คู่มือการประเมินกลาสโกว์โคม่าสกอร์
(Glasgow Coma Score: GCS)
ในห้องผู้ป่วยหนักรวม
จัดทำโดย
นางสาวปุณยวีร์ ศรีศักดิ์เพ็ชร
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
ห้องผู้ป่วยหนักรวม
โรงพยาบาลกำแพงเพชร
สารบัญ หน้า
เร)ือง 1
คาํ นาํ 4
ความหมายของกลาสโกวโ์ คม่าสกอร์ (Glasgow Coma Score: GCS) 5
คาํ อธิบายการประเมินความสามารถในการลืมตา (Eye opening/ E) 5
ขอ้ ควรระวงั ในการประเมินความสามารถในการลืมตา. 6
คาํ อธิบายการประเมินการประเมินตอบสนองโดยคาํ พดู (Verbal response/V) 6
ขอ้ ควรระวงั การประเมินการประเมินตอบสนองโดยคาํ พดู 8
คาํ อธิบายการประเมินการตอบสนองโดยการเคลBือนไหว (Motorresponse/M) 9-12
ขอ้ ควรระวงั การประเมินการตอบสนองโดยการเคลBือนไหว.
หลกั เกณฑ์ ขFนั ตอนและวธิ ีการใชก้ ลาสโกวโคมาสเกลในการประเมินผปู้ ่ วย
คาํ นํา
การประเมินผปู้ ่ วยทีBมีปัญหาทางระบบประสาทและสมองนFนั มีความสาํ คญั มาก อาทิเช่น ผปู้ ่ วยโรคเนFืองอก
สมอง โรคหลอดเลือดสมอง ผปู้ ่ วยทีBไดร้ ับบาดเจ็บทางศีรษะ เป็ นตน้ ผปู้ ่ วยเหล่านFีตอ้ งไดร้ ับการช่วยเหลือ
อยา่ งเร่งด่วนและต่อเนืBอง เนBืองจากเป็นภาวะคุกคามต่อชีวิต มิฉะนFนั ผปู้ ่ วยอาจเสียชีวิตหรือพิการอยา่ งถาวร
ปัจจุบนั การใช้แบบประเมินกลาสโกว์โคมาสกอร์ประเมินความรู้สึกตวั ในผูป้ ่ วยทีBมีปัญหาทางระบบ
ประสาทและสมองเป็ นทBียอมรับว่าเป็ นเครBืองมือมาตรฐานระดบั สากล และใช้กนั อย่างแพร่หลาย และ
พยาบาลเป็ นบุคคลสาํ คญั ทBีสุดในการประเมินกลาสโกวโ์ คม่าสกอร์ (Glasgow Coma Score: GCS) เพืBอเฝ้า
ระวงั และติดตามอาการเปลBียนแปลงและภาวะแทรกซ้อนทีBอาจเกิดขFึน ดงั นFันมีความจาํ เป็ นอย่างยิBง ทBี
พยาบาลผูด้ ูแลตอ้ งมีความรู้ความเชีBยวชาญในการประเมิน และสามารถแกไ้ ขปัญหาได้ จากประสบการณ์
ของผเู้ ขียน ในการปฏิบตั ิงานในหอ้ งผปู้ ่ วยหนกั รวมพบวา่ มีสาเหตุปัจจยั ทBีทาํ ใหผ้ ลการประเมินกลาสโกวโ์ ค
มาสกอร์ คลาดเคลBือน กาํ กวม ไม่ตรงกบั แพทย์ และไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกนั ซBึงอาจส่งผลทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วย
ไดร้ ับการดูแลรักษาทBีล่าชา้ ไม่ถูกตอ้ งได้ ดงั นFนั ผเู้ ขียนจึงเห็นความสาํ คญั ของปัญหานFี จึงไดจ้ ดั ทาํ คู่มือการ
ประเมินกลาสโกวโ์ คม่าสกอร์ (Glasgow Coma Score: GCS) ในหอ้ งผปู้ ่ วยหนกั รวมขFึน โดยหวงั เป็นอยา่ งยงิB
จะช่วยในการแกป้ ัญหาดงั กล่าว และช่วยให้การแปลความหมายของคะแนนไดเ้ ทีBยงตรง พยาบาลและมี
ความมนัB ใจในการประเมินมากขFึน
1
การประเมนิ กลาสโกวโคม่าสเกล (Glasgow Coma Scale: GCS)
ความหมาย
กลาสโกวโคม่าสเกล (Glasgow Coma Scale: GCS) คือวธิ ีประเมินความ ผดิ ปกติและความรุนแรงทางระบบ
ประสาทวธิ ีหนBึง ทีBนิยมใชท้ างการแพทยเ์ นืBองจากเป็นวธิ ีทBีไม่ยงุ ยากง่ายต่อการใชแ้ ละสามารถใหบ้ ุคลากร
ทางการแพทยท์ Bีไม่ใช่แพทยป์ ระเมินไดโ้ ดยประเมินลกั ษณะทางคลินิกในการรู้สึกตวั ของผปู้ ่ วยเป็นคะแนน
ดงั นFี การประเมินประกอบดว้ ย
1. E (Eye opening) การประเมนิ การลืมตา
Eye opening แบ่งเป็น 4 ระดบั คะแนนคือจากความ รุนแรง มากได้ 1 คะแนน ไปหาความรุนแรงนอ้ ย/ปกติ
ได้ 4 คะแนน
E1 = 1 คะแนน ไม่ลืมตา (None)
E2 = 2 คะแนน ลืมตาเมืBอไดร้ ับแรงกด (To pressure)
E3 = 3 คะแนน ลืมตาเมBือไดย้ นิ เสียง (To sound )
E4 = 4 คะแนน ลืมตาไดเ้ อง (Spontaneous)
Ec = ตาบวมปิ ด (closed , contusion)
2. V (Verbal response) การประเมนิ การการพูด
Verbal responseแบ่งเป็น 5 ระดบั คะแนนจาก รุนแรงมากได้ 1 คะแนน ไปหารุนแรงนอ้ ย/ปกติได้ 5 คะแนน
คือ
V1 = 1 คะแนน ไม่ออกเสียง ไม่พดู ไม่ส่งเสียงใดๆ (None)
V2 = 2 คะแนน ส่งเสียงอือ อา ไม่เป็นคาํ พดู ไม่เป็นภาษา ไม่มีความหมาย (Sounds)
V3 = 3 คะแนน ส่งเสียงพดู เป็นคาํ ๆ แต่ฟังไม่รู้เรืBอง (Words)
V4 = 4 คะแนน พดู คุยไดแ้ ต่สบั สน (Confused)
V5 = 5 คะแนน ถามตอบรู้เรืBองปกติพดู คุยปกติ ไม่สบั สน (Orientated)
3. M (Motor response) การประเมนิ การเคล)ือนไหวของแขน ขา
แบ่งเป็น 6 ระดบั คะแนนจาก รุนแรงมากได้ 1 คะแนน ไปหารุนแรงนอ้ ย/ปกติได้ 6 คะแนนคือ
M1 = 1 คะแนน ไม่มีการเคลBือนไหว หรือไม่ตอบสนองต่อสBิงกระตุน้ (None)
M2 = 2 คะแนน ตอบสนองต่อการกระตุน้ โดยแขนขาเหยยี ดเกร็ง (Extension)
M3 = 3 คะแนน งอแขนเมืBอถูกกระตุน้ ดว้ ยแรงกด (Normal flexion) หรือเกร็งแขนงอเขา้ หาตวั ผดิ ปกติ
(Abnormal flexion)
M4 = 4 คะแนน ปัดไม่ถูกตาํ แหน่งทีBกระตุน้ /เคลBือนไหวแขนขาอยา่ งไร้ทิศทาง
M5 = 5 คะแนน ทราบตาํ แหน่งทBีถูกกระตุน้ /ปัดสBิงกระตุน้ ถูกตาํ แหน่ง (Localising)
M6 = 6 คะแนน เคลBือนไหวไดต้ ามคาํ สงBั ถูกตอ้ ง (Obeying command)
2
การประเมนิ การตอบสนอง คะแนน
การลืมตา ลืมตาไดเ้ อง (Spontaneous) 4
3
Eye Opening ลืมตาเมืBอไดย้ นิ เสียง (To sound ) 2
1
ลืมตาเมBือไดร้ ับแรงกด (To pressure) 5
4
ไม่ลืมตา (None) 3
2
การตอบสนองโดยคาํ พูด พดู คุยไดไ้ ม่สบั สน (Orientated) 1
Verbal response พดู คุยสบั สน (Confused) 6
5
พดู เป็นคาํ ๆ (Words)
4
ส่งเสียงไม่เป็นคาํ พดู (Sounds) 3
ไม่พดู /ไม่ส่งเสียงใดๆ (None) 2
1
Motor response เคลืBอนไหวไดต้ ามคาํ สงBั (Obeying command)
ทราบตําแหน่ งทBีถูกกระตุ้น/ปั ดสิB งกระตุ้นถูกตําแหน่ ง
(Localising)
ปัดไม่ถูกตาํ แหน่งทีBกระตุน้ /เคลBือนไหวแขนขาอยา่ งไร้ทิศทาง
-งอแขนเมืBอถูกกระตุน้ ดว้ ยแรงกด (Normal flexion)
-เกร็งแขนงอเขา้ หาตวั ผดิ ปกติ (Abnormal flexion)
แขนขาเหยยี ดเกร็ง(Extension)
ไม่มีการเคลืBอนไหว/ไม่ตอบสนองต่อสิBงกระตุน้ (None)
ตารางทBี 1. แสดง การประเมินและใหค้ ะแนน (Glasgow Coma Scale: GCS : EMV)
โดยการแบ่งความรุนแรงของการบาดเจบ็ ทส)ี มองโดยใช้ Glasgow Coma Scale (GCS)
สามารถแบ่งได้ 3 ระดบั ดงั นFี
1.การบาดเจบ็ ทีBศีรษะระดบั เลก็ นอ้ ย (Mild or minor head injury) GCS = 13-15.
2.การบาดเจบ็ ทBีศีรษะระดบั ปานกลาง (Moderate head injury) GCS = 9-12.
3.การบาดเจบ็ ทBีศีรษะระดบั รุนแรง (Severe head injury) GCS < 8.
3
ภาพทBี 1: วธิ ีการประเมินและใหค้ ะแนน Glasgow Coma Scale.
( Elsevier Inc , 2016. )
4
คาํ อธิบายการประเมนิ ทJงั 3 ด้าน
1. การประเมนิ ความสามารถในการลืมตา (Eye opening/ E)
เพBือดูการทาํ งานของศูนยค์ วบคุมความรู้สึกตวั วา่ มีการเสียหนา้ ทBีจากพยาธิสภาพของสมองหรือไม่ โดยแบ่ง
ออกเป็น 4 ระดบั
ไดแ้ ก่
1.1 ลืมตาได้เอง (Spontaneous opening)
โดยไม่ตอ้ งใชส้ Bิงเร้าหรือการกระตุน้ ใดๆ เป็ นการตอบสนองทBีดีทีBสุด แสดงวา่ การทาํ งานของระบบ
ควบคุมความรู้สึกตวั ในกา้ นสมองไม่บกพร่อง แต่ไม่ไดห้ มายความว่าผปู้ ่ วยมีความตBืนตวั (alertness) หรือมี
ความรู้สึกตวั (awareness) เพราะผูป้ ่ วยสภาพผกั เรFือรัง(persistent vegetative state) บางรายลืมตาไดเ้ องโดย
ปราศจากความรู้สึกตวั
1.2 ลืมตาเม)ือได้ยนิ เสียง (Eye opening to sound)
เป็นการตอบสนองต่อเสียง ซBึงรวมถึงเสียงดงั ใดๆ ทีBทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยลืมตา โดยไม่จาํ เป็นตอ้ งเป็นคาํ สงัB ให้
ลืมตาเท่านFันผูป้ ่ วยบางรายอาจมีการตอบสนองได้ดีขFึนหากเสียงกระตุ้นนFันเป็ นเสียงของสมาชิกใน
ครอบครัวทBีผปู้ ่ วยคุน้ เคย
1.3 ลืมตาเม)ือได้รับแรงกด (Eye opening to pressure)
หากผปู้ ่ วยไม่มีการตอบสนองต่อเสียง จะใชก้ ารกระตุน้ โดยการสัมผสั หรือเขยา่ บริเวณบ่าของผปู้ ่ วย
หากยงั ไม่มีการตอบสนองจะกระตุน้ โดยใช้แรงกด (to pressure) บริเวณปลายนิFวมือ (tip of finger) หรือ
บริเวณดา้ นขา้ งนิFวมือส่วนขอ้ ต่อนิFวมือทBีสองหรือสาม หรือการเพBิมระดบั แรงกดบริเวณกลา้ มเนFือหลงั คอ
(trapezius muscle) และการกดบริเวณรอยบากเหนือเบา้ ตา (supraorbital notch) ซBึงการใชแ้ รงกดบริเวณรอย
บากเหนือเบา้ ตานFนั ตอ้ งแน่ใจวา่ ผปู้ ่ วยไม่มีการบาดเจบ็ บริเวณเบา้ ตาหรือมีกระดูกหกั บริเวณใบหนา้ สาํ หรับ
ผปู้ ่ วยทีBมีเบา้ ตาบวมไม่สามารถลืมตาได้ ไม่จาํ เป็นตอ้ งเปิ ดตาเพBือทาํ การประเมิน
ภาพทBี 2. ตาํ แหน่งสาํ หรับการกระตุน้ ทางกาย
( Hollick, 2016.)
