The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ลมบก ลมทะเล และมรสุม ชั้น ป.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimbua2555, 2022-09-21 09:29:26

ลมบก ลมทะเล และมรสุม

ลมบก ลมทะเล และมรสุม ชั้น ป.6

Keywords: ลมบก ลมทะเล และมรสุม



คานา

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา
วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 6 จัดทาข้ึนจากประสบการณ์และการศึกษาสภาพปัญหาการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซ่ึงผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า นักเรียนส่วนใหญ่ขาดทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ การทางานไมเ่ ปน็ ระบบ และขาดพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ท่ีดี

ชุดกิจกรรมการเรยี นรูน้ ี้ เปน็ ชุดกจิ กรรมการเรียนร้ทู ่เี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ มงุ่ เน้น
การจัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยให้นักเรียนได้เรียนรู้และทากิจกรรมเพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนทั้งด้านความรู้ มีพฤติกรรมการทางานกลุ่มท่ีดี ซ่ึงจะส่งผลให้นักเรียนมีทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเกิดเจตคติท่ีดีต่อวิทยาศาสตร์ นักเรียนเกิดความสนใจ มี
ความสุขและสนุกในการเรียนรู้สิ่งที่เป็นรูปธรรม สามารถแก้ปัญหานักเรียนที่เรียนรู้ช้า โดยให้
นักเรียนทางานเป็นกลุ่ม นักเรียนได้ช่วยเหลือกัน ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้กับนักเรียน ผู้จัดทาขอกราบขอบพระคุณท่านผู้อานวยการ
โรงเรียน ผู้เชี่ยวชาญและคณะครูทุกท่านท่ีให้คาแนะนา จนทาให้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สาเร็จ
ลุล่วงไปด้วยดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภัย
ธรรมชาติ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว16102 กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 ชุดน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อคุณครูและนักเรยี น
ทีน่ าไปใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ดเ้ ปน็ อย่างดี



สารบัญ

เร่ือง หนา้

คานา ก

สารบัญ ข

คาชแ้ี จงในการใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรสู้ าหรับครู ค

คาชแ้ี จงในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้สาหรับนกั เรียน ง

สาระสาคัญ 1

สาระการเรยี นรู้ 1

ตัวชี้วดั 1

แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง ลมบก ลมทะเล และมรสุม 2

ใบความรู้ เรอื่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ 5

กจิ กรรมท่ี 1 เรอ่ื ง การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม 11

กจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง ลมบก ลมทะเล เป็นอย่างไร 12

กิจกรรมท่ี 3 เรอื่ ง การเกดิ มรสุมเกีย่ วขอ้ งกับฤดขู องประเทศไทยอย่างไร 20

กิจกรรมที่ 4 เรอ่ื ง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสุม ต่อการดาเนินชีวติ 25

แนวคาตอบกจิ กรรมท่ี 1 เร่ือง การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม 27

แนวคาตอบกจิ กรรมที่ 2 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล เป็นอยา่ งไร 28

แนวคาตอบกจิ กรรมที่ 3 เร่อื ง การเกิดมรสมุ เกี่ยวข้องกบั ฤดขู องประเทศไทยอย่างไร 33

แนวคาตอบกิจกรรมที่ 4 เร่อื ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ 37

แบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ 39

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง ลมบก ลมทะเล และมรสุม 42

เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ 43

บรรณานกุ รม 44



1. ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง ปรากฏการณ์ของโลกและภัยธรรมชาติ รายวิชา
วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว16101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั
ประถมศึกษาปีท่ี 6 ประกอบดว้ ยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ทงั้ หมด 3 ชดุ ดงั นี้

ชุดท่ี 1 เรือ่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ
ชดุ ท่ี 2 เรื่อง ปรากฏการณเ์ รือนกระจกและภาวะโลกร้อน
ชดุ ที่ 3 เรือ่ ง ภยั ธรรมชาติ
2. ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ชุดนค้ี ือ ชุดที่ 1 เรอื่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ
ใช้เป็นส่ือการเรยี นรปู้ ระกอบการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสุม
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ปรากฏการณข์ องโลกและภัยธรรมชาติ
3. ครูควรศกึ ษาคาแนะนาในการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรูใ้ ห้เข้าใจก่อนจัดกจิ กรรม
การเรียนรู้
4. ครตู อ้ งชีแ้ จงขนั้ ตอนการเรียนโดยใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนร้ใู หน้ กั เรยี นเข้าใจทกุ คน
กอ่ นดาเนนิ กจิ กรรมต่าง ๆ
5. ถา้ นกั เรยี นศกึ ษาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ไม่เข้าใจ ครคู วรแนะนาเพม่ิ เตมิ
อาจให้นักเรยี นไดป้ ฏบิ ตั กิ ิจกรรมท้งั ในและนอกเวลาเรยี น จะทาให้ผู้เรยี นมีทกั ษะและมคี วามรู้
ความเขา้ ใจมากย่งิ ขน้ึ



1. ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้นี้ คอื ชุดที่ 1 เรอื่ ง ลมบก ลมทะเล และมรสุม จัดทาข้ึน
เพอื่ ใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนรดู้ ้วยตนเองใหม้ ากท่สี ุด มีความรอบรู้ เกิดทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ และมีพฤติกรรมการทางานกลุ่มท่ีดี ชว่ ยเหลือซง่ึ กันและกัน

2. นักเรยี นจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากทีส่ ุดตามลาดบั ขนั้ ตอนกจิ กรรมตา่ ง ๆ
โดยมคี าแนะนาดังนี้

2.1 อ่านทาความเขา้ ใจการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรูใ้ หเ้ ขา้ ใจ
2.2 รักและสนใจตนเอง สรา้ งความรสู้ กึ ทีด่ แี กต่ นเองว่าเราเป็นผู้ทมี่ ี
ความสามารถ
2.3 รว่ มกันศกึ ษา วางแผน ปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ดว้ ยความรอบคอบ
2.4 ใชเ้ วลาทากจิ กรรมอย่างคมุ้ ค่า

-1-

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและภยั ธรรมชาติ
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว16101

กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
ชุดท่ี 1 เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

สาระสาคัญ

ลมบก ลมทะเล และมรสุม เกิดจากความแตกตา่ งระหวา่ งอุณหภมู อิ ากาศ
เหนอื พื้นดนิ และเหนือพ้นื นา้ จึงเกิดการเคล่ือนทีข่ องอากาศจากบริเวณที่มีอุณหภูมิตา่
ไปยังบรเิ วณท่มี อี ุณหภมู ิสูง ท้ังลมบก ลมทะเล และมรสมุ มีหลกั การเกดิ เชน่ เดียวกัน
ลมบก ลมทะเลเกดิ บรเิ วณชายฝงั่ แตม่ รสุมเกดิ ข้นึ ในบริเวณเขตร้อนของโลก ท้ังลมบก
ลมทะเล และมรสมุ มีผลต่อส่งิ มีชีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม นอกจากนมี้ รสมุ ยังมผี ลต่อ
การเกดิ ฤดูของประเทศไทย

สาระการเรียนรู้

ลมบก ลมทะเล และมรสุม

ตวั ชีว้ ดั

ว 3.2 ป.6/4 เปรยี บเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม รวมทงั้ อธบิ ายผล
ทีม่ ตี ่อส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ แวดลอ้ มจากแบบจาลอง

ว 3.2 ป.6/5 อธบิ ายผลของมรสุมตอ่ การเกิดฤดูของประเทศไทยจากข้อมลู
ทรี่ วบรวมได้

-2-

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
เรื่อง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

คาสัง่ ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบทถ่ี กู ทีส่ ดุ เพียงคาตอบเดียว แล้วทาเครือ่ งหมาย
กากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไ้ มใ่ ช่สาเหตกุ ารเกิดลมบก ลมทะเล
ก. ปรากฏการณ์ขา้ งขน้ึ ข้างแรม จากดวงจนั ทร์
ข. อุณหภมู ิของอากาศเหนอื พ้นื ดนิ และเหนือพน้ื นา้
ค. ความสามารถในการรับและคายความรอ้ นของพืน้ ดนิ และพืน้ น้า
ง. ความกดอากาศท่แี ตกต่างกนั ระหวา่ งเหนอื พ้นื ดนิ และเหนือพืน้ น้า

2. สถานทใ่ี ดมีปรมิ าณไอนา้ ในอากาศมากที่สุด
ก. ในถา้ ทม่ี ีค้างคาวอาศัยอยู่
ข. ในทะเลทราย
ค. ในห้องทต่ี ิดเคร่ืองปรับอากาศ
ง. ในสวนป่าอุทยานแห่งชาติ

3. นกั เรยี นสังเกตบนทอ้ งฟา้ พบเมฆสดี ากอ่ ตวั ในแนวตง้ั หนาทึบ มยี อดเป็นรูปท่ัง
แสดงวา่ ลักษณะอากาศจะเป็นอยา่ งไร

ก. กาลงั มฝี นตกปรอย ๆ
ข. กาลังมพี ายฝุ นฟา้ คะนอง
ค. มหี มอกลงจัด และกาลังมหี มิ ะตก
ง. จะเกิดปรากฏการณ์พระอาทติ ย์ทรงกลด

4. ในตอนเชา้ มดื นกั เรยี นจะสังเกตเห็นหมอกเกดิ ข้นึ เหนือพ้ืนดนิ ข้อใดอธบิ าย
การเกิดหมอกได้ถูกตอ้ ง

ก. มฝี ุน่ ละอองในอากาศมาก
ข. อากาศมีความชื้นสัมพัทธต์ ่า
ค. มอี ากาศเยน็ อยู่เหนอื อากาศรอ้ น
ง. มีไอนา้ ในอากาศสงู และอากาศเยน็

-3-

5. พายุท่พี ดั ผ่านประเทศกัมพูชามคี วามเร็วสูงสุดใกลศ้ ูนย์กลาง 120 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง
แสดงวา่ เป็นลมพายปุ ระเภทใด

