รายงานการวจิ ยั ในชนั้ เรียน
ผลของการสอนโดยใช้จิก๊ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เร่ืองมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
ทมี่ ตี ่อทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6
จัดทำโดย
นางสาวพัทธธ์ ีรา ทะนวนรัมย์
ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย
โรงเรียนบ้านโชคกราด
สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก
คำนำ
การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลของการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
เรื่องมาตราตวั สะกดไม่ตรงตามมาตราทม่ี ีต่อทกั ษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปี
ที่ 6 และเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยของนักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีปัญหาด้าน
การเขียนสะกดคำภาษาไทย จำนวน 4 คน โดยได้ทำการวัดทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยก่อนเรียน
จากนน้ั จงึ สอนโดยใช้จ๊กิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรือ่ งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา เป็นระยะเวลา 1
เดือน และทำการวัดทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยหลังเรียน เพื่อดูพัฒนาการทางด้านทักษะการเขียน
สะกดคำภาษาไทยของนักเรียนกอ่ นและหลงั การสอนโดยใชจ้ กิ๊ ซอว์ภาพเรื่องมาตราตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
ท่ีมีตอ่ ทกั ษะการเขยี นสะกดคำภาษาไทย
ผ้วู ิจัยหวังเปน็ อย่างย่ิงว่ารายงานวจิ ัยในชนั้ เรียนฉบับน้ีจะมีประโยชน์ตอ่ ผู้ท่ีสนใจ โดยเฉพาะครูผู้สอน
ในรายวิชาภาษาไทย ทสี่ ามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพือ่ พัฒนาทักษะการเขียนสะกด
คำภาษาไทยของนักเรยี นต่อไปได้
นางสาวพทั ธ์ธีรา ทะนวนรมั ย์
ผู้วิจัย
สารบญั ข
หวั ขอ้
หนา้
คำนำ
สารบัญ ก
สารบัญตาราง ข
สารบัญภาพ ค
บทท่ี 1 บทนำ ง
1
ความเป็นมาและความสำคญั ของงานวจิ ัย 1
วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย 2
สมมติฐานและขอบเขตการวจิ ัย 3
เนอ้ื หา 4
นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ 5
ประโยชน์ที่ได้รับ 5
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง 6
เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกีย่ วข้อง 6
กรอบแนวคิดและสมมุตฐิ าน 13
บทที่ 3 วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั 14
ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 14
เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัย 15
การเก็บรวบรวมข้อมูล 20
บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 21
บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 24
สรปุ ผลการวจิ ยั 24
อภปิ รายผลการวิจัย 26
ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัย 26
บรรณานุกรม 28
ภาคผนวก
สารบญั ตาราง ค
ตารางที่
หนา้
1 แบบแผนการทดลอง 14
2 จำนวนตัวอย่าง 21
3 คะแนนการเขียนสะกดคำภาษาไทยกอ่ นและหลงั 22
4 คะแนนเฉล่ยี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของการสอนโดยใช้ 23
จ๊กิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เรือ่ งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา 23
5 คะแนนพัฒนาการสัมพทั ธ์ของนกั เรยี นหลังการเรียนโดยใช้
จิ๊กซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เรอ่ื งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
สารบญั ภาพ ง
ภาพที่
หนา้
1 ตัวอยา่ งของจ๊กิ ซอว์ภาพ 11
2 กรอบแนวคิดในการทำวิจัย 13
3 แบบวัดการเขียนสะกดคำศพั ท์ภาษาไทยก่อนเรยี นและหลังเรยี น 16
4 ตวั อย่างจ๊ิกซอว์ภาพ 18
5 ตัวอยา่ งชุดแบบฝึกการเขยี นสะกดคำ 19
6 กราฟแสดงคะแนนการเขียนสะกดคำภาษาไทยกอ่ น – หลัง 22
1
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาและความสำคญั ของงานวจิ ยั
ภาษาไทยถือเป็นเคร่ืองมือทีใ่ ชพ้ ัฒนาคนในชาติ ช่วยให้ผู้คนติดตอ่ สอ่ื สารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และมีความสำคัญตอ่ การดำรงชวี ิตของคนไทย โดยเฉพาะด้านการพฒั นาความสามารถของตนเอง ผ่านการฟัง
พูด อ่านและเขียน เพื่อศึกษาความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ และสร้างเสริมทักษะใน
ด้านอื่น ๆ เนื่องจากในชีวิตประจำวัน เรามักได้รับข้อมูลต่าง ๆ จากการฟัง การอ่าน แล้วจึงมีการนำไปเขียน
บันทกึ ไว้ เพ่ือพูดหรอื ถา่ ยทอดผา่ นตัวหนงั สือให้ผู้อนื่ เข้าใจอกี ทอดหนึ่ง ซง่ึ กระบวนการเรียนร้ภู าษาท่ีถูกต้องจะ
ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นสามารถบรู ณาการทักษะทัง้ การฟัง พูด อ่าน และเขียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี สามารถใช้ภาษาไทยเพื่อเป็น
เครื่องมือในการเข้าถึงองคค์ วามรู้ต่าง ๆ ไดด้ ้วยตนเอง รวมถึงสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองให้ถึงขีดสูงสุด
(กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2552)
ทว่านักเรียนในชั้นเรียนภาษาไทยทั้ง 4 คน มีการเขียนสะกดคำผิดพลาด และบกพร่องอยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง
เกิดจากหลายสาเหตุ อันไดแ้ ก่ การออกเสียงไมถ่ ูกตอ้ ง เช่น กรวดน้ำ เปน็ ตรวจนำ้ ทำให้มปี ระสบการณ์การจำ
รูปคำท่ผี ิดและเข้าใจผิดความหมาย ไมส่ ามารถนำไปใช้งานไดอ้ ย่างถูกต้อง (Blair, 1956 อา้ งถึงใน พธู ท่ังแดง
,2534 : สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์, 2522 & Jomer, 1980) นอกจากนี้พื้นฐานการประสมคำก็เป็นสิ่งสำคัญในการ
เขียนสะกดคำเพราะหากนักเรียนจำหลักการเรียงส่วนประกอบคำไม่ได้ และได้รับการฝึกอย่างไม่ถูกต้องหรือ
ได้รบั การฝึกฝนทีน่ อ้ ยเกนิ ไป ไม่มีการใช้ส่อื ใหเ้ หมาะสมและหลากหลาย ก็จะทำให้ขาดความชำนาญและความ
ค้นุ ชินทางภาษา ส่งผลให้ผเู้ รยี นออ่ นภาษาและทำให้ออ่ นวิชาอน่ื ๆ ดว้ ย (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2552)
นักการศึกษาหลายท่านเห็นตรงกันว่าการเขียนสะกดคำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสื่อสาร เนื่องจาก
วิธีการเขียนสะกดคำที่ถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ผู้อ่านเข้าใจความหมายของคำตาม
จุดประสงค์ของผู้เขียน นอกจากนั้นแล้วการเขียนสะกดคำที่ถูกต้องจะช่วยเป็นแนวทางและพื้นฐานที่ดีในการ
เขยี นประโยค เร่อื งราว บทความและเรยี งความตอ่ ไป (ประเทิน มหาขนั ธ์, 2519 : ยพุ ดี พูลเวชประชาสขุ , 2525 :