5
ข้อควรระวงั ในการประเมนิ ความสามารถในการลืมตา
ลืมตาไดเ้ อง หมายถึง สามารถยกหนงั ตาบน ไดแ้ ละรับรู้สิBงแวดลอ้ มรอบตวั เพราะฉะนFนั ผูป้ ่ วย
หลบั อยเู่ มืBอปลุกแลว้ ตืBนง่ายและรับรู้สBิงแวดลอ้ ม รอบตวั กถ็ ือวา่ ลืมตาไดเ้ อง
1. ผูป้ ่ วยบาดเจ็บทBีตา ดว้ ยตาขา้ งทBีบวมลืมไม่ได้ ในทางปฏิบตั ิไม่ตอ้ ง ประเมินการลืมตาขา้ งนFนั
รอจนกวา่ จะลืมตาได้ และใหบ้ นั ทึกวา่ C (close) หมายถึงตาบวมปิ ด และใหน้ บั คะแนนของตาขา้ งทBีดีทBีสุด
เพียงขา้ งเดียว
2. ผูป้ ่ วยไดร้ ับยาคลายกลา้ มเนFือหรือยานอนหลบั ก็จะทาํ ให้ผลการประเมินกาํ กวม ควรบนั ทึก
รายละเอียดในการใหย้ าคลายกลา้ มเนFือหรือ ยานอนหลบั ดว้ ย
3. ผูป้ ่ วยทBีมีนFาํ ตาไหลซึมตลอดเวลา และไม่สามารถขยFีตา ให้เมือกเหนียวขาวทBีขอบตาหลุด
ออกมาได้ จะลืมตาไดล้ าํ บากกวา่ ปกติ จึงตอ้ งเช็ดเมือกออกก่อน แลว้ จึงใชน้ ิFวมือเปิ ดเปลือกตาผปู้ ่ วยออกจาก
กนั ก่อนประเมินการลืมตา
2. การประเมนิ ตอบสนองโดยคาํ พูด (Verbal response/V)
เป็นการวดั การทาํ งานของสมองส่วนสงBั การของศูนยป์ ระสาทสูง (higher cortical function) ซBึงจาํ แนกเป็น
5 ระดบั คือ
2.1 การพูดคุยได้ไม่สับสน (Orientated)
จะพิจารณาจากการทBีผปู้ ่ วยสามารถตอบคาํ ถามไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจนอยา่ งนอ้ ย 3 ขอ้ คือ บุคคล สถานทีB
และเวลา โดยใชค้ าํ ถามดงั นFี คาํ ถาม ดงั นFี
บุคคล : คุณชBืออะไร หรือ คุณเกิดเมืBอไร
สถานทBี : ขณะนFีคุณอยทู่ ีBไหน หรือ สถานทBีนFีชBืออะไร
เวลา: เดือนนFีเดือนอะไร หรือปี นFีปี อะไร
หลีกเลีBยงการใชค้ าํ ถามนาํ หรือคาํ ถามทBีตอ้ งอาศยั ความแม่นยาํ จริงๆ เป็นตน้ วา่ การระบุวนั ทีB เวลาหรือ
ตวั เลข เช่น เบอร์โทรศพั ท์ เพราะโอกาสผดิ มีมากแมใ้ นคนปกติ ซBึงจะทาํ ใหแ้ ปลความหมายผดิ ได้
2.2 พูดคุยสับสน (Confused)
กรณีทีBผปู้ ่ วยตอบคาํ ถาม 1 ใน 3 ขอ้ ตามทBีกล่าวมาแลว้ ไม่ถูกตอ้ ง หรือสืBอสารดว้ ยวลีหรือประโยคทBี
ไม่สอดคลอ้ งกนั ถือวา่ "พดู คุยสบั สน" แต่หากผปู้ ่ วยเพิBงถูกส่งตวั เขา้ รับการรักษาโดยไม่รู้วา่ เป็นสถานทีBใด
หรือรับยา้ ยมาจากโรงพยาบาลอืBนซBึงอาจทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยยงั คงมีอาการสบั สนเกีBยวกบั สถานทBีเดิมอยบู่ า้ ง ควรให้
ผปู้ ่ วยไดร้ ับทราบเกีBยวกบั บุคคล สถานทBีและเวลาทีBถูกตอ้ ง พร้อมสร้างความมนBั ใจใหแ้ ก่ผปู้ ่ วย และกลบั มา
ชกั ถามผปู้ ่ วยเกBียวกบั ขอ้ มูลทBีไดร้ ับในการประเมินครFังต่อไป
6
2.3 พูดเป็ นคาํ ๆ (Words)
หากผปู้ ่ วยพดู โดยไม่มีโครงสร้างของประโยคหรือวลีใหถ้ ือเป็น "คาํ " (words)ซBึงเป็นการใชศ้ พั ท์
ใหม่แทนการใชค้ าํ อธิบายเดิมคือ "พดู คุยไม่รู้เรืBอง" (inappropriate speech) เพราะคาํ อธิบายเดิมอาจตอ้ งมีการ
แปลความหมายหรือขยายความต่อไปวา่ ไม่รู้เรBืองอยา่ งไร
2.4 ส่งเสียงแต่ไม่เป็ นคาํ พูด (Sounds)
เช่น ร้องครวญครางหรือส่งเสียงอืออาไม่เป็นภาษาเมBือไดร้ ับการกระตุน้ ถือเป็น "ส่งเสียงแต่ไม่เป็น
คาํ พดู (Sounds)" ซBึงเป็นศพั ทใ์ หม่แทนการใชค้ าํ อธิบายเดิม คือ "ส่งเสียงอืออาไม่เป็นคาํ พดู หรือพดู ไม่เป็น
ภาษา (incomprehensible speech)"ในมาตรวดั ปี ค.ศ.1974
2.5 ไม่ส่งเสียงใดๆ (None)
หากผปู้ ่ วยไม่พดู หรือไม่ส่งเสียงใดๆ ถือวา่ ไม่มีการตอบสนอง แต่หากพบวา่ ผปู้ ่ วยมีความตืBนตวั แต่
พดู คุยไม่รู้เรืBองหรือไม่สามารถสBือสารไดอ้ าจตอ้ งพิจารณา โดยเฉพาะผปู้ ่ วยทีBมีแขนขาขา้ งขวาอ่อนแรงและ
ผลรังสีวนิ ิจฉยั พบสมองชิกซา้ ยซBึงเป็นตาํ แหน่งของศูนยค์ วบคุมการพดู ถูกทาํ ลาย
ข้อควรระวงั ในการประเมนิ การลืมตา