ก. พายุไตฝ้ นุ่
ข. พายุโซนรอ้ น
ค. พายดุ เี ปรสชนั
ง. พายุทอรน์ าโด

6. การพยากรณ์ใดเปน็ การเตอื นภยั ใหก้ ับประชาชนไดด้ ที ่ีสดุ
ก. การบอกถึงปรมิ าณน้าฝนเฉล่ียใน 1 ปี
ข. การบอกเวลาข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์
ค. การประกาศใหท้ ราบล่วงหนา้ เก่ยี วกับสึนามิ
ง. การบอกอณุ หภมู ิสงู สุดและตา่ สดุ ในรอบวนั

7. จากพยากรณ์อากาศ “ประเทศไทยมีความกดอากาศตา่ ” แสดงวา่ อากาศ
ในประเทศไทยเปน็ อย่างไร

ก. มอี ุณหภมู ิต่า
ข. มีอณุ หภูมสิ ูง
ค. เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
ง. อากาศสงบเงยี บ

8. ถ้าโลกเราไมม่ บี รรยากาศหอ่ หุ้ม อุณหภูมิในชว่ งกลางวนั และกลางคนื จะเป็นอย่างไร
ก. อณุ หภูมชิ ่วงกลางวันสงู มาก และกลางคนื สงู มาก
ข. อณุ หภมู ชิ ่วงกลางวนั ตา่ มาก และกลางคนื สูงมาก
ค. อุณหภมู ชิ ว่ งกลางวนั สงู มาก และกลางคืนตา่ มาก
ง. อุณหภมู ิชว่ งกลางวนั และกลางคนื มคี า่ คงท่แี ละเท่ากัน

9. ตอนเชา้ ทม่ี ีหมอกลงจัดมีผลตอ่ ทศั นวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะ เพราะเหตุใด
ก. ทาใหม้ องเหน็ ถนนไดใ้ นระยะใกล้ ๆ เท่านนั้
ข. มลี มพายุทาใหม้ ีหมอกจึงอนั ตรายตอ่ การขบั ข่ี
ค. แสงแดดทสี่ ่งกระทบหมอก ทาให้มองไม่เห็น
ง. ทุกขอ้ ทีก่ ลา่ วมา

-4-

10. สาเหตุทท่ี าให้เกิดลมบก ลมทะเล คอื อะไร
ก. ความจคุ วามร้อนและการคายความรอ้ นระหวา่ งพ้ืนดนิ และพ้ืนนา้
ข. ความกดอากาศบนพืน้ ดนิ และพน้ื นา้ เทา่ กนั
ค. ความชื้นระหว่างพื้นดินและพื้นน้า
ง. ความสงู ต่าระหว่างพน้ื ดินและพน้ื น้า

-5-

ลมบก ลมทะเล และมรสมุ
หากเราไปเท่ียวทะเลจะเห็นระลอกคลน่ื ซัดเขา้ ฝง่ั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ย่ิงลมพดั แรงคลน่ื ก็ยิ่ง
มีขนาดใหญข่ ึ้น หลายคนจึงชอบแลน่ เรือใบ หรอื เลน่ กระดานโต้คลื่นในวนั ดงั กลา่ ว ถ้าวนั ใด
มีลมพดั เบา คลื่นกจ็ ะมขี นาดเล็กจนดูเหมอื นทะเลมีลักษณะราบเรียบ

รปู ที่ 1 การแลน่ เรือใบ

รปู ท่ี 2 การเล่นกระดานโตค้ ลนื่ รูปที่ 3 ทะเลท่มี ีคลืน่ ขนาดเล็ก

ลมเกิดจากความแตกต่างระหวา่ งอุณหภมู ขิ องอากาศเหนอื บริเวณ 2 บริเวณ โดยอากาศ
บรเิ วณที่มอี ุณหภมู ิสูงกวา่ จะเคลือ่ นที่สูงขึน้ และอากาศบรเิ วณท่มี ีอุณหภูมติ ่ากวา่ จะเคลอื่ น
เขา้ มาแทนที่ การเคลือ่ นท่ีของอากาศทาใหเ้ กิดลม ลมมหี ลายประเภทตามลกั ษณะการเกิด
พื้นท่ีเกดิ และช่วงเวลาการเกิด เชน่ ลมประจาถนิ่ ลมประจาฤดู

-6-
ลมบก ลมทะเล

เป็นลมประจาถ่นิ ที่เกดิ เฉพาะบรเิ วณชายฝ่ัง ซึ่งเกดิ ข้นึ ในช่วงเวลากลางวันและกลางคนื
มรสุม เปน็ ลมประจาฤดูทเ่ี กิดบริเวณเขตรอ้ นของโลก มรสุมเกดิ เป็นบริเวณกว้างระดบั ทวีปและ
เกิดเป็นเวลานานตลอดฤดหู น่งึ ๆ มรสมุ ท่ีพดั ผ่านประเทศไทย ได้แก่ มรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนอื
และมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้ ซ่ึงจะพัดผ่านในชว่ งระยะเวลาทแ่ี ตกตา่ งกนั

การเกดิ ลมบก ลมทะเล
ลมบกและลมทะเล เกิดขน้ึ บริเวณชายฝ่ัง เน่อื งจากความแตกตา่ งระหว่างอุณหภูมิ

ของอากาศเหนือพน้ื ดินบริเวณชายฝั่งและอณุ หภูมิของอากาศเหนือพืน้ ทะเลในแต่ละชว่ งเวลา
โดยในช่วงเวลากลางวันเม่ือพน้ื ดินบรเิ วณชายฝงั่ และพื้นทะเลไดร้ ับความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์
พื้นดนิ จะรอ้ นเรว็ กวา่ พืน้ ทะเล ทาให้พนื้ ดินถ่ายโอนความรอ้ นใหก้ บั อากาศได้เร็วกวา่ อุณหภูมิ
ของอากาศจงึ สงู และเคลอ่ื นท่ีสูงขึ้น อากาศเหนอื พื้นทะเล ซงึ่ มีอุณหภูมิตา่ กว่าจงึ เคล่ือนเขา้ มา
แทนที่ เรยี กลมน้ีว่า ลมทะเล ดงั รปู ท่ี 4

รปู ท่ี 4 การเกิดลมทะเล
ส่วนลมบก จะเกดิ ในชว่ งเวลากลางคนื เนือ่ งจากพน้ื ดนิ บรเิ วณชายฝง่ั เยน็ เร็ว ในขณะที่
พน้ื ทะเลยงั คงมีอุณหภูมสิ ูงอยู่ น้าทะเลจึงมีการถ่ายโอนความรอ้ นไปสู่อากาศ ทาให้อากาศเหนือ
พนื้ ทะเลมีอุณหภูมสิ งู และเคลอื่ นทสี่ ูงขึน้ อากาศเหนือพื้นดนิ ซึ่งมอี ณุ หภมู ิตา่ กว่าจึงเคล่ือนเขา้ มา
แทนท่ี เรียกลมนี้ว่า ลมบก ดังรูปที่ 5

-7-

รูปที่ 5 การเกิดลมบก
ลมบก ลมทะเล มีผลตอ่ ส่งิ มีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม เช่น ทาใหบ้ ริเวณชายฝงั่ มลี มพดั
เกือบตลอดเวลา ทาให้คนทีอ่ าศัยอยู่บริเวณชายฝั่งรู้สกึ เย็นสบาย มกี ารใช้ลมในการเล่นกีฬา
ทางนา้ ในการเดนิ เรือขนาดเลก็ ของชาวประมงทอี่ อกเรือหาปลาในเวลากลางคืน กจ็ ะอาศัย
ลมบกทพ่ี ัดจากชายฝง่ั ในเวลากลางวัน นอกจากน้ียงั มกี ารใช้ประโยชน์จากลมบก ลมทะเล
ในการผลิตไฟฟ้า โดยตดิ ตง้ั กังหันลมเพือ่ ผลติ ไฟฟา้ บรเิ วณชายฝ่ังในบางพ้ืนที่ ดังรูปท่ี 6
นอกจากนลี้ มทะเลยังมผี ลต่อลมฟ้าอากาศตรงบริเวณชายฝ่ัง เช่น มผี ลต่อปริมาณความชนื้
ในอากาศ ทาใหอ้ ณุ หภมู ิบรเิ วณชายฝง่ั ไมร่ อ้ นมากจนเกินไป แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม ลมทะเลยังมี
ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มบรเิ วณชายฝ่ัง เพราะทาให้เกดิ คล่ืนทะเลพดั เข้าสู่ชายฝง่ั ซึ่งเป็น
สาเหตุหนึ่งท่ีทาให้ตะกอนบรเิ วณชายฝั่งเคลือ่ นท่ไี ปจากตาแหนง่ เดิม ทาใหล้ กั ษณะของชายฝ่งั
อาจเกดิ การเปลีย่ นแปลง

รปู ที่ 6 การติดตง้ั กังหนั ลมเพือ่ ผลิตไฟฟ้าบริเวณชายฝัง่ ของประเทศสวเี ดน

-8-
มรสุมกบั การเกดิ ฤดขู องประเทศไทย

ประเทศไทยอยู่บริเวณเขตร้อนของโลก ซึง่ อย่เู หนอื เสน้ ศูนยส์ ตู รเลก็ น้อย ทาใหไ้ ด้รบั
แสงจากดวงอาทิตย์ตกกระทบเกอื บตัง้ ฉากตลอดทง้ั ปี สง่ ผลให้ประเทศไทยไดร้ บั พลงั งานความ
ร้อนจากดวงอาทิตยค์ อ่ นข้างมาก ไมว่ ่าโลกจะโคจรไปอยู่ ณ ตาแหน่งใด แต่ประเทศไทยซึ่งต้งั อยู่
ในบรเิ วณเขตรอ้ นดงั กล่าวจะมมี รสุมพัดผา่ น ซ่งึ มรสุมนนั้ จะพัดเปล่ียนทิศทางไปตามชว่ ง
ระยะเวลาของปี