ณฐั ชา เรอื งเกษม, 2547 & วรรณี โสมประยรู, 2544)
การเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยจากเดิมท่ีเน้นการท่องจำ มาเน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมท่ี
หลากหลาย จำเปน็ ต้องปรบั กระบวนการจัดการเรียนการสอนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยผสู้ อนต้องทราบสาเหตุ
2
ท่ีแทจ้ รงิ ของการเขยี นสะกดคำผิดก่อน จากนน้ั จึงศึกษาหาเทคนคิ และวิธีการสอนที่น่าสนใจ ดงึ ดดู ความสนใจ
ใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ ทักษะการสะกดคำท่ีถูกต้องตามหลกั การเขียนสะกดคำอย่างต่อเน่ือง (มณี เทพาชมภู, 2536)
การจัดการเรียนการสอนจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อครูให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง
(Active learner) เพอ่ื ตอบสนองต่อความตอ้ งการของแตล่ ะบุคคล จงึ จำเปน็ อย่างยิ่งที่จะตอ้ งสร้างเครื่องมือใน
การช่วยนักเรยี นเขยี นสะกดคำ โดยท่ีนกั เรียนสามารถเรียนรู้ไดด้ ้วยตนเอง จึงเป็นทมี่ าของจิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw
Puzzles) เรอ่ื งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ทจี่ ดั ทำออกมาในรูปแบบของสีเ่ หลี่ยมผืนผา้ 4 สี ได้แก่ เขียว
เหลือง น้ำเงิน และแดง ซึ่งในแต่ละสีจะประกอบด้วยพยัญชนะไทยท่ีแตกต่างกัน โดยจับเอาพยัญชนะที่อยู่ใน
มาตราตวั สะกดเดียวกันมาอยใู่ นชุดเดียวกัน เชน่ จิ๊กซอว์สีเขยี วเปน็ เรอื่ งมาตราแม่กบ ประกอบไปดว้ ย บ ป ภ พ
ฟ เป็นต้น ซึ่งดัดแปลงมาจากแนวคิดของการต่อจิ๊กซอว์รูปภาพท่ีต้องสังเกตรายละเอียดของชิ้นส่วนแต่ละช้ิน
มองอย่างละเอยี ดทีละจุด (วินทร์ เลียววาริณ, 2555) ทำให้นักเรียนจดจ่อกบั การเรยี นรู้มากยิ่งขึ้น และสนุกกับ
การฝกึ ทกั ษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ชว่ ยใหเ้ กิดการจดจำระยะยาว
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้วิจัยโอกาสสอนวิชาภาษาไทยให้กับนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า
นักเรียนส่วนใหญ่มีปัญหาในการเขียนสะกดคำที่ไม่ตรงตามมาตรา จึงเห็นว่าการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ
(Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ และอีกทัง้ ยังไม่
พบผู้ใดนำการใช้จก๊ิ ซอว์ภาพแก้ปัญหาเชน่ น้ีมาก่อน จึงหวังว่าจะทำใหน้ ักเรยี นมพี ฒั นาการทางด้านทักษะการ
เขียนสะกดคำภาษาไทยที่ดขี ้นึ และมกี ระบวนการเขียนสะกดคำท่ีมคี ณุ ภาพตอ่ ไป
1.2 คำถามวจิ ยั
การสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา สามารถช่วย
พัฒนาทักษะการเขยี นสะกดคำภาษาไทย ในระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ไดห้ รอื ไม่ อยา่ งไร
1.3 วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย
1. เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยด้วยการสอนโดยใช้จ๊ิกซอว์ภาพ เรื่องมาตราตัวสะกด
ไม่ตรงตามมาตรา ท่ีมีตอ่ ทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียนระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6
2. เพื่อศึกษาผลของการใช้จิ๊กซอว์ภาพเรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ที่มีต่อทักษะการเขียน
สะกดคำภาษาไทย ของนักเรยี นระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6
3
1.4 สมมติฐานการวิจยั
การสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา สามารถช่วย
พฒั นาทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนกั เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ได้
1.5 ขอบเขตของการวจิ ัย
ประชากรและตวั อยา่ ง
ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนในห้องเรียนวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาค
เรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรียนบ้านโชคกราด จำนวน 14 คน
ผวู้ ิจัยได้เลอื กกลุ่มตัวอย่างโดยวธิ ีการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) คือ การวัดทกั ษะด้าน
การเขียนสะกดคำภาษาไทยนักเรียนทุกคน จากนั้นเลือกเฉพาะนักเรยี นท่มี ีปัญหาการเขียนสะกดคำภาษาไทย
ซ่งึ ในท่ีน้มี ีทัง้ หมด 4 คน
ตัวแปรในการวจิ ยั ได้แก่
1. ตัวแปรต้น คอื การสอนโดยใชจ้ กิ๊ ซอว์ภาพ และชดุ แบบฝกึ มาตราตัวสะกดทไ่ี มต่ รงตามมาตรา
2. ตวั แปรตาม คอื ทักษะการเขยี นสะกดคำภาษาไทย
3. ตวั แปรควบคุม คือ เวลาในการจัดการเรยี นการสอน และครูผู้สอน
เนื้อหา
เนอ้ื หาทใี่ ช้ในการวจิ ยั ได้แก่ คำศพั ทพ์ นื้ ฐานในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 – 4 ทีม่ มี าตราตัวสะกดไม่
ตรงตามมาตรา ในขอบเขตตามมาตรฐานตัวชี้วัดของกระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ผู้วิจัยจงึ ไดร้ วบรวมคำศัพท์ภาษาไทยท่มี ีตัวสะกดในมาตราตา่ ง ๆ และแบ่งเป็น 4 ตอนไดด้ งั น้ี
ตอนที่ 1 คำทมี่ ตี วั สะกดมาตราแม่ กบ คำศพั ท์
คำท่ี บาป
1 ภาพ
2 กราฟ
3 โลภ
4 คำสาป
5
4
ตอนที่ 2 คำทมี่ ีตัวสะกดมาตราแม่ กน คำศพั ท์
คำท่ี ปญั หา
1 โบราณ
2 ทหาร
3 ตำบล
4 ทมฬิ
5
คำศพั ท์
ตอนท่ี 3 คำทม่ี ีตวั สะกดมาตราแม่ กก เลข
คำที่ สุนขั
1 โรค
2 เมฆ
3 ภาค
4
5 คำศพั ท์
ปจั จัย
ตอนที่ 4 คำทมี่ ตี วั สะกดมาตราแม่ กด บวช
คำที่ ก๊าซ
1 กฎหมาย
2 อูฐ
3 กบฏ
4 ครฑุ
5 พัฒนา
6 อนาคต
7 รถ
8 ประเภท
9 โกรธ
10 อากาศ
11
12
13
5
14 กระดาษ
15 โอกาส
1.6 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
การเขียนสะกดคำ หมายถึง การเขียนรูปของพยัญชนะ สระ และตัวสะกด แบบเรียงตัวเพื่อออกมาเป็น
คำทม่ี คี วามหมาย
จิ๊กซอว์ (Jigsaw Puzzles) หมายถึง เกมต่อภาพ เล่นโดยประกอบชิ้นส่วนจำนวนหลายสิบหรือหลาย
รอ้ ยชิ้นเข้าด้วยกันเป็นภาพรวม แตล่ ะช้ินส่วนมีรูปรา่ ง ขนาด และสีสันต่างกนั เม่อื ประกอบเขา้ กนั ถกู ชิ้น จะล็อค
กันพอดี ภาพของแต่ละชิ้นก็จะเชือ่ มกันเป็นภาพเดียว เกมชนิดนี้มักทำด้วยกระดาษบอร์ดแข็ง ขั้นตอนการผลิต
คือพิมพภ์ าพบนกระดาษบอรด์ แลว้ ป๊มั ฉลุออกเปน็ ชน้ิ ๆ
1.7 ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ ับ
ครูมีชุดกิจกรรมในการจัดการเรียนรู้ที่จะช่วยส่งเสริม และพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำ
ภาษาไทย ซึง่ ช่วยให้สามารถจัดการเรยี นการสอนได้มีประสิทธิภาพมากข้ึน นักเรยี นสามารถเขียนสะกดคำศัพท์
ที่อยู่นอกเหนือบทเรียนได้ ส่งผลให้เกิดความชำนาญทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาไทย
มากย่ิงขนึ้
6