1. รายทีBบาดเจบ็ บริเวณใบหนา้ หรือมีพยาธิ สภาพของสมองถา้ ผปู้ ่ วยพดู ไม่ได้ แต่สBือสาร ดว้ ยวธิ ีอBืนรู้เรBือง
เช่น ภาษามือ หรือภาษาเขียน บนั ทึกผลการสืBอภาษาตามทีBประเมินได้ เช่น ส่งเสียงไม่เป็นคาํ พดู ให้ 2
คะแนน
2. ควรบนั ทึกรายละเอียดดว้ ยวา่ สBือสารไดแ้ ต่พดู ไม่ไดส้ Bือสารกนั คนละภาษา สBือสารดว้ ยภาษาถิBน ใส่ท่อ
ช่วยหายใจ เจาะคอ ไดร้ ับยาคลายกลา้ มเนFือหรือยานอนหลบั
3. การประเมินการสBือภาษา ใชค้ าํ ถามง่ายๆ เพBือดูวา่ สามารถตอบเกีBยวกบั บุคคล กาลเวลา และสถานทีB
ถูกตอ้ งหรือไม่ เช่น ถามชืBอ เดือน สถานทีBปัจจุบนั ทีBอยู่ ถา้ ผปู้ ่ วยตอบผดิ แม้ 1 คาํ ตอบ จาก 3 คาํ ตอบ กถ็ ือวา่
ผปู้ ่ วยพดู คุยไดแ้ ต่สบั สน ถึงแมว้ า่ จะพดู เป็นวลีหรือประโยคทีBเขา้ ใจได้ แต่ถา้ ผปู้ ่ วยพดู โดยขาดโครงสร้าง
ประโยคหรือวลี ใหถ้ ือวา่ พดู เป็นคาํ ๆ
4. ในรายผปู้ ่ วย พดู คุยไดไ้ ม่สบั สน สามารถบอกบุคคล กาลเวลา และสถานทีBถูกตอ้ ง แต่ดึงสายนFาํ เกลือ ดึง
สาย สวนปัสสาวะ หรือจะลงจากเตียงตลอดเวลา ให้ 5 คะแนนตามหลกั การของกลาสโกวโ์ คมาสกอร์ ส่วน
อาการสบั สนนFนั อาจเกิดจากภาวะอืBน หรือความรําคาญจากมีสิBงทีBรุกลFาํ เขา้ ไป ในร่างกาย จึงพยายามดึงออก
3. การประเมนิ การตอบสนองโดยการเคล)ือนไหว (Motorresponse/M)
เป็นการวดั การทาํ งานของเปลือกสมองรับความรู้สึกและสงBั การปฐมภูมิ ซBึงเป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั ทีBช่วย
ในการพยากรณ์โรค และประเมินไดย้ ากทีBสุด โดยแบ่งการตอบ สนองออกเป็น 6 ระดบั ไดแ้ ก่
3.1 เคล)ือนไหวได้ตามคาํ สั)ง (Obey commands)
หมายถึง การทีBผปู้ ่ วยตอบสนองเฉพาะต่อคาํ สงBั ไมใช่ปฏิกิริยาตอบกลบั โดยอโั นมตั ิ การใชค้ าํ สงัB จึง
ตอ้ งใหม้ ีความซบั ซอ้ นและระบุการเคลBือนไหวเป็น 2 ตอน ใชร้ ะดบั เสียงดงั เพียงพอและมีความชดั เจน เช่น
7
สงBั ใหผ้ ปู้ ่ วยบีบนิFวมือและปล่อยนิFวมือของผทู้ าํ การประเมิน ใหผ้ ปู้ ่ วยยกแขนขFึนลง หรือใหผ้ ปู้ ่ วยแลบลิFน
ออกแลว้ หดกลบั เป็นตน้ การประเมินในขFนั ตอนนFีจะทาํ การประเมินการเคลBือนไหวของแขนเพราะเชืBอถือ
ไดม้ ากกวา่ การเคลืBอนไหวของขา
3.2 ทราบตาํ แหน่งทถี) ูกกระตุ้นหรือปัดสิ)งกระตุ้นถูกตาํ แหน่ง (localizing)
หมายถึง ผูป้ ่ วยสามารถตอบสนองโดยการเคลBือนไหวแขนขาไปยงั ตาํ แหน่งทีBไดร้ ับการกระตุน้ ถูก
ตอ้ ง หากเป็ นการกระตุน้ บริเวณศีรษะหรือลาํ คอ ผูป้ ่ วยตอ้ งสามารถยกมือขFึนเหนือกระดูกไหปลาร้าได้
ไม่ใช่เพียงยกมือขา้ มไปฝBังตรงขา้ มของร่างกายเท่านFนั ปกติการให้หนา้ กากออกซิเจน (oxygen mask) หรือ
การคาสายยางให้อาหาร (Nasogastric tube/ NG tube) มกั สร้างความรําคาญให้แก่ผูป้ ่ วย ดงั นFันหากผูป้ ่ วย
สามารถยกมือขFึนมาเหนือระดบั คางเพืBอดึงหนา้ กากออกซิเจนหรือสายยางใหอ้ าหารออก ถือว่าผปู้ ่ วยทราบ
ตาํ แหน่งทBีถูกกระตุน้ หรือปัดสBิงกระตุน้ ถูกตาํ แหน่ง
3.3 การเคลื)อนไหวแขนขาอย่างไร้ทศิ ทาง
หรืองอแขนเมBือถูกกระตุ้น เป็ นการงอข้อศอกหรืองอแขนปกติ(normal fexion) หมายถึง ผูป้ ่ วย
ตอบสนองโดยการหดแขนอยา่ งรวดเร็ว ไหล่กางและหมุนออก
3.4 การงอแขนแบบผดิ ปกติ (abnormalflexion หรือ spastic fexion)
เป็ นการหุบแขนและไหล่หมุนเขา้ ดา้ นใน ขอ้ มืองอเขา้ หาตวั และนิFวมือกาํ ลงบนหัวแม่มือขาเหยียด
ซBึงการจาํ แนกความแตกต่างระหวา่ งการงอแขนปกติ และการงอแขนแบบผดิ ปกตินFี อาจเป็นการยากสาํ หรับ
ผทู้ าํ การประเมินทีBมีทกั ษะหรือประสบการณ์นอ้ ย
3.5 แขนขาเหยยี ดเกร็งหรือการเหยยี ดข้อศอก (Extension)
เป็ นการเคลืBอนไหวแบบแขนขาเหยียดเกร็งเมืBอมีสิBงกระตุน้ ผูป้ ่ วยจะเกร็งแขนแนบเขา้ หาลาํ ตวั