ประเทศไทยได้รับผลจากมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ และมรสุมตะวนั ออกฉียงเหนือในชว่ ง
ระยะเวลาแตกต่างกนั โดยได้รบั ผลจากมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ประมาณกลางเดอื นพฤษภาคม
จนถงึ กลางเดอื นตลุ าคม ซึ่งเปน็ ช่วงทโ่ี ลกจะเอยี งขั้วโลกเหนือเขา้ หาดวงอาทิตย์ ทาใหอ้ ากาศ
เหนอื พ้นื ทวีปทางซีกโลกเหนอื มอี ุณหภมู สิ ูงกวา่ อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื พื้นมหาสมุทร
ทางซกี โลกใต้ ทาใหอ้ ากาศเหนอื พืน้ ทวีปเคลือ่ นท่สี งู ข้นึ และอากาศเหนือพน้ื มหาสมทุ รเคล่ือนท่ี
เข้ามาแทนท่ีเป็นลมทน่ี าความชน้ื จากมหาสมุทรอินเดียผา่ นทะเลอันดามนั พัดผ่านประเทศไทย
ไปยังพนื้ ทวปี ทางซกี โลกเหนอื ทาใหช้ ่วงเดือนนี้เปน็ ฤดูฝนของประเทศไทย ทาให้ฝนตกชกุ

การทโี่ ลกหมุนรอบตวั เองในทศิ ทางทวนเขม็ นาฬิกาเมอ่ื มองจากบริเวณเหนือข้ัวโลก
เหนอื ลมซ่ึงเกิดจากมรสมุ ตะวันตกเฉียงใตน้ ี้ จงึ ไมไ่ ดเ้ คล่ือนทจี่ ากทางซกี โลกใต้ขึน้ ไปยัง
ซีกโลกเหนอื ในแนวตั้งฉากกบั เสน้ ศนู ยส์ ูตร แต่จะเคลื่อนทเี่ ฉยี งจากแนวตัง้ ฉากนไ้ี ปทางขวา
ดงั รูปท่ี 7

รปู ท่ี 7 ทศิ ทางลมในช่วงมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้

-9-
นอกจากนป้ี ระเทศไทยยังได้รับผลจากมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนอื ในช่วงประมาณ
กลางเดือนตุลาคม ถงึ เดอื นกมุ ภาพันธ์ ซึง่ เปน็ ชว่ งท่โี ลกเอยี งข้ัวโลกเหนือออกจากดวงอาทติ ย์
ทาให้อากาศเหนือพน้ื ทวีปทางซีกโลกเหนือมอี ณุ หภูมิต่ากวา่ อณุ หภูมิของอากาศเหนือพน้ื
มหาสมทุ รทางซกี โลกใต้ อากาศเหนอื พื้นมหาสมุทรจึงเคลอ่ื นที่สงู ขึ้นและอากาศเหนือพนื้ ทวีป
เคลื่อนเขา้ มาแทนท่ีเป็นลมท่มี ีอณุ หภูมิต่า และมีความชื้นน้อย เพราะมาจากพ้ืนทวีปทาง
ตอนเหนอื ของประเทศจีนพัดผ่านประเทศไทยไปยังพื้นมหาสมุทรทางซีกโลกใต้ ทาใหช้ ่วงเวลาน้ี
เป็นฤดหู นาวของประเทศไทย ทาให้อากาศหนาวเย็น
การทโ่ี ลกหมนุ รอบตวั เองในทศิ ทางทวนเขม็ นาฬิกา เม่อื มองจากบริเวณเหนือข้ัวโลก
เหนอื มรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือนีจ้ ึงไมไ่ ดเ้ คล่ือนทจ่ี ากทางซกี โลกเหนอื ลงไปทางซีกโลกใตใ้ น
แนวตัง้ ฉากกับเสน้ ศนู ย์สูตร แตจ่ ะเคล่อื นที่เฉยี งจากแนวตงั้ ฉากน้ไี ปทางซ้าย ดังรปู ท่ี 8

รปู ที่ 8 ทศิ ทางลมในช่วงมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ชว่ งประมาณกลางเดอื นกุมภาพนั ธ์จนถงึ กลางเดอื นพฤษภาคม อณุ หภูมิของอากาศ
เหนือพ้นื ทวีป และเหนือพื้นมหาสมทุ รแตกตา่ งกันเล็กนอ้ ย ซงึ่ เปน็ ชว่ งเปลีย่ นมรสุมหรือไดร้ บั ผล
จากมรสุมลดลง ทาให้อณุ หภูมขิ องอากาศของประเทศไทยเป็นผลมาจากพลงั งานความร้อน
จากดวงอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ ชว่ งเวลานขี้ องประเทศไทยจึงเปน็ ฤดรู ้อน อากาศร้อน แห้งแลง้
และอบอ้าว

-10-

มรสมุ นอกจากจะมีผลตอ่ การเกดิ ฤดขู องประเทศไทยแลว้ ยังส่งผลตอ่ สงิ่ มชี ีวิตและ
สิ่งแวดล้อมในบริเวณทม่ี รสุมพัดผ่านอกี ด้วย เชน่ มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนอื ทาให้ภาคเหนอื
มอี ากาศหนาวเยน็ และมีผลต่อการออกดอกและตดผลของพืชบางชนิด ดังรปู ที่ 9 และ 10
ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ได้พดั พาความช้ืนมาจากมหาสมุทร ทาใหป้ ระเทศไทยมีฝนตกหนกั
อย่างต่อเนอ่ื ง บางครั้งอาจทาให้เกดิ น้าท่วมฉบั พลัน และน้าป่าไหลหลากได้ ปริมาณฝนทม่ี าก
ในช่วงเวลาดงั กล่าวจะช่วยเติมน้าใหก้ ับแหลง่ กักเก็บน้าตา่ งๆ นอกจากนมี้ รสุม
ตะวันออกเฉยี งเหนือและมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ยงั ทาใหเ้ กิดการกดั เซาะชายฝ่งั

รูปท่ี 9 บว๊ ยทป่ี ลูกบริเวณดอยอ่างขาง รปู ท่ี 10 กะหลา่ ปลีแดงทป่ี ลูกบรเิ วณ
จังหวัดเชียงใหม่ ซง่ึ จะติดผลในชว่ งอุณหภมู ิ ดอยอ่างขาง จงั หวัดเชียงใหม่ เจริญเติบโต
13-15 องศาเซลเซียส ไดด้ ีในชว่ งอุณหภมู ิ 15-20 องศาเซลเซียส

-11-

กจิ กรรมท่ี 1
เรื่อง การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

ช่ือ – สกุล ..................................................................ชั้น...................เลขที่.............

1. ลม เกิดขึ้นไดอ้ ยา่ งไร
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
2. ลมบก ลมทะเล แตกต่างจากมรสุมอย่างไร
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
3. มรสมุ ทีพ่ ดั ผา่ นประเทศไทย มอี ะไรบ้าง
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................

-12-

กจิ กรรมท่ี 2
เร่อื ง ลมบก ลมทะเล เป็นอยา่ งไร

ชื่อ – สกุล ..................................................................ช้นั ...................เลขท่ี.............

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม ทากิจกรรมนี้เพอื่
1. วิเคราะหข์ ้อมลู และอธิบายการเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ขิ องอากาศเหนอื ทราย
และเหนือนา้
2. เปรียบเทียบและอธิบายการเกิดลมบก ลมทะเล จากแบบจาลอง
3. รวบรวมขอ้ มูลและอธบิ ายผลของลมบก ลมทะเล ทมี่ ตี อ่ สงิ่ มชี ีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม

วธิ ีการดาเนนิ กจิ กรรม

ตอนท่ี 1

1. อา่ นสถานการณ์ เรือ่ ง การทดลองเกย่ี วกบั อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื ทรายและ
เหนอื นา้ เป็นอย่างไร

2. ร่วมกันอภิปรายและเปรียบเทยี บการเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือทรายและ
เหนือนา้ เมือ่ ให้ความรอ้ นและหยุดให้ความร้อนในเวลาที่เท่ากัน บันทกึ ผล

3. ถา้ กาหนดใหโ้ คมไฟที่เปิดแทนดวงอาทติ ย์ที่ให้ความร้อน ทรายแทนพนื้ ดนิ และน้า
แทนแหล่งน้าในธรรมชาติ ใหร้ ่วมกันอภิปรายและเปรยี บเทยี บการเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของ
อากาศเหนือพื้นดินและเหนือนา้ ในช่วงเวลากลางวันและกลางคนื บนั ทกึ ผล

สถานการณ์ เรอ่ื ง การทดลองเก่ียวกบั อุณหภูมิของอากาศเหนอื ทรายและเหนือน้า
เปน็ อยา่ งไร

นักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งอยากรู้ว่าอณุ หภูมขิ องอากาศ
เหนอื ทรายและเหนือน้าจะเปน็ อย่างไร ถ้าไดร้ ับความรอ้ นและหยดุ ใหค้ วามร้อนในเวลา
เทา่ กนั จึงออกแบบการทดลองโดยนาทรายและนา้ ทมี่ ีมวลเท่ากันใสล่ งในบีกเกอรท์ ีม่ ี
ขนาดเทา่ กนั ใช้เทอร์มอมิเตอร์ตรวจวดั อณุ หภมู ิของอากาศเหนือทรายและเหนือนา้ ดงั รูป
อ่านคา่ อุณหภูมิเร่ิมต้นและบันทึกผลลงในตาราง จากนน้ั ใหค้ วามร้อนแกท่ รายและน้า
โดยการเปดิ โคมไฟ อ่านคา่ และบนั ทกึ อณุ หภูมขิ องอากาศเหนอื ทรายและเหนอื นา้ ทกุ ๆ
2 นาที จนครบ 30 นาที แลว้ หยดุ ใหค้ วามรอ้ น จากน้ันอา่ นคา่ และบันทึกอุณหภมู ิของ
อากาศเหนือทรายและเหนือน้าทุก ๆ 2 นาที จนครบ 30 นาที นาข้อมลู ในตาราง
ไปเขียนกราฟ

-13-

การจดั ชุดทดลอง

ผลการทดลอง

ตาราง อณุ หภมู ิของอากาศเหนอื ทรายและเหนือนา้ เมอ่ื ให้ความรอ้ นและหยุดให้ความรอ้ น
ในเวลาเทา่ กนั

-14-
กราฟ อุณหภมู ิของอากาศเหนอื ทรายและเหนอื นา้ เม่อื ใหค้ วามร้อนและหยดุ ให้ความรอ้ น