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี รายงานวิจัยและเอกสารคู่มือ สืบค้นในฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง นำเสนอ
เนื้อหาสาระได้เป็น 4 ตอน ได้แก่ 1. การเขียนสะกดคำภาษาไทย 2. แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการสอนสะกดคำ
ภาษาไทย 3. งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง และ 4. กรอบแนวคดิ ในการทำวจิ ยั ซง่ึ มเี นื้อหาในแตล่ ะตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
1. การเขยี นสะกดคำภาษาไทย
1.1 ความหมายของการเขียนสะกดคำศพั ท์
1.2 ความสำคญั ของการเขยี นสะกดคำศพั ท์
1.3 จดุ มุ่งหมายของการเขยี นสะกดคำศัพท์
1.4 ปัญหาและสาเหตุของการเขียนสะกดคำผดิ
1.5 หลกั การเขยี นสะกดคำศพั ท์ภาษาไทย
2. แนวคดิ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การสอนสะกดคำภาษาไทย
2.1 แนวการสร้างแบบฝึกเพ่อื พัฒนาการเรียนการสอน
2.2 การต่อจ๊ิกซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
3. งานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
4. กรอบแนวคิดในการทำวจิ ยั
ตอนที่ 1 การเขียนสะกดคำภาษาไทย
1.1 ความหมายของการเขยี นสะกดคำศพั ท์
การเขียนสะกดคำ คือ ศิลปะหรือเทคนิคในการสร้างคำ โดยกำหนดตัวอักษรแทนเป็นสัญลักษณ์
หน่งึ ๆ ของเสยี ง เพอื่ เปน็ ขอ้ ตกลงร่วมกันในการถา่ ยทอดคำออกมาเปน็ ตวั หนังสอื (Harcourt, 2010 : สุกัญญา
ศรีณะพรม, 2541 & ณฐั ชา เรืองเกษม, 2547)
นอกจากนั้นแล้วการเขียนสะกดคำยังต้องอาศัยหลักการการประสมคำและหลักเกณฑ์ในการเรียบ
เรียงพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ตัวสะกดและตัวการนั ต์ เพื่อให้ได้ความหมายท่ีต้องการ และเป็นทีเ่ ข้าใจตรงกัน
ทงั้ ผูใ้ ห้สารและผ้รู ับสาร (อดุลย์ ไทรเล็กทมิ , 2528 : อรพรรณ ภิญโญภาพ, 2529 & สมพงษ์ ศรีพยาต, 2553)
7
จากความหมายของการเขียนสะกดคำดังกล่าวพอสรุปได้ว่า การเขียนสะกดคำ หมายถึง การเขียน
ตัวอักษรโดยเรียงลำดับจากพยัญชนะ สระ และตัวสะกดตามเสียงที่เปล่งออกมาให้เป็นคำศัพท์หนึ่งคำที่มี
ความหมายในตัวเอง
1.2 ความสำคญั ของการเขยี นสะกดคำศพั ท์
การเขียนสะกดคำถือเป็นพื้นฐานของการเขียนที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากในการเขีย น
ลักษณะตา่ ง ๆ ในระดับข้นั สงู ต่อไป
นักการศึกษาหลายท่านเห็นตรงกันว่าการเขียนสะกดคำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสื่อสาร
เนอ่ื งจากวิธีการเขียนสะกดคำที่ถกู ต้องจะช่วยให้การส่ือสารมีประสิทธิภาพ ผอู้ ่านเข้าใจความหมายของคำตาม
จุดประสงค์ของผู้เขียน นอกจากนั้นแล้วการเขียนสะกดคำที่ถูกต้องจะช่วยเป็นแนวทางและพื้นฐานที่ดีในการ
เขยี นประโยค เรือ่ งราว บทความและเรียงความต่อไป (ประเทิน มหาขนั ธ์, 2519 : ยพุ ดี พูลเวชประชาสขุ , 2525 :
ณฐั ชา เรืองเกษม, 2547 & วรรณี โสมประยรู, 2544)
กล่าวโดยสรุปคอื การเขียนสะกดคำมีผลต่อเรอ่ื งการสือ่ ความหมาย หากเขยี นสะกดคำผิดพลาด จะ
ทำให้การสื่อความผิดไปจากเดิม ส่งผลให้ผู้ส่งและผู้รับสารเข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ในระดับ
ต่อไป เช่น การเขยี นเรียงความ การแตง่ เรื่อง การเขยี นจดหมาย เปน็ ต้น
1.3 จุดมงุ่ หมายของการเขยี นสะกดคำศพั ท์
การเขียนสะกดคำในระดับช้ันประถมศึกษา (บญุ ปก ออ่ นเผ่า, 2526 : กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2534 :
& รองรตั น์ อศิ รภกั ดี และ เทือก กสุ มุ า ณ อยุธยา, 2513) ไดก้ ำหนดจุดมงุ่ หมายไว้ดงั นี้
1. ม่งุ ให้นักเรียนเขยี นสะกดคำไดถ้ ูกต้องตามแบบแผน สามารถเรียงลำดับรูปของคำ
2. มุ่งให้นักเรียนสามารถใชค้ ำได้ถกู ต้องตามความหมายของภาษา
3. เพือ่ สง่ เสรมิ ให้นกั เรียนคุน้ เคยกบั คำตา่ ง ๆ และสามารถใช้ได้กว้างขวาง
4. เพ่อื ให้นกั เรยี นค้นคว้าหาคำใหม่ ๆ ได้ตามทีต่ ้องการ
5. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นร้จู ักคำต่าง ๆ ท่จี ำเปน็ ในชีวิตประจำวัน
6. เพ่อื ให้นักเรียนออกเสียงคำต่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง
กล่าวโดยสรุป จุดมุ่งหมายของการเขียนสะกดคำ คอื เพ่ือใหน้ กั เรยี นรู้จกั คำและความหมายของคำ
ที่เพิ่มมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการเขียนเพื่อการสื่อสารและเขียนในลักษณะอื่น ๆ ต่อไปได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
8
1.4 ปญั หาและสาเหตุของการเขียนสะกดคำผิด
สาเหตุของการเขียนสะกดคำผิด เมื่อพิจารณาเชิงลึก จะพบว่านักเรียนส่วนใหญ่เขียนสะกดคำ
ผิดพลาด และบกพร่องอยู่เสมอ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ อันได้แก่ การออกเสียงไม่ถูกต้อง เช่น กรวดน้ำ เป็น
ตรวจน้ำ ทำให้มีประสบการณ์การจำรูปคำที่ผิดและเข้าใจผิดความหมาย ไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่าง
ถูกต้อง (Blair, 1956 อ้างถึงใน พธู ทั่งแดง,2534 : สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์, 2522 & Jomer, 1980) นอกจากน้ี
ความไม่พร้อมหรือบกพร่องในด้านสุขภาพร่างกายและอารมณ์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่ งผลให้ไม่สามารถเขียน
สะกดคำได้ถูกต้อง จากผลสำรวจยังพบอีกว่าปัญหา การเขียนสะกดคำผิดส่วนใหญ่ของนักเรียนเกิดจากการ
ได้รับรู้ตัวอย่างที่ผิด เช่น การใช้แนวเทียบผิด ยกตัวอย่าง คำว่า จำนง เขียนเป็นจำนงค์ เพราะเทียบกับคำว่า
องค์ และคำว่า ดอกจัน เขียนเป็นดอกจันทร์ เพราะเทียบกับคำว่าดวงจันทร์ ทำให้จำคำแล้วไปใช้อย่างผิด ๆ
พื้นฐานการประสมคำและเรียงก็เป็นสิ่งสำคัญในการเขียนสะกดคำเพราะหากนักเรียนจำการเรียงอักษรไม่ได้
และได้รับการฝึกอย่างไม่ถูกต้องหรือได้รับการฝึกฝนที่น้อยเกินไป จะทำให้ขาดความชำนาญและความคุ้นชิน
ทางภาษา
สาเหตุอีกประการหนึ่ง คือ การใช้พจนานุกรมของนักเรียน ปัจจุบันพบว่านักเรียนไม่ใช้
พจนานุกรมเพื่อค้นหาคำศัพท์มากเท่าในอดีตแล้ว เนื่องจากสื่อเทคโนโลยีท่ีพัฒนาขึ้นมาก นักเรียนจึงหันไป
พง่ึ อินเทอรเ์ นต็ ซึง่ โดยมากจะสะกดคำไมถ่ กู ตอ้ งตามหลกั ทำใหเ้ กดิ การสบั สน และจดจำไปอย่างผิด ๆ
จากความคิดเห็นของนักวิชาการ สรุปได้ว่า สาเหตุการเขียนสะกดคำผิด เกิดจากการที่นักเรียนมี
พื้นฐานไม่แม่นยำ สะกดคำจากการจดจำตัวอักษร ไม่เข้าใจเสียงของพยัญชนะและหลกั การสะกดคำที่ถูกต้อง
และมีทัศนคตทิ ี่ไม่ดีต่อภาษา
อีกทั้งรายงานผลการประเมินคุณภาพเชิงวินิจฉัยข้อบกพร่องของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปี
การศึกษา 2543 (สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดกำแพงเพชร. 2544: 33) สรุปลักษณะของคำที่นักเรียน