ขอ้ ศอกเหยียดเกร็งชิดลาํ ตวั ขอ้ ไหล่หมุนเขา้ หาลาํ ตวั ขอ้ มือหันออกจากลาํ ตวั และนิFวมือกาํ ลงบนหัวแม่
สาํ หรับการใชค้ าํ ศพั ทอ์ Bืนๆ เพืBออธิบายการเคลBือนไหวแขนขาอยา่ งไร้ทิศทาง การงอแขนปกติ หรือการงอ
แขนแบบผิดปกติทีBใชก้ นั โดยทวBั ไปนFนั จะมีความหลากหลาย ซBึงอาจทาํ ให้ผูใ้ ชเ้ กิดความสับสน โดยเฉพาะ
หากคาํ ศพั ทน์ Fนั ไม่มีการนิยาม เช่นเดียวกบั คาํ วา่ "decorticate" และ"decerebrate" ซBึงไม่มีในกลาสโกวโ์ คมา
สเกล จึงควรหลีกเลีBยงการใชค้ าํ ศพั ทด์ งั กล่าว
3.6 ไม่ตอบสนองใดๆ ต่อสิ)งกระตุ้น (None)
หมายถึงผูป้ ่ วยมีแขนขาอ่อนปวกเปี ยกไม่มีการเคลืBอนไหวใดๆแม้ถูกกระตุ้น ซBึงจําเป็ นต้อง
ตรวจสอบดูว่าผูป้ ่ วยเป็ นอมั พาตจากการไดร้ ับยา มีพยาธิสภาพของโรค หรือจากการบาดเจ็บทีBไขสันหลงั
หรือไม่
8
ภาพทBี 3. แสดงการตอบสนองโดยการเคลืBอนไหวใน Glasgow Coma Scale
( Van der Naalk, 2004.)
ข้อควรระวงั ในการประเมนิ การเคลื)อนไหว
1. ผปู้ ่ วยกระดูกหกั หรือบาดเจบ็ แขนขาควร บนั ทึกรายละเอียดดงั กล่าวไว้
2. ผปู้ ระเมินตอ้ งออกแรงมากพอทBีจะทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกเจ็บปวดมาก (response to deep pain) ซBึงทาํ
ไดห้ ลายวิธี เช่น ใชด้ า้ มปากกาหรือดินสอกดโคนเลบ็ ใชน้ ิFวโป้งและ นิFวชFีบีบกลา้ มเนFือไหล่ หรือใชน้ ิFวโป้ง
กดบน กระบอกตาระหวา่ งหวั คิFวทFงั สองขา้ ง
3. การกระตุน้ ใหผ้ ปู้ ่ วยรู้สึกเจบ็ ปวดมาก ในทางปฏิบตั ินิยมกระตุน้ ระบบประสาทส่วนปลาย โดย
ใชด้ า้ มปากกาหรือดินสอกดเลบ็ เพราะเป็นวธิ ีทBีทาํ ใหเ้ กิดรอยเขียวชFาํ นอ้ ยทBีสุด
4. ผลการประเมินกาํ กวม ให้กระตุน้ ระบบประสาทส่วนกลาง ซBึงเป็ นวิธีหนBึงทBีไดผ้ ลดี แต่ทาํ ให้
เกิดรอยเขียวชFาํ ให้เห็นได้ เช่น การบีบกลา้ มเนFือไหล่ หรือกด บนกระบอกตาระหว่างหวั คิFวทFงั สองขา้ ง ถา้
ผปู้ ่ วย พยายามเอามือมาปัด หรือยกขFึนมาบริเวณ ทีBถูกกระตุน้ ไดแ้ สดงวา่ ทราบตาํ แหน่งทBีเจบ็
5. การประเมินโดยกดบนกระบอกตาระหว่างหวั คิFว ทFงั สองขา้ ง หรือบีบกลา้ มเนFือไหล่ ประเมิน
ไดผ้ ลแน่นอน แต่การกดบนกระบอกตาระหวา่ งหวั คิFวทFงั สองขา้ ง ไม่ควรทาํ ในรายทีBกระบอกตาบวม
6. ในรายทBีไดผ้ ลกาํ กวมควรบนั ทึกรายละเอียดดว้ ยวา่ กระตุน้ ระบบประสาทส่วนกลางดว้ ยวธิ ีใด
9
7. ถา้ ผปู้ ่ วยอ่อนแรงหรือเป็นอมั พาต ควรกระตุน้ ซีกทีBอ่อนแรงหรือเป็นอมั พาต เพืBอจะไดส้ งั เกตดู
การเคลBือนไหวของแขนขาขา้ งทBีดีไดช้ ดั เจน
8. เกณฑใ์ นการประเมินระหวา่ งชกั แขน ขาหนี เมืBอเจบ็ และแขนงอผดิ ปกติ มีดงั นFี
8.1 การชกั แขนขาหนีเมBือเจ็บ ผูป้ ่ วยจะตอบสนองต่อความเจ็บปวดเร็ว และตอบสนองต่อ
ความเจ็บปวดในท่าต่างๆทBีไม่เหมือนกนั ตลอดจนตอบสนองต่อความเจ็บปวด โดยแขนเคลืBอนไหว ออก
จากลาํ ตวั
8.2 แขนงอผิดปกติ ผปู้ ่ วยจะตอบสนองต่อความเจ็บปวดชา้ และตอบสนองต่อความเจ็บปวด
ในท่าเดียวกนั โดยแขนเคลืBอนไหวผา่ นหนา้ อก ขาจะเหยียด ปลายแขนหมุนเขา้ หาลาํ ตวั รูป คลา้ ยตวั C นิFว
มือกาํ แน่น
9. ถา้ ผูป้ ่ วยมีรีเฟลกซ์กาํ มือ (grasping reflex) ผูป้ ระเมินไม่ควรให้ผูป้ ่ วยกาํ นิFวมือของผูป้ ระเมิน
เพราะอาจแยกไม่ออกระหว่างทาํ ตามคาํ สBังกบั รีเฟลกซ์กาํ มือ ควรประเมินโดยดูการกรทาํ สัมพนั ธ์กบั คาํ สัBง
ง่าย ๆ เช่น ลืมตา หลบั ตา กาํ มือ แบมือ ชูนิFวชFี การบนั ทึกจะใชก้ ารตอบสนอง แขนหรือขาขา้ งทีBดีทีBสุด
หลกั เกณฑ์ ขJนั ตอนและวธิ ีการใช้กลาสโกวโคมาสเกลในการประเมนิ ผู้ป่ วย
การประเมินผปู้ ่ วยโดยใชก้ ลาสโกวโ์ คมาสเกล ประกอบดว้ ย 4 ขFนั ตอน ไดแ้ ก่ การตรวจ (check) การสงั เกต
(observe) การกระตุน้ (stimulate) และการลาํ ดบั คะแนน (rate)