ในเวลาเทา่ กัน

ตอนท่ี 2
1. พยากรณ์และบันทึกว่า ในช่วงเวลากลางวันและกลางคนื อากาศเหนอื พื้นดินบริเวณ

ชายฝั่งและอากาศเหนือพ้ืนทะเลจะเคล่ือนทจี่ ากท่ีใดไปทใ่ี ด และอุณหภูมขิ องอากาศระหวา่ ง
2 บริเวณ เปน็ อยา่ งไร

2. ตรวจสอบการพยากรณ์ โดยอ่านใบความรู้ เร่ือง การเกดิ ลมบก ลมทะเล จากน้นั
ร่วมกันอภิปรายและบนั ทึกว่า ในช่วงเวลกลางวันและกลางคนื อากาศเหนอื พ้ืนดนิ บริเวณชายฝง่ั
และอากาศเหนือพื้นทะเลจะเคลอื่ นท่จี ากทใ่ี ดไปท่ีใด และอณุ หภมู ขิ องอากาศระหว่าง 2 บรเิ วณ
เปน็ อยา่ งไร พร้อมระบุชอ่ื ลม

3. ร่วมกนั อภิปรายเปรียบเทยี บการเกิดลมบก ลมทะเล จากรปู ทบ่ี นั ทกึ ในข้อ 2 และ
นาเสนอ

4. ร่วมกนั อภปิ รายผลของลมบก ลมทะเล ทมี่ ตี ่อสิง่ มชี วี ติ และสงิ่ แวดล้อม โดยใช้รูป
ทบี่ นั ทกึ ไว้และขอ้ มูลจากใบความรู้ บนั ทกึ ผล

-15-

แบบบันทกึ กจิ กรรมที่ 2 ลมบก ลมทะเล เป็นอย่างไร

ตอนท่ี 1

จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม ทากิจกรรมน้ีเพ่ือ
_____________________________________________________________________
_____________________________________________________________________
_____________________________________________________________________

บันทึกผลการทากจิ กรรม

ผลการอภปิ รายและเปรียบเทยี บ

ตาราง 1 การเปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของอากาศเหนอื ทรายและเหนือน้า

เมือ่ ให้ความร้อนและหยุดใหค้ วามรอ้ นในเวลาเท่ากัน

กจิ กรรม การเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง
อณุ หภมู ิของอากาศเหนอื ทรายและเหนือน้า

เมื่อให้ความรอ้ น อณุ หภูมขิ องอากาศเหนือทรายจะเพ่ิมข้ึน.....................
กว่าอุณหภูมิของอากาศเหนอื น้า

เมอ่ื หยุดใหค้ วามรอ้ น อณุ หภูมิของอากาศเหนอื ทรายจะลดลง.......................
กว่าอุณหภมู ิของอากาศเหนอื น้า

ตาราง 2 การเปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของอากาศเหนือพ้นื ดินและเหนือพ้ืนน้า

ในชว่ งเวลากลางวันและกลางคืน

ช่วงเวลา การเปรยี บเทยี บการเปลย่ี นแปลง
อุณหภมู ขิ องอากาศเหนือพื้นดนิ และเหนือพืน้ นา้

กลางวนั อุณหภูมิของอากาศเหนอื พื้นดนิ จะเพมิ่ ขึน้ ....................
กวา่ อณุ หภูมิของอากาศเหนอื พนื้ นา้

กลางคืน อุณหภมู ิของอากาศเหนอื พื้นดนิ จะลดลง......................
กวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนอื พน้ื น้า

-16-

ตอนท่ี 2

จุดประสงคข์ องกจิ กรรม ทากิจกรรมนี้เพอื่
_____________________________________________________________________
_____________________________________________________________________
_____________________________________________________________________

บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม
เขียนลูกศรใหห้ วั ลกู ศรแสดงทศิ ทางท่อี ากาศเคลอ่ื นที่ไปลงในรูป และเติมข้อความ
การเปรยี บเทียบอุณหภูมขิ องอากาศระหว่าง 2 บริเวณ
การพยากรณ์

รปู ก การเกดิ ลมบริเวณชายฝัง่ รูป ข การเกิดลมบริเวณชายฝั่ง
เวลากลางวนั เวลากลางคืน

อุณหภูมขิ องอากาศเหนือ........................... อุณหภมู ขิ องอากาศเหนือ...........................
สงู กวา่ อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื ................ สูงกว่าอณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือ................

ผลการอภปิ ราย

รปู ก การเกิดลมบริเวณชายฝ่งั รปู ข การเกดิ ลมบริเวณชายฝงั่
เวลากลางวนั เวลากลางคืน

-17-

 ลมบก  ลมทะเล  ลมบก  ลมทะเล
อุณหภูมิของอากาศเหนอื ........................... อุณหภมู ิของอากาศเหนือ...........................
สงู กวา่ อณุ หภูมขิ องอากาศเหนือ................ สงู กวา่ อุณหภูมขิ องอากาศเหนือ................

ผลการอภิปราย
ผลของลมบก ลมทะเล ที่มตี อ่ สง่ิ มชี วี ติ และสิง่ แวดลอ้ ม

......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

ตอนท่ี 1

1. เม่ือใหค้ วามร้อนและหยดุ หคึ วามรอ้ นแก่ทรายและนา้ ในเวลาที่เทา่ กัน อุณหภูมิของอากาศ
เหนือบริเวณใดมกี ารเปลีย่ นแปลงได้เร็วกวา่ กนั รู้ได้อย่างไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

-18-

2. ถ้าเปรยี บการให้ความร้อนแทนการไดร้ ับความร้อนจากดวงอิทตย์ ทรายแทนพน้ื ดนิ น้าแทน
นา้ ทะเล อุณหภมู ิของอากาศเหนอื พน้ื ดินและเหนอื พน้ื ทะเลใน 1 วัน จะเป็นอยา่ งไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
3. จากกจิ กรรมนี้ คน้ พบอะไรบา้ งเก่ยี วกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ิของอากาศเหนอื ทราย
และเหนือนา้
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

ตอนที่ 2

1. การเกดิ ลมบก ลมทะเล แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

-19-

2. ลมบก ลมทะเล มีผลต่อส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อมอย่างไรบ้าง
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
3. จากกิจกรรมนี้ ค้นพบอะไรบา้ งเก่ียวกับลมบก ลมทะเล
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
4. จากสิ่งทคี่ ้นพบท้งั สองตอน สรปุ ได้ว่าอย่างไร
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

-20-

กจิ กรรมท่ี 3
เรื่อง การเกดิ มรสุมเกี่ยวข้องกับฤดูของประเทศไทยอยา่ งไร

ชือ่ – สกลุ ..................................................................ชั้น...................เลขที่.............

จุดประสงค์ของกิจกรรม ทากจิ กรรมน้ีเพอ่ื
1. อธิบายการเกดิ มรสมุ จากแบบจาลอง
2. รวบรวมขอ้ มลู และอธบิ ายผลของมรสมุ ต่อการเกดิ ฤดูของประเทศไทย และผลทม่ี ีต่อ

สิง่ มีชีวติ และสิ่งแวดล้อม
3. เปรียบเทียบการเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสุมจากแบบจาลอง

สิง่ ท่ีต้องใช้ ลูกโลก

วิธีการดาเนินกิจกรรม

1. สร้างแบบจาลองการเกิดมรสุม โดยทาตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.1 สังเกตบริเวณพน้ื ทวีปและพ้ืนมหาสมทุ รในบรเิ วณเขตรอ้ นของโลก ซ่งึ อยู่

ระหวา่ งละตจิ ดู 23.5 องศาเหนอื และละตจิ ดู 23.5 องศาใต้ จากลูกโลก แลว้ ร่วมกันอภิปรายว่า
เมอื่ โลกเอยี งขัว้ โลกเหนือเข้าหาดวงอาทติ ย์ อุณหภมู ิของอากาศเหนือพนื้ ทวปี และเหนอื พ้ืน
มหาสมุทร บริเวณดังกล่าวจะเหมอื นหรือแตกต่างกัน เพราะเหตใุ ด บันทกึ ผล

1.2 พยากรณแ์ ละบันทกึ ว่า ขณะท่ีโลกเอียงขว้ั โลกเหนอื เข้าหาดวงอาทิตย์
อากาศเหนือพน้ื ทวปี และเหนือพ้นื มหาสมทุ รจะเคล่ือนท่จี ากท่ีใดไปที่ใด พร้อมบอกเหตผุ ล

1.3 สังเกตบริเวณพ้นื ทวปี และพืน้ มหาสมุทรในบรเิ วณเขตรอ้ นของโลกอกี คร้ัง
หนง่ึ แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายว่าเม่อื โลกเอียงข้วั โลกเหนือออกจากดวงอาทติ ย์ อุณหภูมิอากาศ
เหนอื พน้ื ทวีปและเหนอื พนื้ มหาสมุทรบรเิ วณดงั กล่าวจะเหมือนหรอื แตกต่างกัน เพราะเหตุใด
บนั ทึกผล

1.4 พยากรณแ์ ละบันทึกว่า ขณะทีโ่ ลกเอียงข้ัวโลกเหนอื ออกจากดวงอาทิตย์
อากาศเหนือพ้นื ทวีปและเหนือพ้ืนมหาสมทุ รจะเคลื่อนทจ่ี ากที่ใดไปทีใ่ ด พรอ้ มบอกเหตผุ ล

2. ตรวจสอบการพยากรณ์ โดยอ่านใบความรู้ เร่ือง มรสมุ กบั การเกิดฤดขู องประเทศไทย
จากนน้ั ทาการปรับปรงุ ข้อมลู ท่ีได้พยากรณ์ไว้ให้ถกู ต้อง พร้อมระบชุ อื่ มรสุม

3. ร่วมกันอภปิ รายและบนั ทึกว่า มรสมุ ที่เกดิ ข้ึนมผี ลให้เกิดฤดใู ดของประเทศไทยและ
ในชว่ งเปลี่ยนมรสุมหรือไดร้ บั ผลจากมรสุมลดลงจะเกิดฤดใู ดของประเทศไทย

4. ร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับผลของมรสมุ ทีม่ ตี ่อสิง่ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม บันทกึ ผล
5. ร่วมกันอภิปรายและเปรียบเทยี บการเกิดมรสุมกับลมบก ลมทะเล ว่ามกี ารเกดิ
เหมอื นและแตกตา่ งกนั อยา่ งไร บนั ทึกผล

-21-

แบบบนั ทกึ กิจกรรมที่ 3 การเกิดมรสุมเกยี่ วขอ้ งกับฤดูของประเทศไทยอย่างไร

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม ทากจิ กรรมนี้เพ่ือ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

บนั ทึกผลการทากิจกรรม

ผลการอภปิ ราย ทาเครอ่ื งหมาย  ลงใน  หนา้ ขอ้ ความที่เลอื ก พรอ้ มบอกเหตผุ ล

อุณหภมู ขิ องอากาศเหนือพ้นื ทวีปและเหนอื พ้นื มหาสมทุ ร เมือ่ โลกเอยี งข้วั โลกเหนือ
เขา้ หาดวงอาทติ ย์

 เหมอื นกัน  แตกตา่ งกัน
เพราะ.............................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

การพยากรณ์ เขยี นลกู ศรใหห้ ัวลูกศรแสดงทิศทางทีอ่ ากาศเคลื่อนท่ีไปลงในรูป
พร้อมบอกเหตุผล

การเคล่อื นที่ของอากาศเหนือพื้นทวีปและเหนือพนื้ มหาสมทุ รเม่อื โลกเอียงขวั้ โลกเหนือ
เข้าหาดวงอาทติ ย์

เพราะ..................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................

