่เหมือนในปัจจุบันซึ่งมีจีวรสำ เร็จรูปแล้ว) มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 25
“ผ้ากฐิน โดยความหมายก็คือ ผ้าสำ�เร็จรูปโดยอาศัย ไม้สะดึง นิยมเรียกกันจนปัจจุบันนี้” การทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์อย่างต่ ำจำ นวน ๕ รูป แล้วให้พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย จากคณะสงฆ์ให้เป็นผู้รับ กฐินนั้น เขตกำ หนดทอดกฐิน การทอดกฐินเป็นกาลทาน ตามพระวินัยกำ หนดกาลไว้ คือ ตั้งแต่แรม ๑ ค่ ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ ำ เดือน ๑๒ ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะทอด กฐิน ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ ประเพณีทอดกฐินมีเรื่องเล่าว่า ในครั้งพุทธกาล พระภิกษุชาวปาไถยรัฐ (ปาวา) ผู้ทรงธุดงค์จำ นวน ๓๐ รูป เดินทางไกลไปไม่ทันเข้าพรรษา เหลือทางอีก หกโยชน์จะถึงนครสาวัตถี จึงตกลงพักจำ พรรษาที่เมืองสาเกต ตลอดไตรมาส เมื่อออกพรรษาจึงเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดา ณ เชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี ภิกษุเหล่านั้นมีจีวรเก่า เปื้อนโคลน และเปียกชุ่มด้วยนำ ้ฝน ได้รับ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 26
ความลำ บากตรากตรำ มาก พระพุทธเจ้าจึงทรงถือเป็นมูลเหตุ ทรงมี พุทธานุญาตให้ภิกษุที่จำพรรษาครบสามเดือนกรานกฐินได้ และให้ได้รับอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑) เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา ๒) ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบ ๓) ฉันคณะโภชน์ได้ ๔) ทรงอติเรกจีวรได้ตามปรารถนา ๕) จีวรอันเกิดขึ้นนั้นจะได้แก่พวกเธอและได้ขยายเขตอานิสงส์ห้า อีกสี่เดือน นับแต่กรานกฐินแล้วจนถึงวันกฐินเดาะเรียกว่า มาติกาแปด คือ การกำ หนดวันสิ้นสุดที่จะได้จีวร คือ กำ หนดด้วยหลีกไป กำ หนดด้วย ทำจีวรเสร็จ กำ หนดด้วยตกลงใจ กำ หนดด้วยผ้าเสียหาย กำ หนดด้วยได้ยินข่าว กำ หนดด้วยสิ้นหวัง กำ หนดด้วยล่วงเขต กำ หนดด้วยเดาะพร้อมกัน ฉะนั้น เมื่อครบวันกำ หนดกฐินเดาะแล้ว ภิกษุก็หมดสิทธิ์ต้องรักษา วินัยต่อไป พระสงฆ์จึงรับผ้ากฐินหลังออกพรรษาไปแล้วหนึ่งเดือนได้ จึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้ การทอดกฐินในปัจจุบัน ถือว่าเป็นทานพิเศษ กำ หนดเวลาปีหนึ่ง ทอดถวายได้เพียงครั้งเดียว ตามอรรถกถาฎีกาต่าง ๆ พอกำหนดได้ชนิดของกฐิน มี ๒ ลักษณะ คือ จุลกฐิน การทำ จีวร พระพุทธเจ้า ทรงบัญญัติสิกขาบท ทุกฝ่ายต้อง ช่วยกันทำ ให้เสร็จภายในกำ หนด หนึ่งวัน ทำฝ้าย ปั่น กรอ ตัด เย็บ ย้อม ทำ ให้เป็นขันธ์ได้ขนาดตามพระวินัย แล้วทอดถวายให้เสร็จในวันนั้น มหากฐิน คืออาศัยปัจจัยไทยทาน บริวารเครื่องกฐินจำ นวนมาก ไม่รีบด่วน เพื่อจะได้มีส่วนหนึ่งเป็น ทุนบำ รุงวัด คือทำ นวกรรมบ้าง ซ่อมแซมบูรณะของเก่าบ้าง ปัจจุบัน นิยมเรียกกันว่า กฐินสามัคคี มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 27
การทอดกฐินในเมืองไทย แบ่งออกตามประเภทของวัดที่จะไปทอด คือ พระอารามหลวง ผ้าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ พระราชดำ เนินไปพระราชทานด้วยพระองค์เอง หรือโปรดเกล้า ฯ ให้ พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ไปพระราชทาน เครื่องกฐินทานนี้จัดด้วยพระราช ทรัพย์ของพระองค์เอง เรียกว่า กฐินหลวง บางทีก็เสด็จไปพระราชทานยัง วัดราษฎร์ด้วย นิยมเรียกว่า กฐินต้น ผ้ากฐินทานนอกจากที่ได้รับกฐินของ หลวงโดยตรงแล้ว พระอารามหลวงอื่น ๆ จะได้รับกฐินพระราชทาน ซึ่งโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้ากฐินทานและเครื่องกฐินแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ส่วนราชการ หรือเอกชนให้ไปทอด โดยรัฐบาลโดยกรม ศาสนาจัดผ้าพระกฐินทาน และเครื่องกฐินถวายไป ผู้ได้รับพระราชทาน อาจจะถวายจตุปัจจัย หรือเงินทำ บุญที่วัดนั้นโดยเสด็จในกฐินพระราชทานได้ ส่วนวัดราษฎร์ทั่วไป คณะบุคคลจะไปทอดโดยการจองล่วงหน้าไว้ก่อน ตั้งแต่ในพรรษา ก่อนจะเข้าเทศกาลกฐินถ้าวัดใดไม่มีผู้จอง เมื่อใกล้ เทศกาลกฐิน ประชาชนทายกทายิกาของวัดนั้นก็จะรวบรวมกันจัดการ ทอดกฐิน ณ วัดนั้นในเทศกาลกฐิน การจองกฐิน วัดราษฎร์ทั่วไปนิยมทำ เป็นหนังสือจองกฐินไปติดต่อประกาศไว้ยังวัด ที่จะทอดถวาย เป็นการเผดียงสงฆ์ให้ทราบวันเวลาที่จะไปทอด หรือจะไป นมัสการเจ้าอาวาสให้ทราบไว้ก็ได้ สำ หรับการขอพระราชทานผ้าพระกฐิน ไปทอด ณ พระอารามหลวงให้แจ้งกรมการศาสนา เพื่อขึ้นบัญชีไว้ กราบบังคมทูลและแจ้งให้วัดทราบ ในทางปฏิบัติผู้ขอพระราชทานจะไปติดต่อ กับทางวัดในรายละเอียดต่าง ๆ จนก่อนถึงวันกำ หนดวันทอด จึงมารับผ้า พระกฐินและเครื่องกฐินพระราชทานจากกรมศาสนา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 28
การนำกฐินไปทอด ทำ ได้สองแบบ แบบที่หนึ่งคือ นำผ้ากฐินทานกับเครื่องบริวารที่จะถวาย ไปตั้งไว้ ณ วัดที่จะทอดก่อน พอถึงวันกำ หนดเจ้าภาพผู้เป็นเจ้าของกฐิน หรือ รับพระราชทานผ้ากฐินทานมา จึงพากันไปยังวัดเพื่อทำ พิธีถวาย แบบที่ สอง คือ ตามคติที่ถือว่าการทอดกฐินเป็นการถวายทานพิเศษแก่พระสงฆ์ ที่ได้จำ พรรษาครบไตรมาส นับว่าได้กุศลแรง จึงได้มีการฉลองกฐินก่อน นำ ไปวัดเป็นงานใหญ่ มีการทำ บุญเลี้ยงพระที่บ้านของผู้เป็นเจ้าของกฐิน และเลี้ยงผู้คน มีมหรสพสมโภชและบางงานอาจมีการรวบรวมปัจจัยไป วัดถวายพระอีกด้วย เช่น ในกรณีกฐินสามัคคี พอถึงกำ หนดวันทอดก็จะมี การแห่แหนเป็นกระบวนไปยังวัดที่จะทอด มีเครื่องบรรเลงมีการฟ้อนรำ นำขบวนตามประเพณีนิยม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 29
การถวายกฐิน นิยมถวายในโบสถ์ โดยเฉพาะกฐิน พระราชทาน ก่อนจะถึงกำ หนด เวลาจะเอาเครื่องบริวารกฐินไป จัดตั้งไว้ในโบสถ์ก่อน ส่วนผ้ากฐิน พระราชทานจะยังไม่นำ เข้าไป พอถึงกำหนดเวลาพระสงฆ์ที่จะรับกฐิน จะลงโบสถ์พร้อมกัน นั่งบนอาสนะ ที่จัดไว้ เจ้าภาพของกฐินพร้อมด้วย ผู้ร่วมงานจะพากันไปยังโบสถ์ เมื่อถึงหน้าโบสถ์เจ้าหน้าที่จะนำ ผ้าพระกฐินไปรอส่งให้ประธาน ประธานรับผ้าพระกฐินวางบน มือถือประคอง นำ คณะเดินเข้าสู่ โบสถ์ แล้วนำ ผ้าพระกฐินไปวาง บนพานที่จัดไว้หน้าพระสงฆ์ และ หน้าพระประธานในโบสถ์ คณะ ที่ตามมาเข้านั่งที่ ประธานจุดธูป เทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วกราบ พระพุทธรูปประธานในโบสถ์ แบบเบญจางคประดิษฐ์สามครั้ง แล้วลุกมายกผ้าพระกฐินในพานขึ้น ดึงผ้าห่มพระประธานมอบให้เจ้าหน้าที่ รับไปห่มพระประธานทีหลัง แล้ว ประนมมือวางผ้าพระกฐินบนมือ ทั้งสอง หันหน้าตรงพระสงฆ์แล้วกล่าว คำ ถวายผ้าพระกฐิน จบแล้ว พระสงฆ์รับ สาธุการ ประธานวางผ้า พระกฐินลงบนพานเช่นเดิม แล้วกลับเข้า นั่งที่ ต่อจากนี้ไปเป็นพิธีกรานกฐิน ของพระสงฆ์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 30
กฐินของประชาชน หรือ กฐิน สามัคคี หรือในวัดบางวัดนิยมถวาย กันที่ศาลาการเปรียญ หรือวิหาร สำ หรับทำ บุญ แล้วเจ้าหน้าที่จึงนำ ผ้ากฐินที่ถวายแล้วไปถวายพระสงฆ์ ทำ พิธีกรานกฐินในโบสถ์เฉพาะ พระสงฆ์อีกทีหนึ่งการทำพิธีกฐินัตการกิจ ของพระสงฆ์ เริ่มจากการกล่าว คำ ขอความเห็นที่เรียกว่าอปโลกน์ และการสวดญัตติทุติยกรรม คือ การยินยอมยกให้ ต่อจากนั้น พระสงฆ์รูปที่ได้รับความยินยอม นำ ผ้าไตรไปครองเสร็จแล้วขึ้นนั่ง ยังอาสนเดิม ประชาชนผู้ถวาย พระกฐินทาน ทายกทายิกา และผู้ร่วม บำ เพ็ญกุศล ณ ที่นั้น เข้าประเคน สิ่งของอันเป็นบริวารขององค์กฐิน ตามลำ ดับจนเสร็จแล้ว พระสงฆ์ ทั้งนั้นจับพัด ประธานสงฆ์เริ่มสวดนำ ด้วยคาถาอนุโมทนา ประธาน หรือเจ้าภาพ กรวดนำ ้และรับพรจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี “ผู้ประสงค์จะทอดกฐินจะทำ�อย่างไร พุทธศาสนิกชนทั่วไปย่อมถือกันว่า การทำ�บุญทอดกฐินเป็นกุศลแรง เพราะเป็นกาลทาน ทำ�ได้เพียงปีละ ๑ ครั้งและต้องทำ�ในกำ�หนดเวลา ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ ดังนั้นถ้ามีความเลื่อมใสใคร่จะทอดกฐิน บ้างแล้ว พึงปฏิบัติดังต่อไปนี้” มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 31
