The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์หลักสูตรฟิสิกส์ม.5ว32201

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sasana12.2020, 2022-05-10 09:36:31

วิเคราะห์หลักสูตรฟิสิกส์ม.5ว32201

วิเคราะห์หลักสูตรฟิสิกส์ม.5ว32201

สาสนะ บาเหม
ตำแหนง่ ครู

รหสั วิชา ว๓๒๒๐๑ ฟิสกิ ส์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑/๒๕๖๔

วเิ คราะหห์ ลักสูตร รหัสวิชา ว๓๒๒๐๑ เอกสารลำดับที่
ช่อื วิชาฟิสิกส์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ เลขที่ NT-CG-SCI-GD-๑๔๐ /๒๕๖๔
ปกี ารศกึ ษาที่ ๑/๒๕๖๔

โรงเรยี นนาทววี ทิ ยาคม จัดทำโดยนางสาวสาสนะ บาเหม สำเนาเลม่ ท่ี ๑ จาก ๑
สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา

สงขลา สตลู

น.ท./ว 001- 003

วเิ คราะหห์ ลักสตู รโรงเรียนนาทววี ทิ ยาคม

รหสั วิชา ว32201 ช่ือวิชา ฟิสิกส์
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 1/2564

นางสาวสาสนะ บาเหม
ตำแหนง่ ครู

โรงเรียนนาทวีวิทยาคม อำเภอนาทวี จงั หวัดสงขลา
สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสงขลา สตูล กระทรวงศึกษาธิการ

บนั ทกึ ข้อความ

ส่วนราชการ โรงเรียนนาทวีวิทยาคม อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
ท่ี วนั ที่
เร่ือง การวเิ คราะหห์ ลักสูตรวิชาฟิสกิ ส์ (ว32201) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564

เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนนาทวีวิทยาคม
เรอ่ื งเดมิ
ด้วยข้าพเจา้ นางสาวสาสนะ บาเหม ตำแหนง่ ครู กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ได้รับมอบหมายใหจ้ ัดการเรียนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ (ว32201) ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ไดจ้ ัดทำวเิ คราะห์
หลักสูตรของภาคเรียนท่ี 1 ประจำปีการศกึ ษา 2564 ซงึ่ ขา้ พเจ้าได้ดำเนนิ การวิเคราะหห์ ลกั สตู รตามหลกั สตู ร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)

ขอ้ เทจ็ จรงิ
บดั น้ี ข้าพเจา้ ได้จดั ทำวเิ คราะหห์ ลักสูตรรายวิชาฟสิ ิกส์ รหัสวิชา (ว32201)ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาค
เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เสรจ็ สนิ้ แล้ว
ขอ้ เสนอเพ่ือพิจารณา

ในการน้ี ขา้ พเจ้าจงึ ขอความอนุเคราะหม์ ายังทา่ น ได้โปรดพิจารณาลงนาม ในเอกสารทีไ่ ดแ้ นบมาน้ี

จึงเรยี นมาเพื่อทราบ และโปรดพิจารณาต่อไป

ลงชอ่ื .....................................................................
(นางสาวสาสนะ บาเหม)
ตำแหน่ง ครู

ความคดิ เห็นหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ..........................................................
(นายยซู ุฟ อิบู)

ตำแหนง่ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ความคิดเหน็ หวั หน้าฝา่ ยบริหารงานวชิ าการ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ..........................................................
(นางวาสนา แกว้ ยวน)

ตำแหนง่ หวั หนา้ ฝา่ ยบริหารงานวชิ าการ

ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารงานวชิ าการ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ..........................................................
(นายศรายุธ หมาดหลี)

ตำแหนง่ รองผูอ้ ำนวยการฝ่ายบริหารงานวชิ าการ

ความคดิ เห็นผู้อำนวยการโรงเรียนนาทววี ิทยาคม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ..........................................................
(นายมานพ จุลิวรรณลยี ์)

ตำแหนง่ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นนาทวีวิทยาคม

น.ท./ว 001

คำอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม

รหัสวิชา ว32201 รายวชิ า ฟิสิกส์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 80 ชัว่ โมง จำนวน 2.0 หนว่ ยกติ

ทดลอง การเคลือ่ นที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายของวัตถุติดปลายสปริงและลูกตุม้ อย่างง่าย การเกดิ การ
สัน่ พอ้ งของอากาศในท่อปลายเปิดหนึ่งด้าน การแทรกสอดของแสงผ่านสลติ คู่และเกรตติง การเล้ยี วเบน และ
การแทรกสอดของแสงผา่ นสลิตเดี่ยว การสะท้อนของแสงท่ีผิววตั ถตุ ามกฎการสะท้อน ความสมั พนั ธ์ระหว่าง
ดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมมุ หักเห เขยี นรังสขี องแสงเพ่ือแสดงภาพที่เกดิ จากเลนสบ์ าง สงั เกต การ
สะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด และการเล้ียวเบนของคลื่นผิวน้ำ สังเกต และอธบิ ายการมองเหน็ แสงสี สขี อง
วัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี อธบิ าย การเคล่ือนทแ่ี บบฮารม์ อนิกอย่างง่ายของวตั ถุตดิ ปลายสปรงิ
และลูกตุ้มอย่างง่าย ความถี่ธรรมชาตขิ องวัตถแุ ละการเกดิ การสน่ั พ้อง ปรากฏการณ์คลื่นชนิดของคลนื่
ส่วนประกอบของคลื่น การแผ่ของหนา้ คล่ืน ดว้ ยหลกั การของฮอยเกนส์ และการรวมกันของคลืน่ ตามหลกั การ
ซอ้ นทับ การสะทอ้ น การหกั เหการแทรกสอด และการเลีย้ วเบนของคลืน่ ผิวนำ้ การแทรกสอดของแสงผ่านสลิต
คูแ่ ละเกรตติง การเลย้ี วเบน และการแทรกสอดของแสงผา่ นสลิตเด่ยี ว การสะท้อนของแสงทผี่ ิววัตถุตามกฎการ
สะทอ้ น การสะท้อนของแสงที่ผิววตั ถุตามกฎการสะท้อน ความสมั พนั ธ์ระหว่างความลกึ จรงิ และความลกึ
ปรากฏ มุมวิกฤตและการ สะทอ้ นกลับหมดของแสง ปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ ี่เกย่ี วกับแสง เชน่ รงุ้ การทรงกลด
มริ าจ และการเห็นท้องฟ้าเป็นสตี า่ งๆในชว่ งเวลาตา่ งกนั การมองเห็นแสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการ
ผสมแสงสี เขยี นรงั สขี องแสงและคำนวณตำแหนง่ และขนาดภาพของวตั ถุ เมอ่ื แสงตกกระทบกระจกเงาราบ
และกระจกเงาทรงกลม รงั สีของแสงเพ่ือแสดงภาพทเี่ กดิ จากเลนส์บาง หาตำแหน่ง ขนาด ชนดิ ของภาพ และ
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งระยะวตั ถุ ระยะภาพและความยาวโฟกัส คำนวณหาปรมิ าณ การเคลือ่ นทแี่ บบฮาร์มอนิ
กอยา่ งงา่ ย อัตราเร็ว ความถ่ี และความยาวคล่ืนการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเล้ียวเบนของ
คลน่ื ผวิ น้ำ การแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง การเลีย้ วเบน และการแทรกสอดของแสงผา่ นสลิต
เดยี่ ว ความสมั พนั ธ์ระหว่างดรรชนีหักเห มมุ ตกกระทบ และมุมหกั เห รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ ง
ความลกึ จริงและความลึกปรากฏ มมุ วิกฤตและการ สะท้อนกลับหมดของแสง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งระยะวตั ถุ
ระยะภาพและความยาวโฟกสั นำความรู้เรอ่ื ง เสียง การสะทอ้ นของแสง การหกั เหของแสง ไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ชวี ิตประจำวัน

โดยจดั ประสบการณ์ให้ผเู้ รยี นได้ศึกษา คน้ ควา้ นำความรู้ท่ีไดไ้ ปประยุกตืใชใ้ นชวี ิตประจำวนั คงบค่ไู ป
กบั คณุ ธรรม และจริยธรรม และมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ไดแ้ ก่การใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจติ
วิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรแู้ ละการแก้ปัญหา มีความรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบพร้อมทงั้ ตระหนัก
ว่าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสง่ิ แวดล้อมมีความสัมพันธ์กัน

เพอื่ ให้ผ้เู รียนมีความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์
สจุ รติ มีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ ตลอดจนมี
ทศั นคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพน้ื ฐานชีวิตทม่ี น่ั คง มคี ุณธรรม มงี านทำ มอี าชีพ และเปน็ พลเมืองดี ตามพระ
บรมราโชบายดา้ นการศึกษาของในหลวงรชั กาลที่ 10

ผลการเรยี นรู้
1.ทดลองและอธบิ ายการเคลื่อนท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายของวัตถุติดปลายสปรงิ และลูกตมุ้

อย่างง่ายรวมทง้ั คำนวณปริมาณตา่ งๆทเี่ ก่ียวข้อง
2.อธบิ ายความถธี่ รรมชาติของวตั ถุและการเกดิ การส่นั พ้อง
3.อธบิ ายปรากฏการณค์ ล่นื ชนดิ ของคล่ืน สว่ นประกอบของคลื่น การแผ่ของหน้าคลน่ื ดว้ ย