มรสมุ .........................................................

-22-

ผลการอภปิ ราย ทาเคร่ืองหมาย  ลงใน  หนา้ ขอ้ ความท่ีเลอื ก พร้อมบอกเหตุผล

อณุ หภมู ิของอากาศเหนอื พืน้ ทวปี และเหนอื พนื้ มหาสมุทร เมอื่ โลกเอียงข้วั โลกเหนอื
ออกจากดวงอาทิตย์

 เหมือนกนั  แตกตา่ งกัน
เพราะ.............................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................

การพยากรณ์ เขยี นลกู ศรให้หวั ลูกศรแสดงทศิ ทางทอ่ี ากาศเคล่ือนทีไ่ ปลงในรูป
พรอ้ มบอกเหตุผล

การเคลอ่ื นท่ีของอากาศเหนอื พ้นื ทวีปและเหนอื พน้ื มหาสมทุ รเมือ่ โลกเอยี งขัว้ โลกเหนือ
ออกจากดวงอาทติ ย์

เพราะ..................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................
............................................................

มรสมุ .........................................................

ผลการอภิปราย

ตาราง ผลของมรสุมและช่วงเปลีย่ นมรสุมต่อการเกดิ ฤดขู องประเทศไทย

มรสุมและชว่ งเปลยี่ นมรสุม ฤดขู องประเทศไทยท่เี กิดข้นึ ช่วงเวลาทีเ่ กดิ

มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ............................................... ………………………………………….
............................................... ………………………………………….

มรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ ............................................... ………………………………………….
............................................... ………………………………………….

ชว่ งเปลย่ี นมรสมุ หรอื ได้รับผล ............................................... ………………………………………….

จากมรสมุ ลดลง ............................................... ………………………………………….

-23-

ผลของมรสมุ ที่มตี อ่ ส่งิ มีชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
การเปรียบเทยี บการเกิดมรสุมกบั ลมบก ลมทะเล
 สงิ่ ที่เหมือนกัน
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
 สงิ่ ทต่ี า่ งกนั
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................

1. ถา้ ไม่มีมรสุมจะมผี ลต่อการเกิดฤดูของประเทศไทยอย่างไร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
2. มรสมุ มีผลต่อส่งิ มีชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งไรบ้าง
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................

-24-

3. มรสุมเหมือนและแตกตา่ งจากลมบก ลมทะเล อย่างไร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
4. จากกจิ กรรมนี้ ค้นพบอะไรบา้ งเก่ียวกับการเกิดมรสุมกับฤดูของประเทศไทย
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
5. จากสิง่ ท่คี น้ พบ สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................

-25-

กจิ กรรมที่ 4
เร่ือง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ กับการดาเนนิ ชวี ติ

ชอ่ื – สกลุ ..................................................................ชั้น...................เลขท.่ี ............
อา่ นขอ้ มูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถามขอ้ 1-2

กราฟอุณหภมู ขิ องอากาศเหนือพน้ื ดนิ บรเิ วณชายฝ่งั และเหนอื พนื้ ทะเลในพ้นื ที่แห่งหนงึ่
ตง้ั แตเ่ วลา 09:00 –23:00 น. เปน็ ดังนี้

1. ช่วงเวลา 09:00-16:00 น. แฃะช่วงเวลา 18:00-23:00 น. น่าจะเกดิ ลมชนดิ ใด ตามลาดับ
เพราะเหตใุ ด
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................

-26-

2. ถา้ จะนาเรือออกจากฝ่ัง ควรนาเรอื ออกในช่วงเวลาใด เพือ่ ให้ประหยัดพลงั งานเช้ือเพลิง
มากท่สี ดุ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
3. ถา้ วางแผนไปเที่ยวทะเลภาคใต้ฝงั่ ตะวันตกของประเทศไทย ควรจะไปเดอื นใด เพราะเหตใุ ด
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
4. ถา้ กรมอุตนุ ิยมวิทยารายงานว่า ปนี ป้ี ระเทศไทยจะได้รบั ผลจากมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ
ยาวนานกว่าทกุ ปี เกษตรกรในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ควรวางแผน
การใช้นา้ เพ่อื การเกษตรอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................

-27-

กจิ กรรมที่ 1
เร่ือง การเกดิ ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

ชื่อ – สกลุ ..................................................................ชนั้ ...................เลขที่.............

1. ลม เกดิ ข้ึนได้อย่างไร
ลมเกิดจากความแตกตา่ งระหว่างอุณหภมู ิของอากาศเหนือบรเิ วณ 2 บรเิ วณ

โดยอากาศบริเวณทมี่ อี ณุ หภมู ิสงู กวา่ จะเคลื่อนที่สงู ขึ้น และอากาศบริเวณที่มอี ุณหภูมิ
ต่ากว่าจะเคลื่อนทเ่ี ข้ามาแทนท่ี การเคลอื่ นที่ของอากาศทาให้เกิดลม

2. ลมบก ลมทะเล แตกต่างจากมรสมุ อย่างไร
ลมบก ลมทะเล แตกตา่ งจากมรสุมในดา้ นขนาดของบรเิ วณทีเ่ กิด และช่วงระยะ

เวลาการเกดิ โดยลมบก ลมทะเล เกิดเฉพาะบรเิ วณชายฝง่ั สว่ นมรสุมเกิดเปน็ บริเวณกว้าง
ระดบั ทวีป ส่วนชว่ งระยะเวลาการเกิด ลมบก ลมทะเล เกิดในชว่ งเวลา 1 วนั คอื ชว่ งเวลา
กลางวนั และกลางคืน สว่ นมรสุมเกดิ เป็นช่วงระยะเวลานานตลอดฤดูหนง่ึ ๆ

3. มรสุมทพี่ ดั ผ่านประเทศไทย มีอะไรบ้าง
มรสุมท่ีพดั ผา่ นประเทศไทย ไดแ้ ก่ มรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื และมรสุมตะวนั ตก

เฉียงใต้ ซ่ึงจะพัดผา่ นในช่วงระยะเวลาทีแ่ ตกต่างกัน

-28-

แบบบันทกึ กจิ กรรมที่ 2 ลมบก ลมทะเล เปน็ อย่างไร

ตอนท่ี 1

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม ทากจิ กรรมนี้เพ่อื

วเิ คราะหข์ อ้ มลู และอธบิ ายการเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของอากาศเหนือทรายและ
เหนอื น้า

บันทกึ ผลการทากจิ กรรม

ผลการอภิปรายและเปรยี บเทียบ

ตาราง 1 การเปรยี บเทยี บการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของอากาศเหนอื ทรายและเหนือนา้

เมือ่ ใหค้ วามรอ้ นและหยุดใหค้ วามร้อนในเวลาเท่ากัน

กจิ กรรม การเปรยี บเทยี บการเปลี่ยนแปลง
อณุ หภูมิของอากาศเหนอื ทรายและเหนอื นา้

เมื่อใหค้ วามรอ้ น อุณหภมู ขิ องอากาศเหนอื ทรายจะเพม่ิ ขน้ึ ........เร็ว.......
กว่าอุณหภมู ขิ องอากาศเหนือนา้

เมอ่ื หยดุ ให้ความร้อน อณุ หภูมิของอากาศเหนอื ทรายจะลดลง.........เร็ว.........
กวา่ อณุ หภูมขิ องอากาศเหนอื นา้

ตาราง 2 การเปรียบเทยี บการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของอากาศเหนอื พื้นดนิ และเหนือพืน้ น้า

ในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน

ชว่ งเวลา การเปรยี บเทียบการเปลีย่ นแปลง
อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื พ้ืนดินและเหนือพื้นน้า

กลางวนั อุณหภูมิของอากาศเหนือพ้ืนดินจะเพิม่ ข้ึน......เร็ว........
กว่าอุณหภูมิของอากาศเหนอื พื้นน้า

กลางคนื อุณหภูมขิ องอากาศเหนือพน้ื ดนิ จะลดลง........เรว็ ........
กว่าอณุ หภมู ิของอากาศเหนอื พนื้ นา้

-29-

ตอนท่ี 2
จุดประสงคข์ องกจิ กรรม ทากิจกรรมน้ีเพื่อ

1. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการเกดิ ลมบก ลมทะเล จากแบบจาลอง
2. รวบรวมข้อมลู และอธบิ ายผลของลมบก ลมทะเลท่ีมีตอ่ ส่งิ มชี ีวิต และสงิ่ แวดลอ้ ม

บนั ทึกผลการทากิจกรรม
เขียนลูกศรให้หัวลูกศรแสดงทศิ ทางทอี่ ากาศเคล่ือนทไ่ี ปลงในรปู และเตมิ ขอ้ ความ
การเปรยี บเทยี บอุณหภูมิของอากาศระหวา่ ง 2 บริเวณ
การพยากรณ์