จองกฐิน เมื่อจะไปจองกฐิน ณ วัดใด พอเข้า พรรษาแล้ว พึงไปมนัสการสมภาร เจ้าวัดนั้น กราบเรียนแก่ท่านว่าตนมี ความประสงค์จะขอทอดกฐิน แล้ว เขียนหนังสือปิดประกาศไว้ ณ วัดนั้น เพื่อให้รู้ทั่ว ๆ กัน การที่ต้องไป จองก่อนแต่เนิ่น ๆ ก็เพื่อให้ได้ทอด วัดที่ตนต้องการ หากมิเช่นนั้นอาจมี ผู้อื่นไปจองก่อน นี้กล่าวสำ หรับ วัดราษฎร์ซึ่งราษฎรมีสิทธิจองได้ ทุกวัด แต่ถ้าวัดนั้นเป็นวัดหลวง อันมี ธรรมเนียมว่าต้องได้รับกฐินหลวง แล้ว ทายกนั้น ครั้นกราบเรียน เจ้าอาวาสท่านแล้ว ต้องทำ หนังสือยื่น ต่อกองสัมฆการีกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการขอเป็นกฐิน พระราชทาน ครั้นคำอนุญาตตกไป ถึงแล้ว จึงจะจองได้ เตรียมการ ครั้นจองกฐินเรียบร้อยแล้ว เมื่อออก พรรษาแล้ว จะทอดกฐินในวันใด ก็กำ หนดให้แน่นอน แล้วกราบเรียน ให้เจ้าวัดท่านทราบวันกำ หนดนั้น ถ้าเป็นอย่างชนบท สมภารเจ้าวัด ก็บอกติดต่อกับชาวบ้านว่าวันนั้นวันนี้ เป็นวันทอดกฐินให้ร่วมแรงร่วมใจกัน จัดหาอาหารไว้เลี้ยงพระและเลี้ยงผู้มา ในการกฐิน ครั้นกำ หนดวันทอดกฐินแล้ว ก็เตรียมจัดหาเครื่องผ้ากฐินคือ ไตรจีวร พร้อมทั้งเครื่องบริขารอื่น ๆ ตามแต่มีศรัทธามากน้อย (ถ้าจัดเต็ม ที่มักมี ๓ ไตรคือ องค์ครอง ๑ ไตร คู่สวดองค์ละ ๑ ไตร) อนึ่ง ถ้าตั้งองค์กฐินในวัดที่จะทอดนั้น เช่น ในชนบทตอนเย็น ก็แห่องค์พระกฐิน ไปตั้งที่วัด กลางคืนมีการฉลอง รุ่งขึ้นเลี้ยงพระเช้าแล้ว ทอดกฐิน ถวาย ภัตตาหารเพล มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 32
วันงาน พิธีทอดกฐินเป็นบุญใหญ่ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น โดยมากจึงจัดงานเป็น ๒ วัน วันต้นตั้งองค์พระกฐินที่บ้านของ เจ้าภาพก็ได้ จะไปตั้งที่วัดก็ได้ กลางคืนมีการมหรสพครึกครื้นสนุกสนาน ญาติพี่น้องและมิตรสหายก็มักจะมา ร่วมอนุโมทนา รุ่งขึ้นเป็นที่วัดทอด ถ้าไปทางบกก็มี แห่ทางขบวนรถ หรือเดินขบวนกันไป มีแตรวง หรืออื่น ๆ เป็นการครึกครื้น ถ้าไปทางเรือ ก็มีแห่งทางขบวนเรือสนุกสนาน โดยมากมักแห่ไปตอนเช้าและเลี้ยง พระเพล การทอดกฐินจะทอด ในตอนเช้านั้นก็ได้ ทอดเพลแล้วก็ได้ สุดแล้วแต่สะดวก การเลี้ยงพระ ถ้าเป็นอย่างในชนบท ชาวบ้านจัด ภัตตาหารเลี้ยงด้วย เจ้าของงาน กฐินก็จัดไปด้วย อาหารมากมาย เหลือเฟือ แม้ข้อนี้ก็สุดแต่กาละ เทศะแห่งท้องถิ่น มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 33
การถวายผ้ากฐิน การถวายผ้ากฐิน เริ่มจากพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว เจ้าภาพอุ้มผ้ากฐินนั่งหันหน้าตรงต่อพระประธาน ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วหันหน้า มาทางพระสงฆ์ กล่าวคำ ถวายผ้ากฐิน ๓ จบ ถ้าเป็นกฐินสามัคคี ก็มักเอาด้วยสายสิญจน์โยงผ้ากฐิน เมื่อจับได้ทั่วถึงกัน แล้วหัวหน้านำว่า คำถวาย ครั้นจบแล้ว พระสงฆ์รับว่าสาธุ เจ้าภาพก็ประเคนผ้าไตรกฐินแก่ ภิกษุผู้เถระ ครั้นแล้วประเคนเครื่องบริขารอื่น ๆ เสร็จแล้ว พระสงฆ์ก็ทำ พิธีมอบผ้าให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเถระ มีจีวรเก่า รู้ธรรมวินัย ครั้นเสร็จแล้ว พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน้ ำ รับพร ก็เป็นอันเสร็จ พิธีการทอดกฐินเพียงนี้ อานิสงส์กฐินสำ หรับพระ ในพระวินัย ระบุอานิสงส์กฐินไว้ ๕ ข้อ คือ ๑. เข้าบ้านได้โดยมิต้องบอกลาภิกษุด้วยกัน ๒. เอาไตรจีวรไปโดยไม่ครบสำ รับได้ ๓. ฉันอาหารเป็นคณะโภชน์ได้ ๔. เก็บจีวรไว้ได้ตามปรารถนา ๕. ลาภที่เกิดขึ้นเป็นของเธอผู้จำ พรรษาในวัดนั้น อานิสงส์กฐินสำ หรับผู้ทอด ยังไม่มีการระบุโดยตรงในพระบาลี แต่ว่า การทอดกฐินเป็นกาลทาน ปีหนึ่งทำ ได้ครั้งเดียว วันหนึ่งทำ ได้ครั้งเดียวในปี หนึ่ง ๆ ต้องทำ ภายในกำ หนดเวลาและผู้ทอดก็ต้องตระเตรียมจัดทำ เป็น งานใหญ่ ต้องมีผู้ช่วยเหลือหลายคน จึงนิยมกันว่าเป็นพิธีบุญที่อานิสงส์แรง พิธีเช่นนี้ได้ทั้งโภคสมบัติ เพราะเราเองบริจาค ได้ทั้งบริวารสมบัติเพราะ ได้บอกบุญแก่ญาติมิตรให้มาร่วมการกุศล กาลทานเช่นนี้ เรียกว่า ทาน ทางพระวินัย มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 34
หมายเหตุ : ในการทอดกฐินนี้ ยังมีกฐินและข้อพิเศษที่ควรนำ มากล่าวไว้ด้วย คือ ๑. จุลกฐิน ๒.ธงจระเข้ ๑. จุลกฐิน มีกฐินพิเศษอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่าจุลกฐินเป็นงานที่มีพิธีมาก ถือกันว่ามาแต่โบราณว่า มีอานิสงส์มากยิ่งนัก วิธีทำ นั้นคือ เก็บผ้ามากรอ เป็นด้าย และทอให้แล้วเสร็จเป็นผืนผ้าในวันเดียวกัน และนำ ไปทอดในวันนั้น กฐินชนิดนี้ ต้องทำแข่งกับเวลา มีผู้ทำ หลายคน แบ่งกันเป็นหน้าที่ ๆ ไป ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยนิยมทำกันแล้ว“วิธีทอดจุลกฐินนี้มีปรากฏในหนังสือ เรื่องคำ ให้การชาวกรุงเก่าว่า บางทีเป็นของหลวงทำ ในวันกลางเดือน ๑๒ คือ ถ้าสืบรู้ว่าวัดไหนยังไม่ได้รับกฐิน ถึงวันกลางเดือน ๑๒ อันเป็นที่สุดของ พระบรมพุทธานุญาตซึ่งพระสงฆ์จะรับกฐินได้ในปีนั้น จึงทำผ้าจุลกฐิน ไปทอด มูลเหตุของจุลกฐินคงเกิดแต่จะทอดในวันที่สุดเช่นนี้ จึงต้องรีบร้อน ขวนขวายทำ ให้ทัน เห็นจะเป็นประเพณีมีมาเก่าแก่ เพราะถ้าเป็นชั้นหลัง ก็จะเที่ยวหาซื้อผ้าไปทอดได้หาพักต้องทอใหม่ไม่” (จากวิธีทำ บุญ ฉบับหอสมุด หน้า ๑๑๙) ๒. ธงจระเข้ ปัญหาที่ว่าเพราะเหตุใดจึงมีธงจระเข้ยกขึ้นในวัดที่ทอดกฐินแล้ว ยังไม่ปรากฎหลักฐานและข้อวิจารณ์ อันสมบูรณ์โดยมิต้องสงสัย เท่าที่รู้กันมี ๒ มติ คือ ๒.๑ ในโบราณสมัย การจะเดินทางต้องอาศัยดาวช่วยประกอบเหมือน เช่น การยกทัพเคลื่อนขบวนในตอนจวนจะสว่าง จะต้องอาศัยดาวจระเข้นี้ เพราะดาวจระเข้นี้ขึ้นในจวนจะสว่าง การทอดกฐินมีภาระมาก บางทีต้อง ไปทอด ณ วัดซึ่งอยู่ไกลบ้าน ฉะนั้น การดูเวลาจึงต้องอาศัยดาว พอดาว จระเข้ขึ้น ก็เคลื่อนองค์กฐินไปสว่างเอาที่วัดพอดีและต่อมาก็คงมีผู้คิดทำธง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 35
คิดทำ ธงในงานกฐินในชั้นต้น ก็คงทำ ธงทิวประดับประดาให้สวยงาม ทั้งที่องค์กฐิน ทั้งที่บริเวณวัด และภายหลังคงหวั่นจะให้เป็นเครื่องหมาย เนื่องด้วยการกฐิน ดังนั้น จึงคิดทำ ธงรูปจระเข้ เสมือนประกาศให้รู้ว่า ทอดกฐินแล้ว ๒.๒ อีกมติหนึ่งเล่าเป็นนิทานโบราณว่า ในการแห่กฐินในทางเรือ ของอุบาสกผู้หนึ่ง มีจระเข้ตัวหนึ่งอยากได้บุญจึงอุตส่าห์ว่ายตามเรือไป ด้วยแต่ยังไม่ทันถึงวัดก็หมดกำลังว่ายตามต่อไปอีกไม่ไหว จึงร้องบอกอุบาสกว่า เหนื่อยนักแล้ว ไม่สามารถจะว่ายตามไปร่วมกองการกุศล วานท่าน เมตตาช่วยเขียนรูปข้าพเจ้าเพื่อเป็นสักขีพยานว่าได้ไปร่วมการกุศล ด้วยเถิด อุบาสกผู้นั้นจึงได้เขียนรูปจระเข้ยกเป็นธงขึ้นในวัดเป็นปฐมและ สืบเนื่องมาจนบัดนี้ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 36