สะกดผิดมดี งั นี้
1. ลกั ษณะประเภทผดิ ท่ีตัวการนั ต์
2. ลกั ษณะประเภทผดิ ทตี่ ัวสะกด
3. ลกั ษณะประเภทผดิ ท่ปี ระและไมป่ ระวสิ รรชนยี ์
4. ลักษณะประเภทผิดท่ีคำ ร หัน
5. ลักษณะประเภทผดิ ที่สระไอ ใอ อยั
จากการศกึ ษาลกั ษณะของคำดงั กลา่ ว แสดงให้เห็นถงึ ลักษณะของคำท่ีมีลักษณะของการสะกดผิด
คล้ายคลึงกนั ซึง่ หากครูผู้สอนศึกษาเพม่ิ เติมเก่ียวกบั การสะกดคำและแก้ปัญหาให้ตรงกับสาเหตุของการสะกด
ผดิ นนั้ จะชว่ ยพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำของนกั เรียนได้มาก
9
1.5 หลักการเขยี นสะกดคำศพั ทภ์ าษาไทย
ระบบการเขียนภาษาไทยเป็นระบบที่มีตัวอักษรแทนเสียง ๓ ประเภท คือเสียงสระ พยัญชนะและ
วรรณยกุ ต์ ประกอบกันเปน็ พยางคแ์ ละคำ ในการเขยี นคำใหถ้ กู ตอ้ งจำเป็นตอ้ งศึกษาเร่ืองการใช้ สระ พยญั ชนะ
และวรรณยกุ ต์ ตลอดจนการเขียนคำในลักษณะพิเศษต่างๆ เช่นการเขียนชอ่ื เฉพาะ การเขียนราชทนิ นาม การ
เขียนคำยืมจากภาษาต่างประเทศ การเขียนอักษรย่อ การเขียนชื่อเมือง ชื่อประเทศและการใช้เครื่องหมาย
ประกอบคำ เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เขียนคำได้ถูกต้องคือพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน ซึ่งทางราชการ
ประกาศใหถ้ ือเปน็ แบบอย่างในการเขยี น ซง่ึ วธิ กี ารสะกดคำในภาษาไทยมดี ังน้ี
1. วิธีการสะกดคำตามรูปคำ
2. วิธีการสะกดคำโดยสะกดแม่ ก กา กอ่ น แลว้ จงึ สะกดมาตราตัวสะกด
3. วิธสี ะกดคำท่ีมตี ัวสะกดไมต่ รงตามมาตราตัวสะกด
4. วิธีการสะกดคำอกั ษรควบ
5. วิธกี ารสะกดคำอกั ษรนำ
ในการสอนและพัฒนาทกั ษะการเขียนสะกดคำในนักเรยี นน้ันจำเป็นต้องฝกึ ฝนอยา่ งสม่ำเสมอ ดังที่
มณี เทพาชมภู (2536 : 10) กล่าวว่า ถ้ามองอย่างผิวเผินดูเหมือนว่าการสอนเขียนสะกดคำจะไม่ค่อยมี
ความสำคญั เท่าใดนัก และคอ่ นข้างจะสอนได้ง่าย ครไู มต่ อ้ งมีวธิ สี อนหรือไม่ต้องเตรียมการสอนเลยก็นา่ จะสอน
สะกดคำได้ เทา่ ท่สี ังเกตพบก็คือครูมกั เลอื กคำจากเรือ่ งที่เรยี นมาแลว้ นั้นใหน้ ักเรียนเขียนตามคำบอกทีละตัว ๆ
แล้วให้เปลี่ยนกันตรวจหรือให้ตรวจเองบ้าง คำใดสะกดผิดก็ให้แก้คำนั้นหลาย ๆ ครั้ง ในลักษณะเช่นน้ีย่อมมี
ผลให้การเขียนสะกดคำไม่ได้ประสทิ ธผิ ลเท่าที่ควร ครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องรู้จักหลกั การส่งเสริมทักษะการสอน
เขียนสะกดคำยากให้เป็นที่น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างตั้งใจ หมั่นฝึกทักษะการเขยี น
สะกดคำใหด้ ยี ง่ิ ๆ ขน้ึ
กล่าวโดยสรุปได้ว่า หลักการเขียนสะกดคำที่มีประสิทธิภาพนั้น ครูผู้สอนควรทราบสาเหตุท่ี
แท้จริงของการเขียนสะกดคำผิดก่อน จากนั้นจึงศึกษาหาเทคนิคและวิธีการสอนที่น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจ
ให้นกั เรียนได้ฝกึ ทักษะการสะกดคำทีถ่ ูกตอ้ งตามหลักการเขียนสะกดคำอยา่ งตอ่ เน่อื ง
ตอนท่ี 2 แนวคิดเกย่ี วขอ้ งกับการสอนสะกดคำภาษาไทย
ในการสร้างเครื่องมือเพื่อฝึกทักษะการเขียนสะกดคำนั้น ครูจะต้องคำนึงถึงทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ
หรือหลักการทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง นำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาทักษะ
ความสามารถ พัฒนาการ และความสนใจของนกั เรียน ตามแนวคิดและทฤษฎีดังต่อไปนี้
10
2.1 แนวการสร้างแบบฝกึ เพื่อพัฒนาการเรยี นการสอน (อนิ เทอร์เน็ต, 2551)
1) ใช้หลักจิตวิทยาการเรียนรู้ของเด็กแต่ละวัย เช่น แบบฝึกสำหรับเด็กเล็กหรือชั้นอนุบาล และช้ัน
ประถมศึกษาปที ่ี 1 และ 2 เนน้ ภาพมากกวา่ คำ เด็กวัย 9 – 11 ปี จะสนใจเรือ่ งราวเนือ้ หาสาระประเภท
สารคดี เรอ่ื งราวจากตำรา ตำนาน คำบอกเล่ามากกว่านทิ าน
2) ใชภ้ าษางา่ ย ๆ กระชับ ชดั เจน ไม่ใชค้ ำศพั ท์ทยี่ ากมากเกนิ ไป
3) ให้ความหมายต่อชีวติ คือ นกั เรยี นร้วู ่าฝกึ ไปเพือ่ อะไร
4) ฝึกให้คิดเร็วและสนุกสนาน ปกติหนังสือเรียนจะมคี วามจำเจ ทำให้นักเรียนเบื่อหน่าย ดังนั้นแบบฝึก
จะต้องแตกต่างไป มีเกมหรือกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนมาก
ย่ิงข้นึ
5) ดงึ ดูดความสนใจดว้ ยรูปภาพ
6) เหมาะสมกบั วัยและความสามารถผ้เู รียน ไม่ควรมีกจิ กรรมมากและจำเจเกนิ ไปเพราะจะทำให้นักเรียน
เบือ่ และไม่สนใจ
7) ผู้เรยี นอาจศึกษาได้ดว้ ยตนเอง
กล่าวโดยสรุปได้ว่า การสร้างแบบฝึกการเขยี นสะกดคำนั้นควรคำนึงถึงวัยและความสามารถ
ผู้เรียนเป็นหลัก จากนั้นจึงออกแบบกิจกรรมที่น่าสนใจ ท้าทายและแปลกใหม่ โดยสามารถใช้รูปภาพท่ี
นา่ สนใจเพอ่ื ดงึ ดูดความสนใจของนักเรียนให้มคี วามต้ังใจและจดจ่อกบั กจิ กรรม นอกจากนี้หากเป็นแบบฝึกที่
นกั เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเองจะดีมาก
2.2 จก๊ิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles)
จากปัญหาที่นักเรียนมักสับสนพยัญชนะที่ใช้สะกดคำที่มีมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
และวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกการเขียนสะกดคำเพียงอย่างเดียว อาจทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นได้
เนอ่ื งจากนักเรียนจะต้องจดจำพยญั ชนะในแตล่ ะมาตราตัวสะกดจำนวนมาก จงึ จำเปน็ ต้องสรา้ งสิ่งเร้ากระตุ้น
ความสนใจให้กับนักเรียน นั่นก็คือการใช้ปริศนา (puzzle) มาประยุกต์ใช้ ปริศนา (อังกฤษ: puzzle) คือ
ปัญหาสำหรับท้าทายความเฉลียวฉลาดของมนษุ ย์ ปริศนามักจะถูกออกแบบมาเพ่ือความบันเทิง แต่บางคร้ังก็
กลายเป็นปัญหาทางตรรกศาสตร์หรือคณิตศาสตร์อย่างจริงจัง บุคคลที่มีความสามารถในการเรียนรู้ได้เร็ว
อาจสามารถไขปญั หาไดด้ ีกวา่ บุคคลอน่ื
11
วินทร์ เลียววาริณ (2555) ได้อธิบายลักษณะของจิ๊กซอว์ไว้ว่า จิ๊กซอวเ์ป็นเกมต่อภาพที่มี
ลักษณะ
เป็นชิ้นส่วนของรูปภาพสมบูรณ์โดยแยกเป็นช้นิ แลว้ นำมาตอ่ ใหเป้ ็นรูปภาพที่สมบูรณซ์ ึง่ จะมหี ลากหลายรูปแบบ
ตั้งแต่จิ๊กซอว์ 2 ชิ้น ถึง 100 ชิ้นข้ึนไป โดยจิ๊กซอว์ในระดับต้น ตั้งแต่ 2 – 16 ชิ้น จะมีความเหมาะสมกับเด็ก
ในช่วง 1 ขวบ ถึง 6 ปี ในส่วนของจิ๊กซอว์ที่มีชิ้นส่วนตั้งแต่ 20 – 100 ข้ึนไปจะเหมาะกับคนอายุมากข้ึนตั้งแต่
อายุ 10 ถึง 20 ปีข้ึนไป ที่จะสามารถเล่นได้เพราะจำนวนชิ้นส่วนที่มากจะต้องใช้ความแม่นยำ ความจำใน
ระดับสงู ทำใหม้ รี ะดบั ความยากมาก ในสว่ นของเกมจิ๊กซอวท์ ีน่ ำมาสรา้ งจะใชข้ อบเขตอายขุ องเด็กเหลา่ นี้
อายุ 1-2 ปี สามารถเรยี งภาพงา่ ย ๆ ได้ 2-3 ชิ้น
อายุ 2-3 ปี สามารถเรียงภาพงา่ ย ๆ ได้ 3-5 ชิน้
อายุ 3-4 ปี สามารถเรยี งภาพได้ 5 ช้ินข้นึ ไป