หลักการของฮอยเกนส์ และการรวมกันของคล่นื ตามหลกั การซอ้ นทบั พร้อมท้งั คำนวณอัตราเร็ว
ความถี่ และความยาวคล่ืน

4.สงั เกตและอธิบายการสะท้อน การหักเห การแทรกสอด และการเล้ียวเบนของคลน่ื ผวิ น้ำ
รวมทง้ั คำนวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง

5.ทดลอง และอธบิ าย การแทรกสอดของแสงผา่ นสลติ คู่และเกรตติง การเลี้ยวเบน และ
การแทรกสอดของแสงผ่านสลติ เด่ียว รวมทั้งคำนวณปริมาณต่างๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง

6.ทดลอง และอธบิ ายการสะท้อนของแสงทีผ่ วิ วตั ถตุ ามกฎการสะท้อน เขยี นรงั สีของแสงและ
คำนวณตำแหนง่ และขนาดภาพของวัตถุ เมือ่ แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจกเงาทรงกลม
รวมท้งั อธิบายการนำความรูเ้ ร่ืองการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบ และกระจกเงา ทรงกลมไปใช้
ประโยชน์ในชวี ิตประจำวัน

7.ทดลอง และอธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งดรรชนีหกั เห มุมตกกระทบ และมุมหักเห
รวมทัง้ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความลึกจริงและความลกึ ปรากฏ มมุ วกิ ฤตและการ สะท้อนกลบั
หมดของแสง และคำนวณปริมาณตา่ งๆ ที่เก่ียวข้อง

8.ทดลอง และเขียนรังสีของแสงเพอ่ื แสดงภาพที่เกิดจากเลนสบ์ าง หาตำแหน่ง ขนาด ชนดิ
ของภาพ และความสัมพนั ธร์ ะหว่างระยะวัตถุ ระยะภาพและความยาวโฟกัส รวมท้ังคำนวณปรมิ าณ
ต่างๆ ที่เกีย่ วข้อง และอธิบายการนำความรเู้ ร่ืองการหักเหของแสงผ่านเลนส์บาง ไปใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจำวัน

9.อธบิ ายปรากฏการณ์ธรรมชาติทีเ่ ก่ยี วกบั แสง เช่น รุง้ การทรงกลด มริ าจ และการเห็น
ท้องฟา้ เปน็ สีต่างๆในช่วงเวลาตา่ งกนั

10.สงั เกต และอธบิ ายการมองเห็นแสงสี สีของวัตถุ การผสมสารสี และการผสมแสงสี
รวมทั้งอธิบายสาเหตุของการบอดสี

รวมทั้งหมด 10 ผลการเรียนรู้

น.ท./ว 002

แบบบันทกึ การจดั ทำโครงสรา้ งรายวิชา

โครงสรา้ งรายวชิ า.........ฟิสิกส์............... รหัสวิชา ว32201
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ .........5.......... เวลา ......80....... ชั่วโมง จำนวน ....2.0...... หนว่ ยกติ

ลำดบั ที่ ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนักคะแนน
เรยี นรู้ เรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั / (ชั่วโมง) ก่อน กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

1 การเคล่ือนท่ี 1.ทดลองและ 1. การสั่น (vibration) 22 15 10 - - 25

แบบฮารม์ อ อธิบายการ หรอื การแกว่งกวัด

นิกอย่างงา่ ย เคลอ่ื นท่แี บบ (oscillation) ทั้งสอง

ฮารม์ อนิกอยา่ ง คำนี้หมายถึงกาเคล่ือนท่ี

งา่ ยของวัตถุตดิ เดยี วกนั การสั่นแบบท่ี

ปลายสปริงและ งา่ ยท่ีสดุ คือการเคล่อื นที่

ลกู ต้มุ อยา่ งง่าย แบบฮารม์ อนิกอยา่ ง

รวมทั้งคำนวณ ง่าย (simple

ปรมิ าณตา่ งๆ ที่ harmonicmotion)

เกีย่ วขอ้ ง เป็นการเคล่ือนท่กี ลับไป

2. อธบิ าย มาซำ้ รอยเดมิ ผ่าน

ความถธี่ รรม ตำแหนง่ สมดลุ

ชาตขิ องวตั ถุ (equilibrium

และการเกดิ position)มีคาบและ

การสน่ั พ้อง แอมพลิจดู คงตวั

2. เมอ่ื ฉายแสงให้ขนาน

กับระนาบการเคลื่อนที่

ของวัตถุแบบวงกลมด้วย

อตั ราเรว็ เชงิ มุมคงตวั

เงาของวัตถบุ นฉากจะ

เคลื่อนที่กลับไปกลบั มา

ซำ้ รอยเดิมในแนวตรงมี

ความเร่งเข้าสู่จุดสมดุล

ซ่งึ เป็นการเคลอ่ื นที่

แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย

จากการวเิ คราะห์การ

เคลอ่ื นท่ีของเงากบั การ

เคลื่อนทีแ่ บบวงกลมของ

วตั ถุสรุปเป็นสมการของ

ปรมิ าณทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั

การเคลือ่ นทแ่ี บบฮารม์ อ

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนักคะแนน
เรยี นรู้ เรียนร้/ู ตวั ชี้วัด/ (ชั่วโมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

นิกอย่างงา่ ยของเงาได้

ดงั นี้ การกระจัด

= sin( + ∅)

ความเรว็

= cos( + ∅)
ความเร่ง
= − 2 sin( ∅)

3. ความเร่งแปรผันตรง

กบั การกระจัดแต่มีทิศ

ทางตรงข้ามกนั สมั พันธ์

กันตามสมการ

= − 2

ส่วนความเรว็ สมั พนั ธ์กับ

การกระจัดตามสมการ

= −+ √ 2 − 2

4. การเคลื่อนที่แบบฮาร์

มอนิกอย่างง่ายของวัตถุ

จ ะ ม ี แ ร ง ท ี ่ ด ึ ง ว ั ต ถ ุ ใ ห้

กลับมาที่ตำแหน่งสมดุล

เรียกแรงนีว้ ่าแรงดึงกลับ

(restoring force)การ

สั่ น ข อ ง ม ว ล ติ ด ป ล า ย

สปริงและการแกว่งของ

ลู ก ตุ้ ม อ ย ่ า ง ง ่ า ย เ ป็ น

ตัวอย่างของการ

เคลื่อนที่แบบฮาร์มอนิ

กอยา่ งงา่ ย

5. การสั่นของมวลติด

ปลายสปริงแรงดึงกลับ

เท่ากับ–kxจากกฎการ

เคลื่อนที่ข้อที่สองของนิ

วตันจะได้ ความสัมพันธ์

ระหว่างค่าคงตัวสปริง

(k)มวลของวัตถุ (m)กับ

ความถ่ีเชงิ มมุ

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ (ชัว่ โมง) ก่อน กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

ตามสมการω = √


และ จากความสัมพันธ์
ระหวา่ งความถ่ีเชิงมุมกับ
คาบและความถี่จะได้
คาบ

T = 2 √

ความถ่ี f = 1 √
2

ในทำนองเดียวกันน้ีของ
ก า ร แ ก ว่ ง ข อ ง ลู ก ตุ้ ม
อ ย ่ า ง ง ่ า ย แ ร ง ด ึ ง ก ลั บ

เท่ากับ −mg sin

เม่ือพิจารณากรณีθ <
10°จะได้
ความถเ่ี ชงิ มุม


ω = √

คาบ


T = 2 √

ความถี่

1
f = 2 √

6. เม่อื ใหว้ ัตถสุ ่ันหรือ
แกว่งอยา่ งอิสระเช่น
การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอ
นกิ อยา่ งง่ายในวตั ถุติด
สปริงหรือลูกตุม้ อยา่ ง
งา่ ย วัตถจุ ะสั่นดว้ ย
ความถเี่ ฉพาะตวั คา่ หนง่ึ
เรียก ความถีธ่ รรมชาติ
(natural frequency)
เม่อื วัตถุถกู กระตนุ้ ต่อ

ลำดบั ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด/ (ชั่วโมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

เนอื่ งให้ส่ันอย่างอิสระ

ดว้ ยแรงหรือพลังงานท่ีมี

ความถี่เท่ากับหรือใกล้

เคยี งกับความถธ่ี รรมชาติ

ของวัตถุ วตั ถุนน้ั จะส่ัน

ด้วยความถีธ่ รรมชาติ

ของวัตถนุ ั้นและสนั่ ดว้ ย

แอมพลิจดู ที่ค่ามาก

เรยี กปรากฏการณ์นีว้ ่า

การสั่นพอ้ ง

(resonance)