ธงกฐินทั้ง ๔ คือ จระเข้ นางมัจฉา ตะขาบ และเต่า เป็นปริศนาธรรมของคนโบราณ จระเข้ หมายถึง ความโลภ ( ปากใหญ่ กินไม่อิ่ม ) ตะขาบ หมายถึง ความโกรธ ( พิษที่เผ็ดร้อนเหมือนความโกรธที่แผดเผาจิต ) นางมัจฉา หมายถึง ความหลง ( เสน่ห์แห่งความงามที่ชวนหลง ใหล ) เต่า หมายถึง สติ ( การระวังรักษาอายตนะทั้ง ๖ ดุจเต่าที่หดอวัยวะ ซ่อนในกระดอง ) “ธงจระเข้” ใช้ประดับในการแห่ ( มีตำ นานว่าเศรษฐีเกิดเป็นจระเข้ว่ายน้ำตามขบวนกฐินจนขาดใจตาย ) “ธงนางมัจฉา” ใช้ประดับงานพิธีถวายผ้ากฐิน ( เป็นตัวแทนหญิงสาว ตามความเชื่อว่า อานิสงส์จากการถวายผ้าแก่ ภิกษุสงฆ์จะมีรูปงาม ) “ธงตะขาบ” ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้มีคนมาจองกฐินแล้ว ( ให้ผู้จะมาปวารณาทอดกฐินผ่านไปวัดอื่นเลย ไม่ต้องเสียเวลามาถาม ) “ธงเต่า” ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้ทอดกฐินเรียบร้อยแล้ว ( จะปลดลงในวันเพ็ญเดือน ๑๒ ) ในปัจจุบันจะเห็นเพียงธงจระเข้ และนางมัจฉาที่จะปรากฎในงานกฐิน ส่วนธงตะขาบและเต่าพบเห็นได้น้อยจะมีเป็นบางวัดที่ยังคงรักษา ธรรมเนียมเก่าอยู่ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 37
มหาวิทยาลัยตระหนักดีว่า “คุณภาพการศึกษาที่แท้จริง ต้องเป็น ภาพรวมของกระบวนการคิดที่ทันสมัย จึงจะสามารถนำ พาการเรียนการสอน การฝึกปฏิบัติการ การเสริมสร้างประสบการณ์วิชาชีพ การพัฒนาบุคลิกภาพ และจะผลิตบัณฑิตให้เติบโตเป็นคนดีและคนเก่งอยู่ในบุคคลเดียวกันนั่นถือเป็น พันธกิจของมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความก้าวหน้า” มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๒๗ โดยมีนายมุข วงษ์ชวลิตกุล เป็นผู้ได้รับใบอนุญาต และนางปราณี วงษ์ชวลิตกุล เป็นอธิการบดี ให้จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา มีชื่อว่า “วิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล” และได้เปิดดำ เนินการบริหารจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาในระดับปริญญาตรี รวม ๒ คณะวิชา คือ คณะนิติศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๒๗ ประวัติมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 38
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลได้ดำ เนินการตามพันธกิจของการอุดมศึกษา ครบถ้วนทุกประการ มีการพัฒนาการศึกษาเจริญก้าวหน้าตามพันธกิจมาโดยลำดับ จนถึงปีการศึกษา ๒๕๓๖ สภาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล พิจารณาเห็นว่าวิทยาลัย วงษ์ชวลิตกุลได้ปฏิบัติพันธกิจต่าง ๆ ครบถ้วนตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานของ สถาบันอุดมศึกษาตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยกำ หนดไว้ (ปัจจุบันคือ กระทรวง การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.)) จึงอนุญาตให้วิทยาลัย วงษ์ชวลิตกุลดำ เนินการขอเปลี่ยนสถานภาพจากวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัย โดยเสนอ ต่อทบวงมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๗ ซึ่งสำ นักงานกิจการสถาบัน อุดมศึกษาเอกชน ทบวงมหาวิทยาลัยได้จัดพิธีมอบใบอนุญาตการเปลี่ยนประเภท ในวันอังคารที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ เป็น “มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล” ปรัชญามหาวิทยาลัย “จริยธรรม นำ ปัญญา” หมายความว่าการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัย วงษ์ชวลิตกุล มุ่งบรรลุเป้าหมาย คือ ผลิตบัณฑิตให้เป็นผู้ที่มีความรู้ ควบคู่กับเป็น ผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม มุ่งให้บัณฑิตเป็นคนดี มีความขยัน มีความซื่อสัตย์ ดำรงตน อยู่ในความประหยัด มีความอดทน มีความรับผิดชอบ การจัดการอุดมศึกษา ของมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลจึงเป็นการจัดการศึกษาด้านการให้ความรู้ควบคู่กับ การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม “โดยคำ�ว่า นำ� ในภาษาอีสานมีความหมายว่า ไปด้วยกัน” มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 39