อายุ 4-5 ปี สามารถเรยี งภาพได้ 10 ช้ินข้นึ ไป
อายุ 5-6 ปี สามารถเรยี งภาพได้ 15 ชน้ิ ขนึ้ ไป
ทั้งนี้ขึน้ อยูก่ ับรปู แบบ ความซับซ้อนและความยากง่ายของภาพดว้ย ฉะนั้นสิง่ หนึ่งที่มากบั การ
เล่นเกมจิ๊กซอวอ์ ย่างเลย่ี งไม่พน้ คือ การต้องสังเกตรายละเอียดของชิ้นส่วนแตล่ ะช้นิ มองอย่างละเอียดที
ละจุด และเมื่อนำมาประยุกต์เข้ากับการพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำไม่ตรงตามมาตรา โดย
ออกแบบให้จิ๊กซอว์แต่ละภาพมพี ยัญชนะของแต่ละมาตราตัวสะกดอยู่ในภาพ ในที่นี้คือ แม่กบ แม่กน
แม่กก และแม่กด และกำหนดสีประจำมาตราดังนี้ แม่กบ - สีเขียว แม่กน - สีน้ำเงิน แม่กก - สีเหลือง
และแม่กด - สีแดง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนจดจำพยัญชนะในแต่ละมาตราได้ดีขึ้น ส่งผลให้ทักษะการ
สะกดคำดยี ิ่งขนึ้ ดว้ ย เน่อื งจากเกิดการจำจดผ่านท้ังสีและเกมท่ีนักเรียนจะต้องใช้ความตั้งใจในการต่อ
ชนิ้ สว่ นภาพแต่ละชนิ้ เขา้ ดว้ ยกนั ซง่ึ จะทำให้เกดิ ความจดจำระยะยาว
ภาพท่ี 1 ตัวอย่างจก๊ิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles)
12
ตอนท่ี 3 งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
ประเทศไทยมงี านวจิ ัยท่เี กยี่ วข้องกบั การพัฒนาทกั ษะการเขียนสะกดคำดว้ ยกจิ กรรมเกมอยบู่ า้ ง แต่ยงั
ไม่พบเหน็ การสอนโดยใชจ้ ก๊ิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เร่อื งมาตราตวั สะกดไมต่ รงตามมาตรา ผูว้ จิ ัยจึงได้
รวบรวมงานวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ งและน่าจะเป็นประโยชน์ไว้
วินยั สยอวรรณและคณะ (2560) ทำการวิจยั พฒั นาสอื่ ของเล่นจิ๊กซอวภ์ าพเรอ่ื งคำศัพทภ์ าษา
องั กฤษสำหรับเดก็ พเิ ศษ โรงเรียนบริบูรณ์ศิลปศ์ ึกษา กรุงเทพมหานคร พบวา่ ผลสัมฤทธ์ติ ่อการเรยี นรหู้ ลังการ
ทดลองเล่นจก๊ิ ซอวภ์ าพสูงกวา่ ก่อนการทดลองอยา่ งมนี ยั สำคญั ท่ีระดับ .05 ผลการประเมินการสมั ภาษณ์ความ
พงึ พอใจของครผู ู้ดูแลเดก็ พเิ ศษที่ทดลองใชส้ อ่ื ของเล่นจ๊ิกซอวภ์ าพ พบว่า ครมู คี วามพึงพอใจตอ่ การใชจ้ ๊กิ ซอว์
ภาพในเร่ืองคำศพั ทภื าษอังกฤษ โดยผลการสัมภาษณ์ พบว่า ขนาดและวัสดขุ องสอ่ื มคี วามเหมาะสม มคี วาม
คงทน ชำรดุ ยาก และขนาดของสือ่ ยังสามารถใหเ้ ด็กพเิ ศษเล่นรว่ มกนั เป็นกลุ่ม ภาพประกอบมคี วามเหมาะสม
พรรษพล ดดี พิณ (2549) ทำการวิจัยเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย เรือ่ งการเขียนสะกดคำที่ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
โรงเรียนพระวรสาร อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ที่ได้รบั การสอนโดยใชเ้ กมกับการสอนปกติ พบว่า 1)
ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนกลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ที่ได้รับการสอนโดยใช้เกมสูงกว่านกั เรียนทไี่ ด้รับการ
สอนปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .01 2) เจตคติต่อการเรียนของนักเรียน ท่ีไดร้ ับการสอนโดยใช้เกม
สูงกวา่ นกั เรียนที่ไดร้ ับการสอนแบบปกติอยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .01 3) ความกา้ วหน้าด้านผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรียนของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ทีไ่ ด้รบั การสอนโดยใช้เกมสงู กวา่ นกั เรียนทีไ่ ด้รับการสอนแบบ
ปกตอิ ย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 4) ความก้าวหน้าดา้ นเจตคติตอ่ การเรยี นกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทยเรอ่ื งการเขียนสะกดคำทมี่ ีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตวั สะกดของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ท่ี
ได้รับการสอนโดยใชเ้ กมสูงกว่านักเรยี นท่ีได้รบั การสอนแบบปกติอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดับ .01
กาญจนา ทนนั ไชย (2550) ทำการวจิ ัยการสรา้ งแบบทดสอบวินิจฉยั ขอ้ บกพรอ่ งการเขยี น
สะกดคำ สำหรบั นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรียนในสังกดั อำเภอท่าปลา จงั หวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 246
คน การสรา้ งแบบทดสอบวินิจฉัยการเขียนสะกดคำดำเนินการตามข้ันตอนคอื การวเิ คราะห์คำทนี่ กั เรยี น
ส่วนมากเขยี นผดิ จากนัน้ นำคำท่นี กั เรียนเขียนผิดมาสร้างแบบทดสอบวินิจฉัยการเขยี นสะกดคำตาม
กระบวนการสร้างและตรวจสอบคณุ ภาพ โดยทดลอง 2 ครั้ง พบวา่ นักเรยี นเขียนสะกดคำผิดหลายรปู แบบ คือ
เขียนคำควบกลำ้ ผิด เขียนพยัญชนะตน้ ผิด เขียนรูปสระผิด เขียนตัวสะกดผดิ เปน็ ต้น
สภุ จิตร คงสวุ รรณ (2550) ทำการวจิ ยั พฒั นาแผนการจดั การเรียนรแู้ ละแบบฝกึ ทกั ษะการ
เขียนสะกดคำท่ไี ม่ตรงตามมาตราตวั สะกด ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรยี นอนบุ าลศรวี ิไล สำนักงานเขตพนื้ ท่ี
การศกึ ษาหนองคาย เขต 3 ที่มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 เพ่อื เปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อน
เรียนและหลังเรยี นเพอ่ื ศกึ ษาคา่ ดชั นปี ระสิทธิผลของการเรียนรู้โดยใช้แผนการจดั การเรยี นรแู้ ละแบบฝกึ ทกั ษะ
13
การเขียนสะกดคำทีไ่ ม่ตรงตามมาตราตวั สะกด พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้และแบบฝึกทกั ษะการเขียนสะกด
คำท่ไี ม่ตรงตามมาตราตวั สะกดมปี ระสิทธภิ าพเท่ากบั 87.56/89.16 ซ่ึงสงู กวา่ เกณฑ์ 80/80 และนักเรยี นมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .01 มีค่าดัชนีประสิทธิผล
เท่ากับ 0.08
นอกจากงานวิจัยในประเทศไทยแล้ว ผู้วิจัยได้ค้นคว้าและรวบรวมงานวิจัยของต่างประเทศที่เกี่ยวกับ
การพัฒนาทักษะการสะกดคำ และการใชจ้ ๊ิกซอวภ์ าพเพอื่ ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ดงั นี้
ดามานฮูรี (Damanhuri, 2019) ได้ศึกษาผลของการใช้จิ๊กซอว์ภาพที่มีผลต่อความเข้าใจใน
การเขียนสูตรเคมีของนักเรียนระดับ 10 จำนวน 115 คน จากโรงเรียนมัธยมเมืองลารุต ในเขตเปรัค ประเทศ
มาเลเซีย พบว่า ทักษะการเขียนสูตรเคมีของนักเรียนหลังการเรียนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพสูงกว่าก่อนเรียน อีกท้ัง
นกั เรยี นยังมีเจตคตติ ่อการเรยี นเร่อื งการเขยี นสูตรเคมีสูงกวา่ กอ่ นเรียนอกี ดว้ ย
แคลนตัน (Clanton, 1997) ได้ศึกษาถึงผลของวิธีการตัดอักษรตามวิธีสะกดคำ โดยให้
นักเรียนทำแบบฝึกหัดชนิดที่ลบอักษรออกจากคำ แล้วให้นักเรียนเติมตัวอีกษรที่หายไป สัปดาห์ละ 4
