The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยวิธีการสอนด้วยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongmoei1211, 2022-09-18 11:28:21

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยวิธีการสอนด้วยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยวิธีการสอนด้วยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

รายงานวิจยั
การพัฒนาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยวธิ กี ารสอนดว้ ยบอร์ดเกม

และแบบฝึกทกั ษะทางคณิตศาสตร์ เรอ่ื ง จำนวนเต็ม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
โรงเรยี นขอนแกน่ วทิ ยายน 3 ปีการศกึ ษา 2564

นาตยา แสงกระจาย

โรงเรียนขอนแก่นวทิ ยายน 3
สำนักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาขอนแก่น

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

รายงานวิจยั
การพัฒนาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ โดยวธิ กี ารสอนดว้ ยบอร์ดเกม

และแบบฝึกทกั ษะทางคณิตศาสตร์ เรอ่ื ง จำนวนเต็ม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1
โรงเรยี นขอนแกน่ วทิ ยายน 3 ปีการศกึ ษา 2564

นาตยา แสงกระจาย

โรงเรียนขอนแก่นวทิ ยายน 3
สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาขอนแก่น

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

การพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นวิชาคณิตศาสตร์
โดยวธิ ีการสอนดว้ ยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทางคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง จำนวนเตม็
ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรยี นขอนแก่นวิทยายน 3 ปีการศึกษา 2564

บทคัดยอ่

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยใช้รูปแบบการทดลองOne
Group Pre-test Post-test Design มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทาง
คณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็ม ระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใหม่ประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน (E1/E2)
เท่ากับ 80/80และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกัเรียนที่เรียนโดยวิธีการสอนด้วยแบบฝึกทักษะ
ทางคณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็มก่อนเรียนและหลังเรียนประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนโรงเรียน
ขอนแก่นวิทยายน 3 อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ห้อง เป็นนักเรียนจำนวน
20 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน 3 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ผู้วิจัยสอนอยู่
ได้ด้วยวธิ ีการคัดเลือกนักเรียนที่ผลสัมฤทธ์ิตำ่ กว่าเกณฑ์ ด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเตม็
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เร่ืองจำนวนเต็มสำหรับนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 แผนการจดกั ารเรยี นรูว้ ิชาคณิตศาสตร์แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น แบบประเมิน
แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความสอดคล้อง (IOC) ค่าเฉลี่ย (x̅)
คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธภิ าพ (E1/E2) และการทดสอบ ( t-test) แบบ Dependent t-test

สรปุ ผลการวิจัยไดด้ ังน้ี
1.แบบฝกึ ทักษะทางคณิตศาสตร์เรอื่ งจำนวนเตม็ ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ท่ีสร้างข้ึนมปี ระสทิ ธภิ าพ

(E1/E2 ) เทา่ กับ 81.40/80.22 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ์มาตรฐาน (E1/E2 ) เท่ากับ 80/80 ทตี่ ้ังไว้
2. นกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ีเรียนโดยวิธกิี ารสอนดว้ ยบอร์ดเกม แบบฝกึ ทักษะทางคณติ ศาสตร์

เรอื่ งจำนวนเตม็ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นหลังเรยี นสงู กว่าก่อนเรียน อย่างมนี ยั สำคญั ทรี่ ะดับ 0.05

คำสำคัญ
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น,บอร์ดเกม,แบบฝกึ ทกั ษะทางคณติ ศาสตร์,ประสิทธภิ าพของแบบฝกึ ทกั ษะ

บทนำ

คณิตศาสตร์ถือเป็นวิชาที่มีความสำคัญต่อเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ช่วยให้มนุษย์เกิดความคิดริเร่ิม
สรา้ งสรรค์คิดอย่างมเี หตผุ ลเป็นระบบ แบบแผน รวมถึงสามารถวิเคราะห์และแกปญั หาในสถานการณ์ต่างๆได้
อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน อีกท้ังคณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
ศาสตร์อื่นๆ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องในกับเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที
เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัฒน์ (กระทรวงศึกษาธิการ,2560, 10) หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ปรับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และให้เริ่มใช้ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปีการศึกษา 2564 โดยมีการจัดกลุ่ม
ความรู้ใหมแ่ ละนำทักษะกระบวนการไป บูรณาการกับตัวชว้ี ัด เนน้ ให้ผ้เู รยี นเกิดการคดิ วิเคราะห์คิดแกปัญหา
และมีทักษะในศตวรรษท่ี 21 มุ่งเน้นความรู้ที่เป็นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และเป็นพื้นฐานใน
การศึกษาต่อระดับ ที่สูงขึ้น ดังนี้ในการจดัการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จงึ จำเป็นต้องจัดการเรียนรู้ให้เป็นไปตามหลกั สตู รและมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกัเรยี นที่สงู ขนึ้

ทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์เป็นจุดเน้นหนึ่งที่สำคัญ ดังที่มีการปรับปรุงหลักสูตรได้มีการนำ
ทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ไปบรู ณาการกับตวั ชี้วดั และมีทกั ษะที่จำเป็นสำหรบั การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี
21 คือ มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะด้านการคิดวิเคราะห์การคิดแบบมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหาการคิด
สรา้ งสรรคแ์ ละการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารอย่างปลอดภยั

การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ พบว่านักเรียนมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสาระคณิตศาสตร์อยู่ในเกณฑ์
ต่ำ โดยผลการประเมินการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของงผู้เรียนจากการสอบเก็บคะแนน พบว่าคะแนนที่ได้ต่ำกว่า
เกณฑ์ทตี่ ้งั ไว้

การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน 3 สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
มัธยมศึกษาขอนแก่น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อให้
สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และเพ่ือ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน จากปัญหาและความจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนในระดับ
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ประการหน่ึง คือการเรียนการสอนในสาระจำนวนและพีชคณิต เรื่องจำนวนที่ต้องให้
ความสำคัญ ในระดับ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 คือเรื่องของจำนวนเต็ม ได้แก่จำนวนเต็ม บวกศูนย์จำนวนเต็มลบ
เป็นต้น ซึ่งเป็นเนื้อหาใหม่สำหรับนักเรียนในระดับนี้รวมถึงจำนวนเต็มยังจะเป็นพื้นฐานในการเรียนในเน้ือหา
ต่อไปหรือที่เกี่ยวข้องเช่น พีชคณิต หากนักเรียนมีความเข้าใจจำนวนจะทำให้นักเรียนเขา้ใจพีชคณิตที่เป็น
นามธรรมมากข้ึนและจำนวนยังเปน็ พ้ืนฐานของวิชาอื่นๆ อีกเช่น วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

จากการศึกษาพบว่า การสอนคณิตศาสตร์ท่จี ะชว่ ยให้ผูเ้ รยี นมผี ลสัมฤทธิ์ท่ีสูงข้ึน มีดว้ ยกันหลากหลาย
รปู แบบวิธีและมคี วามนา่ สนใจคือการเรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เนื่องจากแบบฝึกทักษะ
ทางคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะของผู้เรียน ให้สามารถฝึกฝนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ
ดว้ ยการลงมือปฏิบัตดิ ว้ ยตนเองอย่างมปี ระสิทธภิ าพ จากวิจยั ของ สำลี ดวงบบุ ผา (2558, บทคดั ย่อ ) ได้ศึกษา
เรื่องการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแบบซิปปา เรื่อง ระบบ
จำนวนเต็ม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนด้วย
แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ในการประกอบกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับ เยาวลักษณ์วีระพันธ์
(2557, บทคดั ย่อ) ได้ศกึ ษาวจิ ยั เร่อื งการพัฒนาชุดฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรือ่ งการประยุกตจ์ ำนวนเต็มและเลข
ยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบวา่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มที่ใช้ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์
สูงกว่า กลุ่มควบคุมที่สอนแบบปกติแสดงให้เห็นวา่ เรียนการสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เป็น
วิธีการหน่ึงท่จี ะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่สี ูงข้ึนได้

ดังนั้นผู้วิจัยจึงนำ วิธีการสอนด้วยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็มของ
นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 มาใช้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี นใหส้ ูงขน้ึ

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็ม ระดับ

ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ให้มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน E1/E2 = 80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นที่เรียนโดยวิธกี ารสอนด้วยแบบฝกึ ทักษะทาง

คณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเตม็ ก่อนและหลงั เรียน

สมมตฐิ านการวิจยั
1. แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็ม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพตาม

เกณฑ์ท่ีกำหนด E1/E2 = 80/80
2. นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ท่ีเรยี นโดยวธิ ีการสอนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะทางคณิตศาสตร์เร่ืองจำนวน

เต็ม มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรยี นสูงกว่า กอ่ นเรยี นอย่างมนี ัยสำคัญ ทร่ี ะดับ .05