ปณิธาน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลมุ่งผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพครอบคลุม มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติเพื่อสามารถปฏิบัติงานได้ทั้งภายใน ประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาบริการวิชาการ การวิจัย และเพื่อ ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน โดยเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชนได้ วิสัยทัศน์ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ ที่มีมาตรฐานทางวิชาการและ วิชาชีพ สร้างบัณฑิตให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม มีคุณภาพ และมีทักษะ ทางเทคโนโลยีพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 40
พันธกิจ มุ่งพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และในระดับนานาชาติ ๑. การผลิตบัณฑิต ๒. การวิจัย ๓. การบริการวิชาการแก่สังคม ๔. การทำ นุบำ รุงศิลปวัฒนธรรม ๕. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 41
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 42
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 43
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 44
รายนามคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๑. นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล นายกสภามหาวิทยาลัย ๒. ดร.ชวลิต หมื่นนุช ที่ปรึกษาสภามหาวิทยาลัย ๓. นายชัยวัฒน์ วงศ์เบญจรัตน์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย ๔. อาจารย์ปราณี วงษ์ชวลิตกุล กรรมการ/อธิการบดีกิตติคุณ/ผู้รับใบอนุญาต ๕. อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล กรรมการ/อธิการบดี ๖. ศาสตราจารย์ ดร.เสาวลักษณ์ รัตนวิชช์ กรรมการ ๗. ศาสตราจารย์ ดร.สำ เริง จักรใจ กรรมการ ๘. รองศาสตราจารย์ ดร.ชวนี ทองโรจน์ กรรมการ ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารมย์ ตัตตะวะศาสตร์ กรรมการ ๑๐. อาจารย์ ดร.บัณฑิต ตั้งประเสริฐ กรรมการ ๑๑. นายศักดิ์ชาย ผลพานิชย์ กรรมการ ๑๒. นายศิริชัย วิชชุวัชรากร กรรมการ ๑๓. อาจารย์ ดร.อลงกต ยะไวทย์ กรรมการ ๑๔. อาจารย์ ดร.ประยงค์ กีรติอุไร กรรมการและเลขานุการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 45
รายชื่อคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๑. อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล ประธานกรรมการ (อธิการบดี) ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชีวินทร์ ลิ้มศิริ กรรมการ (รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ) ๓. อาจารย์ ดร.อลงกต ยะไวย์ กรรมการ (รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและนวัตกรรมการเรียนรู้) ๔. อาจารย์ ดร.ประยงค์ กีรติอุไร กรรมการ (รองอธิการบดีฝ่ายแผนยุทธศาสตร์และประกันคุณภาพ๕. อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ โภชน์เกาะ กรรมการ (รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและชุมชนสัมพันธ์๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชรินทร์ อาตมียะนันท์ กรรมการ (รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร) ๗. อาจารย์เมธาพร กาญจนเตชะ กรรมการ (คณบดีคณะนิติศาสตร์) ๘. อาจารย์ ดร.อธิต ทิวะศะศิธร์ กรรมการ (คณบดีคณะบริหารธุรกิจ) ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยนิกร กุลวงษ์ กรรมการ (คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์) ๑๐. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เมตตา ดีเจริญ กรรมการ (คณบดีคณะนิเทศศาสตร์) ๑๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กรุง กุลชาติ กรรมการ (คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์) ๑๒. รองศาสตราจารย์สิริรัตน์ฉัตรชัยสุชา กรรมการ (คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์) ๑๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิทชย เพชรเลียบ กรรมการ (คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์) ๑๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นัฐยา บุญกองแสน กรรมการ (คณบดีคณะศึกษาศาสตร์) มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 46
พ) ธ์) คำสั่งมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ที่ ๒๔๒/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการดำ เนินงานทอดกฐินสามัคคีประจำ ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วยมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล กำ หนดให้มีการทอดกฐินสามัคคี ประจำ ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ณ วัดบ้านเก่า ตำ บลบ้านเก่า อำ เภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เพื่อให้การดำ เนินงานทอดกฐินสามัคคีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำ นาจตามความในมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติสถาบัน อุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบับที่๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ มหาวิทยาลัย จึงพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการดังต่อไปนี้ ๑. คณะกรรมการอำ นวยการ ๑.๑ อาจารย์มุข วงษ์ชวลิตกุล ที่ปรึกษา ๑.๒ อาจารย์ปราณี วงษ์ชวลิตกุล ที่ปรึกษา ๑.๓ นายวิชัย ขัตติยวิทยากุล ที่ปรึกษา ๑.๔ อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล ที่ปรึกษา ๑.๕ นายสนธยา อ่อนน่วม ที่ปรึกษา ๑.๖ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชรินทร์ อาตมียะนันท์ ประธานกรรมการ ๑.๗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชีวินทร์ ลิ้มศิริ รองประธานกรรมการ ๑.๘ อาจารย์ ดร.อลงกต ยะไวทย์ รองประธานกรรมการ ๑.๙ อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ โภชน์เกาะ รองประธานกรรมการ ๑.๑๐ อาจารย์ ดร.ประยงค์ กีรติอุไร รองประธานกรรมการ ๑.๑๑ อาจารย์ตระการ แสนแก้ว รองประธานกรรมการ ๑.๑๒ อาจารย์เกษมสันติ์ ครุฑกษัตริย์ไทย รองประธานกรรมการ ๑.๑๓ รองศาสตราจารย์สิริรัตน์ ฉัตรชัยสุชา กรรมการ ๑.๑๔ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นัฐยา บุญกองแสน กรรมการ ๑.๑๕ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยนิกร กุลวงษ์ กรรมการ ๑.๑๖ อาจารย์เมธาพร กาญจนเตชะ กรรมการ ๑.๑๗ อาจารย์ ดร.วิทชย เพชรเลียบ กรรมการ ๑.๑๘ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กรุง กุลชาติ กรรมการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 47
๑.๒๐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เมตตา ดีเจริญ กรรมการ ๑.๒๑ อาจารย์ ดร.สุขุมาล เกิดนอก กรรมการ ๑.๒๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุดา หันกลาง กรรมการ ๑.๒๓ อาจารย์ ดร.ปิติภูมิ โพสาวัง กรรมการ ๑.๒๔ อาจารย์ ดร.ศิริชัย ห่วงจริง กรรมการ ๑.๒๕ นางสาวช่อผกา สุวรรณโอภาศรี กรรมการ ๑.๒๖ นางชมพู เต้าประจิม กรรมการ ๑.๒๗ นายพละกัณฑ์ อาศัย กรรมการ ๑.๒๘ อาจารย์วิสิฐศักดิ์ รักพร กรรมการและเลขานุการ ๑.๒๙ นายวรรฏชิรพิชญ์ ศิริวัชรวรโชค กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๓๐ นางอำ พรพรรณ ปวีณ์วัฒน์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ หน้าที่ ๑) พิจารณาให้ความเห็นชอบการดำ เนินงานของฝ่ายต่างๆ ๒) ดำ เนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำ หนด ๒. คณะกรรมการฝ่ายจัดหาทุน ๒.