แบบฝึกหัด รวม 3 สัปดาห์ กับนักเรียนระดับ 6 – 7 จำนวน 194 คน พบว่า คะแนนกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม
ไมต่ ่างกนั แตค่ ะแนนของกลมุ่ ทดลองหลงั จากทำแบบฝกึ หัดสงู กวา่ คะแนนกอ่ นทำแบบฝกึ หัด
แฮนค๊อก (Hankock, 1996) ได้สรุปว่า ครูเป็นสื่อกลางที่สำคัญในการเล่นเกมโดยเฉพาะใน
การสอนสะกดคำ กิจกรรมประกอบการเล่นจะเป็นสื่อนำนักเรียนให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลด
ภาระของครูในการสอนเดก็ ตัวต่อตวั ดว้ ย
ตอนท่ี 4 กรอบแนวคดิ ในการทำวจิ ยั
การสอนโดยใช้ ทกั ษะการเขียนสะกดคำศพั ท์ภาษาไทย
จกิ๊ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) ของนักเรยี น
เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
ภาพท่ี 2 กรอบแนวคิดในการทำวิจัย
14
บทท่ี 3
วธิ กี ารดำเนนิ การวจิ ยั
การวิจัยเรื่อง ผลของการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตาม
มาตรา ที่มีต่อทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง
(Quasi Experimental Design) ซง่ึ มีขนั้ ตอนการดำเนนิ งานวจิ ยั 5 ขนั้ ตอน ดังน้ี
1. การออกแบบการวจิ ัย
2. การกำหนดประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
3. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัย
4. การดำเนินการวิจัย
5. การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
1. การออกแบบการวิจยั
งานวิจัยเรื่องนี้เป็นการวิจัยแบบศึกษากลุ่มเดียววัดสองครั้ง (The One-Group Pretest Posttest
Design) ซง่ึ ประกอบดว้ ยกล่มุ ทดลองหนึ่งกลุ่ม รูปแบบการทดลองเขียนได้ดังตารางตอ่ ไปน้ี
ตารางที่ 1 แบบแผนการทดลอง ตัวแปรจดั กระทำ การวัดหลงั การทดลอง
กลมุ่ การวัดกอ่ นการทดลอง
E O1 X O2
ความหมายของสัญลักษณท์ ่ใี ช้ในรูปแบบการทดลอง คือ
E หมายถงึ กลมุ่ ทดลอง (experiment group)
O1 หมายถงึ การทดสอบกอ่ นการทดลอง (Pretest)
O2 หมายถึง การทดสอบหลงั การทดลอง (Posttest)
X หมายถงึ การจดั การเรยี นการสอนโดยใชจ้ ๊ิกซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles)
เรือ่ งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
2. การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง
2.1 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนในห้องเรียนวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านโชคกราด จำนวน 14 คน
15
2.2 กลุ่มตัวอย่างทีใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีปัญหาการเขียนสะกดคำและ
กำลังศกึ ษาอยใู่ นภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 ของโรงเรียนบ้านโชคกราด จำนวน 4 คน
2.3 การเลอื กนักเรยี นเข้ากลุม่ ทดลอง ผู้วิจยั ใช้วิธกี ารเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection) โดย
นกั เรยี นทงั้ 4 คน เป็นกลุ่มทดลองท่ไี ด้รับการจดั การเรียนการสอนเพิ่มเตมิ โดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw
Puzzles)
เรอ่ื งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
3. เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั
3.1 แบบวดั การเขียนสะกดคำศัพท์ภาษาไทยกอ่ นเรยี นและหลังเรยี นที่ผู้วจิ ยั สร้างขน้ึ ใช้คำศัพท์ที่
คัดเลือกมาจากคำศพั ทพ์ ้ืนฐานระดับช้ันประถมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน โดย
แบ่งเปน็ 4 ตอน
16
ภาพที่ 3 แบบวดั การเขียนสะกดคำศพั ทภ์ าษาไทยกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน
3.2 แบบใหค้ ะแนนการเขยี นสะกดคำศัพท์ภาษาไทย
แบบสอบ Pretest และ Posttest
คำที่ คำศพั ท์ คะแนน
เตมิ ตัวสะกด เติมตวั สะกด
1. บาป
2. ภาพ ถกู ตอ้ ง ผดิ
3. กราฟ 1 คะแนน 0 คะแนน
4. โลภ
5. คำสาป
6. ปัญหา
7. โบราณ
8. ทหาร
17
คำที่ คำศพั ท์ คะแนน
เติมตวั สะกด เติมตวั สะกด
9. ตำบล
10. ทมฬิ ถกู ตอ้ ง ผิด
11. เลข 1 คะแนน 0 คะแนน
12. สุนขั
13. โรค
14. เมฆ
15. ภาค
16. ปัจจยั
17. บวช
18. ก๊าซ
19. กฎหมาย
20. อฐู
21. กบฏ
22. ครฑุ
23. พัฒนา
24. อนาคต
25. รถ
26. ประเภท
27. โกรธ
28. อากาศ
29. กระดาษ
30. โอกาส
18
3.3 จก๊ิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
ภาพท่ี 4 ตวั อย่างจ๊ิกซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
จากตัวอยา่ งภาพแสดงจกิ๊ ซอว์ภาพมาตราตวั สะกดไมต่ รงมาตราทั้ง 4 ชุด จะเห็นวา่ แตล่ ะชุดใช้สที ่แี ตกตา่ งกัน
ดังนี้
➢ จิ๊กซอว์สีเขยี วคือ แม่กบ
➢ จิ๊กซอว์สีเหลอื งคือ แมก่ ก
➢ จิก๊ ซอว์สนี ้ำเงิน คือ แม่กน
➢ จิ๊กซอว์สีแดงคอื แม่กด
19
3.4 ชดุ แบบฝกึ ทีใ่ ช้ควบค่กู ับจ๊ิกซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
ภาพท่ี 5 ตัวอยา่ งชุดแบบฝึกการเขยี นสะกดคำ
จากชดุ แบบฝกึ พบว่า กลอ่ งแต่ละสนี น้ั จะเป็นกล่องเฉพาะของมาตราตัวสะกดแตล่ ะแม่ โดย
➢ กล่องสเี ขยี วคือ แม่กบ
➢ กล่องสีเหลืองคอื แมก่ ก
➢ กล่องสีนำ้ เงนิ คือ แมก่ น
➢ กล่องสีแดงคือ แม่กด
20
4. การดำเนนิ การวจิ ยั
ผวู้ จิ ัยไดแ้ บง่ การดำเนินการทดลองออกเปน็ 3 ขั้น ดังน้ี
4.1) ก่อนการทดลอง (Pretest) ผู้วิจัยทดสอบนักเรียนกลุ่มทดลองด้วยแบบสอบวัด
ความสามารถในการเขียนสะกดคำศัพท์ภาษาไทย แล้วบนั ทกึ ผลการทดสอบกอ่ นดำเนนิ การทดลอง
4.2) ดำเนนิ การทดลอง ผู้วิจยั ดำเนินการทดลองตามแผนการจดั การเรียนการสอนโดยใช้จิ๊ก
ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เร่อื งมาตราตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา จำนวน 4 ชดุ ชุดละ 20 นาที
4.3) ทดสอบหลังเรียน (Posttest) ผู้วิจัยทดสอบนักเรียนกลุ่มทดลองด้วยแบบสอบวัด
ความสามารถในการเขียนสะกดคำศัพท์ภาษาไทย ซึ่งเป็นข้อสอบชุดเดียวกันกับแบบทดสอบก่อนเรียน แล้ว
บันทึกผลการสอบไว้สำหรับวเิ คราะห์ขอ้ มลู
4.1 ระยะเวลาในการดำเนนิ งาน
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ระหว่างวันที่ 6 มกราคม ถึง 7 กุมภาพันธ์ โดยใช้เวลา 20 นาทีต่อ
สัปดาห์ รวมท้งั สิน้ 4 สปั ดาห์
5. การวิเคราะหข์ อ้ มูล
ผู้วิจัยนำข้อมูลท่ีไดท้ ง้ั หมด มาวิเคราะหค์ ่าทางสถติ ิ เพ่ือทดสอบสมมติฐานและสรุปผลการทดลอง ดงั น้ี
5.1) เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มทดลองท่ี
ได้รับการจัดการเรียนการสอนเขียนสะกดคำศพั ท์ภาษาไทยโดยใช้จ๊ิกซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตรา
ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา โดยคำนวณหาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (x̄) และค่าส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน (S.D.)