ขอบเขตการวจิ ยั
- ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง
- ประชากร ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครั้งนน้ี ักเรยี นโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน 3 อำเภอเมือง จงั หวดั

ขอนแกน่ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 1 ห้อง เป็นนักเรียนจำนวน 20 คน และเปน็ นกั เรียนโรงเรยี นขอนแก่น
วทิ ยายน 3 อำเภอเมอื ง จังหวัดขอนแกน่

กลุ่มตวั อย่าง
กลุ่มตัวอยา่ งในการวิจยั แบง่ ออกเปน็ 1 กลุ่ม

1.กลุ่มตัวอย่างเพื่อวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยวิธีการสอนด้วยบอร์ดเกม และแบบฝึกทักษะทาง
คณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็ม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจยั เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนขอนแก่น
วิทยายน 3 ซ่ึงผู้วิจัยสอนอยู่ได้มาได้ด้วยวิธีการคัดเลือกนักเรียนที่ผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ ด้วยแบบฝึกทักษะ
ทางคณติ ศาสตร์ เร่อื ง จำนวนเต็ม จำนวน 20 คน

ตัวแปรท่ศี กึ ษา
ตัวแปรอิสระ ได้แก่ วิธกี ารสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง จำนวนเตม็
ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทาง

คณติ ศาสตร์เร่อื งจำ นวนเตม็ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

ขอบเขตของเนื้อหาและเวลา
ในการสอนโดยวิธีการสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเต็ม ประกอบด้วยการ

วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียน 1 ชั่วโมง ดำเนินการสอนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวน
เต็ม ประกอบการใช้แผนการจัดการเรียนรจู้ ำนวน 10 แผน จำนวน 10 ช่ัวโมง แผนละ 2 ช่ัวโมง ประกอบด้วย
เน้ือหา 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1จำนวนเต็ม , เรื่องที่ 2 การบวกจำนวนเต็ม , เรื่องที่ 3 การลบจำนวนเต็ม,
เรื่องที่ 4 การคูณจำนวนเต็ม , เรื่องที่ 5 การหารจำนวนเต็ม และวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน 1
ชั่วโมง รวมเป็นเวลา 12 ช่ัวโมง โดยดำเนินการทดลองสอนในปีการศึกษา 2564

วธิ กี ารดำเนินการวจิ ัย
การวิจัยครั้งนเี้ ป็นการวิจยั เชิงทดลอง (Experimental Research) โดยใช้รูปแบบการทดลอง One

Group Pre-test Post-test Design มีแบบแผนการทดลองดังน้ี

สญั ลกั ษณท์ ่ใี ช้
Y1 แทนการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกอ่ นเรยี น
X แทนการสอนด้วยแบบฝกึ ทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม
Y2 แทนการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน

ผู้วิจัยได้นำไปทดลองกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างในปีการศึกษา 2564 ใช้เวลาในการทดลอง 12 ชั่วโมง
ในการดำเนินการคร้ังนี้เป็นการทดลองสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเต็ม สำหรับ
นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยมีข้ันตอนดังน้ี
1. ขนั้ เตรียม

1.1 จบั ฉลากเพ่อื กำหนดกลมุ่ ทดลองซง่ึ ได้ผลดังน้ี
กลมุ่ ตัวอย่าง ไดแ้ ก่ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นขอนแกน่ วิทยายน 3

1.2 ตรวจสอบความเรียบรอ้ ยของเครอื่ งมอื ที่ใช้ในการดำเนินการ
1.3 แจ้งกลุ่มตัวอยา่ งใหท้ ราบวัตถุประสงค์เพื่อให้การทดลองดำเนนิ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย
2. ขั้นเก็บรวบรวมข้อมลู
การดำเนินการข้ันเก็บรวบรวมข้อมูลจะใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบฝึกทักษะทาง
คณติ ศาสตร์เรื่อง จำนวนเตม็ สำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ดังน้ี
2.1 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่องจำนวนเต็ม ที่ผู้วิจัยสร้างข้ึน ซึ่งผ่านข้ันตอนการ
หาคณุ ภาพมาแล้ว ไปทดลองสอนดว้ ยแบบฝกึ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ตรวจใหค้ ะแนนแล้วเกบ็ ข้อมลู ไว้
2.2 ดำเนินการสอนตามแผนการจดั การเรียนร้โู ดยใช้บอร์ดเกม และวธิ กี ารสอนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะทาง
คณิตศาสตร์ เร่ือง จำนวนเตม็ โดยแบง่ เนื้อหาออกเป็น 5 เรอ่ื ง ท่ีผู้วิจัยสร้างขน้ึ และผา่ นการตรวจคุณภาพของ
แบบฝกึ โดยผเู้ ชยี่ วชาญเรยี บรอ้ ยแล้ว และให้นักเรยี นทำแบบฝกึ ทักษะทางคณติ ศาสตร์ดว้ ยตนเอง
2.3 หลังการทดลองส้นิ สุด ผวู้ จิ ยั นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรยี น เร่ืองจำนวนเต็ม
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ไปทดสอบกับกลมุ่ ตัวอย่าง
การวิเคราะหข์ ้อมูล
1. การวิเคราะห์แผนการจดั การเรยี นรู้
1.1 การประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นร้โู ดยผู้เชี่ยวชาญ
1.2 การประเมนิ ผลใช้สตู ร ดังน้ี