2 คลื่น 3.อธิบายปรา คล่นื เปน็ ปรากฏการณ์ 26 15 10 - - 25

กฏการณค์ ลื่น การถ่ายโอนพลังงานจาก

ชนดิ ของคลนื่ ทหี่ นึ่งไปอีกที่หนึ่ง คลน่ื

ส่วนประกอบ ทีถ่ า่ ยโอนพลงั งานโดย

ของคลนื่ การ ตอ้ งอาศัยตัวกลาง

แผ่ของหน้า เรียกวา่ คลนื่ กล สว่ น

คลนื่ ด้วยหลกั คล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าถ่าย

การของฮอย โอนพลังงานโดยไม่ต้อง

เกนส์ และการ อาศยั ตัวกลาง

รวมกันของคล่ืน นอกจากนี้ยงั จำแนก

ตามหลักการ ชนดิ ของคลืน่ ออกเป็น

ซ้อนทับ พร้อม สองชนิด ไดแ้ ก่ คลื่น

ทั้งคำนวณ ตามขวาง และคลนื่ ตาม

อตั ราเรว็ ขวาง คล่นื ทเี่ กิดจาก

ความถ่ี และ แหล่งกำเนดิ คล่นื ทส่ี ่ง

ความยาวคลืน่ คล่นื อยา่ งต่อเน่ืองและมี

รูปแบบท่ีซำ้ กนั บรรยาย

4. สังเกตและ ไดด้ ้วย การกระจดั สัน

อธบิ ายการ คลน่ื ท้องคลน่ื เฟส

สะทอ้ น การหกั ความยาวคลนื่ ความถี่

เห การแทรก คาบ แอมพลิจดู และ

สอด และการ อตั ราเรว็ โดย

เลยี้ วเบนของ อัตราเรว็ ความถ่ี และ

คลนื่ ผิวน้ำ ความยาวคล่ืน มคี วาม

ลำดับท่ี ชื่อหนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรียนร้/ู ตวั ชว้ี ดั / (ช่ัวโมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

รวมทง้ั คำนวณ สมั พันธต์ าม

ปรมิ าณตา่ ง ๆ สมการ v = fλ
ทเ่ี กย่ี วข้อง 1. พฤติกรรมของคล่ืน

คล่ืนแสดงพฤติกรรมการ

สะทอ้ นเมื่อกระทบสิ่งกีด

ขวางหรือรอยต่อของ

ตัวกลางที่ต่างกัน

2. การสะท้อนของคลืน่

เปน็ ไปตามกฎการ

สะทอ้ น คือ มมุ สะท้อน

เทา่ กบั มุมตกกระทบ

คลน่ื สะท้อนในเชอื กจะ

กลบั เฟสเม่ือปลายเชอื ก

ตรงึ แน่นและคล่ืน

สะท้อนในเชอื กมเี ฟสคง

เดิมเมื่อปลายเชอื กอิสระ

3. คลนื่ เกดิ การหกั เหเม่ือ

เคลอ่ื นทผี่ า่ นรอยต่อของ

ตวั กลางที่ต่างกนั โดย

คล่นื มีความถ่ีคงที่ แต่

อตั ราเร็วคลืน่ เปลยี่ นไป

เป็นไปตามกฎการหักเห

แทนดว้ ยสมการ

sin 1 = 1

sin 2 2

4.เมื่อคลื่นสองขบวน

เคลื่อนที่มาพบกันเกิด

การแทรกสอดกัน ถ้า

คลื่นจากแหล่งกำเนิด S1

และ S2 มีความถี่เท่ากัน
เฟสตรงกัน แอมพลิจูด

เท่ากัน เมื่อแทรกสอด

กันเกิดตำแหน่งที่รวม

แบบเสริม เรียกว่า ปฏิ

บัพ และแบบหักล้าง

ลำดบั ท่ี ชอื่ หนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรยี นรู/้ ตวั ช้วี ดั / (ชว่ั โมง) ก่อน กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

เรียกว่า บัพ โดย

ต ำ แ ห น ่ ง ท ี ่ เ ก ิ ด ป ฏ ิ บั พ

เป็นไปตามสมการ

| 1 − 1 | =

เมื่อ n = 0, 1, 2, 3,

…และตำแหน่งที่เกิดบัพ

เปน็ ไป

ตามสมการ| 1 −

1 | = ( = 1)

2
เมื่อ n = 1, 2, 3, …

5.คลน่ื อาพนั ธ์สองขบวน

เคลื่อนที่สวนทางกันจะ

เกิดการแทรกสอดเกิด

เป็นปฏิบพั และบัพท่ีอยนู่ ิง่

โดยมีระยะระหว่างบัพที่

ถดั กัน และปฏบิ ัพท่ีถัดกนั

เทา่ กบั ครึ่งหนึ่งของความ

ยาวคลื่น เรยี กวา่ คล่นื น่ิง

6.คลื่นเกิดการเลี้ยวเบน

เมือ่ เคลื่อนท่ีพบขอบของ

สิ่งกีดขวางหรือช่องแคบ

แล้วมีคลื่นแผ่ออกจาก

ของของสิ่งกีดขวางไป

ทางด้านหลังได้

3 แสงเชิงคล่ืน 5. ทดลองและ แสงเป็นคลืน่ แมเ่ หล็ก 14 - - 15 10 25
อธบิ ายการ ไฟฟา้ ความยาวคล่นื อยู่
แทรกสอดของ ในช่วงประมาณ 400-
แสงผ่านสลติ คู่ 700 นาโนเมตร ซ่ึงตา
และเกรตติง มนษุ ย์รับรไู้ ด้ และแสดง
การเลีย้ วเบน พฤติกรรมการแทรกสอด
และการแทรก และการเล้ยี วเบนเช่น
สอดของแสง เดยี วกบั คลืน่ กล
ผา่ นสลติ เดี่ยว การแทรกสอดของแสง
รวมท้งั คำนวณ ผา่ นแสงผ่านสลิตคู่ จาก

ลำดับท่ี ชื่อหนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรียนรู้ เรยี นรู้/ตัวช้วี ดั / (ชวั่ โมง) กอ่ น กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

ปริมาณต่าง ๆ การแทรกสอดของแสง

ที่เกย่ี วข้อง ตามการทดลองของ

6. ทดลองและ ธอมัส ยัง พจิ ารณาวา่

อธิบายการ เมื่อแสงผา่ นสลติ คู่ช่อง

สะทอ้ นของแสง ของสลิตเหมือนกบั เป็น

ท่ผี ิววัตถตุ าม แหล่งกำเนิดแสงอาพนั ธ์

กฎการสะท้อน ทำให้เกิดการแทรกสอด

เขยี นรังสีของ ของแสงตำแหนง่ บนฉาก

แสงและนวณ ท่ีแทรกสอดแบบเสริม

ตำแหนง่ และ เกดิ แถบสว่าง ซึง่ มีความ

ขนาดภาพของ ตา่ งระยะทาง∆ =

วตั ถเุ มอ่ื แสงตก หรือ sin =

กระทบกระจก เมื่อ n = 0, 1, 2,…

เงาราบและ ตำแหน่งบนฉากทีแ่ ทรก

กระจกเงาทรง สอดแบบหกั ล้าง เกดิ

กลม รวมทั้ง แถบมือ ซงึ่ มีความตา่ ง

อธบิ ายการนำ ระยะทาง ∆ =

ความรูเ้ รอื่ งการ ( − 1) หรือ
สะท้อนของแสง 2

จากกระจกเงา sin = ( −
ราบและกระจก 1) เมอ่ื n = 1, 2, 3,
2
เงาทรงกลมไป
… โดยท่ีความกวา้ งของ
ใชป้ ระโยชนใ์ น แถบสวา่ ง ความสว่าง
ชีวิตประจำวัน และระยะระหว่าง

แถบสว่างจะพอๆ กนั

การเล้ียวเบนของแสง

ผ่านสลติ เด่ยี ว เมื่อฉาย

แสงผ่านสลติ เดีย่ ว จะ

เกดิ การเล้ียวเบนและ

การแทรดสอดของแสง

เกิดแถบสว่างและแถบ

มืดบนฉาก โดยแถบสวา่ ง

กลางกว้างและสว่างที่สดุ

แถบสว่างดา้ นข้างทั้งสอง

จะมคี วามสวา่ งลดลง

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนักคะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ (ช่วั โมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

ตามลำดับ ตำแหนง่ ท่ี

เปน็ แถบมดื พิจารณาโดย

แบ่งช่องสลติ ออกเปน็

สว่ นๆ แลว้ ใชห้ ลกั การ

ของฮอยเกนส์กำหนดจุด

บนหนา้ คลื่นทผ่ี า่ นสลติ

แต่ละส่วนเปน็

แหล่งกำเนดิ คลื่นที่จบั คู่

กนั แล้วหักลา้ งกันซึ่งทำ

ใหไ้ ดค้ วามสัมพันธ์ ดงั น้ี

sin =
n=1, 2, …

ทั้งสลติ คู่และสลติ เด่ียว

ถา้ สลิตอยู่หา่ งฉากมากๆ

และคา่ มมุ θ > 10°

ทำให้sin ≈

tan

โดยสลติ คู่สามารถใช้
ความสัมพันธ์ =



เม่ือ =

0,1, 2, … และ

= ( − 1)

2

เม่อื = 1, 2, … ใน

การหาแถบสวา่ งและ

แถบมดื ตามลำดับ และ

สำหรับสลติ เดีย่ วใช้
=



เมือ่ = 1, 2, …ใน

การหาแถบมืด

เกรตตงิ เปน็ อุปกรณท์ าง

แสงท่ปี ระกอบดว้ ยช่อง

แคบจำนวนมาก เมื่อแสง

ผ่านจะเล้ยี วเบน ทำให้

แสงแตล่ ะสแี ยกออกจาก

ลำดับท่ี ชอื่ หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร้/ู ตวั ชี้วดั / (ชั่วโมง) กอ่ น กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