1. การตรวจ (Check)
การตรวจเบFืองตน้ เป็ นสิBงจาํ เป็ นเพืBอหาปัจจยั ทBีอาจแทรกแซงการสBือสาร และ/หรือความสามารถในการ
ตอบสนองของผูป้ ่ วย ซBึงปัจจยั เหล่านFีมีอยู่ก่อนทBีผูป้ ่ วยจะไดร้ ับบาดเจ็บทBีสมอง ผลจากการรักษา ความ
บกพร่องจากการบาดเจ็บ หรือความผิดปกติทBีไม่สัมพนั ธ์กบั การบาดเจ็บของสมอง ซBึงความบกพร่องนFี
รวมถึง ขอ้ จาํ กดั ทBีมีอยกู่ ่อน เช่นความแตกต่างทางดา้ นภาษา วฒั นธรรม ความบกพร่องทางสติปัญญา การ
สูญเสียการไดย้ ิน ความบกพร่องในการพูด หรือการเจ็บป่ วยดว้ ยโรคต่างๆ เช่น โรคหลงลืม หรือความ
ผดิ ปกติทางจิตเวช การดืBมของมึนเมา หรือเสพสารเสพติดผลจากการรักษาทBีไดร้ ับในปัจจุบนั เป็นตน้ วา่ การ
ใส่ท่อช่วยหายใจ การเจาะคอ หรือการไดร้ ับยาบางชนิด เช่นยาสลบ ยากล่อมประสาท ยาคลายกลา้ มเนFือ ยา
รักษาความผดิ ปกติทางจิต การบาดเจบ็ ในอวยั วะอBืน เช่น กะโหลกศีรษะหรือกระดูกรอบดวงแตก ตาบวมปิ ด
การบาดเจ็บในทางเดินหายใจ ไม่สามารถพูดให้ผูอ้ ืBนเขา้ ใจ (dysphasia) อมั พาตครBึงซีก บาดเจ็บไขสันหลงั
บาดเจบ็ แขนขารุนแรง ความผดิ ปกติ
2. การสังเกต (Observe)
การสงั เกต หมายถึงการทีBผทู้ าํ การประเมินตอ้ งคน้ หาพฤติกรรมทีBเกิดขFึนเอง โดยปราศจากการกระตุน้
ใดๆ ในแต่ละองคป์ ระกอบทFงั 3 ดา้ นของมาตรวดั และพฤติกรรมการตอบสนองต่อการกระตุน้ การลืมตา
เนFือหาของคาํ พดู และการเคลืBอนไหวของร่างกายชีกขวาและซา้ ย
10
3. การกระตุ้น (Stimulate)
เริBมจากการกระตุน้ การไดย้ นิ ดว้ ยการพูดระดบั เสียงปกติ หากผปู้ ่ วยไม่ตอบสนองต่อระดบั เสียงปกติ ให้
เพBิมระดบั เสียงดงั มากขFึนหรือตามดว้ ยการตะโกน หลีกเลBียงการสัมผสั ตวั ผปู้ ่ วยขณะทาํ การกระตุน้ ดว้ ยการ
ใชเ้ สียง เพืBอหลีกเลีBยงการใชส้ Bิงกระตุน้ ทBีต่างกนั 2 อยา่ งในเวลาเดียวกนั หากผปู้ ่ วยยงั ไม่มีการตอบสนองจะ
ใชก้ ารกระตุน้ ทางกาย โดยใชแ้ รงกดปลายนิFว กลา้ มเนFือหลงั คอ หรือบริเวณรอยบากเหนือเบา้ ตา (ภาพทBี 2)
โดยผูท้ าํ การประเมินจะเพิBมระดบั ความแรงของการกระตุน้ จนกระทงBั ผูป้ ่ วยมีการตอบสนองต่อสิBงกระตุน้
และจะใชก้ ารตอบสนองทีBดีทีBสุดหรือระดบั สูงสุดซBึงการทBีจะกระตุน้ ผูป้ ่ วยดว้ ยแรงกดใดๆ ตอ้ งอธิบายให้
ญาติผปู้ ่ วยทราบถึงวิธีการทีBใชใ้ นการประเมินผปู้ ่ วยและเหตุผลของการกระทาํ นFนั ก่อนเสมอ ในการกระตุน้
ดว้ ยแรงกดมกั ใชค้ าํ อธิบายว่า บริเวณส่วนปลาย (peripheral) และส่วนกลาง (central) ซBึงหมายถึงตาํ แหน่ง
บนร่างกาย ไม่ไดห้ มายถึงระบบประสาทส่วนปลายหรือระบบประสาทส่วนกลางแต่อยา่ งใด เรBิมจากการ
กระตุน้ บริเวณส่วนปลาย (peripheral stimulus) ซBึงใชเ้ พBือประเมินการลืมตา โดยใชแ้ รงกดบริเวณปลายนิFว
(ภาพทBี 2) หรือการใชป้ ากกากดบริเวณดา้ นขา้ งนิFวมือส่วนขอ้ ต่อนิFวมือทีBสองหรือสามประมาณ 10 วนิ าที ไม่
แนะนาํ การกดโคนเลบ็ ซBึงจะทาํ ใหเ้ กิดรอยชFาํ และทาํ ใหผ้ ปู้ ่ วยคงความไม่สุขสบายโดยไม่จาํ เป็น แมว้ า่ จะพบ
อุบตั ิการการเกิดนอ้ ยมาก รวมทFงั ไม่แนะนาํ การใชข้ อ้ นิFวมือถูบนกระดูกสันอก (sternal rubbing) เพราะจะ
ทาํ ใหเ้ กิดรอยชFาํ และยากต่อการแปลความหมายจากพฤติกรรมการตอบสนองของผปู้ ่ วย สาํ หรับการกระตุน้
ผปู้ ่ วยใหล้ ืมตาไม่แนะนาํ ใหใ้ ชแ้ รงกดบริเวณรอยบากเหนือเบา้ ตาเพราะอาจทาํ ใหผ้ ทู้ าํ การประเมินเขา้ ใจผิด
ไดจ้ ากปฏิกิริยาการตอบสนองทางลกั ษณะสีหนา้ หรือการทBีผูป้ ่ วยหลบั ตาซBึงเป็ นปฏิกิริยาตอบสนองตาม
ธรรมชาติเมืBอมีสิBงกระตุน้ บนบริเวณใบหนา้ หรือสะบดั หนา้ หนีจากสBิงกระตุน้ นFนั สาํ หรับการกระตุน้ บริเวณ
ส่วนกลาง (central stimulation) จะใช้ในการประเมินการตอบสนองโดยการเคลBือนไหวด้วยการบีบ