1.2.1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean)
1.2.2 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

2. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

2.1 การประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ โดยผเู้ ช่ยี วชาญ
2.2 การวิเคราะห์ผลการประเมินแบบฝกึ ทักษะทางคณิตศาสตร์โดยนำไปทดลอง (Try - Out) ดังนใ้ี ช้
กับนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 20 คน โดยแบง่ กลุ่มนกั เรียนเพือ่ ทำการทดลอง 3
คร้ังการทดลองคร้ังที่ 1 การทดลองรายบุคคล ใช้นักเรียนจำนวน 20 ขณะที่นักเรียนทำแบบฝึกทักษะครูทำ
การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน แล้วจดบันทึกข้อมูล ครูพูดคุยซักถามนักเรียนเกี่ยวกับความรู้สึกความ
คดิ เหน็ และนำผลทไี่ ด้นนั้ มาปรับปรงุ เนอ้ื หา สาระกิจกรรมระหว่างเรยี นแบบทดสอบหลังเรยี นใหด้ ีขนั้

2.2.1 หาประสทิ ธภิ าพของชุดฝกึ ทักษะโดยใชส้ ูตร E1/E2
3. การวเิ คราะห์แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน

3.1 การตรวจสอบดชั นคี วามสอดคลอ้ ง IOC โดยผ้เู ชีย่ วชาญ
3.2 หาค่าความยากของข้อสอบ (Item Difficulty) ของข้อสอบแต่ละข้อของแบบทดสอบวัดผล
สัมฤทธ์ิทางการเรียน
3.3 หาค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น
3.4 หาค่าความเชื่อม่ันท้ังฉบับ (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนโดยใช้สูตร
ของ Kuder–Richardson ตามสูตร KR-20
4. การวเิ คราะห์แบบประเมนิ แบบฝึกทกั ษะทางคณติ ศาสตร์
4.1การประเมินคุณภาพของแบบฝึกทกั ษะทางคณิตศาสตร์ โดยผู้เช่ยี วชาญ
4.2การวิเคราะห์ ผลการประเมินแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญใช้สูตรโดยแบบ
ประเมนิ เป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) แบบลิคอร์ท (Likert) 5 ระดบั

4.2.1ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
4.2.2 สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
5.การทดสอบสมมตฐิ าน
เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกัเรียนที่เรียนโดยวิธีการสอนด้วยแบบฝึกทักษะทาง
คณิตศาสตร์ เรือ่ งจำนวนเตม็ ก่อนเรียนและหลงัเรยี นใช้การทดสอบ ( t-test) แบบ Dependentt-test

ผลการวิจัย
1.แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง จำนวนเต็ม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สร้างขึ้นมี

ประสทิ ธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน (E1/E2 ) เท่ากบั 80/80 ท่ีตั้งไว้ดงั ตารางที่ 1 ด้ังนี้

ตารางท่ี 1
ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่องจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนชั้น

มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

จากตารางท่ี 1 พบวาการหาประสทิ ธิภาพของแบบฝึกทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ เรื่อง จำนวนเตม็ สำหรับ
นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 พบว่า ได้ค่าประสิทธภิ าพกระบวนการ (E1) เทา่ กับ 81.40 และค่าประสิทธิภาพ
ของผลลพั ธ์ (E2) เทา่ กับ 80.22 สรปุ ได้ว่า แบบฝกึ ทักษะทางคณติ ศาสตรเ์ รื่อง จำนวนเตม็ สำหรบั นักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ท่ีสร้างขึ้น มีค่าประสทิ ธภิ าพ E1 / E2 = 81.40/80.22 สงู กว่า เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ทีก่ ำ
หนดไว้

2. นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ที่เรยี นโดยวิธกี ารสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณติ ศาสตร์ เร่ือง
จำนวนเต็ม มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนหลงั เรียนสูงกว่าก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สำคัญ ทร่ี ะดับ .05
ดังตารางท่ี 2 ดงั น้ี

ตารางที่ 2
ผลการเปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนเรยี นและหลังเรียน โดยวธิ กี ารสอนด้วยแบบฝกึ

ทักษะทางคณติ ศาสตรเ์ รอื่ งจำนวนเตม็ สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1

จากตารางท่ี 2 พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยวิธีการ
สอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 คะแนน
แบบทดสอบก่อนเรียน ได้คะแนนเฉลี่ย 14.33 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.881 และคะแนนแบบทดสอบ
หลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ยค่า 24.07 เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.965 ผลการวิเคราะห์ค่า t-test เท่ากับ
19.450 สรปุ ได้ว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี นหลังเรียนสงู กว่า ก่อนเรียน อย่างมีระดับ นัยสำคญั ทาง
สถิตทิ ่รี ะดับ .05
สรุปผลการวิจยั
การวิจยั คร้ังนส้ี รุปผลได้ดงั น้ี

1. แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง จำนวนเต็ม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่สร้างข้ันมี
ประสิทธภิ าพ (E1/E2 ) เท่ากบั 81.40/80.22 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์ที่มาตรฐาน (E1/E2 ) เทา่ กับ 80/80 ทตี่ ้ังไว้

2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่เรียนโดยวิธีการสอนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์
เร่ือง จำนวนเต็ม มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสงู กว่ากอ่ นเรยี น อย่างมนี ยั สำคัญ ทร่ี ะดับ .05

อภปิ รายผลการวจิ ยั
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเต็ม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1

ที่สรา้ งขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.40/80.22 ซ่ึงสูงกว่า เกณฑ์ที่มาตรฐาน (E1/E2) เท่ากับ 80/80
ที่ต้ังไว้ผลเนื่องจากการวางแผนอย่างเป็นระบบดำเนินการสร้างแบบฝึกตามข้ันตอนการสร้างผ่านการ

ตรวจสอบความสอดคล้องพร้อมทั้งประเมินคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ โดยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์มีผล
การประเมินคุณภาพส่วนใหญ่อยู่ในระดับดีมากโดยพิจารณารายแบบฝึกหัด มีแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์
เล่มที่ 1 เท่านั้น ที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพอยู่ในระดับดีท้ังน้ียังได้แก้ไขปรับปรุงตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
เพื่อให้แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์สมบูรณ์มากย่ิงขึ้น ซ่ึงสอดคล้องกับวิจัยของไข่มุก มณีศรี (2554,
บทคัดย่อ) ได้ทำการสร้างแบบฝึกทักษะทางการเรียนรู้เรื่องการบวกการลบ การคูณ ทศนิยม สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเมืองพัทยา 1 (เชิญ พิศลยบุตรราษฎร์บำเพ็ญ) จังหวัดชลบุรีพบว่า แบบฝึก
ทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าประสิทธิภาพ 85.00/83.33 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์
มาตรฐาน 80/80 วิจัยของณัฐภัทรชญา ถนอมสุข (2560, บทคัดย่อ) ได้ท้าการพัฒนาแบบฝึกทักษะ
คณิตศาสตร์ เร่ือง ระบบจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 พบว่า 1) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.95/81.92 ซึ่งสูงกว่า
เกณฑ์ 80/80 ที่ต้ังไว้ 2) ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สำหรับ
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 0.6842 คิดเป็นร้อยละ 68.42 แสดงว่านักเรียนมีคะแนนความก้าวหนา้
ในการเรียนร้อยละ 68.42 รวมถึงสอดคล้องกับวิจิยของจินตนามาลี (2559, บทคัดย่อ) ได้ท้าการพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทกั ษะ เรือ่ ง ระบบจำนวนเตม็ กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 พบว่า 1) คะแนนเฉลี่ยของ 10 แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องระบบจำนวนเต็ม กลุ่มสาระการ
เรียนรู้คณิตศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทั้ง 9 ชุด เท่ากับ 33.48 คิดเป็นร้อยละ 83.69 และคะแนนเฉลี่ยของ
แบบทดสอบหลังเรียนใช้แบบฝึกเสริมทักษะเรื่องระบบจำนวนเต็ม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท้ัง 9 ชุด เท่ากับ 8.63 คิดเป็นร้อยละ 86.30 ดังนั้นแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง ระบบจำนวน
เต็ม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่สร้างข้ึนมีประสิทธิภาพ 83.69/86.30 แสดงว่า
แบบฝึกเสริมทักษะ เรื่อง ระบบจำนวนเต็มกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่สร้างขึ้นมี
ประสิทธิภาพสูงกว่า เกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 อีกทั้งพบว่า สอดคล้องกับงานวิจัยของอนุรักษ์เร่งรัด (2557,
บทคัดย่อ) ได้ทำการพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่องการประยุกกต์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ
ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1พบว่า ชุดฝึกท่ีผู้วจิ ัยสร้างข้ึน มี
ประสิทธิภาพ 80.37/82.21 ซ่ึงสูงกว่า เกณฑ์ที่ต้ังไว้และพบว่านักเรียนมีความเห็นว่าการทำแบบฝึกทักษะ
สามารถทำให้แก้โจทย์ปัญหาได้มากขนึ้ และเขา้ ใจงา่ ย