กันเนอ่ื งจากแสงแต่ละสี

เลยี้ วเบนในมุมที่ตา่ งกนั

หาตำแหนง่ ของแสงแต่

ละสจี ากความสมั พนั ธ์

ห ร ือsi n = =



เมือ่ = 0,1, 2, …

4 แสงเชิงรงั สี 7.ทดลอง และ การสะทอ้ นของแสง 18 - - 15 10 25

อธิบาย (reflection of light)

ความสมั พนั ธ์ เป็นปรากฏการณ์ท่แี สง

ระหวา่ งดรรชนี เดนิ ทางจากตวั กลางท่ีมี

หักเห มมุ ตก ความหนาแนน่ คา่ หนึ่ง

กระทบ และมุม มายังตวั กลางที่มคี ่า

หกั เห รวมท้ัง ความหนาแนน่ อีกตัว

อธบิ าย หนงึ่ ทำใหแ้ สงตก

ความสมั พนั ธ์ กระทบกับตัวกลางใหม่

ระหวา่ งความ แลว้ สะทอ้ นกลับสตู่ วั เดมิ

ลึกจรงิ และ เมื่อแสงตกกระทบผวิ

ความลกึ ปรากฏ วตั ถจุ ะเกิดการสะท้อน

มมุ วกิ ฤตและ ของแสง โดยเปน็ ไปตาม

การ สะท้อน กฎการสะท้อน ดังนี้

กลบั หมดของ 1. มุมตกกระทบกบั มุม

แสง และ สะทอ้ น

คำนวณปรมิ าณ 2. รังสตี กกระทบ รงั สี

ต่างๆ ท่ี สะท้อน และเสน้ แนว

เกี่ยวข้อง ฉาก อยู่ในระนาบ

8.ทดลอง และ เดยี วกนั

เขยี นรงั สขี อง -การหกั เหของแสง

แสงเพื่อแสดง (refraction of light)

ภาพที่เกดิ จาก เกดิ ขน้ึ เม่ือแสงมกี าร

เลนส์บาง หา เดินทางจากตวั กลางหนึ่ง

ตำแหนง่ ขนาด ไปอีกตวั กลางหนงึ่ ทำให้

ชนิดของภาพ มอี ตั ราเรว็ เปลยี่ นไป โดย

และ อัตราส่วนระหวา่ ง

ความสัมพนั ธ์ อตั ราเร็วแสงใน

ลำดับท่ี ชื่อหนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั คะแนน
เรียนรู้ เรยี นร้/ู ตวั ชี้วดั / (ชั่วโมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

ระหวา่ งระยะ สญุ ญากาศกับอัตราเร็ว

วตั ถุ ระยะภาพ แสงในตัวกลางใด ๆ คอื

และความยาว ดรรชนีหักเห (index

โฟกัส รวมทง้ั of refraction) =
และn1 sin 1 =
คำนวณปรมิ าณ n2 sin 2เรยี กวา่ กฎ
ต่างๆ ที่ ของสเนลล์ (Snell’s
เกย่ี วข้องและ

อธบิ ายการนำ law)
ความรู้เรื่องการ - การหักเหของแสง
หกั เหของแสง เปน็ ไปตามกฎการหกั เห
ผ่านเลนส์บาง (law of refraction)
ไปใช้ประโยชน์ คอื
ใน
ชีวิตประจำวัน 1.n1 sin 1 =
9.อธิบาย n2 sin 2
2. รังสีตกกระทบ รงั สี
ปรากฏการณ์ หักเห และเสน้ แนวฉาก
ธรรมชาติท่ี
เกย่ี วกับแสง อยู่ในระนาบเดยี วกนั
-ในกรณีทแ่ี สงเดินทาง
เชน่ ร้งุ การ จากตัวกลางท่ีมดี รรชนี
ทรงกลดมิราจ
และการเหน็ หกั เหมากไปตวั กลางทมี่ ี
ดรรชนหี กั เหนอ้ ย จะทำ
ท้องฟ้าเป็นสี ให้มมุ หักเหโตกวา่ มมุ ตก
ต่างๆใน
กระทบ เม่อื เพ่ิมมมุ ตก
ช่วงเวลาตา่ งกนั กระทบจนมมี มุ หักเห
10.สงั เกต และ เปน็ มุม 90 องศาพอดี
อธิบายการ เรียกมมุ ตกกระทบนว้ี ่า
มองเห็นแสงสี มุมวิกฤต (critical
สขี องวตั ถุการ
ผสมสารสี และ angle, θc )ซ่งึ เปน็ ไป
การผสมแสงสี
รวมทงั้ อธิบาย ตามสมการ 2ถา้ มุม

sin = 1

สาเหตขุ องการ ตกกระทบโตกว่ามุม
บอดสี วิกฤตจะทำใหไ้ ม่มีแสง
หักเหผ่านเขา้ สู่ตวั กลางที่

มีดรรชนหี กั เหนอ้ ย มีแต่

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนักคะแนน
เรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั / (ช่ัวโมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

แสงส่วนที่สะท้อนกลบั

ในตัวกลางเดิมเทา่ นัน้

เรียกปรากฏการณน์ ี้ว่า

การสะทอ้ นกลับหมด

(total internal

reflection)เมื่อให้แสง

ขาวผา่ นปรซิ มึ จะพบว่า

แสงทีห่ ักเหออกจาก

ปรซิ มึ จะแยกออกเปน็

แสงสตี า่ ง ๆ เรยี ก

ปรากฏการณ์นี้วา่ การ

กระจายแสง

(dispersion of light)

-เมือ่ แสงจากวตั ถุถูกทำ

ให้เปลี่ยนเส้นทางเดนิ มา

เข้าตา เช่น การสะทอ้ น

กับกระจกเงาราบ การ

หักเหผา่ นเลนสบ์ าง การ

สะท้อนจากกระจกเงา

ทรงกลม ทำให้เห็นวัตถุ

ตรงตำแหน่งที่แนวรงั สที ่ี

เปล่ียนเสน้ ทางมาเข้าตา

ตดั กนั ซ่งึ อาจไม่พบวัตถุ

จรงิ ตรงตำแหน่งนน้ั

เรยี กสิง่ ท่มี องเห็นวา่

ภาพ (image)

- กระจกเงาราบสามารถ

สะท้อนแสงไดด้ ภี าพของ

วตั ถุท่เี กิดจากการ

สะท้อนกับกระจกเงา

ราบหาไดจ้ ากการเขียน

รงั สขี องแสง หรือใช้

ความสัมพันธ์

′ = −

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนักคะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ (ชั่วโมง) ก่อน กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

- เมื่อแสงจากวัตถุเดิน

ทางผา่ นรอยต่อระหว่าง

ตวั กลางทม่ี ดี รรชนีหกั เห

ต่างกัน ตำแหนง่ ภาพท่ี

มองเห็นจะตา่ งไปจาก

ตำแหนง่ ของวัตถุจรงิ ทำ

ใหค้ วามลึกทป่ี รากฏตอ่

สายตาต่างไปจากความ

ลกึ จริงของวัตถซุ งึ่ หาได้

จากการเขียนรงั สขี อง

แสง หรอื ใช้

ความสัมพนั ธ์

=

- เลนส์บางทำงานโดยใช้

หลักการหกั เหของแสง

ทำจากแกว้ หรือพลาสติก

ที่มีผิวโคง้ ทรงกลมทงั้

สองข้างไม่ขนานกนั

เลนส์บางม2ี ชนิด คือ

เลนส์นนู (convex

lens) และเลนสเ์ วา้

(concave lens)เมอื่

วางวัตถุหนา้ เลนส์บางจะ

เกิดภาพของวัตถุโดย

ตำแหน่ง ขนาดและชนิด

ของภาพท่ีเกิดขึน้ หาได้

จากการเขียนรังสีของ

แสงหรือใช้

ความสัมพนั ธ์

= + ′ซึง่


เรียกวา่ สมการของ

เลนส์บาง

ลำดบั ท่ี ช่อื หนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัด/ (ช่วั โมง) ก่อน กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรียนรู้

- กำลงั ขยาย

(magnification, M)

เทา่ กบั อัตราสว่ นความ

สูงของภาพ ′กบั ความ

สงู ของวตั ถุ ดงั สมการ


=
- กระจกเงาทรงกลมทำ
ด้วยวัสดุทสี่ ามารถ
สะทอ้ นแสงไดด้ ี
เชน่ เดยี วกบั กระจกเงา
ราบ กระจกเงาทรงกลม
ม2ี ชนิด คอื
กระจกโคง้ เวา้
(concave mirror)
และกระจกโคง้ นนู
(convex mirror)เมือ่
วางวัตถหุ นา้ กระจกเงา
ทรงกลมจะเกิดภาพของ
วตั ถุโดยตำแหน่ง ขนาด
และชนิดของภาพท่ี
เกิดข้นึ หาได้จากการ
เขยี นรังสีของแสงและ
การคำนวณโดยใช้
รูปแบบสมการที่
เหมือนกบั สมการของ