21
บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู
การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลของการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles)
เร่ืองมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ท่ีมีตอ่ ทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปี
ที่ 6 และเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีปัญหาด้าน
การเขียนสะกดคำภาษาไทย โรงเรยี นบา้ นโชคกราด จำนวน 4 คน ผูว้ ิจัยจงึ ขอนำเสนอการวเิ คราะห์ข้อมูล การ
แปลความหมายและอภปิ รายผลการวเิ คราะหใ์ นรูปของแผนภูมิ กราฟ และตารางโดยแบ่งออกเปน็ 2 สว่ น คอื
สว่ นที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานของกลมุ่ ตัวอยา่ ง
ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบพัฒนาการของทักษะการเขียนสะกดคำคำศัพท์ภาษาไทยโดย
ใชจ้ ก๊ิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา
สว่ นท่ี 1 ข้อมลู พ้ืนฐานของกลุม่ ตวั อย่าง
ตวั อยา่ งทง้ั หมด 4 คน เป็นเพศชาย 2 คน และเพศหญิง 2 คน
ตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั
เพศ จำนวนนกั เรยี น
ชาย 3
หญงิ 1
ตารางที่ 2 จำนวนของตวั อยา่ ง
จากตารางท่ี 2 แสดงให้เหน็ วา่ นักเรยี นที่เปน็ ตัวอยา่ งประกอบดว้ ย เพศชายร้อยละ 75 และเพศหญิงรอ้ ยละ 25
22
ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบพัฒนาการของทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ
(Jigsaw Puzzles) เรอื่ งมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา
ตอนที่ 1 ผลของทกั ษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยโดยใชจ้ ก๊ิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตรา
ตวั สะกดไมต่ รงตามมาตรา ของนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6
ตารางแสดงผลคะแนนการเขยี นสะกดคำภาษาไทย
นกั เรยี น กอ่ น รอ้ ยละ ระดบั คณุ ภาพ หลงั รอ้ ยละ ระดับคณุ ภาพ
คนท่ี (30) (30)
1. 10 33.33 ไม่ผ่าน 15 50 ผา่ น
2. 18
3. 13 60 ผา่ น 23 76.67 ผา่ น
4. 4
43.33 ไมผ่ ่าน 17 56.67 ผ่าน
13.33 ไมผ่ ่าน 9 30 ไมผ่ ่าน
ตารางที่ 3 คะแนนการเขียนสะกดคำศัพท์ภาษาไทยก่อนและหลงั
กราฟแสดงคะแนนการเขียนสะกดคาภาษาไทยก่อน - หลงั
25 หลงั (30)
20
15
10
5
0
กอ่ น (30)
นร. คนท่ี 1 นร. คนท่ี 2 นร. คนท่ี 3 นร. คนที่ 4
ภาพท่ี 6 กราฟแสดงคะแนนการเขยี นสะกดคำภาษาไทยก่อน - หลัง
จากกราฟพบวา่ นกั เรยี นทัง้ 4 คน มีคะแนนการเขียนสะกดคำภาษาไทยหลงั เรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรียน
23
ตอนท่ี 2 ผลของค่าเฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
คา่ เฉลย่ี SD
กอ่ นเรียน 11.25 5.852349955
หลงั เรียน 16 5.773502692
ตารางท่ี 4 คะแนนเฉลีย่ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของการสอนโดยใช้จิก๊ ซอว์ภาพ เรอื่ งมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา
จากตารางพบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนของการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่อง
มาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตราสงู กวา่ ก่อนเรยี น และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานหลงั เรยี นต่ำกวา่ ก่อนเรียน
ตอนที่ 3 ผลการวเิ คราะห์คะแนนพัฒนาการของนักเรยี น
คะแนนพฒั นาการสมั พทั ธก์ ารเขยี นสะกดคำภาษาไทย
นกั เรียน คะแนน คะแนน ระดบั
คนท่ี กอ่ น หลงั ความแตกตา่ ง พฒั นาการ พฒั นาการ
สัมพทั ธ์ (%)
1. 10 15 5 25 ระดับตน้
2. 18 23 5 41.67 ระดับกลาง
3. 13 17 4 23.53 ระดับตน้
4. 4 9 5 19.23 ระดับต้น
ตารางท่ี 5 คะแนนพฒั นาการสมั พัทธ์ของนักเรยี นหลังการสอนโดยใช้จก๊ิ ซอว์ภาพ เรื่องมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา
จากตาราง นกั เรียนท้ัง 4 คน มคี ะแนนหลงั เรียนสูงข้ึน แสดงใหเ้ หน็ ว่าหลังการสอนโดยใช้จ๊กิ ซอว์ภาพ
เรอ่ื งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรานกั เรยี นทกุ คนมีพัฒนาการทด่ี ีขนึ้
24
บทท่ี 5
สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาผลของการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่อง
มาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราที่มีต่อทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียน ชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 และเพอื่ พฒั นาทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่
6 ท่ีมีปัญหาดา้ นการเขียนสะกดคำที่มีตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา จำนวน 4 คน วา่ การสอนโดยใช้จ๊ิก
ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราสามารถพัฒนาทักษะการเขียน
สะกดคำภาษาไทยของนักเรียนไดห้ รือไม่
วิธีการดำเนินการวิจัยนั้น ผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง
(Purposive Sampling) คือ การวัดทักษะด้านการเขียนสะกดคำภาษาไทยของนักเรียนระดับช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านโชคกราด ปีการศึกษา 2563 จำนวน 14 คน จากนั้นเลือกเฉพาะ
นักเรยี นทม่ี ีปัญหาการเขยี นสะกดคำภาษาไทย ซึง่ ในทน่ี ี้มีทง้ั หมด 4 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ แบบวัดทักษะการเขียนสะกดคำศพั ท์ภาษาไทยก่อนเรียน
และหลังเรียนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แบบให้
คะแนนการเขียนสะกดคำศัพทภ์ าษาไทย จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรง
ตามมาตรา 4 ชุด และชุดแบบฝึกที่ใช้ควบคู่กับจิ๊กซอวภ์ าพ โดยผู้วิจัยดำเนินการทดลองตามแผนการ
จัดการเรียนการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
จำนวน 4 แผน แผนละ 20 นาที จากนั้นทำการเก็บรวบรวมข้อมลู แลว้ นำมาวิเคราะห์เพ่ือเปรียบเทียบ
พัฒนาการของนักเรยี นแตล่ ะคน
5.1 สรุปผลการวจิ ัย
จากการวิเคราะหข์ อ้ มลู เก่ยี วกับ “การสอนโดยใชจ้ ๊กิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เร่ืองมาตรา
ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราที่มีตอ่ ทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี
6” สามารถสรุปผลได้ดงั น้ี
25
ส่วนที่ 1 ขอ้ มูลพ้นื ฐานของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่างในการวิจัย คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 4 คน เป็นนักเรียนชาย 3 คน
คดิ เป็นร้อยละ 75 และนักเรียนหญิง 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 25
ส่วนที่ 2 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบพัฒนาการด้านทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยโดยใช้จิ๊กซอว์
ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตรา ในนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
ตอนที่ 1 ผลของระดบั ทักษะการเขียนสะกดคำคำศัพทภ์ าษาไทย โดยใช้จิ๊กซอวภ์ าพ (Jigsaw
Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา ก่อนเรียน นักเรียนคนที่ 1 ได้คะแนนร้อยละ 33.33
นกั เรยี นคนท่ี 2 ได้คะแนนร้อยละ 60 นักเรยี นคนท่ี 3 ไดค้ ะแนนร้อยละ 43.33 และนักเรยี นคนที่ 4 ได้
คะแนนร้อยละ 13.33 จะเห็นว่ามีนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ (น้อยกว่าร้อยละ 50) ถึง 3 คน หรือคิดเป็น
ร้อยละ 75 แต่หลังจากที่ได้รับการเรียนการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตรา
ตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา พบว่า นกั เรียนคนท่ี 1 ได้คะแนนร้อยละ 50 นักเรยี นคนท่ี 2 ไดค้ ะแนนรอ้ ย
ละ 76.67 นักเรียนคนที่ 3 ได้คะแนนร้อยละ 56.67 และนักเรียนคนที่ 4 ได้คะแนนร้อยละ 30 จะเห็น
วา่ มีนกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ (มากกว่ารอ้ ยละ 50) ถึง 3 คน หรือคิดเปน็ ร้อยละ 75 มเี พยี งนกั เรยี นคนที่ 4 ท่ี
ได้คะแนนรอ้ ยละ 30 ซง่ึ ยงั ไม่ผา่ นเกณฑ์
ตอนที่ 2 ผลของคา่ เฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน พบว่า คะแนนเฉล่ียหลังเรียนโดยใช้จ๊กิ
ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราสูงกว่า ก่อนเรียน และส่วน
เบ่ยี งเบนมาตรฐานหลงั เรยี นตำ่ กว่า กอ่ นเรยี น
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์คะแนนพัฒนาการของนักเรียน พบว่า นักเรียนทั้ง 4 คนมีคะแนน
พัฒนาการการเขียนสะกดคำภาษาไทยเพิ่มสูงขึ้น หลังการได้รับการเรียนการสอนโดยใช้จิ๊กซอว์ภาพ
(Jigsaw Puzzles) เรื่องมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา โดยนักเรียนคนที่ 1 ได้คะแนนร้อยละ 50