กลา้ มเนFือหลงั คอ (ภาพทBี 2) ประมาณ 10 วินาที หากผปู้ ่ วยไม่มีการตอบสนองจะใชแ้ รงกดบริเวณรอยบาก
เหนือเบา้ ตา (ภาพทBี 2) ซBึงวิธีการนFีมกั ใช้กับผูท้ าํ การประเมินทีBมีทกั ษะและได้รับการฝึ กอบรมมาแลว้
เนBืองจากดา้ นล่างของคิFวมีรอยเล็กๆ ซBึงมีแขนงของเส้นประสาทใบหนา้ (facial nerve) พาดผ่าน หรือการทีB
ผูป้ ่ วยสะบดั หน้าหนีทาํ ให้นิFวหัวแม่มือทีBกดพลาดไปโดนดวงตาและเกิดการบาดเจ็บขFึนได้ การระบุการ
ตอบสนองโดยการเคลBือนไหวทีBดีทีBสุด ควรทาํ การประเมินการตอบสนองของแขนแต่ละขา้ ง หากการ
ตอบสนองของแขนชา้ ยและขวาแตกต่างกนั ใหใ้ ชก้ ารตอบสนองของแขนขา้ งทีBดีกวา่ ส่วนขา้ งทีBแยก่ วา่ เป็น
การบ่งบอกตาํ แหน่งของสมองทีBถูกทาํ ลาย หากผปู้ ่ วยมีการตอบสนองโดยการเคลBือนไหวแขนทFงั สองขา้ งไป
ยงั ตาํ แหน่งทีBถูกกระตุน้ ถูกตอ้ งในการกระตุน้ ครFังแรก ถือว่าทราบตาํ แหน่งทีBถูกกระตุน้ โดยไม่จาํ เป็ นตอ้ ง
กระตุน้ แขนอีกขา้ งหนBึงซFาํ หรือกรณีผปู้ ่ วยมีการตอบสนองโดยการลืมตาพร้อมชกั มือหนีและส่งเสียงไม่เป็น
คาํ พดู เมืBอถูกกระตุน้ ดว้ ยแรงกดบริเวณปลายนิFว ถือวา่ เป็นการประเมินองคป์ ระกอบทFงั 3 ดา้ นพร้อมกนั โดย
ไม่จาํ เป็ นตอ้ งใชก้ ารกระตุน้ ถึง 3 ครFัง และพึงระลึกเสมอว่าระดบั แรงกระตุน้ ทีBไม่เพียงพออาจนาํ ไปสู่การ
ประเมินทBีคลาดเคลBือนได้
11
4. การลาํ ดบั คะแนน (Rate)
การลาํ ดบั คะแนนจะดาํ เนินการตามเกณฑท์ ีBกาํ หนดไวใ้ นวิธีใช้ ( ตารางทีB 1 ) โดยระบุคะแนนตามระดบั
การตอบสนองสูงสุดทีBสังเกตเห็นในแต่ละดา้ น หากไม่เขา้ เกณฑ์ในระดบั ทีBระบุไว้ จะพิจารณาในลาํ ดบั
ถดั ไปในระดบั คะแนนทีBตBาํ ลงมา จนกระทงัB ถึงระดบั ไม่มีการตอบสนองใดๆในการตอบสนองโดยการ
เคลBือนไหว หากมีการตอบสนองของแขนสองขา้ งไม่เท่ากนั จะให้คะแนนการตอบสนองของแขนขา้ งทBีดี
ทีBสุด เช่น เมืBอกระตุน้ ดว้ ยแรงกดบริเวณปลายนิFว ผปู้ ่ วยมีการตอบสนองโดยงอแขนขวาเขา้ หาตวั (M) และยก
มือซา้ ยขFึนมาปัดบริเวณทBีถูกกระตุน้ (M5) การลาํ ดบั คะแนน คือ 5 คะแนน ไม่ใช่ 4 คะแนน เป็นตน้ แต่หาก
ผูป้ ่ วยไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อการกระตุ้น ต้องระมดั ระวงั อย่างมากเมืBอจะตดั สินใจลาํ ดับคะแนน
โดยเฉพาะผูป้ ่ วยบาดเจ็บไขสันหลงั ทBีมีแขนขาอ่อนแรงทFงั สองขา้ ง (quadriparesis) หรือผูท้ Bีไดร้ ับยาคลาย
กลา้ มเนFือหรือยากล่อมประสาทหากไม่สามารถประเมินการตอบสนองขององคป์ ระกอบในดา้ นใดได้ จะ
บนั ทึกว่าไม่สามารถตรวจสอบได้(not testable) และลงบนั ทึกว่า "NT" แทนการลาํ ดบั คะแนนเท่ากบั 1
เพราะจะทาํ ใหค้ ่าคะแนน GCS score ตBาํ และสร้างความสบั สนใหแ้ ก่ทีมแพทยผ์ รู้ ักษา ผทู้ าํ การประเมินอาจ
ใชก้ ารลงบนั ทึกในแผนภูมิ GCS กรณีตาบวมปิ ด เป็ น C หรือ eye closed ผปู้ ่ วยใส่ท่อช่วยหายใจหรือเจาะ
คอ ลงบนั ทึกเป็ น Tหรือ V-Tube ผลการประเมินจะให้ค่าคะแนนขององคป์ ระกอบแต่ละดา้ น บนั ทึกและ
รายงาน ดว้ ยหมายเลขหรือคะแนนตามทBีกาํ หนด เช่น E = 1 V = 1 M = 1 (E1V1M1),GCS score = 3 เพืBอ
ประโยชน์ต่อการแปลความหมายจากสิBงทีBบนั ทึกในผปู้ ่ วยแต่ละคน ไม่รายงานหรือบนั ทึกเป็นคะแนนรวม
เช่น GCS = 12 แมว้ า่ จะช่วยใหส้ Bือสารไดเ้ ร็วก็ตาม แต่อาจมีความเสีBยงจากการคาํ นวณเลขผิดพลาด และไม่
สามารถรายงานพฤติกรรมการตอบสนองของผปู้ ่ วยทีBเตม็ รูปแบบไดก้ ารทBีได้ GCS = 12 อาจหมายถึง ผปู้ ่ วย
ลืมตาไดเ้ อง(E4) พูดเป็ นคาํ ๆ (V3) และทราบตาํ แหน่งทBีไดร้ ับการกระตุน้ หรือปัดสBิงกระตุน้ ถูกตาํ แหน่ง
(M5) หรือ GCS = 12 อาจหมายถึงผปู้ ่ วยลืมตาเมBือเรียก (E3) พดู เป็นคาํ ๆ (V3) และทาํ ตามคาํ สงัB ได้ (M6) เป็น