เลนส์บาง

-การมองเห็นแสงสีเป็น
การรับรู้อย่างหนึ่งที่
เกดิ ขึ้นในสมองเม่ือมีแสง
มากระทบบนจอตา
(retina) ซึ่งมีเซลล์รูป
ก ร ว ย ( cone cell) 3
ชนิดคือชนิดS ชนิดM

ลำดบั ที่ ช่อื หนว่ ยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนักคะแนน
เรียนรู้ เรียนร/ู้ ตัวชี้วดั / (ชั่วโมง) กอ่ น กลาง หลงั ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

และชนิดL โดยเซลล์รูป

กรวยแต่ละชนิดจะมีการ

ตอบสนองต่อแสงที่มี

ความยาวคลื่นต่างๆที่

แตกต่างกันการมองเห็น

สีของวัตถุจะข้นึ กับแสงสี

ที่ตกกระทบกับวัตถุและ

สารสีบนวัตถุโดยสารสี

จะดูดกลืนบางแสงสีและ

ส ะ ท ้ อ น บ า ง แ ส ง สี เ มื่ อ

แสงสีสะท้อนจากวัตถมุ า

เข้าตาทำให้สามารถ

มองเห็นวัตถุเป็นสีต่างๆ

ได้แสงสีแดงแสงสีเขียว

และแสงสีน้ำเงินจัดเป็น

แสงสีปฐมภูมิ(primary

colours of light)

เพราะเมื่อแสงสีเหล่าน้ี

มาผสมกันจะได้เป็นแสง

สีต่างๆครบทุกสีส่วนสาร

ส ี น ้ ำ เ ง ิ น เ ข ี ย ว ส า ร สี

เหลืองและสารสีแดงม่วง

จัดเป็นสารสีปฐมภูมิ

( primary colours of

pigment) เ พ ร า ะ เ มื่ อ

สารสีเหล่านี้มาผสมกัน

จะได้ -สีต่างๆครบทุกสี

ถ้าเซลล์รูปกรวยชนิดใด

ชนิดหนึ่งหรือมากกว่ามี

ความบกพร่องจะ

มองเห็นสีแตกต่างไป

จากคนปกติเรียกความ

ผิดปกติในการมองเห็นสี

นี้ว่าการบอดสี (colour

blindness)

ลำดบั ที่ ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั คะแนน
เรยี นรู้ เรียนรู/้ ตัวชว้ี ัด/ (ชวั่ โมง) ก่อน กลาง หลัง ปลาย รวม
ผลการเรยี นรู้

- ความรู้เรือ่ งแสงเชงิ รงั สี

สามารถนำไปใชอ้ ธิบาย

ปรากฏการณธ์ รรมชาติ

เชน่ รงุ้ การทรงกลดมิราจ

และการเห็นท้องฟา้ เปน็

สตี ่างๆในช่วงเวลา

ตา่ งกนั รวมทั้งการใช้

ประโยชน์เกีย่ วกบั แสงใน

ชวี ติ ประจำวนั เช่นกลอ้ ง

โทรทรรศนก์ ล้อง

จลุ ทรรศนแ์ ละกล้อง

ถา่ ยรปู

รวมตลอดป/ี ภาค 80 30 20 30 20 100

การออกแบบห
วชิ า ฟิสกิ ส์ รหสั วิชา ว32

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง การเคลอื่ นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย
คะแนนประจำหนว่ ย……

ตวั ชวี้ ดั /ผลการ ทักษะ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เรียนรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอยา่ งไร)

เรยี นรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได้) ลักษณะฯ

ตัวชี้วดั /ผลการ 1.การ 1.ทดลองการ 1. ซือ่ สตั ย์ 1. สามารถ 1.ความ
เรยี นรู้ เคล่ือนท่ี เคลื่อนทแี่ บบ สจุ รติ อา่ นเพื่อการ ในการส
1.ทดลองและ แบบ ฮาร์มอนิกอยา่ ง 2. มีวนิ ยั 2.ความ
อธบิ ายการเคล่ือนท่ี ฮารม์ อนกิ งา่ ยของวัตถุตดิ 3. ใฝ่ ศึกษคน้ คว้า ในการค
แบบฮารม์ อนิกอ อยา่ งง่าย ปลายสปรงิ เรยี นรู้ เพ่ิมพนู ความรู้ 3.ความ
ยา่ งง่ายของวตั ถตุ ิด 2.อธิบายการ 4. มุ่งม่ัน ประสบการณ์ ในการแ
ปลายสปริงและ เคล่อื นทแ่ี บบ ในการ
ลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย ฮาร์มอนกิ อย่าง ทำงาน และการประ 4.ความ
รวมทัง้ คำนวณ งา่ ยของวตั ถุติด 5. มีจิต ยุกตใ์ ชใ้ น ในการใ
ปริมาณตา่ งๆที่ ปลายสปริง สาธารณะ
เกี่ยวขอ้ ง 3.ทดลองการ ชวี ิตประจำวัน ชวี ติ
เคลื่อนที่แบบ 2. สามารถจบั 5.ความ
ฮาร์มอนกิ อย่าง ในการใ
งา่ ยของลูกตุม้ ประเดน็ สำคญั เทคโนโ
อยา่ งง่ายรวม ลำดบั เหตุการ

ณจ์ ากการ

อ่านส่อื ที่มี

ความซบั ซ้อน

น.ท./ว 003

หนว่ ยการเรยี นรู้
2201 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5

ย่างง่าย เวลา 22 ชั่วโมง …………10………….แผนการเรยี นรู้
…………25………………… คะแนน

รรถนะ วธิ กี าร ส่อื /แหลง่ ช้นิ งาน/ การวดั ผลและประเมนิ ผล
จัดการ เรียนรู้ ภาระงาน (คะแนน)
มสามารถ เรียนรู้ (รไู้ ด้อย่างไรวา่
ส่อื สาร (เทคนคิ / -หนงั สือเรียน เด็กรู้/ทำได้) ระ
มสามารถ ทฤษฎี) -PowerPoint หว่าง กลางภาค ปลายภาค
คดิ -แบบฝึกหดั
มสามารถ รูปแบบ -แบบทดสอบ 85 -
แก้ปญั หา การสอน -ใบงาน
มสามารถ แบบสบื
ใชท้ ักษะ เสาะหา
ความรู้
5 Es

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตัวชีว้ ัด/ผลการ ทักษะ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
เรยี นรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอยา่ งไร)

เรยี นรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได้) ลกั ษณะฯ

2.อธิบายความถ่ี 1.ความถี่ 4.อธบิ ายการ 1. สามารถ 1.ความ
ธรรมชาตขิ องวัตถุ ธรรมชาติ เคล่ือนที่แบบ อ่านเพื่อการ ในการส
และการเกดิ การสนั่ ของวัตถุ ฮารม์ อนกิ อยา่ ง 2.ความ
งา่ ยของลกู ตุ้ม ศึกษค้นควา้ ในการค
พอ้ ง 2.การเกิด อยา่ งงา่ ยรวม เพิม่ พนู ความรู้ 3.ความ
การสั่นพ้อง 5.คำนวณหา ประสบการณ์ ในการแ
ปริมาณ การ
เคลอ่ื นที่แบบ และการประ 4.ความ
ฮาร์มอนิกอยา่ ง ยุกต์ใช้ใน ในการใ
งา่ ยของวัตถุ
ชีวติ ประจำวัน ชวี ิต
1.อธบิ ายความถ่ี 1. ซ่อื สตั ย์ 2. สามารถจบั 5.ความ
ธรรมชาตขิ อง สจุ รติ ในการใ
วัตถุ 2. มวี ินัย ประเดน็ สำคญั เทคโนโ
2.อธิบายการ 3. ใฝ่ ลำดบั เหตุ
เกดิ การส่ันพอ้ ง เรียนรู้

4. มุ่งมนั่
ในการ
ทำงาน
5. มจี ติ
สาธารณะ

รรถนะ วิธกี าร สอ่ื /แหล่ง ชิ้นงาน/ การวัดผลและประเมนิ ผล
จัดการ เรียนรู้ ภาระงาน (คะแนน)
เรยี นรู้ (รไู้ ด้อยา่ งไรวา่
(เทคนิค/ เดก็ รู้/ทำได้) ระ
ทฤษฎี) หว่าง กลางภาค ปลายภาค

มสามารถ รปู แบบ -หนังสือเรยี น -แบบฝึกหัด 7 5 -
สอ่ื สาร การสอน -PowerPoint -แบบทดสอบ
มสามารถ แบบสบื
คิด เสาะหา -ใบงาน
มสามารถ ความรู้
แก้ปัญหา 5 Es
มสามารถ
ใช้ทักษะ

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตวั ช้ีวดั /ผลการ ทักษะ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
เรยี นรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอย่างไร)

เรยี นรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได้) ลกั ษณะฯ

การณ์จากการ
อ่านสือ่ ท่ีมี
ความซบั ซ้อน

รวม

รรถนะ วธิ ีการ สื่อ/แหลง่ ชนิ้ งาน/ การวดั ผลและประเมินผล
จัดการ เรยี นรู้ ภาระงาน (คะแนน)
เรยี นรู้ (รู้ได้อย่างไรวา่
(เทคนิค/ เดก็ รู้/ทำได้) ระ
ทฤษฎ)ี หว่าง กลางภาค ปลายภาค