2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยวิธีการสอน
ด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเต็ม มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน
อย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับ .05 หลังจากเรียนด้วยแบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เนื่องจากแบบฝึกทักษะทาง
คณิตศาสตร์มคี วามนา่ สนใจเน้ือหาเป็นไปตามลำดับจากงา่ ยไปยากนักเรียนมีการสร้างความรคู้ วามเข้าใจ และ
เป็นการฝึกทักษะการปฏิบัติดว้ ยตนเอง ทำให้เกิดความเขา้ ใจในเนื้อหาท่ีเรียนได้มากข้ึน สอดคล้องกับงานวิจัย
ของชาติชาย ช่วยจันทร์ (2554, บทคัดย่อ) ได้ทำการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา
คณติ ศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนเต็มของนักเรียนโรงเรียนสตรพี ัทลุงผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง
การบวกและการลบจำนวนเตม็ โดยใช้แบบฝกึ ทักษะวิชาคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี น
สตรพี ทั ลงุ หลงั เรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น ซ่ึงเป็นไปตามสมมตฐิ านที่ต้ังไว้

ขอ้ เสนอแนะทวั่ ไป
1. ครูผู้สอนที่ใช้แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ในการจัดการเรียนการสอน ควรมีการให้ความรู้ให้

นกั เรียนมีความเข้าใจในเนื้อหาประกอบการจัดการเรียนรเู้ พอ่ื ให้นักเรยี นได้เข้าใจยิ่งขนึ้ และมีการสร้างแรงจงู ใจ
ภายใน ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายประกอบ เช่น เกม สื่อออนไลน์ เป็นต้น มีการให้
กำลังใจนกั เรียนแมว้ า่ นักเรียนจะทำกจิ กรรมหรอื แบบฝกึ ทักษะยงั ไม่ถกู ต้องก็ตาม

2. นักเรียนที่ใช้แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ควรฝึกปฏิบัติตามแบบฝึกหัดด้วยความต้ังใจรอบคอบ
และมคี วามซือ่ สัตยใ์ นการทำแบบฝกึ ทกั ษะ

3. ควรมีการสนับสนุนให้ครูใช้แบบฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบการเรียน
การสอน เพือ่ เพิ่มผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนให้สูงขน้ึ

ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยคร้งั ต่อไป
1. ในการใช้แบบฝึกทักษะควรมีการเสริมแรงและมีการปรับระดับเน้ือหาใหม่ระดับความรู้ทักษะทาง

คณติ ศาสตร์ในระดับท่สี งู ขนึ้
2. ควรพัฒนาต่อไปใหเ้ ป็นบทเรยี น หรือแบบฝกึ ทักษะแบบมลั ตมิ เี ดีย หรือแบบออนไลน์
3. เน้ือหาภาพประกอบควรปรบั ตัวละครใหเ้ ปน็ สง่ิ ท่ีนักเรยี นรู้จักเพื่อใหเ้ กิดความคุ้นเคย
4. กิจกรรมการเรยี นการสอนควรมีการบูรณาการกับรายวิชาอื่นๆ สอดคล้องกับวิถชิี ีวิต

และการนำไปประยกุ ต์ใช้และควรมีการนำเอาเทคโนโลยมี าใช้นำการประกอบกิจกรรมการเรียน
การสอนควบคู่กบั แบบฝึกทกั ษะทางคณติ ศาสตร์ เชน่ ใช้เว็ป ไซต์ออนไลน์ kahoot เป็นต้น


Click to View FlipBook Version