รูป ก การเกดิ ลมบริเวณชายฝ่ัง รูป ข การเกิดลมบริเวณชายฝ่งั
เวลากลางวัน เวลากลางคืน

อุณหภมู ขิ องอากาศเหนือพน้ื ดนิ บริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิของอากาศเหนือพืน้ ทะเล

สูงกว่าอณุ หภมู ิของอากาศเหนอื พืน้ ทะเล สูงกวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนือพ้นื ดนิ บรเิ วณชายฝ่ัง

ผลการอภิปราย

รูป ก การเกดิ ลมบริเวณชายฝัง่ รูป ข การเกดิ ลมบริเวณชายฝงั่
เวลากลางวนั เวลากลางคนื

-30-

 ลมบก  ลมทะเล  ลมบก  ลมทะเล
อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนอื พื้นทะเล
อุณหภมู ิของอากาศเหนือพืน้ ดินบรเิ วณชายฝั่ง
สงู กว่าอุณหภมู ิของอากาศเหนอื พน้ื ดนิ บรเิ วณชายฝ่ัง
สงู กวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนือพ้ืนทะเล

ผลการอภิปราย
ผลของลมบก ลมทะเล ท่ีมีตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม
ผลของลมบก ลมทะเล ทมี่ ตี อ่ ส่งิ มชี ีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม มีดงั น้ี
- ทาใหบ้ ริเวณชายฝงั่ มีลมพัดเกอื บตลอดเวลา
- มีผลต่อปรมิ าณความชืน้ ในอากาศ
- มีผลตอ่ อุณหภูมิของอากาศบรเิ วณชายฝง่ั
- มผี ลตอ่ การเดนิ เรือของชาวประมง
- มผี ลต่อการกัดเซาะชายฝ่ัง
- ใชล้ มบก ลมทะเล พดั กงั หนั ลมทต่ี ดิ ตงั้ บริเวณชายฝัง่ เพอื่ ผลิตไฟฟ้า

ตอนที่ 1

1. เมื่อใหค้ วามรอ้ นและหยดุ หคึ วามรอ้ นแกท่ รายและน้าในเวลาทเ่ี ท่ากนั อุณหภูมขิ องอากาศ
เหนือบริเวณใดมกี ารเปล่ียนแปลงได้เร็วกว่ากัน รไู้ ด้อยา่ งไร

- เมอื่ ให้ความรอ้ นแก่ทรายและน้าในเวลาทเี่ ทา่ กนั อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือทราย
มีการเปลี่ยนแปลรวดเร็วกว่า สังเกตได้จากกราฟท่เี ปลี่ยนแปลจากนาทที ่ี 0 อณุ หภมู ิ
ของอากาศเหนือทรายเพ่ิมขน้ึ จากนาทีท่ี 0 รวดเรว็ กวา่

- เม่ือหยุดใหค้ วามร้อนแกท่ รายและนา้ ในเวลาที่เท่ากัน อณุ หภูมขิ องอากาศเหนือ
ทรายมีการเปลย่ี นแปลงได้รวดเร็วกว่า สังเกตไดจ้ ากกราฟที่เปลี่ยนแปลงจากนาทีท่ี 30
อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือทรายลดลงจากนาทที ่ี 30 รวดเร็วกว่า

-31-

2. ถ้าเปรียบการใหค้ วามร้อนแทนการไดร้ ับความรอ้ นจากดวงอทิ ตย์ ทรายแทนพื้นดนิ นา้ แทน
น้าทะเล อณุ หภูมิของอากาศเหนอื พ้ืนดินและเหนือพนื้ ทะเลใน 1 วัน จะเป็นอย่างไร

ใน 1 วัน โดยในชว่ งเวลากลางวัน อณุ หภูมขิ องอากาศเหนือพืน้ ดนิ จะเพิ่มขึ้นรวดเร็ว
กว่าอณุ หภูมขิ องอากาศเหนอื น้าทะเล และเพม่ิ ขึ้นมากกวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนือน้าทะเล

ในชว่ งเวลากลางคืนอุณหภูมิของอากาศเหนือพืน้ ดินจะลดลงรวดเร็วกว่าอณุ หภมู ิ
ของอากาศเหนอื น้าทะเล และลดลงมากกวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนอื น้า
3. จากกจิ กรรมน้ี ค้นพบอะไรบา้ งเกย่ี วกบั การเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ิของอากาศเหนือทราย
และเหนอื นา้

เมอ่ื ใหค้ วามร้อนในเวลาที่เท่ากนั อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื ทรายและเหนอื น้า
มกี ารเปล่ียนแปลงแตกตา่ งกนั ดงั น้ี อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนอื ทรายจะเพิ่มข้นึ รวดเร็ว และ
เพมิ่ ขนึ้ มากกวา่ อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื น้า

เมื่อหยดุ ใหค้ วามร้อนในเวลาทเี่ ทา่ กนั อุณหภูมขิ องอากาศเหนอื ทรายและเหนือน้า
มีการเปลย่ี นแปลงแตกตา่ งกัน ดังนี้ อณุ หภมู ิของอากาศเหนอื ทรายจะลดลงรวดเร็ว
และจะลดลงมากกวา่ อุณหภูมิของอากาศเหนอื น้า

ตอนท่ี 2

1. การเกิดลมบก ลมทะเล แตกต่างกันอย่างไร
ลมบก ลมทะเล มีหลักการเกดิ เหมือนกัน คือ เกิดจากความแตกต่างระหวา่ งอุณหภูมิ

ของอากาศเหนือพืน้ ดนิ บรเิ วณชายฝง่ั และอุณหภูมขิ องอากาศเหนือ พ้ืนทะเล ส่วนสิ่งที่
แตกต่างกนั คอื ชว่ งเวลาที่เกดิ และทศิ ทางการเคลือ่ นท่ขี องอากาศระหว่างพ้ืนดนิ บริเวณ
ชายฝงั่ และพื้น

2. ลมบก ลมทะเล มีผลต่อสงิ่ มชี วี ติ และส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งไรบ้าง
ลมบก ลมทะเล มผี ลทาให้บรเิ วณชายฝงั่ มลี ดพัดเกอื บตลอดเวลา มีผลต่อ

การเดินเรอื ของชาวประมง มีผลตอ่ ปริมาณความช้นื ในอากาศ และอุณหภูมิของอากาศ
ตรงบริเวณชายฝงั่ และมีผลต่อการกดั เซาะชายฝั่ง

-32-

3. จากกิจกรรมนี้ ค้นพบอะไรบา้ งเกี่ยวกับลมบก ลมทะเล
ลมบก ลมทะเล มีหลกั การเกิดเหมอื นกนั สว่ นสงิ่ ทแ่ี ตกตา่ งกัน คือ ชว่ งเวลาทเ่ี กิด

และทศิ ทางการเคลอื่ นทีข่ องอากาศ และมผี ลทาให้บรเิ วณชายฝง่ั มลี มพัดเกือบตลอดเวลา
และมีผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และสิง่ แวดลอ้ มตรงบริเวณชายฝงั่

4. จากสิ่งทคี่ ้นพบท้งั สองตอน สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร
ลมบก ลมทะเล มหี ลกั การเกดิ เหมือนกนั แตเ่ กดิ ในชว่ งเวลาที่แตกต่างกนั และ

มีทศิ ทางการเคลอื่ นทข่ี องอากาศแตกตา่ งกัน
ลมบก ลมทะเล มีผลทาให้บรเิ วณชายฝงั่ มลี มพัดเกอื บตลอดเวลา มผี ลตอ่

การเดนิ เรือของชาวประมง มีผลตอ่ ปริมาณความชนื้ ในอากาศและอุณหภมู ขิ องอากาศ
บรเิ วณชายฝงั่ และมผี ลตอ่ สิง่ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ มตรงบริเวณชายฝง่ั

-33-

แบบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 3 การเกดิ มรสมุ เกีย่ วข้องกับฤดขู องประเทศไทยอย่างไร

จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม ทากจิ กรรมนี้เพือ่
1. อธิบายการเกิดมรสุมจากแบบจาลอง
2. รวบรวมขอ้ มลู และอธบิ ายผลของมรสมุ ต่อการเกดิ ฤดูของประเทศไทย และผลท่ีมี

ต่อส่ิงมชี ีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
3. เปรียบเทียบการเกดิ ลม ลมทะเล และมรสมุ จากแบบจาลอง
บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม

ผลการอภปิ ราย ทาเครือ่ งหมาย  ลงใน  หนา้ ข้อความท่ีเลือก พร้อมบอกเหตุผล

อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือพน้ื ทวีปและเหนือพ้นื มหาสมุทร เมื่อโลกเอียงขัว้ โลกเหนอื
เข้าหาดวงอาทิตย์

 เหมอื นกนั  แตกต่างกนั
เพราะ เมือ่ โลกเอียงขั้วโลกเหนือเขา้ หาดวงอาทิตยจ์ ะทาใหซ้ ีกโลกเหนอื มอี ณุ หภูมสิ งู กวา่ ทาง
ซีกโลกได้ อากาศเหนือพ้ืนทวีปทางซกี โลกเหนอื จงึ มีอณุ หภูมสิ งู กวา่ อุณหภมู ิของอากาศ
เหนือพ้ืนมหาสมทุ รทางซกี โลกใต้

การพยากรณ์ เขยี นลูกศรให้หัวลกู ศรแสดงทศิ ทางทอ่ี ากาศเคลื่อนทไ่ี ปลงในรปู
พร้อมบอกเหตผุ ล

การเคลอื่ นท่ขี องอากาศเหนือพ้ืนทวปี และเหนอื พ้นื มหาสมทุ รเมอื่ โลกเอียงขัว้ โลกเหนอื
เขา้ หาดวงอาทิตย์

เพราะ อากาศเหนือพนื้ ทวีปซึง่ มี
อุณหภมู ิสูงกวา่ จะเคล่อื นท่สี ูงข้นึ
และอากาศเหนอื พื้นมหาสมทุ ร
ซ่งึ มอี ุณหภมู ิตา่ กว่าจะเคลอื่ นเขา้ มา
แทนที่

มรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้

-34-

ผลการอภปิ ราย ทาเครื่องหมาย  ลงใน  หนา้ ขอ้ ความท่ีเลอื ก พร้อมบอกเหตุผล

อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือพืน้ ทวปี และเหนอื พ้นื มหาสมทุ ร เมือ่ โลกเอียงขั้วโลกเหนอื
ออกจากดวงอาทติ ย์

 เหมอื นกนั  แตกต่างกัน
เพราะ เมื่อโลกเอียงข้วั โลกเหนือออกจากดวงอาทิตย์ จะทาให้ซกี โลกเหนอื มอี ณุ หภูมิตา่ กว่า
ทางซกี โลกใต้ อากาศเหนอื พื้นทวีปทางซีกโลกเหนอื จงึ มีอณุ หภมู ติ ่ากวา่ อุณหภูมิของอากาศ
เหนอื พ้นื มหาสมุทรทางซกี โลกใต้

การพยากรณ์ เขียนลูกศรใหห้ ัวลกู ศรแสดงทศิ ทางทีอ่ ากาศเคลอ่ื นท่ีไปลงในรปู
พร้อมบอกเหตุผล

การเคล่ือนที่ของอากาศเหนอื พื้นทวีปและเหนอื พื้นมหาสมทุ รเมื่อโลกเอยี งขว้ั โลกเหนอื
ออกจากดวงอาทิตย์

เพราะอากาศเหนอื พน้ื มหาสมทุ ร ซงึ่ มี
อณุ หภูมสิ งู กวา่ จะเคลื่อนท่ีสงู ขึน้
และอากาศเหนือพน้ื ทวปี มอี ณุ หภมู ิ
ตา่ กวา่ จะเคลอ่ื นทเ่ี ข้ามาแทนท่ี

มรสุมตะวันออกเฉียงเหนอื

ผลการอภิปราย

ตาราง ผลของมรสุมและช่วงเปลี่ยนมรสมุ ตอ่ การเกดิ ฤดูของประเทศไทย

มรสมุ และช่วงเปล่ยี นมรสมุ ฤดขู องประเทศไทยทีเ่ กิดข้ึน ช่วงเวลาท่ีเกดิ

มรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ ฤดหู นาว กลางเดอื นตลุ าคม ถึง
เดือนกุมภาพันธ์

มรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ ฤดูฝน กลางเดอื นพฤษภาคม ถงึ
กลางเดือนตุลาคม

ช่วงเปล่ยี นมรสุมหรอื ได้รับผล ฤดรู อ้ น กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถงึ
จากมรสมุ ลดลง เดอื นพฤษภาคม

-35-

ผลของมรสุมทมี่ ตี ่อสิ่งมชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
- มรสมุ มีผลต่อการเกิดฤดขู องประเทศไทย
- มีผลตอ่ ปรมิ าณฝนและอุณหภมู ขิ องอากาศของประเทศไทย
- มีผลตอ่ การออกดอกและตดิ ผลของพืชบางชนดิ
- มีผลทาใหใ้ นบางพื้นทมี่ อี ากาศหนาวเย็น หรอื มีฝนตกหนกั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนอาจทา

ให้เกดิ นา้ ทว่ มฉับพลัน นา้ ปา่ ไหลหลาก
- มผี ลทาใหเ้ กิดการกดั เซาะชายฝงั่

การเปรียบเทยี บการเกดิ มรสุมกบั ลมบก ลมทะเล
 ส่งิ ท่ีเหมอื นกัน

มหี ลกั การเกิดเหมอื นกนั โดยเกดิ จากความแตกต่างระหว่างอณุ หภมู ขิ องอากาศ
เหนอื พนื้ ดนิ และอณุ หภมู ิของอากาศเหนอื พน้ื น้า จึงเกดิ การเคลือ่ นทข่ี องอากาศจากบริเวณ
ท่ีมีอณุ หภูมิสงู
 สง่ิ ทต่ี ่างกนั

- ขนาดของบริเวณท่เี กดิ กลา่ วคอื มรสุมเกดิ เป็นบรเิ วณกว้างระดบั ทวปี ในบรเิ วณ
เขตร้อนของโลก (บริเวณระหวา่ งละตจิ ูด 23.5 องศาเหนอื และละติจูด 23.5 องศาใต)้
ส่วนลมบก ลมทะเล เกดิ ในบริเวณท่ีแคบกวา่ ไดแ้ ก่ บริเวณชายฝง่ั

- ช่วงระยะเวลาการเกิด กล่าวคือ มรสุมแตล่ ะครง้ั จะเกิดต่อเนื่องยาวนานหลายเดอื น
เปน็ ฤดู เป็นลมประจาฤดู สว่ นลมบก ลมทะเล เกิดในช่วงเวลา 1 วนั ในเวลากลางวนั และ
กลางคนื

1. ถา้ ไม่มมี รสมุ จะมผี ลต่อการเกดิ ฤดูของประเทศไทยอยา่ งไร
ถา้ ไมม่ ีมรสมุ ประเทศไทยซ่ึงอยู่เขตร้อนจะไดร้ ับพลังงานความรอ้ นจากดวงอาทติ ย์

มากตลอดทงั้ ปี สง่ ผลใหป้ ระเทศไทยรอ้ นตลอดปี จงึ อาจมีเพียงฤดรู ้อน
2. มรสมุ มีผลตอ่ สิง่ มชี วี ติ และส่งิ แวดลอ้ มอย่างไรบา้ ง

มรสุมมผี ลตอ่ การเกิดฤดขู องประเทศไทย มผี ลต่อปริมาณนา้ ฝนและอุณหภูมิ
ของอากาศของประเทศไทย มีผลต่อการออกดอกและติดผลของพืชบางชนิด มผี ลทาให้ใน
บางพนื้ ท่ีมีอากาศหนาวเย็น หรือมีฝนตกหนกั อย่างต่อเนอื่ ง จนอาจทาใหเ้ กิดนา้ ท่วมฉบั พลัน
น้าป่าไหลหลาก และมีผลตอ่ การกัดเซาะชายฝง่ั

-36-

3. มรสมุ เหมอื นและแตกตา่ งจากลมบก ลมทะเล อย่างไร
มรสมุ มีทงั้ ส่ิงทเ่ี หมอื นและแตกตา่ งจากลมบก ลมทะเล ดังน้ี

- สิ่งที่เหมือนกัน คือ หลักการเกดิ โดยเกดิ จากความแตกตา่ งระหวา่ งอณุ หภมู ิ
ของอากาศเหนอื พืน้ ดินและอณุ หภูมิของอากาศเหนือพื้นนา้

- สิ่งแตกตา่ งกนั คอื ขนาดของบรเิ วณทเี่ กิดและช่วงระยะเวลาการเกดิ โดยลมบก
ลมทะเลเกดิ บริเวณชายฝง่ั สว่ นมรสุมเกิดขน้ึ ในบรเิ วณท่ีมขี นาดใหญ่กวา่ ซง่ึ จะเกิดบริเวณ
เขตรอ้ นของโลก ลมบก ลมทะเล เกดิ ในช่วงเวลา 1 วัน คอื ชว่ งเวลากลางวนั และกลางคนื
สว่ นการเกิดมรสมุ ในแต่ละครง้ั เกิดในช่วงระยะเวลานานต่อเนอื่ งหลายเดอื น

4. จากกจิ กรรมนี้ ค้นพบอะไรบ้างเกยี่ วกับการเกดิ มรสมุ กับฤดขู องประเทศไทย
มรสมุ เกดิ จากความแตกตา่ งระหว่างอณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือพืน้ ทวปี และอุณหภมู ิ

ของอากาศเหนือพนื้ มหาสมุทร มรสมุ มีผลต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย โดยมรสุม
ตะวันออกเฉยี งเหนอื ท่พี ดั ผา่ นประเทศไทย มผี ลให้ประเทศไทยเป็นฤดหู นาว และมรสุม
ตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ่ีพดั ผ่านประเทศไทย มีผลให้ประเทศไทยเป็นฤดูฝน และในชว่ งเปลย่ี น
มรสมุ อุณหภูมขิ องอากาศของประเทศไทยจะเปน็ ผลมาจากพลังงานความรอ้ นจาก
ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ ทาให้ช่วงเวลานขี้ องประเทศไทยเป็นฤดรู อ้ น

5. จากสง่ิ ทค่ี น้ พบ สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
มรสมุ และลมบก ลมทะเล มีหลักการเกิดเหมือนกนั แต่มขี นาดของบรเิ วณที่เกิด

และช่วงระยะเวลาการเกิดแตกต่างกัน ทั้งมรสุม และลมบก ลมทะเล มผี ลตอ่ ส่งิ มีชีวิต
และสิ่งแวดล้อม นอกจากน้ันมรสมุ ยังมีผลต่อการเกดิ ฤดขู องประเทศไทย

-37-

กิจกรรมที่ 4
เร่อื ง ผลของลมบก ลมทะเล และมรสมุ ตอ่ การดาเนินชีวติ

ช่ือ – สกลุ ..................................................................ชน้ั ...................เลขที่.............
อา่ นขอ้ มลู ตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคาถามขอ้ 1-2

กราฟอณุ หภูมิของอากาศเหนอื พ้ืนดินบริเวณชายฝ่ังและเหนือพืน้ ทะเลในพ้นื ท่ีแหง่ หนึ่ง
ตง้ั แต่เวลา 09:00 –23:00 น. เปน็ ดังน้ี

1. ชว่ งเวลา 09:00-16:00 น. แฃะช่วงเวลา 18:00-23:00 น. น่าจะเกิดลมชนิดใด ตามลาดับ
เพราะเหตุใด

- ช่วงเวลา 09:00-16.00 น. โดยประมาณ จะเกิดลมทะเล เพราะจากกราฟอากาศ
เหนอื พืน้ ดนิ บริเวณชายฝั่งมีอณุ หภมู สิ งู กว่าจะเคล่อื นท่ีสงู กว่า และอากาศเหนือพ้ืนทะเล
ซง่ึ มีอณุ หภมู ิตา่ กวา่ จะเคล่อื นเข้ามาแทนท่ี ทาให้เกิดลมทพ่ี ัดจากทะเลเข้าสู่ชายฝงั่