15 10 -

การออกแบบห

วิชา ฟิสิกส์ รหัสวชิ า ว32

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง คล่นื เวลา

คะแนนประจำหน่วย……

ตวั ชว้ี ัด/ผลการ ทักษะ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
เรียนร/ู้ สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอย่างไร)

เรียนรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คณุ คดิ ฯ สมร
ได)้ ลกั ษณะฯ
3.อธิบาย
ปรากฏการณ์คลนื่ 1.คล่นื 1.อธบิ าย 1. ซ่อื สตั ย์ 1. สามารถ 1.ความ
ชนิดของคลน่ื ปรากฏการณ์ สุจรติ อ่านเพื่อการ ในการส
สว่ นประกอบของ 2.หลักการ คลน่ื 2. มวี ินยั ศกึ ษค้นควา้ 2.ความ
คลน่ื การแผข่ อง 2.อธบิ ายชนดิ 3. ใฝ่ เพมิ่ พนู ความรู้ ในการค
หน้าคล่นื ดว้ ย ของฮอย ของคลื่น เรยี นรู้ ประสบการณ์ 3.ความ
หลกั การของฮอย 3.อธิบาย 4. มงุ่ มน่ั และการประ ในการแ
เกนส์ และการ เกนส์ สว่ นประกอบ ในการ ยุกต์ใช้ใน 4.ความ
รวมกันของคลน่ื ของคลนื่ ทำงาน ชีวติ ประจำวนั ในการใ
ตามหลกั การ 3.การ 4.อธบิ ายการแผ่ 5. มจี ติ 2. สามารถจับ ชวี ิต
ซ้อนทับ พรอ้ มทัง้ ของหนา้ คล่นื สาธารณะ ประเด็นสำคญั 5.ความ
คำนวณอัตราเรว็ รวมกนั ของ ด้วยหลกั การ ลำดบั เหตุการ ในการใ
ความถ่ี และความ ของฮอยเกนส์ ณจ์ ากการ เทคโนโ
ยาวคลน่ื คลืน่ 5.อธบิ ายการ อ่านสื่อที่มี
รวมกนั ของคลน่ื ความซับซ้อน
4.อตั ราเรว็
ความถี่ และ
ความยาว
คล่นื

น.ท./ว 003

หนว่ ยการเรียนรู้

2201 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5

26 ช่ัวโมง ………12………….แผนการเรยี นรู้

……25………………………… คะแนน

วธิ ีการ ชิน้ งาน/ การวดั ผลและประเมินผล
(คะแนน)
รรถนะ จดั การ สือ่ /แหล่ง ภาระงาน
เรียนรู้ เรียนรู้ (รไู้ ด้อย่างไร ระหว่า
(เทคนิค/ ว่าเดก็ รู้/ทำ งเรยี น กลางภาค ปลายภาค

ทฤษฎ)ี ได)้

มสามารถ รปู แบบ -หนงั สือเรยี น -แบบฝกึ หัด 85 -
สอ่ื สาร การสอน -PowerPoint -แบบ
มสามารถ แบบสืบ
คิด เสาะหา ทดสอบ
มสามารถ ความรู้ -ใบงาน
แก้ปัญหา 5 Es
มสามารถ

ใช้ทักษะ

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตัวช้วี ดั /ผลการ ทกั ษะ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
เรยี นร/ู้ สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอยา่ งไร)

เรยี นรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คณุ คิดฯ สมร
ได้) ลกั ษณะฯ

ตามหลักการ
ซ้อนทับ
6.คำนวณหา
ปรมิ าณ
อัตราเรว็
ความถี่ และ
ความยาวคลื่น

4.สังเกต และ 1.การ 1. สังเกตการ 1. ซ่ือสัตย์ 1. สามารถ 1.ความ
อธบิ ายการสะทอ้ น สะทอ้ น การ สะทอ้ น การหกั สุจรติ อ่านเพ่ือการ ในการส
การหักเห การ หักเห การ เห การแทรก 2. มวี ินัย ศกึ ษคน้ ควา้ 2.ความ
แทรกสอด และการ แทรกสอด สอด และการ 3. ใฝ่ เพมิ่ พนู ความรู้ ในการค
เลีย้ วเบนของคลื่น และการ เลยี้ วเบนของ เรยี นรู้ ประสบการณ์ 3.ความ
ผิวน้ำ รวมทงั้ เลย้ี วเบน คล่ืนผวิ นำ้ 4. มุ่งมั่น และการประ ในการแ
คำนวณปรมิ าณ ของคล่นื ผิว 2.อธิบายการ ในการ ยกุ ตใ์ ช้ใน 4.ความ
ต่างๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง น้ำ สะทอ้ น การหัก ทำงาน ชีวิตประจำวนั ในการใ
เห การแทรก 5. มจี ติ 2. สามารถจับ ชวี ติ
สอด และการ สาธารณะ ประเดน็ สำคัญ 5.ความ
ลำดับเหตุการ ในการใ
เทคโนโ

วธิ ีการ ชิ้นงาน/ การวัดผลและประเมินผล

จดั การ ส่อื /แหล่ง ภาระงาน (คะแนน)
เรยี นรู้ เรียนรู้
(เทคนิค/ (รู้ได้อยา่ งไร ระหว่า

รรถนะ วา่ เด็กรู้/ทำ งเรยี น กลางภาค ปลายภาค

ทฤษฎี) ได้)

มสามารถ รปู แบบ -หนังสือเรียน -แบบฝกึ หดั 7 5 -
สอ่ื สาร การสอน -PowerPoint -แบบ
มสามารถ แบบสบื
คิด เสาะหา ทดสอบ
มสามารถ ความรู้ -ใบงาน
แก้ปัญหา 5 Es
มสามารถ
ใช้ทกั ษะ

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตวั ช้วี ดั /ผลการ ทกั ษะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
เรียนรู/้ สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอยา่ งไร)

เรียนรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คดิ ฯ สมร
ได้) ลักษณะฯ

เลยี้ วเบนของ ณ์จากการ
คลืน่ ผวิ น้ำ อ่านส่อื ท่ีมี
3.คำนวณหา ความซบั ซ้อน
ปรมิ าณตา่ งๆ ท่ี
เกีย่ วขอ้ ง

รวม

วธิ ีการ ชิ้นงาน/ การวดั ผลและประเมนิ ผล

จดั การ สื่อ/แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรียนรู้ เรยี นรู้
(เทคนคิ / (รไู้ ด้อยา่ งไร ระหวา่

รรถนะ ว่าเด็กรู้/ทำ งเรียน กลางภาค ปลายภาค

ทฤษฎ)ี ได)้

15 10 -

การออกแบบห
วิชา ฟิสิกส์ รหสั วิชา ว32

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง แสงเชิงคล่นื เ

คะแนนประจำหน่วย……

ตวั ชวี้ ดั /ผลการ ทกั ษะ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
เรยี นร้/ู สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอย่างไร)

เรียนรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได)้ ลกั ษณะฯ
5.ทดลอง และ
อธบิ าย การแทรก 1. การแทรก 1. ทดลองการ 1. ซอ่ื สัตย์ 1. สามารถ 1.ความ
สอดของแสงผา่ นส แทรกสอดของ สจุ ริต อา่ นเพ่ือการ ในการส
ลติ คูแ่ ละเกรตติง สอดของแสง แสงผา่ นสลิตคู่ 2. มีวนิ ยั ศึกษคน้ คว้า 2.ความ
การเลยี้ วเบน และ ผา่ นสลติ คู่ 2. อธบิ ายการ 3. ใฝ่ เพม่ิ พูนความรู้ ในการค
การแทรกสอดของ แทรกสอดของ เรยี นรู้ ประสบการณ์ 3.ความ
แสงผ่านสลติ เดยี่ ว 2.การแทรก แสงผ่านสลติ คู่ 4. มงุ่ มัน่ และการประ ในการแ
รวมทั้งคำนวณ 3.ทดลองการ ในการ ยุกตใ์ ช้ใน 4.ความ
ปรมิ าณตา่ งๆ ที่ สอดของแสง แทรกสอดของ ทำงาน ชวี ิตประจำวัน ในการใ
เกีย่ วขอ้ ง ผ่านเกรตติง แสงผ่านเกรตตงิ 5. มจี ติ 2. สามารถจับ ชีวิต
4.อธบิ ายการ สาธารณะ ประเดน็ สำคญั 5.ความ
3.การ แทรกสอดของ ลำดบั เหตุการ
เลยี้ วเบน แสงผา่ นเกรตตงิ ณจ์ ากการ ในก
อ่านส่ือท่ีมี เทค
ของแสง ความซบั ซ้อน

ผ่านสลิต
เดี่ยว
4.การแทรก
สอดของแสง
ผ่านสลติ
เดยี่ ว

น.ท./ว 003

หนว่ ยการเรยี นรู้
2201 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5

เวลา 14 ชวั่ โมง …………6……….แผนการเรยี นรู้

………25……………………… คะแนน

วิธกี าร ชิ้นงาน/ การวดั ผลและประเมนิ ผล

จัดการ สอ่ื /แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรียนรู้ เรียนรู้ (ร้ไู ด้อยา่ งไร
รรถนะ (เทคนคิ / ว่าเดก็ รู้/ทำ ระหว่าง กลาง ปลายภาค
เรียน ภาค