๑ อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล ที่ปรึกษา ๒.๒ นายสนธยา อ่อนน่วม ที่ปรึกษา ๒.๓ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัชรินทร์ อาตมียะนันท์ ประธานกรรมการ ๒.๔ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชีวินทร์ ลิ้มศิริ รองประธานกรรมการ ๒.๕ อาจารย์ ดร.อลงกต ยะไวทย์ รองประธานกรรมการ ๒.๖ อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ โภชน์เกาะ รองประธานกรรมการ ๒.๗ อาจารย์ ดร.ประยงค์ กีรติอุไร รองประธานกรรมการ ๒.๘ อาจารย์ตระการ แสนแก้ว รองประธานกรรมการ ๒.๙ อาจารย์เกษมสันติ์ ครุฑกษัตริย์ไทย รองประธานกรรมการ ๒.๑๐ รองศาสตราจารย์สิริรัตน์ ฉัตรชัยสุชา กรรมการ ๒.๑๑ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นัฐยา บุญกองแสน กรรมการ ๒.๑๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยนิกร กุลวงษ์ กรรมการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 48
๒.๑๓ อาจารย์เมธาพร กาญจนเตชะ กรรมการ ๒.๑๔ อาจารย์ ดร.วิทชย เพชรเลียบ กรรมการ ๒.๑๕ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กรุง กุลชาติ กรรมการ ๒.๑๖ อาจารย์ ดร.อธิต ทิวะศะศิธร์ กรรมการ ๒.๑๗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เมตตา ดีเจริญ กรรมการ ๒.๑๘ นางสาวช่อผกา สุวรรณโอภาศรี กรรมการ ๒.๑๙ นางชมพู เต้าประจิม กรรมการและเลขานุการ ๒.๒๐ นางสาวเจนจิรา เหมทองนาก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ หน้าที่ ประสานงานจัดหาทุนรับบริจาคหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่างๆ ๓. คณะกรรมการฝ่ายพิธีการ ๓.๑ อาจารย์วิสิฐศักดิ์ รักพร ประธานกรรมการ ๓.๒ อาจารย์บุญชณัฎฐา สุขเสมอ รองประธานกรรมการ ๓.๓ อาจารย์สุขุม พระเดชพงษ์ กรรมการ ๓.๔ อาจารย์ศุภฤกษ์ กอบัว กรรมการ ๓.๕ นายตรีชา เพ็ชรดี กรรมการ ๓.๖ นางสาวศศิวิมล พันโนราช กรรมการ ๓.๗ นางสาวสุภาพร สาธุสิทธิ์ กรรมการ ๓.๘ นายวรรฏชิรพิชญ์ ศิริวัชรวรโชค กรรมการและเลขานุการ หน้าที่ ๑) กำ หนดรูปแบบและขั้นตอนของพิธีการ ๒) จัดเตรียมเครื่องไทยธรรมและเครื่องบริวารกฐิน ๓) ตกแต่งสถานที่ ประดับดอกไม้ตามจุดที่เกี่ยวข้อง ๔) ประสานงานฝ่ายปฏิคมในการดำ เนินพิธีการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 49
๔. คณะกรรมการฝ่ายสถานที่ แสง และเสียง ๔.๑ นายพละกัณฑ์ อาศัย ประธานกรรมการ ๔.๒ นายเอกรินทร์ ปานหมื่นไวย กรรมการ ๔.๓ นายธนิน สุขะทีปะ กรรมการ ๔.๔ นายพลวัฒน์ ศรพงษ์ กรรมการ ๔.๕ นายทัชพงษ์ ขันธวิธิ กรรมการ ๔.๖ นายศิริวัฒน์ เวียงย่างกุ้ง กรรมการและเลขานุการ หน้าที่ ๑) ประสานจัดเตรียมสถานที่ โต๊ะเก้าอี้ ตามกำ หนดในพิธี ๒) จัดเตรียมเครื่องเสียงตามจุดที่กำ หนดในพิธี ๕. คณะกรรมการฝ่ายการเงินและบัญชี ๕.๑ นางสาวช่อผกา สุวรรณโอภาศรี ประธานกรรมการ ๕.๒ นางสาวสุกัญญา สมัย กรรมการ ๕.๓ นางสุกัญญา เลื่อนตะคุ กรรมการ ๕.๔ นางแก้วเกล้า จุลเกาะ กรรมการ ๕.๕ นางสาวศศิธร กิสูงเนิน กรรมการ ๕.๖ นางสาวสาธินี เลิศไธสง กรรมการ ๕.๗ นางสาวประภัสสร ชาจอหอ กรรมการและเลขานุการ หน้าที่ ๑) ประสานงานฝ่ายต่างๆ เพื่อจัดทำ บัญชีการรับบริจาค ๒) รวบรวมยอดเงินที่ได้รับบริจาคเพื่อถวายวัด ๓) ประสานใบอนุโมทนาบัตรกับทางวัดและเขียนใบอนุโมทนาบัตรให้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ๖. คณะกรรมการฝ่ายปฏิคม ๖.๑ นางชมพู เต้าประจิม ประธานกรรมการ ๖.๒ นางอำ พรพรรณ ปวีณ์วัฒน์ กรรมการ ๖.๓ นายวรรฏชิรพิชญ์ ศิริวัชรวรโชค กรรมการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล 50