- ช่วงเวลา 18:00-23.00 น. โดยประมาณ จะเกดิ ลมบก เพราะจากกราฟอากาศ
เหนอื พ้ืนทะเลมอี ณุ หภูมสิ งู กว่าจะเคล่ือนท่สี งู ข้ึน และอากาศเหนอื พ้นื ดินบริเวณชายฝงั่
ซึ่งมอี ุณหภมู ติ า่ กว่าจะเคลอ่ื นเขา้ มาแทนที่ ทาใหเ้ กิดลมทพ่ี ัดจากชายฝงั่ ออกสู่ทะเล

-38-

2. ถา้ จะนาเรอื ออกจากฝ่ัง ควรนาเรือออกในช่วงเวลาใด เพือ่ ใหป้ ระหยัดพลังงานเชือ้ เพลิง
มากทีส่ ดุ

ถา้ ต้องการนาเรอื ออกจากฝงั่ ใหป้ ระหยัดพลังงานเชือ้ เพลิง ต้องอาศัยลมบก
ชว่ ยพัดเรอื ซ่ึงต้องออกเรือในช่วงเวลากลางคืน

3. ถา้ วางแผนไปเที่ยวทะเลภาคใต้ฝง่ั ตะวนั ตกของประเทศไทย ควรจะไปเดือนใด เพราะเหตใุ ด
ควรไปช่วงกลางเดอื นตุลาคมถงึ เดอื นกมุ ภาพันธ์ เพราะช่วงเวลาดงั กล่าวแมจ้ ะไดร้ ับ

มรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื แต่จะมีผลต่อชายฝงั่ ทะเลตะวนั ออกของประเทศไทย ชายฝง่ั ทะเล
ภาคใตฝ้ งั่ ตะวนั ตกจะได้รบั ผลจากมรสุมน้อย คลน่ื ทะเลไมร่ ุนแนง และช่วงกลางเดือน
กมุ ภาพนั ธก์ ย็ ังอย่ใู นช่วงเปลย่ี นมรสุม คลื่นทะเลไมร่ นุ แนงเช่นเดียวกัน เหมาะกับ
การทอ่ งเทีย่ วทางทะเล

4. ถ้ากรมอตุ ุนยิ มวทิ ยารายงานว่า ปนี ป้ี ระเทศไทยจะได้รบั ผลจากมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนอื
ยาวนานกว่าทุกปี เกษตรกรในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ควรวางแผน
การใชน้ ้าเพื่อการเกษตรอย่างไร เพราะเหตุใด

ควรช้าน้าอยา่ งประหยดั และควรสารองนา้ ไว้ใชด้ ว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ ท่ีเหมาะสม เช่น
การขดุ สระ เพราะมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือเปน็ ลมท่พี ัดมาจากทางตอนเหนือของประเทศ
จนี ซึ่งเป็นลมทม่ี อี ุณหภูมิต่าและมคี วามชน้ื น้อย ซ่งึ จะมีผลต่อปรมิ าณฝนตกน้อยลง
ตามไปด้วย และควรเลือกชนิดพืชท่ปี ลกู ให้เหมาะสมกบั สภาพอากาศทีจ่ ะมีอณุ หภูมติ ่า
และมคี วามช้นื ในอากาศน้อย

-39-

แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

คาสง่ั ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ถี กู ทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเคร่ืองหมาย
กากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ

1. พายุท่ีพัดผา่ นประเทศกมั พูชามคี วามเร็วสงู สดุ ใกล้ศูนย์กลาง 120 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง
แสดงวา่ เป็นลมพายุประเภทใด

ก. พายุไตฝ้ ุ่น
ข. พายโุ ซนร้อน
ค. พายดุ เี ปรสชนั
ง. พายทุ อร์นาโด

2. การพยากรณ์ใดเปน็ การเตือนภยั ใหก้ บั ประชาชนได้ดีท่ีสุด
ก. การบอดถงึ ปรมิ าณน้าฝนเฉลย่ี ใน 1 ปี
ข. การบอดเวลาขน้ึ และตกของดวงอาทิตย์
ค. การประกาศใหท้ ราบล่วงหนา้ เกย่ี วกับสึนามิ
ง. การบอกอุณหภูมสิ งู สุดและตา่ สุดในรอบวนั

3. จากพยากรณ์อากาศ “ประเทศไทยมคี วามกดอากาศตา่ ” แสดงว่าอากาศ
ในประเทศไทยเป็นอย่างไร

ก. มีอณุ หภูมิต่า
ข. มีอณุ หภูมิสูง
ค. เกิดพายุฝนฟา้ คะนอง
ง. อากาศสงบเงียบ

4. ถ้าโลกเราไมม่ ีบรรยากาศห่อหมุ้ อณุ หภูมิในช่วงกลางวนั และกลางคนื จะเป็นอย่างไร
ก. อุณหภูมชิ ว่ งกลางวันสูงมาก และกลางคืนสงู มาก
ข. อณุ หภูมิชว่ งกลางวนั ต่ามาก และกลางคืนสงู มาก
ค. อุณหภมู ิชว่ งกลางวันสูงมาก และกลางคืนตา่ มาก
ง. อุณหภูมชิ ่วงกลางวนั และกลางคนื มคี า่ คงท่ีและเท่ากนั

-40-

5. ขอ้ ใดต่อไปน้ไี มใ่ ชส่ าเหตุการเกิดลมบก ลมทะเล
ก. ปรากฏการณ์ขา้ งขึน้ ขา้ งแรม จากดวงจันทร์
ข. อณุ หภมู ิของอากาศเหนอื พน้ื ดนิ และเหนอื พนื้ นา้
ค. ความสามารถในการรับและคายความร้อนของพ้ืนดนิ และพ้นื นา้
ง. ความกดอากาศทแี่ ตกตา่ งกันระหวา่ งเหนือพน้ื ดินและเหนอื พ้ืนน้า

6. สถานที่ใดมีปรมิ าณไอนา้ ในอากาศมากท่สี ุด
ก. ในถา้ ท่มี ีค้างคาวอาศัยอยู่
ข. ในทะเลทราย
ค. ในหอ้ งท่ีติดเครอ่ื งปรับอากาศ
ง. ในสวนปา่ อุทยานแห่งชาติ

7. นกั เรยี นสังเกตบนท้องฟา้ พบเมฆสีดาก่อตวั ในแนวตงั้ หนาทึบ มยี อดเป็นรูปทง่ั
แสดงวา่ ลักษณะอากาศจะเป็นอยา่ งไร

ก. กาลงั มฝี นตกปรอย ๆ
ข. กาลงั มีพายุฝนฟ้าคะนอง
ค. มหี มอกลงจดั และกาลังมหี มิ ะตก
ง. จะเกดิ ปรากฏการณ์พระอาทิตยท์ รงกลด

8. ในตอนเช้ามดื นกั เรยี นจะสังเกตเห็นหมอกเกิดขน้ึ เหนือพน้ื ดิน ข้อใดอธิบาย
การเกดิ หมอกไดถ้ ูกตอ้ ง

ก. มีฝุน่ ละอองในอากาศมาก
ข. อากาศมีความชืน้ สมั พัทธต์ า่
ค. มอี ากาศเย็นอยู่เหนอื อากาศร้อน
ง. มไี อนา้ ในอากาศสูงและอากาศเย็น

9. สาเหตุทีท่ าใหเ้ กดิ ลมบก ลมทะเล คืออะไร
ก. ความจุความรอ้ นและการคายความร้อนระหว่างพ้ืนดนิ และพืน้ น้า
ข. ความกดอากาศบนพ้ืนดินและพืน้ น้าเทา่ กนั
ค. ความช้นื ระหวา่ งพ้ืนดนิ และพ้นื นา้
ง. ความสูงต่าระหว่างพน้ื ดินและพน้ื นา้

-41-

10. ตอนเชา้ ท่มี ีหมอกลงจัดมผี ลต่อทัศนวสิ ัยในการขบั ขย่ี านพาหนะ เพราะเหตใุ ด
ก. ทาใหม้ องเหน็ ถนนได้ในระยะใกล้ ๆ เท่านัน้
ข. มลี มพายุทาให้มีหมอกจงึ อนั ตรายตอ่ การขับขี่
ค. แสงแดดทส่ี ่งกระทบหมอก ทาใหม้ องไมเ่ ห็น
ง. ทกุ ขอ้ ทกี่ ล่าวมา

-42-

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน
เร่ือง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

คาช้ีแจง

1. เกณฑก์ ารประเมิน แบบทดสอบมีจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน ดงั นี้

2. ระดบั คุณภาพ ดี หมายถึง ได้คะแนน 8 - 10 คะแนน

พอใช้ หมายถึง ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน

ปรับปรุง หมายถึง ได้คะแนน 0 - 4 คะแนน

ขอ้ คาตอบ
1ก
2ง
3ข
4ง
5ก
6ค
7ข
8ค
9ก
10 ก

-43-

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
เร่ือง ลมบก ลมทะเล และมรสมุ

คาช้ีแจง

1. เกณฑก์ ารประเมิน แบบทดสอบมีจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน ดงั นี้

2. ระดบั คุณภาพ ดี หมายถงึ ไดค้ ะแนน 8 - 10 คะแนน

พอใช้ หมายถงึ ได้คะแนน 5 - 7 คะแนน

ปรับปรุง หมายถึง ไดค้ ะแนน 0 - 4 คะแนน

ขอ้ คาตอบ
1ก
2ค
3ข
4ค
5ก
6ง
7ข
8ง
9ก
10 ก

บรรณานกุ รม -44-

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มอื ครู รายวิชา
พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เลม่ 2. กรุงเทพฯ :
สกสค. ลาดพร้าว, 2563.

. หนังสอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6
เลม่ 2. กรุงเทพฯ : สกสค. ลาดพร้าว, 2563.

เพญ็ พักตร์ ภู่ศลิ ป์ และ พลอยทราย โอฮาม่า. หนังสือเรียน รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เลม่ 2. กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจริญทัศน์ จากดั ,
2563.

ลมมรสุม. [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก scimath.org/article/item/2111-i-do-not-know.
1 กันยายน 2564.


Click to View FlipBook Version