ทฤษฎ)ี ได)้

มสามารถ รปู แบบ -หนังสอื เรียน -แบบฝกึ หดั 7- 5
ส่ือสาร การสอน -PowerPoint -แบบ
มสามารถ แบบสืบ
คิด เสาะหา ทดสอบ
มสามารถ ความรู้ -ใบงาน
แก้ปญั หา 5 Es
มสามารถ

ใชท้ กั ษะ

มสามารถ
การใช้
คโนโลยี

ตัวช้ีวดั /ผลการ ทกั ษะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
เรยี นรู/้ สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอย่างไร)

เรียนรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได)้ ลักษณะฯ

6.ทดลอง และ 1.สะทอ้ น 1.ทดลองการ 1. ซื่อสตั ย์ 1. สามารถ 1.ความ
อธิบายการสะทอ้ น สุจรติ อา่ นเพ่ือการ ในการส
ของแสงทผ่ี วิ วัตถุ ของแสงท่ผี วิ สะท้อนของแสง 2. มวี นิ ัย ศึกษค้นคว้า 2.ความ
ตามกฎการสะท้อน วตั ถุ ท่ีผวิ วตั ถุตามกฎ 3. ใฝ่ เพิ่มพูนความรู้ ในการค
เขียนรังสีของแสง 2.รังสีของ การสะท้อน เรียนรู้ ประสบการณ์ 3.ความ
และคำนวณ แสง 2.อธิบายการ 4. มงุ่ ม่ัน และการประ ในการแ
ตำแหน่งและขนาด 3.ตำแหน่ง ในการ ยุกตใ์ ชใ้ น 4.ความ
ภาพของวัตถุเมื่อ สะท้อนของแสง ทำงาน ชีวิตประจำวนั ในการใ
แสงตกกระทบ และขนาด ที่ผวิ วตั ถตุ ามกฎ 5. มจี ิต 2. สามารถจับ ชีวติ
กระจกเงาราบและ ภาพของ การสะท้อน สาธารณะ ประเด็นสำคัญ 5.ความ
กระจกเงาทรงกลม วัตถุ 3.ทดลองการ ลำดับเหตุการ ในการใ
รวมทง้ั อธิบายการ 4.การ ณจ์ ากการ เทคโนโ
นำความร้เู ร่ืองการ สะท้อนของ เขียนรงั สีแสง อ่านสอ่ื ท่ีมี
สะทอ้ นของแสง แสงจาก 4.อธบิ ายการ ความซับซ้อน
จากกระจกเงาราบ กระจกเงา
และกระจกเงา ทรง ราบ และ เขยี นรงั สีแสง
กลมไปใช้ประโยชน์ กระจกเงา 5.คำนวณ
ในชีวติ ประจำวนั ทรงกลม ตำแหนง่ และ
ขนาดภาพของ
วตั ถเุ มื่อแสงตก
กระทบกระจก
เงาราบและ

วธิ กี าร ช้ินงาน/ การวัดผลและประเมินผล
จดั การ
เรียนรู้ สื่อ/แหล่ง ภาระงาน (คะแนน)
(เทคนคิ / เรียนรู้ (รไู้ ด้อยา่ งไร
รรถนะ ทฤษฎี) วา่ เดก็ รู้/ทำ ระหวา่ ง กลาง ปลายภาค
เรยี น ภาค
มสามารถ รูปแบบ
สอื่ สาร การสอน ได้)
มสามารถ แบบสืบ
คดิ เสาะหา -หนงั สอื เรียน -แบบฝกึ หดั 8- 5
มสามารถ ความรู้
แกป้ ญั หา 5 Es -PowerPoint -แบบ
มสามารถ
ใช้ทกั ษะ ทดสอบ

-ใบงาน

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตวั ช้ีวดั /ผลการ ทกั ษะ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เรียนรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอย่างไร)

เรยี นรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คดิ ฯ สมร
ได)้ ลกั ษณะฯ

กระจกเงาทรง

กลม

6.การนำความรู้

เรอ่ื งการ

สะทอ้ นของแสง

จากกระจกเงา

ราบ และกระจก

เงา ทรงกลมไป

ใชป้ ระโยชน์ใน

ชีวติ ประจำวนั

7.อธิบายการนำ
ความรู้เรื่องการ
สะทอ้ นของแสง
จากกระจกเงา
ราบ และกระจก
เงาทรงกลมไป
ใช้ประโยชน์ใน
ชีวิตประจำวัน

รวม

วธิ ีการ ชิ้นงาน/ การวดั ผลและประเมินผล

จดั การ สื่อ/แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรียนรู้ เรยี นรู้ (รไู้ ด้อยา่ งไร
รรถนะ (เทคนคิ / ว่าเด็กรู้/ทำ ระหวา่ ง กลาง ปลายภาค
ทฤษฎ)ี เรียน ภาค
ได)้

15 - 10

การออกแบบห

วชิ า ฟิสิกส์ รหสั วชิ า ว32

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง แสงเชิงรงั สี เวล

คะแนนประจำหนว่ ย……

ตวั ชี้วดั /ผลการ ทกั ษะ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
เรียนรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เป็นคนอย่างไร)

เรียนรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คดิ ฯ สมร
ได้) ลกั ษณะฯ

7.ทดลอง และ 1.ความสมั 1.ทดลอง 1.ซอื่ สตั ย์ 1. สามารถ 1.ความ
ในการส
อธบิ ายความ พันธร์ ะหว่าง ความสัมพนั ธ์ สจุ รติ อ่านเพ่ือการ 2.ความ
สัมพนั ธ์ระหว่าง ดรรชนีหักเห ระหว่างดรรชนี 2.มีวนิ ัย ศกึ ษคน้ ควา้ ในการค
ดรรชนหี กั เห มุมตก มมุ ตกระทบ หกั เห มุมตก 3.ใฝเ่ รยี นรู้ เพ่มิ พนู ความรู้ 3.ความ
กระทบ และมุมหกั และมมุ หัก กระทบ และมุม 4.มุ่งม่นั ใน ประสบการณ์ ในการแ

เหรวมทง้ั อธบิ าย เห หักเห การทำงาน และการประ 4.ความ
ความสัมพนั ธ์ 2.ความสมั 2.อธิบาย 5.มจี ติ ยุกตใ์ ชใ้ น ในการใ
ระหว่างความลกึ พันธ์ระหว่าง ความสัมพนั ธ์
จรงิ และความลึก ความลกึ จริง ระหว่างความ สาธารณะ ชีวติ ประจำวนั ชีวิต
ปรากฏ มมุ วิกฤต และความ ลกึ จริงและ 2. สามารถจับ 5.ความ
และการ สะท้อน ในการใ
ประเดน็ สำคญั เทคโนโ
ลำดับเหตุการ
กลับหมดของแสง ลึกปรากฏ ความลกึ ปรากฏ
3.ความสัม 3.อธิบาย ณจ์ ากการ

และคำนวณ อา่ นสื่อที่มี
ปริมาณต่างๆ ที่ พันธร์ ะหวา่ ง ความสมั พนั ธ์
ความซบั ซ้อน

เก่ยี วขอ้ ง มมุ วิกฤต ระหวา่ งความ

และการ สะ

น.ท./ว 003

หน่วยการเรียนรู้

2201 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5

ลา 18 ชว่ั โมง …………6…………….แผนการเรยี นรู้

…………25…………………… คะแนน

วธิ ีการ ชนิ้ งาน/ การวัดผลและประเมินผล

จดั การ สื่อ/แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรยี นรู้ เรยี นรู้
(เทคนิค/ (รไู้ ด้อยา่ งไร ระหวา่ ง กลาง ปลายภาค

รรถนะ ว่าเดก็ รู้/ทำ เรยี น ภาค

ทฤษฎี) ได้)

มสามารถ รูปแบบ -หนังสอื เรยี น -แบบฝกึ หดั 4 - 2
สื่อสาร การสอน -PowerPoint -แบบ
มสามารถ แบบสบื
คดิ เสาะหา ทดสอบ
มสามารถ ความรู้ -ใบงาน
แกป้ ัญหา 5 Es
มสามารถ

ใช้ทกั ษะ

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตวั ชีว้ ดั /ผลการ ทักษะ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
เรยี นรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอย่างไร)

เรียนรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คณุ คิดฯ สมร
ได้) ลักษณะฯ

ทอ้ นกลบั ลกึ จริงและ
ความลึกปรากฏ
หมดของ 4.อธบิ าย
ความสมั พนั ธ์
แสง ระหวา่ งมมุ
วกิ ฤตและการ
4.คำนวณ สะทอ้ นกลบั
ปริมาณ หมดของแสง
ต่างๆ ท่ี 5.คำนวณ
เก่ยี วข้อง ปรมิ าณต่างๆ ที่
เกยี่ วขอ้ ง