จากเดิมร้อยละ 33.33 มีคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ร้อยละ 25 ถือว่าอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์และมี
พัฒนาการอยู่ในระดับต้น นักเรียนคนที่ 2 ได้คะแนนร้อยละ 76.67 จากเดิมร้อยละ 60 มีคะแนน
พัฒนาการสัมพัทธ์ร้อยละ 41.67 ถือว่าอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์และมีพัฒนาการอยู่ในระดับกลาง
นักเรียนคนที่ 3 ได้คะแนนร้อยละ 56.67 จากเดิมร้อยละ 43.33 มีคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ร้อยละ
25.53 ถือว่าอยใู่ นระดบั ผา่ นเกณฑแ์ ละมีพฒั นาการอยู่ในระดบั ต้น และนักเรยี นคนท่ี 4 ไดค้ ะแนนรอ้ ย
26
ละ 30 จากเดิมร้อยละ 13.33 มีคะแนนพัฒนาการสัมพัทธ์ร้อยละ 19.23 ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์แต่ยังมี
พัฒนาการอยใู่ นระดับตน้
5.2 อภปิ รายผลการวจิ ยั
จากผลการศกึ ษาวจิ ัยเรือ่ ง “การสอนโดยใชจ้ ิก๊ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เร่ืองมาตรา
ตวั สะกดไม่ตรงตามมาตราที่มีตอ่ ทกั ษะการเขียนสะกดคำภาษาไทย ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี
6” พบว่านักเรียนมคี ะแนนหลังเรียนมากกว่าก่อนเรียน ซึง่ แสดงให้เห็นวา่ การสอนโดยใช้จก๊ิ ซอว์ภาพ
(Jigsaw Puzzles) เร่อื งมาตราตัวสะกดไมต่ รงตามมาตราสามารถพัฒนาทักษะการเขยี นสะกดคำ
ภาษาไทยในนกั เรยี นช้นั ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ได้ แต่คะแนนพฒั นาการของนกั เรียนส่วนใหญ่ยงั ไม่
อยใู่ นเกณฑ์ทดี่ นี กั เปน็ ผลมาจากระยะเวลาในการทดลองไมเ่ หมาะสม คือผสู้ อนกำหนดเวลาในการ
ทดลองคอ่ นข้างสน้ั และเว้นช่วงในแตล่ ะครง้ั นานเกินไป อกี ทง้ั การที่นกั เรียนมีพื้นฐานการเขียนคำศพั ท์
ภาษาไทยค่อนขา้ งต่ำ การทเี่ วน้ ระยะนานทำให้นักเรียนไม่เกดิ การพัฒนาทักษะอยา่ งต่อเน่อื ง
5.3 ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป
นักเรียนที่ได้รับการเรียนการสอนด้วยกิจกรรมการเขียนสะกดคำคำศัพท์ภาษาไทยโดยใช้จ๊ิก
ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เรอื่ งมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา มีระดบั ทกั ษะและพฒั นาการการ
เขียนสะกดคำศัพท์ภาษาไทยที่ถูกต้องและนำไปใช้ได้เหมาะสม แต่ผู้สอนควรกำหนดระยะเวลาและ
การเว้นช่วงใหเ้ หมาะสมเพ่อื ให้นกั เรยี นเกิดความต่อเนอื่ งในการพัฒนาทักษะ
5.4 ข้อเสนอแนะการนำผลวิจัยไปใช้
1. ควรมีการสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการเรียนภาษาไทยให้แก่กับผู้เรียน เนื่องจากผู้เรียน
เรียนในโรงเรียนนานาชาติ จึงมีความกังวลและไม่มั่นใจในการใช้ภาษาไทย ครูผู้สอนจึงควรหมั่น
สร้างความคุ้นชินกับการถาม – ตอบแบบตัวต่อตัว โดยเริ่มจากการสนทนาง่าย ๆ แล้วจึงเพิ่มระดับ
ความยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้การได้รับคำชม และเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของตนเอง ช่วยให้นักเรียน
เกดิ ความภาคภูมิใจและมแี รงจงู ใจในการเรยี นภาษาไทยมากย่ิงขึน้
2. การใช้จิ๊กซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) ทำให้นักเรียนมีความสนใจในการเขียนสะกดคำ
มากขึ้น เนื่องจากนักเรียนเกิดความท้าทายและเพลิดเพลินในการหาคำตอบเพื่อเขียนสะกดคำด้วย
27
ตนเอง แตค่ รผู ู้สอนสามารถเพม่ิ ความนา่ สนใจใหก้ ับจก๊ิ ซอว์ภาพ (Jigsaw Puzzles) ไดอ้ กี ดว้ ยการใส่
ภาพการ์ตูนทเ่ี กย่ี วข้องหรอื ที่นกั เรียนชืน่ ชอบลงไป
3. การใช้ระยะเวลาในการสอนที่มากกว่า 1 เดือน และมีความต่อเนื่องกันในทุก ๆ วันอาจ
ส่งผลให้นักเรียนมีทักษะการเขียนสะกดคำภาษาไทยที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากนักเรียนได้เห็นภาพจิ๊กซอว์
(Jigsaw Puzzles) อยู่บอ่ ย ๆ จะทำให้นกั เรยี นเกดิ การจดจำพยัญชนะทอ่ี ยใู่ นจก๊ิ ซอว์แต่ละชดุ สามารถ
บอกได้ว่าในแต่ละมาตราตัวสะกดประกอบไปด้วยพยัญชนะใดบ้าง และสามารถเขียนสะกดคำศัพท์
ภาษาไทยทีม่ ตี ัวสะกดไมต่ รงตามมาตราไดด้ ียง่ิ ข้ึน
28
บรรณานกุ รม
กาญจนา ทนันไชย. (2550). การสร้างแบบทดสอบวินจิ ฉยั ขอ้ บกพรอ่ งการเขยี นสะกดคำสำหรับ
นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2552). การสอนภาษาไทย. กรุงเทพฯ: บริษัท จามจุรีโปรดกั ส์ จำกดั .
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2557). นโยบายการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. กรงุ เทพฯ: บริษัท
จามจุรโี ปรดักส์ จำกัด.
บุญปก ออ่ นเผ่า. (2526). การศกึ ษาความสามารถทางการเขยี นสะกดคำภาษาไทยของนักเรียน
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรยี นสงั กัดกรมสามัญในกรุงเทพมหานคร. วทิ ยานิพนธ์ ศศ.ม.,
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ประเทิน มหาขันธ.์ (2519). หลักการสอนภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษา. (พมิ พ์คร้งั ท่ี 2). กรงุ เทพฯ: โรง
พิมพค์ ุรสุ ภาลาดพร้าว.
พธู ทง่ั แดง. (2534). การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิการเขียนสะกดคำของนกั เรยี นระดับประกาศนียบัตร
วชิ าชพี ปีท่ี 1 ทีเ่ รียนโดยใช้แบบฝึกและไม่ใชแ้ บบฝกึ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย. วิทยานิพนธ์ ศศ.
ม. สาขาการสอนภาษาไทย บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
พรรษพล ดีดพิณ. (2549) การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติตอ่ การเรียนกลมุ่ สาระ
การเรียนรภู้ าษาไทย เร่อื งการเขียนสะกดคำ ที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ของ
นักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ท่ีสอนโดยใชเ้ กมกบั การสอนปกติ. มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เทพ
สตรี/ลพบุร.ี
มณี เทพาชมภู. (2536). การเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธแิ์ ละทัศนคติตอ่ การเขียนสะกดคำของนกั เรียนชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ระหว่างการสอนโดยใชเ้ กมกับการสอนแบบธรรมดา. วิทยานิพนธ์ กศ.ม.
(วิชาเอกภาษาไทย). กรุงเทพฯ: บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั นเรศวร.
วินยั สยอวรรณ. (2560). การพัฒนาสือ่ ของเล่นจก๊ิ ซอวภ์ าพเรอื่ งคำศพั ท์ภาษาอังกฤษสำหรบั เดก็
พเิ ศษ โรงเรียนบริบรู ณ์ศลิ ป์ศึกษา กรงุ เทพมหานคร. วารสารการพยาบาลและการศกึ ษา,
10(2).
สุกญั ญา ศรณี ะพรม. (2541). การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิก์ ารเขียนสะกดคำภาษาอังกฤษของนกั เรียน
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ระหว่างการสอนโดยใชเ้ กมปกตกิ ับเกมคอมพวิ เตอร์. ปรญิ ญานิพนธ์
การศกึ ษามหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สำนกั งานการประถมศกึ ษาจังหวัดกำแพงเพชร. (2544). แผนปฏิบัตกิ ารประจำปีการศกึ ษา 2544.
กำแพงเพชร : ฝ่ายแผนและงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ.
29
สุภจติ ร คงสวุ รรณ. (2550). การพฒั นาแผนการจัดการเรียนรแู้ ละแบบฝึกทักษะการเขียนสะกด
คำทไ่ี ม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 โรงเรียนอนบุ าลศรีวไิ ล สำนกั งานเขต
พื้นทก่ี ารศึกษาหนองคาย เขต 3. วิทยานพิ นธ์ ค.ม. สาขาวิชาหลกั สูตรและการสอน บัณฑิต
วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภัฏมหาสารคาม.
อดุลย์ ไทรเล็กทิม. (2528). การศึกษาผลสัมฤทธกิ์ ารเขยี นสะกดคำยากและทักษสมั พนั ธ์ของนกั เรยี น
ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรยี นชุมชนบ้านชัฎป่าหวาย จังหวัดราชบุรี. วิทยานพิ นธ์ ศศ.ม.
กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.
Clanton, P. The effectiveness of the letter-close procedure as a method of teaching
spelling. Unpublished doctoral dissertation, University of Arkansas, 1997.
MIM Damanhuri, LDP Kumar, MT Borhan, SS Sani and H Taha. (2019). Evaluation of
jigsaw puzzles in writing the chemical formula of ionic compounds among the
10th grade students.
ภาคผนวก
แบบสอบวดั ทกั ษะการเขียนสะกดคำกอ่ นและหลงั การสอนโดยใชจ้ ก๊ิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles)
เรอ่ื งมาตราตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
จกิ๊ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles)
เรอื่ งมาตราตวั สะกดไม่ตรงตามมาตรา
ชดุ แบบฝกึ ประกอบการสอน
โดยใชจ้ ก๊ิ ซอวภ์ าพ (Jigsaw Puzzles) เรอ่ื งมาตราตวั สะกดไมต่ รงตามมาตรา