ตน้ ผลรวมของคะแนน GCS หรือ GCS score จะช่วยในการจาํ แนกระดบั ความรุนแรงของการบาดเจ็บ เป็ น
ประโยชน์สาํ หรับงานวิจยั การตรวจสอบขอ้ มูล (audit) การพยากรณ์โรคและการรวบรวมขอ้ มูลทBีตอ้ งการ
ขอ้ มูลดิจิตอลและการจดั กลุ่มขอ้ มูลทางคลินิก
4.1 การจาํ แนกระดบั ความรุนแรงของการบาดเจบ็
สําหรับการจาํ แนกระดบั ความรุนแรงของการบาดเจ็บค่าคะแนนรวมของพฤติกรรมทFงั 3 ดา้ น มีระดบั
คะแนนตFงั แต่ 3-15 คะแนน คะแนน ซBึงสามารถจาํ แนกระดบั ความรุนแรงของการบาดเจบ็ (severity of head
injury) ออกเป็น 3 ระดบั คือ
4.1.1. บาดเจบ็ ทีBศีรษะระดบั เลก็ นอ้ ย (Mild head injury) มีค่าคะแนนตFงั แต่ 13-15 คะแนน
4.1.2. บาดเจบ็ ทีBศีรษะระดบั ปานกลาง (Moderate head injury) มีค่าคะแนนอยรู่ ะหวา่ ง 9-12 คะแนน
4.1.3. บาดเจบ็ ทBีศีรษะระดบั รุนแรง (Severe headinjury) มีค่าคะแนนตBาํ กวา่ หรือเท่ากบั 8 คะแนน
สาํ หรับผปู้ ่ วยทBีมีองคป์ ระกอบดา้ นใดดา้ นหนBึงไม่สามารถประเมินได้ (NT) จะไม่นาํ มาคาํ นวณคะแนน GCS
score เพราะผลรวมคะแนนตามทBีประเมิน อาจสืBอความหมายทีBคลาดเคลBือนได้ หรือกรณีทีBพบวา่ ผปู้ ่ วยมีค่า
12
คะแนน E1V1M6, GCS Score = 8 ต้องนํากลบั มาพิจารณา เพราะอาจมีการลาํ ดับคะแนนคลาดเคลืBอน
เนBืองจากผูป้ ่ วยสามารถทาํ ตามคาํ สBังได(้ M6) จึงไม่น่าจะอยใู่ นกลุ่มบาดเจ็บทBีศีรษะระดบั รุนแรง หากผูท้ าํ
การประเมินสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมการตอบสนองนFัน จะจดั อยู่ในลาํ ดบั คะแนนใดหรือลาํ ดบั
คะแนนทีBให้ถูกตอ้ งหรือไม่ ควรสอบถามความเห็นหรือมีการประเมินซFําจากพยาบาลร่วมทีมหรือทีม
สุขภาพคนอBืนๆ เพืBอยนื ยนั ค่าคะแนนทBีเชBือถือไดอ้ ีกทางหนBึง
ข้อควรจาํ
การประเมิน GCS ตอ้ งทาํ หลงั จาก resuscitate แลว้ เท่านFนั (post-resuscitation GCS) จึงจะเป็น คะแนนทBี
ถูกตอ้ งและถือเป็น standard
ภาวะทีBทาํ ใหป้ ระเมิน GCS ผดิ
1. Hypotension (shock) ***
2. Hypothermia
3. Hypoxemia
4. Drunken (blood alcohol >100 mg%)
5. Under sedation
13
เอกสารอา้ งอิง
นภาภรณ์ กวางทอง. (2560). ขอ้ ควรระวงั ในการประเมินกลาสโกวโ์ คมาสกอร์ สาํ หรับผทู้ Bีไดร้ ับบาดเจบ็ .
ศีรษะ Caution in Assessing Glasgow Coma Score for Head Injury. วารสารเกือJ การุณย์, 24(2),
195-199. สืบคน้ จากhttps://he01.tcithaijo.org/index.php/kcn/article/download/109218/86974/.
นลินี พสุภศั ,สายสมร บริสุทธeิ และ วนั เพญ็ ภิญโญภาสกลุ . (2559). แนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยโรคหลอด
เลือดสมอง สําหรับพยาบาลทว)ั ไป. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส.
สมศกั ดeิ เทียมเก่า. (2012). มาตรกลาสโกวโคม่า (Glasgow Coma Scale: GCS). สืบคน้ จากhttp://haamor.
com/th/.
โสพรรณ โพทะยะ. (2561). กลาสโกว์ โคมา สเกล. The Glasgow coma scale. วารสารทหารบก, (19)1,
30-37. สืบคน้ จาก https://he01.tcithaijo.org/index.php/JRTAN/article/download/121904/92864/.
อรพรรณ แกว้ สวย, อรพรรณ แกว้ สวย, และ ศุภร วงศว์ ทญั ญ. (2560). การศึกษาความตรงและความเทยี) ง
ของเครื)องมือวดั การรับรู้สตขิ องผู้ป่ วยระบบประสาทและสมอง (โฟร์สกอร์)โดยพยาบาลหอผปู้ ่ วย
วกิ ฤต. สืบคน้ จาก https://med.mahidol.ac.th/nursing/jns/DocumentLink/D_133720.pdf/.
Sir Graham Teasdale. (2564). The glasgow structered approachto Assesment of the Glasgow coma
scale. สืบคน้ จาก https://www.glasgowcomascale.org/.
คู่มือการประเมินกลาสโกว์โคม่าสกอร์
(Glasgow Coma Score: GCS)
ในห้องผู้ป่วยหนักรวม