8.ทดลองและเขียน 1.การเขียน 1.ทดลองเขียน 1.ซอ่ื สัตย์ 1. สามารถ 1.ความ
รังสขี องแสงเพื่อ รงั สขี องแสง อ่านเพื่อการ ในการส
แสดงภาพทีเ่ กดิ เพ่อื แสดง รงั สขี องแสงเพื่อ สุจรติ ศึกษค้นควา้ 2.ความ
จากเลนส์บาง หา ภาพท่ีเกิด แสดงภาพทเี่ กดิ 2.มวี นิ ัย เพม่ิ พูนความรู้ ในการค
ตำแหน่ง ขนาด จากเลนส์ 3.ใฝ่เรียนรู้ ประสบการณ์ 3.ความ
ชนดิ ของภาพ และ บาง หา จากเลนสบ์ าง 4. มงุ่ ม่ัน และการประ ในการแ
ความสมั พนั ธ์ ตำแหน่ง หาตำแหนง่ ในการ ยุกต์ใช้ใน 4.ความ
ระหว่างระยะวตั ถุ ขนาด ชนดิ ของ ทำงาน ชวี ิตประจำวนั ในการใ
ภาพ ชีวติ

วิธีการ ชนิ้ งาน/ การวัดผลและประเมนิ ผล

จดั การ ส่อื /แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรยี นรู้ เรียนรู้
(เทคนิค/ (รไู้ ด้อยา่ งไร ระหว่าง กลาง ปลายภาค

รรถนะ วา่ เด็กรู้/ทำ เรยี น ภาค

ทฤษฎี) ได้)

มสามารถ รปู แบบ -หนงั สอื เรยี น -แบบฝึกหัด 4 - 2
สือ่ สาร การสอน -PowerPoint -บบทดสอบ
มสามารถ แบบสืบ
คดิ เสาะหา -ใบงาน
มสามารถ ความรู้
แกป้ ญั หา 5 Es
มสามารถ
ใชท้ ักษะ

ตวั ชว้ี ดั /ผลการ ทกั ษะ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
เรียนรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอยา่ งไร)

เรยี นรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได)้ ลกั ษณะฯ

ระยะภาพและ ขนาด ชนดิ 2.ทดลองเขียน 5. มจี ติ 2. สามารถจบั 5.ความ
ความยาวโฟกัส ของภาพ รงั สขี องแสงเพ่ือ สาธารณะ ประเด็นสำคัญ ในการใ
รวมทง้ั คำนวณ 2.ความสัม แสดงภาพทเี่ กดิ ลำดับเหตุการ เทคโนโ
ปรมิ าณตา่ งๆ ท่ี พันธร์ ะหวา่ ง จากเลนสบ์ าง ณ์จากการ
เกี่ยวข้องและ ระยะวัตถุ หาตำแหนง่ อ่านสื่อท่ีมี
อธิบายการนำ ระยะภาพ ขนาด ชนดิ ของ ความซับซ้อน
ความรู้เรื่องการหัก และความ ภาพ
เหของแสงผา่ น ยาวโฟกสั 3.ความสัมพนั ธ์
เลนสบ์ าง ไปใช้ 3.การหกั เห ระหว่างระยะ
ประโยชนใ์ น ของแสงผ่าน วตั ถุ ระยะภาพ
ชีวิตประจำวนั เลนสบ์ าง และความยาว

โฟกัส
4.คำนวณ
ปริมาณตา่ งๆ ที่
เกีย่ วข้อง
5.อธบิ ายการนำ
ความรเู้ รื่องการ
หักเหของแสง
ผา่ นเลนส์บาง

รรถนะ วิธีการ สอื่ /แหลง่ ช้นิ งาน/ การวัดผลและประเมินผล
จดั การ เรียนรู้ ภาระงาน (คะแนน)
มสามารถ เรียนรู้ (รไู้ ด้อย่างไร
ใช้ (เทคนคิ / วา่ เด็กรู้/ทำ ระหว่าง กลาง ปลายภาค
โลยี ทฤษฎ)ี เรยี น ภาค
ได)้

ตวั ช้ีวัด/ผลการ ทักษะ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เรยี นรู้/สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอยา่ งไร)

เรียนรู้ (เด็กรู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได้) ลักษณะฯ

ไปใชป้ ระโยชน์

ในชวี ติ ประจำ

วัน

9.อธบิ าย 1.ปรากฏ 1.อธบิ าย 1.ซอื่ สตั ย์ 1. สามารถ 1.ความ
ในการส
ปรากฏการณ์ การณ์ธรรม ปรากฏการณ์ สจุ ริต อ่านเพ่ือการ 2.ความ
ธรรมชาติท่เี กย่ี วกบั ชาตทิ เี่ ก่ยี ว ธรรมชาตทิ ่ี 2.มวี นิ ัย ศึกษค้นคว้า ในการค
แสง เช่น ร้งุ การ กบั แสง เช่น เกี่ยวกับแสง 3.ใฝเ่ รยี นรู้ เพิ่มพูนความรู้ 3.ความ
ทรงกลดมิราจ และ รุ้ง การทรง เชน่ รุง้ การทรง 4. มงุ่ ม่ัน ประสบการณ์ ในการแ

การเหน็ ท้องฟ้าเปน็ กลด มิราจ กลด มริ าจ ในการ และการประ 4.ความ
สตี า่ งๆในช่วงเวลา ทำงาน ยกุ ต์ใช้ใน ในการใ
ตา่ งกัน 2.การเหน็ 2.อธิบายการ 5. มจี ิต
ท้องฟา้ เปน็ สี เหน็ ทอ้ งฟา้ เปน็ สาธารณะ ชีวิตประจำวัน ชีวิต
ต่างๆในช่วง สตี า่ งๆใน 2. สามารถจับ 5.ความ
เวลาต่างกัน ช่วงเวลาตา่ งกัน ในการใ
ประเด็นสำคญั เทคโนโ
ลำดบั เหตุการ

ณ์จากการ

อา่ นส่ือที่มี

ความซับซ้อน

วิธกี าร ชิ้นงาน/ การวดั ผลและประเมินผล

จดั การ ส่อื /แหลง่ ภาระงาน (คะแนน)
เรียนรู้ เรยี นรู้
(เทคนิค/ (รไู้ ด้อย่างไร ระหว่าง กลาง ปลายภาค

รรถนะ ว่าเด็กรู้/ทำ เรยี น ภาค

ทฤษฎ)ี ได้)

มสามารถ รปู แบบ -หนงั สอื เรียน -แบบฝกึ หัด 3 - 3
ส่ือสาร การสอน -PowerPoint -บบทดสอบ
มสามารถ แบบสบื
คิด เสาะหา -ใบงาน
มสามารถ ความรู้
แก้ปัญหา
มสามารถ 5 Es
ใชท้ กั ษะ

มสามารถ
ใช้
โลยี

ตัวชีว้ ดั /ผลการ ทกั ษะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
เรยี นรู/้ สาระการ ความรู้ (K) กระบวนการ (A) (เปน็ คนอย่างไร)

เรยี นรู้ (เดก็ รู้อะไร) (P) (เด็กทำอะไร คุณ คิดฯ สมร
ได้) ลกั ษณะฯ

10.สังเกต และ 1.การ 1.สงั เกตการ 1.ซ่อื สัตย์ 1. สามารถ 1.ความ
สุจริต อ่านเพื่อการ ในการส
อธบิ ายการมองเห็น มองเห็นแสง มองเหน็ แสงสี 2.ความ
แสงสี สขี องวตั ถุ 2.มีวินัย ศกึ ษค้นควา้ ในการค
การผสมสารสี และ สี 2.อธบิ ายการ 3.ใฝ่เรียนรู้ เพ่ิมพูนความรู้ 3.ความ
การผสมแสงสี 2.สขี องวตั ถุ มองเห็นแสงสี 4.มงุ่ มน่ั ใน ประสบการณ์ ในการแ
รวมท้ังอธิบาย 3.การผสม 3.สังเกตสีของ
สาเหตุของการบอด สารสี วัตถุ การทำงาน และการประ 4.ความ
สี 4.การผสม 4.อธิบายสีวัตถุ 5.มจี ติ ยกุ ตใ์ ช้ใน ในการใ
แสงสี 5.สงั เกตการ
สาธารณะ ชีวิตประจำวัน ชวี ิต
2. สามารถจบั 5.ความ
5.สาเหตขุ อง ผสมสารสี ในการใ
ประเดน็ สำคัญ เทคโนโ
การบอดสี 6.อธบิ ายการ ลำดบั เหตกุ าร

ผสมสารสี ณจ์ ากการ

7.สงั เกตการ อ่านสอื่ ที่มี

ผสมแสงสี ความซับซ้อน

8.อธิบายการ

ผสมแสงสี

9.อธบิ ายสาเหตุ

ของการบอดสี

รวมคะแนน

รวมคะแนนตลอดภาค/ปี

รรถนะ วธิ ีการ สอื่ /แหล่ง ชิ้นงาน/ การวัดผลและประเมินผล
จดั การ เรียนรู้ ภาระงาน (คะแนน)
มสามารถ เรยี นรู้ (รูไ้ ด้อยา่ งไร
ส่อื สาร (เทคนคิ / -หนงั สอื เรียน ว่าเด็กรู้/ทำ ระหว่าง กลาง ปลายภาค
มสามารถ ทฤษฎ)ี -PowerPoint เรียน ภาค
คิด ได้)
มสามารถ รูปแบบ 4- 3
แกป้ ัญหา การสอน -แบบฝกึ หดั
มสามารถ แบบสบื -บบทดสอบ
ใชท้ ักษะ เสาะหา -ใบงาน
ความรู้

5 Es

มสามารถ
ใช้
โลยี

15 - 10
60 20 20


Click to View FlipBook Version